ความคิดเห็นที่ 1 ผมไม่เชื่อว่าจะมีจริง ยังไงทุกคนก็ต้องตาย ขนาดพระพุทธเจ้ายังนิพพาน จากคุณ : axquest - [ 29 พ.ย. 51 00:47:32 ]

ความคิดเห็นที่ 2 นักวิทยาศาสตร์ชุบชีวิต หมาซอมบี้ news.com.au – ตายแล้วไม่ต้องไปไหน...เดี๋ยวก็ได้ฟื้นมาใหม่ เมื่อนักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ สามารถชุบชีวิต “หมาน้อย” ที่ขาดใจไปแล้วให้กลับฟื้นคืนชีพอีกครั้งด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์จนเป็นผลสำเร็จ คาดปีหน้าได้ทดลองใช้กับคน นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์การวิจัยกู้ชีพซาฟาร์ แห่งมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก (Pittsburgh's Safar Centre for Resuscitation Research) สหรัฐฯ ได้พัฒนาเทคนิคการถ่ายเลือดและเติมสารละลายน้ำเกลือที่เป็นน้ำแข็งและเย็นยะเยือกลงไปในเส้นเลือดดำ เพื่อรักษาสภาพและฟื้นชีวิตที่ตายไปแล้วให้กลับฟื้นคืนมาใหม่ได้เป็นผลสำเร็จ การชุบชีวิตครั้งแรกได้ทดสอบกับ “สุนัข” จำนวนหนึ่งซึ่งตายแล้วตามนิยามทางการแพทย์ คือหยุดหายใจและหัวใจไม่เต้นหรือไม่มีกิจกรรมใดๆ เกิดขึ้นในสมอง แต่ว่าอีก 3 ชั่วโมงต่อมาเลือดของหมาที่สิ้นใจก็ถูกแทนที่ด้วยน้ำเกลือ และบรรดาหมาๆ ก็ฟื้นคืนชีพมาเป็น “หมาซอมบี้” หลังจากถูกช็อตด้วยไฟฟ้า ระหว่างกระบวนการแทนที่เลือดด้วยน้ำเกลือ ณ อุณหภูมิที่ต่ำกว่าศูนย์องศา อุณหภูมิร่างกายของสุนัขจะตกลงมาเหลือแค่เพียง 7 องศาเซลเซียส จากอุณหภูมิร่างกายปกติ 37 องศา รวมถึงมีภาวะตัวเย็นเกินก่อนตาย และแม้ว่าหมาน้อยเหล่านี้จะตายแล้วในทางการแพทย์แต่เนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ยังอยู่ในสภาพดี เส้นเลือดต่างๆ และเนื้อเยื่อที่เสียหายสามารถซ่อมแซมได้ด้วยการศัลยกรรม เหล่าน้องหมามีชีวิตกลับมาอีกรอบหนึ่ง เพราะเลือดกลับคืนสู่ร่างกาย และได้ออกซิเจนเต็มที่ 100% แถมยังมีการกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าประหนึ่งเหมือนการรีสตาร์ทการทำงานของหัวใจอีกครั้ง อีกทั้งเมื่อตรวจสอบสภาพร่างกายของ “หมาซอมบี้” แล้วก็กลับสู่สภาพเดิมอย่างปกติ และไม่มีสมองส่วนใดถูกทำลาย ด้วยความหวังว่าแทนที่จะปล่อยให้คนป่วยหลับไปเป็นปีๆ หรือตายจากไป การส่งให้พวกเขากลับมามีชีวิตอยู่นั้นนับเป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่มีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง โดยนักวิทยาศาสตร์พยายามทำให้ผู้ป่วยกลับฟื้นชีวิตได้ อย่างน้อยเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม แต่ก็มากพอสำหรับการรักษาชีวิตผู้บาดเจ็บจากสงคราม หรือเหยื่อที่ถูกแทง ถูกยิง เพราะพวกเขาจะเจ็บปวดและขาดใจจากการเสียเลือดมาก ผลที่ได้ทำให้ทางศูนย์มีแผนจะนำเทคนิคนี้ไปทดสอบใช้ในมนุษย์ภายในปีหน้า อีกทั้งเชื่อว่าภายใน 10 ปีจะสามารถนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ขัดขวาง “การตาย” ของมนุษย์ได้ในบางกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมรภูมิรบ http://www.dek-d.com/board/view.php?id=858669 จากคุณ : หลานแว่น (mint_la) - [ 29 พ.ย. 51 00:55:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 #1 พระพุทธเจ้าไม่ใช่สิ่งที่เอาใช้ได้ในกรณีนี้ เป็นคนละเรื่องเดียวกันอย่างสิ้นเชิง เพราะการที่พระพุทธองค์นิพพานเป็นอะไรที่สมบูรณ์ที่สุดอยู่แล้ว หากตายก่อนวัยอันควร แปลว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับได้หากคนผู้นั้นจะฆ่าตัวตาย หรือหาทางที่ทำให้อายุสั้น หากเป็นอมตะ แปลว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะมีชีวิตเป็นอมตะ แต่การที่พระพุทธองค์มีชีวิตอยู่จนนิพพาน 80 ปีเศษนั้น มันสามารถทำให้ตีความได้ว่า เราควรจะมีชีวิตอยู่ให้ยาวนานและทำคุณประโยชน์อย่างที่สุด โดยไม่หวังว่าจะตายก่อนเพื่อหนีทุกข์ หรือมีชีวิตอมตะจากความโลภ แต่ทุกสิ่งควรมีวัฏจักรของมัน มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีตาย หากพระพุทธองค์ยังเป็นอมตะ หรือฟื้นคืนชีพได้ ไฉนเลยพระองค์ยังสอนให้ผู้อื่นมุ่งเข้าสู่นิพพานได้อีกเล่า? จากคุณ : กระต่ายโลหิต - [ 29 พ.ย. 51 00:57:22 ]

ความคิดเห็นที่ 4 #2 ทางการแพทย์เขาถือว่าสิ่งมีชีวิตเช่นมนุษย์จะตาย ต้องดูที่ก้านสมองหรือสมองส่วนควบคุมอัตโนมัติตาย ถึงจะเรียกว่าตายจริง เพราะการตายด้วยการตีความแบบนี้ไม่มีวิธีไหนจะทำให้สามารถฟื้นคืนชีพได้อย่างเดิมอีกแล้ว ส่วนการตายโดยแค่หัวใจหยุดเต้น หากก้านสมองยังไม่ได้รับการกระทบกระเทือน ถึงหัวใจหยุดไปสิบปีก็ไม่ถือว่าตาย กลับกัน หากก้านสมองตาย (หรือที่เรียกว่าเจ้าชาย-เจ้าหญิงนิทรา) แต่หัวใจยังเต้นอยู่ (อาจจะด้วยเครื่องช่วย) ก็ถือว่าคนนั้นตายแล้ว ดังนั้นข่าวนั้นเป็นแค่การเล่นคำที่ไม่ได้อ้างอิงตามหลักการแพทย์จริง ๆ มันแค่การบังคับจำศีลเท่านั้น จากคุณ : กระต่ายโลหิต - [ 29 พ.ย. 51 01:02:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตำราหรือคัมภีร์ชุบชีวิตคนตาย คงไม่มีค่ะ.... แต่ด้วยวิทยาการทางการแพทย์ในอนาคต เรื่องชุบชีวิตคนตายอาจไม่ใช่เป็นแค่ฝัน... จากคุณ : primjang - [ 29 พ.ย. 51 01:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หากจะพูดแบบถึก ๆ โดยไร้ความฝันโดยสิ้นเชิงเลยก็ขอบอกว่า ความตาย เป็นสิ่งที่ล้วนแต่ติดตัวมนุษย์ทุกคนมาอย่างช้านาน มันเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนรู้ว่าตนเองไม่ช้าจะต้องประสบเจอกับมุนเข้าสักวัน และอย่างยิ่งมันเป็นสิ่งที่มนุษย์หวาดกลัวและอยากจะหลีกหนีจากมันให้พ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่มนุษย์พยายามจะหาบางสิ่งที่จะหลีกหนีจากมันได้ นั่นคือการจินตนาการว่าสักวันหนึ่งหากเราฟื้นคืนชีพจากความตายได้ก็คงดีไม่น้อย และนั่นล่ะคือจุดที่มนุษย์เอามาผสมรวบกับนิทานหรือเรื่องเล่าต่าง ๆ จนทำให้เกิดตำนานของการชุบชีวิตในที่สุด เช่นเดียวกับละครหรือนิยาย ที่ทุกชาติล้วนเหมือนกันคือ ทำไมแทบทุกเรื่องต้องให้ตัวเอกหน้าตาดีและประสบความสำเร็จเหนือกว่าคนอื่น ๆ ด้วยฟะ? นั่นก็เพราะมันเป็นความต้องการส่วนลึกของจิตใจมนุษย์ที่ได้สมมติตัวเองลงไปในเรื่องราวนั้นเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมาเหมือนยังในเรื่องราวเหล่านั้นยังไงล่ะ จากคุณ : กระต่ายโลหิต - [ 29 พ.ย. 51 01:12:40 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ในอนาคตทำได้คับ "ชุบด้วยมีบลู" "ชุบด้วยมีใบ" จากคุณ : CaFe NEs - [ 29 พ.ย. 51 01:46:58 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อันนั้นทำกันมาหลายปีแล้วนิครับ  มีบูลมีใบ จากคุณ : Nickeycat - [ 29 พ.ย. 51 02:01:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตรงนี้ก็บอกอยู่ ค่ะ "หรือไม่มีกิจกรรมใดๆ เกิดขึ้นในสมอง" >>สรุปว่าการทดลองนั้นทำได้เฉพาะ หัวใจหยุดเต้นหรือเปล่า ? การตายทางการแพทย์ (จาก wiki) "ทางการแพทย์ถือว่าบุคคลเสียชีวิตแล้วโดยวัดจากคลื่นสมอง " สัตว์จำศีล         การจำศีลของสัตว์ก็คือ  การนอนหลับเป็นระยะเวลายาวนานในฤดูหนาว  สัตว์พวกนี้จะหาที่เหมาะๆ  สบายๆ  แล้วนอนหลับ  เช่น  ในถ้ำ  ในโพรงไม้  ที่นอนของมันจะต้องอับลม หลบอากาศหนาวได้ดี   มันจะนอนหลับอยู่นานจนสิ้นฤดูหนาวจึงออกมาหากินตามเดิม  สัตว์จำศีลจะมีอุณหภูมิในร่างกายต่ำกว่าปกติ  การหายใจก็ช้าลงด้วย ไม่ได้ตายไปเลยน่ะค่ะ แล้วหัวใจก็ไม่ได้หยุดเต้น แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 51 02:21:42 จากคุณ : หลานแว่น (mint_la) - [ 29 พ.ย. 51 02:20:56 ]

ความคิดเห็นที่ 10 นักวิทยาศาสตร์ชุบชีวิต หมาซอมบี้ คห. ที่ 2 น่าสนใจมากเลยครับ มันจะเกิดขึ้นจิงๆหรอ แล้วตอนนี้เค้าเริ่มนำมาใช้กับคนรึยังนะ?? จากคุณ : shame_of_sins - [ 29 พ.ย. 51 05:12:48 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตามหลักแล้วไม่น่าจะชุบได้ครับ ทุกสิ่งมีเกิดขึ้นมาแล้วต้องดับสลายไปเป็นธรรมดา และความตายเป็นสิทธิที่มนุษย์ทุกคนได้รับเท่าเทียมกันเพราะยังไงท้ายที่สุดทุกคนก็ต้องตาย แต่คนเราก็ดิ้นรนกลัวที่จะตายแต่ในขณะเดียวกันก็ใช้ชีวิตด้วยความประมาทเพราะไม่คิดว่าคนเราสามารถตายได้ทุกขณะ มนุษย์เราไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะธรรมชาติได้ การตายการดับสลายเป็นธรรมชาติของทุกสรรพสิ่ง หากมีการเกิดย่อมมีการตายเป็นธรรมดา ฉะนั้นคนเราไม่สามารถทำอะไรที่เป็นการฝืนธรรมชาติได้หรอกครับ เรื่องชุบชีวิตเป็นอะไรที่ฝืนธรรมชาติก็ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้เช่นกัน จากคุณ : Kudo Kai - [ 29 พ.ย. 51 06:01:04 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วพระเยซูฟื้นคืนชีพจากความตายได้นี่ไม่เหลือเชื่อไปหน่อยเหรอ หรือเขาแต่งเติมกันขึ้นมา รึเรื่องบังเอิญ จากคุณ : pon2007 (pon2007) - [ 29 พ.ย. 51 08:11:23 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถึงวาระที่ต้องไป จะฝืนกันทำไมคะ จากคุณ : *คุณวรมัน* - [ 29 พ.ย. 51 09:01:21 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผ่านมาอ่าน...   จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 29 พ.ย. 51 09:15:19 ]

ความคิดเห็นที่ 15 พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนให้ไปนิพพาน แต่ท่านสอนทางหลุดพ้นไม่ใช่เหรอ เพียงแต่ผู้ที่หลุดพ้น หรือบรรลุแล้ว เวลาตาย จะเรียกว่า นิพพาน ง่ะ เราเข้าใจถูกป่าวเนี่ย... จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 29 พ.ย. 51 09:39:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตำนานมีพื้นฐานมาจากความจริงครับ อนาคตเราสามารถทำได้ครับ และมีช่วงเวลาหนึ่งที่เราเอาเทคโนโลยีทั้งหมดย้อนกลับไปในอดีต ทำให้เกิดตำนานเหล่านี้ขึ้นมาครับ จากคุณ : ร้อยละสิบสลึง - [ 29 พ.ย. 51 11:41:34 ]

ความคิดเห็นที่ 17 Skeleton King ครับ ท่า ultimate จากคุณ : เชื่อผมเหอะ แล้วดีเอง - [ 29 พ.ย. 51 14:55:53 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ฟีนิกดาว มีมานายแล้ว จากคุณ : DJ-kornkyoko - [ 29 พ.ย. 51 15:00:12 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ในอนาคต ร่างกายส่วนไหนเสื่อม แล้วสามารถเปลี่ยนได้  (แต่คงเปลี่ยนสมองไม่ได้ซินะ) คนเราจะอยู่ได้ถึง 200-300 ปี เป็นไปได้มั้ยครับ? จากคุณ : sukineko - [ 29 พ.ย. 51 15:08:02 ]

ความคิดเห็นที่ 20 #9 การจำศีลดูความที่คลื่นสมองงั้นหรือ? โอ้ ความรู้ใหม่ งั้นสภาพตามคห 2 ก็อาจถือได้ว่าตายแล้วเหมือนกัน ? แต่ตายโดยการบังคับแช่แข็งที่ชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ได้ #15 ไม่ทราบเหมือนกันเรื่องคำว่า"นิพพาน" เป็นนามหรือกริยา เพราะพอดีส่วนตัวก็ไม่ได้มุ่งเน้นถึงเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยเท่าไหร่ เพืยงแค่ดูภาพรวม และเจตนาของเรื่องนั้น ๆ มากกว่า ดังนั้นการใช้คำอาจผิดไปบ้าง ต้องขอโทษด้วย จากคุณ : กระต่ายโลหิต - [ 29 พ.ย. 51 16:34:42 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เจ้าชายสิทธัตถะก็แค่แก่ตาย......... ผมเข้าใจผิดตรงไหนป่ะ? จากคุณ : JJB - [ 29 พ.ย. 51 17:59:05 A:222.123.67.92 X: TicketID:194874 ]

ความคิดเห็นที่ 22 #20 การจำศีลดูความที่คลื่นสมองงั้นหรือ? โอ้ ความรู้ใหม่ >> ก็ยังไม่มีใครบอกแบบนั้นเลยน่ะค่ะ   เด๋วดึกๆเข้ามาอธิบายอีกทีค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 51 18:17:56 จากคุณ : หลานแว่น (mint_la) - [ 29 พ.ย. 51 18:10:06 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อย่าให้เมียผมรู้ล่ะ จากคุณ : เหลืองแดงแปลงร่าง - [ 29 พ.ย. 51 21:06:49 A:118.174.169.115 X: TicketID:195832 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สัตว์มีการปรับสภาพของตัวเองตามสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เพราะอุณหภูมิบนโลกไม่ได้อยู่คงที่ สัตว์จึงมีการปรับเลี่ยนอุณหภูมิในร่างกายเพื่อให้ตัวมันเองอยู่รอด เนื่องจากในฤดูหนาวอาหารหายากการอยู่นิ่งๆจะเป็นการเผาผลาญไขมันไปอย่างช้าๆ เรียกลักษณะเช่นนี้ว่า การจำศีล สัตว์ส่วนใหญ่จึงใช้วิธีการนี้ในการสะสมอาหารในยามที่อาหารหายาก การจำศีล หมายถึงสภาพที่สัตว์ซ่อนตัวอยู่นิ่งๆไม่เคลื่อนไหวในขณะที่อุณหภูมิของสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปจากปกติ โดยระยะนี้อัตราเมตาโบลิซึมของร่างกายจะลดลง อัตราการเต้นของหัวใจจะลดลง ร่างกายอาศัยอาหารที่สะสมไว้อย่างช้าๆ สภาพเช่นนี้หากเป็นพฤติกรรมของสัตว์ที่อยู่ในเขตหนาวเมื่ออุณหภูมิต่ำมากๆ เรียกว่าการหนีหนาว ถ้าเป็นสัตว์ในเขตร้อนเมื่ออุณหภูมิสูงมากๆเรียกว่าการหนีร้อน จากคุณ : หลานแว่น (mint_la) - [ 29 พ.ย. 51 23:46:32 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ชอบชื่อคคห.23 จากคุณ : ไม่งงครับ ไม่งง - [ 30 พ.ย. 51 00:18:20 ]

ความคิดเห็นที่ 26 #21 ถูกแล้วครับ ท่านบอกว่าทุกคน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่เว้นแม้กระทั่งพระพุทธเจ้า ผิดกันแค่ว่าก่อนจะถึงวันนั้น เราทำความดีเลวอะไรไว้บ้าง จากคุณ : NATSKI13 - [ 1 ธ.ค. 51 12:33:24 ]

ความคิดเห็นที่ 27 #21 ท่านไม่ได้แก่ตาย แต่ตายด้วยโรค ไม่ใช่เหรอคะ จากคุณ : หลานแว่น (mint_la) - [ 2 ธ.ค. 51 18:48:24 ]