ความคิดเห็นที่ 1 แล้วจะทำมันขึ้นมาทำไมเนี่ย ถึงแม้ว่าโดยทั่วไป silicon based technology จะให้การนำไฟฟ้าที่สูงกว่า แต่มันก็มีข้อจำกัดในตัวของมันเช่น ค่าใช้จ่ายในการผลิตต่อหน่วยค่อน ข้างสูง, ต้องใช้อุณหถูมิสูงในการผลิตคือมากกว่า 250 องศา, และไม่ สามารถงอได้ เพราะมันจะแตก ทำให้มันไม่คุ้มที่จะใช้กับสินค้าที่มีราคา ถูก และไม่สามารถ ต่อวงจรบนแผ่นพลาสติกที่งอได้ ในขณะที่ OFETs สามารถ ตอบโจทย์พวกนี้ได้เพราะมันสามารถ เขียนวงจรโดย ใช้solution technique ได้เลย เช่น inkjet printing หรือนึกภาพง่ายๆ ก็ คือ เราจะสามารถทำวงจร electronic โดยวิธีคล้ายๆ กับเราพิมพ์งานนั่น แหละ ง่ายดีไหมครับ จากคุณ : ยาจกอุดร Jr. - [ 31 ต.ค. 51 20:54:23 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตัวอย่าง applications ขั้นแรกก็ขอพูดแนะนำเกี่ยวกะ RFIDs (Radio Frequency Identity Tags) เทียบกับ barcode กันก่อนนะครับ RFIDs ก็คล้ายๆ กับ barcode แหละครับ แต่ข้อดีของมันก็คือ 1) จุข้อมูลได้มากกว่า เราสามารถใส่ข้อมูลได้ตั้งแต่สถานที่ผลิต ขนส่ง มาจากไหน โดยใคร เก็บไว้ที่ไหน นานเท่าไหร่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ของ คนผลิตชื่ออะไร สารพัดจะใส่เข้าไป แต่ barcode ใส่ได้แค่รหัสสินค้า 2) สามารถเขียน และ อ่านได้ แต่ barcode อ่านได้อย่างเดียว 3) ตัว readers ไม่ต้องสัมผัสกับ tags โดยตรงแต่ barcode ต้องมา สแกน จ่อๆ 4) อ่านข้อมูลได้เร็ว หลายสิบ tags ใน  1 วินาที 5) อันเนื่องมาจากความเมพของมัน มันเลยแพงครับ แพงกระฉูด tag นึงอย่างต่ำๆ ก็ ครึ่ง เหรียญ จนถึงหลายสิบเหรียญ (ใครมีราคาไทยก็เสริม ได้นะครับ) แพงเกินกว่าจะเอามาติดแทน barcode บนราคาไข่ หรือ ขนม แต่เอาไปติดรถ หรือ ม้าแข่งก็พอไหวอยู่ แต่เดี๋ยวก่อน เหตุที่มันแพงก็เพราะ electronic circuit แหละครับ ถ้าเราใช้ OFETs มาทำแทนราคามันก็อาจจะลงมาเทียบเท่า barcode เลยทีเดียว นั่นก็หมายความว่าในอนาคตเราก็ขนสินค้าลงรถเข็น แล้วเข็นผ่าน readers ไปเลยโดยไม่ต้องการแคชเชียร์อีกต่อไป เครื่องก็จะอ่านราคา แล้วหักออกจากบัญชีคุณทันที สะดวกดีไหมครับ จากคุณ : ยาจกอุดร Jr. - [ 31 ต.ค. 51 20:55:40 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนแอพพลิเคชันอื่นก็เช่น เป็น electronic circuit สำหรับ หน้าจอ OLED (organic light emitting diode) ซึ่งเป็นหน้าจอม้วนได้ ซึ่ง OLED นี้ แลปของผมก็ยังทำอยู่เช่นกันแต่ ผมไม่ได้ทำเอง อันนี้เป็นเวปที่ผมก๊อปรูปมา http://www.pinktentacle.com/2007/05/flexible-full-color-organic-el-display อันนี้เป็นคลิปครับ http://au.youtube.com/watch?v=TDuP8PtDJbE แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 51 21:03:38 จากคุณ : ยาจกอุดร Jr. - [ 31 ต.ค. 51 20:57:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เป็น electronic circuit สำหรับ electronic papers เวปที่ผมก๊อปรูปมา http://www.trustedreviews.com/peripherals/news/2005/07/14/Fujitsu-Shows-Off-Bendable-ePaper/p1 จากคุณ : ยาจกอุดร Jr. - [ 31 ต.ค. 51 21:04:35 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เป็น electronic circuit สำหรับ artificial skin ซึ่งตัวนี้จะทำให้หุ่นยนต์รับความ รู้สึกสัมผัส และแรงกดได้ครับ http://radio.weblogs.com/0105910/2004/09/22.html จากคุณ : ยาจกอุดร Jr. - [ 31 ต.ค. 51 21:05:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Clip นี้รู้มาจาก หว้ากอนี่แหละครับ แต่ผมว่าน่าจะใช่ OFET นะ http://au.youtube.com/watch?v=78krbfy9hh0 จากคุณ : ยาจกอุดร Jr. - [ 31 ต.ค. 51 21:06:41 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หลักการทำงาน OFETs ประกอบด้วย 3 ส่วนคร่าวๆ ครับ คือ semiconductor layer, insulator, และ  electrode ซึ่งมี 3 ตัวคือ source electrode (S), drain electrode (D) และ gate electrode ประกอบกันดังภาพ จากคุณ : ยาจกอุดร Jr. - [ 31 ต.ค. 51 21:07:44 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ภาพไม่ขึ้นแฮะ จากคุณ : ยาจกอุดร Jr. - [ 31 ต.ค. 51 21:09:29 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ก่อนอื่นต้องท้าวความเกี่ยวกับระดับพลังงานของสารคร่าวๆ เรารู้ว่าสารเคมีมีระดับพลังงานของ electron ใช่ไหมครับ โดยมันก็มีหลาย ชั้นด้วยกัน แต่จะขอพูดถึงแค่ 2 ชั้น HOMO (highest occupied molecular orbital) หรือ ระดับพลังงานสูงสุด ที่มี electron นั่นก็คือชั้น electron นอกสุด LUMO (lowest unoccupied molecular orbital) หรือ ระดับพลังงานต่ำสุด ที่ไม่มี electron นั่นก็คือชั้นถัดออกไปจากชั้น electron ชั้นนอกสุด ส่วนอีกตัวที่จะกล่าถึงก็คือ ระดับพลังงานของโลหะก็คือ metal work function เมื่อเราให้สนามไฟฟ้าเข้าไประดับพลังงานของสารก็จะเปลี่ยนแปลง ถ้าระดับ HOMO เหมาะสมกับ metal wf  มันก็พร้อมที่จะให้ electron กับ electrode S ซึ่งก็หมายความว่ามันพร้อมจะนำพาประจุบวกจาก s ไป d นั่น เอง เราเรียกสารประเภทนี้ว่า P-type ในทางกลับกันถ้า LUMO เหมาะสมกับ metal wf  electron ก็พร้อมที่จะส่ง จาก electrode S ไป  electrode D ซึ่งก็หมายความว่ามันพร้อมจะนำพา ประจุลบจาก s ไป d นั่นเอง เราเรียกสารประเภทนี้ว่า N-type *รูปมีปัญหา เอาออกดีกว่า แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 51 21:14:09 แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 51 21:13:40 จากคุณ : ยาจกอุดร Jr. - [ 31 ต.ค. 51 21:11:51 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ดูภาพรู้เรื่องไหมเนี่ย จากคุณ : ยาจกอุดร Jr. - [ 31 ต.ค. 51 21:16:33 ]

ความคิดเห็นที่ 11 งานในด้านนี้ก็ยังคงต้องการที่จะพัฒนาต่อไปครับ โมเลกุลใหม่ๆ ที่มี คุณสมบัติที่ดียังคงรอการค้นพบ เทคนิคใหม่ๆที่เอามาประกอบเป็น OFETs ยังคงต้องค้นคว้า ทฤษฎีใหม่ๆ ยังคงต้องค้นหาในการทำความเข้า ใจกับระบบของ organic semiconductor ต่อไปครับ แอบอ่านมาตั้งนานแล้ว แต่นี่เป็นบทความชิ้นแรกของผมในหว้ากอ นี้ (อาจเป็นชิ้นสุดท้ายด้วยเพราะขี้เกียจเขียน) ถ้ามีข้อติชมอะไร แนะนำมา ได้ครับ รวมถึงความเหมาะสมในการเขียนด้วย เพราะไม่เห็นใครเอา โปรเจ็คตัวเองมาเขียนเลย แต่ก็ไม่ได้แพลมงานตัวเองออกมานะครับ อีก ทั้งทฤษฎีต่างๆ ถ้ายากไปหรือง่ายไปก็บอกกันได้นะครับ จากคุณ : ยาจกอุดร Jr. - [ 31 ต.ค. 51 21:17:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แจ่มจริงๆ #6 มีการจับ...ด้วยแฮะ แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 51 22:15:04 แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 51 22:12:41 จากคุณ : jubchay - [ 31 ต.ค. 51 22:10:55 ]