ความคิดเห็นที่ 1 เราก็จะมีเทศกาลกินเนื้อสัตว์แทน จากคุณ : IamYenta - [ 29 ก.ย. 51 23:36:12 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ^ ^ เออเนอะ ก็อาจจะยังมีฟาร์มปศุสัตว์อยู่ เพราะคงใช้ส่วนอื่นของสัตว์แทน เช่น ขนสัตว์ นม (หนังไม่ได้สิเนอะ ฆ่าชัดๆ - -) จำนวนนี่ผมว่าไม่ล้นครับ เพราะสัตว์ที่เรากินๆนี่ก็ส่วนใหญ่เกิดจากการเลี้ยงเพิ่มไม่ใช่หรือ? คิดได้เท่านี้ง่ะ - - จากคุณ : ScaperS - [ 30 ก.ย. 51 00:03:19 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คงเกิดวิกฤตแน่ๆ   ในแง่อื่นๆ ไม่ทราบ  แต่ในแง่ธุรกิจ คงมีหลายธุรกิจเจ๊ง ครับ ทั้งที่ผลิตอาหารจากเนื้อสัตว์โดยตรง, ผลิตอาหารสำหรับเลี้ยงสัตว์,  กิจการประมง ฯลฯ อีกมากมายมหาศาลที่ต้องหยุดกิจการ  ที่สำคัญ คนมากมายคงต้องตกงานหรือเปลี่ยนงานใหม่ จากคุณ : Cactus Louis - [ 30 ก.ย. 51 00:30:38 ]

ความคิดเห็นที่ 4 พ่อเราคงตกงาน จากคุณ : ข้าวสวยข้าวเม่า - [ 30 ก.ย. 51 00:31:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 น่าจะประหยัดพลังงานขึ้นครับ GDP ลดลง สิ้นเปลืองมากขึ้นในส่วนของวัตถุดิบที่เหลือทิ้ง หนังสัตว์น่าจะได้นะครับ ถ้าตายแล้ว จำนวนไม่น่าจะล้น เพราะสมดุลธรรมชาติมีครับ ที่จริงปลูกผักก็ต้องฆ่าสัตว์อยู่บ้าง แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 51 06:29:47 จากคุณ : RealWorld - [ 30 ก.ย. 51 00:34:51 ]

ความคิดเห็นที่ 6 โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์เป็นสัตว์ที่กินทั้งพืชและสัตว์ ร่างกายมนุษย์ไม่ได้ออกแบบมาให้กินแต่สัตว์อย่างเดียว หรือกินแต่พืชอย่างเดียว จากคุณ : Protector - [ 30 ก.ย. 51 00:44:09 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กินแต่พืช เป็นโรคตายหมดเลยมั้ง จากคุณ : ทั้งหมดแถวตรง - [ 30 ก.ย. 51 01:48:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มนุษย์ก็จะขาด โปรตีน หรือ สารอาหารบางอย่าง ที่หาจากพืชไม่ได้ จากคุณ : Snowwave - [ 30 ก.ย. 51 01:50:55 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เกิดการขาดแคลนอาหารก่อนคับเพราะการกสิกรรมในโลกนี้ตอนนี้ยังเลี้ยงคนไม่พอทั้งโลก จากคุณ : sorrowsong - [ 30 ก.ย. 51 04:54:45 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จริงๆแล้วมนุษย์เป็นสัตว์กินพืช ลองหาดู ถ้าคนหันมากินเจหมด ห่วงโซ่อาหารก็จะปรับตัว ให้สมดุลย์เอง จากคุณ : กินจงกินเจ (saengdaed) - [ 30 ก.ย. 51 07:56:27 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอโทษครับ #4 ไม่ได้ตั้งใจจะเดือดร้อน จริงๆนะ จากคุณ : ดีจ้า - [ 30 ก.ย. 51 08:12:30 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าเรากินแต่พืชผัก...สักวันหนึ่งก็คนจะมีคนตั้งกลุ่มรณรงค์ให้อนุรักษ์พืชผักและหันมากินเนื้อสัตว์อีกที -*- จากคุณ : Cha_cha_koi - [ 30 ก.ย. 51 08:20:35 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สัตว์ที่เคยเป็นอาหารจะกลายเป็นสัตว์ใกล้สุญพันธุ์ จากคุณ : Humandroy - [ 30 ก.ย. 51 08:52:00 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ป่าหายหมดเอาไปทำการเกษตรหมด (คิดว่างั้นนะ) จากคุณ : sassathx - [ 30 ก.ย. 51 08:54:30 ]

ความคิดเห็นที่ 15 #10 ไปเอาข้อมูลมาจากไหนครับ หมูคงสูญพันธ์มั้งครับ  ไม่รู้จะเลี้ยงไว้ทำไม จากคุณ : ผีกะหล่ำ - [ 30 ก.ย. 51 08:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เผ่าพันธุ์มนุษย์เราไม่เป็น และไม่เคยเป็นสัตว์กินพืชครับ ข้อกล่าวอ้างว่ามนุษย์เป็นสัตว์กินพืชเป็นความคิดของคนที่พยายามจะส่งเสริมลัทธิกินเจครับ ซึ่งผมไม่ได้ทั้งเห็นด้วย หรือต่อต้านแต่อย่างใด ตัวท่านเองครับ ท่านเลือกกินเอง มาว่ากันทางวิชาการดีกว่าครับ ผมจะไม่กล่าวถึงเผ่าพันธุ์อื่นก่อนจะเป็นมนุษย์นะครับ ผมมีบทความที่ผมเซพเก็บไว้จากบล๊อกของคุณ Darksingha [http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=inthedark&month=13-10-2007&group=2&gblog=40 ] ผมขอเอาส่วนนึงมาเสนอครับ -------------------------------------------------------------------------------- โดยส่วนตัวผมไม่ได้มีอะไรต่อต้านการกินผักกินเจหรอกนะครับ เพียงแต่รู้สึกว่า เหตุผลต่างๆ ที่ท่านทั้งหลายนำมาอ้างเกี่ยวกับธรรมชาติเนี่ย ดูมันจะเป็นการสรุปอะไรอย่างง่ายดายเกินไปหน่อย.. เช่นนี้แล้ว กระผมอยากใคร่ชักชวนพวกเรา ลองมาวิเคราะห์ข้อเท็จจริงต่างๆ กันอย่างลึกซึ้งกว่านี้อีกหน่อยจะดีไหม? เผื่อจะได้มาซึ่งเหตุผลในการละเว้นเนื้อสัตว์ ที่มันสอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้น (ถ้าหากท่านเชื่อว่าการอ้างอิงความจริงเป็นเรื่องสำคัญนะ) อันดับแรกเลย ขอเชิญมาดูเรื่องฟันกันก่อนครับ จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:11:37 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โอเค จริงอยู่ ฟันพวกสัตว์กินเนื้ออย่างหมากับแมว มีทั้งเขี้ยวแหลมคม ทั้งหยึกหยักขึกขัก แตกต่างจากของคนโดยชัดเจน อันนี้ต่อให้เอาเด็กอ้วนเบร้อ-นมบอดที่ไหนมาดูก็น่าจะสามารถบ่งบอกได้ เรื่องนี้มันไม่มีใครเถียงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทว่า ในขณะเดียวกัน ครั้นจะฟันธงไปเลยว่าฟันคนมันเหมือนกับของสัตว์กินพืช.. อืมม.... อันนี้ ผมว่า.. มันก็ไม่ได้เหมือนซะทีเดียวนะ หาก ดูให้ละเอียด ฟันกรามของสัตว์กินพืช จะมีลักษณะพิเศษคือซี่มันจะใหญ่โตโอราฬ แล้วก็จะงอกสูงตระหง่านขึ้นมาจากระดับเหงือกเยอะมาก ทั้งนี้เพื่อเป็นการเผื่อเนื้อที่ในการสึกกร่อน อันมักบังเกิดจากการที่ต้องเสียดสีกับความหยาบคายของกิ่งไม้ใบหญ้าอยู่ตลอด เวลา ฟันกรามของคนเรา เมื่อพินิจน์ดูแล้ว ช่างงอกเตี้ยติดเหงือกกว่าของพวกนี้มากนัก ซ้าย: ฟันกรามคน ขวา: ฟันกรามม้า จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:12:35 ]

ความคิดเห็นที่ 18 โลกร้อน เพราะโลกจะเต็มไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่สิ่งมีชีวิตจำพวกสัตว์รวมทั้งมนุษย์ร่วมกันสร้าง ป่าไม้ไม่เพียงพอที่จะผลิตก๊าซออกซิเจน เกิดก๊าซเรือนกระจก เข้าสู่ยุคน้ำท่วมโลก เกิดสงครามแย่งชิงที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ เกิดศึกแย่งชิงแหล่งอาหารของโลก แล้วโลกกลับเข้าสู่ยุคมืด (ช่างมองโลกในแง่ร้ายชะมัด) จากคุณ : Trawl60 - [ 30 ก.ย. 51 09:12:47 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มนุษย์เป็นสัตว์ กินอาหารทั้ง 5 หมู่ครับ ขออนุญาต แปะข้อมูลนะครับ Credit>>> http://www.onopen.com/2007/02/2198 จากคุณ : sariell - [ 30 ก.ย. 51 09:12:50 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ประการต่อมา สำหรับสัตว์กินพืช การบดๆๆ แล้วก็เคี้ยวๆๆ ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ยิ่งมีจำนวนฟันที่อุทิศให้กับหน้าที่นี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ดังนั้น ตลอดระยะเวลาวิวัฒนาการที่ผ่านมา ฟันกรามเล็กของสายพันธุ์สัตว์กินพืชจึงมักถูกเกณฑ์ให้ไปช่วยทำหน้าที่ในการ บดร่วมกันกับฟันกรามใหญ่ รูปร่างของมันก็มักจะได้รับการปรับแต่งจนมีหน้าตาและการใช้งานที่เหมือนกับ ฟันกรามใหญ่เป๊ะ ในขณะที่ ถ้าเรามาดูในฟันกรามเล็กของคนเรา จะพบว่า ลักษณะมันยังเป็นกึ่งๆ ระหว่างฟันกรามกับฟันเขี้ยวอยู่ คือมีทั้งหน้าตัดที่กว้าง แล้วก็มีทั้งยอดที่แหลมๆ ขึ้นมาด้วย คงความเอนกประสงค์เอาไว้ เผื่อสำหรับเวลากินเนื้อ ก็จะได้สามารถใช้ฟันพวกนี้แหละ ทั้งฉีกทั้งเคี้ยวในซี่เดียวกัน บน: ฟันวัว ล่าง: ฟันคน จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:13:54 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มนุษย์เป็นสัตว์กินอะไรกันแน่ เถียงกันไม่จบครับ.... ถ้าเปลี่ยนอย่างฉับพลัน คงวุ่นอย่างที่เห็น แต่ถ้าค่อยเป็นค่อยไป ก็จะมีการปรับตัว ส่วนที่ปรับไม่ได้ก็ตายไป จุดที่น่าสนใจคือ ป่าไม้จะหมดไปไหม จะมีการลักลอบถางป่าเพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจไหม อาจจะมีการถมทะเลเพื่อทำพื้นที่เพาะปลูกพืชตระกูลถั่วเพื่อเป็นแหล่งโปรตีน มีการจัดสัมปทาน และมีผู้ลักลอบถมทะเล ทำให้สัตว์เสียที่อยู่ น้ำทะเลตื้นเขิน เกิดองค์กรอนุรักษ์สัตว์ทะเล ภาวะโลกร้อนอาจหมดไป เกิดภาวะโลกเย็น (มั่วเอานะครับ) อาจมีการรณรงคให้ลดกินพืช หันมากินเนื้อสัตว์เพื่อเพิ่มมีเทนในบรรยากาศ ช่วยให้โลกอุ่นขึ้น จากคุณ : proofman - [ 30 ก.ย. 51 09:15:20 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สังเกตว่าฟันกรามใหญ่กรามเล็กของวัวจะหน้าตาเหมือนกันเอา ไว้ใช้บดเคี้ยวทั้งคู่ ส่วนในคน กรามเล็กจะมียอดแหลมๆ อยู่ เอาไว้ช่วยฟันเขี้ยวในการเจาะฉีกมากกว่า นอกจากนี้ อีกส่วนนึงที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ ก็คือ ในสัตว์กินพืช ฟันกรามทั้งหมด พื้นผิวหน้าตัดด้านบนมันจะได้รับการดัดแปลงพิเศษ ให้มีสันมีร่องต่างๆ มากมาย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบด ครูด ขยี้ อาหารที่มันกินเข้าไปให้แหลกละเอียด (นึกถึงภาพ ที่บดปลาหมึก ไม่ก็ไอ้เครื่องที่เค้าเอาไว้ใช้รีดน้ำอ้อย พวกนี้จะมีลักษณะพื้นผิวเป็นสันๆ ร่องๆ เหมือนกัน) ถ้าไปดูฟันกรามของวัว ของกวาง ของแกะ จะเห็นได้ชัดเลยว่าทุกซี่ล้วนมีสันมีร่องตามยาวไล่ขนานไปกับแนวขากรรไกร ยิ่งของม้านี้ยิ่งมีมากร่อง พับไปพับมา สลับซับซ้อนมาก.. บนซ้าย: ฟันกรามวัว บนขวา: ฟันกรามกวาง ล่าง: ฟันกรามกาเซล(สัตว์ตระกูลกวางชนิดหนึ่ง) จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:15:33 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ทุกรูป: ฟันกรามม้า จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:16:23 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ส่วนในสมเสร็จ พะยูน และสัตว์ตระกูลหนูกระรอกอีกหลายๆ ชนิด พวกนี้ฟันกรามก็จะมีร่องเหมือนกันแต่เป็นร่องตามแนวขวาง.. จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:16:58 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ของช้างนี่ยิ่งแล้วใหญ่ แค่ฟันกรามซี่เดียวของมัน ก็ยาวเท่าแขนเราแล้ว แต่ละซี่หนักถึง 4 กิโล มีร่องตามขวางซ้อนๆๆ กัน บางทีเป็นสิบกว่าร่อง ฟันซี่ใหญ่ขนาดนี้ ใช้ทีละไม่กี่ซี่ก็พอ ดังนั้น ทั้งปากช้างจึงมีฟันอยู่ทั้งหมดแค่ 4 ซี่ กรามบน 2 กรามล่าง 2 (ไม่นับงา) ที่เหลือสำรองเก็บไว้ พอฟันเดิมใช้งานสึกหรอไปเรื่อยๆ ซี่ใหม่ถึงค่อยงอกออกมาทดแทน.. และที่แปลกพิศดารมากก็คือ แทนที่มันจะงอกขึ้นมาตามแนวตั้งเหมือนอย่างฟันสัตว์อื่นๆ ทั่วๆ ไป ฟันกรามของพี่ช้างแกกลับงอกตามแนวนอน! ฟันเก่าค่อยๆ สึกไป ฟันใหม่ก็ค่อยๆ งอกดันออกมาเสียบแทนจากทางด้านหลังของขากรรไกรเรื่อยๆ ทั้งชีวิตมีสำรองให้ใช้ได้ทั้งหมด 6 ชุด หมดแล้วก็หมดเลย ช้างที่แก่มากๆ ซึ่งใช้ฟันมาจนครบหมดชุดแล้ว จึงต้องเลือกกินอาหารอย่างระมัดระวัง เพราะเกิดกินของแข็งๆ มากไป เคี้ยวไม่บันยะบันยัง ประเดี๋ยวฟันชุดสุดท้ายสึกหมด ต่อไปก็จะไม่สามารถกินอะไรได้อีก ก่อให้เกิดเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ (ยกเว้นจะมีคนทำฟันปลอมช้างให้ใส่) ฟันกรามช้าง: ที่เห็นเป็นแผงยาวๆ ใหญ่ๆ มีร่องหลายๆ ร่อง นี่คือแค่ซี่เดียว ไม่ใช่หลายซี่ จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:17:40 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ลำดับการงอกของฟันกรามทั้ง 6 ชุดของช้าง: แต่ละชุดระบายสีคนละสีกัน ชุดใหม่จะค่อยๆ งอกดันออกมาแทนที่ชุดเก่าจากทางด้านหลังเรื่อยๆ สังเกตุว่าอายุ 30 แล้ว ฟันชุดสุดท้ายถึงเพิ่งจะขึ้น จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:18:07 ]

ความคิดเห็นที่ 27 นี่แหละครับ ถ้าดูกันที่ร่องที่สันของฟันกรามละก็ บนฟันคนเราไม่มีอะไรแบบนี้แน่นอน แตกต่างจากของสัตว์กินพืชโดยสิ้นเชิง ต่อให้เอาเด็กอ้วนเบร้อ-นมบอดคนเดิมมาดูก็น่าจะบ่งบอกได้ง่ายไม่แพ้กัน ใน ความเป็นจริง พื้นผิวด้านบนของฟันกรามใหญ่ของคน มีลักษณะเป็นปุ่มๆ นูนๆ มนๆ โผล่ขึ้นมาตรงมุม ทั้งหมด 4 ปุ่ม ผิวฟันกรามแบบนี้ ไม่เหมือนทั้งของช้างม้าวัวควาย ไม่เหมือนทั้งของเสือสิงห์กระทิงแรด แต่กลับไปละม้ายคล้ายคลึงกับของหมูและหมีซะมากกว่า ซึ่งสัตว์ทั้ง 2 กลุ่มนี้ หากดูตามพฤติกรรมการกิน จะพบว่าต่างก็เป็นสัตว์ที่ไม่เรื่องมากด้วยกันทั้งคู่ คือโดยทั่วไปกินอาหารได้หลากหลาย มีอะไรให้กินก็กินได้หมด ไม่จำกัดว่าต้องเป็นเนื้อหรือเป็นพืชแต่อย่างเดียว เราเรียกพวกมันว่าเป็น Omnivore (คือ ผู้ที่กินทุกอย่าง) จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:18:28 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แต่แน่นอน ถ้าจะเอาให้เหมือนของคนที่สุดจริงๆ เห็นจะได้แก่ฟันของสัตว์กลุ่มลิง ซึ่งถือเป็นญาติใกล้เคียงกับเรามากที่สุด พูด ถึงตอนนี้ คนกินมังสวิรัติบางคน อาจจะรีบลุกขึ้นกระโดดลอยตัวตบมือกลางอากาศ บอก "อ่าฮ่ะ! พวกลิงมันชอบกินผลไม้หนิ! เห็นมั้ย บอกแล้วว่าคนเป็นสัตว์กินพืชตามธรรมชาติ!" ช้าก่อน.. หากประสกคิดว่าลิงเป็นสัตว์ที่กินแต่ใบไม้ผลไม้อย่างเดียวละก็ ประสกลองมาดูนี่ก่อนเถิด ใน ธรรมชาติ ลิง*ชิมแพนซีปกติกินใบไม้ผลไม้เป็นหลักก็จริง แต่ทุกๆ 3-7 วัน (เดือนละ 4-10 ครั้ง แล้วแต่ฤดู) บรรดาพวกหนุ่มๆ มักจะมีการรวบรวมพลพรรคเพื่อนฝูง เดินตามกันเป็นแถวๆ เข้าไปในแนวป่า พวกมันเข้าไปทำอะไรกันน่ะรึ? หึ หึ หึ.. คำตอบก็คือ เข้าป่าไปล่าสัตว์ครับ! ฟันสัตว์ตระกูลต่างๆ ในกลุ่มไพรเมทส์ (primates) แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 51 09:43:26 จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:20:21 ]

ความคิดเห็นที่ 29 หมายเหตุ-จริงๆ แล้ว ชิมแพนซีไม่ใช่ลิงแต่เป็นเอพ(Ape) อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เรียกง่ายๆ ในที่นี้ก็จะใช้คำว่าลิงไปน่ะแหละ เอาเป็นว่า เป็นที่เข้าใจกันละกัน จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:21:01 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เหยื่ออันเป็นที่โปรดปรานที่สุดของชิมแพนซี ได้แก่ลิงขนาดเล็กที่ชื่อว่าลิงโคโลบัสแดง (red colobus monkey) ในความเป็นจริงแล้วโคโลบัสทั้งว่องไวทั้งปราดเปรียวเหนือกว่าชิมแพนซีอยู่ หลายขุม ตัวก็เบา วิ่งไต่บนกิ่งไม้เล็กๆ ก็ได้ จะโดดข้ามจากต้นนึงไปอีกต้นนึงก็ทำได้อย่างง่ายดาย ว่ากันตามรูปการณ์แล้ว โอกาสที่ชิมแพนซีจะสามารถวิ่งไล่จับโคโลบัสได้สำเร็จแบบตรงไปตรงมา คงมีต่ำพอๆ กับเอาซูโม่ไปวิ่งไล่นักยิมนาสติก แต่กระนั้นก็ตาม ชิมพ์ก็ได้เปรียบตรงที่กลยุธครับ ในชิมแพนซีฝูงใหญ่ประมาณ 50-60 ตัว มักจะมีพวกพรานตัวผู้ที่ชำนาญและมากด้วยประสบการณ์อยู่ประมาณเกือบ 10 ตัวด้วยกัน พวกนี้แหละครับ จะทำหน้าที่เป็นผู้นำในการออกล่า และเพื่อให้เข้าใจแผนการรุกอันแยบยลของชิมแพนซี ผมจะสมมติให้คุณเป็นลิงตัวหนึ่งที่อยู่ในในทีมก็แล้วกัน ก่อนออกล่า ถ้าพวกมันคุยกันได้ คำสนทนาที่คุณจะได้ยินจากตัวหัวหน้า คงจะเป็นประมาณนี้แหละครับ "โอเค ทุกตัวเบาๆ นะ.. ตะกี๊ข้าเห็นละ โคโลบัส:-)เป็นฝูงเลย นั่งอยู่บนยอดไม้.. ไอ้ โกโก้ ประเดี๋ยวเอ็งเป็น "ตัวต้อน" โผล่หน้าออกไปให้มันเห็นก่อน พอพวกมันเริ่มแตกฝูง เอ็งก็ค่อยๆ วิ่งไล่ไปเรื่อยๆ พยายามต้อนให้พวกมันหนีไปทางต้นที่จับง่ายๆ หน่อย.. ไอ้ด่าง ไอ้ชัย ไอ้ยอด พวกเอ็งเป็น"ตัวบล็อค" วิ่งอ้อมไปประกบซ้ายขวากับข้างหลัง ปีนต้นไม้ขึ้นไป ทำตัวเด่นๆ ไว้ มันจะได้ไม่กล้าไปทางเอ็ง พยายามล้อมกรอบ บีบขอบเขตในการหนีของพวกมันให้แคบเข้ามาเรื่อยๆ เข้าใจมั้ย.. โอเค พอแคบได้ที่ พอมันเริ่มจนมุมไม่มีที่จะไปแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะเล่นเป็น"ตัวไล่" เอง ถึงเวลา ข้าจะปีนขึ้นไป แล้ววิ่งชาร์จเข้าใส่มันอย่างรวดเร็ว ทำท่าจะไล่ตะครุบมันเต็มที่ โคโลบัสมันเหลือทางหนีอยู่ไม่กี่ทาง มันก็ต้องวิ่งไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จังหวะนี้แหละ ไอ้ปังคุง เอ็งอ่านเกมให้ออก แล้วไปดักซุ่มรอไว้ได้เลย พอข้าไล่มันไปถึงที่เอ็งอยู่เมื่อไหร่ เอ็งรีบโผล่ออกมาตะครุบทันที! เท่านี้แหละ รับรองเสร็จ ไม่มีรอดแน่.. โอเค ทุกตัวเข้าใจตามนี้แล้วใช่มั้ย อย่าให้พลาดนะเว่ย ตั้งสมาธิให้มั่น งานนี้ถ้าสำเร็จ รับรองเย็นนี้ได้กินเนื้ออร่อยๆ กันทุกตัวแน่ เอาล่ะ ขอให้โชคดี ไปได้!" ปฏิบัติการลิงใหญ่ไล่ลิงเล็ก! ฮู่เร่! นี่ แหละครับ พวกชิมแพนซีในป่ามันใช้กลยุธในการล่ากันแบบนี้จริงๆ ที่สำคัญคือ ในความเป็นจริงมันตกลงวางแผนกันได้โดยที่ไม่มีภาษาพูดด้วยซ้ำ! ทุกตัวต่างรู้บทบาทหน้าที่ของตัวเอง แล้วก็ปฏิบัติตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยทีมเวิร์คเช่นนี้เอง ชิมแพนซีจึงเป็นผู้ล่าที่ประสบความสำเร็จค่อนข้างสูง ในการออกล่าแต่ละครั้ง มีโอกาสได้โคโลบัสติดมือกลับบ้านมากถึง 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ (ในบางพื้นที่สูงถึง 84%).. โอเค 50% อาจจะฟังดูไม่เท่าไหร่ แต่จริงๆ สำหรับสัตว์ป่าแค่นี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว เพราะขนาดสิงโตอัฟริกาที่เรายกย่องกันว่าเป็นจ้าวป่า ยังมีอัตราสำเร็จในการล่าเฉลี่ยแค่ 20% เท่านั้นเอง! ไม่ถึงครึ่งของปังคุงด้วยซ้ำ! ลิงโคโลบัสแดง แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 51 09:44:40 จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:23:47 ]

ความคิดเห็นที่ 31 มนุษย์ ก้อเป็น มนุษย์แหละครับ กินหมด แม้นกระทั้ง อิฐหินปูน ทราย ปล. ส่วนตัวเชื่อว่า มนุษย์ เป้นลูกผสมระหว่าง กินพืชกับกินเนื้อครับ จากคุณ : vn, man - [ 30 ก.ย. 51 09:26:24 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ลิงล่าสัตว์เก่งกว่าสิงโต ใครมันจะไปคิดใช่มั้ยครับ? จริงๆ แล้วแม้แต่นักวิทยาศาสตร์เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน พฤติกรรมการล่าเหยื่อของชิมแพนซีเพิ่งจะมาถูกค้นพบเมื่อประมาณยุคปี 1960s ต้นๆ นี่เอง โดยคุณเจน กู๊ดดอล(Jane Goodall) นักวิจัยหญิงชาวอังกฤษ ซึ่งอุทิศตนบุกป่าเข้าไปศึกษาพฤติกรรมชิมพ์ในสภาพธรรมชาติเป็นคนแรก ก่อนหน้านั้น แม้แต่นักชีววิทยาผู้เชี่ยวชาญเอง ก็ยังเชื่อว่าชิมพ์เป็นลิงมังสวิรัติ กินแต่พืชผักผลไม้เป็นอาหารอย่างเดียว เรียกได้ว่าเป็นการค้นพบที่ช็อควงการมากๆ คุณเจน กู๊ดดอล กับเพื่อนๆ ชิมแพนซี จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:27:11 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ตั้งแต่การค้นพบของคุณเจน กู๊ดดอลเรื่อยมา คนก็ให้ความสนใจศึกษาการล่าเนื้อของชิมแพนซีมาเรื่อย จนหลังๆ นี่เรารู้รายละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมของมันมากขึ้นเยอะ ยกตัวอย่าง เช่น ลิงโคโลบัสถือเป็นของโปรดของชิมแพนซีจริงๆ 80% ของเนื้อที่มันกินทั้งหมด มาจากโคโลบัส โดยเฉพาะตัวที่ยังเด็กๆ ละอ่อนๆ จับง่ายๆ นี่ปังคุงยิ่งชอบ (75% ของโคโลบัสที่ถูกจับทั้งหมด เป็นลิงเด็ก) ในปี 1990 นักวิจัยเฝ้าสังเกตุลิงชิมแพนซีฝูงนึงที่อุทธยานแห่งชาติกอมเบ้ (Gombe, Tanzania) ซึ่งมีสมาชิกอยู่ด้วยกันทั้งหมด 45 ตัว แล้วก็พบว่า แค่ระหว่างปลายเดือนมิถุนาถึงต้นเดือนกันยาแค่ช่วงเดียว (68 วัน - เป็นช่วงพีคของฤดูกาลล่า) ชิมพ์ฝูงนี้ได้ฆ่าโคโลบัสไปมากถึง 71 ตัว ในการออกล่า 47 ครั้ง.. นี่แค่นับเฉพาะที่นักวิจัยเห็นด้วยตาตัวเองเท่านั้น ส่วนที่ไม่เห็นยังไม่ได้นับ นอกจาก ลิงโคโลบัสแล้ว ชิมแพนซียังล่าสัตว์อื่นกินเป็นอาหารอีกหลากหลายชนิด ที่ผ่านมาเคยมีคนเห็นมันกินตั้งแต่ หมูป่า กิ้งก่า เก้ง กวาง บาบูน รวมไปจนถึงลิงขนาดเล็กชนิดอื่นๆ (ดีไม่ดี ถ้าปังคุงหิวมากๆ เผลอๆ มันอาจจะจับเจมส์กินก็ได้) อัตราส่วนของเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ ที่ชิมแพนซีล่ากิน แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 51 09:45:17 จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:29:34 ]

ความคิดเห็นที่ 34 วันก่อนผมนั่งดูสารคดีรายการนึง (The Trial of Life ตอน Hunting and Escaping) เค้าไปถ่ายการล่าโคโลบัสของชิมแพนซีในป่ามา แน่นอน ไอ้ฉากที่นักล่าแต่ละตัวกำลังวิ่งไล่จับโคโลบัสกันอยู่บนยอดไม้ อันนั้น ก็ถือว่าน่าตื่นเต้นมากแล้ว แต่อีกฉากนึงที่เร้าใจพอๆ กัน กลับเป็นตอนที่ฉายให้ดูไอ้พวกเพื่อนๆ ญาติๆ ที่ยืนรอลุ้นอยู่ข้างล่าง พวกนี้ พอเห็นนักล่าข้างบนใกล้ๆ จะจับโคโลบัสได้ ทั้งฝูงจะพากันกระโดดโลดเต้น ส่งเสียงโห่ร้อง"หุฮุ หุฮุ หุฮุ แว้กๆๆๆ!!" ประสานกันจนดังก้องอื้ออึงไปทั่วป่า ทำราวกับกำลังเชียร์บอลโลกคู่ชิงชนะเลิศอยู่อย่างไรอย่างนั้น ยิ่งพอจับโคโลบัสได้สำเร็จ ทุกตัวนี่เหมือนแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว ต่างกรูกันเข้ามาร่วมเฉลิมฉลอง แล้วก็ทยอยกันขอรับส่วนแบ่งของตนเองไปกิน ตัวไหนที่ได้แล้ว ก็มักจะถือเดินไปหาที่เหมาะๆ นั่งแทะกินอย่างเอร็ดอร่อย มือซ้ายกำซี่โครงโคโลบัส มือขวาคอยเด็ดยอดไม้อ่อนๆ ที่ขึ้นอยู่ข้างๆ มากินแกล้มกันไปด้วย ตัวที่สนิทๆ กัน พอเห็นเพื่อนกำลังกินอยู่ใกล้ๆ ก็มักจะเดินเข้ามานั่งข้างๆ แล้วก็แบมือขอ"นี่ๆๆ เอามากินมั่งดิ" ซึ่งเจ้าของชิ้นเนื้อ ส่วนใหญ่ก็มักจะฉีกแบ่งให้เป็นอย่างดี.. ผมยิ่งดูๆ ไป ยิ่งรู้สึกหลอนครับ ลิงพวกนี้มันเหมือนคนมากๆ! ทั้งสีหน้าท่าทาง ทั้งการกระทำอะไรหลายๆ อย่าง ช่างมีส่วนที่ละม้ายคล้ายคลึงกับเราอย่างน่าขนลุก ยิ่งการศึกษาใน ช่วงหลังๆ ที่ผ่านมา ยิ่งแสดงให้เห็นว่า การได้ออกล่าร่วมกัน และการเอาเนื้อที่ได้มาแบ่งกินกัน มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ต่อการกระชับสัมพันธ์ในหมู่คณะของสังคมชิมแพนซีเพศผู้ อันนี้ถ้าให้ผมคิด คงเป็นประมาณเดียวกับ "มิตรภาพระหว่างเพื่อนผู้ชาย" ระหว่างสหาย ที่ได้ออกศึกร่วมกันมา ต่างก็ยอมรับในฝีมือของกันและกัน มีสุขร่วมเสพ มีภัยก็ร่วมเสี่ยง คล้ายๆ กับนักกีฬาที่เล่นอยู่ทีมเดียวกัน รู้ใจกันและแชร์ความสำเร็จร่วมกันมาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ บางทีเนื้อก็ทำหน้าที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์แห่งอำนาจ ใครล่าเนื้อมาแบ่งให้เพื่อนได้มาก คนนั้นก็ยิ่งได้รับการยกย่องให้มีสถานะความเป็น "พี่ใหญ่" สูง เหมือนกับเป็นการโชว์ให้เห็นถึงสมรรถภาพร่างกายและทักษะที่เหนือชั้นกว่า.. ยิ่งไปกว่านั้น ผลการศึกษาบางอันยังสังเกตพบอีกว่า ชิมแพนซี บางทีก็ใช้เนื้อเป็นกระทั่งเครื่องมือต่อรองกับตัวเมียในการขอมีเพศสัม พันธุ์ด้วย! (เอาของกินมาล่อ เพื่อแลกกับเซ็กส์.. อย่างไรก็ตาม ชิมแพนซีตัวผู้ใช้มุขนี้แค่เพียงบางครั้งบางคราวเท่านั้น จุดประสงค์หลักของการล่าเนื้อ ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการซื้อใจตัวเมียเท่าไหร่ เพราะปกติชิมแพนซีตัวเมียมักจะใจง่ายอยู่แล้ว ไม่ต้องเอาเนื้อมาแลกก็ยอม) ความ เหมือนมนุษย์หลายๆ อย่าง ที่พบเห็นในสัตว์ที่เป็นญาติใกล้เคียงกับเรามากที่สุดในปัจจุบัน ทั้งหมดนี้ ฟังดูแล้ว มันชวนให้อดคิดถึงตัวเราเองไม่ได้.. ไม่แน่ บรรพบุรุษของเราสมัยก่อนนู้นเลย สมัยที่เพิ่งเริ่มหัดกินเนื้อกันใหม่ๆ อาจจะมีสภาพสังคมที่ไม่ต่างจากนี้มากนัก ก็เป็นได้ ปังคุงกินเนื้อแกล้มผัก รูปแคพเจอร์จากสารคดี The Trial of Life ตอน Hunting and Escaping แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 51 09:41:21 จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:30:19 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คนกินมังบางคน พอทราบเรื่องปังคุงกินเนื้อแล้วก็อาจจะบอกว่า "ไม่แปลกหรอก ชิมแพนซีถ้ามันจะล่าสัตว์กิน มันก็ต้องล่าได้อยู่แล้วล่ะ ก็มันมีเขี้ยวใหญ่หนิ(ถึงแม้จะไม่มีกงเล็บก็เถอะ) แล้วอย่างนี้ จะเอามันมาเปรียบเทียบกับคนได้ยังไง โดยธรรมชาติคนเราไม่มีทางทำอย่างมันได้หรอก อ้า.. เป็นไงล่ะ คราวนี้เถียงไม่ออกล่ะสิ" อืมม.. เรื่องนี้จริงๆ แล้วมันซับซ้อนอยู่นะครับ การดูแต่ฟันอย่างเดียว บางทีมันก็ทำให้ไขว้เขวได้เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกฟันเขี้ยว ซึ่งในความเป็นจริง ไม่จำเป็นต้องบ่งบอกถึงหน้าที่ความสามารถในการล่าเนื้อเสมอไป อย่างในบรรดาเอพส์ทั้งหลาย กอริลล่า ถือว่ามีเขี้ยวใหญ่สุด แต่กลับเป็นตัวที่กินมังสวิรัติมากที่สุด (จะกินสัตว์บ้างนานๆ ที ก็มีแค่พวกแมลง หรือไข่นกเท่านั้น) สัตว์บางชนิดอย่าง หมูป่า วอลรัส พะยูน ฮิปโป แพนด้าฯลฯ มีเขี้ยวใหญ่โตมโหราฬ แต่ก็ไม่ได้เอาไว้ใช้ล่าสัตว์อื่นแต่อย่างใด หน้าที่ของฟันเขี้ยว บางทีก็เอาไว้ใช้ขุด ใช้แงะ ไว้ขู่ศัตรู หรือไม่ส่วนใหญ่ก็คือเอาไว้ใช้ต่อสู้กันเอง (โดยเฉพาะระหว่างตัวผู้) อย่างในกอริลล่า เห็นได้ชัดว่าเขี้ยวขนาดใหญ่ของมัน ไม่ได้เอาไว้ไปกัดฆ่าตัวอะไรที่ไหน แต่น่าจะเอาไว้เป็นแค่อาวุธขู่ต่อสู้ป้องกันตัวมากกว่า ประโยชน์อีกอย่างนึงที่คนไม่ค่อยจะนึกถึงก็คือ เขี้ยวอาจจะเอาไว้ใช้ขบลูกไม้ที่มีเปลือกแข็งๆ กินก็ได้ สำหรับชิมแพนซีเอง การมีเขี้ยวอาจช่วยเอื้ออำนวยความสะดวกต่อการจัดการกับโคโลบัสได้บ้าง แต่คาดว่าจุดประสงค์หลักของมันน่าจะเอาไว้ใช้ทำอย่างอื่น(เช่นเดียวกับในกอ ริลล่า) และเผลอๆ อาจจะไม่ใช่อุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการล่าเนื้อเลยด้วยซ้ำ ซ้าย: ปังคุง ขวา: กอริคุง แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 51 09:40:26 จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:31:15 ]

ความคิดเห็นที่ 36 แท่งซ้าย: อัตราส่วนอาหารแต่ละประเภทที่กอริลล่ากินในธรรมชาติ แท่งขวา: อัตราส่วนอาหารแต่ละประเภทที่ชิมแพนซีกินในธรรมชาติ จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:32:11 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ล่าสุด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2007 ที่ผ่านมานี้เอง ที่เซเนกอลได้มีการค้นพบพฤติกรรมใหม่ในชิมแพนซีฝูงนึง ซึ่งรู้จัก "ประดิษฐ์อาวุธ" ขึ้นมาใช้ในการล่าสัตว์ เหยื่อของปังคุงในคราวนี้คือตัวบุชเบบี้ครับ มีลักษณะเหมือนนางอายตาโตๆ ตัวเล็กๆ น่ารัก เป็นสัตว์หากินกลางคืน ดังนั้นตอนกลางวันจึงมักหาที่นอนหลับซ่อนตัวอยู่ตามโพรงไม้ต่างๆ ชิมแพนซีที่ต้องการจะล่าเจ้าบุชเบบี้พวกนี้มากิน (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชิมแพนซีตัวเมีย) อันดับแรกมันก็จะไปหักกิ่งไม้ที่มีความแข็งและขนาดพอเหมาะมาซักท่อนนึงก่อน เอาให้ได้ความยาวประมาณซักครึ่งเมตรกว่าๆ ริดเอาใบและกิ่งก้านสาขาที่เกะกะออก (บางทีมีปอกเปลือกด้วย) จากนั้นก็ใช้ฟันของมันเนี่ย ค่อยๆ แทะ เหลาจนปลายแหลมได้ที่ สำเร็จเสร็จสรรพ สิ่งที่ได้ออกมา ก็คือ "หอก" ดีๆ นี่เอง.. บุชเบบี้ (bush baby) แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 51 09:40:02 จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:33:08 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อถึงเวลา ชิมแพนซีก็จะใช้หอกที่มันเพิ่งประดิษฐ์เสร็จอันนี้แหละ ทิ่มแทงอย่างแรง ซวกๆๆ จึ้กๆๆๆ ลงไปในโพรงไม้ที่มันสงสัยว่ามีตัวบุชเบบี้อยู่ กะเสียบให้ตาย แล้วก็ค่อยล้วงเก็บขึ้นมากิน ก่อนหน้านี้ เรารู้มานานแล้วว่า ชิมแพนซีรู้จักประยุกต์ใช้เครื่องมือต่างๆ ในการจัดการกับอาหารของมัน เช่น เอากิ่งไม้มาแหย่รังมด เอาก้อนหินมาทุบเปลือกนัท ฯลฯ แต่นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลก ที่เราได้เห็นมัน "ประดิษฐ์อาวุธ" ขึ้นมาแบบเป็นเรื่องเป็นราว เพื่อใช้ในการฆ่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดเล็กกว่าโดยเฉพาะ ปังคุงทำ"หอก" ล่าบุชเบบี้ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 51 09:39:29 จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:34:38 ]

ความคิดเห็นที่ 39 กิฟฟ์หมดแล้วอ่ะไม่งั้นจะแจกให้ คุณ  มนุษย์ถ้ำ เยอะๆ เลย ^^ จากคุณ : vn, man - [ 30 ก.ย. 51 09:36:37 ]

ความคิดเห็นที่ 40 นี่แหละครับ จากที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่า มีเขี้ยว อาจไม่จำเป็นต้องเอาไว้ล่าสัตว์เสมอไป.. ในขณะเดียวกัน จะล่าสัตว์ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เขี้ยวเสมอไป เช่นกัน เพราะแบบนี้ไงครับ ผมถึงได้บอกว่ามันเป็นการสรุปอะไรง่ายไปนิดนึง.. หากจู่ๆ ก็จะมาบอกว่า "เอ้อ คนไม่มีเขี้ยวนะ ดังนั้นคนเป็นสัตว์กินพืช จบ" ต่อ ให้ไม่มีเขี้ยวเลย มันก็ยังมีวิธีการอย่างอื่นอีกตั้งเยอะแยะ ที่จะสามารถใช้ล่าสัตว์กินเป็นอาหารได้ ทีมเวิร์คนั่นก็อย่างนึง ระดับความฉลาด การรู้จักประดิษฐ์ประยุกต์ใช้สิ่งต่างๆ รอบตัวมาทำเป็นอาวุธ อันนั้นก็อีกอย่างนึง ถ้าขนาดชิมแพนซีมันยังทำสิ่งเหล่านี้ได้เอง"ตามธรรมชาติ" แล้วคนเราล่ะ? เราไม่ฉลาดพอที่จะร่วมมือกัน.. ที่จะรู้จักประดิษฐ์เครื่องไม้เครื่องมือขึ้นมาใช้ล่าสัตว์กินเอง "ตามธรรมชาติ" ได้บ้างหรืออย่างไร? ถึงแม้คนจะไม่มีเขี้ยวมีเล็บติดตัว แต่ธรรมชาติของเราก็อาจจะมี"เขี้ยวเล็บทางปัญญา" ไว้ให้ใช้เป็นอาวุธทดแทน ก็เป็นได้ ครั้นจะไม่นับคุณสมบัติข้อนี้เลย ผมว่ามันก็กะไรๆ อยู่ (แลจะดูถูกความสามารถโดยธรรมชาติของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปซักนิด) --------------------------------------------------------------------------------- จบครับ ขออภัยที่ยาวไปซักนิด และขอบคุณท่าน Darksingha มา ณ ที่นี้ด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 51 09:38:46 จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 09:37:38 ]

ความคิดเห็นที่ 41 กระทู้นี้ข้อมูลเยอะได้ใจ แต่ give หมดแล้วเช่นกัน อันสุดท้ายก็ให้ท่านไปนั่นแหละ คุณมนุษย์ถ้ำ แต่เป็นกระทู้อื่น จากคุณ : Cryptomnesia - [ 30 ก.ย. 51 09:41:00 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คงจะได้กินถั่ว(ดำ อิอิ) แทนเนื้อสัตว์ เพื่อเสริมโปรตีน จากคุณ : LoVeTooNNa - [ 30 ก.ย. 51 09:48:57 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อ่านกระทู้นี้แล้วนึกถึง PETA แฮะ จากคุณ : xnone - [ 30 ก.ย. 51 09:53:35 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คุณมนุษย์ถ้ำ นี่ดูแค่ชื่อก็น่าเชื่อถือแล้ว เป็นมนุษย์ยุคแรกๆเลย หุหุ จากคุณ : Desolation Angel - [ 30 ก.ย. 51 10:06:38 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ต้องเก็บเข้าคลังกระทู้ไปเลย เผื่อต่อไปจะมีกระทู้พวกคนกินสัตว์หรือกินพืชกันอีก ^^" จากคุณ : ซินเดอเรล่า - [ 30 ก.ย. 51 10:41:35 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ติดตามอ่านมาจนถึงเรื่องหอก นี่ มันเกือบจะเหมือนคนแล้วครับ ถ้าใช้ไฟเป็นก็เหมือนคนป่าดีๆนี่เอง จากคุณ : Humandroy - [ 30 ก.ย. 51 10:54:04 ]

ความคิดเห็นที่ 47 สุดยอดไปเลยครับ คุณมนุษย์ถ้ำ จากคุณ : taechawat - [ 30 ก.ย. 51 11:16:45 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณสำหรับ give ครับ แต่ให้ give แล้วอย่าลืมโหวต + เก็บเข้าคลังกระทู้ด้วยนะครับ คนอื่นที่ผ่านมาจะได้รับความรู้ไปด้วย ตั้งแต่มีระบบ give แล้วผมสังเกตว่าการโหวตกระทู้น้อยลงไปเยอะเลยนะครับ กระทู้แนะนำเลยเป็นเรื่องเก่าๆที่นานแล้ว กระทู้ใหม่ๆที่มีเนื้อหาดีๆหลายกระทู้เลยตกไป เสียดายครับ จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 ก.ย. 51 11:25:35 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณ คุณมนุษย์ถ้ำมากครับที่หาบทความมาให้ได้อ่านกัน ขอบคุณมากๆสำหรับคุณ แทนไท ประเสริฐกุล เจ้าของบทความนี้ด้วยครับ จากคุณ : ninji - [ 30 ก.ย. 51 11:52:47 ]

ความคิดเห็นที่ 51 มนุษย์จะเป็นสัตว์กินพืชได้ยังไงครับ ตำลึงที่ผมกินเข้าไปยังออกมาเป็นใบ ๆ อยู่เลย..... จากคุณ : devil amature (devil amature2) - [ 30 ก.ย. 51 12:03:13 ]

ความคิดเห็นที่ 52 มาโหวต กับเก็บเข้าคลังกระทู้ให้ค่ะ...เพราะให้กี๊ฟ ไปแล้ว.. กินเจเหมือนกัน เพิ่งผ่านมาได้ 2 วันเอง อยากกินหมูทอดซะแว้วววว จากคุณ : primjang - [ 30 ก.ย. 51 12:06:16 ]

ความคิดเห็นที่ 53 คำว่ากินพืช มันรวบยอดเกินไป จริงๆมันต้องจำแนกออกมาว่า พืชที่กินเป็นพืชแบบไหน เป็นหญ้า หรือเป็นผลไม้ ร่างกายคน ไม่ได้ออกแบบมาให้กินหญ้า เราไม่มีทางกินหญ้าได้เหมือนวัวควายแน่นอนอยู่แล้ว จากคุณ : (-_-") - [ 30 ก.ย. 51 12:14:22 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ไม่ทานเนื้อสัตว์ สัตว์ต่างๆคนล้นโลก ประชากรหมู ไก่ วัว แกะ จะเยอะมากกว่าประชากรโลก แต่ไม่ฆ่าสัตว์นี่สิ ยุง แมลงวัน หนู คงล้นโลก คนตายเป็นเบือ ถึงตอนนั้น มนุษย์ก็จะสูญพันธ์ จากคุณ : LAPD21 - [ 30 ก.ย. 51 12:50:18 ]

ความคิดเห็นที่ 55 อ่านไม่หมด...ยาว แต่ขอบอกว่า คนที่คิดว่าพื้นที่เกษตรจะไม่พอ คนจะอดอาหารนั้น ไม่จริงนะเออ ทุกวันนี้  การผลิตเนื้อวัว 1 กิโลกกรัม ใช้ทรัพยากรมากกว่าการผลิตถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม ประมาณ 7 เท่า หมายความว่า ถ้าทุกคนกินผักกันหมด เราจะประหยัดทรัพยากรในการผลิตอาหารลงประมาณ 7 เท่า นั่นเอง อธิบายง่ายๆ ว่าหากคุณเอาถั่วเหลืองหนัก 1 กิโล ให้วัวกิน วัวก็ไม่ได้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 1 กิโล ซักหน่อย ต้องมีการสูญเสียออกจากระบบพอสมควรกว่าจะได้น้ำหนักเพิ่มขึ้น 1 กิโล แถมตด กะ เรอ ของวัว ยังเป็นตัวการทำให้โลกร้อนอีกด้วย ถั่วเหลือง 1 กิโล ราคาถูกว่าเนื้อวัว 1 กิโล ตั้งเยอะ คนจนซื้อกินได้สบายๆ ลดห่วงโซ่อาหาร ยังไม่นับรวมเรื่องสารเคมีอีกกี่ทอด ถ้านำพืชมากินเลย ก็มีแต่ สารเคมีกำจัดศัตรูพืช แล้วก็ปุ๋ย แต่ถ้าเอาไปเลี้ยงสัตว์ กว่าจะได้สัตว์มากิน ต้องมีวัคซีน มียาเร่งโต มีฮอร์โมน มีโรคปากเท้าเปื่อย โรควัวบ้า โรค ฯลฯ จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 30 ก.ย. 51 14:01:16 ]

ความคิดเห็นที่ 56 มนุษย์ถ้ากินพืช หรือ กินเจ อย่างเดียว จะมีความผิดปรกติเกิดขึ้นครับ - ขาดโปรตีน ที่มีเฉพาะในเนื้อสัตว์บางชนิด และ กรดอะมิโนจำเป็นหลายๆอย่าง.... - เกิดการขาดแคลนอาหาร เพราะ ถ้าเรากินพืช เราจะต้องกินอาหารตลอดเวลา และ กินเป็นปริมาณมากมายมหาศาล  ดูได้จากพวก วัว ควาย ม้า จะต้องกินหญ้าทั้งวัน ชีวิตในแต่ละวันมันหมดไปกับการกิน 60-70% เลย - มีความผิดปรกติทางพันธุกรรมส่งไปยังลูกหลาน สรุป มนุษย์ไม่ใช่สัตว์กินพืชครับ...เป็นสัตว์ที่กินทั้งสองอย่างได้... จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 30 ก.ย. 51 15:43:15 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เนื้อหาล้วน ๆ เลย จากคุณ : ไม้โมก - [ 30 ก.ย. 51 15:52:38 ]

ความคิดเห็นที่ 58 จากเดิมที่มี หมูแดงเจ เป็ดย่างเจ ที่ทำจาก ผักกับแป้ง กลายเป็น ผักคะน้าหมู สาหร่ายหนังไก่ น้ำเต้าหู้นมวัว คือเอาเนื้อมาทำให้เป็นรูปผักแล้วขายแพงๆ จากคุณ : ZXZX - [ 30 ก.ย. 51 16:25:27 ]

ความคิดเห็นที่ 59 กินเนื้อต่อไปเถอะครับ เพราะมันอร่อย จากคุณ : คนโง่ชอบวิวาทคนฉลาดชอบวิวาห์ - [ 30 ก.ย. 51 17:53:48 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เป็นอุทาหรณ์เวลาให้give ให้ ค่อยๆให้ ที่ละ 1 คะแนนพอ ไม่งั้นจะไม่เหลือให้give ให้กับ คห ที่มี ความรู้ดีๆ แบบนี้ ปล โหวตแล้วนะ เก็บแล้วด้วย อิอิ จากคุณ : Choco-Mix - [ 30 ก.ย. 51 17:57:41 ]

ความคิดเห็นที่ 61 โหวตให้แล้วนะก๊าบ พี่มนุษย์ถ้ำ  เก็บเข้าคลังทู้แล้วด้วย จากคุณ : hit on me - [ 30 ก.ย. 51 17:58:20 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ถ้าอยู่ๆก็มังสวิรัติขึ้นมาทั้งโลกซะงั้น พวกเราก็มีปัญหาที่ใหญ่กว่าราคาน้ำมันและสงครามแล้วแน่นอนครับ ไม่นับเรื่องคุณค่าทางสารอาหารและทางเศรษฐกิจนะครับ แต่ผมกังวลว่าพื้นที่เพาะปลูก(รวมถึงพืชปลูกโดยไม่ใช้ดินและพืชGMOs)จะเพียงพอแก่ความต้องการคนทั้งโลกหรือเปล่า EDIT : เผลออ่านข้ามความเห็น 55 ไป :( แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 51 19:03:47 จากคุณ : Schwarze - [ 30 ก.ย. 51 19:01:57 ]

ความคิดเห็นที่ 63 คห.16  น่ากลัวมาก จากคุณ : biebie999 - [ 30 ก.ย. 51 19:21:29 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ให้คุงมนุษย์ถ้ำไปเลย 3 แต้ม ปล. พวกปังคุงมันล่าลิงตัวเล็กๆได้เนี่ยพอนึกภาพออกครับ แต่ล่าหมูป่าเลยเหรอ ล่าได้ไงอ่ะ ขนาดคนเราต้องสร้างกับดักมาจับเลยอ่ะ จากคุณ : I want to change the world - [ 30 ก.ย. 51 19:30:15 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 30 ก.ย. 51 19:56:09 ]

ความคิดเห็นที่ 68 คนไม่ต้องมีเขี้ยวก็ได้ เพราะแต่ดึกดำบรรพ์คนรู้จักทำอาวุธใช้ไง แล้วก็พัฒนาต่อมาเรื่อย จนปัจจุบัน อย่าง..กินสเต็กชิ้นใหญ่ ๆ มีดหั่น ..ฟันปลอมก็ยังกินได้นะ หุหุ   แต่ขอบคุณมนุษย์ถ้ำมากเลย อ่านแล้วได้ความรู้เยอะดี ..จุ๊บ ๆ ไปแทนแล้วกันนะ คะแนนหมดค่ะ จากคุณ : NUMERO - [ 30 ก.ย. 51 21:01:57 ]

ความคิดเห็นที่ 69 โอ้ ... การหาข้อมูลมายืนยันความคิด ทำให้ผมเชื่อถือมากขึ้นไปอีก .. ขอบคุณครับ!! จากคุณ : นายอึเหม็น - [ 30 ก.ย. 51 21:23:49 ]

ความคิดเห็นที่ 70 CP เจ๊งรายแรกเลยครับ ร้านข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ คงน่าสงสารมากๆ ครับ จากคุณ : golfs2000 - [ 30 ก.ย. 51 21:51:49 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ...อาหารเจคงมีหลากหลายเมนูมากขึ้น อื่มมม ดีจริงๆเลย จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 30 ก.ย. 51 22:19:51 ]

ความคิดเห็นที่ 72 น้ำย่อยในกะเพาะมนุษย์ก็มีย่อยโปรตีนนี่ น่าจะยืนยันเรื่องการกินเนื้อของมนุษย์นะ ไม่ใช่แค่เรื่องฟันอย่างเดียว จากคุณ : Chalrinm - [ 30 ก.ย. 51 22:54:59 A:125.24.159.10 X: TicketID:188327 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ผมว่านะเขี้ยวเล็บทางปัญญา ทำให้อยู่รอดได้ในยุคปัจจุบัน แถมถูกกฎหมายอีกด้วย จากคุณ : Grand Marshal1 - [ 1 ต.ค. 51 00:59:44 ]

ความคิดเห็นที่ 74 มนุษยชาติคงมีการปรับตัว มุมมองต่อคนกินเจ-กินเนื้อก็จะสลับกับปัจจุบันมังคะ จากคุณ : atihasita - [ 1 ต.ค. 51 01:30:23 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ตอนแรกเห็นเป็นกระทู้แนะนำ ไม่ค่อยอยากกดเข้ามา กลัวเป็นกระทู้ด่าคนกินเจว่ากระแดะ และคนกินเจก็มาด่ากลับ - -'''' แต่กลายเป็นกระทู้ดีไปได้แบบนี้ยอดเยี่ยมครับ :D วันนี้ออกไปทานร้านอาหารเจแถวบ้านมา คนขายเป็นอาหมวยน่ารักด้วย พรุ่งนี้ไปอีก มีแรงบันดาลใจที่ดีในการทานอาหารเจแล้ว - -/ จากคุณ : cookiecompany - [ 1 ต.ค. 51 01:56:46 ]

ความคิดเห็นที่ 76 แรกๆจำนวนสัตว์คงจะมีเยอะขึ้น แต่สักพักธรรมชาติก็คงปรับสมดุลย์เองล่ะค่ะ โดยส่วนตัวเป็นมังสวิรัติมาเกือบยี่สิบปีแล้ว แต่พึ่งมาเริ่มทานปลาบ้างไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อจะได้รับโปรตีนให้เพียงพอต่อร่างกาย เท่าที่ผ่านมาก็ทานเต้าหู้บ้างแต่ทานทีไรมีอาการท้องอืดทุกทีเลยเลิกทานไป นอกจากปลาและอาหารทะเลบางอย่าง เนื้อสัตว์อย่างอื่นคงไม่ทานตลอดชีวิต แต่ไม่ได้พยายามให้ใครมาทานผักทานปลาแต่อย่างเดียวเหมือนเรา อยากทานอะไรก็แล้วแต่ชอบเถอะค่ะ อย่าทานอิฐทานปูนแล้วกันเดี๋ยวจะไปหนักท้องกันปล่าวๆๆ จากคุณ : Rinta - [ 1 ต.ค. 51 03:39:01 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เด็กทารกอาจจะตายมากขึ้น เพราะกินนม (รวมถึงนมแม่) ไม่ได้ (ก็นมจากสัตว์มันไม่เจนี่นา) จากคุณ : น้องลูกหมู - [ 1 ต.ค. 51 06:24:29 ]

ความคิดเห็นที่ 78 นึกถึงหนังเรื่อง planet of the apes บรึ๋ยขนลุก จากคุณ : apes (oleowen) - [ 1 ต.ค. 51 08:56:24 ]

ความคิดเห็นที่ 79 มนุษย์ถ้ำ ข้อมูลสุดๆไปเลย จากคุณ : แสงเรืองรองของฟ้าหลังฝน - [ 1 ต.ค. 51 09:03:11 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เท่าที่เคยได้อ่านมา เรากินได้สองอย่างจริง ๆ ครับ แต่ถ้าจะให้ดี ควรกินเนื้อน้อยกว่าพวกพื้ชผักก็ดีครับ ดีกับระบบขับถ่ายด้วย น่าจะ 60/40 หรือ อย่างน้อยก็ 50/50 ยังสงสัยอยู่อีกอย่างนึง ว่าที่เราเลือกกินเนื้อกันเนี่ย เพราะขาดสารอาหาร หรือ เพราะมันอร่อยกว่าพืชผักกันแน่ สำหรับผม เพราะมันอร่อยกว่าอะ ถ้าทำเนื้อเทียมที่รสชาติเหมือนเนื้อจริงได้ ผมคงกินแหละ จากคุณ : [Zero] - [ 1 ต.ค. 51 09:52:28 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ผมว่ามนุษย์จะยิ่งฆ่าสัตว์เพื่อความสำราญมากกว่าเดิม ในกีฬาโอลิมปิค อาจมีแข่งกันล่าหมู หรือวัวก็ได้ครับ จากคุณ : ปวยพ้ง - [ 1 ต.ค. 51 10:22:46 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ความรู้แน่นปี๊กมากๆ ขอบคุณมากมายเลยครับ จากคุณ : HanaToKaze - [ 1 ต.ค. 51 10:42:09 ]

ความคิดเห็นที่ 83 สุดยอด ข้อมูล จากคุณ : bankpakim - [ 1 ต.ค. 51 11:28:39 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ขอบคุณมากค่ะ ทำให้เพิ่งรู้ว่า ปังคุงกินเนื้อด้วย T^T จิงเหร๋อออออ จากคุณ : maikeet - [ 1 ต.ค. 51 11:34:51 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ดีมาก ๆ ครับ .. ว่ากันด้วยข้อมูลเต็ม ๆ อย่างงี้ ส่งเสริมวุฒิภาวะทางปัญญาครับ ไม่ใช่แบบ "เค้าว่ามา ... " แล้วก็เชื่อตาม ๆ กันไป ถูกหรือผิดก็ไม่รู้ ถ้าคุณมนุษย์ถ้ำยังเข้ามาอ่านอยู่ ผมอยากได้แบบเปรียบเทียบมนุษย์ปัจจุบัน กับ สมัยโบราณด้วยได้ไม๊ครับ .. เท่าที่ผมสังเกตุ พฤติกรรมการกินของมนุษย์สมัยนี้กับ มนุษย์โบราณน่าจะต่างกันอยุ่พอสมควร เพราะอย่างน้อย ๆ เทคโนโลยีด้านการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ก็น่าจะต่างกัน มีได้หลายสมมุติฐาน และคิดได้หลายทางครับ สมัยที่มนุษย์ยังเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ไม่เป็น 1. มนุษย์ล่าสัตว์กินเป็นหลัก หรือ 2. มนุษย์เก็บใบไม้ - ผลไม้กินเป็นหลัก เหมือนพวกปังคุงอะครับ (ซึ่งน่าจะง่ายกว่า) ใครมีข้อมูลลองเอามาแชร์กันครับ จากคุณ : เตยทะเล - [ 1 ต.ค. 51 12:24:51 ]

ความคิดเห็นที่ 86 กับคำถามลักษณะนี้ ผมว่าเราน่าจะมองคำตอบที่ steady state นะครับ แน่นอนว่าถ้าเกิดเปลี่ยนปุบปับ ทุกอย่างก็ต้องรวนหมดอยู่แล้ว ชาวอินเดียที่ทั้งตระกูลเป็นมังสวิรัติก็มีเยอะแยะไปครับ ไม่ได้มีความผิดปกติแต่อย่างใด ฉะนั้นผมว่าถ้ามนุษย์เลือกจะเป็นมังสวิรัติก็ไม่น่าจะมีปัญหาในแง่สุขภาพ จากคุณ : 512 - [ 1 ต.ค. 51 12:43:12 A:75.33.143.233 X: TicketID:031931 ]

ความคิดเห็นที่ 87 คงมีการสร้างคอนโดปลูกผัก เหมือนสวนลอยฟ้าบาบิโลน คงสวยดีนะ คอนโดนี้มีแต่ข้าวโพดเหลืองไปหมด อีกอันมะเขือเทศแดงไปทั้งคอนโด จากคุณ : AppLePie81 - [ 1 ต.ค. 51 13:48:18 ]

ความคิดเห็นที่ 88 จากคุณ : ช่อเอี้อง - [ 1 ต.ค. 51 14:16:50 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ขอบคุณ จขกท ที่จุดประกายเรื่อง กินผักไม่กินเนื้อ ทำให้เป็นที่มาของข้อมูลแน่นปึ้กๆของคุณมนุษย์ถ้ำ จากคุณ : HeLL_Is_HeRe - [ 1 ต.ค. 51 14:32:45 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ถ้าไม่กินเนื้อสัตว์ไปตลอดก็น่าจะดี สงสารทุกทีเวลาที่ขับรถไปใกล้กะรถขนหมู ไก่ วัว รู้อยู่แล้วว่าคนขับจะพาพวกมันไปไหน เศร้าใจแต่...ก็อดสั่งกระเพราะหมูสับไม่ได้ เป็นยังงี้ทุกทีเลยเรา จากคุณ : Nice (Grandnice) - [ 1 ต.ค. 51 14:57:18 ]

ความคิดเห็นที่ 91 แจ่มใช่มั๊ยพี่น้องครับ เอ๊า โหวต จากคุณ : meddy hao - [ 1 ต.ค. 51 17:20:38 ]

ความคิดเห็นที่ 92 มองในแง่ของ food web food chain และ bio-control (เช่น ตอนที่จะลดตั๊กแตนปาทังกา หรือนากหญ้า ก็รณรงค์ให้คนกิน ลดลงเร็วกว่าการกำจัดด้วยอะไรทั้งนั้น)         สัตว์หลายชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์คงปลอดภัย สัตว์หลายชนิดที่คนเคยชอบกิน คงเพิ่ มประชากรขึ้น จนอาจล้นโลกได้ เช่น หมู ไก่ ปลา ส่วนพืชหลายชนิดก็จะมีโอกาสใกล้สูญพันธุ์ หรือสูญพันธุ์ได้ เพราะคนหันมาชอบกิน ป่าไม้คงลดลงอย่างน่าใจหาย เพราะนอกจากจะตัดฟันไปขาย สร้างบ้าน แล้วยังกินใส่ท้องอีก และจะมีสิ่งมีชีวิตกินพืชหลายชนิดเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ เพราะคนไปเป็นคู่แข่งของแหล่งอาหาร  ซึ่งคนเก่งกว่าซะด้วยซิ มองในแง่สรีระวิทยา ระบบฟันคงต้องกลายสภาพตามทฤษฎีของคุณอยู่หน่ำไถ ..เอ๊ย.. คุณ มนุษย์ถ่ำ ระบบย่อยอาหารก็ต้องเปลี่ยนให้ยาวขึ้น หรือมีหลายกระเพาะ  หรืออาจจะต้องมีการกินหินดินทรายจริง ไม่ใช่แค่กินในนามซะแล้ว                       คนประเภทที่ชอบยอดอ่อนที่อยู่สูง ก็ต้องมีคอหรือแขนยาวขึ้น ในแง่อุตสาหกรรมอาหาร โยเกิร์ตคงต้องชนิดใหม่ที่โฆษณาว่า ใส่เชื้อช่วยย่อยเส้นใย (cellulose) มาม่าก็ต้องเป็นรสหญ้าสับ รสต้มยำกล้วย แทน จากคุณ : จีร่า (จีร่า) - [ 1 ต.ค. 51 17:38:00 ]

ความคิดเห็นที่ 93 เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณ เสียกจากบ้านนา จริงๆแล้ว ถึงไม่ใส่เนื้อสัตว์ อาหารก็สามารถอร่อยได้ (แต่ต้องใส่กระเทียมได้นะ) ยิ่งถ้าการณ์กลับเป็นว่า คนทั้งโลกกินมังสะวิรัติ ก็จะมีการคิดค้นเมนูใหม่ๆ combination ใหม่ๆ ที่ทำให้อาหารมัง อร่อยยิ่งขึ้นไปอีก ได้อย่างงั้นจริงๆก็ดี จขกท.ทำเราฝันแล้วเนี่ย จากคุณ : แมวบอส - [ 1 ต.ค. 51 18:16:37 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ชาวสวนผักจะรวยๆๆๆๆๆ จากคุณ : Serefim - [ 1 ต.ค. 51 21:07:21 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ชาวโลกจะอ้วนนนนน เพราะ อาหารเน้นที่คาร์โบไฮเดรตและไขมัน จากคุณ : นส.กร๊อกแกร๊ก - [ 1 ต.ค. 51 22:10:49 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ถ้ายึดหลัก มนุษย์ เทียบกับ ชิมแปนซี ก็สรุปว่ามนุษย์กินทั้งพืชและสัตว์ แต่ทำไมคนเราในปัจจุบันถึงไม่กินอาหารในอัตราส่วนเหมือนชิมแปนซีละครับ (กินพืช 80-90% กินสัตว์ 10-20% จากตาราง คห. ที่ 36) นี่เห็นบางคนแทบไม่กินผักเลยก็มี อย่างนี้ร่างกายก็เสียสมดุลอยู่ดี โอเค อาจจะติดที่เนื้อสัตว์มีความอร่อยกว่าพืชผัก แต่หากเราหาข้ออ้างจะกินเนื้อมากจนไม่คำนึงถึงความจริง สุดท้ายที่จะเสียคือ สุขภาพ ครับ เพราะที่จริงร่างกายมนุษย์ต้องการสารอาหารจากพืชมากกว่าสัตว์ คราวนี้ลองกลับไปที่คำถามของ จขกท ส่วนตัวผมมองว่า หากมนุษย์มีพฤติกรรมการกินที่ถูกต้องมาตลอด (ยึดหลักตาม ชิมแปนซี เลยนะ จากที่คุณ มนุษย์ถ่ำ นำมาเปรียบเทียบ) นั่นคือ กินพืชมากกว่าสัตว์ ทำให้ฆ่าสัตว์น้อยลงกว่าที่เป็นอยู่ ยังไงสมดุลของโลก (กล่าวคือระบบนิเวศน์) มันก็ไม่ถูกทำลายหรอกครับ สัตว์ยังไงก็ไม่ล้นโลก อย่างที่มีบาง คห. บอกในเรื่องที่ว่า เนื้อที่เรากินอยู่ทุกวันนี้ มันมาจากการเลี้ยงที่เน้นปริมาณการผลิต ถ้าปล่อยให้เป็นตามธรรมชาติ สัตว์ก็จะสืบพันธุ์ตามปกติ ในปริมาณปกติ หรือมีการเลี้ยงสัตว์เพื่อการค้า ก็จะมีน้อยอยู่ดีครับ เมื่อเทียบกับพืช ไม่ต้องเถียงกันหรอกเรื่องกินเจกับกินเนื้อ เพราะคิดกันคนละแบบ แต่ละคนก็ต้องการหาเหตุผลเพื่อตนเองทั้งนั้น you are what you eat จะกินอะไรก็นึกถึงสุขภาพของตัวเองมาก่อนดีกว่าครับ อันนี้ดีที่สุด จากคุณ : เจ้าชายแห่งทะเล - [ 2 ต.ค. 51 04:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ^_^ จากคุณ : เฒ่าเจ้าอุบาย - [ 2 ต.ค. 51 08:13:33 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ลิงกินเนื้อครับ ผมยืนยันอีกคน จากคุณ : StreamRider - [ 2 ต.ค. 51 09:32:46 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ก็ดีนะ  สัตว์จะได้ไม่ถูกฆ่า  คนก็จะหันมาปลูกพืชมากขึ้น  โลกก้อคงร้อนน้อยลง  โปรตีนจากพืชก้อทดแทนโปรตีนจากสัตว์ได้นี่นา ^_^ จากคุณ : mawantha - [ 2 ต.ค. 51 11:46:02 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ลิงกินผัก ยืนยัน linkinpark จากคุณ : in_my_metal - [ 2 ต.ค. 51 12:03:54 ]

ความคิดเห็นที่ 101 โอ้โห ตาลาย ยาวปี๊ดเลยครับ ยังไงก็ขอบคุณครับ จากคุณ : beer2nd - [ 2 ต.ค. 51 12:13:41 ]

ความคิดเห็นที่ 102 มันต้องมียาเร่งผักโตละน่า..แบบวันเดียวงอก เก็บขายได้เลยว่างั้น แล้วคนก็จะเป็นมะเร็งมากขึ้นเพราะกินผัก...หมอต้องบอกให้กินเนื้อสัตว์แก้เคล็ด วันละ2ทัพพี (เง้ออออ...เพ้อเจ้อใหญ่) จากคุณ : ไอ้หยา!!! (Tantha) - [ 2 ต.ค. 51 13:05:34 ]

ความคิดเห็นที่ 103 อย่างที่ 96 ว่าไปนั้นแหละครับ มนุษย์ต้องกินพืชเป็นส่วนใหญ่ มากกว่าเนื้อสัตว์ และในความเป็นจริง มนุษย์ก็บริโภคเนื้อสัตว์มากเกินไป ด้วยซ้ำ การบริโภคเนื้อสัตว์มากเกินไป เราก็รู้ๆกันว่าจะก่อให้เกิดโรคภัยได้เหมือนกัน การกินเจ หากไม่ใช่หลวงจีนแบบในหนัง ในความเป็นจริงเขาก็กินเป็นเทศกาล ก่อนหน้านั้น คนจีนก็ฟาดแต่เป็ดไก่แทบทั้งนั้น  หากเทียบกันจริง มันน้อยนะครับ ถ้าเทียบกับความต้องการของคน และหากย้อนมาดูที่พระพุทธศาสนา  พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนว่าห้ามฆ่าสัตว์ พระพุทธเจ้าบอกแค่ว่าควรงดเว้น นั้นหมายความว่า พระพุทธเจ้าก็ทรงรู้ครับว่า ปุถุชน ธรรมดา ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ เพียงแต่ ไม่จำเป็นก็อย่าทำ บาปในทางพระพุทธศาสนา ไม่ใช่สิ่งที่ถูกตีตราให้ใช้ชั่วนิรันดร์นะครับ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 51 14:14:15 จากคุณ : Angleevil - [ 2 ต.ค. 51 14:10:59 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ปังคุงเริ่มใช้ไฟเป็นเมื่อไหร่ ก็ต้องสูญพันธ์ เมื่อนั้น ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆครับ จากคุณ : kiox - [ 2 ต.ค. 51 14:35:50 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ข้อมูลเจ๋งมาก ครับ จากคุณ : totetote - [ 2 ต.ค. 51 14:54:01 ]

ความคิดเห็นที่ 106 คงเจอคนที่มี "ยิ้มเกษตร" มากขึ้น จากคุณ : chapicha - [ 2 ต.ค. 51 16:16:32 ]

ความคิดเห็นที่ 107 คนจะอายุสั้นลง เพราะ ได้รับแต่สารเคมี ขนาด กินเนื้อบ้าง ผักบ้าง ยังโดนสารเคมีกัน อึม จากคุณ : ก้นกบ - [ 2 ต.ค. 51 17:23:43 ]

ความคิดเห็นที่ 108 การที่มีคนกินเนื้อบ้างกินผักบ้าง กินเนื้ออย่างเดียว กินผักอย่างเดียว ปะปนกันไป เป็นธรรมดาโลกครับ ถ้าคนทั้งโลกทานเจ เป็นโลกที่ไม่ธรรมดา ไม่มีทางเกิดขึ้นครับ ตราบใดที่ยังเหลือคนที่มีกิเลสอยู่ ดังนั้น หัวข้อนี้ คิดเอาสนุก ก็คงพอไหวครับ จากคุณ : Maxymillion (Maxymillion) - [ 2 ต.ค. 51 17:35:37 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ผมต้องการแค่โปรตีน กินทาโร่ พอปะ จากคุณ : 1 (หัวใจเถื่อน) - [ 2 ต.ค. 51 18:45:40 ]

ความคิดเห็นที่ 110 งั้นคงจะไม่มีร้านหมูกะทะ เนื้อกะทะอ่ะสิ เอ้อ เพิ่งไปกินเนื้อกะทะมา อร่อยอ่ะ อิอิ คงเป็นผักกะทะแทน - -" จากคุณ : หน้าแง๊ว~* - [ 2 ต.ค. 51 20:47:29 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ถ้าคนทั้งโลกทานเจ เลิกทานเนื้อสัตว์ ไม่ฆ่าสัตว์ จะเกิดอะไรขึ้น .? ถ้าคนทั้งโลกเลิกทานเนื้ออย่างฉับพลันจะเกิดความเดือดร้อนวุ่นวายกับธุรกิจเกี่ยวกับเนื้อสัตว์รวมทั้งคนตกงานมากมายซึ่งใช้เวลาปรับตัวของธุรกิจและแรงงานระยะหนึ่ง ถ้าคนทั้งโลกเลิกทานเนื้อด้วยอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆรอให้ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์ปรับตัวได้ โลกก็จะมีแต่ความสงบร่มเย็น ตอบในแง่มุมของศาสนาก็ต้องดูเจตนาในการทานเจนั้นเพื่ออะไร ถ้าทานเจเพื่อความวิเศษวิโสของตนเองอันนั้นก็เป็นอกุศลจิตทำให้เกิดความอหังการแก่คนๆนั้น   แต่ถ้าทานเจเพราะเห็นแก่ความเดือดร้อนของชีวิตสัตว์ อันนี้จิตเป็นกุศลประกอบด้วยเมตตา น่ายกย่อง อีกทั้งยังช่วยให้จิตเกิดความสงบสันโดษได้ง่ายเป็นฐานของการปฏิบัติธรรม  ถ้าใครทานเจด้วยเจตนาเมตตาแก่สรรพสัตว์แล้วไม่ปฏิบัติธรรมก็ดูเหมือนว่าเดินทางแค่ครึ่งๆกลางๆน่าเสียดาย ประเด็นเรื่องทานเจแล้วขาดสารอาหารผมไม่เห็นด้วยนะ  เพราะจากประสบการณ์ส่วนตัวที่กินมังสวิรัติรับนมมาเกือบสิบปี สุขภาพก็ดีกว่าสมัยที่ทานเนื้อเป็นไหนๆ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 51 20:55:30 จากคุณ : s.garden - [ 2 ต.ค. 51 20:49:39 ]

ความคิดเห็นที่ 112 พวกเราทุกคนจะกินหญ้าเป็นอาหาร................................... เผ่นพิ้ว........................ จากคุณ : LigerZero - [ 2 ต.ค. 51 23:07:02 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ทำอะไรทำให้พอดี อย่าไปสุดโต่ง ช่วงเทศกาลกินผักก็กินผัก เทศกาลกินเนื้อก็กินเนื้อ เทศกาลกินหินกินปูนก็กินมันให้หมด อ้าวๆๆ จากคุณ : ขุมบาว - [ 3 ต.ค. 51 12:20:24 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เข้ามาดู ... จากคุณ : D_YONG - [ 3 ต.ค. 51 12:59:34 ]

ความคิดเห็นที่ 115 แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 51 13:38:10 แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 51 13:33:30 จากคุณ : smashing_punch - [ 3 ต.ค. 51 13:17:21 ]

ความคิดเห็นที่ 116 อย่างนี้เจมส์ก็มีสิทธิ์โดนปังคุงงาบเหมือนกันละสิ???? จากคุณ : *+*ข น ม ผิ ง ข้ า ง เ ต า*+* - [ 3 ต.ค. 51 13:32:41 ]

ความคิดเห็นที่ 117 มนุษย์คงสูญพันธ์ หรือ มีจำนวนน้อย  ถ้ามีแนวคิดนี้  และนำมาปฏิบัติ  และบางที  เราอาจปีนต้นไม้  หากินเหมือนลิง  กินหญ้าเหมือนวัว  ควาย. ^ ^ ข้างบน  ต้องไม่ใช้กับ  มนุษย์ยุคนี้น่ะ  ที่มีทั้งวิวัฒนาการสูงมากเกินบรรดาสัตว์ทั้งหลายในโลก และมี เทคโนโลยีทันสมัย. แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 51 15:11:14 จากคุณ : คนบ้านสามขา101ฯ. - [ 3 ต.ค. 51 15:09:38 ]

ความคิดเห็นที่ 118 สัตว์ก็จะฆ่าเราไงครับ - -!!!a จากคุณ : Generals - [ 3 ต.ค. 51 15:11:48 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ผมว่ามนุษย์กินได้ทุกอย่างแหละคับ ว่าแต่อยากจะกินอะไรมากน้อยกว่าเท่านั้นเอง พอกินไปเรื่อยๆ จนชินเดี๋ยวร่างกายกันก็ปรับสุมดุลของมันเองแหละ ^^" จากคุณ : se-k.ju Sv - [ 4 ต.ค. 51 00:40:36 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ระบบนิเวศล่มสลายแน่ๆครับ เนื่องจาก ระบบนิเวศอยู่ได้ด้วยการถ่ายเทพลังงานและแร่ธาตุอาหารผ่านสายใยอาหาร(Food Web) และห่วงโซ่อาหาร(Food chain) มนุษย์เองก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ ทั้งยังเป็นชนิดพันธุ์คีย์สโตน(Keystone species) อีกด้วย ซึ่งชนิดพันธุ์คีย์สโตน ก็คือชนิดพันธุ์ที่มีความสำคัญมากต่อระบบนิเวศ ซึ่งถ้าขาดชนิดพันธุ์นี้ไป ระบบนิเวศจะล่มสลาย ก็คิดดูเอาละกันครับ ว่าถ้ามนุษย์บริโภคแต่พืช ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ ในส่วนของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่พืช อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อ"คีย์สโตน"อย่างมนุษย์หายไป จากคุณ : กลับมาแล้วคนดี - [ 4 ต.ค. 51 02:47:04 ]

ความคิดเห็นที่ 122 อธิบายเพิ่มให้หน่อยดีนะครับ ไม่ค่อยแม่นอ่ะ งงงง *o*' จากคุณ : ดีจ้า - [ 4 ต.ค. 51 20:08:57 ]

ความคิดเห็นที่ 123 หมีแพนด้ายอมฝืนธรรมชาติมากินใบไผ่ทำไม?? เพราะมันชอบไง สรุป จะกินเนื้อหรือกินผักเป็นเรื่องส่วนบุคคล และชีวิตย่อมมีวิถีทางเสมอ(จูแรสสิคภาคแรก) จากคุณ : คนโง่ชอบวิวาทคนฉลาดชอบวิวาห์ - [ 5 ต.ค. 51 00:27:59 ]

ความคิดเห็นที่ 124 แนว ๆ เดียวกับปริศนาที่มีคนเคยถามพระพุทธเจ้า ว่าถ้าคนทั้งโลกเป็นนักบวช ใครจะมาใส่บาตร จากคุณ : - แมวน้อยหน้าขาว - - [ 5 ต.ค. 51 01:58:08 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ถ้าเป็นอย่างนั้นได้จริงๆ  น่าดีใจมากค่ะ เพราะนั้นหมายถึงคนพัฒนาจิตใจมากขึ้น มีเมตตาธรรมสูง ไม่มีคำว่า "สงคราม" ในโลกนี้แน่นอน  เพราะคนมีเมตตาจะไม่ทำร้ายจิตใจและร่างกายชีวิตอื่น..   ทราบมั้ยค่ะ ว่าส่วนหนึ่งที่โลกวุ่นวายทุกวันนี้เพราะวิญญาณสัตว์ที่ถูกฆ่ามากมายไปร้องเรียนในนรกโลก กระแสความทุกข์ทรมาณนั้น มันมาถึงโลกเราด้วย .. ถ้าทำได้จริงๆ ธรรมชาติจะจัดสมดุลให้ลงตัวไปเองหมด ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดปัญหาต่างๆนาๆค่ะ ...ลองไปหาวีดีโอที่เขาไปถ่ายในโรงฆ่าสัตว์ แล้วจะเข้าใจ และไม่อยากกินเนื้อสัตว์ทุกชนิดอีกเลย... จากคุณ : ไม่กินเนื้อสัตว์มา10กว่าปีแล้ว (เมืองโบราณ) - [ 5 ต.ค. 51 08:27:58 ]

ความคิดเห็นที่ 126 คห .คุณ : มนุษย์ถ้ำ น่าสนใจจริงๆ ครับ แต่ น่าจะลองศึกษาต่อไปยัง ระบบทางเดินอาหารอื่นๆด้วย ตามหลัก แมคโครไบโอติกแล้ว สัตว์ที่กินเนื้อจะมี ลำไส้ที่สั้น  เพราะจะไม่ใช้เวลาในการย่อยอาหารที่นาน สัตว์ที่กินพืช  จะมีลำไส้ที่ยาว   จากการศึกษา คนเรา  มีลำไส้ที่ยาว  เนื่องจากพัฒนามาจากสัตว์กินพืชมาก่อน ถ้าคนเราหันมากินแต่เนื้อสัตว์เป็นส่วนใหญ่ อย่างเดียว ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิด มะเร็งลำไส้ได้ จากคุณ : mr.wisdom - [ 5 ต.ค. 51 13:57:49 ]

ความคิดเห็นที่ 127 คห.16เป็นต้นมาของคุณมนุษย์ถ้ำ พี่แทนไทเขียนอ่ะค่ะ เราเคยซื้อหนังสือของเขามาอ่าน หนุกมาก พี่เขาเอาความรู้ทางชีวะมาเล่าให้จากน่าเบื่อกลายเป็นสนุกได้ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 51 14:53:59 จากคุณ : Bluedonut - [ 5 ต.ค. 51 14:51:25 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ผมไม่เคยสงสัยเรื่องมนุษย์เป็นสัตว์กินพืชหรือสัตว์เพราะทราบดีอยู่แล้ว แต่ข้อมูลเกี่ยวกับลิงที่เอามาฝากเป็นความรู้มากๆ ขอบคุณครับ จากคุณ : granun - [ 5 ต.ค. 51 19:02:49 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ถ้าคนทั้งโลกเลิกกินเนื้อ ผมก็มีเนื้อกินสบายอยู่คนเดียวน่ะสิ จากคุณ : PreviousMorning - [ 6 ต.ค. 51 00:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 130 เรื่องมนุษย์กินอะไรนั้น เคยเจอกระทู้นึง มีคนตอบว่ามนุษย์เป็นสัตว์กินทั้งพืชและสัตว์ (หมายถึง omnivore) แล้วมีคนมาตอบประมาณว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตที่กินทั้งพืชและสัตว์หรอก (หมายถึงถ้าไม่กินพืชไปเลยเพียวๆ ก็กินสัตว์ไปเลยเพียวๆ) มีแต่มนุษย์ที่กินแบบนี้ อ่านแล้วเล่นเอาเราเซ่อไปเลยทีเดียว ความเชื่อนี่มันน่ากลัวจริงๆ ถึงกับฉีกตำราชีววิทยาได้เลยทีเดียว แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 51 01:08:54 จากคุณ : Ponyo - [ 6 ต.ค. 51 01:03:21 ]

ความคิดเห็นที่ 131 อ่า ถ้ารักษาศีลกันขนาดนั้น โลกก็คงสงบสุขมากเลยครับ เพราะคงรักษาศีลข้ออื่นๆ และรักษาน้ำใจกันด้วย จากคุณ : นกไฟแห่งป่ามายา - [ วันเกิด PANTIP.COM 12:38:31 ]

ความคิดเห็นที่ 132 โลกจะอะไรก็ตาม... สงสาร เจ้าบูชบ้องแบ้ว ตาโตๆอ่า น่ารัก.. โดนไม้ทิ่มเลย T_T จากคุณ : ยิ้มทุกวัน - [ วันเกิด PANTIP.COM 18:30:18 ]

ความคิดเห็นที่ 133 อวสานของ KFC ครับ จากคุณ : ::humAn_nAture:: - [ วันเกิด PANTIP.COM 22:11:50 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ของ คห.125 นะครับ >> ไม่มีคำว่า "สงคราม" ในโลกนี้แน่นอน  เพราะคนมีเมตตาจะไม่ทำร้ายจิตใจและร่างกายชีวิตอื่น.  ไม่เกี่ยวกันครับ  การกินเจ กับการมีเมตตา แทบจะคนละเรื่องกันเลย  การมีเมตตา ไม่ใช่หมายถึงต้องกินเจ  และการกินเจ ไม่ใช่เครื่องแสดงออกถึงความมีเมตตา  คนกิน "เจ" ส่วนใหญ่ กินเพราะความกลัว  กลัวอายุสั้น กลัวโรคภัยไข้เจ็บ กลัวบาปกรรม กลัวตกนรก ฯลฯ  น้อยคนนัก ที่กินเพราะเมตตาจากหัวใจ แผ่กว้างไกลออกไปจนไม่มีสิ้นสุด    ยิ่งการกินเจตามโอกาส ตามประเพณี ฯลฯ ยิ่งชี้ชัด ว่า ทำเพราะความกลัว เพราะความหลง เพราะประเพณี เพราะทำตามๆกันไป  ไม่ใช่เพราะเมตตาจากหัวใจ จากจิตใจ  การไม่กินผักห้าอย่าง ... ที่คนกินเจ เคร่งนักเคร่งหนา เป็นเครื่องยืนยันอย่างดี ถึงความกลัวที่ผมว่ามา  ผมไม่คัดค้านการที่คนจะกินเจ  สนับสนุนด้วยซ้ำ  แต่ .. ห้องนี้ ห้องวิทย์ ...  เราเห็นด้วย หรือขัดแย้ง ด้วยข้อมูล หลักฐาน วิเครา่ะห์ วิจารณ์ เหตุ และ ผล  ไม่ใ่ช่เห็นด้วย หรือ ขัดแย้ง เพราะเป็น คห.14 หรือ เข้ามาดู  -----------------  ขออภัยนิด ที่ต้องลามไปการเมือง  ท่านจำลอง กินมังสวิรัติ และถือศีล (ข้อ 1) เคร่งครัด  แต่ทำไม ตอนผมดูภาพท่านจากทางทีวี (ถ่ายทอดสด ไม่ใช่รูป ที่ผ่านการเลือกภาพที่ดีที่สุดมานำเสนอ) ... ผมจึงเห็นแต่ โทสะ โมหะ และอาฆาต ฉายฉานออกมาทางสีหน้า แววตา คำพูด และหางเสียง  ในขณะพระสุปฏิปัณโนหลายๆท่าน ที่ท่านกินเนื้อ  กินทุกอย่างที่ญาติโยมถวาย ใส่บาตร ไม่มีการเลือก  ใส่อะไร กินอย่างนั้น  ขอเ้ป็นเพียงสิ่งที่กินได้ โดยไม่ผิดพระวินัย ท่านกิืนทั้งนั้น ไม่เคยเลือก ...  แม้ดูรูปผ่านๆตา หรือฟังเสียงท่านพูดผ่านเทป ผ่าน MP3 ที่ไม่ชัดเจน ... ยังสามารถรับรู้กระแสแห่งเมตตา อันไม่มีขอบเขตประมาณ ที่เจือปนมากับน้ำเสียง หรือ เงาภาพ  ฟังทีไร เย็นใจทุกที  ฟังได้ร้อยรอบพันรอบ (ทำอยู่ประจำ)  ในขณะที่ฟังท่านจำลอง ผ่านทางทีวี .. ต้อง "พยายาม" สงบใจก่อน ถึุงฟังได้หมด จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 8 ต.ค. 51 07:21:35 ]

ความคิดเห็นที่ 135 คงเกี่ยวพันไปถึงระบบนิเวศและการเจิญเติบโตของมนุษย์ค่ะ เพราะมนุษย์จริงๆเป็นสัตว์กินเนื้อซะมากกว่าการกินพืช แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 51 12:08:09 จากคุณ : canfly - [ 8 ต.ค. 51 12:06:59 ]

ความคิดเห็นที่ 136 โอว พี่มนุษย์ถ้ำ ได้ใจมากครับ แต่อันนี้ เพ่แมวเหมียว ได้ใจมากกว่า ร่วมสมัยดีครับ อิอิ จากคุณ : สุกรสยาม - [ 8 ต.ค. 51 16:25:15 ]

ความคิดเห็นที่ 137 ...กทม.งานเพิ่ม ต้องซื้อรถสูบส้วมเข้ามาเพิ่ม(กี่ล้านดี?) เพราะผักมีไฟเบอร์ซู๊งสูง จากคุณ : abstract - [ 8 ต.ค. 51 20:41:48 A:58.10.155.26 X: TicketID:071021 ]

ความคิดเห็นที่ 138 พุทธศาสนา ก็ไม่ได้สอนให้กินเจ  และมังวิรัตน์  พระก็ไม่ได้กินเจ  ชาวบ้่้านถวายอาหารอะไรก็ต้องกิน(ฉัน) คนไม่ได้เคี้ยวเอื้อง เหมือนวัว ควาย และ เราได้รับการสอนมาตั้งแต่เด็กว่า ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เนื้อด้วย ผัก ด้วย ผลไม้ด้วย จากคุณ : นู๋นัน - [ 8 ต.ค. 51 21:46:27 ]

ความคิดเห็นที่ 139 คห. 134 การกินเจก็เป็นการแสดงออกถึงความเมตตาอย่างหนึ่ง แล้วอย่าไปเหมารวมว่าทุกคนจะกินเพราะความกลัว กลับมาที่หัวข้อกระทู้ เคยมีคนวิเคราะห์ไว้เหมือนกันว่า ถ้าคนทั้งโลกไม่มีใครกินเนื้อเลย โลกนี้จะไม่มีใครขาดอาหารเลยแม้แต่คนเดียว คนทั้งแอฟริกาจะมีกินกันหมด เกาหลีเหนือ หรือประเทศยากจนอื่นๆ ประชากรจะไม่มีใครอดตาย นอกจากจะเพียงพอต่อประชากรโลกแล้ว ยังมีอาหารเหลืออีกเป็นจำนวนมาก มันหมดยุคไปแล้วที่จะพูดว่าคนไม่กินเนื้อขาดสารอาหาร เทคโนโลยีก็ก้าวไปมาก คุณมีทางเลือกเยอะแยะที่จะบริโภคโดยไม่ต้องกลัวว่าจะขาดสารอาหาร โปรตีนหาได้จากแหล่งอื่นเยอะแยะ ผมรู้จักคนต่างประเทศหลายคนที่ไม่กินเนื้อ คนพวกนี้ไม่กินเนื้อมาตั้งแต่เกิด ไม่มีใครเป็นโรคอะไร หรือขาดสารอาหารอะไรทั้งนั้น ไม่ได้มีสติปัญญาด้อยอะไรทั้งสิ้น แถมยังฉลาดกว่าคนอื่นอีก หน้าที่การงานก็ดี งานที่ทำนี่ใช้สมองทั้งนั้น คนพวกนี้มีครอบครัว ก็ไม่มีใครกินเนื้อ สามีภรรยาลูก ไม่มีใครกิน ลูกนี่ไม่กินตั้งแต่เกิด ไม่มีปัญหาเรื่องขาดสารอาหาร ไม่มีปัญหาเรื่องสมองอะไรเลย ถ้าคุณกลัวว่าลูกจะขาดอะไร ในท้องตลาดมีทางเลือกเยอะแยะเต็มไปหมด ธรรมชาติมีอาหารให้คนกินหลากหลายมาก แต่คุณต้องเลือกสิ่งที่จะบริโภคเข้าไป คุณลองดูคนอินเดียที่เป็นฮินดูหรือซิกซ์ ไม่กินเนื้อตั้งแต่เกิดเหมือนกัน มีใครมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ไม่มี ไม่มีเลย คนพวกนี้ไม่กินเนื้อแล้วสติปัญญามีปัญหาหรือเปล่า โง่หรือเปล่า ก็ไม่อีกเช่นเดียวกัน จากคุณ : sen - [ 9 ต.ค. 51 09:10:47 A:210.203.178.121 X: TicketID:120548 ]

ความคิดเห็นที่ 140 คุณ sen ขา ตอนนี้มนุษย์ กินไม่เลือก เนื้อก็ได้ ผักก็ดี คนยังขาดอาหารตายกันโครมๆ พอจะให้คนกินผักอย่างเดียว คุณบอกว่าโลกจะไม่มีใครขาดอาหารเลย มันจะเป็นไปได้ยังไงคะ เพราะปริมาณอาหารมันลดลงนี่นา (เนื้อสัตว์หายไป) แล้ววัว ควาย หมู หมา ไก่ ฯลฯ สารพัดสัตว์ที่เรากิน เมื่อไม่กินมันแล้ว มันก็จะแพร่พันธ์ เพิ่มปริมาณไปอีก แถมยังมาแย่งผักเราไปกิน แล้วจะเอาอาหารที่ไหนมากินล่ะคะคุณ sen ขา จากคุณ : IdiotDog - [ 9 ต.ค. 51 14:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 141 ถ้าไม่กินเนื้อสัตว์ ที่มีอาชีพเลี้ยงสัตว์ ก็จะไม่มีงานทำ ... ขาดรายได้ ...ว่างงาน หรือเปล่าอะครับ จากคุณ : pokeepers - [ 9 ต.ค. 51 17:35:25 ]

ความคิดเห็นที่ 142 เวลาเราทำปศุสัตว์ ต้องใช้พื้นที่เป็นจำนวนมากเพื่อมาเลี้ยงสัตว์ไม่กี่ตัว เพื่อให้คนไม่กี่คนมากินมัน ถ้าเราเอาพื้นที่เหล่านั้นมาปลูกอาหารให้มนุษย์กินโดยตรง จะมีคนเป็นจำนวนมากได้กินอาหารเหล่านี้ ในธรรมชาติมีระบบสมดุลย์ของมันอยู่ สัตว์ชนิดไหนมีมากเกินไป ธรรมชาติมีระบบที่จะจัดการอยู่แล้ว มีมากไป แต่อาหารมีจำนวนจำกัด สุดท้ายปริมาณก็จะลดลงไปเอง อีกทั้งยังมีผู้ล่าอีก คุณไม่ต้องห่วงในเรื่องนี้หรอก "Oh, my fellow men, do not defile your bodies with sinful foods. We have corn, we have apples bending down the branches with their weight, and grapes swelling on the vines. There are sweet-flavored herbs, and vegetables which can be cooked and softened over the fire, nor are you denied milk or thyme-scented honey. The earth affords a lavish supply of riches, of innocent foods, and offers you banquets that involve no bloodshed or slaughter; only beasts satisfy their hunger with flesh, and not even all of those, because horses, cattle, and sheep live on grass."---- Pythagorus "So I am living without fats, without meat, without fish, but am feeling quite well this way. It always seems to me that man was not born to be a carnivore."----Albert Einstein จากคุณ : sen - [ 9 ต.ค. 51 21:44:36 A:210.203.179.93 X: TicketID:120548 ]

ความคิดเห็นที่ 143 ^ ^ ถ้ายังไงจะแปลด้วยก็ดีครับ อ่านมานานต้องเผยตัวซะงั้น -*- จากคุณ : ปลาวาฬภูเขา - [ 10 ต.ค. 51 03:10:43 ]

ความคิดเห็นที่ 144 โต้แย้ง คห. 142 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, ปีทากอรัส พวกเขาพูด แล้วไงขอรับ ? มันก็แค่การแสดงความคิดเห็นของคนๆ จำนวนหนึ่งๆ ไม่น่าจะเกี่ยวว่า คนเราต้อง...กินพืช เพียวๆ...ซะหน่อย นานาจิตตัง ขอรับ! คห. 134 การกินเจก็เป็นการแสดงออกถึงความเมตตาอย่างหนึ่ง แล้วอย่าไปเหมารวมว่าทุกคนจะกินเพราะความกลัว กระผมก็มองไม่ออกเลยขอรับว่า คุณแมวเหมียวฯโพสเหมารวมตรงไหน ? โดยคุณแมวเหมียวฯใช้คำว่า "คนกิน เจ ส่วนใหญ่ กินเพราะความกลัว" เข้าใจคำว่า "ส่วนใหญ่" ไหมขอรับ ? ส่วนคุณตรงกันข้ามกันเลย เพราะใช้คำว่า "ทุกคน" กระผมว่า คุณคิดเหมารวมเอาเองมากกว่า! ถ้าคนทั้งโลกไม่มีใครกินเนื้อเลย โลกนี้จะไม่มีใครขาดอาหารเลยแม้แต่คนเดียว เป็นไปไม่ได้ขอรับ เพราะคุณเห็นเฉพาะคนที่คุณพอเจอ และกล่าวอ้างถึงเท่านั้น คุณยังไม่ได้พบกับคนทั้งโลกนะขอรับ อย่าลืมตรงจุดนี้เสียล่ะ! ปล รอบนี้ เทพมังกรหายขอรับ (ฮา) ps เข้ามาแก้ขอรับ ไม่ใช่ลบอะไร แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 51 04:32:33 แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 51 04:23:30 จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 10 ต.ค. 51 04:21:35 ]

ความคิดเห็นที่ 145 มีการพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงหอยนางรมมากขึ้น จากคุณ : มะยมมะนาว - [ 11 ต.ค. 51 23:16:12 ]

ความคิดเห็นที่ 146 เคยอ่านข้อมูลคุณมนุษย์ถ้ำเมื่อปีที่แล้ว  ยังจำได้  เหมือนเปี๊ยบ  ฮ่า ๆ จากคุณ : Zew - [ 11 ต.ค. 51 23:46:59 ]

ความคิดเห็นที่ 147 อย่าทะเลาะกันเลย  เพราะเรื่องกินเจ ไม่กินเจ เนี่ย - - จากคุณ : แซลมอลรมควัน - [ 12 ต.ค. 51 06:08:15 ]

ความคิดเห็นที่ 148 จากโครงสร้างฟัน มนุษย์เป็นสัตว์กินทั้งพืชและสัตว์ค่ะ มีทั้งฟันเขี้ยวและฟันกราม(แต่ไม่ได้เรื่องสักอย่าง เขี้ยวก็ไม่คม กรามก็ไม่แข็ง เพราะกินของสุกมานาน) คล้าย ๆ กับพวกหมูอ่ะ วิตามินและกรดอมิโนหลายชนิดที่อยู่ในเนื้อสัตว์ มนุษย์ก็ไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ และไม่มีแบคทีเรียที่จะช่วยสังเคราะห์ให้แบบในสัตว์กินพืชแท้ ๆ โดยสัดส่วนของอาหารจากพืชและสัตว์นั้น หากกินได้สัดส่วนที่"เหมาะสม" ก็จะไม่เกิดโรค แต่อย่างไรก็ตาม มนุษย์มีสติปัญญา รู้จักคิด พิจารณา รู้จักความสงสาร เกิดใจเมตตา เห็นคุณค่าของชีวิตสัตว์อื่น จึง "เลือก"ที่จะไม่กินเนื้อสัตว์ เพื่อหลีกเลี่ยงการคร่าชีวิตสัตว์อื่น (แม้ว่าพืชจะมีชีวิตเหมือนกัน แต่ถือว่าเป็นคนละภพกับสัตว์) ไม่ว่าจะด้วยจิตเมตตาก็ดี ด้วยศาสนาก็ดี ปัจจุบันนี้ วิตามินบางชนิด เช่น B12 (ที่เดิมทีต้องได้จากผลิตภัณฑ์จากสัตว์เท่านั้น เช่น เนื้อ นม ไข่ ฯลฯ) สามารถสังเคราะห์ได้จากจุลินทรีย์บางชนิด (เช่น ยีสต์) ทำให้มนุษย์มีทางเลือกและความสะดวกในการบริโภคมากขึ้น การละเว้นเนื้อสัตว์สามารถทำได้โดยผลกระทบต่อร่างกายมีน้อย ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะกินเนื้อสัตว์หรือไม่ ก็ควรระลึกไว้เสมอว่า อาหารทุกอย่างมีคุณค่าต่อทุกชีวิต อย่ากินทิ้งกินขว้าง ข้าวทุก 1 เมล็ดคือ 1 ชีวิตของต้นข้าว เนื้อสัตว์ในจากของคุณ สังเวยด้วยชีวิตของสัตว์ 1 ตัว (แม้คุณอาจไม่ได้เป็นผู้ฆ่า ไม่ได้เป็นผู้ซื้อจัดหา ไม่ได้เป็นผู้ปรุงก็ตาม) เมื่อรับมาแล้ว จงเห็นคุณค่าของชีวิตนั้น อย่ากินทิ้งขว้าง หากคุณไม่ได้กินมังสวิรัติเพราะศาสนาบังคับ แต่กินด้วยใจ... เมื่อมีคนต้อนรับคุณด้วยมังสาหาร (แม้ความไม่รู้ก็ดี) การแสดงอาการรังเกียจทิ้งอาหารให้เสียเปล่านั้นหาได้แก้ปัญหาอันใดไม่ มีผู้คนนับล้านที่อดอยากหิวโหย มีสัตว์จรจัดนับแสนที่คุ้ยขยะหากินด้วยความทุกข์ทรมาน คงเห็นคุณค่าของอาหารข้างหน้าคุณ คุณคือผู้โชคดี คือผู้อยู่รอดที่มี "อาหาร" อยู่ในจานข้างหน้าของคุณ จงกินอาหารนั้นอย่างรู้ค่า และจงเผื่อแผ่ผู้ยากไร้เมื่อมีโอกาส จากคุณ : ณิชชา - [ 12 ต.ค. 51 23:14:45 A:125.27.6.245 X: TicketID:190027 ]

ความคิดเห็นที่ 149 ความเห็นที่ 139 สมัยก่อน มีโรคหลายชนิด (เช่น โลหิตจางชนิดเม็ดเลือดยักษ์ หรือ megaloblastic anaemia)เกิดกับผู้ที่กินพืชล้วน (vegan) ส่วนพวก ที่กินมังสวิรัติ (vegetarian) เช่นชาวซิกข์(โพกขาว) มักไม่ค่อยเป็นไร เพราะยังสามารถกินผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่ไม่คร่าชีวิตสัตว์ได้ (เช่น นม) ก็ได้รับสารอาหารที่จำเป็นจากตรงนี้ สมัยนี้วิตามินเสริมมีมาก แม้อาหาร vegan ก็มีการปรับเปลี่ยนมากมาย (เช่น โปรตีนสำเร็จรูปเสริม vitamin B12) ต่อให้คนกินเจตลอดชีวิตก็สามารถแข็งแรงได้ไม่แพ้คนกินเนื้อ ไม่ว่าอาหารอะไรก็ตาม(เจหรือไม่เจ) ก็ควรมีสัดส่วนสารอาหารอย่างเหมาะสมค่ะ จากคุณ : ณิชชา - [ 12 ต.ค. 51 23:25:45 A:125.27.6.245 X: TicketID:190027 ]

ความคิดเห็นที่ 150 ถ้าคนทั้งโลกกินแต่ผักกันหมด ก็จะเกิด ผลเสีย 1.สมดุลธรรมชาติมีปัญหา สัตว์มีอัตราการเกิดมากกว่าตาย 2.ธุรกิจเลี้ยงสัตว์ดับอนาถทั้งระบบ 3.คนต้องกินอาหารมากขึ้น อาจต้องมีมื้อ 5มื้อต่อวัน 4.ปลูกพืชมากในเชิงธุรกิจหนีสารเคมีไม่พ้นหรอกครับ   ก็ต้องฆ่าหนูหนอนอยู่ดี บาปอีก 5.อาจขาดสารอาหารบางอย่าง 6.นึกไม่ออก ข้อดี 1.ธุรกิจเกษตรพืชผักพอจะเงยหน้าอ้าปากกันได้บ้างถ้าไม่ได้ตัดราคากันเอง 2.โรคอ้วน ไขมันอุตตันต่างๆอาจจะหายไป สุขภาพดีขึ้นแน่ๆ 3.ให้ผลดีทางจิตวิทยาว่าไม่ได้เบียดเบียนชีวิตใคร(แต่พีชมันก็สิ่งมีชีวิตนี่) 4.อาหารสำเร็จรูปแปรรูปรุ่งเรือง ทำเทียมกันกระจาย 5.นึกไม่ออก จริงๆจะกินอะไรก็กินไปเถิดหากกินเพื่อมีชีวิตอยู่ ไม่ได้เอาชีวิตมาฆ่าเล่นสนุกๆ โชว์ว่าข้าเก่ง ถ้าคิดกันสุดโต่งก็ทะเลาะกันเปล่าๆ จะคิดสุดโต่งจริงๆไม่อยากเบียดเบียนสิ่งมีวิตก็กินผักไม่ได้ ผักก็มีชีวิต มันพูดไม่ได้หนีไม่ได้ แล้วรู้ได้อย่างไรว่ามันไมมีความรู้สึก อาบน้ำวันหนึ่งก็สังหารไปหลายสิบล้านแล้วขอรับ จะกินพืชหรือกินเนื้อถ้าใจบริสุทธิ์ก็มีผลดีทั้นนั้นแหละครับ แต่เดี๋ยวนี้กินเจ แต่ดันทำหมูเทียมปลาเทียม แสดงว่ายังมีจิตอยากอยู่นั่นแล คนเรามีหลากหลาย มีอย่างเดียวจะลำบาก ต้องมีคนทุกประเภทอยู่ในสังคม รู้จักยอมรับ และเข้าใจ ความเห็นที่แตกต่างต่างหาก ที่จะหยุดความขัดแย้ง และสงคราม ไม่ใช่เรื่องที่จะกินเนื้อหรือกินผัก ^_^ จากคุณ : จอมมารเพนกวิ้นฟ้า - [ 13 ต.ค. 51 17:46:05 ]

ความคิดเห็นที่ 151 เพิ่งรู้ ว่า "ฟัน" ขอคน ก็น่ากลัว ใน #16  นี่แหละ >< จากคุณ : นายเซอร์ ซุปเปอร์น้ำข้น - [ 15 ต.ค. 51 20:30:01 ]

ความคิดเห็นที่ 152 มาปิดงานเทศกาลกินเจ ขอทำนายว่า ปีหน้าก็มาตะเภานี้อีก จากคุณ : ordina - [ 15 ต.ค. 51 21:53:43 ]

ความคิดเห็นที่ 153 สำหรับผม ก็กินตามโลกไปงั้นแหละครับ ยุคนั้นเขากินอะไรก็กิน ๆ ไป โดยไม่ได้หมายมั่นว่าจะต้องไปฆ่ามาเพื่อให้ได้กิน ถามว่าต้องรับกรรมไหม ก็ต้องรับแหละครับ แต่มนุษย์ทั้งหมดจะร่วมสร้างขอบข่ายกรรมประจำยุคสมัยเองแหละ ก็รับกรรมเป็นทอด ๆ ไปในรูปแบบของโรคต่าง ๆ รวมไปถึงอายุขัยเฉลี่ยสั้นยาวแค่ไหนก็ว่ากันไป แต่ถามว่าไม่กินเจแล้วต้องบาปหยาบช้าอะไรไหมมันก็ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกครับ ไม่ถึงกับต้องไปลงนรกแน่ ๆ ส่วนใครจะเล็งเห็นไปไกลถึงความเมตตาต่อสัตว์จึงเลือกกินเจ ก็อนุโมทนาจากใจจริงครับ ถ้ามีใจคิดไปถึงการไม่เบียดเบียนแล้วสบายใจ เกิดกุศล ก็ได้บุญใส่กระเป๋าไป วันหนึ่งกรรมส่งผลก็คงได้ไปสู่ที่ ๆ ไม่มีการฆ่าแกงกัน การที่พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้บังคับให้พระภิกษุต้องฉันเจ เพราะนักบวชควรทำตัวให้เขาเลี้ยงง่ายไม่เรื่องมาก และพวกท่านนักบวชเหล่านั้นก็กินกันตายรักษาขันธ์ไปอย่างนั้นแหละ ไม่ได้เล็งไปถึงการฆ่าหรือไม่ฆ่าอะไร แต่หากวันหนึ่งมนุษย์จะพัฒนาไปจนถึงขนาดสร้างอาหารที่ไม่ต้องฆ่าสัตว์ได้เลย ก็เยี่ยมมาก ยิ่งกินได้อย่างสบายใจที่สุดครับ จากคุณ : IL - [ 16 ต.ค. 51 00:57:29 A:203.156.36.52 X: TicketID:121602 ]

ความคิดเห็นที่ 154 คงต้องดูองค์ประกอบโดยรวมทั้งระบบของสัตว์กินพืชและสัตว์กินเนื้อ ครับ ตั้งแต่ ระบบฟัน : ไว้ใช้กัด,เคี้ยวอาหาร เมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์กินเนื้อที่เห็นเด่นชัดอย่างเสือ,สิงโต  ฟันของคนผิวหน้าตัดจะเรียบ เพียงเพื่อเอาไว้ใช้บดอาหารที่ไม่ต้องใช้แรงมากๆอย่างพวกพืช,ธัญพืช  ต่างจากพวกเสือ , สิงโต ระบบย่อยอาหาร : ในกระเพาะของสัตว์กินเนื้อจะมีกรดเกลือในปริมาณที่มีความเข้มข้นมากกว่าคนประมาณ 20 เท่า ทำให้ย่อยอาหา รประเภทโปรตีนได้เร็ว ระบบทางเดินอาหารและขับถ่าย สัตว์กินเนื้อจะมีความยาวของลำไส้จนถึงทวารหนัก คิดเป็นอัตราสัดส่วนความยาวที่น้อยกว่า ทำให้ร่างกายหลังจากย่อยอาหารแล้วสามารถขับถ่ายของเสียออกไปได้เร็วกว่าคน ไม่ได้มีข้อห้ามที่จะไม่ให้กินหรอกครับ เพียงแต่ถ้าทานให้น้อยๆ มากๆ เพื่อไม่ให้ขาดสารอาหารจากเนื้อสัตว์ก็จะดีกว่า เพราะสัตว์ทุกวันนี้ที่คนเราเลี้ยงไว้ในระบบอุตสาหกรรมอาหารทั้งหลาย เช่นหมู ไก่ เนื้อ เลี้ยงด้วยการ "เร่ง" เหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็น สารเร่งต่างๆ ฮอร์โมน ยาปฎิชีวนะ อัดกันเข้าไป คนกินก็ได้รับการบริโภคสารเหล่านี้ทางอ้อม ผลจากสารเหล่านี้ไม่ได้เกิดผลทันทีเมื่อกินเข้าไป แต่จะมีผลสะสมต่อร่างกายในอนาคตกาลข้างหน้า 10-20 ปีต่อไป ที่เห็นได้ชัดจากโรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคของคนไทยทุกวันนี้ เพิ่มขึ้นมากเหลือเกินเช่นมะเร็ง หัวใจ เบาหวาน ฯ โดยเฉพาะคนในเมืองใหญ่ๆ ที่มีการบริโภคเนื้อสัตว์มาก จากคุณ : เมืองสรอง - [ 16 ต.ค. 51 18:06:07 ]

ความคิดเห็นที่ 155 ลำไส้คนยากกว่าช่วงลำตัว(ของเจ้าของลำไส้) ราวๆ 7 เท่า ของสุนัข 5 เท่า ของแมวและเสือ 4 เท่า ของม้า 15 เท่า ของวัวควาย 20 เท่า แม้ว่าจะยาวกว่าพวกคาร์นิวอร์แท้ๆ แต่ก็ไม่ยาวเท่าเออร์บิวอร์แท้ๆอยู่ดี จากคุณ : Ophiophagus - [ 16 ต.ค. 51 20:01:46 A:118.175.72.100 X: TicketID:174672 ]

ความคิดเห็นที่ 156 ความสามารถในการย่อยอาหาร ที่ไม่ใช่อาหารตามธรรมชาติของสัตว์ประเภทต่างๆ จากคุณ : Ophiophagus - [ 16 ต.ค. 51 20:20:29 A:118.175.72.100 X: TicketID:174672 ]

ความคิดเห็นที่ 157 เราอยู่เมืองไทยเห็นการกินสัตว์จนชิน โดนเฉพาะคนอีสาน แทบจะขาดเนื้อไม่ได้ เช่นลาบ ก้อย  และสัตว์อะไรที่มันดิ้นได้เขาเอามากินหมดถ้าไม่เป็นพิษ ที่พูดแบบนี้ผมก็กินได้หมดนะ ตอนผมอ่านเรื่องของ "มหาตมคานธี" ผมก็ไม่อยากเชื่อว่าท่านไม่กินสัตว์ เป็นไปได้ไง แต่ เมื่อผมมาเจอเองที่อินเดีย ผมอึ่งและงงไปหลายวัน เพราผมไม่เคยเห็น, คนที่นี้แทบจะกินข้าวเปล่ากับต้มผักกันเลยในแต่ละวัน (ไม่ใช่ว่ายากจนนะครับ แต่นั้นก็เหตุหนึ่ง) การหาอาหารให้คนที่นี้ผมรู้สึกว่าไม่ลำบากใจมาก เพราะชาวบ้านที่นี้ส่วนมากเขาทานมังสวิรัติ(มีกินไก่บ้างหมูบ้างแต่น้อย) มันทำให้ผมรู้ว่าคนเรากินข้าวเฉย ๆ กับผักผลไม้ก็อยู่กันได้ โปรตีนที่ได้ก็มาจากไข่กะนมควาย,นมวัว,นมแพะ บางคนที่เคร่งไข่กะนมก็ไม่กินเลย ผมกำลังจะบอกว่าอยู่ที่พฤติกรรม(วัฒนธรรม)และความเคยชินมากกว่า ที่อินเดียผมเลยเห็นสัตว์ป่าที่แต่ก่อนก็เคยมีมากที่บ้านเรา แต่ที่บ้านเรามันแทบไม่เหลือแล้ว อันนี้ผมว่าคืออนิสงค์ของการกินมังสวิรัติกระมังครับ อย่าน้อยก็ชลอการฆ่าสัตว์ได้ระดับหนึ่ง แต่อย่าถึงกับให้นักกีฬากินมังสวิรัติเลยนะครับ ผมว่าแพ้ตั้งแต่ยังไม่ลงแข่ง จากคุณ : ด่างดำ - [ 19 ต.ค. 51 23:48:48 ]

ความคิดเห็นที่ 158 โลกจะเย็นขึ้น จากคุณ : enuging - [ 21 ต.ค. 51 17:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 159 #157 แต่อย่าถึงกับให้นักกีฬากินมังสวิรัติเลยนะครับ ผมว่าแพ้ตั้งแต่ยังไม่ลงแข่ง คุณอาจจะคิดผิดแล้วล่ะครับ นักกีฬามังสวิรัติ ปราดเปรียวกว่าเยอะ พวกพืชให้พลังงานที่ใช้สอยได้เร็วกว่า คิดง่ายๆ ก็นึกถึงพวกน้ำหวาน ที่กินกันแล้วมีแฮง ขึ้นมาในทันทีนั่นแหละ พืชผักมี Fiber ที่ช่วยขับถ่ายของเสีย ในบรรดา 5 อ. เรื่อง อ-อุจจาระ เขาทำได้ดีไม่แพ้ใคร โล่งสบายท้อง หน้าใสปิ๊งๆ จากคุณ : อั๋น ทรงวุฒิ - [ 21 ต.ค. 51 21:55:14 ]

ความคิดเห็นที่ 160 #159 สงสัยจะต้องยกเว้นสำหรับนักกีฬาเพาะกายล่ะมั้งครับ เพราะนักกีฬาเพาะกายต้องได้รับโปรตีนสูงมากเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งผมก็เชื่อว่า กีฬาอื่นๆที่ต้องใช้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออย่างมาก ก็คงจะขาดเนื้อสัตว์ไม่ได้เหมือนกัน ถ้าจะบอกว่า สามารถใช้โปรตีนจากพืชทดแทนได้ โครงสร้างผักส่วนใหญ่เป็น เซลลูโลส เอ็นไซม์ที่ใช้ย่อยเรียกว่า เซลลูเลส ระบบทางเดินอาหารของคนไม่ได้สร้าง เซลลูเลส ดังนั้นจึงย่อยผักไม่ได้ การย่อยผักเป็นหน้าที่ของจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในทางเดินอาหารของเรา ปกติจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในทางเดินอาหารมีอยู่ประมาณ 40 สายพันธุ์ ยกตัวอย่างที่คนทั่ว ๆ ไปรูจักกันดีก็คือ แลคโตบาซิลลัส พวกนี้แหละที่จะเป็นผู้ย่อยผัก และทำให้เกิดผลพลอยได้แก่ทางเดินอาหารของเรา ดังนี้ 1.ช่วยทำลายเชื้อโรคแปลกปลอมที่มากับอาหารและน้ำที่เรากินเข้าไป 2.ช่วยสร้างวิตามินให้เราเช่น ไวตามินบี โฟลิค แอซิด 3.ช่วยทำให้เราได้ไวตามินและเกลือแร่ที่มีอยู่ในผัก 4.ช่วยสร้างเอ็นไซม์ที่ใช้ในทางเดินอาหาร 5.ช่วยทำลายธาตุโลหะหนักและยาฆ่าแมลงที่ปนเปื้อนมากับอาหาร โปรตีนที่เราได้รับสูงที่สุดจึงได้จากเนื้อสัตว์เพราะเราสามารถย่อยได้โดยตรง และรวดเร็วกว่า ถ้าจะบอกว่าควรรับประทานถั่วเหลืองแทน เพื่อได้รับโปรตีน แต่ถั่วเหลืองก็มีโทษอยู่เหมือนกัน • เกิดเป็นภาวะธัยรอยด์ฮอร์โมนต่ำ  (Hypothyroidism)   • ปลายนิ้วมือมีอาการชา  หรือเวลาตื่นนอนตอนเช้ากำมือไม่ค่อยได้ ซึ่งอาการแบบนี้ ตามโรงพยาบาลทั่วๆไปเรียกว่า “พังพืดรัดข้อมือ (carpal tunnel syndrome)” • เจ็บส้นเท้า (calcaneal spur) ที่เรียกทั่วๆไปว่า “รองช้ำ” • อ้วนง่าย ท่านที่กินถั่วเหลืองเป็นประจำจะทำให้เกิดปัญหา ดังนี้ • อ่อนเพลียเรื้อรัง • ทำให้มะเร็งเต้านมดื้อต่อการรักษาแบบธรรมชาติบำบัด • ทำให้เกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย เพราะเอสโตรเจนไปกดการทำงานของฮอร์โมนเพศชายเทสโตสเตอโรน จากคุณ : ZZsassyZ - [ 22 ต.ค. 51 12:47:18 ]

ความคิดเห็นที่ 162 กินหญ้าอ่อนดีกว่าครับ จากคุณ : ชื่อนี้ใช้ได้ - [ 25 ต.ค. 51 20:13:04 ]

ความคิดเห็นที่ 163 กิ๊ฟหมดแล้วววววววววววววววววววว ให้ความนับถือแทนแล้วกันครับ คุณมนุษย์ถ้ำ จากคุณ : NorsDavincy - [ 29 ต.ค. 51 16:53:42 ]

ความคิดเห็นที่ 164 เราจะเลิกเลี้ยงสัตว์พวกหมู ไก่ เลี้ยงสัตว์ใช้แรงงานไว้ทำไร่ทำนา ทำให้มีต้นไม้มากกว่านี้ อากาศจะไม่ร้อน ผมเดินผ่านร่มไม้ทีไรรู้สึกเย็นสดชื่นสบาย ถ้าโลกมีต้นไม้มากๆ บรรยากาศจะสดชื่น จากคุณ : TinyNu - [ 31 ต.ค. 51 19:30:46 ]

ความคิดเห็นที่ 165 นานๆหมูไก่คงจะสูญพันธ์ ไม่มีคนพัฒนาสายพันธ์ จากคุณ : TinyNu - [ 31 ต.ค. 51 19:32:16 ]

ความคิดเห็นที่ 166 อย่างไรก็ตาม ก็จะขอ -  dream the impossible dream ต่อไป และขอให้มีคน fight the unbeatable foe (human greed)มากขึ้นและมากขึ้น จากคุณ : tamara - [ 1 พ.ย. 51 20:54:45 ]

ความคิดเห็นที่ 167 จะกินมังฯ ต่อไป จากคุณ : ฟหกด - [ 5 พ.ย. 51 04:59:31 A:84.92.227.48 X: TicketID:189968 ]

ความคิดเห็นที่ 168 อลังการงานสร้าง จากคุณ : มิ๊วๆ แมวพันปี - [ 5 พ.ย. 51 14:35:24 ]

ความคิดเห็นที่ 169 โอ๋ย โหย่ว อ่านเพลินเลยค่ะ ถ้าจะให้ลองคิดเสนอความคิดเห็นนะคะ ก็คิดว่าการที่คนจะกินสัตว์หรือพืชนั้น เราน่าจะดูเรื่องของการปรับตัวเพื่อการอยู่รอดด้วยนะคะ เดิมมนุษย์อาจจะเป็นสัตว์กินพืช แต่เพราะสภาพแวดล้อมและวิวัฒนาการทำให้เราสามารถปรับตัวให้กินเนื้อสัตว์ได้เพื่อความอยู่รอดที่มากขึ้น  (ไม่ให้สูญพันธ์ ) ส่วนถ้ามนุษย์หันมากินพืช กะทันหันตอนนี้ คิดว่าคงจะได้กินแต่พืชที่ผ่านการตัดต่อพันธูกรรมแล้วแน่ๆเลยค่ะ เพราะตอนนี้ที่เพาะปลูกคงจะไม่ค่อยเหลือพอให้เลี้ยงคนทั้งโลก แถมถ้าไม่ใช่นักธุรกิจปลูกกันให้กินง่ายๆแล้ว เราจะปลูกกินกันเองก็คงจะไม่มีทาง ขึ้นชื่อว่าธุรกิจแล้ว ถ้าไม่ตัดต่อให้มันเลี้ยงง่าย ต้นทุนต่ำและอร่อยแล้วมันจะผลิตได้กำไรดีพอที่คนจะต้องการ คงยากอ่ะค่ะ บริษัทขายเนื้อคงไม่เจ๊งหรอกค่ะ เค้าคงหันมาขายอย่างอื่นแทนน่ะค่ะ จากคุณ : may_dream - [ 7 พ.ย. 51 21:50:40 ]

ความคิดเห็นที่ 170 ปลูกพืช-ผัก มากขึ้น ช่วยลดโลกร้อน ไม่มีการผลิตอาหารสัตว์ ช่วยลดโลกร้อน ระบบย่อยอาหารดี...อันนี้ส่วนตัว แต่ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไรก็ตาม เราไม่ได้นับถือลัทธิกินเจอะไรอย่างที่ใครว่า เพียงแต่เราร้องไห้ทุกครั้งที่เห็นสัตว์ถูกทรมาน ยังไงก็ทานเนื้อพวกเค้าไม่ลงค่ะ ปล.เราเป็นมังสวิรัติค่ะ แค่ไม่ทานเนื้อสัตว์ เป็นมาไม่นาน แต่จะเป็นไปเรื่อยๆ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 51 19:08:03 แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 51 19:05:51 จากคุณ : กว่าจะคิดออกมาบอกกันง่ายๆได้ไง - [ 8 พ.ย. 51 19:04:26 ]