ความคิดเห็นที่ 1 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 24 พ.ย. 51 19:54:11 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เขียด .... จากคุณ : Ice-man - [ 24 พ.ย. 51 19:55:27 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ในโลกนี้มีสัตว์หลายชนิดที่มีการฆ่ากันเองในหมู่พี่น้อง นักชีววิทยาได้งุนงงสงสัยมานานแล้วว่า เหตุใดสัตว์โลกจึงมีพฤติกรรมเช่นนี้ และเหตุใดพ่อและแม่สัตว์จึงเปิดโอกาสให้ลูกๆ ฆ่ากันเอง เพราะเมื่อสายพันธุ์ของตนถูกทำลายไป โอกาสที่ยีน (gene) ของพ่อแม่จะถูกถ่ายทอดต่อไปก็จะลดลงทันที แต่ถ้าลูกๆ รักกันเช่น พี่รักน้องและน้องรักพี่ โอกาสที่ยีนของพ่อแม่จะยืนยงคู่ฟ้าก็จะมีตลอดไป แต่ในโลกของความจริง เหตุการณ์ฆาตกรรมในตระกูลยังคงมีอยู่ ซึ่งนั่นก็แสดงว่า เหตุการณ์นี้ต้องเป็นเรื่องที่ดีที่ธรรมชาติเห็นงามด้วย ตามปกติพ่อแม่สัตว์ที่มีลูกหลายๆ ตัว มักรักลูกไม่เท่ากัน ดังนั้น จะให้การดูแลลูกๆ ไม่เหมือนกันหรือเท่าเทียมกัน ในกรณีของนก เรามักจะเห็นอย่างชัดเจนว่า พ่อแม่นกมักวางอาหารใกล้ลูกตัวที่แข็งแรงที่สุด เพื่อลูกตัวนั้นจะได้เติบโตเป็นพ่อนกแม่นกต่อไป แต่เมื่อลูกนกเห็นอาหารต่างตัวก็ต่างหิว ดังนั้น การต่อสู้จะเกิดขึ้น ตัวที่แข็งแรงก็จะจิกกัดจนตัวที่อ่อนแอบาดเจ็บเลือดตก หรือบางครั้งลูกนกที่แข็งแรง ก็จะใช้พลังผลักลูกนกที่อ่อนแอกว่าตกรังตาย เพื่อตนจะได้กินอาหารแต่เพียงผู้เดียว จากคุณ : primjang - [ 24 พ.ย. 51 19:57:23 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มาที่สัตว์ชนิดแรกกันคะ hyena ในกรณีตัว hyena เวลาตัวเมียคลอดลูกคราวละ 2 ตัว มันจะคลอดที่ปากหลุม ซึ่งเป็นรูลึกลงไปใต้ดิน จากนั้นลูก hyena ก็จะคลานลงไปในหลุม จนมันมั่นใจว่าจะไม่มีใครมาทำร้ายมัน และพ่อแม่มันก็ไม่สามารถจะมุดเข้าไปได้ เพราะรูหลุมเล็กมาก ตัวแม่ hyena นั้น ตั้งครรภ์นาน ดังนั้น ลูก hyena ที่คลอดใหม่ๆ จะมีฟันที่แหลมคมสมบูรณ์ ซึ่งมันจะใช้ในการต่อสู้กันได้ดีพอ เวลาแม่ hyena ให้นม มันจะต่อสู้แย่งชิงน้ำนม ลูก hyena ที่อ่อนแอจะถูกกีดกันไม่ให้ได้กินนมแม่ จนมันอดอาหารตายหรือถ้ายังไม่ตาย แต่ตามตัวเป็นแผล แผลก็อาจเน่าจนเป็นพิษถึงชีวิตในที่สุด การสังหารกันลักษณะนี้จะเกิดขึ้นก่อนที่ hyena จะมีอายุได้ 2 เดือน นักชีววิทยาได้พบว่า การฆ่ากันระหว่างทายาทนี้จะเกิดบ่อย ถ้าทายาททั้งสองของ hyena นั้นเป็นเพศเดียวกัน ดังนั้น เราจะเห็นว่า ทายาทของ hyena ที่เราพบเห็น มักเป็นเพศผู้กับเพศเมีย ส่วนกรณีทายาทที่เป็นเพศเดียวกันนั้น มีน้อย นักชีววิทยาบางคนคิดว่า การที่พี่น้อง hyena ฆ่ากันเองเช่นนี้เป็นเรื่องดี เพราะลูก hyena ตัวใดที่อ่อนแอก็สมควรตาย เพื่อลูกตัวที่แข็งแรงกว่าจะได้กินนมแม่เพิ่มขึ้น จะได้เติบโตเป็น hyena ที่แข็งแรงสืบพันธุ์ hyena ต่อไป ในปี พ.ศ. 2539  L. Frank แห่งมหาวิทยาลัย California ได้เคยรายงานว่า ถ้าเมื่อถึงเวลาหนึ่งที่จำนวน hyena ในฝูงมีมากไป พ่อแม่ hyena ก็จะเข้ามาขัดขวางการต่อสู้ระหว่างลูกตัวเมียของมัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้อัตราส่วนระหว่างตัวผู้ ตัวเมียสมดุลกัน สำหรับการอธิบายสาเหตุการชอบฆ่ากันระหว่างพี่น้องท้องเดียวกันของ hyena นั้น Frank ได้พบว่า ในขณะที่ hyena ยังมีอายุน้อย อวัยวะเพศของตัวเมียมีลักษณะคล้ายกับอวัยวะเพศของตัวผู้มาก และฮอร์โมนในตัว hyena มีส่วนทำให้มันชอบฆ่ากันเอง เพราะฮอร์โมน androgens ที่ hyena มีมากนั้น ได้ส่งเสริมพฤติกรรมก้าวร้าวในตัวมัน จากคุณ : primjang - [ 24 พ.ย. 51 19:59:36 ]

ความคิดเห็นที่ 5 รออ่านค่ะ ไม่ได้ตั้งใจปาดนะค่ะ จากคุณ : Miracles in my life - [ 24 พ.ย. 51 20:00:15 ]

ความคิดเห็นที่ 6 นก booby นก booby ซึ่งเป็นนกทะเลชนิดหนึ่ง ก็เป็นนกที่มีการฆ่าระหว่างพี่-น้องเช่นกัน เพราะในนกชนิดนี้ตัวเมียจะออกไข่หนึ่งใบก่อน แล้วเริ่มฟักไข่ทันที จากนั้นอีก 2-3 วัน มันก็จะออกไข่ใบที่สอง เพราะเหตุว่าไข่ใบแรกได้รับการฟักนานกว่าไข่ใบหลัง ไข่ใบนี้จะฟักเป็นตัวก่อน ลูกนกที่ออกจากไข่ใบนี้ จึงมีขนาดใหญ่และแข็งแรงกว่าลูกนกที่ออกจากไข่ใบหลัง ดังนั้น มันจะผลักจะดันลูกนกที่อ่อนแอกว่าออกจากรัง จนกระทั่งลูกนกตัวน้อยอดอาหารและตากแดดจนตายไปต่อหน้าต่อตา นก booby ผู้แม่ น่าสงสารจัง จากคุณ : primjang - [ 24 พ.ย. 51 20:02:07 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่เป็นไรค่ะ ปาดกบเขียด กันได้ตามสบาย..มาอ่านไปพร้อม-พร้อมกันเลยนะคะ -ต่อนะคะ- ในวารสาร Behavioral Ecology and Sociobiology ฉบับเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้ H. Drummond แห่ง Universidad Nacional Autonoma de Mexico ที่ Mexico City ได้รายงานว่าลูกนก booby เมื่อเข้าตาจนและใกล้จะถูกจิกตาย มันจะต่อสู้ป้องกันตัวและก้าวร้าวอย่างลืมตาย ซึ่ง Drummond ได้รายงานว่า เมื่อเขานำลูกนก booby ที่ไม่ค่อยแข็งแรงไปใส่ในรังอีกรังหนึ่ง ที่มีแต่ลูกนกที่แข็งแรงกว่า ลูกนกที่อ่อนแอจะก้าวร้าวมาก โดยจะกรากเข้าจิกลูกนกที่แข็งแรงกว่าอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งนั่นก็แสดงว่า เวลาตกอยู่ในสภาพมวยรอง สัตว์จะมีพฤติกรรมก้าวร้าวทันที ในการศึกษาพฤติกรรมของลูกนกที่อ่อนแอกว่า Drummond ได้เดินทางไปที่ทะเล Sea of Cortez และได้ไปสังเกตนก booby บนเกาะ Pedro Martir ซึ่งที่นั่นมีนก booby ทั้งสีน้ำตาลและที่มีเท้าสีน้ำเงิน ลูกนก booby เท้าสีน้ำเงินนั้น ตามปกติจะไม่ก้าวร้าว แต่ลูกนก booby สีน้ำตาลจะก้าวร้าวมาก Drummond ได้เอาลูกนก booby สีน้ำตาลใส่ในรังนก booby เท้าสีน้ำเงิน แล้วเอาลูกนกสีน้ำเงินใส่ในรังนกสีน้ำตาล โดยให้ลูกนกที่ถูกนำไปมีอายุน้อยกว่าลูกนกเจ้าของรังประมาณ 5 วัน และเขาได้พบว่า ครั้งหนึ่งของลูกนก booby สีน้ำตาล ทั้งๆ ที่มีขนาดเล็กกว่าลูกนกเจ้าของรังมาก แต่ก็จิกกัดลูกนกที่มีขนาดใหญ่กว่าอย่างไม่ยอมหยุด ซึ่งแตกต่างจากลูกนก booby เท้าสีน้ำเงินที่ไม่ได้แสดงพฤติกรรมรุนแรง ทั้งนี้เพราะตนอยู่ในสภาพที่ด้อยกำลังกว่า ในภาพเป็น นก booby เท้าสีน้ำเงินค่ะ ที่มาภาพจาก http://board.trekkingthai.com/board/show.php?forum_id=2&topic_no=127563&topic_id=129134&page=2 จากคุณ : primjang - [ 24 พ.ย. 51 20:04:39 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ต่อยาว ๆ เลยครับ ... ชอบชีววิทยามาก ๆ จากคุณ : X (Marry X) - [ 24 พ.ย. 51 20:06:55 ]

ความคิดเห็นที่ 9 นก egret ส่วนในกรณีนก egret (ตระกูลนกยาง) นั้น นกพ่อแม่กลับสนับสนุนให้นกพี่น้องฆ่ากันเอง เพราะพ่อนกแม่นกจะเป็นตัวตัดสินใจว่า จะฟักไข่ใบใดก่อน และเมื่อใดนกชนิดนี้ตามปกติจะออกไข่คราวละ 3 ใบ ไม่พร้อมกัน โดยจะออกห่างกัน 1-2 วัน ลูกนกหัวปีจึงได้รับการเลี้ยงดูก่อน และจะแข็งแรงกว่าลูกนกสุดท้อง มันจึงได้กินอาหารที่พ่อแม่นกนำมาให้ในรังมากกว่านกน้องๆ และเมื่อนกน้องได้อาหารไม่พอเพียงในที่สุดมันก็จะล้มตายไป ซึ่งนักชีววิทยาได้อธิบายสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมนี้ว่า ตามปกติพ่อแม่นกจะไม่สามารถหาอาหารมาเลี้ยงลูกนกทั้ง 3 ตัวได้อย่างเพียงพอ ดังนั้น ถ้าเกิดปัญหาอาหารขาดแคลน การที่พี่น้องนกฆ่ากันเอง ก็เท่ากับช่วยลดปัญหาการกินอยู่ของลูกนกได้บ้าง เป็นการช่วยพ่อนกแม่นกให้ไม่ต้องทำงานหนักในการหาอาหารมาเลี้ยงลูก ที่บางตัวก็ไม่แข็งแรงเลย ซึ่งแม้จะหามาให้สักเท่าใด ลูกนกที่ไม่แข็งแรงนี้ ก็ไม่สามารถจะมีชีวิตได้ยืนนาน ด้วยเหตุนี้ร่างกายพ่อแม่นก egret จึงขับฮอร์โมน androgens ออกมาเพื่อควบคุมการเติบโตของไข่และฟักไข่นั้น จนมันมั่นใจว่าลูกนกที่เกิดใหม่จะมีขนาดต่างกัน และมีนิสัยต่อสู้ต่างกัน ทำให้ลูกนกที่อ่อนแอตายไป และลูกนกที่แข็งแรงได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากพ่อแม่นก และในขณะเดียวกัน ก็ทำให้พ่อแม่นกไม่เหน็ดเหนื่อยในการบินหาอาหารจำนวนมากมาเลี้ยงลูกของตัวด้วย นกชนิดนี้แอบสวยนะเนี่ย ยังงี้ต้องเรียก สวยอำมหิต... จากคุณ : primjang - [ 24 พ.ย. 51 20:10:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 นก skua นก skua เป็นนกอีกชนิดหนึ่งที่ตามปกติอาศัยอยู่บริเวณขั้วโลกใต้ บนทวีปแอนตาร์กติกา ซึ่งเป็นบริเวณที่หนาวจัด และมีอาหารไม่บริบูรณ์ นกชนิดนี้มีรักเดียวใจเดียวคือมันไม่เปลี่ยนคู่ชีวิตเหมือนนกชนิดอื่น นกตัวเมียมักออกไข่คราวละ 2 ฟอง แต่มันมักจะมีลูกนกเหลือให้เลี้ยงดูเพียงตัวเดียว ทั้งนี้เพราะพอไข่ฟักเป็นตัวลูกนกจะต่อสู้กันเวลาพ่อแม่นกนำอาหารมาให้ นกตัวเล็กกว่าก็จะถูกกีดกันจนอดอาหารตาย หรือไม่ก็ถูกนกตัวใหญ่จิกจนตาย และในบางครั้ง พ่อแม่นกในรังใกล้เคียงก็มาร่วมด้วยช่วยกันฆ่าลูกนกที่อ่อนแอกว่าด้วย และผลที่เกิดขึ้นจากการฆ่าคือ จำนวนผู้สืบสายเลือดของนกลดลง ทำให้ลูกนกตัวที่แข็งแรงมีโอกาสรอดชีวิตสูง นักชีววิทยาได้พบว่า นก skua นี้เป็นนกอำมหิตมาก เพราะถึงแม้อาหารจะมีอุดมสมบูรณ์ แต่การฆ่ากันก็ยังเกิดตลอดเวลา จึงดูเสมือนว่าพฤติกรรมก้าวร้าวระดับรุนแรงนี้อยู่ในยีน (gene) ของมันอย่างไม่มีทางแก้ไข นก skua ชอบขโมยไข่นกเพนกวินด้วยนะคะ...แหมน่าตีจริงเชียว ที่มารูปภาพจาก http://tc.mengrai.ac.th/users/oneweb/m5siriwan/term1m4/work3.htm จากคุณ : primjang - [ 24 พ.ย. 51 20:12:54 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แป๊บนะคะ รับโทรศัพท์แป๊บหนึ่ง เดี๋ยวมาโพสต่อค่ะ จากคุณ : primjang - [ 24 พ.ย. 51 20:14:13 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ปาด . . . จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 24 พ.ย. 51 20:15:39 ]

ความคิดเห็นที่ 13 โหลๆ โพสต่อด้วย Hyena  น่ารักออก จากคุณ : แมวไม่กินปลา - [ 24 พ.ย. 51 20:18:06 ]

ความคิดเห็นที่ 14 นั่งอ่านพร้อมนิยายของอกาธา คริสตี้ที่อยู่บนตัก... จากคุณ : Cryptomnesia - [ 24 พ.ย. 51 20:18:12 ]

ความคิดเห็นที่ 15 กลับมาแล้ว ต่อกันเลยนะคะ ปลวก ปลวกตัวแรกของโลกถือกำเนิดเมื่อประมาณ 220 ล้านปีมาแล้ว การขุดพบซากฟอสซิลของปลวก โดย E.M. Bordy แห่งมหาวิทยาลัย Witwatersrand ในแอฟริกาใต้ทำให้นักชีววิทยาสัตว์ดึกดำบรรพ์รู้ว่าปลวกโบราณมีรูปร่างที่ละม้ายคล้ายคลึงแมลงสาบปัจจุบันมาก แต่มีขนาดเล็กกว่า และมีผิวอ่อนนุ่มกว่า อาณาจักรปลวกมีการปกครองแบบสมบูรณาสิทธิราชย์ คือมีราชินีปลวกเป็นเจ้าแม่ผู้ทรงอำนาจสูงสุดมีหน้าที่ผสมพันธ์และตั้งครรภ์อย่างเดียว เวลาตั้งท้องมันจะเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ ถึงกระนั้นมันก็ไม่อดอาหารตาย เพราะมีปลวกงานที่มีนิสัยขี้อายแต่ขยันขันแข็งเดินหน้าหาอาหารมาให้กินตลอดวัน และยังช่วยทำความสะอาดตัวให้ราชินีด้วย โดยการเลียตามตัวตลอดเวลา และเมื่อราชินีปลวกวางไข่แล้ว ปลวกงานก็จะขนไข่ไปเรียงให้เป็นที่เป็นทาง และหาอาหารมาเลี้ยงปลวกอ่อนที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้ด้วย ส่วนราชาปลวกนั้น ไม่ต้องทำมาหากินใดๆ เพราะอาณาจักรปลวกได้กำหนดหน้าที่หาอาหารให้ปลวกงานทำแล้ว มันจึงมีหน้าที่อย่างเดียวเท่านั้น คือสืบพันธุ์กับราชินีปลวกในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นยามที่ศัตรูปลวกอันได้แก่ มด แมลงเต่าทอง ตัวต่อ กิ้งก่า ตะกวด ตะขาบ และคนนอนหลับพักผ่อน ทำให้ประสิทธิภาพในการสร้างปลวกอ่อนของมันไม่ถูกกระทบกระเทือน นักชีววิทยายังพบว่า ในยามที่อาหารขาดแคลน ปลวกงานก็อาจกินญาติที่อ่อนแอและราชินีก็กินลูกอ่อนตัวเอง  หรือเวลาราชินีปลวกสิ้นพระชนม์ ปลวกบริวารก็จะจับซากราชินีมาสังเวยกินกัน เอร็ดอร่อย.. จากคุณ : primjang - [ 24 พ.ย. 51 20:29:49 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หมู หมู เป็นสัตว์ที่ใคร-ใครก็รู้จัก (เพราะเนื้ออร่อยมาก ) อาจจะถือได้ว่าหมูเป็นสัตว์ที่มีความฉลาดเป็นอันดับที่สี่ รองมาจากคน สัตว์พวกลิง ปลาวาฬและปลาโลมา (จาก Veggie Singles News, 1996) ในป่าหมูอยู่กันรวมกันเป็นฝูง โดยมีการควบคุมและมีการจัดลำดับการข่มเหนือ (hierarchical structure) ที่ชัดเจนในฝูง หมูเพศผู้ หรือพ่อพันธุ์มักจะแยกตัวอยู่ตามลำพัง โดยฝูงดำรงอยู่โดยหมูเพศเมียที่เป็นตัวข่มเหนือ (dominant female) เป็นผู้รับผิดชอบดูแลและช่วยหลือหมูเพศเมียตัวอื่นๆ ภายในฝูงในการเลี้ยงลูกหมูตัวน้อย เมื่อมีหมูตัวใหม่เข้ามาภายในฝูง หมูตัวเมียที่มีลำดับการข่มเหนือสูงสุด (อาจเรียกว่าแม่เล้าได้ ) นี้จะเข้าไปต่อสู้ เพื่อจัดลำดับการข่มเหนือภายในฝูงให้หมูตัวใหม่ เมื่อสามารถจัดลำดับการข่มเหนือได้แล้ว หมูดังกล่าวจึงจะถือเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวในฝูง ให้ที่อยู่ อาหารและให้การคุ้มครอง ซึ่งการต่อสู้นี้บางครั้งก็ถึงแก่ชีวิต และในบางครั้งในครอบครัวของแม่หมู บางทีก็อาจมีการกินลูกตัวเองด้วย.. จากคุณ : primjang - [ 24 พ.ย. 51 20:40:36 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โหรออ่านอยู่ครับ จากคุณ : ความจริงโหดร้ายเสมอ - [ 24 พ.ย. 51 20:40:54 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เห็นเป็นนกๆ น่ารักยังงี้ ไม่น่าอำมหิตเลยนะ.. จากคุณ : iamnid - [ 24 พ.ย. 51 20:48:11 ]

ความคิดเห็นที่ 19 นกนี้ล่ะครับ น่ากลัวไหม จากคุณ : Cryptomnesia - [ 24 พ.ย. 51 20:51:38 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตั๊กแตนตำข้าว ตั๊กแตนตำข้าวมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Mantis religiosa  ในอดีต นักกีฏวิทยาเคยจัดตั๊กแตนตำข้าวไว้ในอันดับเดียวกับตั๊กแตน คือ Order Orthoptera แต่ในปัจจุบัน นักกีฏวิทยาต่างยอมรับว่า ตั๊กแตนตำข้าวมีเชื้อสายห่างไกลจากตั๊กแตนเป็นอย่างมาก แต่มีเชื้อสายใกล้ชิดกับแมลงสาบ (Cockroach) มากกว่า ทั้งๆ ที่รูปร่างก็แตกต่างกัน ในปัจจุบัน นักกีฏวิทยาจึงรวมตั๊กแตนตำข้าวและแมลงสาบไว้ในอันดับเดียวกัน คือ Order Dictyoptera  แต่แยกตั๊กแตนตำข้าวไว้ในอันดับย่อย Suborder Mantodea ซึ่งมีเพียงวงศ์เดียว คือ Family Mantidae และแยกแมลงสาบไว้ในอันดับย่อย Suborder Blattodea or Blattaria ปากของตั๊กแตนตำข้าวเป็นปากแบบกัดกิน (chewing type) เช่นเดียวกับแมลงปอ (Dragonfly) มีกราม (mandibles) และฟัน (maxillae) เป็นคู่แข็งและใหญ่ เหมาะที่จะใช้ในการกัดกิน ฉีก ดึง หรือเคี้ยวเหยื่อได้อย่างคล่องแคล่ว ตั๊กแตนตำข้าวถือว่าเป็นสัตว์ที่โหดอีกชนิดหนึ่ง ในเวลาที่ขาดแคลนอาหาร ตั๊กแตนตำข้าวจะกินแม้กระทั่งพวกเดียวกันเอง ตัวเมียกินตัวผู้ แม่กินลูกตัวเล็กๆ หรือ ลูกตัวเล็กๆ ที่พึ่งฟักออกมาจากไข่ใหม่ๆ กินกันเอง และที่เป็นนิสัยประจำตัวก็คือ หลังจากผสมพันธุ์เสร็จแล้ว หรือขณะกำลังผสมพันธุ์ ตัวเมียจะต้องกินตัวผู้ที่ผสมพันธุ์กับมันด้วยเสมอ จนตัวผู้หาได้ยากกว่าตัวเมีย ถ้าตัวผู้ตัวใดแข็งแรงปราดเปรียวและฉลาด อาจหาทางหนีเอาตัวรอดไปได้ และมีชีวิตอยู่เพื่อผสมพันธุ์กับตัวเมียตัวอื่นต่อไป จากคุณ : primjang - [ 24 พ.ย. 51 20:53:40 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าเป็นนกของคุณ Cryptomnesia คงต้องไปหาข้อมูล ตะขาบ ค่ะ ต่อไปสุดท้ายแล้วนะคะ.. อันนี้โหดสุด-สุด...ค่ะ มนุษย์ (human) มนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง ผิวหนังบอบบาง เดินได้สองขา มีมันสมองที่เฉลียวฉลาดที่สุดในสิ่งมีชีวิตที่อุบัติขึ้นบนโลกใบนี้ แต่มนุษย์ก็ยังมีด้านมืด มนุษย์ไม่ยอมแพ้ใครทั้งนั้นแม้แต่ความโหด มนุษย์จึงมีการฆ่ากันเองในครอบครัวเหมือนกัน พี่ฆ่าน้องน้องฆ่าพี่ เพื่อแย่งชิงมรดก อันนี้ก็มีตัวอย่างให้เห็นในหลายตระกูลใหญ่ๆ ในประเทศเราเอง แค่นั้นยังไม่พอมนุษย์ยังฆ่าแม้แต่เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง จะด้วยเหตุผลทางสังคม ด้วยความผิดปกติทางจิตใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ มนุษย์ก็ยังทำฆาตกรรมกับเผ่าพันธ์เดียวกันเองอย่างไม่รู้จบสิ้น ไม่รู้ว่าจะจัดมนุษย์ให้เป็นสัตว์โลกที่โหดที่สุดได้หรือปล่าวนะคะ และนี่เป็นตัวอย่างที่มนุษย์ที่โหดเกินกว่าธรรมดา แม่ที่เป็นฆาตกรฆ่าลูกของตัวเอง (ไม่รู้ว่าทำได้ยังไง..เฮ้อ) ซูซาน สมิท ตุลาคม ปี 1994 มลรัฐเซาท์คาโรไลน่า ซูซาน สมิท สังหารลูกสองคนอย่างเลือดเย็น โดยมัดไมเคิลวัย 3 ขวบ กับอเล็กซ์วัย 14 เดือน ไว้ที่นั่งของเด็กในรถยนต์ ก่อนที่จะเข็นรถดังกล่าวลงทะเลสาบจอห์น ดี. ลอง เธอสารภาพการกระทำผิดของตนภายหลังว่าเป็นเพราะเพื่อนชายเธอขอบอกเลิก เพราะเธอมีลุกติด แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 51 10:40:08 จากคุณ : primjang - [ 24 พ.ย. 51 21:03:21 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คนนี้ก็ไม่ใช่ย่อย แอนเดรีย เยทส์ ที่มลรัฐเท็กซัส แอนเดรีย เยทส์ วัย 36 ปี เพิ่งจบการศึกษาด้านพยาบาลในมหาวิทยาลัยเทกซัส เธอจับลูกทั้ง 5 คน ของเธอ รวมทั้งลูกคนเล็กอายุ 5 เดือนลงในอ่างอาบน้ำ ที่บ้าน ก่อนโทรไปบอกสามีว่า "นี่เป็นเวลาที่เหมาะสม ฉันทำมันไปแล้ว" จากคุณ : primjang - [ 24 พ.ย. 51 21:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เทพเจ้าก็ไม่เว้น เป็น ครอบครัวอำมหิตนะคะ อันนี้พี่-น้อง ฆ่ากันเอง เพื่ออำนาจ (แหม คำว่า อำนาจนี้มีมาคู่โลกเลยเชียวนะคะ ) Romulus และ Remus ตำนานของชาวโรมัน Romulus และ Remus เป็นโอรสแฝดของเทพเจ้าแห่งสงคราม (Mars)  แต่พระมารดาของโอรสทั้งสองได้นำบุตรของตนไปทิ้งในป่า ดังนั้น แทนที่จะได้พระราชสมบัติและพระราชวัง ทารกทั้งสองกลับได้สุนัขจิ้งจอกเป็นมารดาบุญธรรม ซึ่งก็ได้เลี้ยงดูให้นมและอาหารจนเติบใหญ่ คนทั้งสองจึงได้คิดจะสร้างเมืองใหม่ แต่ก็ตกลงเรื่องสถานที่สร้างไม่ได้ จึงได้ต่อสู้กันและ Romulus ก็ได้สังหารน้องตาย นี่คือเรื่องเล่าเหตุการณ์ฆ่าพี่ฆ่าน้องท้องเดียวกันที่ปรากฏมาจนทุกวันนี้ หลัง Romulus  สังหาร Remus ได้ก่อตั้งกรุงโรม และกลายเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของโรม ด้วยเหตุนี้รูปหมาป่าจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโรมมาจวบจนถึงทุกวันนี้ จากคุณ : primjang - [ 24 พ.ย. 51 21:10:37 ]

ความคิดเห็นที่ 24 น่าคิดว่าอะไรทำให้คนเราลงมือทำฆาตกรรมคนในครอบครัวได้ ทั้งทั้งที่ในมนุษย์แล้วครอบครัวเป็นสถาบันที่ทรงพลังอย่างยิ่ง “ครอบครัว” เป็นสถาบัน (Institution) เป็นองค์กร (Organization) เป็นหน่วย (Unit) ทางสังคมที่เล็กที่สุด เป็นที่รวมของความรัก ความผูกผันมากมาย ครอบครัวก่อตั้งขึ้นมาด้วยสมาชิกชายและหญิงเพียงสองคน ทำหน้าที่เป็นบิดา-มารดาเป็นพ่อแบบ-แม่แบบที่ถ่ายทอดและให้การศึกษาในขั้นแรกแก่สมาชิกใหม่ เป็นเบ้าหลอมทางบุคลิกภาพ เป็นแหล่งที่จะเสริมสร้างพลังกายและพลังใจให้แก่สมาชิกของครอบครัว ที่ออกไปแสดงบทบาทต่างๆทางสังคมในสถาบันที่เกี่ยวข้อง ครอบครัวเป็นสถาบันที่สามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ได้ในทุกระดับ ทั้งด้านความต้องการทางด้านร่างกาย (Physiological needs) ความต้องการทางด้านจิตใจ (Psychological needs) และความต้องการทางด้านสังคม (Social needs) แต่ถ้าวันหนึ่งครอบครัวที่ทำหน้าที่เป็นเบ้าหล่อหลอมบุคลิกภาพของเรากลับบิดเบี้ยวไปเสียแล้ว เราจะเติบโตเป็นมนุษย์ที่จิตใจปกติได้เช่นไรค่ะ เราจะต่างอะไรกับสัตว์ ถ้าเพียงแค่เมื่อเราอ่อนแอ ผิดหวัง ก็ต้องแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว เพียงเพื่อความอยู่รอดของตนเอง เพียงเพื่อตอบสนองต่อความต้องการ โดยไม่สนว่าจะใช้วิธีที่โหดร้ายเพียงไร ไม่ได้ฆ่าเพื่ออาหาร ไม่ได้ฆ่าเพื่อความอยู่รอด ไม่ได้ฆ่าเพื่อการคัดเลือก แต่ฆ่าเพื่อบันเทิง ฆ่าเพื่อสมบัติ ฆ่าเพื่อสนองจิตใจที่ผิดปกติของตนเอง .. สร้างความสุขในครอบครัว ใส่ใจในคนใกล้ชิดเราเสียแต่วันนี้ดีกว่าค่ะ ก่อนอะไรอะไรจะสายเกินไป.. จากคุณ : primjang - [ 24 พ.ย. 51 21:13:05 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สำหรับมนุษย์ ผมนึกถึง Lizzie Andrew Borden (1860 - 1927) Lizzie Borden took an axe And gave her mother forty whacks When she saw what she had done She gave her father forty-one ปริศนาฆาตกรรมชั่วนิรันดร์ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 24 พ.ย. 51 21:17:23 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ^ ^ ลิซซี่ บอร์เด็น มือขวาน ผู้ฆ่าแม้กระทั่ง พ่อบังเกิดเกล้า ตัวเอง จากคุณ : primjang - [ 24 พ.ย. 51 21:27:11 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ให้เครดิต google อย่าให้เลยดีกว่าครับ จากคุณ : yugioh2500 - [ 24 พ.ย. 51 21:35:24 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อ่านกันให้สะใจไปเลย ฆาตกรโหดสะท้านโลก >>>http://my.dek-d.com/writer/story/view.php?id จากคุณ : sits@k (Msgt.sit_sak) - [ 24 พ.ย. 51 21:35:49 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คิคิ ขำ ราชินีปลวกสิ้นพระชนม์.. เอาแค่ว่า ราชินีปลวกตาย ก็ได้ค่ะ ขอบคุณ แต่มันก็เป็นธรรมชาติของการคัดเลือกผู้ที่แข็งแรง แต่การเอาเปรียบด้วยการออกไข่ไม่พร้อมกันนี่ ไม่ดีเลยเน๊อะ น่าจะให้ออกมาพร้อมๆกัน แล้วคัดเลือกด้วยความสามารถจริงๆ จากคุณ : *Cookies* - [ 24 พ.ย. 51 21:37:10 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ชอบชีวิตปลวกงาน จัง ขยัน  เรียบร้อย มาก น่ารัก ^ ^ จากคุณ : ฟินจัง - [ 24 พ.ย. 51 22:03:44 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คุณ yugioh2500... ใส่เครดิตเพิ่มให้แล้วนะคะ ขอบคุณที่ช่วยท้วงติงค่ะ เอาเรื่องเล่าขำ-ขำมาเล่าให้ฟังนะคะ.. วันหนึ่งเจ้าหญิงองค์หนึ่งเสด็จไปเยี่ยมชมตลาดตอนเช้า-เช้า ทอดพระเนตรเห็นแม่ค้ากำลังขายปลาอยู่ ก็สนพระทัย.. จึงตรัสถามแม่ค้าว่า....ปลากิโลเท่าไหรเนี่ยะ. แม่ค้า....ตัวที่สิ้นพระชนม์แล้วกิโลละ 40 เพคะ ตัวที่ทรงประชวรกิโลละ 60 และตัวที่ทรงพระเกษมสำราญดี กิโลละ 100 เพคะ จากคุณ : primjang - [ 24 พ.ย. 51 22:15:11 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ นะครับคุณพริม หลายเรื่องเป็นเรื่องใหม่สำหรับผมทีเดียว ^^ จากคุณ : Due_n - [ 24 พ.ย. 51 22:23:35 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ^ ^ แต่บางเรื่อง พี่ก็เคยเขียนในบล็อกนะ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 24 พ.ย. 51 22:25:18 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ Due_n ได้แวะไปอ่านบล๊อคบ่อยมาก-มาก ค่ะ และแอบเอามาอ้างอิงใช้ก็บ่อยด้วย ต้องขอบคุณเหมือนกัน จากคุณ : primjang - [ 24 พ.ย. 51 22:39:44 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เป็นการใช้กูเกิ้ลให้เกิดประโยชน์จริงๆ ขอบคุณที่นำมาบอกกล่าว แล้วก็แหล่งความรู้ที่มาด้วยครับ เคยรู้แค่เรื่องนก พี่น้องฆ่ากันเอง  โหดตั้งแต่เกิดเชียว พวกนี้ จากคุณ : ชีวิตยังอยู่จงสู้ต่อไป - [ 24 พ.ย. 51 22:40:16 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เห็นฮายีน่าแล้วอยากได้สักตัว หน้าตามันซื่อๆดีนะครับ ท่าทางจะไม่ดุ เหอๆ จากคุณ : suman - [ 24 พ.ย. 51 22:41:51 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอเสริมเรื่องการฆ่ากันของนกค่ะ ที่จริงแล้วในนกหลายชนิดก็มีพฤติกรรมแบบนี้ทั้งนั้นเลย กับคำถามที่ จขกท ขึ้นไว้ใน#3 ว่า "เหตุใดพ่อและแม่สัตว์จึงเปิดโอกาสให้ลูกๆ ฆ่ากันเอง เพราะเมื่อสายพันธุ์ของตนถูกทำลายไป โอกาสที่ยีน (gene) ของพ่อแม่จะถูกถ่ายทอดต่อไปก็จะลดลงทันที" => ถูกต้องค่ะ แต่ปกติของธรรมชาติ มันมีคำว่า "ได้อย่างเสียอย่าง" หรือ "trade off" อย่างที่เหตุผลใน# 9 "พ่อแม่นกจะไม่สามารถหาอาหารมาเลี้ยงลูกนกทั้ง 3 ตัวได้อย่างเพียงพอ" ลองคิดดูว่า 1. ถ้าหากพ่อแม่นกโหมเลี้ยงลูกทั้งหมด 3 ตัว ผลที่ได้ ลูกนกรอดทั้ง 3 ตัว แต่มีขนาดตัวและแข็งแรงปานกลาง ลูกนกทั้งหมดอาจจะไม่สามารถอยู่รอดจนถึงสืบพันธุ์ต่อไป พ่อแม่นกเองก็ใช้พลังมากจนอาจจะอ่อนแอ ทำให้มีโอกาสตกเป็นเหยื่อและตายได้ นั้นก็หมายความว่า โอกาสที่ได้สืบพันธุ์อีกรอบ ไม่มี นั้นก็คือ=> ได้ลูกนกหลายตัว แต่แลกกับพลังงานและโอกาสสืบพันธุ์ต่อ หรือ 2. เลี้ยงลูกตัวใดตัวหนึ่งให้รอดและแข็งแรงชัวร์ๆ เพิ่มโอกาสให้ลูกที่มี gene พ่อแม่ได้อยู่รอดมากขึ้นจนสามารถสืบพันธุ์ต่อไปได้อีก และพ่อแม่ไม่เหนื่อยมาก สามารถอยู่รอดและสืบพันธุ์ได้อีกปีหน้า นั้นก็คือ => ได้ลูกนกแค่ตัวเดียว แต่ได้โอกาสในการสืบพันธุ์มากขึ้น หากปีไหนมีอาหารสมบูรณ์มากๆ อาจจะมีผลพลอยได้ลูกนกตัวที่ 2 อาจจะแข็งแรงพอที่จะทนก็การแข่งขันและโตจนออกจากรังได้ ที่นี้ก็มีคำถามต่อมาอีกว่า "แล้วทำไมต้องออกไข่ทีละ 2-3 แล้วค่อยปล่อยให้ฆ่ากันเองทีหลัง" => ก็ออกไข่เผื่อไว้คะ หากไข่ใบแรกไม่ฝัก ก็มีสำรอง หากลูกนกตัวแรกตายจากสาเหตุต่างๆ ก็ยังมีเหลือ เป็นการรับประกันความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ดูเหมือนสัตว์มันอำมหิตนะคะ แต่เราว่าธรรมชาติของมัน มันมีเหตุผลที่รับได้อยู่ แต่มนุษย์นี่สิ อำมหิตที่สุด และก็ฆ่าอย่างเลือดเย็นและไม่มีเหตุผลเอาเสียด้วย จากคุณ : Short bread - [ 24 พ.ย. 51 23:01:38 ]

ความคิดเห็นที่ 40 มนุษย์ที่โหดสุดคือ นักการเมืองไทย จากคุณ : pla2 - [ 24 พ.ย. 51 23:27:24 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คห 28 จีะ ลิงค์ที่ให้มา เนื้อหาโดนลบไปแล้วจ้า จากคุณ : ผุ๋งผิ๋ง - [ 24 พ.ย. 51 23:34:32 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คห 40 แสดงว่าคุณยังไม่รู้จักเผด็จการทหารดีพอ เรื่อง คนในครอบครัวฆ่ากันนี้มีตั้งแต่ในนิยายกรีสแล้วครับ ลองไปอ่านดู ทั้งตระกูลมีชะตากรรมที่ บุตรต้องฆ่าบิดาอยู่ร่ำไป จากคุณ : devil amature2 (devil amature2) - [ 24 พ.ย. 51 23:39:53 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อ่านแล้วทะเทือนใจกับ คห ที่ว่า  แม่จับลูกสองคนไว้ในรถ แล้วเข็นลงน้ำนี่สิ เหตุผลที่ว่า  แฟนบอกเลิกเพราะเธอมีลูกติด โหห จิตใจทำด้วยอะไร  มานรักแฟนมากกว่าลูกอีกหรือ จากคุณ : eissee - [ 25 พ.ย. 51 02:32:20 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อืม...นี่แหละกฏแห่งการคัดเลือกที่ไม่เที่ยงธรรม จากคุณ : granun - [ 25 พ.ย. 51 03:37:54 ]

ความคิดเห็นที่ 45 32 ผมเคยได้ยินมุขนี้บอกว่า ตัวที่เสด็จไปเสด็จมาด้วย จากคุณ : Desolation Angel - [ 25 พ.ย. 51 08:43:56 ]

ความคิดเห็นที่ 46 สวัสดีตอนเช้าค่ะ... มาต่อกันอีกดีกว่านะคะ... ฉลามเสือทราย ฉลามเสือทราย ฉลามที่มีเอกลักษณ์พิเศษอยู่ที่ฟันที่แหลมคมและหน้ากลัวโดยตลอด ชีวิตของมันจะมีฟันถึง 35,000 ซี่  ฉลามเสือทรายเป็นฉลามที่มีขนาดใหญ่มาก มีความยาวสูงสุด 350 เซนติเมตร และเป็นสัตว์ที่คลอดลูกได้เพียง 2 ตัวต่อปี แม่ของฉลามเสือทรายจะต้องฟักไข่อยู่ในครรภ์นานถึง 12 เดือน (นานกว่าคนอีกนะเนี่ย) และจะมีลูกของปลาฉลามเสือทรายที่มีโอกาสออกมาใช้ชีวิตนอกท้องแม่ได้เพียง 2 ตัวเท่านั้น จากการตั้งท้องในแต่ละครั้ง เพราะลูกฉลามเสือทราย 2 ตัวแรกที่ออกจากไข่ ที่ฟักตัวอยู่ในรังไข่ทั้งสองข้าง จะกินไข่ที่ยังไม่ฟักเป็นตัว ตลอดจนตัวอ่อนที่ออกจากไข่ที่หลังจนหมด จากนั้นลูกฉลามเสือทรายทั้งสองตัว จึงจะออกเดินทางผ่านท่อรังไข่เข้าสู่ท้องแม่และคลอดออกมาเป็นฉลามตัวน้อย-น้อย ไร้เดียงสา 2 ตัว ยังงี้เรียกว่าโหดตั้งแต่ยังไม่เกิด ได้ไหมคะเนี่ย จากคุณ : primjang - [ 25 พ.ย. 51 09:00:20 ]

ความคิดเห็นที่ 47 แร้งเครา (bearded vulture) แร้งเคราก็เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่ง ที่สนับสนุนให้มีการฆ่ากันในครอบครัว แร้งเคราผู้เป็นแม่จะสร้างสนามต่อสู้ให้กับลูก-ลูกของมันเองเลยทีเดียว แร้งเคราจะฟักไข่สองฟอง ซึ่งจะฟักห่างกันประมาณหนึ่งสัปดาห์ และถือว่าเป็นนกที่มีระยะห่างการฟักไข่ที่นานที่สุด การเว้นระยะห่างจะช่วยรับประกันว่าลูกของมันตัวหนึ่งจะตายแน่นอน  แอนโทนี มาการ์ลิดา จากกลุ่มศึกษาและอนุรักษ์แร้งเครา กล่าวไว้ว่า “ความแตกต่างของขนาดระหว่างลูกทั้งสองตัวจะช่วยให้ลูกตัวที่สองตายได้ง่ายขึ้น”   การจิกหัวด้วยความหิวเพียงสองสามครั้งของพี่ต่อน้องก็เพียงพอที่จะทำให้การต่อสู้ยุติลง หลังจากนั้นตัวที่รอดก็จะฉีกเนื้อตัวที่ตายออกเป็นชิ้น-ชิ้น ลูกนกตัวที่สองก็เพียงพอที่จะเป็นอาหารหนึ่งมื้อของพี่ตัวเองต่อไป.. จากคุณ : primjang - [ 25 พ.ย. 51 09:18:57 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ซาลาแมนเดอร์ลายหินอ่อน (marbled salamander) ซาลาแมนเดอร์ เป็นสัตว์ที่จัดอยู่ในพวกสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ (แต่หน้าตาเหมือนสัตว์เลื้อยคลานจัง) มีปอดไว้หาย ซาลาแมนเดอร์ลายหินอ่อนก็มีพฤติกรรมกินพวกเดียวกันเอง คือถ้าให้เลือกกินระหว่างตัวอื่น กับพี่น้องกันเอง ซาลาแมนเดอร์ลายหินอ่อนนิยมเลือกกินพี่น้องกันเองมากกว่า นักชีววิทยาเชื่อว่า การที่มันเลือกกินพี่น้องกันเองนี้ เป็นการช่วยป้องกันตัวมันเองจากโรคที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ เนื่องจาก มันคงคิดว่า พี่น้องที่ว่ายน้ำอยู่รอบๆตัวมันเองนั้นคงเป็นตัวที่แข็งแรงไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงทางพันธุกรรมอะไร เพราะมีชีวิตรอดมาได้ ไม่เหมือนกับตัวอื่นที่ไม่ใช่พี่น้องไม่รู้เป็นโรคอะไรบ้าง เดี๋ยวติดไปแย่เลย... ฉลาดจริง-จริง คิดได้ไงเนี่ยะ.. จากคุณ : primjang - [ 25 พ.ย. 51 09:48:44 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ลืมรูปค่ะ.. ที่มารูปภาพ http://www.humboldt.edu/~rap1/Herps/Salamanders/index.html แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 51 09:53:29 จากคุณ : primjang - [ 25 พ.ย. 51 09:49:42 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เมียร์แคท (Meercat) เมียร์แคท สัตว์น่ารักจากทวีปแอฟริกา ลักษณะทั่วไปหัวสั้น หน้ากว้าง มีจมูกยื่นยาวเพื่อประโยชน์ในการดมกลิ่น รอบขอบตาเป็นวงแหวนสีดำ มีนิ้วเท้าสี่นิ้ว มีขนสีน้ำตาลทองสลับดำขวางลำตัว หางยาวและส่วนปลายมีสีดำ เป็นสัตว์ในตระกูลเดียวกับพังพอน และชะมด เมียร์แคทกินแมลงปีกแข็ง และหนอนผีเสื้อ รวมทั้งสัตว์มีกระดูกสันหลังเล็ก ๆ เป็นอาหาร มันไม่ชอบอยู่กับที่ ชอบยืนชะเง้อคอ เพื่อตรวจดูและดมกลิ่นในบริเวณรอบ ๆ จะออกมารับแสงอาทิตย์ในช่วงเวลาเช้าเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น มันอาศัยรวมอยู่กันเป็นกลุ่ม บางกลุ่มอาจมีถึง 30 ตัว บางครั้งอาจพบอาศัยอยู่กับพวกกระรอกและเมียร์แคทแดง สัตว์ชนิดนี้จะมีประสาทสัมผัสที่ดี โดยเฉพาะเรื่องการรับฟังเสียงจะสามารถได้ยินเสียงในรัศมีถึง 160 ฟุต (50เมตร) และจะอพยพย้ายที่อยู่เมื่อมีภัย นอกจากนี้เมียร์แคทจะขุดรูหรือโพรงถ้ำลึกลงไปในดิน โพรงดินที่สร้างขึ้นสามารถเชื่อมต่อกัน ทำให้มีช่องทางเข้าออกมากขึ้นและช่วยให้มันมีทางหลบหนีเมื่อมีภัยอีกด้วย เมียร์แคทจะขยายพันธุ์เมื่อมีอายุประมาณ 1 ปี จะออกลูกตามโพรง, ถ้ำ ช่วงฤดูผสมพันธุ์คือเดือนตุลาคม-มีนาคม ระยะเวลาตั้งท้องประมาณ 11 สัปดาห์ ออกลูกครั้งละ 2-5 ตัว แม่เมียร์แคทจะฆ่าลูกของตัวอื่นที่มีวรรณะต่ำกว่าตนเองในฝูง เพื่อให้มาช่วยเลี้ยงลูกของมันแทนลูกของตัวเองที่ถูกฆ่าตายไป.. ที่มาภาพ http://profile.myspace.com/index.cfm?fuseaction=user.viewprofile&friendID=63034895 จากคุณ : primjang - [ 25 พ.ย. 51 10:38:43 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ..ให้ ไปแล้วนะคะ... จากคุณ : ช่อเอี้อง - [ 25 พ.ย. 51 13:58:32 ]

ความคิดเห็นที่ 52 จากความคิดเห็นที่ 16   "หมู เป็นสัตว์ที่ใคร-ใครก็รู้จัก (เพราะเนื้ออร่อยมาก ) อาจจะถือได้ว่าหมูเป็นสัตว์ที่มีความฉลาดเป็นอันดับที่สี่ รองมาจากคน สัตว์พวกลิง ปลาวาฬและปลาโลมา (จาก Veggie Singles News, 1996) " ... สงสัยว่าหมูนี่ฉลากกว่าสัตว์อื่นๆเช้น สุนัข แมว ช้าง ฯลฯ จริงหรอครับนี่ จากคุณ : zmen - [ 25 พ.ย. 51 14:16:20 ]

ความคิดเห็นที่ 53 อ่านแล้วรู้สึกว่าโลกนี้มันไม่ง่ายเลย ชีวิตต้องดิ้นรนจริง ๆ จากคุณ : buffo (Buffo) - [ 25 พ.ย. 51 16:09:00 ]

ความคิดเห็นที่ 54 มันมีแมลงมุมชนิดหนึ่งด้วยนี่นา ที่หลังจากลูกๆออกมาจากไข่แล้ว ตัวแม่นั่นล่ะที่นอนเป็นอาหารมื้อแรกให้ลูกๆ จากคุณ : Reba - The Queen in my heart - [ 26 พ.ย. 51 05:21:50 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ชักแน่ใจแล้วว่า นักชีววิทยาต้องจิตใจเข้มแข็ง จากคุณ : rainfull - [ 26 พ.ย. 51 21:46:09 ]