ความคิดเห็นที่ 1 อยากรู้เหมือนกันครับ ซื้อจากแม่สายมากิน ภายนอกเหมือน มัน  พอปลอกแล้ว เนื้อใสๆ รสชาติกรอบๆ หวาน คล้ายมันแกว จากคุณ : merida_recon - [ วันออกพรรษา 22:18:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เคนเห็นเป็นครีมขาวๆ ขายแพงด้วย แต่ไม่ซื้อเพราะ มันเป็น.......... เป็น "ของจีน" ครับ ไม่อยากเสื่ยงแบบ นมผมเมรามีน แก๊ซน้ำตาคุณภาพต่ำ ของเล่นสารตะกั่ว จากคุณ : หมีอ้วนตัวหนึ่ง - [ วันออกพรรษา 22:23:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สอง คห.ข้างบน สงสัยจะคนละ "บัวหิมะ" กันแล้วล่ะครับ คือมันเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่งน่ะครับ ที่ต้องใช้น้ำนมเป็นตัวเลี้ยงให้เจริญเติบโต ไม่ใช่ผลไม้และไม่ใช่ครีม จากคุณ : ปลาวาฬสีฟ้า..หางกุด - [ วันออกพรรษา 22:27:00 ]

ความคิดเห็นที่ 4 กำ ป้ายเค้าแปะว่าบัวหิมะ หรือว่าผมโดนหลอก จากคุณ : merida_recon - [ วันออกพรรษา 22:31:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 บัวหิมะมีหลายอย่างนะครับ แบบที่เป็นแบคทีเรียกับแบบที่เป็นพวกพืชสมุนไพรจีน แล้วอีกอย่างก็ที่เป็รครีมสีขาวครับ ผมว่าที่จขกทบอกน่าจะอย่างแรกนะครับ ชื่อของแบคทีเรียตัวนี้คือ Bacillus megateriumครับ คือพอดีผมอ่านเจอในหนังสือของJSTPที่รวมผลงานเยาวชนที่ทำโครงงานวิทย์ แล้วมีน้องคนนึงเขาทำเรื่องนี้พอดีเลยครับ แต่ผมไม่มีความรู้มาก็เลยเอาชื่อมันมา เผื่อผู้รู้คนอื่นๆจะได้มาอธิบายครับ จากคุณ : Chordate - [ วันออกพรรษา 22:32:01 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แนะนำว่าลองไปถามโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ ดังมาจากที่นั่น ถ้าจำไม่ผิดเค้าเรียก คีเฟอร์ล่ะมั้ง จากคุณ : ท้องฟ้าสีน้ำเงิน - [ วันออกพรรษา 22:59:46 ]

ความคิดเห็นที่ 7 บัวหิมะมี 2 แบบค่ะ แบบแรกเป็น*เป็นสมุนไพรของจีน ที่เอามาทำครีม   แบบที่สอง ที่ใช้นมเลี้ยงค่ะ น่าจะไม่ใช่ทั้งพืชและสัตว์แต่อาจจะอยู่ในไฟลัม.....((ไม่แน่ใจ)).... รอความเห็นต่อไป  ดีกว่า จากคุณ : ผักผลไม้รวม - [ วันออกพรรษา 23:20:27 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มันเป็นสิ่งชีวิตประเภท "ฟังไจ" หรือประเภทเห็ดนั่นแหละครับ ชื่อวิทยาศาสตร์ผมไม่ ทราบ ลักษณะทั่วไป ให้นึกถึงเห็ดหูหนูครับ มีสีขาวมีลักษณะเป็นริ้วๆ เกาะเป็นกลุ่มหลวมๆ สามารถฉีกแยกหรือยีออกจากกันได้ จัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่่ค่อนข้างมีราคาแพงมาก แต่บ้านเราไม่นิยมขายเหมือนฝรั่งครับ เพราะเค้าถือกันว่าไม่ให้ซื้อขายกัน ให้ขอฟรี ได้เลย T_T วิธีใช้งาน ให้เอาบัวหิมะใส่ลงไปในของเหลวอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนม หมักเอาไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง ของเหลวจะมีรสเปรี้ยวออกมา สามารถดื่มกิน สดๆ ได้้เลย ถ้าเป็นนมก็จะเป็นนมเปรี้ยวแต่ว่าจะต่างจากที่ขายกัน คือ มีกลิ่นฉุน จัดและเปรี้ยวมากๆ เพราะไม่ได้ต้มและเติมน้ำตาลเหมือนนมเปรี้ยวที่ขายกัน และในต่างประเทศ นมบัวหิมะมีราคาที่แพงมาก (500 cc. อาจมีราคาถึง 15$ทีเดียว) เพราะผลผลิตที่ได้ต่ำกว่านมเปรี้ยวที่ใช้สิ่งมีชีวิตอื่น(เช่นแลคโตบาซิลัค)ทำมากๆ นม100 cc. อาจทำนมเปรี้ยวด้วยบัวหิมะได้แค่ 90 cc. ทีเดียว (เพราะบัวหิมะอาจจะกินนมไปด้วย) ข้อดีของนมบัวหิมะ(เอามันที่นมนี่แหละ) ข้อดีคือ มันสดจริงๆ มีสารอาหารมากมายรวมไปถึงแบคทีเรียที่มีประโยชน์รวม กว่า 40 ชนิด(อันนี้ฝรั่งมันวิจัยมานะ) ที่เห็นชัดๆคือขับถ่ายดีขึ้น ตดไม่เหม็นหล่ะครับ วิธีดูแลรักษา ใช้เสร็จแล้วล้างน้ำให้สะอาด และอย่าจับรุนแรง ไม่ต้องเข้าตู้เย็นถ้าจะใช้ต่อ ถ้าดูแลไม่ดีจะเห็นชัดเจนว่าจำนวนมันลดลงครับ อ้อ! เข้าตู้เย็นนานก็ตายนะครับ อย่าลืมว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิต ปล.1 บัวหิมะที่คนไทยเรียกกันมี 2 ตัวนะครับ คือ 1.บัวหิมะที่เป็นฟังไจ และ 2.บัวหิมะพันปีของจีน อันนี้กินไม่ได้ เค้า้้เอามาทำเครื่องสำอางกันครับ ปล.2 เคยเลี้ยงมาก่อน แล้วลืมให้นม 3 วัน เลยตายเกลี้ยง T_T จากคุณ : GIN - [ วันออกพรรษา 23:38:22 A:125.26.224.25 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 เท่าที่เคยลองเลี้ยงมานะคับ บัวหิมะประมาณลูกปิงปองกับนมกล่องนึง กินนมที่ได้แล้วถ่ายคล่องดีคับ หุ หุ รสชาดนี่เปรี้ยวสุดๆคับ จากคุณ : แว่นไร้ขอบ - [ วันออกพรรษา 23:46:17 ]

ความคิดเห็นที่ 10 บัวหิมะ เป็นกลุ่มของจุลินทรีย์ซึ่งมีหลายชนิดอยู่ร่วมกัน โดยกลุ่มหลักคือแบคทีเรียกรดแลกติก ซึ่งมีทั้งกลุ่ม Lactobacilli, Streptococci และ Lactococci และกลุ่มของยีสต์ แบคทีเรียกรดแลคติกที่เป็นกลุ่ม Lactobacilli  ที่พบเช่น Lactobacillus alactosus, L. brevis, L. casei subsp. casei, L. casei subsp. pseudoplantarum, L. casei subsp. rhamnosus, L. casei subsp. tolerans, L. coryneformis subsp. torquens, L. fructosus, L. hilgardii, L. homohiochi, L. plantarum, L. pseudoplantarum, L. yamanashiensis กลุ่มนี้หมักน้ำตาลแลกโตสให้กรดแลกติก แบคทีเรียแลกติกกลุ่ม Streptococci/ Lactococci ที่พบเช่น Streptococcus cremeris, Streptococcus faecalis, Streptococcus lactis, Pediococcus damnosus กลุ่มนีหมักน้ำตาลให้กรดแลกติกเช่นกัน มีพิเศษคือ Leuconostoc mesenteroides หมักน้ำตาลให้กรดแลกติกและแอลกอฮอล์ กลุ่มของยีสต์ที่พบได้แก่ Saccharomyces cerevisiae, S. florentinus, S. pretoriensis, Candida valida, C. lambica, Kloeckera apiculata, Hansenula yalbensis กลุ่มนี้หมักน้ำตาลให้แอลกอฮอล์ และอะเซตาลดีไฮด์ รวมทั้งสารอะโรมาติกอัลดีไฮด์อื่น ๆ ทำให้คีเฟอร์มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ยีสต์บางชนิดผลิตกรดซิตริค จุลินทรีย์เหล่านี้อยู่รวมกันเป็นกลุ่มในรูป Kefir grain มีลักษณะคล้ายดอกกะหล่ำ การอยู่ร่วมกันจะเอื้อประโยชน์ให้กันและกัน และจะผลิตสารต้านแบคทีเรียชนิดอื่นที่มาปนเปื้อนที่ทำให้นมบูด คีเฟอร์อุดมไปด้วยกรดอะมิโนทริปโตฟาน วิตามิน (B1, B12, Vit K) และฟอสฟอรัส  มีรายงานว่าการดื่มคีเฟอร์ประจำช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย การเพาะเลี้ยงทำได้ง่าย โดยอาจใช้นมวัว นมแพะ นมถั่วเหลือง น้ำกะทิ น้ำคั้นจากข้าว มาผสมกับ Kefir grain และหมักทิ้งไว้ทีอุณหภูมิห้อง หรือที่อุณหภูมิ 20-30 องศาเซลเซียส จะได้ Curd ที่มีลักษณะข้นและเปรี้ยว มีกลิ่นเฉพาะตัว ภาชนะที่ใช้ในการหมักควรทำความสะอาดอย่างดี นึ่งหรือลวกก่อน เพื่อป้องกันเชื้อชนิดอื่นปนเปื้อน วิธีการเลี้ยงดูรักษา แนะนำให้ไปถามสาว ๆ ห้องแป้งดังที่ความเห็นบน ๆ บอก เพราะคนตอบก็ไม่เคยเลี้ยงเหมือนกัน เคยแต่แยกเชื้อออกมาเล่น และลองเอามาเพาะดูสรีรวิทยาของมัน และที่สำคัญ...คนตอบชอบกินข้าวหมากมากกว่า แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 51 05:59:29 จากคุณ : MissMicrobe - [ วันออกพรรษา 23:58:43 ]

ความคิดเห็นที่ 11 บัวหิมะ คือ Kefir grain ครับ เป็นหัวเชื้อสำหรับหมักนมเปรี้ยวคีเฟอร์ อธิบายง่ายๆ คือ เป็นลูกแป้งที่ใช้หมักนมคีเฟอร์นั่นแหละ บ้านเราจะรู้จักลูกแป้งที่ใช้หมักข้าวหมาก ซึ่งคีเฟอร์เป็นนมหมักที่มีกลิ่นของแอลกอฮอล์ด้วย เนื่องจากในตัวของ starter จะมียีสต์ที่หมักแอลกอฮอล์ได้อยู่ด้วย ลูกแป้ง = หัวเชื้อข้าวหมาก บัวหิมะ = หัวเชื้อนมเปรี้ยวคีเฟอร์ จากคุณ : palermos - [ 15 ต.ค. 51 01:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 12 บัวหิมะมี 3 แบบครับ 1. ก็ Kefir ทีเ่ป็นกลุ่มจุลินทรีย์ตามที่ข้างบนบอก 2. ก็ที่เป็นพืชจีน แล้วก็อันที่ 3 นี่น่ากลัวสุด เป็นครีมสเตอรอยด์ผสมกะยาแก้แพ้ <---- ไอ้ตัวนี้แหละที่หลอกขายให้พวก เซียมหลอตือทั้งหลาย ทาแผลนู่้นนี่ ทายุงกัน โอ๊ยยยยย ดี หายไว แหงแหละหึๆ จากคุณ : Epinephrine - [ 15 ต.ค. 51 08:32:25 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ของที่เรียกกันว่า "บัวหิมะ" มีทั้งหมด 3 อย่าง ด้วยกัน 1 บัวหิมะที่ใช้นมเลี้ยง กินได้  เรียกว่า Kefir Kefir (alternately keefir, kephir, kewra, talai, mudu kekiya, milkkefir, búlgaros) is a fermented milk drink that originated in the Caucasus region. It is prepared by inoculating cow, goat, or sheep's milk with kefir grains. Traditional kefir was made in skin bags that were hung near a doorway; the bag would be knocked by anyone passing through the doorway to help keep the milk and kefir grains well mixed. http://en.wikipedia.org/wiki/Kefir 2 บัวหิมะที่เป็๋นครีม ใช้ทาแก้น้ำร้อนลวก แผลไฟไหม้ สิว ฝี ฯลฯ เป็นยาจีน ชื่อ " Baofuling" ของร้าน Baoshutang ร้านนี้ทัวร์จะชอบพาไปลง จะมีพนักงานของร้านแสดงปาหี่ขายยา โดยใช้มือรูดโซ่ร้อนแดง แล้วรีบทายาบัวหิมะ http://en.bjbst.com.cn/newEbiz1/EbizPortalFG/portal/html/index.html 3 บัวหิมะ ที่เป็นสมุนไพร เป็นยาบำรุง อายุวัฒนะ ชื่อว่า Saussurea laniceps Hand.-Mazz. แหะๆ ช้ากว่าท่านอิปิฯ มัวแต่งมโข่งหาลิงค์อยู่อ่ะ แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 51 08:55:56 จากคุณ : alan the lamb - [ 15 ต.ค. 51 08:52:21 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มาขำเซียมหล่อตือ ลูกพี่ลูกน้องผมโดนน้ำมันทอดไข่ลวกแขน อาม่าจะให้ใช้บัวหิมะทา ส่วนอาแม่จะให้ใช้ครีมเบอนอล ทะเลาะกันเสียงดังลั่นบ้านเรื่องจะเอาอะไรทาลูก/หลาน สาว สรุปคือ ได้รอยแผลเป็นสีคล้ำติดแขนมาเป็นทางยาวเพราะมัวแต่ทะเลาะกันเรื่องจะเอาอะไรทา เลยไม่ได้ทาสักที จากคุณ : ม้าไม้เมืองทรอย - [ 15 ต.ค. 51 16:46:06 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่เข้าใจว่าทำไมห้ามซื้อขาย แถมมีบางคนยังบอกว่า ได้เค้ามาแล้วต้องเลี้ยงดี และ ทำตัวดีๆด้วย ดูประสาทไปรึเปล่า ยังกับของปลุกเสก จากคุณ : เทเลทับขี้ - [ 16 ต.ค. 51 06:27:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เคยกินตอนเด็กๆ คนข้างบ้านเอาไปดองเหล้าไปขอเค้ากินมันเปรี้ยวๆดี ยังจำรสชาตินั้นได้เลย ว่าแต่มันช่วยในเรื่องอะไรล่ะครับ จากคุณ : Antornz - [ 17 ต.ค. 51 15:02:50 ]