ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าขึ้นจากน้ำเร็วมากเกินไป ถึงตายเลยนะครับ จากคุณ : oppertunity - [ 11 พ.ย. 51 23:56:37 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จริงครับ แต่การขึ้นผิวน้ำแบบรวดเร็วจะทำให้เกิดอาการเลือดออก ทางที่ต่างๆ เนื่องจากความดัน เค้าเรียก เบนช์ รึป่าว ไม่แน่ใจ นักดำน้ำขึ้นผิวน้ำจึงต้องมีการพักน้ำ คือขึ้นมาแล้วหยุดเป็นระยะๆ รอคนอื่นให้รายละเอียด จากคุณ : ลูกผู้ชายบ้านนอก (ลูกผู้ชายบ้านนอก) - [ 11 พ.ย. 51 23:57:50 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้ามีก็ตายแงมๆครับ ปกติแล้วเขาจะพักปรับแรงดันทุกๆ กี่เมตรผมก็ไม่ทราบ แต่ถ้าพุ่งพรวดจาก 30 เมตรมา 0 เมตรเนี่ย ไม่ต้องส่งโรงพยาบาลแล้วครับ ไปวัดได้เลย จากคุณ : Ice-man - [ วันลอยกระทง 00:10:55 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เร็วเกินก็ตายครับ ไนโตรเจนเกิดมากไป จากคุณ : StoneHoof - [ วันลอยกระทง 00:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่เคยได้ยินเรื่องอุปกรณ์ดังกล่าว รู้แต่ว่า ปกติเวลาดำน้ำ จะต้องมีแผนการดำน้ำทุกครั้ง ว่าจะดำที่ความลึกเท่าไร นานเท่าไร เนื่องจากเมื่อเราดำน้ำไป ความดันจะเพิ่มขึ้น 1 atm ทุกๆ 10 เมตร เมื่อความดันเพิ่มขึ้นอากาศที่เราหายใจเข้าไปก็มีความหนาแน่นเพิ่มขึ้น เพราะปริมาตรลดลง ในอากาศที่คนเราหายใจก็ไม่ได้มีออกซิเจนเพียงอย่างเดียว แต่มีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบหลักเหมือนอากาศบนบก เมื่อเราหายใจหนึ่งครั้ง ในลมหายใจนั้นก็จะมีไนโตรเจนปนอยู่ด้วยโดยที่ร่างกายไม่ได้ใช้อะไร แต่ก็จะปะปนมากับลมหายใจออก เมื่อเราดำน้ำลงไปที่ลึกๆ ตามหลักการเราจะค่อยๆ ขึ้นมาด้วยความเร็วไม่เกิน 18 เมตร/นาที และถ้ามีการดำน้ำเป็นเวลานานหรือดำน้ำลึกจนถึงระดับที่ร่างกายมีการสะสมของไนโตรเจนในเลือด หากไม่มีการพักน้ำ คือรออยู่ในที่ระดับความลึก ประมาณ 5 เมตรเป็นเวลา 5 นาที หรือหากมีอากาศเหลือก็รอเป็นเวลา 13-15 นาที เพื่อเป็นการระบายไนโตรเจนส่วนเกินออก นอกจากนี้ในช่วงที่ใกล้ถึงผิวน้ำ อากาศทั้งในถังและใน wet suit ของเราจะขยายตัว ทำให้เราลอยขึ้นอย่างรวดเร็ว การพักน้ำยังช่วยให้เราตั้งหลักอีกครั้งก่อนขึ้นสู่ผิวน้ำ หากไม่พักน้ำ ในกรณีที่ดำน้ำตื้น หรือดำน้ำไม่นานพอที่จะมีการสะสมของไนโตรเจน อาจจะไม่เกิดผลอะไรมากมาย แต่ถ้าเป็นในทางตรงกันข้าม เมื่อขึ้นมาถึงผิวน้ำไนโตรเจนที่สะสมในร่างกายจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากความดันลดลง เหมือนเวลาที่เราเปิดขวดโซดา ทำให้เกิดอาการป่วยเนื่องจากความดันอากาศลดลง (Decompression sickness) หรือในกรณีที่ฟองอากาศสะสมในบางส่วนของร่างกายทำให้เจ็บตามข้อ หรือในบางรายก็อาจจะหนักเป็นอัมพาตหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าน้ำหนีบ กรณีนี้ต้องรักษาในห้องปรับความดันหรือ recompression chamber จากคุณ : koraon - [ วันลอยกระทง 01:44:39 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตอบตามประเด็นที่ถาม """ทำให้สามารถ ลอยขึ้นสู่ ผิวน้ำได้อย่างรวดเร็ว  อุปกรณ์ แบบที่ว่านี้ มีจริงๆ หรือเปล่าครับ""" เคยมีครับ ในยุคหนึ่ง เน้นว่าต้องใส่เสื้อชูชีพด้วย ในเสื้อชูชีพ จะมีหลอดแกสคาร์บอนไดออกไซด์อัดเสียบอยู่ แต่วัตถุประสงค์หลักคือ ดึงเชือกบังคับให้แกสไหลเข้าเสื้อชูชีพเมื่อลอยอยู่ที่ผิวน้ำ แต่หากมีความจำเป็น ที่ดึงแกสปล่อยลมเข้าเสื้อชูชีพด้วยเหตุจำเป็นหรือไม่ก็ตาม ต้องกางแขนกางขาขึ้นผิวน้ำในลักษณะขวางทางน้ำ  และปล่อยลมออกทางปากตลอดเวลา ห้ามอั้นไว้เด็ดขาด การขึ้นสู่ผิวน้ำด้วยความเร็วมากกว่า ๑ฟุตต่อ๑วินาทีนั้น มีผลเสียคือ ถุงลมในปอดจะแตก เพราะอากาศขยายตัวเท่านั้น  ไม่เกี่ยวกับไนโตรเจนเป็นพิษเลย จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ วันลอยกระทง 08:51:29 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เคยได้ยินเหมือนคุณต้นโพธิครับในการสละเรือดำน้ำฉุกเฉิน....หากลูกเรือต้องสละเรือในความลึกเค้าจะให้ปล่อยอากาศออกจากร่างกายให้เร็วที่สุดเพราะอากาศในปอดจะขยายตัวอย่างรวดเร็วจนทำให้ปอดฉีก...ในขณะเดียวกันก็จะมีอุปกรณ์ช่วยนำขึ้นสู่ผิวน้ำให้เร็วเช่นกัน...ไม่เช่นนั้นขาดใจตายพอดี...ซึ่งก็เสี่ยงมากแต่ก็ดีกว่ากอดคอกันตายใต้สมุทร... เคยเห็นพวกลูกเรือดำน้ำฝึกการลอยตัวในลักษณะนี้เช่นกันในสารคดีครับ....แต่ดูนานแล้วหากความจำคลาดเคลื่อนขออภัยด้วยครับ จากคุณ : อินทร์นิล - [ วันลอยกระทง 09:27:28 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ใช่ครับ ผมมองตรงประโยชน์ ทีจำเป็นต้องรีบขึ้นอย่างฉุกเฉินจากก้นทะเล หรือสมมุติ ว่าท่อออกซิเจนขาด แล้วเรากำลังจะไม่มีอากาศหายใจใต้น้ำ จากคุณ : yagioh - [ วันลอยกระทง 10:31:46 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เอาแต่ของขึ้นมาพอเป็นไปได้ แต่ ถ้าเป็นคน อย่างที่บนๆ บอก ครับ จองวัด หุๆๆ จากคุณ : vn, man - [ วันลอยกระทง 10:41:35 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ วันลอยกระทง 10:50:14 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ดำน้ำปกติเค้าให้ขึ้นให้ช้าที่สุดนะครับ อย่างน้อยก็ช้ากว่าฟองอากาศจากการหายใจของเรา ถ้าขึ้นฉุกเฉินก็ต้องร้อง อ่า  หายใจออกตลอดทางขึ้นเลย ผมเคยดำน้ำพลาดหนนึงตอนเริ่มดำใหม่ๆ  ตอนทำ safety stop อยู่ที่ประมาณ 10 เมตร น้ำแรงมากต้องเกาะโขดหินไว้ประกอบกับอากาศจะหมดถังมันเลยเบาจะลอยขึ้น ผมใช้มือยึดหินไว้ขาลอยชี้ฟ้า พอยึดไม่ไหวมือหลุดจากหินผมลอยรวดเดียวขึ้นจาก 10 เมตรถึงผิวน้ำเลย ปวดหูมาก เลือดกำเดาไหล และมีเสลดเป็นเลือดอยู่หลายวันเลยอ่ะ จากคุณ : แฟนสวย - [ วันลอยกระทง 11:03:59 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้ากรณีที่จขกท.ถามมาคือ สายอากาศขาด หรืออุบัติเหตุอื่นๆ คนที่ผ่านการเรียนการฝึกมาแล้ว จะไม่รีบร้อนขึ้นผิวน้ำเลย เพราะการรีบร้อนขึ้นผิวน้ำ เป็นเหตุให้เกิดปอดฉีกดังที่บอกไปแล้ว แต่พึงขึ้นด้วยความเร็ว ๑ฟุต/ ๑วินาที หรือตามฟองอากาศฟองที่เล็กที่สุด และต้องไม่กลั้นลมหายใจ คือต้องปล่อยอากาศออกจากปอดตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ความลึกระดับไหนก็แล้วแต่ อากาศในปอดของคุณ จะขยายตัวออกตลอดเวลา ที่คุณขึ้นผิวน้ำ เพราะฉะนั้น จึงไม่ต้องห่วงว่าจะขาดอากาศ อ้อ ที่นักดำน้ำเค้าใช้หายใจ นั่นคืออากาศธรรมดาๆที่รคนทั่วๆไปใช้หายใจบนบกนี่แหละ เอามาอัดลงถังดำน้ำ(กรณีดำน้ำแบบปกติๆทั่วๆไป) ไม่ใช่แกสออกซิเจนเพียวๆ เพราะฉะนั้น ไม่ควรเรียกว่า "ท่อออกซิเจน" เรียกถังอากาศจะถูกต้องกว่า แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 51 12:10:25 จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ วันลอยกระทง 12:08:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตามคำถามของเจ้าของกระทู้นะึครับ อุปกรณ์ดำน้ำมีสิ่งที่เรียกว่า BCD (Buoyancy Control Device) มันเหมือนกับเสื้อแจ๊คเกต ที่ใช้อากาศเติม โดยต่อท่อจากถังอากาศ เพื่อปรับความสมดุลย์ในร่างกาย ไม่ให้จมมากไป หรือ ปล่อยลมออก ไม่ให้ ลอยมากไปใต้น้ำ ซึ่งเจ้า BCD นี้เป็นอุปกรณ์หลักที่ทุกคนที่ดำน้ำต้องใช้ ดังนั้น ถ้าจะเรียกว่า BCD คือถุงลมฉุกเฉินให้ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำก็เป็นไปได้ โดยการเติมอากาศเข้าไปตลอดเวลา อันนี้เสริม v v ======================== กรณีนี้เกิดขึ้นเสมอสำหรับนักดำน้ำที่ประสบการณ์น้อย เกิดอาการกดดัน ใช้สัญชาติญาณโดยการอัดลมเข้า BCD เพื่อต้องการขึ้นสู่ผิวน้ำให้เร็วที่สุด ซึ่งผลของมันก็ตามที่หลายๆ ความเห็นบอกมานะครับ คือ ปอดฉีกขาด (Lung Over Expansion) ดังนั้นระดับขั้นของนักดำน้ำ จะกำหนดความลึกไว้เสมอ Open water ดำน้ำลึกได้ไม่เกิน 60 ฟุต Advance open water ดำน้ำลึกได้ไม่เกิน 100 ฟุต หลังจากนั้น ถ้ามีการผ่านการฝึกดำน้ำลึกมาแล้ว ก็จะดำได้ไม่เกิน 130 ฟุต ถ้าใครฝืนเกินระดับขั้นของตัวเอง ก็จำเป็นที่จะต้องรับความเสี่ยงตรงนั้นไป เพราะแต่ละขั้นในการฝึกนั้น ได้ออกแบบมาเพื่อความเหมาะสม และประสบการณ์ของนักดำน้ำ การที่จะผ่าน Advance ได้นั้น ขั้นต่ำสุด นักดำน้ำก็จะดำน้ำกับครูผู้สอนไม่ต่ำกว่า 9 ครั้ง open water 4 ครั้ง advance 5 ครั้ง และใน advance จะต้องมี 1 ครั้งที่ต้องดำน้ำลึกกับครูฝึก ====================== ในกรณีฉุกเฉินจริงๆแล้ว ถ้าท่ออากาศรั่ว หรืออากาศหมด ก่อนที่จะหมดก็มีเวลามากพอให้ขึ้นสู่ผิวน้ำได้ ถ้านักดำน้ำเช็คตลอดเวลา แต่.... ถ้าลืมเช็คดำน้ำจนอากาศในถังหมด ส่วนมากจะเกิดกับนักถ่ายรูปใต้น้ำ เพราะเพลินกับการถ่ายรูป จะมี 5 วิธีฉุกเฉินในการขึ้นสู่ผิวน้ำให้เลือก เรียงลำดับตามความอันตรายน้อยที่สุดนะครับ 1. ขึ้นสู่ผิวน้ำตามความเร็วปกติ 2. ใช้ Octopus ขึ้นสู่ผิวน้ำพร้อมบัดดี้ 3. ทำ CESA (Control Emergency Swimming Ascent) 4. ใช้เรกกูเลเตอร์ ร่วมกับบัดดี้ขึ้นสู่ผิวน้ำ 5. ทิ้งน้ำหนักทั้งหมด แล้วลอยขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างเร็ว ซึ่งวิธีที่ 5 เป็นวิธีที่อันตรายที่สุด และเกิดขึ้นได้กับมือใหม่ที่ดำน้ำเกิน ประสบการณ์ของตัวเอง เสียการควบคุมจิตใจ ตระหนก คิดว่าต้องขึ้นสู่ผิวน้ำเท่านั้น ============ สำหรับเหตุการณ์จริง สำหรับนักดำน้ำที่มีประสบการณ์ และไม่ตกใจ สามารถควบคุมจิตใจได้ดีในสถานการณ์ ก่อนที่อากาศจะหมดประมาณ 2-3 ลมหายใจสุดท้ายในถัง ทุกคนจะจำบรรยากาศนี้ได้ดี เพราะได้มีการฝึกในสระว่ายน้ำ โดยครูฝึกจะปิดถังอากาศ ให้รู้ถึงบรรยากาศ และความรู้สึกเวลาอากาศในถังจะหมด มันจะหายใจยากขึ้น แต่มันก็เพียงพอที่จะเหลืออากาศ ให้ไต่ระดับขึ้นไปในความเร็วที่ปลอดภัย 2-3 เฮือกลมหายใจ และตอนไต่ระดับขึ้นไป อากาศในถังก็จะขยาย เพิ่มขึ้นมาให้อย่างน้อย 1-2 เฮือกลมหายใจเข้า และที่สำคัญคืออากาศใน BCD ก็จะขยายเวลาไต่ระดับขึ้น อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 5-10 ลมหายใจ ขึ้นอยู่กับความลึกที่ไต่ขึ้นมา โดยเราสามารถหายใจจากการปล่อยอากาศออกจาก BCD ซึ่งจะไปคล้ายกับการฝึกในสระว่ายน้ำ ที่ต้องหายใจจาก เรกกูเลเตอร์ที่ขัดข้อง โดยใช้การจิบอากาศเอา อุ๊บส์ พิมพ์เพลิน ขอโทษครับถ้ายาว _/\_ จากคุณ : โซดาน้ำ - [ วันลอยกระทง 14:06:38 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เสริมนะครับ ในกรณีท่ออากาศขาด มีเวลาพอสมควรให้ขึ้นสู่ผิวน้ำได้ เพราะ แรงดันในท่ออากาศ เป็นแรงดันต่ำในสภาวะความกดดันของความลึก ณ ระดับนั้น (Ambient Pressure) ระบบอุปกรณ์ดำน้ำแบบที่ใช้กันแพร่หลายจะทำงานตามนี้นะครับ ถังอากาศ (High Pressure) v เรกกูเลเตอร์ First stage (ปรับจาก High Pressure เป็น Ambient Pressure) v เรกกูเลเตอร์ Second Stage (ปรับจาก Ambient pressure เป็น แรงดันที่หายใจปกติ) V ปา่ก ตัว First stage จะต่อที่ ถังเลยไม่มีท่อ ท่อจะอยู่ระหว่าง First stage กับ Second stage ซึ่งแรงดันไม่สูงมาก เราสามารถเอามือมาอุด หรือชลอการรั่วออกของอากาศได้ แล้วใช้การจิบอากาศขึ้นสู่ผิวน้ำ หรือถ้าร้ายที่สุด ตัว First Stage ไปกระแทกเข้ากับหินจนพัง เราก็ยังสามารถ ควบคุมอากาศ โดยการใช้ ตัวปิดเปิดถังอากาศได้ ซึ่งก็จะไปคล้ายกับการฝึกในสระว่ายน้ำ ที่ต้องถอด BCD ออกใต้น้ำ ที่ฝึกทุกอย่างในสระว่ายน้ำ ในสถานการณ์จริง ถ้าไม่ตื่นเต้นจนเกินไป สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้หมดครับ อยู่ที่ว่า จะสงบสติอารมณ์ได้มากแค่ไหน ก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น จากคุณ : โซดาน้ำ - [ วันลอยกระทง 14:20:36 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ในการดำน้ำจริง ยังคงต้องไปกับ บัดดี้เสมอ ครับ  เผื่อเหิดเหตุที่ไม่สามารถควบคุมได้ อย่างน้อยก็ยังพอมีอากาศพอที่จะขึ้นไปบนผิวน้ำครับ ปล  ผ่าน Advanced openwater  มานานไม่ได้ดำมาจะปีและ จากคุณ : Night_Angel - [ วันลอยกระทง 15:16:57 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มันก็คือ BCD ช่วยให้ลอยตัว แต่ไม่ใช่เพื่อให้พุ่งขึ้นจากใต้น้ำเร็วๆนะ ถ้าอากาศหมด ให้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากบัดดี้ ผลัดกันสูดอากาศ แล้วค่อยๆพากันขึ้นสู่ผิวน้ำ จากคุณ : อมยิ้มของชีร่า - [ 13 พ.ย. 51 17:39:45 ]