ความคิดเห็นที่ 12

เพิ่มเติม 1G ให้นึกถึง ระบบ ที่มีใช้งาน ก่อน GSM เช่น NMT(AIS) หรือ AMPS900(DTAC) ส่งได้แต่เสียง ด้วยระบบ FDM(การแบ่งการใช้งานทางความถี่) โดยคู่ใช้งานจะจองความถี่ระหว่างการใช้งานโดยไม่ยอมให้คนอื่นเข้ามาแบ่งเลย มีข้อเสียงตรงที่เปลือง Bandwidth มากเพราะไม่มีการแชร์ทางเวลา ลองนึกถึงถนน Super Hiway ที่คุนเอารถอีแต๊นไปวิ่ง แล้วยังไม่ยอมให้คนอื่นมาใช้อีกนอกจากคุณจะใช้เสร็จ ข้อสำคัญ ดักฟังได้ง่ายๆ อิ อิ - เทคโนโลยี AMPS ยังสามารต่อยอดได้เป็น TACS/ETACS , D-AMP *TACS นี่ย่อมากจาก Total Access Communication System ผมไม่แน่ใจว่า DTAC เอาตัวย่อนี้มาใช้ตั้งชื่อบริษัทหรือเปล่า
2G ปรกติที่เรารู้จักกันก็คือ GSM ในเมืองไทยหรืออีกค่ายนึงฝั่งอเมริกา จะใช้ CDMA โดยที่ตามปรกติ NMT upgrade to GSM AMPS upgrade to CDMA ตามความต่อเนื่องของเทคโนโลยี แต่ก็ไม่แน่เสมอไป ขึ้นอยู่กับ ความถี่ที่ได้รับสัมปทาน,Investment Cost แล้วก็นโยบายผู้บริหาร แล้วก็ตัวสำคัญเลยก็คือ Option ที่ผู้ขายระบบเสนอ ให้ Operator ทีนี้มาดูข้อดีกันบ้าง ผมขอพูดถึงระบบ ที่นิยมในเมืองไทย ก็แล้วกัน GSM 1. นอกจาก จะสามารถใช้งานเสียงได้ตามปรกติ ยังเพิ่มลูกเล่นที่เอาไว้ดูดเงินพวกเราได้เพิ่มเติม เช่น ส่ง SMS, PTT (Push to Talk), WAP server, MMS หรือทำตัวเป็น Modem ต่อออก Internet ระบบที่ว่ามา ถึอว่าเป็นการ Upgrade อย่างมาก แต่ก็ยังเป็นการส่ง ที่ Throuhtput ที่ต่ำอยู่ 2. มีการแชร์ทางเวลา TDMA อธิบายง่ายๆเปรียบเทียบ กับ 1G ที่ใช้งานได้หนึ่งคนต่อความถี่ เป็นใช้งานได้ สูงสุด 8 คน(Time Slot)ต่อความถี่ (BW 200 KHz) ตรงนี้ถ้าลงรายละเอียด TRX แรกจะใช้งานได้ไม่ถึง 8 TS เพราะว่าต้องแบ่งไปให้อย่างน้อยก็ 1 time slot เป็น BCCH กับอีกอย่างน้อย 1 time slot เป็น SDCCH ส่วน TRX อื่นๆ ใช้งานได้เต็ม 8 TS ยังไม่นับรวมการ Reserve TS เป็น GPRS หรือ EDGE หรือจำง่ายๆว่าหนึ่งความถี่ใช้งานได้ 8 คนก็ได้ มีกีความถี่(TRX) ก็ใช้งานเท่านั้นคน(ถ้าไม่ได้เป็น Network Planning จำแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอ) 3.มีเทคนิคที่เรียกว่า Frequency Hopping หรือผมเรียกว่า Frequency Hops (เอ๊ะ ยังไง) หรือการสลับความถี่การใช้งาน เพื่อลด Interference หรือสัญญาณรบกวนที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้งาน เป็นการสลับหรือกระโดดความถี่ที่ใช้งานไปเป็นความถี่อื่น เพื่อกระจายความเสี่ยงของการถูกรบกวนสัญญาณ ยกตัวอย่างถ้าไม่มีการ Hops ความถี่ ถ้ามีสัญญาณรบกวนเข้ามาในระบบ เราก็จะโดนไปเต็มๆ เสียงคุยจะเหมือนเราใช้แป้งตรางู คือจะซู่ซ่า ตลอด แต่ถ้าเรามีการ Hops, ก็จะมีช่วงเวลาที่เรา เปลี่ยนไปใช้ความถี่อื่น ซึ่งทำให้ Interference รวมลดลง การ Hopping ยังแบ่งได้เป็นหลายแบบ เช่น BaseBand Hopping, Synthesize hopping
เทคโนโลยี ต่อยอดของ 2G เองก็มี GPRS(2.5G) Max T/P theory 160 Kbps, Applicable 40 Kbps EDGE(2.75G) Max T/P theory 473 Kbps, Applicable 80-100 Kbps (อันนี้ผมเคยเห็นถึง 118 kbps)
หรือดูได้ ตามรูป เด๋วมาต่อ 3G กัน
จากคุณ :
TwiN BE
- [
13 พ.ย. 51 10:37:49
]
|
|
|