ความคิดเห็นที่ 1 ยังไม่น่าจะทำได้ในตอนนี้นะคะ เรื่องใกล้เคียง Billy Milligan ชายผู้มี 24 บุคลิก http://ohx3.exteen.com/20061107/billy-milligan-24 ขอบคุณสาวๆ แถวนี้ที่เอามาบอกกันค่ะ จากคุณ : คืนนี้ไม่เหมือนคืนนั้น - [ 3 พ.ย. 51 23:27:46 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องนี้ถกเถียงกันอยู่มากในกลุ่มนักอาชญาวิทยาขอรับ ปัจจุบันนี้ สำนักชิคาโก หรือสำนักปฎิฐานนิยมแบบใหม่ ได้ตั้งข้อสังเกตเรื่อง เจตจำนง (will) ของผู้กระทำความผิดขึ้นมา ซึ่งได้ข้อสรุปว่า บางสิ่งไม่ใช่เจตจำนงของผู้กระทำเอง หากแต่ได้รับการบังคับให้ต้องกระทำอย่างนั้น ซึ่งเรื่องนี้ คงต้องถกไว้ทีหลัง แต่เอาง่ายๆ คือ 1. ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นทฤษฎีใหม่ โดยการศึกษาทางคลินิค(Clinic) ทำให้ทราบว่า ผู้เสียหายเอง มีส่วนกระตุ้นให้ผู้กระทำความผิด ได้กระทำความผิดนั้นขึ้นมา 2. สังคม เช่น ทฤษฎีความยากไร้ ของคารล์มากซ์, ทฤษฎีการตราหน้า (จำไม่ได้ของใคร) ฯลฯ 3. สภาพแวดล้อม เช่น ทฤษฎีเลียนแบบ 4. ฮอร์โมน เช่น ทฤษฎีฮอร์โมน 5. สภาพจิตใจ เช่น ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของซิกมัน ฟรอยด์ ฯลฯ เป็นต้นขอรับ ถ้าว่างๆ จะนำเอาความรู้เกี่ยวกับอาชญาวิทยา มานั่งพิมพ์ให้อ่านเล่้นกันขอรับ ^______^ ps. ตาม ข้อ 4 ได้ผลสรุปว่า ผู้หญิง มีโอกาส ก่ออาชญากรรมมากกว่าผู้ชาย (ฮา) ps2. แต่เนื่องจากผู้หญิงมีสรีระร่างกายที่บอบบางกว่า จึงไม่สะดวกในการกระทำความผิด ดังนั้นส่วนใหญ่ผู้ชายจึงกระทำผิดมากกว่าผู้หญิง ~ เทพมังกรอวยชัย เอนมา เอนมา ~ แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 51 00:22:49 จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 4 พ.ย. 51 00:18:51 ]

ความคิดเห็นที่ 3 น่าสนใจมากเลยครับ เรื่องของคนหลายบุคลิกเป็นเรื่องที่มีเค้าโครงจากเรื่องจริง จริงๆด้วย จากคุณ : yagioh - [ 4 พ.ย. 51 00:20:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตอบคำถามของเจ้าของกระทู้ ตามกฎหมายไทยนะขอรับ ป.อ. มาตรา 65 "ผู้ใดกระทำความผิดในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบ หรือ ไม่สามารถบังคับตนเองได้เพราะมีจิตบกพร่อง โรคจิตหรือจิตฟั่นเฟือน ผู้นั้น ไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น แต่ถ้าผู้กระทำความผิดยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง หรือยังสามารถ บังคับตนเองได้บ้าง ผู้นั้นต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น แต่ศาลจะลงโทษ น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้" มาตรานี้ แก้ไขตามความเห็นของนักอาชญาวิทยาสมัยใหม่ขอรับว่า "หากเขาผู้นั้นไม่มีเจตจำนงที่จะกระทำความผิด จะลงโทษเขาได้อย่างไร" จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 4 พ.ย. 51 00:27:35 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอตอบด้านประเด็นทางจิตวิทยานะครับ ในคนที่มีหลายบุคลิกนั้น ทางการแพทย์ท่านเรียกว่า Multiptle Personality Disorder  จะมีลักษณะที่สำคัญคือ มีหลายบุคลิกในคนๆเดียวโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้และก็จะจำเรื่องราวในช่วงที่เปลี่ยนบุคลิกเป็นอีกคนหนึ่งไม่ได้ คนที่เป็นโรคนี้จะมีสองบุคลิกจนไปถึง 100 บุคลิกเลยทีเดียว  ไครสนใจลองอ่าน Dr.Jackle and Mr.Hyde ดูนะครับ สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากอะไร การรักษา ใช้จิตบำบัด ทำโดยพยายาม ทำให้คนไข้รุ้ตัวว่ายังมีบุคลิกอื่นๆอยู่ในตัว จากนั้นรวมกันให้เป็นบุคลิกเดียว  ในบุคลิกที่ไม่จำเป็นก็ทำให้หายไปเสีย ถึง คุณ กระบี่เก้าเดียวดาย ว่างๆเอาเรื่องอาชญาวิทยามาให้อ่านทีสิครับ ว่ามันไปถึงไหนแล้ว แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 51 02:29:00 จากคุณ : MaoCom - [ 4 พ.ย. 51 01:46:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เด๋วรอสักพักก่อนนะขอรับ บางทีมันก็ขัดกันในตัวเองด้วย เหมือนกับวิชาปรัชญาอ่านะขอรับ ^_______^ จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 4 พ.ย. 51 02:13:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถามต่อนะคะ ถ้าจิตฟั่นเฟือน กฎหมายไม่ต้องเอาผิดแล้วเนี่ยะค่ะ.. คนๆนั้นจะไปอยู่ที่ไหนคะ.. ในโรงพยาบาลหรือเปล่าค่ะ หรือว่าปล่อยออกมาปกติ จากคุณ : primjang - [ 4 พ.ย. 51 09:37:39 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ^ ^ โรง'บาล ขอรับ ปล่อยมา เด๋วเผลอไปทำร้ายคนเข้าอีก แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 51 09:39:41 จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 4 พ.ย. 51 09:39:13 ]

ความคิดเห็นที่ 9 รักษาจนกว่าจะหาย ไม่ปล่อยมาขับรถครับ จากคุณ : Chaos dragon - [ 4 พ.ย. 51 09:41:08 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อาการแบบนี้จะหายได้เหรอครับ จากคุณ : Time & Trust - [ 4 พ.ย. 51 11:59:21 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอตอบประเด็นของ จขกท. ก่อน กฎหมายไทยไม่มีหลักกฎหมายที่ว่า ให้เราจัดการ "บุคคลิกที่เป็นฆาตกร" แล้วจะพ้นผิดค่ะ และคิดว่ากฎหมายของอเมริกาเองก็ไม่น่าจะมีเหมือนกัน เพราะโดยทั่วไปกฎหมายอาญาจะมุ่งกระทำต่อ "ตัว" ของผู้กระทำความผิด เป็นสำคัญ สิ่งที่หนังมุ่งจะใช้ในการแก้ปัญหา น่าจะเป็นการบำบัดตัวผู้กระทำความผิดนั่นแหละ ให้หายจากปัญหาบุคคลิกภาพซ้อนซึ่งเป็นฆาตกรนี้ต่างหาก -------------- กรณีตาม คห. 4 หากเขาไม่มีเจตจำนงจะกระทำความผิด จะลงโทษได้อย่างไร กรณีนี้มีหลายประเด็น ตอบตรง ๆ คงไม่ได้ แต่มันคาบเกี่ยวระหว่าง หลัก เจตนากระทำความผิด (มาตรา 59) กับ หลักจิตบกพร่องจนไม่รู้ผิดชอบ (มาตรา 65) นะคะ เพราะกรณี multiple personality disorder นี้น่าจะเป็นกรณีใหม่ที่ยังไม่มีการพูดอย่างกว้างขวางนักในวงการกฎหมาย จึงทำให้ยังไม่มีแนวทางและข้อสรุป คงต้องพึ่งพาความเห็นจากจิตแพทย์เสียแล้วว่ากรณีนี้ ถือว่า ผู้กระทำนั้น ไม่รู้ผิดชอบหรือเปล่า หรือว่า จิตบกพร่องจนไม่สามารถบังคับตัวเองได้หรือเปล่า และถ้ายังบังคับตัวเองได้บ้างหรือรู้ผิดชอบอยู่บ้างนั้น อัตราส่วนมากหรือน้อยเท่าไร แต่ในการดำเนินคดีอาญา ถ้าหากว่าผู้กระทำผิด "วิกลจริต" และไม่สามารถต่อสู้คดีได้ พนักงานสอบสวนหรือศาลจะสั่งให้แพทย์ตรวจผู้กระทำผิดก่อน ถ้าหากว่าวิกลจริตและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ จะต้องงดการดำเนินการไว้จนกว่าเขาจะต่อสู้คดีได้ และศาลหรือพนักงานสอบสวนจะส่งตัวผู้กระทำความผิดไปยังโรงพยาบาลหรือส่งให้ผู้ที่เหมาะสมดูแลเขาจนกว่าจะต่อสู้คดีได้ ก็ได้ (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 14) กล่าวคือ ส่งไปรักษาในที่ปลอดภัย สู้คดี่ได้เมื่อไหร่ก็ยกคดีขึ้นมาทำต่อค่ะ เราเองไม่ใช่หมอ จึงไม่สามารถระบุว่า กรณี multiple personality disorder นั้น ถือว่าวิกลจริตไหม และต่อสู้คดีได้หรือเปล่า อันนี้ขอความกระจ่างจากจิตแพทย์ด้วยค่ะ ส่วนคดีตาม คห.9 ตำรวจดำเนินคดีกับเขาอย่างคนจิตปกติค่ะ เพียงแต่ฝ่ายผู้กระทำความผิด "อ้าง" ว่าตัวเองกระทำความผิดในระหว่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ตอนนี้คดีอยู่ในศาลแล้ว และคงต้องรอฟังผลการพิจารณาคดีในชั้นศาลต่อไปค่ะ เรื่องใช้เวลามากก็เป็นเพราะคดีต้องไปต่อคิวคดีที่นัดไว้ก่อน ๆ ตามระบบพิจารณาคดีต่อเนื่อง ซึ่งได้แบบอย่างมาจากระบบนัดพิจารณาคดีในประเทศสหรัฐอเมริกา และน่าจะได้จากประเทศระบบคอมมอนลอว์ประเทศอื่นด้วย คือนัดแรกจะนานหน่อยเพราะต้องเข้าคิว แต่นัดแล้วจะพยายามสืบพยานทั้งสองฝ่ายให้เสร็จรวดเดียวให้เสร็จให้จงได้นั่นแหละ จากคุณ : มานะฯ - [ 4 พ.ย. 51 12:46:56 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อ่านแล้วน่ากลัวยังงัยไม่รู้ หุหุ... ว่าแต่ ถ้าผู้กระทำผิด อยู่ในขั้นไม่รู้ตัวจริงๆ ไม่สิทธิสู้คดีได้ด้วยหรือคะ แล้วถ้าสู้คดีแล้วชนะขึ้นมาล่ะ ผู้เสียหายไม่เจ็บหรือตายฟรีหรือ หรือแค่สู้คดีเพื่อลดโทษจากหนักเป็นเบา... จากคุณ : Choco-Mix - [ 4 พ.ย. 51 13:44:57 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สู้คดีได้หรือไม่ได้เป็นการวินิจฉัยของหมอค่ะ นักกฎหมายเพียงแต่รับฟังผลแล้วนำมาดำเนินการต่อตามที่กฎหมายกำหนด ถ้าหากวิกลจริตแต่สู้คดีได้ ก็ต้องทำคดีต่อไป แต่ถ้าสู้ไม่ได้ เขาจะ "รอ" หรือ "เลื่อน" การทำคดีออกไปค่ะ ไม่ได้เลิกคดีนะ..... นี่เป็นมาตรการช่วยเหลือผู้ต้องหาหรือจำเลย ให้ได้รับกระบวนการอาญาที่เหมาะ ไม่ใช่เรื่องสิทธิหรือไม่มีสิทธินะคะ (ถ้าคิดว่าเขาไม่รู้ตั้วแต่ให้เขาสู้คดี นึกภาพคนที่จิตผิดปกติพูดไม่รู้เรืือง แล้วเรามาบังคับให้เขาให้การ บังคับให้เขาให้ปากคำ ให้เบิกความในศาลสิคะ มันจะเสียหายกับเขามั้ย) เอ้า ถ้าเขาหาย มาสู้คดีได้ เขาก็ทำคดีกันต่อไป ปัญหาก็คือ... กระบวนการยุติธรรมต้องมองให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ถ้าคนทำผิด ทำไปโดยบังคับตัวเองไม่ได้หรือไม่รู้ผิดชอบเอาซะเลย (ซึ่งตามทางหมอ คนเหล่านี้เป็นผู้ป่วยด้วยซ้ำ) จะไปจับเขาประหารชีวิตแล้วจะเหมาะสมหรือคะ แล้วกฎหมายก็บอกแล้วว่าถ้ายังบังคับตัวเองได้บ้าง รู้ผิดชอบได้บ้าง ศาลมีอำนาจลงโทษตามสมควรอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าคนทำผิดที่มีความผิดปกติทางจิตจะต้องพ้นโทษไปหมดทุกคนหรอกค่ะ จากคุณ : มานะฯ - [ 4 พ.ย. 51 14:09:56 ]

ความคิดเห็นที่ 14 #11 ขอบพระคุณมากๆ ขอรับ m(_ _)m บางทีเผลอเร็วไปหน่อย ลืมไปว่าเคสบุคคลหลายบุคลิก ยังไม่ค่อยแพร่หลายในเมืองไทย จึงยังไม่มีกฎหมายออกมารองรับ เฮ้อ ด่วนสรุปไปอีกแล้ว กรั่กๆ -*- ปล. ข้าเจ้าว่า ณ ตอนนี้ถือว่า บุคคลหลายบุคลิก เป็นบุคคลธรรมดาอยู่นะขอรับ ยังไม่ใช่บุคคลหย่อนความสามารถ เพราะหนึ่งในหลายบุคลิกยังเป็นปกติอยู่ ถ้าหากมีกรณีนี้จริงขึ้นศาลมา คงต้องพิจารณาตาม 65 วรรคสอง เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยว่า อยู่ในความไม่รู้ผิดชอบหรือไม่? แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 51 16:46:37 แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 51 16:43:08 จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 4 พ.ย. 51 16:40:19 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เรียน จขกท. คุณ : yagioh ศาสนาพุทธไม่ได้สอนว่าคนหนึ่งคน......... จะมีจิตดวงเดียวหรือบุคลิกเดียวแต่อย่างใด แต่พระพุทธศาสนาสอนว่าจิตของคนทุกคนนั้น มีการเกิดขึ้น คงอยู่ แล้วตับไป ต่อเนื่องกันตลอดเวลา และจิตที่เกิดดับแต่ละครั้งก็จะมีเจตสิกเกิดร่วมด้วย แบบที่ไม่เหมือนเดิม..... เปลี่ยนผันแปรไปตามกิเลสต่าง ๆ ดังนั้น ตามคำสอนของศาสนาพุทธละก็ คนแต่ละคนต่างก็มีจิตจำนวนนับไม่ถ้วนเกิดตอเนื่องกัน และมีบุคลิกต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายในแต่ละห้วงเวลาแห่งชีวิต เรื่องนี้ไม่ใฃ่เรื่องสมมติ และกฏแห่งกรรมก็จะทำการส่งผลไปยังจิตแต่ละดวง และบุคลิกแต่ละบุคลิก ได่อย่างแม่นยำถูกต้องเสมอ ขอให้ท่านโชคดี และขอให้ทุก ๆ ท่านเจริญในธรรม จากคุณ : kongsilp2000 - [ 5 พ.ย. 51 23:59:04 ]