ความคิดเห็นที่ 1 ตัวแรกเลยค่ะ.. หนอนปลอก(Caseworm) ชื่อวิทยาศาสตร์  Nymphula depuctalis (Guence) รูปร่างลักษณะ   ตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืนชอบเล่นไฟ สีขาว มีรอยด่างสีน้ำตาลอ่อนจนถึงสีดำเป็นแถบ 2-3 แถบตามขอบปีก ตัวผู้จะตายหลังจากผสมพันธุ์แล้ว ตัวเมียวางไข่ในเวลากลางคืน หลังจากเป็นตัวเต็มวัยแล้ว 2 วัน ตัวเต็มวัยมีอายุประมาณ 4-8 วัน ตัวหนอนในระยะแรกมีสีครีมซีดๆ หัวสีเหลืองอ่อน ตัวหนอนจะเริ่มกัดกินอาหารหลังจากฟักเป็นตัวและใช้เวลาเพียง 2 วัน ก็ทำปลอกหุ้มและอาศัยอยู่ในนั้น                     ตัวหนอนจะสลัดปลอกทิ้งเมื่อมีการลอกคราบแต่ละครั้ง มันจะเข้าดักแด้ในปลอกที่หุ้มนั้น ดักแด้ใหม่ๆสีครีม ต่อมาจะเปลี่ยนเป็นสีขาว ดักแด้จะออกมาเป็นตัวเต็มวัยในเวลากลางคืน โดยออกมาทางรูเปิดส่วนบนของปลอกนั้น ระยะดักแด้ประมาณ 1 สัปดาห์ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 51 10:18:10 จากคุณ : primjang - [ 24 ก.ย. 51 10:12:10 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เลี้ยงน้องๆ หนูๆ ขาวอวบอายุ 15-22 ปีครับ ... จากคุณ : Walking in the Sunshine - [ 24 ก.ย. 51 10:19:19 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อย่าลืม ปีเตอร์ นักบุญสุดอึดของผมนะ จากคุณ : judo13 - [ 24 ก.ย. 51 10:20:53 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตัวที่สอง ความนิยมไม่แพ้ตัวแรกเรียกว่าหายใจรดต้นคอกันมาทีเดียว.. แมลงสาบ(Cockroaches) วงศ์  Blattidae       โดยทั่วไปที่รู้จักกันดีจะเป็นสายพันธุ์ Periplaneta americana ซึ่งสายพันธุ์นี้มีลำตัวยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ส่วนแมลงสาบไทยหรือแมลงสาบในสายพันธุ์เอเชียจะอยู่ในสายพันธุ์ Blattella asahinai ซึ่งมีความยาวลำตัวประมาณ 2 เซนติเมตรขึ้นไป       จากการศึกษาซากฟอสซิลของแมลงสาบ บ่งชี้ได้ว่า แมลงสาบได้ถือกำเนิดมาบนโลกนี้ยาวนานกว่ามนุษย์หลายเท่า เพราะมันได้เกิดมาตั้งแต่ยุคโบราณ(Carboniferous) 354 - 295 ล้านปีมาแล้ว ความแตกต่างของแมลงสาบโบราณกับแมลงสาบในปัจจุบัน คือช่องออกไข่ที่ปลายช่องท้องของมัน และมีการค้นพบฟอสซิลแมลงสาบที่เป็นยุคปัจจุบันคือมีรังไข่เหมือนกับปัจจุบันในยุคที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์จากโลกไปแล้ว หรือที่เรียกว่ายุค Mesozoic แมลงสาบสามารถปรับตัวได้กับทุกสภาพแวดล้อม เนื่องจากการที่แมลงสาบกินทุกอย่างเป็นอาหาร บางสายพันธุ์สามารถกินไม้ได้ด้วย แมลงสาบจะปรากฏตัวให้เห็นอยู่ในประเทศที่เป็นเขตเมืองร้อน แมลงสาบในประเทศไทยจะอาศัยอยู่ตามบ้านเรือน แหล่งของเสีย ขยะ เพศของแมลงสาบ        แมลงสาบตัวผู้กับตัวเมีย ความแตกต่างของมัน ให้สังเกตที่ปลายท้อง ตัวผู้จะมีระยางค์ 2 คู่ที่ใช้รับความรู้สึกและใช้ผสมพันธุ์ ส่วนตัวเมียจะมีระยางค์ที่เป็นแผ่นแบนๆ ใช้สำหรับวางไข่ตามมุมห้องหรือซอกเล็กๆ การวางไข่ของตัวเมียนั้น จะมีการปล่อยน้ำที่มีความเหนียว สีขาวขุ่นออกมา ทำหน้าที่เพื่อให้ไข่นั้นติดนานไป ไข่เมื่อโตเต็มที่จะมีสีเหมือนเม็ดมะขามแต่ขนาดเล็กกว่า จากคุณ : primjang - [ 24 ก.ย. 51 10:26:03 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอาที่เคยเลี้ยงก็ หมา แมว งู(ไม่มีพิษทั้งนั้น) นก(แก้ว เขา ขุนทอง เอี้ยง กาเหว่า ฯลฯ) ไก่(ทั้งแจ้ทั้งโต้ง) เต่า(ทั้งบกทั้งน้ำ) ปลา(ทั้งสวยงามทั้งที่กินได้) อิกัวน่า คามิเลี่ยน แมงมุม กระรอก ซูก้าไกรเดอร์ เม่นแคระ เท่าที่จำได้นะครับ ตอนนี้เหลือ หมา แมว(ดุกว่าหมา) ซูก้าไกรเดอร์ เม่นแคระ แมงมุม(ทารันทูล่า) ปลาสวยงามอีกเล็กน้อย  แล้วก็เต่าบกครับ จากคุณ : ผีกะหล่ำ - [ 24 ก.ย. 51 10:28:43 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ต่อมาตัวที่สาม..ตัวนี้เป็นสัตว์มหัศจรรย์ ..บินในรถได้.. ยุง(MOSQUITOES) วงศ์  Culicidae       ยุงเป็นแมลงที่พบได้ทั่วโลกแต่พบมากในเขตร้อนและเขตอบอุ่น จากหลักฐานทางฟอสซิลสามารถสันนิษฐานได้ว่า ยุงได้ถือกำเนิดขึ้นในโลกตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์เมื่อประมาณ 38-54 ล้านปีมาแล้ว        ปัจจุบันพบว่าในโลกนี้มียุงประมาณ 3,450 ชนิด ส่วนในประเทศไทยพบว่ามียุงอย่างน้อย 412 ชนิด มีชื่อเรียกตามภาษาไทยแบบง่าย ๆ คือ ยุงลาย ( Aedes ) ยุงรำคาญ ( Culex ) ยุงก้นปล่อง ( Anopheles ) ยุงเสือหรือยุงลายเสือ ( Mansonia ) และ ยุงยักษ์หรือยุงช้าง ( Toxorhynchites )        ยุงเป็นแมลงที่มีขนาดเล็กโดยทั่วไปมีขนาดลำตัวยาว 4-6 มม . บางชนิดมีขนาดเล็กมาก 2-3 มม . และบางชนิดอาจยาวมากกว่า 10 มม .       ยุงมีส่วนหัว อก และท้อง มองเห็นได้อย่างชัดเจนและสามารถแยกออกจากแมลงชนิดอื่น ได้อย่างง่ายๆ โดยสังเกตจากรูปพรรณสัณฐาน ดังต่อไปนี้คือ มีปากคล้ายงวง ยื่นยาวออกไปข้างหน้า และมีปีกสำหรับบิน 1 คู่       ยุงมีวงจรชีวิตแบบสมบูรณ์ (holometabolous) ซึ่งประกอบด้วย ไข่ (egg) ลูกน้ำ (larva; พหูพจน์ =larvae) ตัวโม่ง (pupa; พหูพจน์ =pupae) และยุงตัวแก่ (adult)        ยุงตัวเมียวางไข่ประมาณ 30-300 ฟองต่อครั้ง        โดยปกติตัวเมียมักจะกินเลือดเป็นอาหาร ส่วนตัวผู้มักจะกินน้ำหวานในดอกไม้ นอกจากนี้ยังเป็นแมลงที่เป็นพาหะแพร่เชื้อโรคอีกด้วย เช่น ไข้เลือดออก ยุงตัวเมียจะมีอายุประมาณ 1-3 สัปดาห์ ขึ้นกับชนิดและสภาพแวดล้อม ส่วนตัวผู้จะมีอายุประมาณ 4-5 วัน จากคุณ : primjang - [ 24 ก.ย. 51 10:36:11 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มาลืมที่มหัศจรรย์ไม่แพ้กันนะครับ มด เพราะมันอยู่ในไมโครเวฟได้ด้วย จากคุณ : judo13 - [ 24 ก.ย. 51 10:37:37 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตัวต่อมา..ตัวนี้คุณสมบัติพิเศษคือ ไม่สามารถฆ่าให้ตายได้ด้วยไมโครเวฟ.. มด(Ant) วงศ์  Formicidae  อันดับ  Hymenoptera        มีจำนวนชนิดมากกว่า 12,000 ชนิด โดยพบมากในประเทศเขตร้อน มดมีการสร้างรังเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ บางรังมีจำนวนประชากรมากถึงล้านตัว มีการแบ่งวรรณะกันทำหน้าที่คือ วรรณะมดงาน เป็นมดเพศเมียเป็นหมัน ทำหน้าที่หาอาหาร สร้างและซ่อมแซมรัง ปกป้องรังจากศัตรู ดูแลตัวอ่อน และอื่นๆอีกมากมาย เป็นวรรณะที่พบได้มากที่สุด วรรณะสืบพันธุ์ เป็นมดเพศผู้ และราชินี เพศเมีย มีหน้าที่สืบพันธุ์       โครงสร้างของมดนั้นแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนกลาง และส่วนท้อง        ส่วนหัวของมด มีหลายรูปร่าง เช่น รูปร่างห้าเหลี่ยม รูปร่างมังกรต หรือวงรี         ส่วนกลาง ส่วนกลางเป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่าง ส่วนท้อง และส่วนหัว โดยมากจะเป็นทรงกระบอก อาจมีตุ่มหนามอยู่ด้วย         ส่วนท้อง เป็นส่วนที่อยู่ท้ายสุดของมด บางชนิดจะแตกออกเป็น 2 ส่วน เรียกว่า Wasted twin ซึ่งมดบางชนิดอาจมีเหล็กใน และบางชนิดก็มีช่องไว้ปล่อยสารป้องกันตัว จากคุณ : primjang - [ 24 ก.ย. 51 10:43:08 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แอบโหวตให้ละนะครับ แต่อยากให้ช่วยเสริมด้วยว่า "ทำไมสัตว์ตัวนั้นถึงไม่... ไปตามสาเหตุและคำถาม" นะครับ คนอื่นๆทีมาอ่านจะได้กระจ่างชัดด้วยครับว่าทำไมมดตกตึกไม่ตาย ทำไมยุงกับแมลงวันบินใรถที่วิ่งเร็วๆได้... ปล. ขออภัยที่ปาด... จากคุณ : Cocopok - [ 24 ก.ย. 51 10:48:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จากคุณ : judo13 - [ 24 ก.ย. 51 10:51:28 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตัวที่ห้า ตัวนี้เป็นที่สงสัยและถกเถียงกันมาตลอดว่า จริงๆแล้วมุดเข้าไปทำไมในปากงูเขียว.. ตุ๊กแก(Gecko) วงศ์  Gekkonidae  อันดับ  Squamata       จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง มีหลายสีด้วยกัน เช่น น้ำตาล เทา ดำ ฟ้าอ่อนและมีลายจุดสีส้มทั่วตัว สามารถปรับสีได้ตามสภาพแวดล้อมที่อาศัย ดวงตาไม่มีเปลือกตาปกปิด ขนาดความยาวของลำตัวประมาณ 30 เซนติเมตร กินแมลงเป็นอาหาร       พบได้ทั่วไปโดยเฉพาะภาคกลาง ตุ๊กแกอาศัยอยู่ทั้งในบริเวณพื้นที่แถบป่าไม้และในบริเวณบ้านเรือน ชอบมุมมืดปราศจากการรบกวน ออกลูกเป็นไข่และมีนิสัยชอบร้องเสียง"ตุ๊กแก..ตุ๊กแก" ติดต่อกัน       ตีนตุ๊กแกสามารถเกาะไต่ผนังได้อย่างเหนียวแน่น เนื่องจากมี "เซต้า" ลักษณะเป็นขนมีมากว่า 1,000 เส้นบนฝ่าเท้าตุ๊กแก แต่ละเส้นที่บริเวณปลายแตกกิ่งก้านสาขาออกไปอีกมากกว่า 1,000 แฉก แต่ละแฉกมีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 200 นาโนเมตร แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 51 11:42:00 จากคุณ : primjang - [ 24 ก.ย. 51 10:52:10 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตัวที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย อ๋อ..ตัวที่หก ตัวที่หกนี้ นิยมเลี้ยงเป็นระยะๆ แล้วแต่ว่าจะเข้าฤดูไหน ตัวนี้มีอนาคตสามารถไปไกลระดับโลกได้.. ด้วง(Beetle) อันดับ  Coleoptera        เป็นแมลงปีกแข็งในไฟลัมอาร์โธรพอด โดยแมลงปีกแข็ง(ด้วง)เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทสัตว์ใน Oder Coleoptera แมลงในกลุ่มนี้บางชนิดมีพิษ การรับประทานเพียง 1 ตัว สามารถทำให้คนที่รับประทานเข้าไปตายได้ เช่น ด้วงน้ำมัน บางชนิดมีพิษต่อผู้สัมผัส ได้แก่ ด้วงก้นกระดก การรับประทานหรือสัมผัสด้วงต้องมีความรู้อย่างเพียงพอ มิเช่นนั้นอาจให้โทษแก่ผู้นั้นได้ ความสำคัญของด้วงในระบบนิเวศวิทยาเป็นผู้ย่อยสลายได้ดีแก่ซากพืช ในทางการเกษตรเป็นแมลงศัตรูพืช ได้แก่ ด้วงหนวดยาว ทางด้านอาชญากรรมนักนิติเวชกีฏวิทยาสามารถนำด้วงมาหาปัจจัยของสาเหตุการตายในงานของนิติเวชกีฏวิทยา (Forensic Entomology)ของมนุษย์ได้ โดยด้วงจะเข้ามายังศพช่วงระยะที่ศพเริ่มจะแห้ง จนถึงระยะศพแห้ง        ส่วนด้วงที่นิยมนำมาขวิดแข่งกัน เรียกว่า ด้วงกว่าง เป็นด้วงปีกแข็งขนาดโต ลำตัวป้อมสั้น มีหนวดแบบแผ่นใบไม้ประกบกันซึ่งหดและขยายตัวได้ ลำตัวสีน้ำตาลแดงเป็นมัน ตัวผู้ตัวโตที่สุดวัดได้ประมาณ 6 ซ.ม  ตัวเมียมีกรามเจริญดีกว่าตัวผู้ ด้านหน้าลำตัวของตัวผู้มีเขาโค้งเข้าหากันในลักษณะบนหนึ่งเขา ล่างหนึ่งเขา 1 คู่ เขาด้านบนงอกออกมาจาก prothorax เขาด้านล่างงอกออกมาจากส่วนหัวปลายเขาแยกออกเป็นสองแฉก ตัวเมียจะมีขนาดลำตัวเล็กกว่าตัวผู้และไม่มีเขา จากคุณ : primjang - [ 24 ก.ย. 51 11:04:07 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณครับ ได้ความกระจ่างเรื่องหนอนปลอก โรยงา มะพร้าวขูด จากคุณ : -=นามไร้ชื่อ=- - [ 24 ก.ย. 51 11:06:59 ]

ความคิดเห็นที่ 14 # 9  ...แต่อยากให้ช่วยเสริมด้วยว่า "ทำไมสัตว์ตัวนั้นถึงไม่... ไปตามสาเหตุและคำถาม" นะครับ.... คือตอนนี้ถ้าอธิบายตามสาเหตุและคำถาม แต่ละ คห.มันจะยาวมากเกินไปนะค่ะ แต่ถ้ายังไงจะกลับไปค้นมาให้อีกทีแล้วกันนะค่ะ.. ปล.แต่ทำไมยิ่งโพส รูปยิ่งใหญ่โตขึ้นไปทุกทีเนี่ย.. แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 51 11:08:28 จากคุณ : primjang - [ 24 ก.ย. 51 11:07:18 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เลี้ยงโปเกมอน จากคุณ : AVAVA - [ 24 ก.ย. 51 11:09:20 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตกใจตุ๊กแกอ่ะครับ.....หน้าตาน่ากลัว จากคุณ : @Server ! maN@ - [ 24 ก.ย. 51 11:09:36 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตัวสุดท้าย ตัวนี้น่าทึ่งที่สุด เป็นสัตว์เลี้ยงตัวใหม่เพิ่งได้รับความนิยมมาไม่นานในหว้ากอ.. "น่าชมกว่าหมีแพนด้า  น่ารักกว่าหมีพูห์  สู้ชีวิตกว่าหมีคอมมานโด” หมีน้ำ(water bear) ไฟลัม Tardigrada) ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า tardigrade      หมีน้ำเป็นสัตว์ขนาดเล็กจิ๋วพกพาสะดวก ตัวเต็มวัยที่ใหญ่ที่สุดมีขนาด 1.5 มม. ส่วนที่ตัวเล็กๆ ก็มีขนาดประมาณ 0.1 มม. เท่านั้นเองต้องมองส่องด้วยกล่องจุลทรรศน์ หมีน้ำเป็นสัตว์หลายเซลล์ (multicellular)  ไม่ใช่สัตว์เซลล์เดียว (unicellular) แบบพวกโปรโตซัวอย่าง อะมีบา พารามีเซียม      ไฟลัมทาร์ดิเกรดาเป็นไฟลัมที่มีลักษณะเฉพาะตัวสูง มีลักษณะก่ำกึ่งระหว่างสัตว์ไฮโซและสัตว์โลโซ  หมีน้ำมีระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย ระบบประสาท กล้ามเนื้อเหมือนสัตว์ชั้นสูงทั้งหลาย แต่ไม่มีท่อหายใจ ไม่มีระบบหมุนเวียนเลือด (ไม่มีเส้นเลือด) และหายใจผ่านผิวหนัง เหมือนสัตว์ชั้นต่ำ  มันจึงดูเป็นสัตว์ที่สับสนชีวิตพอสมควรว่าควรจะมีชีวิตแบบไหนดี       แม้เราจะมองไม่เห็นหมีน้ำ แต่มันมีอยู่ทุกที่อย่างไม่น่าเชื่อ   หมีน้ำอาศัยอยู่ทุกทวีป มีชีวิตได้ทั้งบนบก ในน้ำจืด ในน้ำทะเลเค็มปี๋ ใต้ดินมืดมิด ทะเลทรายแห้งแล้ง เกาะที่โดดเดี่ยว ตามบ้านเรือนมนุษย์ ฯลฯ  นอกจากแพร่กระจายตามแนวราบไปทั่วโลกแล้ว หมีน้ำยังแพร่กระจายตามแนวดิ่งอีกด้วย  เราพบมันบนเทือกเขาหิมาลัยที่ความสูงกว่า 6,000 เมตร! และที่ทะเลลึกกว่า 4,000 เมตร       หาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=257527 จากคุณ : primjang - [ 24 ก.ย. 51 11:27:38 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ^ ^ ^ อะไรกันนน เฉือนกัน16วินาที -*- ผมว่า ต้องตัวนี้ 1.  ทนความเย็นที่-272องศาได้หลายนาที (เกือบจะต่ำที่สุด) 2.  ทนร้อนได้150 3.  ทนสภาพสุญญากาศได้ (ลอยไปในอวกาศแล้วไม่ตาย) 4.  ทนสภาพความดันได้มากกว่า6เท่าของก้นมหาสมุทรที่ลึกที่สุด 5.  ทนรังสีx-ray ได้570,000 Roentgens (คนเราทนได้500) 6.  ทนสารเคมีต่างๆ 7.  ถูกdehydrate(ทำให้แห้ง)ตายมาร้อยกว่าปีก็คืนชีพได้ โดยที่นักวิทยาศาสตร์ได้ตัดชิ้นส่วนของต้นมอสที่ตายซากแล้วกว่า 200 ปีกลางทะเลทรายมาตรวจสอบ ก็ได้พบตัวหมีน้ำอาศัยอยู่ในลักษณะปิดระบบการทำงานของร่างกายตัวเอง แต่พอได้รดน้ำลงไปบนตัวมันแล้ว มันกลับฟื้นขึ้นมาเดินต้วมเตี้ยมได้อีกครั้ง อย่างน่าอัศจรรย์ ...หมีน้ำ หรือ water bear นั่นเอง แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 51 11:29:16 จากคุณ : ScaperS - [ 24 ก.ย. 51 11:27:54 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เลี้ยง...ต้อย จากคุณ : lord_dum - [ 24 ก.ย. 51 11:27:58 ]

ความคิดเห็นที่ 20 หอยจ๊อ จากคุณ : ลาบราดอร์สีดำ - [ 24 ก.ย. 51 11:30:13 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ ^ เห็นไอ้ตัว คห. 18 แล้ว นึกถึงการ์ตูนเรื่อง BM อสูรพันธุ์เขมือบโลก เลยอ่ะ รูปร่างคล้ายๆกันอีกตะหาก ขอเลี้ยง งู ละกัน แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 51 11:35:08 จากคุณ : Cha_cha_koi - [ 24 ก.ย. 51 11:32:39 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เลี้ยงตัวเองยังยากเลยครับ ตอนนี้ผมอ่ะ จากคุณ : netkuff72 - [ 24 ก.ย. 51 11:45:46 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แมงวาปล่ะ จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 24 ก.ย. 51 11:52:13 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เจ้าของกระทู้นี่เป็นคนที่เจอ"สมการรัก"ใช่มั้ยครับ พอดีเพิ่งได้อ่าน กระทู้น่ารักจริงๆ จากคุณ : Karn Chairbuey - [ 24 ก.ย. 51 11:55:46 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เลี้ยงมด ตัวเล็ก แต่ขยัน จากคุณ : มด มด - [ 24 ก.ย. 51 12:09:29 A:203.153.170.129 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้า.... หมีน้ำโดนไฟฉายขยายส่วนของโดราเอมอนเข้าไป ทำให้มันตัวโตเท่าคน ด้วยคุณสมบัติตามคห.18 ฆ่ายังไงก็ไม่ตาย อ่า...มันจะมาครองโลกกก จากคุณ : J-shock - [ 24 ก.ย. 51 12:12:24 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ++บางคนเลี้ยงหมา บางคนเลี้ยงแมว แต่หว้ากอต้องเลี้ยง???.....++ งู.... เป็นคำตอบแรกที่คิดได้หลังจากอ่านหัวข้อกระทู้เลยคะ... จากคุณ : จิ้งจอกสาวฝึกหัด - [ 24 ก.ย. 51 12:19:02 ]

ความคิดเห็นที่ 28 # 23 ...แมงวาปล่ะ... จัดให้ตามนี้เลยค่ะ.. http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2007/12/X6095697/X6095697.html จากคุณ : primjang - [ 24 ก.ย. 51 12:25:03 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ูู^ ^ ถ้าตัวใหญ่ขนาดนั้น มันคงหายใจผ่านผิวหนังไปเลี้ยงตัวไม่ไหวแล้วมั้งคะ เหอๆ น่าสนใจจัง ตอนนี้มันเกาะอยู่บนหน้า หรือลอยคอในแก้วน้ำของเรารึเปล่านะ? จากคุณ : บางเวลา - [ 24 ก.ย. 51 12:31:35 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ผมเลี้ยงตัวนี้ จากคุณ : นายโอ้นโต้น - [ 24 ก.ย. 51 12:35:16 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ฮิปโปโปเตมัส จากคุณ : Nexus - [ 24 ก.ย. 51 12:39:03 ]

ความคิดเห็นที่ 32 รูปตุ๊กแกสยองง่ะ... จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 24 ก.ย. 51 13:11:56 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เลี้ยงกุมารทองค่ะ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 51 13:21:23 จากคุณ : Jamuay - [ 24 ก.ย. 51 13:20:51 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ^ ^ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 51 13:34:19 จากคุณ : primjang - [ 24 ก.ย. 51 13:34:05 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เลี้ยงต้อย เลี้ยงเด็กๆๆ นักศึกษา 555+ จากคุณ : beer2nd - [ 24 ก.ย. 51 14:22:15 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เค้าเลี้ยงทากล่ะ -"- ตั้งสองรอบแน่ะ แต่น้องทากตายไปแล้ว T^T จากคุณ : PADAPA--DOO - [ 24 ก.ย. 51 14:44:00 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขาดไปอีกตัวป่าวอะ ตัวที่มันคล้ายๆไส้เดือนง่ะ  ตัวอารายน๊า ที่หัวมีสองแฉกอ่ะ จากคุณ : Choco-Mix - [ 24 ก.ย. 51 15:25:32 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เลี้ยงสาวเอาะๆ  อิอิ จากคุณ : ฮักเมาน้องหล้า - [ 24 ก.ย. 51 15:49:29 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอส่งจิ้งจกเข้าร่วมนะ ภาพจากคุณ A r t F u l l Y ขอบคุณค่ะ^^ จากคุณ : ชามะนาว~ (เลมอน~ไอซ์) - [ 24 ก.ย. 51 16:23:25 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ตุ๊กแกรูปสุด ๆ ไปเลย ยิ่งกลัว ๆ อยู่ด้วย TT แต่ตัวอื่นใช้ได้เลย แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 51 16:52:44 จากคุณ : สัตว์ประหลาดอวกาศสเตฟาน - [ 24 ก.ย. 51 16:51:43 ]

ความคิดเห็นที่ 41 โฮ่ง!!  โฮ่งๆๆ..  โฮ่งๆ (เจไดหนุ่มเริ่มเห่าหอนพลางแปลงร่างเป็นสุนัขตัวจ้อยทันที -_-") (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม - [ 24 ก.ย. 51 17:00:23 ]

ความคิดเห็นที่ 42 แต่ละอย่างดีๆทั้งนั้น..... มันสะท้อนภาพลักษณ์อะไรหรือปล่าวครับ หนอนงี้ แมงสาบงี้ ตุ๊กแกงี้... จากคุณ : รักสาว มธ. (NoahComeBack) - [ 24 ก.ย. 51 17:14:35 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เลี้ยงตัวเองให้รอดก่อน จากคุณ : meddy hao - [ 24 ก.ย. 51 17:54:30 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เอารูปมาฝาก จากคุณ : แอลอีดีสีเขียว - [ 24 ก.ย. 51 20:19:05 ]

ความคิดเห็นที่ 45 แถมท้ายด้วยธรรมะ ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง ผิดๆ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 51 20:21:33 จากคุณ : แอลอีดีสีเขียว - [ 24 ก.ย. 51 20:20:40 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เลี้ยงผู้ชาย หรือ เรียกให้น่ารักหน่อยก็ เพศผู้  ที่บ้านเป็นฮาเร็ม สัตว์เลี้ยงที่บ้านเกือบจะทั้งหมดเป็นเพศผู้ มีตะปู๋ห้อยต่องแต่ง จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ - [ 24 ก.ย. 51 20:22:02 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ต้องนี่ จากคุณ : แอลอีดีสีเขียว - [ 24 ก.ย. 51 20:22:31 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เลี้ยงปลาครับ  โดยเฉพาะปลาทะเล จากคุณ : Force for Rush - [ 24 ก.ย. 51 20:52:17 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ว่าแต่.. ตัวที่โดนใจที่สุดคงจะเป็นหมีน้ำครับ   สงสัยว่ามันกินอะไรหรอครับ จากคุณ : Force for Rush - [ 24 ก.ย. 51 20:56:27 ]

ความคิดเห็นที่ 50 กระทู้นี้มีตุ๊กแกก็ไม่บอกก่อน -_-!! จากคุณ : shihiro (shihiro) - [ 24 ก.ย. 51 21:34:08 ]

ความคิดเห็นที่ 51 กลับบ้านไปเลี้ยงกวางไป ! อิอิ ล้อเล่นนน จากคุณ : ผักผลไม้รวม - [ 24 ก.ย. 51 21:54:02 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขาดหนอนหัวค้อนครับ จากคุณ : Meta-Anima - [ 25 ก.ย. 51 00:19:39 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ^ ^ หนอนหัวฆ้อน ไส้เดือนหัวฆ้อน ชื่อจริงๆ มันคือ หนอนหัวขวาน(Hammerhead worm) ชื่อสามัญคือ land planaria (Bipalium kewense) หนอนชนิดนี้พบได้ในเขตร้อนชื้น เจอทั้งออสเตรเลีย อเมริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การกระจายค่อนข้างกว้าง จากคุณ : primjang - [ 25 ก.ย. 51 09:18:35 ]

ความคิดเห็นที่ 54 หนอนหว้ากอ ปีเตอร์ มดไมโครเวฟ ยุงในรถ ตำนานแห่งหว้ากอจริงๆ จากคุณ : Sir.ขงเบ้ง - [ 25 ก.ย. 51 09:39:39 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ก็หมากับแมวนั่นแหละครับ  แล้วก็ คห1 เต็มบ้านไปหมด + คห 11 นี่ตั้งใจให้อยู่กิน มด+ยุงดีมาก จากคุณ : JohnnyNahe - [ 25 ก.ย. 51 10:58:04 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ตะ...ตะ...ตุ๊กแกกกกกกกกกกก!!!!! จากคุณ : knine2five - [ 25 ก.ย. 51 16:08:37 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ตัวนี้เค้าเรียกตัวอะไรครับ?!? จากคุณ : คืนอาจารย์ไปหมดแล้ว - [ 26 ก.ย. 51 01:10:41 ]

ความคิดเห็นที่ 58 หุ หุ จากคุณ : แว่นไร้ขอบ - [ 26 ก.ย. 51 01:49:51 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ชอบแมวนายโอ้นโต้น ... ถูกเอาไปเล่นซะเสียแมวเลย ฮ่ะ ๆ จากคุณ : [:Rexagon:] - [ 27 ก.ย. 51 11:14:31 ]

ความคิดเห็นที่ 60 รูป คห 44 โอ๊ยยยยยย โดนจายยยยย หล่อมากกกกก จากคุณ : HanaToKaze - [ 27 ก.ย. 51 13:29:22 ]

ความคิดเห็นที่ 61 มาเพิ่มเติมอีกซักกะหน่อย เพราะเพิ่งเห็นเอามาเลี้ยงกันอีกหลายตัว หอย geoduck (ออกเสียงว่า กูอี้ดั๊ก)     เป็นหอยชนิดหนึ่งฝังตัวในโคลนชายทะเลที่น้ำท่วมถึง  ระหว่างระดับน้ำขึ้น-ลง แถวดินที่เป็นโคลนเลน (Mud Flat)  ถ้าย่ำไปใน mud Flat โคลนเกือบถึงเข่า จะเห็นเป็น รอยรูหายใจเล้ก ๆ เรียงกัน 3 รู ต้องรีบขุดลงไป เพราะ หอยจะดึงตัวเองลงไปลึกมากทันที   ขอบอกว่า  ไม่ใช่หอยหลอด       ที่ต่างจากหอยที่เราพบทั่วไป คือหอยปกติทั่วๆ ไป เป็น ฝาบน-ล่าง แต่ species นี้ เป็น Lateral valve คือฝาซ้าย-ขวา   ที่มาจาก http://www.thaidiyaudio.net/index.php?topic=771.0 จากคุณ : primjang - [ 30 ก.ย. 51 11:39:13 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อีกตัว เป็นตัวที่นิยมเลี้ยงกันพอควรเหมือนกัน..ความนิยมมาเป็นระยะระยะ ตัวสามง่าม Common Silverfish (Lepisma saccharina) อยู่ใน Order Zygentoma       ตัวสามง่ามนี้จัดเป็นแมลงในบ้านเรือน คือรู้จัก พบบ่อย ตัวสามง่าม หรือแมลงสามง่าม ตัวเล็กมาก ยาวไม่ถึงครึ่งนิ้ว ตัวยาวเรียว สีขาวเงินมันวาวนิด ๆ มีเกล็ดเล็ก ๆ แบบเกล็ดปลาคลุมทั่วตัว เกล็ดหลุดได้ง่าย หางมีเส้นยาวยื่นออกมาสามเส้น ลักษณะเหมือนอาวุธโบราณชื่อ “ สามง่าม ” เป็นแมลงไม่มีปีกและบินไม่ได้       ตัวสามง่ามเป็นแมลงโบราณมีมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ และไม่เคยเปลี่ยนรูปร่างเลยตั้งแต่หลายร้อยล้านปีก่อนจนถึงปัจจุบัน ตัวอ่อนของแมลงสามง่าม เมื่อฟักออกจากไข่จะมีรูปร่างเหมือนพ่อแม่ทุกอย่างแต่ตัวเล็กมาก จากนั้นก็ลอกคราบหลายครั้ง และโตขึ้นโดยไม่มีการเปลี่ยนรูปร่างเลย ตัวสามง่ามที่อาศัยอยู่ในบ้านเรือนจะพบได้ตามก้นลิ้นชัก ในกองผ้าที่ลงแป้งไว้ และในกองหนังสือเก่า ๆ กินแป้งที่ใช้ในการทำหนังสือหรือใช้ลงผ้า จากคุณ : primjang - [ 30 ก.ย. 51 11:46:47 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ผมเลี้ยงเจ้าตัวนี้ล่ะ.... แต่ตายไปแล้วเหลือแต่กระดูก จากคุณ : devil amature (devil amature2) - [ 30 ก.ย. 51 12:34:26 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เอาตัวนี้ ที่เคยแวะเวียนมา นานๆที แต่ใหญ่ดี ฝากไว้ด้วยคน กิ้งกือยักษ์ จาก ผา Hum หด ทุ่งดอกกระเจียว ชัยภูมิ บ้านเรา แฟนผม ยอมให้มือเป็นนางแบบร่วม ตามคำขอ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 30 ก.ย. 51 12:45:42 ]

ความคิดเห็นที่ 65 #64 กุ้ง !!!!~ กุ้งบก อิอิอิ จากคุณ : vn, man - [ 30 ก.ย. 51 13:04:18 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ยี้.... จากคุณ : chapicha - [ 30 ก.ย. 51 13:36:21 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เอาข้อมูลตัวนี้หน่อยครับ จากคุณ : VOPOJ - [ 30 ก.ย. 51 14:19:09 ]

ความคิดเห็นที่ 68 คุณหมอเจ ขอมา..เลยจัดให้ค่ะ.. กิ้งกือ (milipedes) Class Diplopoda        พบทั่วไปในเขตอบอุ่นและเขตร้อน อาศัยอยู่ตามพื้นดิน ตามใต้กองใบไม้ ต้นไม้ผุ ๆ บางชนิดขุดรูอยู่ในดินตื้น ๆ มีประมาณ 8,000 ชนิด มีขนาดทั่ว ๆ ไปประมาณ 3-10 ซม.        กิ้งกือส่วนใหญ่มีลักษณะตัวยาวทรงกระบอก ประกอบด้วยส่วนหัว อก และท้อง ส่วนอกและท้องมักรวมเรียกว่า ลำตัว (trunk)        หัว มีหนวด 1 คู่ ด้านข้างของหัวมีแมนดิเบิลที่ขยายเป็นแผ่นปิดอยู่สองข้างของหัว มีส่วนที่ทำหน้าที่ขุดดิน        trunk ประกอบด้วยอก 4 ปล้องและ ส่วนท้อง        อกปล้องแรกมีเปลือกเป็นปลอกอยู่ตอนท้ายของหัว ไม่มีรยางค์ เรียกว่า collum  3 ปล้องที่เหลือมีรยางค์ปล้องละ 1 คู่        ส่วนท้อง เกิดจากการเชื่อมรวมของเทอกัมของปล้อง 2 ปล้อง (double segment) เป็นที่มาของชื่อ Diplopoda ดังนั้นปล้องแต่ละปล้องจึงมีรยางค์ปล้องละ 2 คู่ บริเวณรอยต่อของปล้องจะเป็นวงแหวนสีน้ำตาล        ส่วนท้องของกิ้งกือบางชนิดอาจมีจำนวนปล้องมากถึง 100 ปล้อง ปล้องท้ายๆ บางปล้องอาจไม่มีรยางค์ ส่วนปลายสุดของ ลำตัวเป็นไพจีเดียม ส่วนตัวที่คุณหมอพบ น่าจะเป็น พวก Julus terrestris ซึ่งเป็นกิ้งกือขนาดใหญ่ สีน้ำตาลแก่ ตัวยาวประมาณ 15 ซม. ที่มา http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=29776 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 51 17:02:35 จากคุณ : primjang - [ 30 ก.ย. 51 17:02:06 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เราอยากรู้ไอ้แมลงตัวนึงที่เวลาบินแล้วมันขาวๆเหมือนนางฟ้า เพ้อไปไหมนี่ แต่เหมือนจริงๆ เวลาอ่านหนังสือสอบเห็นมันตลอดเลยแถวๆหลอดไฟ จากคุณ : fernforum - [ 30 ก.ย. 51 17:46:20 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ^ ^ จัดไปอย่าให้รอนาน... ชีปะขาว (mayflies) ชื่อวิทยาศาสตร์  Ephemeroptera       ชีปะขาว เป็นแมลงที่อายุสั้นที่สุด ทั้งนี้เพราะวงจรชีวิตของสัตว์ต่างๆ โดยอายุขัยเฉลี่ยเรียงจากสั้นที่สุดไปหายาวที่สุด ได้แก่ แมลงชีปะขาว 1 วัน มด 1-3 วัน ผีเสื้อหนอนกะหล่ำปลี 30 วัน กระต่าย 5-6 ปี หอยทาก 6-7 ปี ปลาคาร์พ 20-25 ปี ลิง 30-40 ปี ช้าง 60-70 ปี นกกระเรียน 70-80 ปี คน 70-80 ปี เต่า 80-120 ปี      ชีปะขาว หรือชีผะขาวก็เรียก ชีผ้าขาวก็เรียก หรือเมย์ฟลายส์(mayflies)  ตัวขนาดเล็กถึงกลาง ปีกบางมีเส้นมากมาย ปีกคู่แรกใหญ่กว่าคู่หลัง ตัวเมียวางไข่ในน้ำ ตัวอ่อนรูปร่างเรียวยาวอาศัยในน้ำนาน 1-2 ปี ลอกคราบหลายครั้งจนเป็นแมลงโตเต็มวัย มีปีก ชอบเล่นไฟ มันมีอายุเพียง 1-2 วันเท่านั้น ไม่กินอาหาร ผสมพันธุ์แล้วตาย       ฤดูกาลวางไข่อยู่ในราวกลางเดือนเมษายน พบใกล้แหล่งน้ำ บ่อน้ำ ลำธาร ตัวแก่เต็มที่จะลอกคราบออกพร้อมบินขึ้นจากผิวน้ำไปยังแสงสว่าง เป็นการบินขึ้นมาดูโลกครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในชีวิต ที่มา http://www.dek-d.com/board/view.php?id=940038 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 51 18:20:38 จากคุณ : primjang - [ 30 ก.ย. 51 18:19:41 ]

ความคิดเห็นที่ 71 น่ารักๆทั้งนั้นเลยง่ะ.......... จากคุณ : คาถาป้องกันแห้ว - [ 30 ก.ย. 51 19:11:07 ]

ความคิดเห็นที่ 72 โหวตให้ครับ เพิ่งเคยเห็นหมีน้ำซูมๆ ก็วันนี้ หน้าตาน่ารักทีเดียวครับ อ้อแนะนำเพิ่มเติมว่า ควรเพิ่มชื่อ สามัญของหว้ากอ (Wahkor Common name) เข้าไปด้วยครับ เพื่อคนที่มาหลังๆ จะได้ไม่งง เช่น แมลงสาป ก็ปีเตอร์ ตุ๊กแก ผมโหวตให้แอนดริว ผมเองก็ไม่เคยเลี้ยพวกนี้เลี้ยงแต่ตู้ปลาไม้น้ำ (เนียนอวดตู้ห่วยๆ ซะงั้น) จากคุณ : xnone - [ 30 ก.ย. 51 19:51:58 ]

ความคิดเห็นที่ 73 . . . จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 30 ก.ย. 51 20:52:17 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ู^   ไม่เอ้า จากคุณ : yongiee - [ 30 ก.ย. 51 21:58:51 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 6 ต.ค. 51 09:15:29 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เอาข้อมูลมาเก็บ... หนอนหัวขวาน หรือ พลานาเรีย (Planaria) เป็นชื่อเรียกเล่นๆ  ของหนอนตัวแบนใน Class Turbellaria ดำรงชีพเปนอิสระ มิขึ้นแก่ใคร แลในกลุ่มตัวแบนนี้ก็พบได้ทั้งน้ำจืดแลในทะเล เห็นตัวนุ่มนิ่มน่าสัมผัสเยี่ยงนี้ พวกก็เปนสัตว์กินเนื้อนะเจ้าคะ ส่วนใหญ่ก็ขบฉันพวกสัตว์มิมีกระดูกสันหลังที่ตัวเล็กกว่ามันเปนอาหาร (ส่วนเรื่องกระบวนการกินขอไปค้นก่อนหนา) ไม่ว่จะเป็นหอยทาก โรติเฟอร์(อันนี้ก็เปนหนอนชนิดหนึ่ง) ตัวอ่อนแมลง( ถ้าลองเลี้ยงก็เอาลูกยุงให้มันกินได้) ครัสเตเชียน เปนอาทิ หากเปนพวกอยู่ทะเลก็จะเพิ่มไบรโอซัวแลเพรียงหัวหอมเข้าไปด้วยเจ้าค่ะ นอกจากนี้มันยังกินซากสัตว์เน่าเปื่อยเปนอาหารอีกด้วย แล้ว แต่ว่าเจอะอาหารอะไรก่อน แลก็มีลางเพศลางพรรณที่ขบฉันสาหร่ายเปนอาหารเหมือนกัน บทบาทในเบื้องต้นเท่าที่ค้นได้ ก็เปนตัวเชื่อมโยงในสายใยอาหารแลหนา ส่วนสำหรับคนนั้น มีการใช้เจ้าพลานาเรียเปน biomarker อันอาจจักพอหาอ่านได้จาก http://www.siamensis.org/webboard/webboarddetail.php?board_id=8356#43 จากคุณ : koraon จากคุณ : Cryptomnesia - [ 8 ต.ค. 51 17:47:30 ]

ความคิดเห็นที่ 77 คห.63 นั่นเป็นโครงกระดูกของเจ้า PAC MAN ครับ เคยเลี้ยงตอนเด็กๆ กินจุมาก จากคุณ : phoenixia - [ 10 ต.ค. 51 17:19:56 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เราเอาของเรามานำเสนอมั่งดีกว่า หลายคนคงเคยเดินไปตามชายหาด และพบเห็นเจ้าตัวน้อยตัวนี้วิ่งเล่นอยู่บริเวณหิน แมลงสาบทะเล หรือ isopod เป็นครัสเตเชียนขนาดเล็กใน Superorder Peracarida  พบกระจายทั้งในทะเลตั้งแต่บริเวณชายฝั่ง ไปจนถึงที่ลึก ในน้ำจืดหรือบนบก เช่น ตัวกะปิ มีทั้งกลุ่มที่ดำรงชีวิตเป็นอิสระ  และเป็นปรสิต มีขนาดตั้งแต่ 1 มม. ไปจนถึงไอโซพอดที่ใหญ่ที่สุดขนาด 42 ซม ฟุตกว่าๆ เองง่ะ ในทะเล ไอโซพอดมีบทบาทในระบบนิเวศเช่นเดียวกับหอยสองฝา  และไส้เดือนทะเล คือเป็นผู้บริโภคลำดับแรกเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิต และผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่กว่า บางระบบนิเวศอาจพบไอโซพอดเป็นอาหารหลักของปลาในบริเวณชายฝั่ง หรือในมหาสมุทรอาร์ติค พบว่าปลาวาฬสีเทากินไอโซพอดเป็นอาหารหลัก ในหาดทรายบริเวณน้ำขึ้นน้ำลง พบไอโซพอดเป็นสัตว์หน้าดินกลุ่มเด่น  และมักซ่อนอยู่ใต้ก้อนหิน หรือในรอยแยกในหิน เปลือกหอย หรือท่อของไส้เดือนทะเล  และอาจจะพบอยู่ด้วยกันกับสิ่งมีชีวิตที่เกาะติดหรือเคลื่อนไหวน้อยเช่น สาหร่าย ฟองน้ำ ไฮดรอยด์ เอคโตพรอค หอยแมงภู่ เม่นทะเล เพรียง  และเพรียงหัวหอม บางชนิดขุดรูหรือฝังตัวอยู่ในดิน หรือเจาะรูอยู่ในขอนไม้ เศษปะการัง เช่นไอโซพอด Genus Limnoria  และ  Sphaeroma เจาะเรือไม้ และทำให้เรือผุ หรือในป่าชายเลน มักพบ Spheroma เจาะบริเวณรากคำยัน และรากอากาศของต้นไม้ในป่าชายเลน ทำให้รากมีความเปราะบาง  และเป็นการเร่งให้ต้นไม้สร้างรากใหม่ ชักนำให้เกิดลักษณะรากที่หักเหมือนขั้นบันได ไอโซพอดหลายชนิดกินซากพืชซากสัตว์ และอินทรียสารเช่นไอโซพอด Genus  Ligia  และ Tylos ส่วนไอโซพอด Family  Cirolanidae  และ Corallanidae  และ Tridentellidae  เป็นสัตว์กินเนื้อที่เป็นทั้งผู้ล่า และกินซากสัตว์ ส่วนไอโซพอดใน Suborder Epicaridea เป็นปรสิตในครัสเตเชียน นอกจากนี้ยังพบไอโซพอดที่เป็นปรสิตในปลาคือไอโซพอด Family Cymothoidae  และ Aegidae ที่เป็นปรสิตแบบชั่วคราว หยิบยกข้อมูลที่เราเคยเขียนไว้จาก http://www.siamensis.org/board/8096.html จากคุณ : koraon - [ 12 ต.ค. 51 13:07:25 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ตัวนี้ Bathynomus lowryi ตัวนี้ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กเจ้าค่ะ เกือบฟุต เจอะที่อันดามันบ้านเราเอง ที่ความลึกเกือบ 700 เมตร เป็นอีกหนึ่งในสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ที่เมืองไทย แมลงสาบทะเลสกุลนี้มักเจอบริเวณน้ำลึก ในแถบคาริบเบียน เจ้าตัวนี้เป็นอาหารเหลาด้วยนะ อย่าได้ดูเบา จากคุณ : koraon - [ 12 ต.ค. 51 13:11:53 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ส่วนแมลงสาบทะเลอีกกลุ่มที่น่าสนใจ เป็นกลุ่มที่ดำรงชีวิตเป็นปรสิต เกาะตามเหงือก หรือลิ้นของปลา โดยเฉพาะกลุ่มปลาเก๋าปลากระพงเป็นหลัก แต่ครั้งหนึ่งเราเคยเจอมันเกาะอยู่บนตัวปลาฉลามด้วย เอากะเพื่อนสิ และมีบางชนิดที่เกาะใต้ carapace ของกุ้ง ที่เค้าเรียกกันปรสิตแก้มกุ้งนั่นเอง ตามไปอ่านต่อที่นี่เลยนะ http://www.siamensis.org/board/8380.html จากคุณ : koraon - [ 12 ต.ค. 51 13:16:21 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เคยเลี้ยงยุงไว้ตัวนึงครับ เลี้ยงได้ 2 วัน ดันหงายท้องตายซะ (ตายเหมือนแมลงวาปเลย) แบบว่า ลืมให้อาหารมันน่ะ อาจจัง จากคุณ : ป้ายแดง - [ 19 ต.ค. 51 23:09:10 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เลี้ยง...................... แมงมุม จากคุณ : NorsDavincy - [ 29 ต.ค. 51 21:24:31 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ผีเสื้อ (Grost Shirt) เอ้ย . .  Butterfly ชีวิตของผีเสื้อเริ่มจาก ไข่ แล้วไข่จะฟักออกเป็นตัวหนอน ซึ่งเรามักเรียกกันว่า ตัวแก้ว ต่อมาตัวแก้วจะหยุดกินอาหาร และไม่เคลื่อนไหว กลายสภาพเป็น ดักแด้ และในไม่ช้าดักแด้จะกลายสภาพเป็น ผีเสื้อ สีสวยเที่ยวบินว่อนอยู่ตามดงดอกไม้ ซึ่งเป็น ตัวเต็มวัย ชีวิตของผีเสื้อจึงแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ อย่างไรก็ดี เราไม่อาจบอกได้ว่า ชีวิตของผีเสื้อในแต่ละระยะคงอยู่เป็นเวลานานเท่าไร ก่อนที่มันจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นอีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้เพราะระยะเวลาในแต่ละระยะของผีเสื้อแต่ละชนิดจะแตกต่างกันไป ไม่แน่นอน และยังขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ และสภาพภูมิอากาศในแต่ละท้องที่อีกด้วย แม้กระนั้น เคยมีนักวิชาการบันทึกไว้ว่า ผีเสื้อในเขตร้อนของโลกนั้น จะคงอยู่ในระยะของ ไข่ ราวแค่ 3 วันเท่านั้น ระยะ ตัวแก้ว เป็นเวลาถึง 8 วัน และระยะ ดักแด้ เป็นเวลาราว 7 วัน ดังนั้น กว่าผีเสื้อจะได้มีชีวิตบินร่อนไปร่อนมา เพื่อหาน้ำหวานจากดอกไม้ มันต้องใช้เวลารวมแล้วไม่ต่ำกว่า 18 วัน นับจากเริ่มเป็นไข่ ส่วนในเขตอบอุ่นนั้น ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มเป็นไข่ จนกระทั่งกลายเป็นผีเสื้อ เป็นเวลาราว 8 สัปดาห์ สำหรับผีเสื้อชนิดที่เจริญเติบโตเร็ว แต่สำหรับผีเสื้อชนิดที่เจริญเติบโตช้า ระยะเวลาของวรจรชีวิตจะนานกว่านี้ และมีผีเสื้อหลายชนิดทีเดียวที่มีวงจรชีวิตเท่ากับระยะเวลาหนึ่งปีเต็ม ด้วยเหตุนี้ อย่างน้อยระยะใดระยะหนึ่งของมันจะต้องอยู่ในสภาวะ " จำศีล" ในฤดูหนาว ที่เรียกกันว่า hibernation สำหรับในประเทศเขตร้อนนั้น ผีเสื้อบางชนิด บางทีบางระยะหนึ่งของมันอาจต้อง " จำศีล" ในฤดูร้อน ที่เรียกกันว่า aestivation ด้วย ถึงแม้ว่า ผีเสื้อคู่หนึ่งๆ สามารถผลิตไข่หรือให้กำเนิดลูกหลานได้ถึง 3,000,000 ตัวในฤดูหนึ่งของปีก็ตาม แต่โอกาสที่จะมีชีวิตเหลือรอดออกมาเป็นผีเสื้อแสนสวยมีน้อยมากทีเดียว เฉลี่ยแล้ว ผีเสื้อคุ่หนึ่งๆ ให้กำเนิดลูกหลานที่เหลือรอดออกมาเป็นผีเสื้อได้ราว 2-3 ตัวเท่านั้น ทั้งนี้เพราะผีเสื้อมีศัตรูมากนั่นเอง คอยทำลายทุกระยะ ตั้งแต่ยังเป็นไข่ จนกลายมาเป็นตัวแก้ว ดักแด้ หรือ แม้แต่ผีเสื้อที่โตเต็มวัยแล้ว และยังมีศัตรูคอยล่ากิน และมีมนุษย์คอยล่าเพื่อเก็บสะสมอีกด้วย นอกจากนี้ มันยังได้รับภัยจากโรคระบาด และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปจนมันไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่น นั้นต่อไปได้ http://www.kontongphai.com/butterfly.htm จากคุณ : แซลมอลรมควัน - [ 2 พ.ย. 51 19:47:24 ]