ความคิดเห็นที่ 21
เสียดายที่ไม่ได้ร่วมแจมกระทู้นี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่เห็นจริงๆ ครับจนกระทั่งวันนี้ คิดอยู่เหมือนกันว่า น่าจะคุยเรื่องหนังสือบ้าง หลังจากคุยเรื่องหนังกันไปแล้ว พอเห็นกระทู้นี้ ก็ต้องเดินไปที่ตู้หนังสือ ซึ่งยังจัดไม่เสร็จสักที เพราะยังมีหนังสือค้างที่บ้านเก่าอยู่ไม่น้อย ขอพูดถึงหลายเล่มหน่อยนะครับ เพราะถ้าให้เลือกแค่ 5 เล่ม ต้องมีบางเล่มน้อยใจแน่ๆ เลย
Science-Fiction
- อันดับหนึ่งต้องยกให้งานทุกชิ้นของ Isaac Asimov ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Foundation ทั้งเซ็ตเลย (2nd Foundation Series ที่ The "Killer Bs" (Brin, Bear, Benford) ช่วยกันแต่งหลังอาซิมอฟจากไปแล้ว ผมมีแค่ Foundation Triumph เล่มเดียว ยังมองหาอีกสองเล่มทุกครั้งที่ไปร้านหนังสือครับ) และอีกเรื่องที่ประทับใจเป็นพิเศษคือ "The End of Eternity" ครับ เล่มไม่หนาแต่ประทับใจจริงๆ
- อันดับสองต้องยกให้งานของ Michael Crichton ซึ่งผมชอบตั้งแต่ที่ได้อ่าน "Andromeda Strain" ครับ และก็ตามอ่านมาเรื่อย (The Terminal Man, Jurassic Park, Congo, Sphere, Prey, State of Fear, Next, ...) เป็นงานที่ล้ำหน้า ยุคที่หนังสือออกอยู่ประมาณหนึ่งก้าวทุกครั้งไป นับถือพี่แกจริงๆ ครับ
- "Pastwatch (The Redemtion of Christopher Columbus)" ผมเคยอ่าน "Ender's Game" เหมือนกัน แต่ประทับใจงานชิ้นนี้ของ Orson Scott Card มากกว่า สำนวนที่ใช้ทำให้อ่านสบายๆ กว่าใน Ender's Game และพล็อตเรื่องชวนติดตาม อ่านแล้ววางไม่ลงเลย
- "The Salmon of Doubt" ของ Douglas Adams ผมชอบตลกกวนๆ แบบใน "The Hitchhiker's Guide to the Galaxy" และงานอื่นๆ ของแก แต่ชอบเล่มนี้เป็นพิเศษ เพราะมันไม่ใช่นิยายที่แกแต่ง แต่เป็นการรวมโน้ต และเรื่องสั้น หลังจากที่แกเสียชีวิตลง มันจึงให้ความรู้สึกเหมือนคำของพี่ชายที่ฝากไว้ให้น้องๆ ทึ่ง ในความคิดอันไม่ธรรมดาของนักเขียนผู้นี้ครับ สมกับคำโปรยที่ว่า Hitchhiking the galaxy one last time มากครับ
- สุดท้ายผมชั่งใจไม่ตกว่าจะแนะนำงานของ Arthur C. Clark หรือนักเขียนรุ่นใหม่ดี (น่าอ่านไม่แพ้กัน) สุดท้ายเลือก "Decipher" ของ Stel Pavlou ครับ คำโปรย "Mankind had 12,000 years to decipher the message. We have one week left..." แม้ตอบจบอาจแผ่วไปนิด แต่พล็อตและการเดินเรื่อง น่าอ่านตลอดทั้งเล่มครับ
Non-Fiction
- "A Short History of Nearly Everything" โดย Bill Bryson ถ้าให้เลือกแค่เล่มเดียว ผมจะแนะนำเล่มนี้แหละ เพราะมัน nearly everything สมชื่อจริงๆ ครับ ใช้คำไม่ยาก ทำให้อ่านง่าย และน่าอ่านตลอดทั้งเล่มครับ
- "Life An Unauthorised Biography" ของ Richard Fortey เป็นหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับชีววิทยา ที่ผมอ่านแล้วไม่รู้สึกเบื่อเป็นเล่มแรก ที่จริงผมชอบเล่มนี้ที่สุดด้วยซ้ำ ติดว่าเล่มนี้เน้นเฉพาะเรื่องสิ่งมีชีวิตเท่านั้น ไม่งั้นอันดับหนึ่งแน่ๆ
- "The Blind Watchmaker" ของ Richard Dawkins เป็นงานเขียนที่เสนอแนวคิดที่สนับสนุนทฤษฎีของดาร์วิน ชนิดที่ฝ่านค้าน ค้านได้ยากจริงๆ นับถือวิธีที่ Dawkins นำเสนอความคิด และโต้แย้งความคิดของอีกฝ่ายอย่างใจเย็นมากๆ ครับ
- "A Brief History of Time" ของ Stephen Hawking ถ้าพูดถึงฟิสิกส์แล้วจะขาด Hawking ไปคงไม่ได้ครับ นอกจากความเก่งแล้ว ผมยังนับถือการต่อสู้กับอุปสรรคทางร่างกายของแกด้วย น่านับถือมากครับ
- มีอีกสองสามเล่ม จัดอันดับยากอยู่ แต่สุดท้ายจัดได้อย่างนี้ "Moon Hunters" โดย Jeffrey Kluger - เบื้องหลังการทำงานของ JPL และ NASA ในการส่งยานไปดวงจันทร์ต่างๆ ในสุริยจักรวาลของเรา "The Tipping Point" งานเชิงสังคมวิทยาที่อธิบายแนวคิดว่า "จุดเปลี่ยน" ในสังคมเกิดได้ยังไง "Guns, Germs and Steel" เสนอแนวคิดที่น่าสนใจ ว่าทำไมฝรั่งถึงได้ก้าวหน้ากว่าเรามาก
เนื่องจากผมชอบคณิตศาสตร์มาก ก็เลยขอแนะนำหนังสือแนวนี้เป็นพิเศษอีกสองเล่มครับ
- "Mathematics Recovered (for the Natural and Medical Science)" ของ Dennis Rosen ถึงชื่อจะเฉพาะ medical science แต่เปิดอ่านแล้วผมว่าใครก็ตามที่จบมานานแล้ว และจำเป็นต้องสอนคณิตศาสตร์ให้ลูกๆ หลานๆ ควรหามาไว้ครับ เพราะภายใน 277 หน้าเท่านั้น คุณจะได้เนื้อหาที่ครอบคลุม ม.ต้น ม.ปลาย และมหาวิทยาลัยเลย เขียนกระชับ อ่านง่าย มีแบบฝึกหัดด้วยครับ
- "Fooled By Randomness" โดย นาซิม นิโคลัส ทาเล็บ เล่มนี้ผมอ่านที่แปลเป็นไทย ใช้ชื่อว่า "เก่งเทียมฟ้า หรือว่าโชค" แปลโดย กิตติรัตน์ พรหมรัตน์ ตอนแรกที่เห็น จะไม่ซื้อแล้ว เพราะหนังสืออะไร อวดเก่งจริงๆ แต่พอพลิกดูจึงพบว่าคิดผิดไปถนัด เป็นหนังสือที่สอนให้รู้ว่า เราควรระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการสรุปหรือตีความอะไรสักอย่างครับ
ในตู้หนังสือ ยังมีหนังสือที่ผมคิดว่ามีคุณค่าเป็นพิเศษอีกหลายเล่ม ถึงจะไม่ออกแนววิทยาศาสตร์เท่าไร แต่คิดว่าหนังสือต่อไปนี้ น่าจะเป็นประโยชน์กับชาวหว้ากอครับ
แนว Self Improvement - "คุณก็ทำได้ เพิ่มพลังความฉลาด วันละ 20 นาที" แต่งโดย อาร์บี้ เอ็ม. เดล/ลีดา สโนว์ ชื่อหนังสือชวนให้เข้าใจผิด ว่าเป็นการเพิ่ม IQ แต่ที่จริงแล้ว เป็นการฝึกให้ใช้ความคิดอย่างเต็มศักยภาพครับ - "The 7 Habits of Highly Effective People" โดย Stephen R. Covey เป็นเล่มที่แนะนำให้อ่าน แล้วนำมาปรับใช้ในชีวิตครับ หลักการเรียบง่าย มีเหตุผลดีๆ ประกอบ - "See You At The Top" ของ Zig Ziglar เคล็ดลับการประสบความสำเร็จในชีวิต และหน้าที่การงาน สไตล์อเมริกัน - "The Obvious" โดย James Dale ใครๆ ก็รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ แต่มันอาจจะ obvious เกิน เราจึงไม่ค่อยคิดถึงมัน
แนวบริหาร - ผมชอบหนังสือของ ชาย กิตติคุณาภรณ์ มาก เพราะทำให้ผมเข้าใจเรื่องธุรกิจมากขึ้นโขเลย สองเล่มแรกที่นึกถึงคือ "เขาไม่สอนเรื่องนี้ใน MBA" และ "ไม่เรียน MBA แต่เก่ง" - "70 ปี จิราธิวัฒน์ Central ยิ่งสู้ ยิ่งโต" โดย วิรัตน์ แสงทองคำ, ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์, และสมศักดิ์ ดำรงสุนทรชัย อ่านแล้วจะเข้าใจว่า ที่ Central เติบโตมาถึงทุกวันนี้ ไม่ได้มาแบบฟลุ๊กๆ เลย
แนวการเงิน การลงทุน - "Rich Dad Poor Dad" พ่อรวยสอนลูก ของ Robert T. Kiyosaki ถึงผมจะไม่ได้เห็นด้วยกับทุกอย่างในหนังสือ แต่ถ้าผู้อ่านมีวิจารณญาณพอ ผมคิดว่าน่าแนะนำ เพราะมันจะเปิดมุมมอง และความคิด ที่เกี่ยวกับการเงินอย่างที่ไม่เคยมีใครสอนมาก่อนจริงๆ - "Learn to Earn" ของ Peter Lynch เป็นเล่มที่อ่านง่าย และทำให้รู้สึกว่าการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เป็นเล่มแรกที่ผมจะแนะนำให้ผู้ที่สนใจ คิดจะลงทุนด้วยตัวเอง (หรือซื้อกองทุนก็ตาม) อ่านเสียก่อน - "E-Investment รวยด้วยสมอง" โดย อาณัติ ลีมัคเดช แม้เล่มจะค่อนข้างบาง ทำให้ไม่ได้ลงลึกมาก แต่เขียนได้น่าอ่าน และมีหลักการเชิงวิชาการ อ่านเล่มนี้เล่มเดียว เหมือนอ่านสรุปป.โท การเงิน ยังไงยังงั้นเลยครับ
จากคุณ :
ลุงแว่นใจดี
- [
18 ก.ย. 51 01:50:31
A:118.174.188.129 X: TicketID:183630
]
|
|
|