ความคิดเห็นที่ 1 อันดับ 10. Rongorongo ถูกเรียกว่าเป็นเกาะลึกลับฝั่งตะวันออก Rongorongo เคยเป็นแคว้นที่อยู่อาศัยของผู้อพยพ ไม่มีเพื่อนบ้าน และไม่มีภาษาเขียน ดินแดนแห่งนี้เชื่อว่าเจริญมากในยุค 1700 s และเพราะไม่มีภาษาเขียน จึงไม่มีใครหยั่งรู้ว่าแท้จริงแล้ว พวกเขาอยู่กันอย่างไร จากคุณ : iamnid - [ 25 พ.ย. 51 00:16:15 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ปาด จากคุณ : ONaja - [ 25 พ.ย. 51 00:17:31 ]

ความคิดเห็นที่ 3 9. Helike เมืองที่หายไป กวีชาวกรีกที่โด่งดัง Pausanias บันทึกไว้ว่า เมืองที่ชื่อ Helike ถูกแผ่นดินไหวก่อน ทำให้กลายเป็นเมืองร้าง แล้วตามด้วยสึนามิรุนแรงที่กวาดทุกอย่างพินาศเกินกว่าจะแก้ไข พวกอาร์เคเดียนพยายามบูชาเทพแห่งทะเลอย่างโปไซดอนหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีใครพบเมืองแห่งนี้อีกเลยจนปี 1861 นักโบราณคดีได้พบเหรียญบรอนซ์ที่เชื่อกันว่ามาจากเมือง Helike และในปี 2001 พวกเขาได้พบรากของเมือง Helike ใต้แอตแลนติส จากคุณ : iamnid - [ 25 พ.ย. 51 00:17:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 8. The Bog Bodies แม้แต่ CSI ยังยอมแพ้กับการสืบเรื่อง Bog Bodies ได้มีการค้นพบศพกว่าร้อยแถบด้านเหนือของยุโรป ล้วนเป็นศพที่ถูกรักษาอย่างดี บางศพมีอายุถึง 2,000 ปี ทุกศพถูกจัดด้วยท่าทางคล้ายกำลังพยากรณ์อะไรบางอย่าง ท่าทางเช่นนั้นทำให้คนเชื่อกันว่าพวกเขาถูกจับมาบูชายัญ แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าคืออะไรกันแน่??? จากคุณ : iamnid - [ 25 พ.ย. 51 00:18:32 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เขียด จากคุณ : axquest - [ 25 พ.ย. 51 00:19:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 7. ความพ่ายแพ้ของจักรพรรดิ Minoans นักประวัติศาสตร์ล้วนแล้วแต่สงสัยว่าอะไรทำให้จักรวรรดิโรมันต้องแตก และอะไรทำให้จักรพรรดิ Minoans สูญเสียอาณาจักรของพระองค์ เชื่อกันว่าในยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของจักรพรรดิ ได้เกิดการระเบิดของภูเขาไฟ ผลการตรวจสอบผืนดินบริเวณนั้น ทำให้นักโบราณคดีคาดเดาว่า การระเบิดครั้งใหญ่ทำให้อาณาจักรต้องล่มสลายลง จากคุณ : iamnid - [ 25 พ.ย. 51 00:19:33 ]

ความคิดเห็นที่ 7 6. The Carnac Stones ถ้าเชื่อว่าสโตนเฮ้นจ์ยิ่งใหญ่แล้ว อนุสรณ์ Carnac Stone ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ที่ชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศฝรั่งเศส เต็มไปด้วยหินกว่า 3,000 ก้อนเรียงรายกันเป็นระยะทางถึง 12 กิโลเมตร จากความเชื่อท้องถิ่น เชื่อกันว่าหินนี้มีประวัติศาสตร์สัมพันธ์กับพ่อมดเมอร์ลิน ส่วนหลักฐานจากนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาหินนี้มากว่า 30 ปี พวกเขาคาดเดาว่า หินเหล่านี้น่าจะไว้ใช้จับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว แต่เรื่องคนสร้างนั้น ไม่มีใครรู้ จากคุณ : iamnid - [ 25 พ.ย. 51 00:20:45 ]

ความคิดเห็นที่ 8 5. ใครคือโรบิน ฮู้ด ตำนานน่าสนใจของป่าเชอร์วู้ด กษัตริย์ร้าย ๆ และดาบศักดิ์สิทธิ์เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก แต่นักประวัติศาสตร์ไม่ค่อยแน่ใจว่ามีโรบิน ฮู้ด ตัวจริงหรือไม่ ความเป็นไปได้น่ะมีอยู่ แต่ก็ยังไม่มีใครหาหลุมฝังศพของวีรบุรุษสุดเท่คนนี้พบเสียที หรือว่ามันจะเป็นแค่ตำนานกันนะ จากคุณ : iamnid - [ 25 พ.ย. 51 00:21:44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 4. กองทัพที่หายไปของชาวโรมัน หลังจากกองทัพของเครซซุสแห่งโรมันพ่ายแพ้ต่อพวก Parthians สิ่งที่น่าตกใจก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ ๆ พวกเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และอีก 17 ปีต่อมา นักประวัติศาสตร์ชาวจีนได้บันทึกเรื่องราวของกองทัพประหลาดที่คล้ายกับทหารโรมัน ที่อยู่ ๆ ก็ปรากฏตัวที่ทะเลทรายโกบี จากการตรวจสอบดีเอ็นเอของแพทย์ยุคปัจจุบัน พวกเขาพบว่าดีเอ็นเอเหล่านั้นไม่ใช่ของชาวจีน แต่เป็นของชนต่างชาติ ผิวขาว ผมทอง และนัยน์ตาสีเขียว และมันคืออะไรกันแน่ จากคุณ : iamnid - [ 25 พ.ย. 51 00:22:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 3. The Voynich Manuscript The Voynich manuscript คือชื่อของหนังสือที่อ่านยากที่สุดในโลก มีอายุ 500 ปี และถูกค้นพบที่ห้องสมุดเก่าแก่ของโรม มีทั้งหมด 240 หน้า เขียนเป็นภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ และยังคงเป็นปริศนามาจนทุกวันนี้ จากการคาดเดา เชื่อกันว่ามันเป็นหนังสือกฎหมาย... จากคุณ : iamnid - [ 25 พ.ย. 51 00:23:15 ]

ความคิดเห็นที่ 11 2. The Tarim Mummies จากการตรวจสอบบริเวณตะวันตกของประเทศจีน โดย Tarim Basin นักโบราณคดี เขาได้พบมัมมี่กว่า 100 ตัว ที่มีอายุถึงกว่า 2,000 ปี ในตอนแรกทุกคนคิดว่าเป็นมัมมี่ชาวจีน แต่ต่อมาเมื่อศาสตราจารย์ Victor Mair ได้ตรวจสอบดีเอ็นเอของเหล่ามัมมี่ ผลที่ออกมากลับกลายเป็นว่าพวกมัมมี่มีดีเอ็นเอของชาวยุโรป ดังนั้น จึงเป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมคนยุโรปมาลงเอยเป็นมัมมี่อยู่ที่จีนได้... จากคุณ : iamnid - [ 25 พ.ย. 51 00:23:59 ]

ความคิดเห็นที่ 12 1. การหายไปของอารยธรรม Indus Valley Indus Valley คืออารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดของอินเดีย เชื่อกันว่าแพร่หลายจากอินเดียตะวันตกไปจนถึงอัฟกานิสถานเลยทีเดียว มีประชากรในชุมชนอยู่ถึง 5 ล้าน และเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าอารยธรรมไหน ๆ เมื่อนักโบราณคดีมาพบ พวกเขาประทับใจอารยธรรมนี้มาก แต่ที่น่าแปลกใจคือ... ไม่มีใครระบุได้เลยว่าอารยธรรมสิ้นสุดที่ไหน อย่างไร ไม่มีหลักฐานของการสู้รบใด ๆ อารยธรรมแห่งนี้เพียงแต่สูญสลายไปอย่างนั้นหรือ? ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้เลย.... สิ่งที่จะได้จากการเรียนรู้เรื่องราวในประวัติศาสตร์ก็คือ ...การรู้จักตัวเราเองจากการศึกษาถึงบรรพบุรุษของมนุษย์เรานี่แหละที่จะเป็นตัวชี้ถึงอนาคตของเหล่ามนุษยชาติได้ ทำไมอารยธรรมต่าง ๆ ที่ผ่านมาถึงได้หายสาบสูญไป และอะไรคือจุดแข็งหรือจุดอ่อนของแต่ละอารยธรรม ทั้ง ๆ ที่บางอารยธรรมนั้นเดินทางมาถึงจุดที่เรียกว่าสูงสุดแล้ว แต่ก็ยังมีการเสื่อมและสลายไปได้ เมื่อย้อนกลับมาดูสังคมมนุษย์เราในปัจจุบันนี้เอง ...เป็นไปได้หรือไม่ว่าเราหรือลูกหลานของเราในอนาคตอาจจะมีวันสิ้นสุดอารยธรรมเช่นเดียวกันกับหลาย ๆ อารยธรรมโบราณที่สูญหายไปแล้ว??? หนทางแก้ไขข้อบกพร่องและเพื่อดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม อารยธรรม และสังคมของเราในปัจจุบันนั้นสามารถศึกษาได้จากบทเรียนในอดีตหรือประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เนื่องจากเ ราอาจจะมีทางเลี่ยงความผิดพลาดในอดีตได้ ที่แน่ ๆ ก็คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้นเป็นสิ่งที่แน่แท้เหลือเกิน.... สูงสุดย่อมตกลงมาสู่สามัญ และความไม่แน่นอนนั้นเป็นสัตย์จริง ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่มนุษย์เรา ๆ นั้นควรที่จะดำรงชีวิตในทุกวันนี้ด้วยความไม่ประมาทกันนะคะ จงอย่าหยุดที่จะเรียนรู้และศึกษานะคะน้อง ๆ และจงใช้ชีวิตด้วยสติและไม่ประมาท จากคุณ : iamnid - [ 25 พ.ย. 51 00:24:48 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณ สำหรับข้อมูลดี ๆ มีสาระ อยากจะโหวดให้แต่โหวดไม่ได้ครับ จากคุณ : mr.popsong - [ 25 พ.ย. 51 00:43:33 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผ่านมาอ่าน...   จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 25 พ.ย. 51 00:45:13 ]

ความคิดเห็นที่ 15 น่าสนใจมากค่ะ อยากได้ข้อมูลเรื่องเมืองใต้น้ำ ที่ญี่ปุ่น กับอินเดีย ด้วยจัง ใครพอจะมีบ้างคะ จากคุณ : ด้วยดินสอและน้ำตา - [ 25 พ.ย. 51 00:49:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 กระทู้สร้างสรรค์โหวตให้หนึ่งจึก อยากรู้เรื่องอันดับสามอีกคะ อยากเห็นของจริง ใครช่างไปหาเจอ จากคุณ : Tarnaras - [ 25 พ.ย. 51 01:08:22 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณมาก รู้กว้างขึ้นอีกเยอะ แม้จะรู้ไม่หมดก็ตาม จากคุณ : ปัจเอนก เจกชน - [ 25 พ.ย. 51 01:10:07 ]

ความคิดเห็นที่ 18 น่าสนใจมากครับ จากคุณ : Sweet Broken Hearted Machine - [ 25 พ.ย. 51 01:38:31 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มีอีกไหมค่ะ  กำลังศึกษาเรื่องพวกนี้อยู่พอดีเลย จากคุณ : eissee - [ 25 พ.ย. 51 03:22:20 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เข้ามาให้ give ก่อน เดี๋ยวว่างๆ มาอ่าน จะสอบปลายภาคแล้ว T_T จากคุณ : JohnnieWalker - [ 25 พ.ย. 51 03:49:47 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ว่าไปผมไม่ได้เข้า vcharkarn หลายปีแล้วนะีเนี้ย ตั้งแต่ลุงโก๋แก๋จากไป ผมก็ไม่ได้เข้าไปเลย มีแต่เด็กตามหาโครงงาน เซ็งจริงๆ จากคุณ : JohnnieWalker - [ 25 พ.ย. 51 03:52:58 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ชอบครับ ^ ^ แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 51 04:55:46 จากคุณ : เข้มเท่านั้น - [ 25 พ.ย. 51 03:56:12 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คนในอนาตอาจ งง งง กับ ground zero ก็ได้ จากคุณ : IRQ5 - [ 25 พ.ย. 51 03:58:46 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ดีครับ เรื่องดีที่ นำเสนอโดย จขกท.มีความรู้ให้ประโยชน์ จากคุณ : ประธานแสนสุข (Youth In Asia) - [ 25 พ.ย. 51 05:55:33 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เรื่อง กองทัพที่หายไปของชาวโรมัน ผมสนใจมากๆ ตอนนั้นจำได้ว่า ITV เคยเอาสารคดีเรื่องนี้มาฉายแต่หลับไปก่อนไม่ได้ดู อยากรู้เรื่องจังเลย จากคุณ : Napoleonic - [ 25 พ.ย. 51 07:03:29 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เรื่องเมืองใต้น้ำที่ญี่ปุ่นนี่ จำได้คร่าวๆว่าอยู่ที่เกาะโอกินาว่านะครับ มีลักษณะสิ่งก่อสร้างคล้ายๆพีระมิด เนื่องจากใช้หินขนาดใกล้เคียงกันและยังมีรอยต่อที่แนบสนิทขนาดที่ว่ากระดาษไม่สามารถสอดเข้าไปได้ด้วยครับ ผิดถูกอย่างไร ขออภัยไว้ด้วยครับ เคยอ่านเจอเมื่อนานมากแล้ว จากคุณ : GT4Max - [ 25 พ.ย. 51 07:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มรกตนคร  อยู่อันดับไหนครับ นิทรานครอีก??? จากคุณ : Bassism - [ 25 พ.ย. 51 08:04:19 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อยากได้เหมือนท่าน คห.15 อยากได้ข้อมูลเรื่องเมืองใต้น้ำ ที่ญี่ปุ่น กับอินเดีย ด้วยจัง จากคุณ : saisanan - [ 25 พ.ย. 51 08:11:18 ]

ความคิดเห็นที่ 29 The Bog Bodies น่าสนใจจังเลยอ่ะคะ นิด...ไปหาอ่านเพิ่มดีกว่า จากคุณ : primjang - [ 25 พ.ย. 51 08:40:06 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ใครกดไฟแดง ลึกลับพอๆ กัน จากคุณ : Rskiz - [ 25 พ.ย. 51 08:48:47 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อ่านอย่างเดียวไม่ได้ ต้องโหวต... ขอบคุณ คุณนิดมากครับ จากคุณ : @Server ! maN@ - [ 25 พ.ย. 51 08:54:45 ]

ความคิดเห็นที่ 32 .........ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ช่อเอี้อง - [ 25 พ.ย. 51 09:51:49 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : ppj7777 - [ 25 พ.ย. 51 10:07:40 ]

ความคิดเห็นที่ 34 กระทู้ดีมีสาระ เอาไป 1 กีบครับ จากคุณ : iamnil (AW Milan) - [ 25 พ.ย. 51 10:29:27 ]

ความคิดเห็นที่ 35 1 ใจกับสาระดีๆแบบนี้ ขอบคุณค่ะ แล้วในเมืองไทยมีอะไรแบบนี้อีกบ้างไหม คห.27 แฟนเพชรพระอุมาแน่ๆเลย จากคุณ : ชีพชีวิน - [ 25 พ.ย. 51 10:52:47 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ^ ^ ^ ^ "แล้วในเมืองไทยมีอะไรแบบนี้อีกบ้างไหม" Hopewell ไงครับ จากคุณ : porpare - [ 25 พ.ย. 51 11:34:58 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มีสาระจัง ขอเก็บข้อมูลก่อนนะ จากคุณ : Echizen - [ 25 พ.ย. 51 12:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อันดับ0 ปาดกะเขียด สิ่งลึกลับ ไม่ปรากฏที่มา ไม่ทราบจุดประสงค์ชัดเจน มักมาโพสแทรกทั้งๆที่รู้่่ว่าคนเค้ายังโพสไม่จบ บางท่านสันนิษฐานว่าเป็นการเรียกร้องความสนใจแบบหนึ่ง แต่ก็ยังเป็นปริศนามาจนทุกวันนี้ จากคุณ : xxx (TaizoXXX) - [ 25 พ.ย. 51 12:56:28 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ผมละชอบแนวนี้จัง จริงๆเมืองไทยก้มีหลายอย่างนะ เช่น โฮปเวล อนุเสารีย์ประหลาด ที่เป็นเสาต่อกันตามทางถนนแสนยาว และไม่มีใครรู้ว่ามันสร้างไว้ทำอะไร ?? จากคุณ : จ้องจนปวด - [ 25 พ.ย. 51 14:33:21 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คห.9 เคยดูอยู่ครับ ผลทางทฤษฏี ที่ "น่าจะ" เชื่อได้ก็คือ กองทัพผลัดถิ่นของ อเล็กซานเดอร์ไปไปถึงเมืองจีน และ สร้างเมืองขึ้นที่นั่น มีลูกหลานสืบต่อกันมาจนทุกวันนี้เลย....จะเห็นได้ว่า ในหมู่บ้านยังมีสถาปัตยกรรมโรมันอยู่ ทั้งเสาแบบโคริเธียน และ กอธิก ... ไอโอนิค จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 25 พ.ย. 51 15:07:05 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณมากครับที่นำความรู้มาบอกกล่าวครับ ขอเก็บข้อมูลหน่อย จากคุณ : เส้นเล็กไม่ใส่ผัก - [ 25 พ.ย. 51 18:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อันที่ 4 กองทัพโรมันที่หายไป รายละเอียดคือ นักสำรวจจากมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ดไปสำรวจพบหมู่บ้านอันห่างไกลหนึ่งในจีน ซึ่งคนในหมู่บ้านบางคนนั้นมีตาสีฟ้า ผมสีบลอนด์ ตัวสูง อันเป็นลักษณะของชาวยุโรปตะวันตก และผลจากการเก็บตัวอย่างDNAไปตรวจ พบว่าคนในหมู่บ้านนั้นสืบเชื้อสายมากจากชาวยุโรปจริงๆ หมู่บ้านนั้นชื่อหมู่บ้านLiqian ตั้งอยู่ในทะเลทรายโกบี น่าประหลาดที่ชื่อของหมู่บ้านนั้น ไปละม้ายกับคำว่า Legion ที่ใช้เรียกกองทัพโรมัน มีคำร่ำลือว่า หลังจากพ่ายแพ้ให้พวกพาเธียน พวกกองทัพโรมันที่เหลือรอดก็ร่อนเร่เพนจรไปตะวันออก และไปเป็นทหารรับจ้างตามชายแดนของจีนโบราณ มีบันทึกประวัติศาสตร์ของจีนในราชวงศ์ฮั่น กล่าวถึงสงคราม  Battle of Zhizhi กล่าวว่า กองทัพของราชสำนักได้พบกับกองทัพประหลาดขณะทำศึก กองทัพที่ว่าใช้กลยุทธ์เอาโล่ห์เรียงซ้อนกัน ซึ่งกลยุทธ์นี้ละม้ายคล้ายกับกลยุทธ์"เต่า" "tortoise formation" ที่ทหารโรมันใช้กัน หลังจากได้ชัยชนะ กองทัพจีนได้จับตัวกองทัพประหลาดนี้เป็นเชลย และชื่นชมต่อฝีมือในการรบ จึงแต่งตั้งให้เป็นทหารปกป้องเมือง และเรียกทหารหน่วยนี้ว่า Li - Jien ซึ่งก็บังเอิญไปคล้ายกับชื่อกองพล Legion อีก จากการขุดสำรวจ มีการขุดพบเหรียญโรมัยโบราณ และหมวกเกราะที่เขียนคำว่า "หนึ่งในพวกเชลย" ดังนั้นจึงมีความไปได้สูงที่กองพลนั้นจะเป็นทหารโรมันจริง แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 51 18:24:04 จากคุณ : ซามาโนสุเกะ - [ 25 พ.ย. 51 18:23:31 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ลึกลับจริงๆ รูปTarim Mummiesนี่เหมือนคนจริงๆแบบที่ยังมีชีวิตอยู่เลยนะคะ น่ากลัว จากคุณ : rainbow092 - [ 25 พ.ย. 51 18:33:09 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ^ ^" จากคุณ : oxener00 - [ 25 พ.ย. 51 20:14:14 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณครับ สำหรับความรู้ดีๆ ^^ จากคุณ : conanshin - [ 25 พ.ย. 51 20:34:04 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ได้ความรู้เต็มๆเลยค่ะคุณนิด ขอบคุณมากๆ จากคุณ : ทุตซี&ลุงเฟเทอร์ - [ 25 พ.ย. 51 22:34:53 ]

ความคิดเห็นที่ 49 โอ้วว ชอบจังเลยครับผม ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Bz in Red - [ 25 พ.ย. 51 23:07:10 ]

ความคิดเห็นที่ 50 จริงๆ น่าจะมีเกิน 10 นะครับ เคยอ่านจากหลายเวป บางอันลึกลับขนาดพิสูจน์มานานยังหาคำตอบไม่ได้เลย อย่างน้อยก็ทำให้ได้รู้ว่า คนยุคโบราณบางกลุ่มทำอะไรเป็นความลับ แม้กระทั่งความรู้สู่ปัจจุบันยังมีให้เห็นนิดเดียว จากคุณ : อาจจะแก่ - [ 25 พ.ย. 51 23:13:24 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณครับ เอา give ผมด้วยนะครับ The Girl is not enough (พยัคฆ์ร้ายยึดแผนครองฮาเร็ม) จากคุณ : Norah - [ 25 พ.ย. 51 23:44:16 ]

ความคิดเห็นที่ 52 แวะมาโหวต จากคุณ : tragodius - [ 25 พ.ย. 51 23:47:02 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ไปสืบมาแล้ว ที่ห้องสมุดเรื่องกองทัพโรมันที่หายไป http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7242552/K7242552.html จากคุณ : Napoleonic - [ 26 พ.ย. 51 00:07:30 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ยอดมากครับ...       จากคุณ : doctorbird - [ 26 พ.ย. 51 00:56:46 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เคยอ่านเจอหลายอย่างเหมือนกัน อย่างพวกสามเหลี่ยมเมอร์บิวด้า  รัยงี้  ก็ลึกลับนะค่ะ จากคุณ : ฟินจัง - [ 26 พ.ย. 51 01:02:32 ]

ความคิดเห็นที่ 56 น่ามีเรื่องของคนไทยบ้างน้อ~ จากคุณ : fireyerwingz (fireyerwingz) - [ 26 พ.ย. 51 01:27:12 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ^^ จากคุณ : apple_meppo - [ 26 พ.ย. 51 08:31:11 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ชอบมากเลยค่ะ เรื่องแนวๆแบบนี้อ่านแล้วตื่นเต้น ป.ล.โหวต1จึ้ก จากคุณ : m-o-o-k-i (m-o-o-k-i) - [ 26 พ.ย. 51 12:24:54 ]

ความคิดเห็นที่ 59 1 vote ค่ะ สำหรับความรู้ดีๆแบบนี้.. ขอบคุณค่ะ จากคุณ : kekodes - [ 26 พ.ย. 51 13:53:52 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ให้อีก 1 จิ๊กค๊าบ... จากคุณ : Zakk666 - [ 26 พ.ย. 51 16:43:59 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ชอบกระทู้แบบนี้ จากคุณ : i aM uNiQuE GaLaxY - [ 26 พ.ย. 51 17:27:36 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อันดับ 10. Rongorongo     เป็นชื่อของตัวอักษรที่อยู่บนเกาะ Easter Island CHILE มีจุดกำเนิดที่ไม่แน่นอนประชาชนบนเกาะอีสเตอร์ อาจจะประดิษฐ์อักษรนี้ ลักษณะ มีสัญลักษณ์ 120 ตัว ส่วนมากเป็นรูปนก ปลา เทพเจ้า ต้นไม้ และรูปเรขาคณิตต่างๆ ใช้ในการรักษาโรค และการพยากรณ์โดยพ่อมดหมอผี ส่วนรูปแกะสลักในภาพ เรียกว่า Moai (โมอาย)มีอยู่ทั่วไปบนเกาะ ขนาดทั่วๆไปสูงประมาณ3.5 เมตร หนัก 20 ตัน ความน่าสนใจมันอยู่ที่ว่า แค่แกะสลักก็ยากอยู่แล้ว แต่วิธีการขนย้ายเจ้าโมอายเหล่านี้ไปยังตำแหน่งที่ต้องการเค้าทำได้อย่างไร ?????? ความลี้ลับ เรื่องราวประวัติศาสตร์วัฒนธรรม  ของชาว(Rapa Nui)โพลิเนเชียน บนเกาะแห่งนี้ยังเป็นที่น่าค้นหากันต่อไป ลองค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมดูนะคะ^^ จากคุณ : gatoblack - [ 26 พ.ย. 51 20:56:25 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เรื่องอินดัส วัลเลย์ เคยเรียนตอนปีหนึ่ง เห็นเขาเดาว่าเป็นพวกยักษ์ทศกัณฑ์ในรามเกียรติ์ครับ  อาจารย์บอกว่ามันมีลักษณะของพวกอารยันที่ลงมาอินเดียมักบันทึกเรื่องราวในรูปของวรรณกรรม นางสีดาจริงๆคือเขตชมพูทวีปที่อุดมสมบูรณ์ พวกอารยันก็มาแย่งไปจากพวกดราวิเดียนที่อยู่ในอารยธรรมอินดัสไล่ลงไปเกาะศรีลังกา   นี่คือเรื่องการเชื่อมต่อปะติดปะต่อวรรกรรมกับซากอารยธรรมอินดัส วัลเลย์  ไม่รู้เชื่อได้รึปล่าว จากคุณ : คนโง่ว์ - [ 26 พ.ย. 51 21:56:50 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เข้ามาดูกระทู้โหวตคุณนิดค่ะ โหวตต่อให้แล้วนะคะ^^ จากคุณ : maikeet - [ 27 พ.ย. 51 11:31:30 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คห. 12 "และเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าอารยธรรมไหน ๆ " มันเจริญยังไงหรือคะ ดูแล้วเห็นเหมือนสิ่งก่อสร้างนิดเดียวเอง เจริญด้านศิลปะ วัฒนธรรม หรืออะไรน้าอยากรู้จัง จากคุณ : LuNaTicCaT - [ 27 พ.ย. 51 20:26:48 ]

ความคิดเห็นที่ 66 คห.65  "และเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าอารยธรรมไหน ๆ " อันนี้คิดว่า นักโบราณคดี ได้ไปสำรวจและประมวลสัญนิษฐานจากหลักฐาน ที่ขุดพบ และประเมินว่าไม่ว่าจะเป็นซากเมือง ศิลปะ วัฒนธรรม เจริญรุ่งเรืองกว่าอารยธรรมอื่น นะคะ (ตามนักโบราณคดีที่เค้ามองนะ) คิดว่า ตามนี้หลักฐานนี้ค่ะ ซากเมือง แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 51 23:26:42 แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 51 23:24:45 จากคุณ : iamnid - [ 27 พ.ย. 51 22:50:03 ]

ความคิดเห็นที่ 67 รู้จักคิดค้นทำตราสัญญลักษณ์ และมีอักษรจารึกไว้ จากคุณ : iamnid - [ 27 พ.ย. 51 22:54:24 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ตุ๊กตาหมี ที่ขุดค้นพบเจอ จากคุณ : iamnid - [ 27 พ.ย. 51 22:57:09 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ตราแกะลวดลายเป็นรูปสัตว์ สังเกตดูอักษรที่สลักเหมือน พยัญชนะภาษาอังกฤษ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 51 23:29:00 จากคุณ : iamnid - [ 27 พ.ย. 51 23:00:18 ]

ความคิดเห็นที่ 70 พระพุทธรูปที่ขุดพบได้ จากคุณ : iamnid - [ 27 พ.ย. 51 23:02:06 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ..........สัญญลักษณ์อะไรหนอ จากคุณ : iamnid - [ 27 พ.ย. 51 23:03:52 ]

ความคิดเห็นที่ 72 รูปปั้นเทพธิดา จากคุณ : iamnid - [ 27 พ.ย. 51 23:06:18 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ........ จากคุณ : iamnid - [ 27 พ.ย. 51 23:08:10 ]

ความคิดเห็นที่ 74 นักบวช   ที่จริงนักโบราณคดีขุดเจอเยอะมาก ลงพอให้ดูคร่าวๆ ค่ะ และที่อารยธรรมแห่งนี้ เพชรถูกค้นพบเป็นครั้งแรกที่ประเทศอินเดีย ผู้ค้นพบเพชรพบว่าเพชรปะปนอยู่กันก้อนกรวดในก้นแม่น้ำสมัยโบราณ เชื่อกันว่า พวกทมิฬ (Dravidians) เป็นผู้ค้นพบเพชรในช่วงอารยธรรมแห่งหุบเขาอินดัส (Indus Valley Civilization) ระหว่างปี 2500 และ 1700 ก่อนคริสตกาล เพชรเหล่านี้มาจากภูเขาไฟระเบิด และถูกน้ำพัดพาไปรวมกันกับก้อนหิน กรวด ทรายก้นแม่น้ำ ทับถมกันเป็นเวลานับล้านๆ ปี ชาวอินเดียได้ทำเหมืองเพชรเมื่อ 800 ปีก่อนคริสตกาล ในสมัยนั้นพวกเขาคิดว่าเพชรเจริญเติบโตในพื้นดินได้เหมือนเมล็ดพืช พวกเขาจึงชั้งน้ำหนัก และกำหนดค่าของเพชร โดยเปรียบกับเม็ดของต้นคารอบ (Carob Tree) ซึ่งเมล็ดนี้ถูกกำหนดให้เป็นมารตฐานในการวัด ต่อมาเมล็ดคารอบแปรเปลี่ยนมาเป็น "กะรัต" (Carat) ซึ่งยังคงเป็นหน่วยที่ใช้วัดน้ำหนักเพชรอยู่ในปัจจุบันนี้ (1 กะรัต เท่ากับ 1/142 ออนซ์ หรือ 0.2 กรัม) http://www.skn.ac.th/skl/project/49/ped/dia02.htm จากคุณ : iamnid - [ 27 พ.ย. 51 23:17:18 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 28 พ.ย. 51 20:01:34 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณครับ จากคุณ : indeeth - [ 29 พ.ย. 51 11:01:50 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ได้ควมรู้ดนิ จากคุณ : -iamnoonong- - [ 29 พ.ย. 51 19:38:10 ]

ความคิดเห็นที่ 78 คห.ที่3 ทำให้ผมมีข้อสงสัยครับ แอตแลนติส หรือว่า แอตแลนติก ครับ จากคุณ : sleeper_j - [ 29 พ.ย. 51 22:35:50 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ขอฝากด้วยนะคะ 200 เครือข่ายชวนเดินรณรงค์ต้านสงครามกลางเมือง เครือข่ายประชาชนต้านสงครามกลางเมืองไม่น้อยกว่า 200 องค์กร ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเดินรณรงค์ "หยุดสงครามกลางเมือง และความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย" เพื่อแสดงความปราถนาที่จะหยุดสงครามกลางเมืองและความรุนแรง โดยขอให้มารวมตัวกันบริเวณ ถนนหน้าอาคารศศนิเวศน์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย วันที่ 30 พ.ย. 2551 เวลา 10.30 น. จากคุณ : รักไทยเชื่อไทย - [ 29 พ.ย. 51 23:44:07 ]

ความคิดเห็นที่ 80 คห.78แอตแลนติส ค่ะ แอตแลนติส (Atlantis) คืออาณาจักรโบราณที่อยู่ในความทรงจำของคนทั้งโลก ซึ่งผู้ที่สร้างตำนานอาณาจักรลึกลับนี้ คือ เพลโต นักปรัชญาชื่อดังของกรีกโบราณที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อแนวคิดตะวันตก กล่าวกันว่าอาณาจักรแอตแลนติส เป็นทวีปๆ หนึ่งที่อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นที่อยู่อาศัยของพลเมืองผู้ทรงคุณธรรมและเทคโนโลยีที่สูงส่ง กำแพงเมืองเป็นทองคำและวิหารสร้างด้วยเงิน มีอุทยานหย่อนใจ และสนามแข่งม้า ทว่ามันถูกทำลายพังพินาศ ด้วยความพิโรธของเทพเจ้าผู้เนรมิตรมันขึ้นมา คำว่า แอตแลนติส มาจากแอตลาสบุตรของโพไซดอน แอตแลนติสอาจอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นักประดาน้ำบางคนพบขุมทองบริเวณนั้นนั่นเอง เพลโต นักปราชญ์ชาวกรีกเขียนไว้เมื่อราว 300 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งยุคของเพลโต ห่างจากยุคของแอตแลนติสราว 9,000 ปี เพลโตเขียนถึงแอตแลนติสในหนังสือที่ชื่อว่า ทิเมอุส และ ครีทีแอซ โดยอ้างว่า โซลอน รัฐบุรุษคนหนึ่งของกรีกราวยุค 600 ปีก่อนคริสตกาล เป็นผู้นำมาเผยแพร่หลังจากรับทราบเรื่องราวของแอตแลนติสจากนักบวชชาวอียิปต์ท่านหนึ่ง มีการกล่าวว่า อารยธรรมโบราณหลายๆ แห่งของโลก ไม่ว่าจะเป็นอียิปต์ รวมถึงบรรดาวัฒนธรรมเมโสโปเตเมียทั้งหลาย ไปจนถึงวัฒนธรรมโบราณของชนเผ่าอินคา มายา และแอซแต็กในแถบอเมริกากลาง รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างที่มหัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นสโตนเฮ้นจ์ หรือปิรามิดในดินแดนต่างๆ ทั่วโลก ต่างก็เป็นมรดกจากชาวแอตแลนติสทั้งสิ้น จากวิกิ ค่ะ จากคุณ : iamnid - [ 30 พ.ย. 51 09:45:11 ]

ความคิดเห็นที่ 81 รับทราบ และขอบคุณครับ ที่สงสัยเพราะอ่านแล้วเข้าใจว่าเราเจอแอตแลนติสแล้วน่ะครับ แล้วค่อยพบรากของเมือง Helike แต่ว่าเรายังไม่มีหลักฐานของแอตแลนติสเลยนี่ครับ ผมก็เลยเข้าใจว่าเป็นทะเลแอตแลนติกน่ะครับ ^_^ จากคุณ : sleeper_j - [ 30 พ.ย. 51 11:34:40 ]

ความคิดเห็นที่ 82 พี่ จขกท.ครับ "Tarim Basin" เป็นชื่อ "แอ่งแผ่นดินทาริม"ครับ เป็นแอ่งแผ่นดินแห่งหนึ่งทางตะวันตกของจีนครับ ไม่ใช่ชื่อคน ข้อมูลโดยรวมน่าสนใจมากครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : กลับมาแล้วคนดี - [ 30 พ.ย. 51 13:42:05 ]

ความคิดเห็นที่ 83 คุณน้อง กลับมาแล้วคนดี ใช้ค่ะ ตามที่คุณน้องบอกมา แต่ ชื่อนักโบราณคดี  เค้าตั้งให้พ้องกับสถานที่ เพื่อเป็นเกียรติ แก่การค้นพบ ณ.สถานที่นั้นๆด้วย จร้า จากคุณ : iamnid - [ 30 พ.ย. 51 14:36:09 ]

ความคิดเห็นที่ 84 มาแอบอ่าน จากคุณ : เรียกเหมียวๆประเดี๋ยวก็มา - [ 30 พ.ย. 51 15:05:03 ]

ความคิดเห็นที่ 85 แหล่มอีกแล้ว...  [- -"]!!! จากคุณ : ilovethisgames - [ 1 ธ.ค. 51 05:33:35 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เมืองใต้น้ำที่ ญี่ปุ่น ต้องหา MRR~ มาอ่านครับ ปรากฏการณ์พลิกโลก อิอิ  ใช่เรื่องนี้ไหมเนี่ยการ์ตูนเวอร์ๆ จากคุณ : whutzy - [ 1 ธ.ค. 51 09:53:09 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ช้อบ...ชอบ แล้วป๋านี่ลึกลับพอป่ะสำหรับนู๋นิดอะ จากคุณ : peko6681 - [ 3 ธ.ค. 51 02:07:34 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ชอบมากๆครับ ขอบคุณจขกท.และผู้ให้ความรู้ทุกคนครับ จากคุณ : knine2five - [ 4 ธ.ค. 51 06:51:44 ]

ความคิดเห็นที่ 89 มาเก็บความรู้ จากคุณ : ก้าวไปตามใจฝัน - [ 4 ธ.ค. 51 11:11:57 ]

ความคิดเห็นที่ 90 มาปักธง จากคุณ : LR3 - [ วันพ่อแห่งชาติ 07:44:24 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : หน่วยต่อสู้อากาศยาน - [ วันพ่อแห่งชาติ 16:47:53 ]

ความคิดเห็นที่ 92 great จากคุณ : jingpom - [ 7 ธ.ค. 51 18:27:07 ]

ความคิดเห็นที่ 93 เรื่องกองทัพโรมันนี้ เคยดูในสารคดีของ ไทยพีบีเอส ไม่แน่ใจว่าใช่เรื่องเดียวกันหรือเปล่า แต่รู้สึกว่า กองทัพทีว่า เขาจะบอกแล้วนะครับว่าไม่ใช่กองทัพโรมันหรอก แต่น่าเป็นกองทหารของพวกเอเชียกลางมากกว่า จากคุณ : Angleevil - [ 9 ธ.ค. 51 02:19:02 ]

ความคิดเห็นที่ 94 โหวตแล้วเด้อ จากคุณ : ยังมีหวัง - [ วันรัฐธรรมนูญ 15:55:50 ]