PANTIP.COM : X7195627 ผมสงสัยเรื่องโครงการณ์โฮปเวลล์ มากๆครับ [วิศวกรรมและเทคโนโลยี]

ความคิดเห็นที่ 23

ช็อก! ชี้ขาดรถไฟพ่าย “โฮปเวลล์” [11 พ.ย. 51 - 04:49]

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคมเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา คณะอนุญาโตตุลาการได้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีพิพาทโครงการระบบทางรถไฟและถนนยกระดับ (โฮปเวลล์) ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยกับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยได้ชี้ขาดให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) คืนเงินกว่า 10,000 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี และคืนหนังสือค้ำประกันมูลค่า 500 ล้านบาท ให้แก่บริษัทโฮปเวลล์ จากการบอกเลิกสัญญาสัมปทานโครงการดังกล่าวไม่ถูกต้อง

ทั้งนี้ ภายในสัปดาห์นี้จะเรียกผู้บริหาร รฟท.เข้ามาชี้แจงรายละเอียดความเป็นมาโครงการ ซึ่ง รฟท.จะต้องศึกษารายละเอียดว่าขั้นตอนที่คณะอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยถือว่าสิ้นสุดหรือไม่ และยังมีวิธีใดที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้รัฐเสียประโยชน์ได้ “รฟท.จะต้องศึกษารายละเอียดคำวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการเพื่อพิจารณาว่าจะสามารถคัดค้านคำวินิจฉัยได้หรือไม่ หาก

ขั้นตอนจะต้องดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายก็จะต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความถูกต้อง” นายสันติกล่าว ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมาคณะอนุญาโตตุลาการได้ตัดสินชี้ขาดข้อพาทระหว่างกระทรวงคมนาคม รฟท.และบริษัทโฮปเวลล์ ระบุว่าให้ กระทรวงคมนาคมและ รฟท.ต้องคืนเงินชดเชยให้กับบริษัทโฮปเวลล์จากการบอกเลิกสัญญารวมเป็นเงิน 11,888 .75 ล้านบาท โดยไม่รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี พร้อมคืนหนังสือค้ำประกันมูลค่า 500 ล้านบาท ที่ออกโดยธนาคารกรุงเทพ ซึ่งประกอบด้วย เงินที่บริษัทได้ชำระเป็นค่าตอบแทนจากการใช้ประโยชน์จากที่ดินของ รฟท. ถึงก่อนวันบอกเลิกสัญญาเป็นเงิน 2,850 ล้านบาท และเงินค่าออกหนังสือค้ำประกัน 38,749,800 บาท และเงินค่าก่อสร้าง 9,000 ล้านบาท

นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการ รฟท. กล่าวว่า คำตัดสินชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการให้ รฟท.แพ้ต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับบริษัทโฮปเวลล์เป็นเงินกว่า 10,000 ล้านบาทนั้น ขึ้นอยู่กับระดับนโยบายซึ่งจะมีการนัดหารือกับกระทรวงคมนาคมภายในสัปดาห์นี้ว่าจะยอมรับในคำตัดสินและเจรจาต่อรองเพื่อปรับลดเงินค่าชดเชย หรือจะดำเนินการเพื่อฟ้องร้องในชั้นศาลต่อไป

ผู้ว่าการ รฟท.กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นผลมาจากการเจรจายุติข้อพิพาทที่มีการตั้งอนุญาโตตุลาการขึ้นมาตัดสิน ซึ่งในส่วนของกระทรวงคมนาคมและ รฟท.ได้มอบหมายให้สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นตัวแทน ซึ่งผลการวินิจฉัยชี้ขาดที่ออกมานี้จะต้องนำเข้ารายงานต่อที่ประชุมบอร์ดรฟท. ส่วนแนวทางความชัดเจนว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรขึ้นอยู่กับนโยบายจากกระทรงวงคมนาคม “ทางบริษัทได้เรียกร้องค่าเสียหายจากการเข้ามาลงทุนในโครงการดังกล่าวจาก รฟท.สูงถึง 56,000 ล้านบาท ในขณะที่ รฟท.ก็เรียกร้องค่าเสียโอกาสในการใช้ประโยชน์จากโครงการไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านบาทเช่นกัน แต่เมื่อผลการชี้ขาดออกมาเช่นนี้จึงขึ้นอยู่กับนโยบายจะให้เจรจาหรือให้ดำเนินการฟ้องร้องในชั้นศาลต่อไป”

ส่วนโครงสร้างของโฮปเวลล์นั้น นายยุทธนากล่าวว่า ภายหลังจากบอกเลิกสัญญา ทาง รฟท.ถือว่าโครงสร้างทุกอย่างตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท.และได้ดำเนินการฟ้องร้องระหว่างกัน ส่วนการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างดังกล่าวเพื่อดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิตนั้น จะต้องมีการประเมินเป็นมูลค่าเพื่อจ่ายชดเชยให้กับทางบริษัทโฮปเวลล์ด้วย

โครงการโฮปเวลล์ได้มีการลงนามในสัญญาเมื่อปี 2533 กำหนดอายุของสัมปทานไว้ 30 ปี และได้บอกเลิกสัญญาสัมปทานในสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รมว.คมนาคมและนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คมนาคม เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2541.

จาก http://thairath.co.th/news.php?section=economic&content=110991

จากคุณ : nat1234 - [ 11 พ.ย. 51 17:31:20 ]