ความคิดเห็นที่ 1 อย่าคิดมากเกินไปเลยครับ ปล.ยาคูลต์ไม่ต้องโฆษณาก้อขายออกครับ จากคุณ : เบอเกอร์ไก่ - [ 13 ก.ย. 51 21:43:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนนี้ คงกลายพันธุ์ไม่ได้แล้วมังครับ  เพราะโตจนร่างกายหยุดโตแล้วและในร่างกายเรา อาจไม่ใช่พันธุกรรม ที่ทางจุนลินทรีย์ต้องการ ดังนั้น มันจะส่งผ่านเชื้อไปในขั้นตอนของการขยายพันธุ์รุ่นลูก    ระวังไว้ให้ดี  .. แหะ แหะ จากคุณ : สามทับหนึ่ง - [ 13 ก.ย. 51 21:56:20 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กลายเป็นอะไรอ่ะ  กลายเป็น แลคโตบาซิลัสเหรอ อิอิ จากคุณ : Toon16 - [ 13 ก.ย. 51 22:00:17 ]

ความคิดเห็นที่ 4 5555 ตลกมาก เข้าใจเล่นนะ ผมไม่รู้หรอกนะ แต่ที่แน่ๆ กินมากท้องเสีย และคุณก็ไม่กลายพันธุ์ด้วย ตอบคำถามนอกเรื่องนิด กินแล้วเหมือนจะฟิตปั๋งขึ้นนะครับ อันนี้ไปลองกันเอง >> เป็นความเชื่อนะ ไม่จริงหรอก ว่าแต่คุณกินรสอะไรเหรอ ไม่เห็นบอกมาเลย ผมว่าบีทาเก้นมีหลายรสมากๆ ทำไมยาคูลท์ถึงมีแค่รสเดียวละครับ แล้วแบบนี้จะแข่งขันกันใน ตลาดได้รึครับ ? ยาคูลท์ของญี่ปุ่นใช่ไหมครับ ? แล้วบีทาเก้นล่ะ ? >> ขอตอบรวมแล้วกัน แบบไล่ข้อไม่ตรงกัน ยาคูลท์เป็นของไทยครับ และเป็นเจ้าแรกของไทยด้วย มีมานานหลายสิบปีแล้ว การจัดจำหน่ายโดยการใช้สาวยาคูลท์ ขี่จักรยานส่งตามบ้าน เพราะสมัยก่อนไม่มีห้างค้าปลีกที่ทันสมัย หรือ 7/11 มีแต่ร้านขายของชำเล็กๆ ดังนั้น การให้สาวๆ ขี่จักรยานไปส่งตามบ้าน จึงเข้าถึงผู้บริโภคได้ดีที่สุด (ในสมัยนั้น) และมีแค่รสเีดียวเท่านั้น เนื่องจากไม่มีคู่แข่ง เลยไม่จำเป็นต้องออกรสอะไรใหม่ๆ มา และคนก็ติดรสดั้งเดิมนี้อยู่แล้ว บีทาเก้นท์เป็นของไทยเช่นกันครับ เขาเล็งเห็นว่า ตลาดนมเปรี้ยวนี้ มีมูลค่ามหาศาล แต่มีแค่ ยาคูลท์เพียงเจ้าเดียวเอง ดังนั้น จึงขอกระโดดลงมาเล่นบ้าง แต่จะสู้เจ้าดั้งเดิม ที่มีสมาชิกเหนียวแน่นได้อย่างไร ก็ต้องออกมันมาหลายๆ รส เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น และหาทางวางสินค้าที่ง่ายต่อการซื้อหา ก็เลยไปอยู่ 7/11 ซึ่ง ยาคูลท์เองทำไม่ได้ เพราะต้องรับผิดชอบต่อ พนักงานสาวๆ ที่ขี่จักรยานส่ง อาจมีหลายพันคนก็ได้ และบางคนทำมาตั้งแต่สาวรุ่นจนเป็นยายไปแล้ว ส่วนผลการต่อสู้เป็นอย่างไร ใครครองตลาดนมเปรี้ยวเป็นอันดับ 1 ไม่ทราบเหมือนกันครับ ปล. อยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้ ถามสาวยาคูลท์นะ ฮิๆๆๆๆ (เป็นสโลแกนของเขาหนะ) จากคุณ : ผู้เฒ่าไม่ยอมแก่ - [ 13 ก.ย. 51 22:01:13 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ต้องไปถามสาวยาคู้ก่องนะ จากคุณ : chinjungza - [ 13 ก.ย. 51 22:02:11 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ้า.. จริงหรือเนี่ย คุณ LAST VODKA ผมนึกว่าเขาซื้อสูตร หรือลิขสิทธิ์จากญี่ปุ่นมาซะอีก ไม่คิดว่า เขาจะอยู่ในฐานะผู้ขายส่งเลยนะเนี่ย ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลนะครับ จากคุณ : ผู้เฒ่าไม่ยอมแก่ - [ 13 ก.ย. 51 22:12:22 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อ้อ เข้าใจแล้วครับ ไม่ได้เป็นเจ้าของสูตร เช่นเดียวกับพวกโค้ก เป็ปซี่ ขอบคุณอีกครั้งครับ จากคุณ : ผู้เฒ่าไม่ยอมแก่ - [ 13 ก.ย. 51 22:20:04 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมเหมือนเคยอ่านการ์ตูน 'ชีวิตเจ้าพ่อ' ครับ เป็นเรื่องของผู้คิดค้นยาคูลท์โดยเฉพาะ ไม่น่าเชื่อนะครับ จบหมอมาขายยาคูลท์ lol ลองไปหาดูนะครับ ผมก็จำไม่ได้แล้วว่าอ่านที่ไหนมา -*- แต่แรกๆแพกเก็จไม่ได้สวยแบบนี้ครับ เพราะมันเริ่มขายประมาณยุคสงครามโลกครั้งที่2 จากคุณ : heynong1 - [ 13 ก.ย. 51 22:45:45 ]

ความคิดเห็นที่ 12 รู้แต่ว่า นมเปรี้ยว ผมไม่กินยี่ห้ออื่นเลย นอกจากยาคูลย์ จากคุณ : Vkvs09 - [ 13 ก.ย. 51 22:51:00 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จำได้ขึ้นใจเลยคะ  ถามสาวยาคูลย์ดูซิคะ  ตั้งแต่เด็กเลย จากคุณ : คุณป้าหางดง - [ 13 ก.ย. 51 23:10:15 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมว่าอาจโดนเบาหวานรับประทานก่อนกลายพันธุ์นะ เพราะเครื่องดื่มแนวๆนี้จะมีน้ำตาลสูงมาก (เอื้อต่อการดำรงชีวิตของแลคโตบาสซิลลัส) เพลาๆหน่อยก็ดีครับ  กินผลไม้สดแทนก็คงครือกัน ^^ จากคุณ : ScaperS - [ 13 ก.ย. 51 23:46:05 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ทำไมถึงคิดว่าเจ้าแบคทีเรียตัวนี้จะทำให้เกิดการกลายพันธุ์ได้ล่ะคะ เป็นความคิดที่แปลกดี เท่าที่ได้ยินมาเห็นมีแต่บอกว่าช่วยระบายได้ เพราะงั้นถ้ากินมากๆก็คงจะท้องเสีย คุณจขทเล่นกนซะวันละหกขวด ไม่เป็นอะไรบ้างเหรอคะ แล้วสารพัดทฤษฎีที่ว่ามานี่ไปหามาจากไหนเหรอคะ แปลกๆดีทั้งนั้นเลย ปล.ไม่นิยมบีทาเกน ส่วนยาคูลท์นิยมมากแต่ก็หากินไม่ค่อยจะได้ ก็เลยกินแต่ดัชมิลแทน จากคุณ : rainbow092 - [ 14 ก.ย. 51 00:03:19 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คอนเฟิร์มด้วยคน เป็นของญี่ปุ่น แต่ไม่ว่าอะไร กินมากไป ท้องเสียง่ะ ไม่แน่นะ กินไปนานๆ อาจกลายพันธ์ ทำให้ท้องไม่เสียอีกต่อไป 555+ จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 14 ก.ย. 51 00:04:43 ]

ความคิดเห็นที่ 17 กินมากแลคโตบาซิลัสจะระเบิดตู้ม แล้วกลายเป็นขะขะขะขี้ จากคุณ : Can't smile without you - [ 14 ก.ย. 51 00:29:47 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แลคโทบาซิลัสในยาคูลต์เป็นพวก probiotic นะคะ ค่อนข้างมีประโยชน์ เช่น ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่, ลดพวกคอเลสเทอรอล, ป้องการการติดเชื้อในช่องท้อง ฯลฯ แต่จะเป็นอันตรายกับคนที่เป็นโรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน และแลกโทบาซิลัส ทำให้เกิดฟันผุได้ (dental caries or tooth decay) เพราะฉะนั้นต้องล้างปาก และแปรงฟันหลังดื่มเพื่อลดการสะสม นอกนั้น.. ถ้ามีอาการอะไรแปลก ๆ ก็มาเล่าด้วยนะคะ อิอิ.. จากคุณ : คิมมี่ (*CriMy*) - [ 14 ก.ย. 51 03:31:15 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 51 06:01:14 จากคุณ : เจไดหนุ่ม - [ 14 ก.ย. 51 06:00:58 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เจไดหนุ่มไปหาข็อมูลมาให้คุณจขกท.ลองอ่านดูครับ ^_^ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม - [ 14 ก.ย. 51 06:01:38 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ต่อครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม - [ 14 ก.ย. 51 06:03:37 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอขอบคุณเครดิตข้อมูลแลรูปภาพดีๆจากเว็บไซต์ "neomercy" มา ณ ที่นี้ด้วยครับ   ...ขอบคุณครับ ^_^... (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 51 06:09:01 จากคุณ : เจไดหนุ่ม - [ 14 ก.ย. 51 06:08:06 ]

ความคิดเห็นที่ 24 จากความรู้ที่เคยเรียนมานานมากแล้ว   แบคทีเรียที่ดีในโยเกิร์ต ได้แก่ แลคโตบาซิลัส เอซิโดฟิลลัส( Lactobacillus acidophillus) แลคโตบาซิลัส บัลการิคัส ( Lactobacillus bulgaricus)  (ขอแก้ชื่อจากเจไดหนุ่มนิดนึง)และ สเตรปโตคอคคัส เทอร์โมฟิลลัส ( Streptococcus thermophillus) ทั้ง บีทาเก้น และยาคูล ใช้ เชื้อแบคทีเรียจุลินทรีย์ชนิดเดียวกัน คือ lactobacillus bulgaricus แต่คนละสปีชีส์ กัน  ซึ่งก็อย่างที่เจไดหนุ่มบอกไว้ว่า มันเป็นแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ก็คือช่วยย่อยอาหารนั้นเอง ไม่กินก็ไม่เป็นไร  ในลำไส้ของเราก็มีอยู่แล้ว โยเกิร์ต นมเปรี้ยวที่คนไทยรู้จักในรูปแบบต่างๆ อาจจะไม่ใช่นมเปรี้ยวที่เรากำลังจะกล่าวถึงเพราะ โยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวที่ดีจะต้องมีแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตอยู่ จุดประสงค์ของการรับประทานนมเปรี้ยวที่ถูกต้องคือ การรับประทานแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตจำนวนมาก(ประมาณ หมื่นล้านต้วต่อกรัม)เพื่อหวังผลต่อสุขภาพ ส่วนนมเปรี้ยวที่เราหาซื้อกันในท้องตลาดทำขึ้นโดยมีการปรุงแต่งรสชาติให้อร่อย บางชนิดไม่สมควรเรียกว่าโยเกิร์ตเสียด้วยซ้ำเพราะนำไปพาสเจอร์ไรซ์(ฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิสูง)และนำมาบรรจุกล่อง ที่จริงน่าจะเรียกว่าซากโยเกิร์ต บางชนิดก็มีการใส่น้ำตาลมากจนน่าสงสัยว่าท่านจะได้ประโยชน์ได้เต็มที่หรือไม่ บางชนิดก็มีการเจือจางจนปริมาณแบคทีเรียเหลืออยู่น้อยมาก แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 51 09:08:57 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 51 09:07:59 จากคุณ : mr.wisdom - [ 14 ก.ย. 51 09:02:31 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เชื้อ lactobacillus เป็นจุลชีพที่ไม่ทำให้เกิดโรคต่อคน และเป็นจุลชีพที่แข็งแรงมาก เป็นจอมมาเฟีย จะไปฆ่าจุลชีพชนิดอื่นที่ทำให้เกิดโรค เพราะฉะนั้นเมื่อกินเข้าไปจะไปเพิ่ม normal flora ที่อยู่ในทางเดินอาหาร ช่วยกำจัดเชื้อที่ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ในทางเดินอาหารได้ ก่อนที่จะมีตู้เย็นใช้ การทำโยเกิร์ตเป็นวิธีการของคนโบราณที่จะรักษานมไว้โดยอาศัยเชื้อนักเลงโต แลคโตบาซิลัสช่วยกำจัดเชื้ออื่นที่เป็นพิษเป็นภัย เชื้อ lactobacillus กินเชื้อราเป็นอาหาร ผิวหนังของคนตามปกติจะมีเชื้อชนิดนี้อยู่ ทำหน้าที่ช่วยกำจัดเชื้อราตามธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อวัยวะเพศของสตรีซึ่งชื้นแฉะ อุณหภูมิเหมาะสำหรับหรับการเจริญของเชื้อรา จะมีเชื้อ lactobacillus อยู่ตามธรรมชาติ คอยกินเชื้อราเพื่อความสมดุล แต่ถ้าคุณผู้หญิงเกิดเป็นหวัดมีอาการอักเสบเพราะแบคทีเรียที่ในลำคอ หมออาจให้กินยาพวกปฏิชีวนะ ยาปฏิชีวนะ จะไปฆ่าเชื้อ lactobacillus ที่เป็นยามรักษาการตรงจุดยุทธศาสตร์ด้วย เชื้อราซึ่งเป็นผู้ก่อการร้ายก็จะฮึกหิมเจริญมากขึ้น ทำให้มีอาการคัน หรือตกขาวได้ คุณสุภาพสตรีถ้าไม่ทราบเรื่องนี้อาจไปโทษคุณผู้ชาย หาว่าไปเที่ยวซุกซน ทำให้มีเรื่องระหองระแหงกันได้ในครอบครัว" แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 51 09:10:48 จากคุณ : mr.wisdom - [ 14 ก.ย. 51 09:10:13 ]

ความคิดเห็นที่ 26 การรับประทานโยเกิร์ตช่วยทำให้ร่างกายได้สารอาหารที่มีอยู่ในนมเต็มที่ โดยไม่มีอาการท้องเสีย ท้องอืด เหมือนกับการดื่มนม เนื่องจากน้ำตาลแลคโตสถูกเปลี่ยนเป็น กรดแลคติค โปรตีนก็ถูกย่อยเป็นกรดอะมิโน ร่างกายก็สามารถนำไปใช้ได้ทันที การรับประทานโยเกิร์ตช่วยทำให้ร่างกายได้สารอาหารที่มีอยู่ในนมเต็มที่ โดยไม่มีอาการท้องเสีย ท้องอืด เหมือนกับการดื่มนม เนื่องจากน้ำตาลแลคโตสถูกเปลี่ยนเป็น กรดแลคติค โปรตีนก็ถูกย่อยเป็นกรดอะมิโน ร่างกายก็สามารถนำไปใช้ได้ทันที ในโยเกิร์ตมีแร่ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสในปริมาณสูง กรดแลคติคช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุทั้งสองและทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี นอกจากนี้ เชื้อจุลินทรีย์ใน โยเกิร์ตสามารถอยู่ในระบบทางเดินอาหาร จึงช่วยป้องกันการติดเชื้อในทางเดินอาหารได้ ดูท่าจะวิชาการเกินไปป่าวครับ สรุปประเด็น กินโยเกริต์ ธรรมดา จะได้ประโยชน์มากกว่ากินนมเปรี้ยวครับ ^^ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 51 09:13:48 จากคุณ : mr.wisdom - [ 14 ก.ย. 51 09:11:00 ]

ความคิดเห็นที่ 27 วันละหกขวดนี่ท้องม่ายเสียเหรอ จากคุณ : HunterCotarot - [ 14 ก.ย. 51 10:13:38 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ประโยชน์เขาเอาให้ไว้สำหรับคนที่ทานนมปกติไม่ได้ครับ ทานนมแล้ท้องอืดย่อยยาก ก็เลยมียาคูลย์เกิดขึ้น จากคุณ : veenews2004 - [ 14 ก.ย. 51 12:45:50 ]

ความคิดเห็นที่ 29 กินแล้วรู้สึกว่า ยาคูลท์ อร่อยกว่า บีทาเก้น จากคุณ : pytoday - [ 14 ก.ย. 51 16:14:31 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โอ้ว ขอบคุณมากๆ เลยครับที่ให้ข้อมูลกัยมากมาย โดยเฉพาะคุณ เจไดหนุ่ม กับ mr.wisdom กิน 6ขวด อาจอันตรายได้ ตั้งแต่กินมายังไม่เคยท้องเสียครับ ... บีทาเก้นมีขวดยักษ์ด้วยนะครับ เกือบลิตรเลย ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาตอบครับ ปล.กินแล้วฟิตปั๋งจริงๆนะหรือผมคึกไปเองไม่รู้ จากคุณ : จขกท. - [ 14 ก.ย. 51 17:54:12 A:118.173.62.32 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมกิน บีทาเก้า ขวดละ 180 ml. ตอนเย็นวันละขวดอ่าครับ มากกว่าตั้ง 100 ml. จะเป็นไรเปล่าครับ จากคุณ : Dont Be Serious - [ 14 ก.ย. 51 22:07:07 ]

ความคิดเห็นที่ 32 รู้แต่ว่า สาวยาคูลท์ ไม่ค่อยจะสาวแล้ว....(สงสัยขายมาตั้งแต่สาวๆจนแก่) ปล.ขายยาคูลท์ ได้ประมาณเดือนละ 2 หมื่นบาท .... จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 15 ก.ย. 51 09:38:49 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ความรู้ทั้งนั้นเลยแหะ จากคุณ : vn, man - [ 15 ก.ย. 51 09:40:56 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เคยอ่านมาเหมือน คคห. 11 ครับ สาวยาคูลเค้าให้มาครับ เป็นหนังสืการ์ตูนเล่าเกี่ยวกับประวัติของ ดร. (จำชื่อไมได้) ผู้คิดค้นยาคูลอะครับ จากคุณ : ninji - [ 15 ก.ย. 51 16:06:34 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผมกินวันละ 2 ขวด (ยาคูลท์) อร่อยดี จากคุณ : I Believe inTrue LoVe - [ 15 ก.ย. 51 16:37:45 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เดี่ยวซื้อมากินดีกว่า อ่านไปอ่านมาอยากกินและ จากคุณ : . (Antornz) - [ 15 ก.ย. 51 17:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 37 To Rep.34 ดร.มิโนรุ ชิโรตะ (Dr.Minoru Shirota) ค่ะ สายพันธุ์ที่ใช้คือ Lactobacillus casei สายพันธุ์ Shirota ค่ะ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ค้นพบโดย ดร.ชิโรตะ เอง ไม่ใช่ Lactobacilus bulgaricus ปริมาณเชื้อใน 1 ขวด ถ้าเป็นปริมาณมาตรฐานคือ 8000 ล้านเซล/ขวด แต่ในประเทศญี่ปุ่นเองจะมียาคูลท์ที่มีปริมาณเชื้อเป็น 3X และ 4X ของของปริมาณปกติให้เลือกบริโภค และรสชาตดีกว่าที่ผลิตจำหน่ายในเมืองไทยมาก (ของเมืองไทยมันหวานไป แถมมีรสเฝื่อนด้วย เพราะส่วนผสมในการหมักมีน้ำชาอยู่ด้วย กินแล้วลองสังเกตุรสดูนะคะ) ทำไมต้อง 3X และ 4X ? เพราะเมื่อเรากินเจ้า 8000 ล้านเซลล์ ลงไปและผ่านกระเพาะซึ่งมีกรดเข้มข้น และผ่านลำใส้ที่มีด่างแก่ เจ้า 8000 ล้านเซลล์นั้น จะเด๊ดซะมอเร่ และหลงเหลือไปจนถึงลำใส้ใหญ่ซักประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณเริ่มต้นเท่านั้นเอง 10 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือถ้าโชคดีก็จะสามารถครอบครองพื้นที่ (บางส่วน ถ้าเจ้าบ้านเขาไม่เห็นว่าเป็นศัตรูนะคะ และก็ถ้าเขาสามารถทนเกลือน้ำดีได้ เนื่องจากเขาเป็นแบคทีเรียแกรมบวกที่ถูกยับยั้งการเจริญได้โดยเกลือน้ำดี) และเจริญที่ลำไส้ใหญ่ แบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้ การที่จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้อาหารการกินของเขาก็ต้องเหมาะสมด้วย ดังนั้น 3X หรือ 4X จึงดีกว่าเพราะเหลือจำนวนที่จะสามารถอยู่รอดได้ที่ลำไส้ใหญ่มากกว่า.....เห็น ๆ . . เหตุผลที่ทำไมยาคูลท์ ทำแขนาด 80 มล. และใช้บรรจุภัณฑ์เดิม ๆ ตลอด ก็เพราะภาพพจน์ของ brand นั่นเอง ...... เมื่อมันติดตลาด ติดตาต้องใจ ผู้บริโภคแล้วไซร้ ใยจึงต้องทำอะไรให้เสียเงินเพิ่มด้วยเล่า . อ้อ..ขอเพิ่มเติม ต้นเชื้อส่งตรงจากแล็ปที่ญี่ปุ่นเท่านั้นค่ะ (เชื้อที่ใช้ผ่านการ ดัดแปลงพันธุกรรมเรียบร้อย) แล็ปที่เมืองไทยมีหน้าที่แค่ต่อเชื้อ เพิ่มจำนวนเพื่อใช้เป็นกล้าเชื้อในการหมัก เท่านั้น  สำหรับต้นเชื้อถ้าเปิด ampule แล้ว จะสามารถใช้หมักนมเปรี้ยวได้ตามจำนวน batch ที่ทางญี่ปุ่น ระบุมาให้ เท่านั้น(อาจหมักได้น้อย batch กว่า เนื่องจากมีคุณสมบัติในการเจริญ และผลิตกรดแล็คติก ได้น้อยลง) เนื่องจากเขาต้องควบคุมจำนวน (8000 ล้านเซลล์นั่นแหละ) และปริมาณของกรดแล็กติกที่มีอยู่ในขวด . ดังนั้นอยากจะกิน 2 ขวด 3 ขวด ต่อวันก็จงกินไปเถิดค่ะ และขอให้กินอย่าง สม่ำเสมอเพื่อรักษาระดับของเชื้อที่อยู่ในลำไส้ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะเขาเป็นเชื้อที่ดี ทำหน้าที่ผลิต bacteriocin ช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่ ก่อโรคในระบบทางเดินอาหารและลำไส้  ผลิตกรดแล็คติกซึ่งช่วยปรับ สภาพความเป็นกรดของช่องคลอดให้เหมาะสม ทำให้เจ้าตัวร้าย Candida albican ไม่สามารถเจริญได้ ถ้าสนใจมากกว่านี้เกี่ยวกับแบคทีเรียในจีนัส Lactobacillus ลองใช้คำค้น Lactobacillus probiotics ดูนะคะ อากู๋...ตอบเราได้เสมอ บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น...Yakult Hosha Co., Ltd. ไม่ได้ผลิตแค่นมเปรี้ยวนะคะ แต่ผลิตยาด้วย บริษัทที่ผลิตยาคือ Yakult Phamarceutical Ind. Co., Ltd. ปัจจุบันยาคูลท์ มีทั้งบริษัท และโรงงานผลิตในประเทศเวียดนาม (คู่แข่งทาง เศรษฐกิจของไทย) ด้วยนะคะ ในชื่อ Yakult Vietnam Co., Ltd. เริ่มการผลิตเต็มที่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี่เอง.... ไม่แน่ ในอนาคต ยาคูลท์จากเวียดนามอาจจะมาตีตลาดเมืองไทยก็ได้ ใครจะไปรู้ นอกจากผลิตนมเปรี้ยวจาก  Lactobacillus แล้ว ยาคูลท์ยังผลิตนมเปรี้ยว โดยใช้แบคทีเรีย Bifidobacteria ด้วยนะคะ แต่ไอ้ที่ตอบ ๆ มาทั้งหมดนี่ ตอบในฐานะนักจุลชีววิทยา และมีคุณหลาน ที่เป็นอดีตพนักงานต้มชาและนับจำนวนเชื้อในนมเปรี้ยวของบริษัทยาคูลท์ (ใช้งานนักจุลชีววิทยาไม่เต็มประสิทธิภาพเลย...ให้ตายเถอะ) โอย....คิดถึงรสชาติยาคูลท์แบบญี่ปุ่นจริง ๆ หนอ จากคุณ : MissMicrobe (MissMicrobe) - [ 15 ก.ย. 51 22:21:48 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ข้อมูลแน่นจริงๆ ครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : จขกท. - [ 16 ก.ย. 51 00:49:23 A:118.173.63.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านการ์ตูนเรื่อง กว่าจะมาเป็นของชื่อดังในญี่ปุ่นดูสิคะ มีขายตามร้านหนังสือทั่วไป B2S ด้วย มียาคูลท์อยู่ในนั้นด้วย เป็นหนังสือที่ดีมาก นอกจากยาคูลท์แล้วยังมีหลายผลิตภัณท์ว่า เค้าคิดกันได้ยังไง แล้วทำไมต้องมีการ Design แบบนั้น อ่านง่ายและสนุกอีกตั้งหาก (ฮ่วย กลายมาเป็นเชียร์หนังสือซะนี่) คืออ่านแล้ว คุณหมอที่เค้าคิดยาคูลท์ เค้าตั้งใจช่วยเหลือคนจากโรคบิด เลยเพาะเชื่อมา อ่านแล้วไม่อยากกินบีทาเก้นเลย รู้สึกเอาเปรียบคุณหมอที่ต้องการช่วยคน  แถมบีทาเก้นมีไซส์ใหญ่ด้วย ยาคูลท์ไซส์เล็กนิดเดียวเพราะเปริมาณจุลินทรีย์แค่นั้นพอเหมาะแล้วT_T จากคุณ : ยัยตัวน่ารัก - [ 21 ก.ย. 51 21:31:10 ]