ความคิดเห็นที่ 1 ประชากรโลกเดือนพฤศจิกายน 6,700,000,000 คน จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:13:55 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Amazon Horned Frog  อาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำหรือบึงในบราซิลไปจนถึงโคลัมเบีย แม้ขนาดตัวเฉลี่ยจะอยู่ที่ 4ถึง 6 นิ้ว หรือประมาณ 10-15 เซนติเมตร แต่บางตัวก็สามารถโตได้ถึง 8 นิ้ว หรือประมาณ 20 เซนติเมตร [ความอวบนะครับไม่ใช่ความสูง]  กบมีเขาแห่งป่าอเมซอนจะซ่อนตัวอยู่ในบึงน้ำ โคลน หรือกองใบไม้ โดยจะโผล่ให้เห็นเพียงแค่ส่วนหัวเท่านั้น เมื่อมีเหยื่อที่มีขนาดตัวเล็กกว่าผ่านมา มันก็จะกระโดดออกไปจัดการโดยใช้ฟันอันแหลมคมและพลังของกราม  กบมีเขาแห่งป่าอเมซอนมีนิสัยก้าวร้าวและตะกละอย่างมาก [มิน่าถึงอวบได้ขนาดนั้น] บางครั้งพวกมันก็พบกับความตายเพราะดันไปกินเหยื่อที่ใหญ่กว่าตัวเองเข้า *ชาวบ้านในป่าอเมซอนมักจะใส่รองเท้าบูททำจากหนังที่เรียกว่า botas escuerzas ขณะเดินป่าเพื่อป้องกันการโจมตีจากกบพวกนี้ จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:15:28 ]

ความคิดเห็นที่ 3 พรางกายแบบนี้ครับ จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:16:11 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Web-Footed Gecko  ตุ๊กแก Web-Footed Gecko มีผิวหนังสีสีดที่เกือบใส สีน้ำตาลอ่อนๆเหมือนซัลมอนและมีลายสีน้ำตาลอ่อน ด้วยสีสันที่เอื้ออำนวยต่อการพรางตัวบนผืนทรายสีแดงแห่งทะเลทราย Namib Desert  เท้าอันโดดเด่นของัมนไม่ได้พัฒนามาเพียงเพื่อช่วยในการเกาะเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเท้าที่ช่วยในการขุดทรายเพื่อฝังกายรอเวลาหากินในยามราตรีอีกด้วย  ดวงตาอันใหญ่โตช่วยในการหาเหยื่อซึ่งมักจะเป็น จิ้งหรีด ตั๊กแตนหรือแมงมุมตัวเล็กๆ ตุ๊กแก Web-Footed Gecko ยังเป็นนักวิ่งบนพื้นทรายที่รวดเร็วและนักปีนป่ายตัวยง ด้วยความช่วยเหลือจากเท้าที่มีลักษณะพิเศษ  ตุ๊กแก Web-Footed Gecko จัดเป็นตุ๊กแกขนาดกลางด้วยขนาดประมาณ 4นิ้ว หรือ 10เซนติเมตร ตัวผู้จะมีขนาดเล็กกว่าตัวเมีย  บ่อยครั้งที่ตุ๊กแกชนิดนี้ต้องตกเป็นอาหารของมนุษย์ และโดนมนุษย์ลุกล้ำทำลายที่อยู่อาศัยของมัน หากไม่โดนรบกวนตุ๊กแกเท้าสวยตัวนี้จะมีอายุได้ถึง 5ปี *ตุ๊กแก Web-Footed Gecko  สามารถเปล่งเสียงเพื่อสื่อสารกันได้หลายเสียงเช่นเสียงกรีดร้อง เสียงคลิ๊ก หรือแม้กระทั่งเสียงทุ้มต่ำแบบกบ จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:17:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Web-Footed Gecko ในทะเลทราย Namib จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:20:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตาของตุ๊กแก Web-Footed Gecko จะมีเส้นเลือดฝอยให้เห็นอย่างชัดเจน จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:22:07 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Mola (Sunfish)  ชื่อ Mola มาจากภาษาลาตินแปลว่า แผ่นหินกลมหนาของโม่หิน และถูกเรียกว่า Sunfish หรือปลาสุริยะ [ไม่ใส] เนื่องจากลักษณะตัวทรง[เกือบ]กลมของมัน พวกมันมีผิวหนังสีเงินและขนาดตัวประมาณ 14ฟุต [4.2เมตร] ในแนวตั้งและ 10ฟุต [3.1เมตร] ในแนวยาว มีน้ำหนักถึง 2,000กิโลกรัมหรือมากกว่า  โมลาพบได้ในมหาสมุทรเขตร้อนและกระแสน้ำอุ่น มีนิสัยชอบขึ้นมาอาบแดดแถวๆผิวน้ำ และมักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นปลาฉลามเมื่อครีบของมันโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ ฟันของโมลาจะยื่นออกคล้ายจงอยปากมาทำให้มันไม่สามารถปิดปากน้อยๆของมันได้สนิท  บ่อยครั้งที่โมลาจะถูกรบกวนด้วยปรสิตที่ผิวหนัง ด้วยความรำคาญโมลาจึงยอมให้ปลาขนาดเล็กเข้ามาช่วยจัดการปรสิตให้มัน และบางครั้งผู้ช่วยเหลือก็เป็นนก หลายๆครั้งมันก็เลือกที่จะใช้วิธีสะบัด-สลัดปรสิตด้วยตัวเองซึ่งบางครั้งก็ทำให้เกิดละอองน้ำสูงถึง 3 เมตร  โมลาเป็นปลาที่ว่ายน้ำไม่เก่ง [อาจเพราะสรีระแปลกของมัน] อาหารที่พวกมันเลือกกินก็ได้แก่แมงกระพรุน ปลาขนาดเล็ก รวมถึงแพลนตอนและสาหร่าย พวกมันไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์แต่ด้วยนิสัยอยากรู้อยากเห็นจึงชอบเข้าใกล้พวกนักประดาน้ำ  ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่และนิสัยชอบโผล่มาแถวผิวน้ำทำให้โมลามักจะมีปัญหาจากการติดตาข่ายอวนหาปลา นอกจากนี้มันมักจะขาดอากาศตายจากการกินขยะจำพวกพลาสติกเข้าไปเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นแมงกะพรุนแสนอร่อย หากไม่เสียชีวิตด้วยปัญหาเหล่านี้โมลาจะมีอายุขัยถึง 10ปี จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:23:06 ]

ความคิดเห็นที่ 8 นิสัยอยากรู้อยากเห็น จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:23:55 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่เป็นพิษเป็นภัย จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:27:08 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ชอบขึ้นมาอยู่แถวผิวน้ำ ครีบที่โผล่ออกมาดูคล้ายฉลาม? จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:29:12 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ... จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:30:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Black-Footed Ferret  บางครั้งตัวเฟอริทเท้าดำก็ถูกเรียกว่าตัวเฟอริทขอบตาดำเหมือนกัน เพราะหน้าตาที่เหมือนกับสวมหน้ากากแบบที่โจรตามหนังสือขายหัวเราะอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้มันยังมีสีดำที่ขาและหางอีกด้วย  ตัวเพอริทมีหุ่นที่เพรียวงามเพื่อใช้ในการคลานลงไปในรูของสัตว์รูปร่างคล้ายหนูตัว prairie dog เหยื่อตัวโปรดของพวกเพอริทนั้นเอง  หลายครั้งชุมชนของตัวแพรี่ ด๊อก ต้องกลายเป็นเมืองร้างด้วยการเพิ่มขึ้นของประชากรเพอริท ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลให้เพาะพันธุ์มากำจัดตัวแพรี่ ด๊อก ซึ่งทำลายชั้นดินและพืชผลทางการเกษตร แต่ตัวเพอริทเองก็มักจะต้องสังเวยชีวิตให้กับผู้ล่าเช่นเหยี่ยว อินทรีย์ และตัวโคโยตี้ *ตัวเพอริทเท้าดำเป็นสัตว์ที่แสนจะขี้เกียจ มันนอนวันละ 21ชั่วโมงและออกล่าตัวแพรี่ ด๊อก ในยามค่ำคืน จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:31:06 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ยืนสองขาก็ได้ไม่ต่างจากเราๆ จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:34:08 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ... จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:35:01 ]

ความคิดเห็นที่ 15 Flying Snake  ภาพของงูที่กำลังบินกลางอากาศอาจเป็นฝันร้ายสำหรับใครบางคน แต่ในป่าทางตอนใต้ของเอเซียมันคือความจริง  ที่จริงแล้วชื่อ Flying Snake หรืองูบินนั้นก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียวเพราะงูชนิดนี้ลอยตัวบนอากาศโดนอาศัยแรงจากการกระโจนตัวจากกิ่งไม้และการบิดตัวเพื่อลอยอยู่บนอากาศ โดยก่อนที่มันจะกระโจนนั้นจะต้องมาอยู่ที่ปลายของกิ่งไม้และพุ่งออกมาพร้อมกับบดตัวเป็นรูปตัว J และสะบัดตัวเป็นรูปตัว S อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้มันยังสามารถเลี้ยงกลางอากาศขณะร่อนได้ด้วย  มีสายพันธุ์ของงูที่สามารถทำแบบนี้ได้ 5 สายพันธุ์ พบตั้งแต่ทางตะวันตกของอินเดียจนถึงหมู่เกาะของอินโดนีเซีย สายพันธุ์ที่เล็กสุดมีความยาวประมาณ 2ฟุต (ประมาณ 61เซนติเมตร) และพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดมีขนาด 4ฟุต (ประมาณ 122เซนติเมตร) อาหารของงูประเภทนี้คือสัตว์จำพวกหนู กิ้งก่า กบ นก และค้างคาว งูบินมีพิษอ่อนๆ แต่ด้วยเขี้ยวที่เล็กและแหลมคมของมันก็ทำให้เป็นอันตรายต่อมนุษย์เช่นกัน *The paradise tree snake หนึ่งในสายพันธุ์งูชนิดนี้สามารถกระโจนไปได้ไกลถึง 100 เมตร จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:36:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ห้อยหัว.งอตัวเตรียมพร้อม จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 17 การสะบัดตัวอย่างรวดเร็วช่วยให้บินได้ จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:39:42 ]

ความคิดเห็นที่ 18 Green Basilisk Lizard  ด้วยความสามารถพิเศษในการวิ่งบนน้ำทำให้กิ้งก่าบาซิลิสก์สีเขียวได้รับชื่อเล่นว่า “the Jesus Christ lizard” หรือกิ้งก่าพระเยซูคริสต์  เราจะสามารถพบเจ้ากิ้งก่าบาซิลิสก์ได้ในบริเวณป่าฝนของอเมริกากลาง ตั้งแต่ตอนใต้ของเม็กซิโกไปจนถึงปานามา กิ้งก่าพระเจ้าตัวนี้มักจะใช้เวลาของมันบนต้นไม้และจะไม่อยู่ห่างจากแหล่งน้ำ เพราะเมื่อมันโดนศัตรูจู่โจมมันจะกระโดดลงจากต้นไม้และจ้ำอ้าวเต็มฝีเท้าบนผิวน้ำด้วยความเร็ว 1.5เมตรต่อวินาที  เบื้องหลังทักษะอันน่าตื่นจะลึงก็คือนิ้วเท้าที่ยาวของเท้าหลังและผิวหนังที่จะคลี่ออกในน้ำซึ่งช่วยเพิ่มผิวสัมผัส นอกจากนี้มันยังจำเป็นต้องก้าวขาอย่างรวดเร็ว เพราะเมื่ือฝ่าเท้าของมันตบลงกับผิวน้ำจะเกิดฟองอากาศที่ช่วยพยุงไม่ให้จมน้ำขึ้นใต้อุ้งเท้าของมัน ทำให้มันสามารถวิ่งบนผิวน้ำเป็นระยะทางไกลกว่า 4.5 เมตรหรือมากกว่า และเมื่อพ่ายแพ้แก่แรงโน้มถ่วงเจ้ากิ้งก่าเขียวตัวนี้กยังสามารถหันไปพึ่งพาทักษะการว่ายน้ำได้  กิ้งก่าบาซิลิสก์เป็นสมาชิกตระกูลเดียวกันกับอิกัวน่า มันสามารถเติบโตจนมีตัวยาวได้ถึง 2 ฟุต หรือ 61เซนติเมตร [ความยาวนี้รวมหางด้วยนะครับ] และบนหัวของตัวผู้ก็จะมีหงอนอันโดดเด่นเห็นชัดซึ่งใช้ในการเกี้ยวพาราสีตัวเมียนั้นเอง *กิ้งก่าบาซิลิสก์เป็นนักว่ายน้ำที่เก่งกาจและสามารถอยู่ใต้น้ำได้นานถึง 30นาที จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:40:50 ]

ความคิดเห็นที่ 19 วิ่งหน้าตั้ง เพราะต้องทำตัวให้ตั้งเพื่อยกขาหน้าและปล่อยที่เหลือเป็นหน้าที่ของขาหลังและนิ้วยาวๆ จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:45:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มีหงอนๆไว้เกี้ยวสาว จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:50:16 ]

ความคิดเห็นที่ 21 The golden poison dart frog  หนึ่งในสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก พิษในกบ golden poison dart frog ที่มีขนาดตัวเพียง 5 เซนติเมตร สามารถใช้ฆ่าคนได้ถึง 10คน พิษของกบชนิดนี้จึงนิยมนำมาใช้ในการทำลูกดอกพิษมาเป็นเวลาหลายร้อยปีโดยชนเผ่า Emberá ชาวเผ่าพื้นเมืองของโคลัมเบีย  กบ  golden poison dart แต่งกายด้วยสีสันสดใสตั้งแต่ เหลือง ส้ม ไปจนถึงเขียวอ่อน สีสันสดใสของพวกมันมีไว้เพื่อเตือนภัยแก่ศัตรูตามธรรมชาติเป็นเทคนิคที่เรียกว่า aposematic coloration  อาหารของกบชนิดนี้ได้แก่ แมลงวัน จิ้งหรีด มด ปลวก รวมทั้งแมลงปีกแข็งต่างๆ ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถทราบถึงต้นตอของพิษอันร้ายแรงของกบชนิดนี้ แต่เป็นไปได้ว่ามันได้รับอาวุธอันร้ายกาจนี้มาจากพิษของต้นไม้ซึ่งติดมากับเหยื่อที่มันรับประทานเข้าไป *ศัตรูตามธรรมชาติชนิดเดียวของ กบลูกดอกทองคำอาบยาพิษ นี้คืองูที่ชื่อว่า Leimadophis epinephelus ซึ่งเป็นงูที่มีภูมิต้านทานพิษของกบชนิดนีี้ **ปัจจุบันมีนักวิจัยที่สามารถนำเอาสารพิษของกบชนิดนี้มาพัฒนาจนกลายเป็นยาแก้ปวดที่ทรงพลัง จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:54:06 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ... จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:55:22 ]

ความคิดเห็นที่ 23 Galápagos Tortoise  เต่ายักษ์กาลาปากอส เต่าที่มีขนาดกายาใหญ่โตโอฬารที่สุดในโลก ด้วยขนาด 1.5เมตร และน้ำหนัก 250กิโลกรัม นอกจากนี้ยังครองสถิติสัตว์มีกระดูกสันหลังที่มีชีวิตยาวนานสุดๆ ด้วยอายุเฉลี่ย 100ปี+ และอายุที่ยาวนานที่สุดที่ได้รับการบันทึกไว้ 152ปี  ปัจจุบันเหลือเต่ายักษ์เพียง 11สายพันธุ์บนเกาะกาลาปากอส ลดลงจากครั้งที่ ขาลส์ ดาวิน เดินทางมาถึงเกาะนี้ซึ่งตอนนั้นเขาพบเต่ายักษ์ถึง 15 สายพันธุ์ เต่ายักษ์กาลาปากอสถูกล่าเพื่อเป็นอาหารโดยโจรสลัด นักล่าวาฬ และพ่อค้า คาดว่ามีเต่ายักษ์ที่ถูกฆ่าไปถึง 100,000ตัว รวมทั้งปัญหาจากการมาของสัตว์ต่างถิ่นไม่ว่าจะเป็น หมา หมู หนู แพะ แมว รวมทั้งวัวควายก็ ส่งผลต่อแหล่งอาหารและไข่ของเต่ายักษ์บนเกาะด้วย ทำให้ทุกวันนี้เหลือเต่ายักษ์อยู่เพียงประมาณ 15,000 ตัวเท่านั้น  เต่ายักษ์แห่งเกาะกาลาปากอสนี้มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย กินหญ้า กินใบไม้ กระบองเพชร นอนอาบแดดและงีบหลับวันละ 16 ชั่วโมง ด้วยกระบวนการเผาผลาญอาหารที่ช้าและระบบกักเก็บน้ำจำนวนมากในร่างกายทำให้เจ้าเต่ายักษ์อยู่ได้เป็นปีโดยไม่ต้องกินหรือดื่มอะไรเลย *เต่า 3000-5000ตัว ในบริเวณ Volcano Alcedo บนเกาะ Isabela Island เป็นกลุ่มของเต่ายักษ์กลุ่มใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะกาลาปากอส จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:56:52 ]

ความคิดเห็นที่ 24 หัวใจเต้นช้าทำให้อายุยืน? จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อาจจะอายุสั้นลงเฉพาะตอนนี้ละมั้ง จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 05:59:00 ]

ความคิดเห็นที่ 26 Electric Eel  ปลานักล่าผู้มีชื่อเสียงแห่งลุ่มน้ำจืด ได้รับชื่อปลาไหลไฟฟ้ามาจากความสามารถในการปล่อยกระแสไฟฟ้าโจมตีเหยื่อและปกป้องตัวเองจากนักศัตรู ในร่างกายของปลาไหลไฟฟ้ามีเซลล์พิเศษที่ช่วยในการกำเนิดไฟฟ้าเรียกว่า electrocytes ซึ่งสามารถชาร์จไฟเก็บไว้ได้ในลักษณะเดียวกันกับแบตเตอรี และเมื่อโดนโจมตีจากศัตรูหรือในตอนไล่ล่าเหยื่อเซลล์เหล่านี้จะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาอย่างน้อย 600 โวลต์ นอกจากจะใช้เป็นอาวุธแล้วปลไหลไฟฟ้ายังปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆเพื่อใช้เป็นเรดาห์ในการระบุตำแหน่งของเหยื่อ เพราะปลาไหลไฟฟ้ามีสายตาที่แย่เอามากๆ  ปลาไหลไฟฟ้าอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำของป่าอเมซอนและลุ่มน้ำ Orinoco ในอเมริกาใต้ กินปลาด้วยกันเป็นอาหารรวมทั้งมีนกและสัตว์ขนาดเล็กเป็นเหยื่อในบางครั้ง ปลาไหลไฟฟ้าต้องขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำบ่อยๆ  ปลาไหลไฟฟ้าสามารถมีขนาดได้ถึง 2.5 เมตรและหนักได้ถึง 20กิโลกรัม มีลักษณะลำตัวยาวสีเขียวหรือเทา และมีสีเหลืองที่ใต้ท้อง  น้อยครั้งที่จะมีคนเสียชีวิตเพราะปลาไหลไฟฟ้า แต่จงจำไว้ว่าการโดนกระแสไฟฟ้าช๊อตหลายๆครั้งอาจทำให้เกิดอาการหัวใจวาย รวมทั้งการจมน้ำที่เกิดจากการโดนช๊อต *กระแสไฟฟ้าของปลาไหลไฟฟ้าสามารถน๊อกม้าได้สบายๆ จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 06:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ปลาไหลไฟฟ้าบัลติมอ จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 06:02:28 ]

ความคิดเห็นที่ 28 Wallace's Flying Frog  หลังจากเฝ้ามองนกโผบินสำรวจป่าและหลบภัยอันตรายจากผู้ล่า จึงก่อกำเนิดกบผู้กล้าหาญทะยานสู่ฟากฟ้า  กบ Wallace's Flying Frog อาศัยอยู่ในป่าเขตร้อนของมาเลเซียและหมู่เกาะบอร์เนียว ใช้ชีวิตอยู่บนต้นไม้เป็นส่วนใหญ่ยกเว้นเวลาที่มันต้องการหาคู่หรือเวลาวางไข่  เมื่อโดนจู่โจมจากศัตรูหรือเวลาที่เห็นเหยื่อเจ้ากบบินของวอลเลซจะกระโจนจากกิ่งไม้พร้อมกับกางพังพืดที่เท้าของมันเพื่อทำการร่อน ซึ่งบางครั้งสามารถทำระยะทางการร่อนได้ถึง 15 เมตรหรือมากกว่า อีกทั้งยังสามารถใช้พังพืดที่เท้าในการเกาะกับกิ่งไม้หรือร่อนลงบนพื้นได้อย่างนุ่มนวลอีกด้วย  กบ Wallace's Flying Frog มีสีเขียวสว่างและมีเหลืองที่ข้างลำตัว รวมทั้งสีดำที่บริเวณเท้าของมันอีกด้วย มีขนาดตัวประมาณ 4นิ้ว (ประมาณ 10เซนติเมตร) กินแมลงเป็นอาหาร  ปัจจุบันสายพันธุ์ของเจ้ากบบินนี้กำลังประสบปัญหาเนื่องจากการสูญพันธุ์ของแรดเอเซียเพราะกบชนิดนี้จะวางไข่ในปลักโคลนของพวกแรดเอเซีย *ชื่อ Wallace's Flying Frog ตามชื่อของนักธรรมชาติิวิทยาชาวอังกฤษ Alfred Russel Wallace ผู้ค้นพบสายพันธุ์กบเหิรฟ้าในปี 1869 จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 06:03:57 ]

ความคิดเห็นที่ 29 บิน จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 06:06:32 ]

ความคิดเห็นที่ 30 .. จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 06:07:19 ]

ความคิดเห็นที่ 31 Aardvark  Aardvark (อาร์ด' วาร์ค) อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของซาฮาร่า แอฟริกา โดยมีชื่อมาจากภาษาถิ่นซึ่งมีความหมายว่า "earth pig" จุดเด่นของเขาอยู่ที่จมูกที่เหมือนหมูแต่ยาวกว่า แต่หากมองดูดีๆ นอกจากจมูกหมูแล้วเจ้าตัวนี้ยังมีหูที่ดูเหมือนกระต่าย และหางที่คล้ายกับของจิงโจ้อีกด้วย  เนื่องจากเป็นสัตว์หากินกลางคืนในตอนกลางวันพวก Aardvark จะหลบแดดร้อนๆของแอฟริกาในโพรงใต้ดินที่ขุดด้วยเท้าอันทรงพลังและกรงเล็บแหลมคมซึ่งเปรียบเสมือนพลั่วอันน้อยของมัน ในตอนกลางคืนพวกมันจะออกเดินทางเป็นระยะทางหลายไมล์เพื่อค้นหาอาหารโปรด ปลวก โดยมันจะใช้เท้าและกงเล็บของมันในการขุดจอมปลวกจากนั้นมันจะใช้ลิ้นที่ทั้งยาวและเหนียวในการจัดอาหารมารับประทาน นอกจากปลวกแล้วมันยังกินมดด้วยจนได้รับฉายาว่า “ant bear”  คุณแม่ Aardvark จะให้กำเนิดลูกน้อยปีละหนึ่งตัว โดยที่ Aardvark ในวัยเด็กจะอยู่กับแม่เป็นเวลา 6 เดือน หลังจากนั้นมันก็จะออกไปทำรังเอง *aardvark มีขนาดตัว 43 ถึง 53 นิ้ว (ประมาณ 109 ถึง 135 เซนติเมตร) และมีหางยาว 21 ถึง 26 นิ้ว (ประมาณ53 to 66 เซนติเมตร) และมีลิ้นยาวถึง 12 นิ้วเลยทีเดียว จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 06:08:54 ]

ความคิดเห็นที่ 32 กินข้าว[มด ปลวก] จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 06:10:08 ]

ความคิดเห็นที่ 33 Black Widow Spider  แมงมุมพิษชื่อดังกระฉ่อนโลก ผู้มีเครื่องหมายนาฬิกาทรายอยู่บนท้อง สามารถพบได้ในหลายๆประเทศทั่วโลก  จากรายงานพบว่าพิษของแมงมุมนั้นร้ายแรงกว่าพิษงูหางกระดิ่งถึง 15เท่า หากมนุษย์ได้รับพิษจะทำให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ และทำให้กระบังลมเป็นอัมพาตส่งผลต่อระบบหายใจทำให้หายใจลำบาก  ซึ่งตรงกันข้ามกับความเชื่อที่ว่าคนที่โดนกัดจะตายอย่างไม่ทรมาน เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในมนุษย์ส่วนใหญ่จะเป็นเด็ก คนแก่และคนที่ไม่ค่อยแข็งแรง ปกติแมงมุมไม่ได้มีนิสัยก้าวร้าวแต่จะโจมตีใส่มนุษย์เฉพาะเมื่อป้องกันตัวเอง เช่นโดนนั่งทับ  สัตว์ที่เป็นเหยื่อของพิษแมงมุมแม่ม่ายดำคือแมลงปีกแข็ง ยุง ตั๊กแตน หนอน และแมงมุมแม่ม่ายดำตัวผู้ [หรือเรียกแมงมุมพ่อม่ายดำดี] ซึ่งมักจะโดนตัวเมียสังหารและรับประทานหลังจากทำการผสมพันธุ์  สำหรับการรับประทานเหยื่อของแมงมุมแม่ม่ายดำนั้น มันจะเจาะเหยื่อที่บินมาติดกับดักใยแมงมุมของมันด้วยเขี้ยวอันแหลมคมจากนั้นมันจะฉีดเอนไซม์ที่ใช้ในการย่อยสลายเข้าไปในตัวเหยื่อแล้วก็ดูดของเหลวในร่างกายออกมากิน *แมงมุมแม่ม่ายดำเป็นแมงมุมที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในอเมริกาเหนือ จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 06:15:01 ]

ความคิดเห็นที่ 34 โลโก้นาฬิกาทรายแห่งความตาย จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 06:16:19 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ... จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 06:17:35 ]

ความคิดเห็นที่ 36 Kinkajous   สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กมีแหล่งอาศัยอยู่ในป่าเขตร้อนทางตอนใต้ของอเมริกา ใช้เวลาเกือบทั้งหมดอาศัยอยู่บนต้นไม้ มีเท้าที่สามารถหมุนได้ช่วยในการปีนป่ายกิ่งไม้ และยังมีหางที่แข็งแรงและสามารถใช้จับกิ่งไม้ได้เหมือนหางลิง   บางครั้งเจ้าคินคะจูก็ถูกเรียกว่า honey bears หรือหมีน้ำผึ้ง เพราะพวกมันสามารถเข้าจู่โจมรังผึ้งโดยใช้ลิ้นยาวๆในการกินน้ำผึ้งจากรัง นอกจากนี้ลิ้นยาวๆของมันยังใช้ล่าสัตว์จำพวกปลวก นอกจากนี้คินคะจูยังกินผักและผลไม้เป็นอาหารอีกด้วย   พวกมันจะออกล่าในเวลากลางคืนและกลับมานอนพักในตอนเช้าที่โพรงบนต้นไม้ของมัน คินคะจูตัวเมียจะให้กำเนิดลูกในช่วงหน้าร้อน โดยคินคะจูทารกจะไม่สามารถลืมตาได้เป็นเวลาหนึ่งเดือน แต่หลังจากหนังมันจะมีพัฒนาการที่รวดเร็ว เพียงสองเดือนมันก็สามารถห้อยหัวโดยใช้หางจับกิ่งไม้ได้แล้ว จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 06:18:51 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เพราะน่ารักทำให้คนนิยมจับมาจากป่าเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยง...นี่คือเหตุผลที่เราจะขังใครสักคนหรือ จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 06:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ห้อยหัวด้วยหาง จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 06:21:05 ]

ความคิดเห็นที่ 39 มาดกวนๆ จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 06:23:25 ]

ความคิดเห็นที่ 40 Portuguese Man-of-War  หลายๆคนอาจจะไม่รู้จักเจ้าสัตว์ทะเลมีพิษที่ชื่อว่า Portuguese Man-of-War หลายคนมักคิดว่ามันคือแมงกระพรุน แต่ที่จริงแล้วพวกมันคือไซโฟโนฟอร์ ไซโฟโนฟอร์เป็นสัตว์ทะเลในไฟลัมไนเดเรีย (cnidaria) คลาสไฮโดรชัว (Hydrozoa) มันเป็นญาติกับแมงกะพรุน ลักษณะเด่นของมันคือไม่ใช่สัตว์ทะเลที่อยู่เดี่ยวๆ แต่มีโคโลนี (colony) หรือมีสัตว์ทะเลอื่นๆ ในสปีซีส์เดียวกันมาอาศัยรวมกันอยู่ด้วย และยังพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เช่น ปกป้องโคโลนีจากการโจมตีของศัตรู และรวมกันโจมตีเหยื่อที่มีขนาดใหญ่กว่า ตัวอย่างของการอยู่รวมกันเป็นโคโลนีคือ มดและผึ้ง  Portuguese Man-of-War แบ่งเป็น4ส่วน ซึ่งชื่อของมันก็มาจากส่วนบนของร่างกายที่มีลักษณะคล้ายกับลูกโป่งอัดแก๊ซซึ่งจะลอยอยู่เหนือน้ำคล้ายกับเรือรบโบราณอันเป็นที่มาของชื่อ นอกจากนี้มันยังมีชื่อเล่นว่าขวดสีฟ้า [Blue bottle] อีกด้วย  หนวดที่ผอมและยาวของ man-of-war's สามาถยืดยาวได้ถึง 165 ฟุต (ประมาณ 50เมตร) ) ซึ่งหนวเหล่านี้มี nematocysts ที่ใช้ในการโจมตีและจัดการเหยื่อแต่สำหรับมนุษย์แล้วมันจะสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสแต่ยากที่จะถึงแก่ชีวิต และต้องระวังไว้ว่า man-of-war ที่ถูกซัดเข้าฝั่งก็สามารถปล่อยพิษใส่คุณได้อยู่  Man-of-warsจะอาศัยเป็นกลุ่มด้วยประชากรถึง 1,000ตัวหรือมากกว่า ลอยอยู่บนกระแสน้ำอุ่นในมหาสมุทร และหากมันพบอันตรายบนผิวน้ำมันก็สามารถทำให้ถุงลมพองๆของมันแฟบเพื่อดำลงไปในน้ำได้ด้วย เท่ห์จริงๆ *ปลาขนาดเล็กที่ชื่อ Nomeus gronovii สามารถทนต่อพิษของ man-of-warได้ พวกมันจะคอยอาศัยและกินอาหารอยู่ในดงหนวดของ man-of-war จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 06:31:30 ]

ความคิดเห็นที่ 41 สวยไหมละครับ จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 06:34:58 ]

ความคิดเห็นที่ 42 แต่ก็มีอันตรายนะครับ ว่ากันว่าหากโดนเจ้าตัวนี้ทำร้ายห้ามเอาน้ำส้มสายชูล้างนะครับ จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 06:37:30 ]

ความคิดเห็นที่ 43 หนวดยาวๆ   ขอพักไปงีบก่อนนะครับ เดี๋ยวกลับมาพบกันเพื่อนคนอื่นๆกันต่อ จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 06:40:20 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ว้าว เจ๋งครับ จากคุณ : oro - [ 6 ธ.ค. 51 07:22:09 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ภาพ คห.37 ตาโตเชียว แววตามันมองเหมือนระแวงภัย... จากคุณ : iamnid - [ 6 ธ.ค. 51 08:08:09 ]

ความคิดเห็นที่ 46 มาอ่านในตอนเช้า จากคุณ : TumOhyes - [ 6 ธ.ค. 51 08:17:27 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เพิ่งเคยเห็น  รูปร่างเหมือนเกี๊ยวซ่าเลย จากคุณ : *คุณวรมัน* - [ 6 ธ.ค. 51 08:55:50 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณครับ  ตามมาเก็บภาพสวยๆครับ  ไม่เคยเห็น ก็ได้เห็น  กับเรื่องราวดีๆ (จะดีหรือไม่ดีเนี้ย) จากคุณ : ลุง500 (saeju1) - [ 6 ธ.ค. 51 09:14:24 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เป็นตุ๊กแกที่แอ่บแบ๊วมากเลยครับ ^^ อยากให้ตุ๊กแกที่บ้านผมมันน่ารักแบบนี้บ้างจังเลย จากคุณ : T7Promoter - [ 6 ธ.ค. 51 09:26:13 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ชอบจังเลยครับ อัศจรรย์สัตว์โลกจริงๆ ชอบน้องแอ๊บแบ๊วตัวบนเหมือนกันอ่ะ ยืนสี่ขาล่วย อ๊าาาา!!! จากคุณ : knine2five - [ 6 ธ.ค. 51 09:36:56 ]

ความคิดเห็นที่ 51 น่าติดตามมากๆค่ะ แต่กลัวอิงูบินมากๆ มันจะบินทำไม หยึ๋ย จากคุณ : Mrs.Beblow - [ 6 ธ.ค. 51 10:00:28 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ชอบมากเลยครับ ติดตามอยู่นะครับ^^ จากคุณ : Chordate - [ 6 ธ.ค. 51 10:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ธรรมชาติ น่าสนใจ น่าติดตาม และสวยงามที่สุด..ถ้าเข้าใจ.. จากคุณ : primjang - [ 6 ธ.ค. 51 10:38:41 ]

ความคิดเห็นที่ 54 สวย ขอบคุณนะคะ จากคุณ : i love my boss - [ 6 ธ.ค. 51 14:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 55 Portuguese Man-of-War จากคุณ : AVAVA - [ 6 ธ.ค. 51 14:55:07 ]

ความคิดเห็นที่ 56 Bird of Paradise มีนกในตระกูล Paradisaeidae อยู่มากกว่า 36สายพันธุ์ ส่วนมากรู้จักกันในนาม Bird of Paradise  หรือปักษาสวรรค์ มีชื่อเสียงอย่างมากด้านความสวยงามของสีสันและความสวยงามของลวดลายที่ราวกับงานศิลปะอันวิจิตรบรรจง นกปักษาสวรรค์ตัวผู้จะใช้สีสันและลวดลายที่สวยงามในการอวดตัวเมีย นอกจากนั้นพวกมันยังมีการแสดงท่าทางต่างๆประกอบด้วย ทั้งการเต้นรำ เก๊กท่า และวิธีจีบสาวแปลกๆอีกสารพัดซึ่งบางครั้งมันจะทำกันเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว ปักษาสวรรค์พบได้บนเกาะนิวกีนีด้วยความสวยงามของมันทำให้มันตกเป็นเหยื่อของนักล่าสัตว์และส่งผลให้บางสายพันธุ์ไม่สามารถพบเห็นได้อีกแล้ว ชื่อ Bird of Paradise นั้นมาจากดอกไม้ในตระกูลเดียวกับกล้วยที่มีสีสดใสทางตอนใต้ของแอฟริกา bird-of-paradise (Strelitzia reginae) จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 15:02:28 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เป็นนกที่ผมชอบมาก จำได้ว่านั่งค้างไปเลยตอนดูมันในสารคดี planet earth จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 15:03:22 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ดอกไม้ปักษาสวรรค์ สวยสดไม่แพ้กันเลย จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 15:05:17 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ลีลายามเกี้ยวสาว จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 15:06:54 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ด้วยความสวยมากเท่าไร มนุษย์ก็ยิ่งล่ามากขึ้น จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 15:10:58 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ... จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 15:12:46 ]

ความคิดเห็นที่ 62 Jackrabbit แม้ในชื่อจะมีคำว่า rabbit แต่ที่จริงมันเป็นพวก hare [กระต่ายป่า] ซึ่งเป็นสัตว์ในตระกูล Lepus และจะมีขนาดใหญ่กว่า  มีเอกลักษณ์เป็นขาหลังและหูที่ยาวซึ่งชื่อแจ๊คแรบบิทก็ได้มาจากหูของมันเพราะชื่อของมันทำให้มีบางคนไปเรียกมันว่า "jackass rabbits" [ไอ้กระต่ายเฮงซวย] Jackrabbit มีทั้งหมด 5สายพันธุ์ซึ่งทั้งหมดพบในอเมริกากลางและทางตอนเหนือของอเมริกาตะวันตก มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่รวดเร็วและปราดเปรียวสามารถวิ่งได้ไวถึง 64กิโลเมตรต่อชั่วโมง และขาหลังที่ทรงพลังทำให้มันสามารถกระโดดได้ไกลถึง 3เมตร มันจะใช้การกระโดดแบบซิกแซกในการหนีจากการล่าของศัตรู พวกมันสามารถพบได้ในทุ่งกว้าง ทะเลทราย และพื้นที่กว้างอื่นๆ รวมทั้งฟาร์ม มันจะกินหญ้าและต้นไม้จำนวนมากเป็นอาหาร การสืบพันธุ์ของกระต่ายเฮงซวยตัวนี้รวดเร็วจนเป็นที่เลื่องลือ พวกมันให้กำเนิกกลูกได้ 1-6ตัวต่อปี Jackrabbitในวัยเยาว์ก็ว่องไวและต้องการการดูแลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 15:17:07 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ด้วยความปราดเปรียวเลยเหมาะจะเป็นเป้าในการล่า ? จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 15:19:13 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ปลาแอ๊บ แบ๊ว! จากคุณ : มิ่งกลิ้ง - [ 6 ธ.ค. 51 15:19:21 ]

ความคิดเห็นที่ 65 Leafy and Weedy Sea Dragon มังกรทะเลหนึ่งในสัตว์ที่พรางกายอย่างหรูหราที่สุดบนโลก ด้วยรยางค์ทรงใบไม้ที่ยื่นออกมาจากร่างกายของมันทำให้สามารถพรางกายเข้ากับพืชทะเลได้อย่างแนบเนียน ท้องถิ่นพำนักอยู๋ที่ทางใต้และตะวันออกของออสเตรเลียเป็นสายพันธุ์ใกล้เคียงกับม้าน้ำและ pipefish   Leafies มีร่างกายสัน้ำตาลเหลืองและมีส่วนที่ยื่นออกมาเป็นระยางค์สีเขียวมะกอก ส่วน Weedies ไม่ได้มีการประดับประดาอะไรบนร่างกายมากนักมีสีแดงและจุดสีเหลืองบนเรือนกาย Sea dragons มีจมูกผอมและยาวยื่นออกไป หุ่นที่ผอมเพรียวและหางผอมซึ่งไม่สามารถใช้ในการจับเหมือนหางของม้าน้ำญาติของมัน ด้วยร่างกายและครีบทรงแปลกประหลาดทำให้มันเป็นนักว่ายน้ำที่งุ่มง่าม มีขนาดตัวที่ความยาว 14นิ้ว [35เซนติเมตร] ถึง 18นิ้ว [46เซนติเมตร] เหมือนกับม้าน้ำ มังกรทะเลตัวผู้จะตั้งครรภ์แทนตัวเมียโดยจะรับเอาไข่สีชมพูจากตัวเมียเมื่อครั้งมันผสมพันธุ์กัน แล้วฟูมฟักอยู่เป็นเวลา 6 เดือน ปัจจุบันมังกรทะเลทั้งสองชนิดได้รับการคุ้มครองทางกฏหมายจากออสเตรเลียเนื่องจากมันเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งผู้คนมักจะจับเพื่อนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงทำให้ประชากรมังกรทะเลลดลงอย่างน่ากลัว *มังกรทะเล leafies จะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองสว่างเมื่อพร้อมผสมพันธุ์ จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 15:20:41 ]

ความคิดเห็นที่ 66 #64 ปลาแรดแหงเลยครับ leafy sea dragon จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 15:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 67 weedy sea dragon จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 15:24:12 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ใกล้สูญพันธุ์จากทะเลเพราะโดนจับมาขังในตู้กระจก จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 6 ธ.ค. 51 15:26:52 ]

ความคิดเห็นที่ 69 อิอิ ผมก็ชอบดูplanetearthครับ สารคดีถ่ายทำสัตว์แปลกที่ไม่เคยเห็นอีกมากเลย จากคุณ : Chordate - [ 6 ธ.ค. 51 15:46:26 ]

ความคิดเห็นที่ 70 งั้นเดี๋ยวผมช่วยลงรูปสัตว์ดีกว่านะครับ^^ จากคุณ : Chordate - [ 6 ธ.ค. 51 16:33:04 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เอาภาพมาจาก http://news.nationalgeographic.com/news/2008/11/photogalleries/missions-santo-species-photos/index.html เป็นข่าวเกี่ยวกับสปีชีส์ใหม่ที่พบในเกาะเขตร้อนครับ squat lobster พบในน้ำลึก150เมตร มันคือหนึ่งในสปีชีส์ใหม่ ของอีก80 เปอร์เซนต์ในโลก ที่ยังคงรอการสำรวจ ผู้ที่พบคือนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส นามว่า Philippe Bouche ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะเดินทางสำรวจครั้งนี้ จากคุณ : Chordate - [ 6 ธ.ค. 51 16:42:02 ]

ความคิดเห็นที่ 72 สีของ squat lobster สามารถเปลี่ยนจากขาวไปเหลือง,แดง หรือ ดำ ที่เหมาะกับสถานที่ที่มันอยู่ ในภาพคือการพรางเป็นสีเหลือง-ส้ม ให้เหมือนกับดาวขนนกที่มันขออาศัยอยู่ แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 51 16:53:00 จากคุณ : Chordate - [ 6 ธ.ค. 51 16:52:06 ]

ความคิดเห็นที่ 73 นักวิทยาศาสตร์ได้เก็บตัวอย่างของมอลลัสก์กว่า 4000 สปีชีส์ ในESpiritu Sabto Philippe Bouchet  ผู้เชี่ยวชาญด้านมอลลัสก์สันนิษฐานว่าอาาจจะมีมอลลัสก์ซึ่งเป็นสปีชีส์ใหม่1000กว่าตัว ในจำนวนมอลลัสก์ที่ค้นพบ ในภาพนี้คือ sundial snail ซึ่งได้ค้นพบแล้ว ที่มันชื่อว่าsundial snail ก็เพราะลวดลายที่วนเวียนบนเปลือกหอยของมัน ระยะเวลาการสำรวจทะเลลึกในสามมหาสมุทร  Bouchet ค้นพบมอลลัสก์ สปีชีส์ใหม่มาแล้วกว่า 400 สปีชีส์ จากคุณ : Chordate - [ 6 ธ.ค. 51 17:08:00 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ตัวนี้ผมชอบมาก ตั้งแต่ดูสารคดีplanet earth แล้วครับ เสือดาวหิมะ Snow Leopard   เสือดาวหิมะมีขนยาวหนาแน่น สีพื้นเทาอมเหลือง บริเวณสีข้างจะอมเหลืองจาง ๆ มีลายดอกเข้มทั่วตัวคล้ายเสือดาว ช่วยให้ดูกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่อาศัยซึ่งเป็นภูเขาหินและหิมะปกคลุม ลายดอกบริเวณหลังและสีข้างมีขนาดใหญ่ ส่วนบริเวณหัวและขาเป็นลายจุดขนาดเล็ก บริเวณคาง อก และท้องเป็นสีขาวปลอดไม่มีลาย ลายบริเวณหลังและสีข้างจะจางกว่าบริเวณอื่นซึ่งต่างจากเสือลายจุดชนิดอื่น ที่มักมีลายที่หลังเข้มกว่า หางด้านบนจะเป็นวงสีดำ ด้านล่างของหางเป็นจุดจาง ๆ เปรียบเทียบลายดอกของเสือดาวหิมะกับของเสือดาวแล้ว ดอกของเสือดาวหิมจะห่างกันมากกว่า และไม่คมชัดเท่า    เสือดาวหิมะอาศัยอยู่ตามบนภูเขาสูงของเอเชีย เช่นในมองโกเลีย จีน รัสเซีย อาฟกานิสถาน ปากีสถาน อินเดีย และเนปาล ส่วนใหญ่อยู่ในธิเบตและจีน แม้พื้นที่รวมจะมากถึง 2.3 ล้านตารางกิโลเมตร แต่พื้นที่ที่อาศัยอยู่ได้มีเพียง 1.6 ล้านตารางกิโลเมตร แหล่งที่อยู่ของเสือดาวหิมะถูกตัดขาดจากกันเป็นหย่อมเล็กหย่อมน้อยจำนวนมาก เนื่องจากอาศัยอยู่ในที่ทุรกันดาร มีสัตว์อาศัยอยู่น้อย เสือดาวหิมะจึงต้องมีเขตหากินกว้างขวางมาก อาณาเขตของเสือดาวหิมะทำโดยการปล่อยกลิ่น รอยข่วน และกองขี้    เสือดาวหิมะเป็นเสืออีกชนิดหนึ่งที่ต้องประสบเคราะห์กรรมจากฝีมือมนุษย์ ทั้งทางตรงและทางอ้อม สัตว์กีบขนาดใหญ่ซึ่งเป็นอาหารหลักถูกล่าไปมาก ส่วนสัตว์เหยื่อขนาดเล็กเช่นพิกาและมาร์มอตก็ถูกวางยาตายไปเป็นจำนวนมากตาม โครงการบนที่ราบสูงทิเบต การทำปศุสัตว์บนที่สูงก็เป็นการแย่งแหล่งหากินของสัตว์เหยื่อในธรรมชาติของ เสือดาวหิมะอีกด้วย จนบางครั้งเสือดาวหิมะที่หิวโซไปฆ่าสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน เป็นการสร้างปมขัดแย้งระหว่างเสือกับคน ซึ่งผู้แพ้ก็มักเป็นเสือนั่นเอง    ความสง่างามของเสือดาวหิมะก็ทำภัยมาสู่ตัวเช่นกัน หนังอันสวยงามก็เป็นที่ต้องการในวงการแฟชั่น ในทิเบตขนเสือดาวหิมะอาจมีราคา 190 ดอลลาร์ ก่อนที่จะมีการรณรงค์ต่อต้านแฟชันขนสัตว์ ในวงการแฟชั่นก็เคยให้ความสนใจเสื้อขนเสือดาวหิมะไว้สูงมาก เสื้อคลุมขนเสือดาวหิมะดี ๆ อาจมีราคาสูงถึงชุดละ 50,000 ดอลลาร์ ในช่วงทศวรรษ 1920 มีการซื้อขายหนังเสือดาวหิมะในรัสเซียและเอเชียกลางสูงถึงปีละ 1000 ตัว แม้ปัจจุบันการซื้อขายหนังเสือดาวหิมะในพื้นที่ดังกล่าวจะไม่มีแล้ว เนื่องจากวงการขนสัตว์นานาชาติปฏิเสธการทำเครื่องแต่งกายหรือสิ่งใด ๆ ที่ทำจากขนเสือดาวหิมะ แต่หนังเสือดาวหิมะก็ยังหาซื้อได้ในเมืองกาทมันดุ จีน ไต้หวัน และมองโกเลีย โดยเฉพาะที่เนปาลยังมีเสื้อโค้ตที่ทำจากขนเสือดาวหิมะและเสือชนิดอื่นวางขาย ตามร้านกิฟต์ช็อปหลายแห่ง นอกจากนี้วงการยาจีนก็ต้อนรับกระดูกและเครื่องในของเสือดาวหิมะเช่นกันเพราะ ต้องการนำไปแทนกระดูกเสือโคร่ง    ในอินเดีย เสือดาวหิมะได้รับการคุ้มครองตั้งแต่ปี 1952 แต่ในตอนเหนือของประเทศและรัฐต่าง ๆ รอบเทือกเขาหิมาลัยการล่าก็ยังคงเกิดขึ้นต่อไปเนื่องจากราคาที่สูงของขนเสือ รัฐบาลอินเดียได้ริเริ่มโครงการเสือดาวหิมะ (Project Snow Leopard) เพื่ออนุรักษ์แบบเดียวกับโครงการเสือโคร่ง (Project Tiger) ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ในมองโกเลียยังมีการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวล่าเสือดาวหิมะอย่างถูกกฎหมาย โดยต้องจ่ายเงินหลายพันดอลลาร์ต่อหนึ่งตัว กฎหมายในรัสเซียก็ห้ามล่าสัตว์ชนิดนี้เช่นเดียวกัน แต่เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศ การลักลอบล่าก็ยังคงเกิดขึ้นและเพิ่มขึ้น ข้อมูลจาก http://www.verdantplanet.org/catsoftheworl/cat_snowleopard.php ภาพจาก www.nationalgeographic.com ครับ แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 51 17:16:17 จากคุณ : Chordate - [ 6 ธ.ค. 51 17:15:30 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ชอบจัง .. .. จิ้มโหวต 1 ที .. จากคุณ : apple_meppo - [ 6 ธ.ค. 51 20:51:50 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เออ... รุ่นน้องอีฉันเรียนโมลาโมล่าว่า.. ปลาน้องพีค... จากคุณ : *+*ข น ม ผิ ง ข้ า ง เ ต า*+* - [ 6 ธ.ค. 51 21:00:46 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ชอบจังเลย สัตว์แต่ละตัวน่ารักทั้งนั้นเลยค่ะ  ชอบๆๆ จากคุณ : คิน * คาเนะ - [ 7 ธ.ค. 51 04:56:01 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ถ้าโลกมีแต่สัตว์ โลกคงอยู่ไปได้อีกนาน โดยรวมมนุษย์จะทำให้โลกวินาศ ละโมบ โลภ สะสม ทำร้ายธรรมชาตืและสัตว์ Animal has right to live, it can feels, suffers and want to lead its life. www.peta.org จากคุณ : tamara - [ 7 ธ.ค. 51 07:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ปลาโมลา น่ารักจริงๆครับ จากคุณ : Time & Trust - [ 7 ธ.ค. 51 12:10:44 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ ปลาน้องพีค ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ ปล.เคยไปเจอตัวจริงที่ ozaka aquarium ตัวโต๊ โต น่ารักน่ากอด ... สามปีต่อมาเพื่อนไปเที่ยวอีกที ถ่ายรูปกลับมา มันแตกเป็นสามตัวเล็กๆง่ะ จากคุณ : dekhype - [ 8 ธ.ค. 51 20:44:29 ]