ความคิดเห็นที่ 1 พิมพ์ตามใจชอบไม่ได้ เดี๋ยวไม่สมดุลกับทองคำสำรองในคลัง ปล.มั่วอะ จริงๆ แล้วเค้ามีข้อกำหนด แต่จำไม่ได้ รอคห.ข้างล่างละกันนะ แหะๆ จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 1 ต.ค. 51 00:41:26 ]

ความคิดเห็นที่ 2 พิมออกมาเยอะแบบนั้นแล้วจะเอาอะไรวัดมาตรฐานล่ะว่าเงินที่ถืออยู่มีค่าเท่าไหร่ จากคุณ : harvardวิทยาคม - [ 1 ต.ค. 51 00:41:37 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เงินมันก็เฟ้อสิครับ เงินจะไร้ค่า  นึกจะพิมพ์ก็พิมพ์  ไม่มีทุนสำรองตั้งไว้ก่อน เช่น ทองคำ จากคุณ : apollo14 - [ 1 ต.ค. 51 00:52:27 ]

ความคิดเห็นที่ 4 พิมพ์ออกมาเยอะได้ครับ แต่เงินนั้นจะไม่มีค่าในสายตานานาประเทศ นานาประเทศก็จะไม่ยอมให้แลกเป็นเงินสกุลเขาครับ เพราะเขาไม่เชื่อถือ มันก็เหมือนกระดาษธรรมดาดี ๆ นี่เอง ใช้จ่ายได้แต่ในประเทศตัวเอง แล้วถ้ามีข่าวว่าแอบพิมพ์แบงค์ออกมาเมื่อไหร่ ต่างชาติที่ถือครองเงินสกุลนั้นไว้ จะเทขายทั้งหมดทันที ซึ่งทำให้ค่าเงินประเทศนั้นเจ๊งแน่นอนครับ จากคุณ : ดอกต้อยติ่ง - [ 1 ต.ค. 51 00:55:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าอยู่ตัวคนเดียว ไม่ค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน ก็พอทำได้ แต่เงินก็จะเฟ้อ แต่ถ้าคิดจะค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ถ้าไม่มีสิ่งค้ำประกันค่าเงิน ไม่มีระบบตรวจสอบ คงไม่มีใครค้าขายด้วย พิมแบ๊งก์ป่าวอย่างเดียวเอาไปซื้อ ล่มจมแน่ๆ ประเทศที่ค้าขาย ได้แต่แบ้งปล่าว จากคุณ : ดอกหญ้าสีฝุ่น - [ 1 ต.ค. 51 00:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เกี่ยวกับวิท ไหม เนี่ย ดู เมกาครบ  ล่าง สนธิสํญญษไห้  ตัวเอง พิม แบงได้ไม่จำกัด แล้วเปนไง  เงินดอล อ่อน  ลงทันตาเห็น จากคุณ : i-sho - [ 1 ต.ค. 51 01:03:57 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จะพิมพ์หรือปล่อยเงินออกมา ต้องมีทุนสำรองครับ ส่วนมากก็จะเป็นสกุลเงินดอลลาร์หรือทอง ถ้าพิมพ์ออกมามาก เงินในระบบมันมีมาก เกิดเงินเฟ้อ ค่าเงินลด แล้วจะกระทบเป็นลูกโซ่ ทั้งดอกเบี้ย  หนึ้ระหว่างประเทศ etc. จากคุณ : แว่นไร้ขอบ - [ 1 ต.ค. 51 01:04:41 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มูลค่ามันจะร่วงไงครับ.. ดูอย่างล่าสุดประเทศอะไรหว่าเงินเฟ้อ ปีนึง 2 ล้านกว่า % ตอนนี้ได้ข่าวว่ามี ธนบัตร ราคาเท่า แบงค์กงเต็กแล้ว.. 50ล้านรึไงเนี่ย ถ้าจำไม่ผิด -..- ผมไม่รื้อให้นะว่าประเทศอะไร เพราะมันถูก zip ไปหมดแล้ว ไม่รู้ฉบับไหนด้วย จากคุณ : avalanche_fx - [ 1 ต.ค. 51 01:06:21 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ใครเป็นคนคิดกลไกนี้ขึ้นมาครับ? จากคุณ : sopzanie - [ 1 ต.ค. 51 01:21:44 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตามที่ คห บนๆ ว่ามาครับ การออกเหรียญกษาปณ์ หรือพิมพ์ธนบัตร ต้องมีทรัพย์สินสำรอง เช่นทองคำ เงินตราสกุลอื่น ฯลฯ มาค้ำประกัน โดยมีการกำหนดแน่ชัดว่าจะพิมพ์ได้ไม่เกินกี่เท่าๆ ของทรัพย์สินที่มีอยู่ เพื่อว่าถ้าเมื่อไหร่ประชาชนไม่พอใจจะถือเงินไว้จะเอามาแลกเป็นทรัพย์สินในท้องพระคลังเมื่อไหร่ ก็จะต้องมีเพียงพอให้แลกได้ ดังนั้นถ้าพิมพ์ธนบัตรออกมาเยอะๆ ขณะที่มีทรัพย์สินค้ำประกันเท่าเดิม เท่ากับว่าตัวหาร (จำนวนมูลค่าเงิน) เพิ่ม แต่ตัวตั้ง (ทรัพย์สินค้ำประกัน) เท่าเดิม ก็จะทำให้มูลค่าของเงินนั้นอ่อนลงนั่นเอง (ไม่รู้อธิบายได้ตรงตามหลักเศรษฐศาสตร์แค่ไหนนะเนี่ย อย่าเอาไปตอบข้อสอบเชียว ถ้าตอบแล้วได้ศูนย์ก็อย่ามาโทษกันละ ) จากคุณ : เกียรตินำ - [ 1 ต.ค. 51 01:22:09 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อิอิ ไม่ต้องเปลืองแรงตอบ จากคุณ : 1812Overtureyoot - [ 1 ต.ค. 51 01:24:58 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คห.8 ประเทศ ซิมบับเว จากคุณ : i_nam - [ 1 ต.ค. 51 01:35:28 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เงินจะเฟ้อคับ อธิบายง่ายๆ ทุกคนจะมีเงินเยอะไปหมด และราคาสินค้าคุณคิดเหรอคับว่ามันจะท่าเดิม ? ในเมื่อทุกคนมีเงินเยอะ พ่อค้าก็ขึ้นราคาสินค้ากระฉูดสิคับ เพราะรู้ว่าทุกคนมีกำลังซื้อได้ เมื่อขึ้นกันไปเรื่อยๆ มันก็วกกลับมาอยู่จุดเดิม คือเงินหมด เงินไม่พอ ระบบกลไกแบบนี้ คุณสามารถเห็นได้ง่ายๆในระบบสังคมจำลอง มีอยู่ในเกมออนไลน์ทุกเกมคับ โดยเฉพาะเกมที่มีบอท คุณมีเงิน 1 หมื่น ในขณะที่อยากได้มือถือราคา 3 หมื่น แต่พอทุกคนรวย คุณรวย มีเงิน 1 ล้าน ตอนนั้นมือถือในตลาดก็จะดันมีแต่ราคา 3 ล้านหมดแล้ว มันก็ไม่ได้ต่างกันหรอกคับ จากคุณ : Limelight - [ 1 ต.ค. 51 01:37:21 ]

ความคิดเห็นที่ 14 แล้วนี่ - -* คห.12 ราคา50ล้าน(สกุลเงินไรหว่า เรียกบับเวแล้วกัน) 50ล้านบับเว เท่ากันกี่บาท กันเนี้ย จากคุณ : แฟตโฟเบีย - [ 1 ต.ค. 51 01:51:53 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เฟ้อ...แล้วก็ไม่มีค่าแน่นอนครับ เป็นกลไกง่ายๆที่อันตรายมาก จากคุณ : granun - [ 1 ต.ค. 51 02:05:47 ]

ความคิดเห็นที่ 17 #14 รู้สึกว่าจะใข้ซื้อขนมปังได้สองก้อนครับ จากคุณ : Mr.Whisper (wsteven) - [ 1 ต.ค. 51 02:50:09 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ... จากคุณ : sorrowsong - [ 1 ต.ค. 51 04:03:17 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เพราะประเทศอื่นไม่โง่ ที่จะปล่อยให้ชาติอื่นทำงั้น มะกัน เงินดอลแข๊งแกร่ง เพราะไม่บ้าแบบว่าพิมพ์มาไม่หมดสิ้น เค้าจะปรเมินมูลค่าผลผลิตมวลรวมของชาตินั้น แล้วถึงประเมินมูลค่าเงินก้อนนั้นได้ ในอดีต ใช้ทอง สำรองไว้ที่ธนาคารกลาง กำหนดว่า กี่บาท แลกทองได้เท่าไหร่ ทำให้เงินบาทมีค่าคงที่ ต่อมาทองไม่พอ เลยกำหนด ที่USAชาติเดียว ที่แลกเงินดอลเป็นทองได้ แล้วกำหนดกี่บาทแลกได้1USD ต่อมา เงินสกุลอื่น มีความหมายต่อ ศก โลกด้วย เลยใช้นโยบาย ตระกร้าเงิน คือถือทั้งUSD Pound Yen.... แล้วกำหนดค่าเงินบาทจากเงินเหล่านี้ ทำให้การพยายามรักษาค่าเงินบาท กลายเป็นช่องโหว่การโจมตีของกองทุนเฮดฟันจ์ ต่อมาเลย ลอยตัวค่าเงินบาท ไปตามกระแสdemand supplyซึ่งวัด ค่าเงินแท้จริงได้มากกว่า จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 1 ต.ค. 51 04:36:40 ]

ความคิดเห็นที่ 20 จะเล่าประวัติ ค่าเงินแล้วกัน ขั้นแรก ในอดีตประเทศจีน วัดมูลค่าการซื้อขายอไร ด้วยโลหะมีค่า ทองแดง เงิน ทองคำ ต่อมา พบว่าการพกโลหะมีค่าไปมากๆ จะหนักซะเผล่า เล่ยเกิดธุรกิจ ตั๋วแลกเงิน ใครดูหนังจีนจะรู้ จะเอาทอง หรือเงิน ไปแลกในร้าน แล้วจะได้กระดาษ มาบอกว่ากระดาษแผ่นนี้จะแลกทองคำได้เท่าไหร่ นี่คือจุดเริ่มต้นของสกุลเงิน ต่อมา เส้นทางสายไหม สอนทั่วโลกให่ใช้ระบบนี้ ต่อมา ธนาคารในประเทศมหาอำนาจเริ่มคิดได้ ว่าถ้าให้เงินสกุลตัวเอง เป็น ศก ของโลกท่าจะดี หลังWW2มะกันคิดว่าตัวเองใหญ่ เลยเอาไปใช้ เลยกำหนดไว้ ว่า จะเอาทองคำมาแลกเงินตัวเองได้เท่าไหร่แบบตายตัว เงินUSD เลยกลายเป็นเงินสกุลหลักของโลก ต่อมา คนทั่วโลกคิดได้ว่า เงินดอลมันกระจอก เอาไปแลกทองคำจะดีกว่า ทีนี้ ทองคำเลยไม่พอจะแลกเงินดอลคืน เลยต้องเกิดทษฎีใหม่ขึ้นมา ว่าจะใช้อะไรกำหนดค่าเงิน ปัจจุบัน มีหลายวิธีกำหนดค่าเงิน แต่โดยรวมคือ ธนาคารกลางทั่วโลก จะสะสมเงินต่างประเทศไว้ระดับนึง และกำหนดนโยบายการพิมพ์เงิน ให้จำกัด เพื่อรักษาสเถียรภาพค่าเงินของตัวเองเอาไว้ ถ้าพิมพ์มากไป เงินจะเฟ้อ ตรวจสอบได้ ชาติอื่นก็ไม่โง่ ถ้าเกิดเงินตัวเองอ่อนค่าไป ก็เอาเงินชาติอื่นที่สำรองในคลัง มาซื้อเงินชาติตัวเองคืนสร้างdemand จะได้ดึงราคาเงินชาติตัวเองขึ้น ถ้าเงินชาติตัวเองแข๊งเกิน ก็ เอาเงินตัวเองไปซื้อเงินชาติอื่น เรียกว่าสร้างsupplyเพื่อให้ราคาอ่อนลง อย่างจีน ที่พยายามให้เงินหยวนอ่อนค่าไว้ระดับเดิม สร้างแรงดึงดูดทางการลงทุน จนมีเงินดอลสำรองไว้เยอะสุดในโลก จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 1 ต.ค. 51 04:45:54 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ตัวอย่างเงินเฟ้อดูได้จากเกมออนไลท์แบบที่ #13 บอกครับ เงินหาได้ง่ายมากเกิน สิ่งที่ไม่มีการกำหนดราคากลางราคาจะสูงขึ้นตามความต้องการของตลาดครับ ยิ่งเธอมีเงินชั้นมีเงินเราแย่งกันซื้อผู้ขายก็จะยิ่งปั่นราคาขึ้นไปได้เรื่อยๆครับ ที่จริงเกมออนไลท์พวกนี้ก็มีประโยชน์สามารถจำลองดูการเปลี่ยนแปลงของระบบเงินได้ดี จากคุณ : Jump.Jr - [ 1 ต.ค. 51 05:15:42 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอถามต่ออีกนิดครับ ว่าแล้วถ้าประเทศหนึ่งแอบพิมพ์ธนบัตรเพิ่มขึ้นมา ข่าวจะหลุดไปได้ยังไง ค่อยๆพิมพ์ช้าๆ เป็นสเต๊ปไป ไม่น่าโดนจับได้นะครับ จากคุณ : ปล่อยใจ - [ 1 ต.ค. 51 05:37:10 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คห 22 ถ้าปริมาณเงินเยอะ เสถียรภาพทางการเงินจะเป็นตัววัดเอง อย่างเช่นถ้า ระบบมีเงิน แสนล้าน คุณพิมเงินไปอีกเท่าตัว การใช้จ่ายเงินในประเทศก็จะมากขึ้น หรือ เงินเฟ้อนั่นเอง ทำให้คนที่เก็บหอมรอมริบมา ซวย เพราะกว่าจะได้เงินมา เก็บมา แต่ในขณะนี้มีเงินเท่าเดิมแต่อำนาจการซื้อลดลง <<< ปัญหาแค่นี้ ต่างประเทศเค้าก็น่าจะรู้นะครับ จากคุณ : สาManUtd - [ 1 ต.ค. 51 05:52:33 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตัวอย่างเงินเฟ้อในโลกจริง ก็ ประเทศซิมบับเว นี่แหละเห็นชัด เงินเฟ้อ 11,200,000%  (บ้านเราเฟ้อ ยังไม่ถึง 10% ทำเป็นบ่น อะโธ่) ใครอยากมีเงิน 500 ล้าน ไม่ไกลเกินเอี้อม หาได้ง่ายๆในซิมบับเว จากคุณ : Nibiru - [ 1 ต.ค. 51 07:03:44 ]

ความคิดเห็นที่ 25 . จากคุณ : Nibiru - [ 1 ต.ค. 51 07:06:25 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ส่วนค่าเงินก็ อัตราแลกเปลี่ยน ก็ประมาณนี้ จากคุณ : Nibiru - [ 1 ต.ค. 51 07:08:24 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขนมบ้านเขาถูกๆ ถุงละไม่กี่สิบล้านเอง จากคุณ : Nibiru - [ 1 ต.ค. 51 07:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ลูกของตังก์ไปซื้อขนมหน้าปากซอย จากคุณ : Nibiru - [ 1 ต.ค. 51 07:13:23 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอช้างขวด จากคุณ : Nibiru - [ 1 ต.ค. 51 07:14:55 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มื้อนี้ อั๊วเลี้ยงเอง ... บ๋อยเก็บตังก์ จากคุณ : Nibiru - [ 1 ต.ค. 51 07:16:02 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอซื้อไข่ไก่หน่อย จากคุณ : Nibiru - [ 1 ต.ค. 51 07:17:39 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอซื้อผักหน่อย.... เดี๋ยวขอนับเงินก่อนนะ จากคุณ : Nibiru - [ 1 ต.ค. 51 07:18:44 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ไก่ ตัวละเท่าไร ... รอแป็บ ขอนับเงินก่อนซักครึ่งชั่วโมง จากคุณ : Nibiru - [ 1 ต.ค. 51 07:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 34 โหเปลืองกระดาษแย่เลย จากคุณ : pucca&pooh - [ 1 ต.ค. 51 07:31:57 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เดี๋ยวนี้เค้าปรับค่าเงินใหม่แล้วอ้ะ จาก ซิมบับเว่ดอลล่าร์ เป็น นิวซิมบับเว่ดอลล่าร์ เมื่อสิงหาคมนี้เอง ทำให้ตัวเลข ลดลงมาหน่อยนึง เพราะค่าเงินใหม่ตัดศูนย์ทิ้งไป 10 ตัว เมื่อเทียบกับค่าเงินเก่า ค่าเงินเก่า 1 US dollar และได้ประมาณ ห้าแสนล้าน ถึงหกแสนห้าหมื่นล้าน ซิมบับเวดอลล่าร์ ค่าเงินใหม่ ก็แลกได้ราวๆ หกแสนซิมบับเวดอลล่าร์ ต่อ 1 ยูเอสดอลล่าร์ จากคุณ : อะธีลาส - [ 1 ต.ค. 51 07:48:34 ]

ความคิดเห็นที่ 36 พอจะเข้าใจแล้วแหละครับ แล้วงี้สมุมตินะ คนพิมพ์แบงเนี่ย สมมุติพิมพ์เกินเข้ากระเป๋าตัวเองซักสองสามหมื่น จะมีคนรู้แล้วจะ มีปัญหาเงินเฟ้ออะไรนั่นมั้ยอะ ไม่ได้หมายความว่าในไทยนะ ที่อื่นๆ ด้วยน่ะ ซิมบับเวนี่เสียเวลานับจิงๆ แถมจะมีแบงปลอมเปล่าก็ไม่รู้ จากคุณ : i-ajung - [ 1 ต.ค. 51 07:55:57 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เงิน และ ทองคำ  ต่างมีค่าเป็นสมมุติครับ คนเราสมมุติให้ทองมีราคา เพราะทองมีน้อย หายาก หากภูเขาทุกลูกเป็นทองคำหมด เหมือนภูเขาหิน ใครๆก็หาได้ง่าย ราคาทองก็จะตกครับ เงินก็เช่นเดียวกัน เป็นเพียงกระดาษที่สมมุติให้มีราคา เพื่อใช้แลกซื้อสินค้า หากพิมพ์มากไป จะไม่สมดุลย์กับสินค้าที่มี เมื่อทุกคนมีเงินมากเพราะหาง่าย แรงซื้อก็จะมาก สินค้าก็จะขาด  ทำให้สินค้าราคาแพง เพราะค่าของเงินตกครับ (เงินเฟ้อ) #22 เมื่อแอบพิมพ์เงินไม่ให้ต่างประเทศรู้ ถ้าพิมพ์แล้วเก็บไว้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าน้ำไปใช้ ราคาก็จะตกครับ เช่น สมมุติซื้อทองคำต่างประเทศมา ราคา บาทละหนึ่งหมื่น แต่พอเขามาซื้อคืน ราคาบาทละหมื่นห้า ก็แสดงว่าค่าเงินของเราตกแล้วครับ ทีนี้เมื่อจะไปซื้อทองเขาเข้ามา ราคาก็จะต้องไม่ต่ำกว่า บาทละหมื่นห้าครับ สินค้าทุกอย่างทั่วโลกมีการเปรียบเทียบราคา ประเทศไหนถูกก็ซื้อที่นั่นครับ จากคุณ : บุญถิ่น - [ 1 ต.ค. 51 08:12:58 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เข้ามานึกว่าห้อง สินธร ? เชื่อหรือยัง หว้ากอนี่ inw จริงๆ.... จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 1 ต.ค. 51 08:23:31 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ถ้าพิมพ์เก็บไว้เฉยๆมันก็ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ถ้าเอาไปใช้เมื่อไหร่ เงินสกุลนั้นๆก็จะโผล่ขึ้นมาในระบบมากผิดปรกติ และเงินก็จะเฟ้อเองโดยอัตโนมัต ตัวเลขรายรับ-รายจ่ายของแต่ละประเทศเป็นข้อมูลที่ต้องถูกเปิดเผยต่อสาธารณะชนอยู่แล้ว ดังนั้นประเทศไหนจะพิมพ์เยอะๆเพื่อแอบเอามาใช้มันเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นผู้มีอำนาจบางคนพิมพ์ออกมาใช้เองเป็นการส่วนตัว ซึ่งก็เป็นไปได้ยากอีกนั่นแหละ จากคุณ : maxijojo123 - [ 1 ต.ค. 51 09:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ถ้าถามมา แล้วไม่โดนลบ ก็ตอบได้ล่ะวะ จากคุณ : [Zero] - [ 1 ต.ค. 51 09:02:49 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คิดถึงว่าถ้าอยู่ซิมบับเว กระเป๋าสตาค์คงไม่ได้ใช้.. คงต้องพกย่ามหรือไม่ก็ลากกระเป๋าเดินทาง(ใส่เงินอย่างเดียว)ไปไหนต่อไหน จากคุณ : primjang - [ 1 ต.ค. 51 09:18:12 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อ่านข่าวของ ประเทศซิมบับเว  แล้วสงสารคนที่เก็บออมเงินไว้ในธนาคาร โดยเฉพราะคนแก่วัยเกษียณที่เก็บออมเงินมาทั้งชีวิต พอเจอเงินเฟ้อนี่ไป เงินเก็บจาก 11 ล้าน มีค่าเหลือแค่ บาทเดียว เอง #36 ถ้าทำอย่างงั้นก็โดนจับหล่ะครับ โรยงา มะพร้าวขูด จากคุณ : -=นามไร้ชื่อ=- - [ 1 ต.ค. 51 09:22:00 ]

ความคิดเห็นที่ 43 50M ยังน้อยไปครับ ตอนนี้ปาเข้าไปที่ 1 แสน M  เรียบร้อยโรงเรียน ซิมบับเวแล้ว อัตราเงินเฟ้อคงไม่ต่ำว่า 20ล้านเปอร์เซนต์ ตอนเดือนกรกฏานะครับ ตอนนี้ออกมาใหม่แล้ว ตามคห.บน ๆ คิดดูไข่ 1 ฟอง ราคา 35M ซื้อ 3 ฟองลดให้ 5M เชียว อิ อิ ***แก้ไขเงินเฟ้อ  11,268,758.9% (official) June 2008 แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 51 09:32:13 แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 51 09:26:25 จากคุณ : PUMPKINbig - [ 1 ต.ค. 51 09:25:11 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ตอนนี้แบงต้องออกมาตรการ จำกัดวงเงินในการถอนแค่พอซื้อหนังสือพิมพ์ได้ครับ Ps.หนังสือพิมพ์เขา จะกี่ล้านหวา เกมออนไลว่าเฟ้อแล้วเจอประเทศนี้ เฟ้อสุดๆ เห็นว่าเฟ้อ11ล้านเปอร์เซ็น จากคุณ : Zenith4z_parn - [ 1 ต.ค. 51 09:32:11 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ถ้าอยากลองหาประสบการณ์ใช้เงินทีละเยอะๆ แต่ไม่ถึงขนาดซิมบับเว ก็ลองไปเที่ยวลาวดูก็พอได้บรรยากาศแล้ว เคยไปเที่ยวมาทีเมื่อสองปีก่อน แค่ค่าเข้าห้องน้ำสาธารณะ ก็กดเข้าไปพันนึงแล้ว!!!!!!! จากนั้นไปเดินตลาด เห็นราคาหนังสือเขียนไว้ 15K ตอนแรกก็งงๆ ว่าแค่ 15 กีบเองหรือ แต่พอถามไถ่ดูอีกทีถึงได้รู้ว่า ไอ้ k ที่ว่านะหมายถึง x1000 ต่างหาก (แม่เจ้าโว้ย ยังกะตัวเลขบอกหน่วยความจำในคอมพิวเตอร์เลย ทันสมัยดีมาก อิ อิ) 15k ก็คือ 15000 กีบ คิดเป็นเงินไทยก็ 60 บาท จากคุณ : เกียรตินำ - [ 1 ต.ค. 51 09:36:02 ]

ความคิดเห็นที่ 46 พิมพ์ได้ไม่จำกัดอายุเงินมันก็จะสั้นมาก ๆ จากคุณ : PUMPKINbig - [ 1 ต.ค. 51 09:39:25 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ล่าสุดจากเว็บ ht tp:// wwp.green wichmeantime.com Wednesday, October 1, 2008 1 US Dollar = 126.560 Zimbabwe Dollar 1 Zimbabwe Dollar (ZWD) = 0.007901 US Dollar (USD) เทียบกับเงินไทย 1 US Dollar = 34.18906 Thai Baht 1 Thai Baht (THB) = 0.02925 US Dollar (USD) ราคาเงินของzimbubwe คงจะอยูแบบนี้ไม่นานเดี๊ยวก็เหมือนเดิม จากคุณ : PUMPKINbig - [ 1 ต.ค. 51 09:46:34 ]

ความคิดเห็นที่ 48 คล้ายๆ กับเหรียญจตุคาม  ถ้าทำออกมาน้อย เหรียญหายาก ก็จะมีราคาสูง ถึงสูงมาก  บางเหรียญมีราคาเป็นแสนล้านบาท ทั้งๆที่ต้นทุนจริงๆไม่ถึง 10 บาท ปกติก็ขายได้หลัก100 ถึงหลัก 1000 แต่ช่วงหลังๆพี่แกเล่นปั๊มขายเป็นขนมโอรีโอ้เลย ราคาเลยตกต่ำสุดๆ เท่ามูลค่าจริงๆของมัน  ให้ฟรียังไม่มีใครเอาเลย  จนต้องเอาไปโยนทิ้ง จากคุณ : O-DED - [ 1 ต.ค. 51 09:51:31 ]

ความคิดเห็นที่ 49 อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุดจาก ยาฮู จากคุณ : PUMPKINbig - [ 1 ต.ค. 51 09:53:08 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เล่นห้องนี้ไม่ถึงเดือน ความรู้เยอะดี ชอบบบบบบบบบบ ^^ จากคุณ : i can't do it !! - [ 1 ต.ค. 51 10:20:26 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เฉพาะธนบัตรเท่านั้นนะครับ ที่เวลาจะพิมพ์ต้องมีมูลค่าทุนสำรองหนุนหลัง (ทองคำ เงินตราต่างประเทศ หรือตราสารทางการเงินอื่นๆ) ส่วนเหรียญกษาปณ์ สามารถผลิตได้เลยโดยไม่ต้องมึทุนสำรองหนุนหลังครับ เพราะตัวโลหะที่ใช้ทำเหรียญนั้นมีค่าในตัวมันเองอยู่แล้วครับ จากคุณ : เล (ศุภศจี) - [ 1 ต.ค. 51 11:00:54 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เงินในประเทศนั้น ผูกติดอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างครับ นอกจากเงินสำรองระหว่างประเทศ ทองคำ เงินสกุลอื่น ยังมีปัจจัยทางตรงทางอ้อมที่ต้องคำนึงถึงอีกเยอะแยะที่จะไปกำหนดเงินสำรองระหว่างประเทศอีกที ดุลการชำระเงิน ดุลการค้า เงินคงคลัง   หนี้สาธารณะ หนี้รัฐวิสาหกิจ หนี้ต่างประเทศ งบประมาณแผ่นดิน อัตราแลกเปลี่ยน ดอกเบี้ย ดอกเบี้ยนโยบาย ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ หยุมหยิม หยุมหยิม ทั้งนี้เพื่อคงไว้เพื่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งก็มีเครื่องมือหลายตัวให้เลือกใช้นอกจากพิมพ์แบงค์เพื่ม เพื่อควบคุมการเติบโตของเศรษฐกิจเช่น ขึ้น ลด ดอกเบี้ย  ,ออกพันธบัตร ,ส่งเสริมหรือจำกัดการลงทุนภาคเอกชน ลงทุนในโครงการเมกะโปรเจคของรัฐนี่ก็ใช่ ถือเป็นการใส่เงินเข้าไปในระบบเหมือนกัน ฯลฯ จากคุณ : waphoo - [ 1 ต.ค. 51 11:06:55 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เงินเป็นเพียงสิ่งสมมติที่มนุษย์ตกลงกัน เท่านั้น เยอรมันนีช่วง WW 1 ก็คล้ายๆ ซิมบับเว ในปัจจุบัน เข็นเงินใส่รถเข็นไปแลกขนมปัง เผลอแป็บเดียว รถเข็นหาย แต่เงินยังกองอยู่ครบ จากคุณ : PV - [ 1 ต.ค. 51 11:30:36 A:203.155.78.243 X: TicketID:102349 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ^ ^ เอาเงินไปซื้อฟืนยังได้ไม่คุ้มเท่ากับเอาเงินเผาแทนฟืนในหน้าหนาว จากคุณ : Chaos dragon - [ 1 ต.ค. 51 11:55:43 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ตอนกองทัพญี่ปุ่นเข้ามาเดินเล่นในเมืองไทยเมื่อสมัยสงครามโลกครั้ง 2 มันพิมพ์ธนบัตรไทยแข่งกับรัฐบาลเราเลยครับ พิมพ์มาเป็นแผ่นใหญ่เวลาจะใช้กำเอากรรไกรตัดเอาแล้วมันเหลือหรือ เงินก็เฟ้อซิครับ ฟังผู้ใหญ่เขาเล่ามานะ เกิดไม่ทันหรอก จากคุณ : dragunov - [ 1 ต.ค. 51 11:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ^^ เงินเฟ้อนี่มันน่ากลัวจริงๆ.. จากคุณ : aomjar - [ 1 ต.ค. 51 12:15:19 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ว่าแล้วถ้าประเทศหนึ่งแอบพิมพ์ธนบัตรเพิ่มขึ้นมา ข่าวจะหลุดไปได้ยังไง ก็ดูที่ Gov Spending ยังไงครับ เพราะไม่ว่าจะพิมพ์ออกมาเยอะขนาดไหน ถ้าไม่ใช้มันก็เหมือนไม่ได้พิมพ์ใช่ไหมครับ แล้วใครมีสิทธิพิมพ์แบงค์? เกือบทุกประเทศก็รัฐบาลทั้งนั้น จุดมุ่งหมายในการพิมพ์แบงค์ ท้ายที่สุดก็คือเพิ่มเงินในระบบ ซึ่งมันจะไปสะท้อนในงบประมาณประจำปีของรัฐบาล ความสามารถในการชำระหนี้สินของรัฐบาล และพันธบัตรรัฐบาลนั่นเอง ดังนั้นแอบพิมพ์ไม่ได้หรอกครับ .... พูดให้ถูกคือแอบพิมพ์ไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเอาไปใช้ไม่ได้ ถ้าจะเอาไปใช้มันก็ตรวจกันได้อยู่แล้ว จากคุณ : Nexus - [ 1 ต.ค. 51 12:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ตอนเช้าดูเรื่องเล่าเช้านี้ เขาว่า รัฐบาลซิมบับเว กำหนดให้ประชาชนถอนเงินออกจากธนาคารได้ไม่เกินค่าหนังสือพิมพ์ ต่อวัน เนื่องจากต้องการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ตอนนี้คนเลยแห่กันไปที่ธนาคาร เพื่อจะถอนเงินกัน ทำไปได้...... จากคุณ : qooqung - [ 1 ต.ค. 51 12:21:01 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ภาพประกอบความคิดเห็น 54 1923 Weimar Republic inflation: A German woman feeding a stove with Papiermarks, which burned longer than the amount of firewood people could buy with them. http://en.wikipedia.org/wiki/Inflation จากคุณ : be Ambitious - [ 1 ต.ค. 51 13:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 60 wow... เก่งรอบด้านจริงๆ คนหว้ากอเนี่ย อิอิ นี่แหละ เสน่ห์ของหว้ากอ จากคุณ : Nanoดะ - [ 1 ต.ค. 51 13:22:52 ]

ความคิดเห็นที่ 61 การแอบพิมพ์ธนบัตรหรือเหรียญออกมาเพิ่ม โดยไม่อ้างอิงทองคำสำรอง หรือเงินตราสกุลอื่นสำรอง ก็พอทำได้อยู่  ถ้าแน่ใจว่า ธนบัตรนั้นจะไม่มีการนำมาใช้จ่ายในตลาด ตัวอย่างเช่น พิมพ์ธนบัตรที่ระลึก ราคาแปลกๆ รูปร่างแปลกๆ ที่คนมีอยากเก็ยสะสมไว้อย่างเดียว ไม่เอามาใช้ แต่การทำอย่างนี้ ก็มีข้อดีข้อเสียอยู่ เช่น ถ้าพิมพ์โดยอ้างอิงทองคำสำรองจริง เมื่อพิมพฺ์ออกมามากๆ ก็จะจะเป็นการดูดซับสภาพคล่องในระบบ ช่วยลดเงินเฟ้อได้ แต่ถ้ามากไป ตอนแรกเงินจะฝืด จากนั้น ก็จะมีคนนำเอาธนบัตรที่ระลึกออกมาใช้จ่าย ธนบัตรที่ระลึกสะสมก็จะไม่ใช่ของสะสมอีกต่อไป ถ้าพิมพ์ออกมามากๆ โดยอ้างอิงอะไรเลย  ถ้ามีคนรู้  ก็จะไม่มีการเชื่อถือธนบัตรรุ่นนั้นๆ อีกต่อไป ก็ไม่ต่างกับเศษกระดาษ ดังนั้น รัฐบาลอาจจะแอบพิมพ์ธนบัตรส่วนเกินออกมาบ้าง ในยามที่ธนบัตรขาดแคลน (ธนบัตรที่ใช้งานจริงได้ มีน้อยกว่ามูลค่าทองคำสำรอง เพราะธนบัตรบางส่วนชำรุด สูญหาย) แต่ต้องมีมาตรการที่คุมเข้ม คอยควบคุมทั้งการปล่อยออกและเก็บส่วนเกินเข้าคลัง  ไม่งั้นเงินตราจะไม่มีเสถียรภาพ แต่เราคงไม่รู้หรอก ถ้ารู้เมื่อไหร่ ความปั่นป่วนก็จะเกิด ความเชื่อถือในเงินก็จะไม่มี ปกติ เวลาพิมพ์ธนบัตร ก็มักจะพิมพ์เผื่อไว้นิดหน่อย ธนบัตรที่ใช้ได้จริง ผ่านการอนุมัติแล้ว ถึงจะพิมพ์หมายเลขบนธนบัตรออกมาให้ใช้ จากคุณ : นายเดชา - [ 1 ต.ค. 51 13:39:42 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ไม่รู้ว่าผมจำผิดหรือเปล่านะครับ ว่า  การผลิตเหรียญ ไม่จำเป็นต้องมีทองคำสำรอง  เพราะโลหะที่ใช้ทำเหรียญ มีมูลค่าในตัวมันเอง และอาจมีมูลค่าสูงกว่าราคาหน้าเหรียญด้วย รบกวนข้อมูลจากทุกๆ ท่านด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 51 14:20:15 จากคุณ : ปากหวาน - [ 1 ต.ค. 51 14:19:56 ]

ความคิดเห็นที่ 63 นับถือจริงๆ ชอบๆ จากคุณ : mogol - [ 1 ต.ค. 51 14:34:20 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เหรียญก็จะมีปัญหาครับถ้าเกิดโลหะในเหรียญมีค่ามากกว่าค่าเงิน คนจะเอาเหรียญไปหลอมแทนครับ เช่นเหรียญบาทหรือเหรียญ 5 รุ่นเก่า ๆ จะมีมูลค่ามากกว่า 1 บาทในปัจจุบัน ปล. เอาไปขายให้ร้านสะสมของเก่าน่าจะกำไรดีกว่าเอาไปหลอมนะ จากคุณ : Pongkm (Pongkm) - [ 1 ต.ค. 51 14:48:19 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เงินเฟ้อ จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 1 ต.ค. 51 15:26:36 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เรื่องเหรียญที่ว่านั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้แลกเปลี่ยนสกุลเงินด้วยเหรียญไม่ได้ เวลาไปต่างประเทศจึงต้องใช้เหรียญให้หมด เพราะแต่ละประเทศผลิตกันเอง ไม่มีทองคำค้ำประกัน บ้านเราโชคร้าย เพราะค่าเงินถูก ตอนนี้ใครเอาเหรียญสลึงมาหลอม ก็ได้เงินจากก้อนโลหะนั้นมากกว่าราคาเหรียญสลึงแล้ว... จากคุณ : vandalism - [ 1 ต.ค. 51 15:59:27 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เห็นด้วยกับ #21 ครับ ผมเกงไว้เมื่อสองปีก่อนว่าเครื่อ  เบนซินจะ แพง   ก็เปนตามนัน้   จากประสบการณ์ เกมออนไลเลยโดยตรงท ทุกวันนี้  ซื้อของตลาดนัด  ต่อ ได้ ทุกร้าน เพระ เริ่มต่อของเป็นจากเกมเนี่ยแหละ จากคุณ : i-sho - [ 1 ต.ค. 51 16:06:40 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ตามหลักการแล้วมูลค่าของโลหะที่ใช้ทำเหรียญควรจะน้อยกว่ามูลค่าหน้าเหรียญ ไม่อย่างนั้นคนก็เอาเหรียญไปหลอมขายหมด มันก็ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของเหรียญที่ต้องการให้เป็นตัวกลางในการซื้อ-ขาย จากคุณ : Nexus - [ 1 ต.ค. 51 16:30:07 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เงินเฟ้อ คิดง่ายๆตามประสาบ้านๆไม่มีความรู้อย่างเรา พิมพ์เงินออกมา แจกชาวบ้านคนละล้านอย่างทั่วถึง เพื่อให้ได้รวยเท่ากัน แล้วจะเกิดอะไรขึ้น คนงานล้าางจานร้านก๋วยเตี๋ยว เดิมได้ค่าแรงวันละ 200 พอมีเงินล้าน ก็คงคิดว่าตูไม่ล้างจานมันละ เอาเงินล้านไปทำอย่างอื่นดีกว่า นั่งกินนอนก็ได้ (ไม่พอหรอก สมมุติเฉยๆ) เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวหาคนงานไม่ได้ ก็มีทางเดียวต้องขึ้นค่าแรงให้คุ้ม ไม่งั้นเศรษฐีเงินล้านที่ไหนจะยอมมาล้างจาน ก็ต้องขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 2000 จ่ายค่าแรงเพิ่มไปแล้ว ไม่ใช่แค่คนเดียว มันขอขึ้นกันทุกคนจะให้ขายก๋วยเดี๋ยวชามละ 30 มันก็ไม่ได้แล้ว ขอขายจานละ 300 ก็แล้วกัน ไหนๆลูกค้าก็รวยกันหมดแล้ว แค่นี้มีปัญญาจ่าย ลูกค้าร้านก๋วยเตี๋ยว ไอ้หยามันขึ้นราคาก๋วยเตี๋ยวเป็น 300 ร้านเดียวไม่ว่า มันขึ้นกันหมดทุกร้าน ขอขึ้นเงินเดือนเจ้านายอีกดีกว่า ..... วนกันไปเป็นงูกินหาง เงิน 300 ซื้อของได้ 30 ความเข้าใจเรื่องเงินเฟ้อแบบบ้านๆของเรา ก็อธิบายประมาณนี้แหละ จากคุณ : ouiya - [ 1 ต.ค. 51 17:24:33 ]

ความคิดเห็นที่ 70 #68 ในบางเวลา มูลค่าโลหะเปลี่ยนแปลง หรือสูงขึ้น มูลค่าโลหะ มากกว่ามูลค่าหน้าเหรียญก็มีนะครับ เคยเกิดเหตุการ์ณที่ ต้นทุนการผลิตเงิน1บาท สูงกว่า1บาท แบงค์ชาติ ปวดขมับ เพราะผลิตเงินบาทออกมาเท่าไหร่ ก็หายไปหมด คนไม่ค่อยใช้ เลยต้องเกิดเหรียญ 2บาทขึ้นมา หรือเหรียญบาทใหญ่ ช่วงหลังๆที่ยังใช้ได้ก็เป็นตัวอย่างที่ดี จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 1 ต.ค. 51 18:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เหรียญไทย ตอนนี้ที่เป็นปัญหา คือ เหรียญ 25 สตางค์ 50 สตางค์ 1 บาท มูลค่าโลหะที่ใช้ทำ มันมากกว่าราคาหน้าเหรียญ ผลคือ ผลิตมาเท่าไหร่ หายหมด คนเอาไปหลอมขายหมด ที่เห็นบางวัดขอบริจาค เหรียญ 25 สตางค์ 50 สตางค์ เอาไปหลอมเป็นพระนะ ความจริงผิดกฏหมายนะ ตอนนี้เลยต้องออกเหรียญ 2 บาท มาใช้แทน ที่ผสมเหล็กนะ มูลค่าวัสดุจะได้ลดลง จากคุณ : Nibiru - [ 1 ต.ค. 51 19:16:54 ]

ความคิดเห็นที่ 72 โห ผมชอบกระทู้นี้จังครับ ดอลลาร์ซิมบับเวเห็นแล้วน้ำตาจะไหล = = จากคุณ : ชีริว - [ 1 ต.ค. 51 19:51:39 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เอ...  แบงค์ซิมบับเว่ นี่กระดาษมันแบบเดียวกับ - ดอลล่ารุ่นเก่ารึป่าวหว่า... ถ้ากระดาษแบบเดียวกันเฟ้อแบบนี้น่าจะโดนกว้านเอาไปล้างพิมพ์ดอลล่าปลอมนะ.. สมัยเงินอีรักเฟ้อ ร่วงสุดๆ แขกปากีหิ้วเงินอีรักมาขายตูมเลยกระเป๋าละ 2-3 แสน บาทไทย.. กำไร 4-5 เท่าตัว..   พ่อค้าคนกลางชาวไทยส่งสายในพม่า และ เขมร ..  เอาไปล้างด้วย อซีโตน... พิมพ์ดอลล่าปลอมใช้กันสบายใจเฉิบ... แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 51 21:09:43 จากคุณ : avalanche_fx - [ 1 ต.ค. 51 21:09:01 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เจ๋ง ! ห้องนี้ เก่งจริง ๆ ตอบได้ละเอียด  สุดยอด !! (คาดไม่ถีงว่า หว้ากอจะตอบกันได้เข้าใจและละเอียดขนาดนี้) เด็กวิทย์ นี่! รอบรู้จริง ๆ!! จากคุณ : ป้าModi (modi) - [ 1 ต.ค. 51 22:25:00 ]

ความคิดเห็นที่ 75 สั้นๆง่ายๆ ถ้าเงินพิมพ์มาเยอะ "ไม่มีคนเชื่อถือเงินเรา" จากคุณ : jinnyelle - [ 1 ต.ค. 51 22:33:17 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ทุกประเทศเหมือนกันที่ต้องมีสินทรัพย์ของชาติเป็นตัวค้ำประกันค่าเงิน ยกเว้นอยู่ประเทศเดียวคือ US ที่อาศัยฐานะของมหาอำนาจทำให้ทุกชาติเชื่อถือ ลองดูได้ประเทศที่ขาดดุลมากที่สุดในโลกก็คือเมก้า แถมขาดดุลมานาน แต่ก็ไม่เจ๊ง เพราะคนยังเชื่อถือ ลองวันใดคนไม่เชื่อถือความเป็นมหาอำนาจ จะเห็นค่าเงินที่แท้จริงคือ 1 ดอล เท่ากับ 1 บาท จากคุณ : พลเมืองไทย - [ 1 ต.ค. 51 23:09:09 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ทองมีมูลค่าในตัวของมันเอง ต่างกับเงินหรือเพชร ที่มีตัวระบบคอยช่วยค้ำราคามันอยู่ครับ จากคุณ : [v] - [ 2 ต.ค. 51 01:07:26 A:91.11.60.227 X: TicketID:178033 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เพราะค่าเงินใหม่ตัดศูนย์ทิ้งไป 10 ตัว - โอ้ย  เริ่มปวดหัวกับตัวเลข จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 2 ต.ค. 51 06:19:13 ]

ความคิดเห็นที่ 79 เห็น แบงค์ซิมบับเว แล้ว ปวดหัววววววว !! จากคุณ : tRechin - [ 2 ต.ค. 51 13:35:32 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เช็งเม้งแต่ละปี ผมและลูกหลานต้องส่งเงิน(ธนบัตร) นับแสนล้านไปให้บรรพบุรุษใช้ ไม่ต้องเสีค่าธรรมเนียมโอนผ่านธนาคาร ไม่ต้องเสียค่าออนไลน์ ใช้วิธีเผาส่งไปนี่แหละ ง่ายดี ในภพโน้นจะเจอปัญหาเงินเฟ้อก็ช่าง เราไม่เกี่ยว เรามีหน้าที่อัดฉีดเงินข้ามภพไปอย่างเดียว จากคุณ : เด็กบ้านพรุ หาดใหญ่ - [ 6 ต.ค. 51 23:49:59 A:118.173.157.54 X: TicketID:079538 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ขนาด redonominate ค่าเงินไปเป็นรอบที่สามแล้ว แต่ด้วยอัตราเงินเฟ้อมหากาฬ ก็เลยค่าเงินดอลลาร์ซิมบับเวก็กลับมาเป็นสกุลเงินที่มีอัตราแลกเปลี่ยนต่ำสุดอีกครั้ง แซงหน้าเงินดองของเวียดนามกลับมายึดแชมป์ต่อไป โดยอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 22,837.27- 1,715,117.70 ดอลลาร์ซิมบับเวต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ http://en.wikipedia.org/wiki/Least_valued_currency_unit จากคุณ : เกียรตินำ - [ 8 ต.ค. 51 14:53:53 ]

ความคิดเห็นที่ 82 >> ลองวันใดคนไม่เชื่อถือความเป็นมหาอำนาจ จะเห็นค่าเงินที่แท้จริงคือ 1 ดอล เท่ากับ 1 บาท  ปัญหาปวดใจคนทั้งโลก  สมมุติผมเป็นลูกผู้ดีก่าวว ... มีบ้านหลังเล็กๆ บนพื้นที่กลางกรุงขนาดร้อยไร่  ผมทำงานได้เงิน เดือนละ 10,000 บาท  ไปซื้อของหน้าปากซอย 100 บาท .. ก็จ่าย 100 บาท  ไปซื้อของในห้าง 1,000 บาท ก็จ่าย 1,000 บาท  วันนึง เดินเล่นไปหน้าปากซอย จะซื้อของ 200 บาท แต่ไม่ได้เอาเงินไป  อาโกจำได้ ว่าผมมีงาน มีเงิน มีอาชีพมั่นคง มีที่ดินมหาศาล ประเมินค่าไม่ได้  อาโก ก็ให้ของผมมาก่อน  วันรุ่งขึ้น ผมเอาเงิน 200 บาทไปจ่าย ... จบ  อีกวันนึง เดินเล่นไปหน้าปากซอย เลยไปอีกซอย ไม่ได้ซื้ออะไร จึงไม่ได้เอาเงินไป  อาโกอีกร้าน จำได้ ว่าผมมีงาน มีเงิน มีอาชีพมั่นคง มีที่ดินมหาศาล ประเมินค่าไม่ได้ และรู้ว่าผมชอบกินไวน์  อาโก ได้ไวน์ดีๆมา บอกขายผมแค่ 1,000 เดียว  ผมบอกไม่ได้เอาตังค์มา  อาโกที่สอง จำได้ว่า ผมไม่เคยเบี้ยว เลยให้ผมเอาไวน์ไปกินก่อน  วันต่อมา ผมเมา .. จำไม่ได้  แต่อาทิตย์ถัุดมา เกือบสิ้นเดือน .. ผ่านไปร้านอาโกที่สอง  อาโกบอก ... ยังไม่ได้จ่ายค่าไวน์  ผมก็ .. ตายหอง! ... สิ้นเดือน เงินหมด ... เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจ่ายนะ  อาทิตย์หน้าจ่ายจริง .. จบปัญหา แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 51 16:52:21 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 28 ต.ค. 51 16:51:58 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ตอนหลังๆ อาโกแถวนั้น จำผมได้หมด  ผมก็ขี้เกียจพกเงิน ... กินเชื่อมันหมดทุกร้าน สิ้นเดือนจ่ายหมดทุกร้าน  ไม่มีปัญหา  วันหนึ่ง ผมจะแต่งงาน  แต่ค่าใช้่จ่ายการจัดงาน มันเกือบล้าน!  แต่เงินมีแค่เงินเดือนหมื่นนึง ... ทำงัีย????  ผมเลยเดินไปยืมเงินจากอาโกร้านต่างๆ ร้่านละ 2-30,000  อาโกยินดีให้ยืม ... เพราะรู้จักกันมานาน  ผมไม่เคยเบี้ยว  บ้านผมมีอยู่ ที่ดินที่บ้านปลูกพื้นที่ร้อยไร่ ใจกลางเมือง มูลค่าประเมินไม่ได้  อาโกทุกรายให้ยืม ส่วนใหญ่ให้รายละแสนด้วยซ้ำ โดยขอทำสัญญาหน่อย  ผม OK .. ไม่มีปัญหา  ลูกผู้ดีก่าวนี่นา  แถมมีที่ดินพื้นที่ร้อยไร่ ใจกลางเมือง มูลค่าประเมินไม่ได้  กว่าผมจะรู้ตัว ผมมีเงินมาจัดงานแต่งเกือบสิบล้าน  -------------------------------------  หลังแต่ง ผมได้เงินช่วยมาสิบห้าล้าน  มีเงินเยอะ ... ผมเลยอยากทำธุรกิจ  แต่ไม่อยากกู้แบงค์ .. ดอกมันแพง  เลยไปถามบรรดาอาโก ว่า เงินยังไม่คืน แต่มารวมทุนทำธุรกิจกันไหม  จะทำแฟลตให้เช่า บนที่นี่แหละ ส่วนใหญ่ มาจากเงินกู้แบ้งค์  เสนอแผนให้อาโกดู เป็นรายๆไป  อาโกแต่ละรา่ย สนใจลงทุนด้วย  เพราะลงทุนเข้าหุ้นทำแฟลต แค่แสนเดียว    แฟลตไม่มีทางเจ๊งเพราะตั้งอยู่บน ที่ดินพื้นที่ร้อยไร่ ใจกลางเมือง มูลค่าประเมินไม่ได้  ถึงเจ๊ง ก็เอาคืนได้ เพราะ ที่ดินพื้นที่ร้อยไร่ ใจกลางเมือง มูลค่าประเมินไม่ได้ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 28 ต.ค. 51 17:08:30 ]

ความคิดเห็นที่ 84 เริ่มนึกภาพออกหรือยัง?  แฟลตผม ปลูกเสร็จไปหนึ่งตึก สี่ชั้น  คนเข้าอยู่กันเต็ม  เงินที่เก็บได้ ผมจ่ายหนี้อาโกแต่ละราย คนละหนึ่งแสนพร้อมดอกเบี้ย หมดในเวลาแ่ค่สองปี  ธนาคาร? ค่อยๆจ่ายแต่ดอกเบี้ยไป เพราะเงินกู้แค่สิบห้าล้านเอง  ธนาคารไม่เดือดร้อน เพราะที่ที่ค้ำประกันยังอยู่นี่หว่า    ผมขยายแฟลตอีกตึก ขนาดเก้าชั้น  อาโกมาขอร่วมลงทุนเพิ่มอีก  คราวนี้ เทคนละ"แค่ห้าล้าน" ได้มาแปดสิบล้าน  กู้ธนาคารเพิ่มอีกร้อยสามสิบล้าน  ธนาคารมอง .. เงินต้นเก่า ยังจ่ายไม่หมด  แต่ ที่ที่ค้ำประกันยังอยู่นี่หว่า  แฟลตผม ปลูกเสร็จอีกหนึ่งตึก  คนเข้าอยู่กันเต็ม  ผมจ่ายหนี้อาโกแต่ละราย คนละแสนต่อปี .. เพราะค่าใช้จ่ายมันเยอะ  ธนาคาร?  ค่อยๆจ่ายแต่ดอกเบี้ยไป  เงินต้นเก่า เงินต้นใหม่ รวมแล้วเกือบห้าสิบล้าน ยังจ่ายไม่ไหว  ธนาคารเริ่มเดือดร้อน แต่ที่ที่ค้ำประกันยังอยู่นี่หว่า  ในปีที่สี่ .. ญาติผมรวมตัวกัน ร้องต่อศาล ขอแบ่งทรัพย์สินมรดก  ขอขายที่  (อ้าว! เฮ้ย!!! ที่ตรงนี้ มันเป็นทรัพย์สินร่วมเหรอว่ะ???)  ศาลตัดสินให้ขาย  อ้าว! เฮ้ย! การตัดแบ่ง ถึงผมจะได้มากสุด ในฐานะพี่คนโต  แต่การแบ่ง ดันปิดทางเข้ากลุ่มแฟลตของตูด้วย เพราะมันอยู่ด้่านหลัง เงียบสงบดี  ญาติที่เป็นเจ้าของที่ เสนอขายส่วนของตนในราคาต่ำกว่าท้องตลาด แค่หนึ่งพันห้าร้อยล้านเท่านั้น !  ผมขอกู้แบ้งก์  แบ้งก์มองตาปริบๆ แล้วถามว่า ล้อเล่นหรือเปล่า?  เงินต้นสองร้อยล้าน ยังไม่คืน  จะมากู้อีกพันห้าร้อยล้าน????  ผมไปกุ้อาโก  อาโกบอก มรึุงจะล้อเล่งเร้อ กรูกำลังจะไปทวงตังค์ฺคืนจากมรึงอยู่พอดี เพราะได้ข่าวว่า ที่มรึงถกตัดแบ่ง  ถ้ามรึงไม่จ่ายเงินยืมคืนมา กรูจะไปฟ้องศาล ผมก็บอกว่า ... ทวงตังค์ ไม่มีให้ ไม่ให้กู้ ผมก็เจ๊ง ตึกก็เจ๊ง และไม่มีเงินคืน  เงินที่อาโกให้มา ไม่ใช่ผมไปยืมเงิน แต่เป็นเงิืนที่อาโกมาร่วมลงทุน  ผมเจ๊ง อาโกเจ๊งด้วย  อา่โก ... จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 28 ต.ค. 51 17:28:00 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ว่าทำไม๊ทำไม เพื่อนๆ หลับเวลาเรียนเศรษฐศาสตร์ เหอ ๆ แต่ผมชอบนา.. เอามาใช้ได้หลายอย่างเลย จากคุณ : AVSystem - [ 31 ต.ค. 51 22:01:59 ]