ความคิดเห็นที่ 1 วาล์วค้าง ก็คงทำได้แค่หาทางดับไฟที่ลุกอยู่นั่นล่ะ ใช้กระสอบชุบน้ำชุ่มๆ คลุมไปเลยก็ได้ถ้าไม่มีถังดับเพลิง   แล้วรอจนแก๊สมันหมดไป ถ้าอยู่ในบ้านก็พยายามเอาถังออกมาไว้นอกบ้าน(ถ้าทำได้) ส่วนสวิทไฟ  การเปิด/ปิดทำให้เกิดประกายไฟด้วยกันทั้งคู่เลย ไฟที่เปิดอยู่ก็ปล่อยไปอย่าไปกดปิด ไฟที่ปิดก็เช่นกัน ห้ามไปเปิดมัน พวกปลั๊กก็ด้วยอย่าเสียบอะไร และก็อย่าถอดปลั๊กอะไรเช่นกัน มันก่อให้เกิดประกายไฟทั้งนั้น แก๊สอย่างเดียวยังไม่มีประกายไฟยังไม่ระเบิดครับ ต้องพยายามอย่าทำอะไรที่ก่อให้เกิดประกายไฟเด็ดขาด ส่วนผงสีขาวๆ มาจากถังดับเพลิงครับ แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 51 22:33:32 จากคุณ : Ph - [ 13 ธ.ค. 51 22:31:51 ]

ความคิดเห็นที่ 2 1.ถ้าใจกล้าพอหาอะไรใกล้ตัวพัดเปลวไฟที่หน้าวาล์วให้ดับ (กรณีไฟลุกที่หน้าวาล์ว)แล้วปิดวาล์วครับ 2.ผงเกิดจากถังดับเพลิงชนิดคาร์บอนครับ 3.ห้ามทำอะไรที่ก่อประกายไปเด็ดขาดครับ ปิดและเปิดสร้างประกายไปได้ ควรหาพัดมาพัดไล่อากาศแทนดีที่สุด 4.สังเกตจากปริมาณครับ หนาแน่นจนรู้สึกเหม็นได้ชัดเจน นั่นคือสัญญาณเตือนระดับหนึ่งแล้ว จากคุณ : พิราบเขียว (พิราบเขียวแห่งที่ราบสูง) - [ 13 ธ.ค. 51 22:34:15 ]

ความคิดเห็นที่ 3 1.หัววาลว์ค้าง..ปลอดภัยสุดก็คงต้องใช้ถังดับเพลิง ส่วนประเภทถังดับเพลิงนั้น ให้ดีสุดสำหรับกรณีนี้น่าจะเป็นแบบก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หลังจากไฟดับแล้วยังไม่สมารถปิดวาลว์ได้...อืม ทำแบบหน่วยบรรเทาภัยน่าจะดีสุด (เพิ่งรู้เหมือนกัน) 2.ผงสีขาว เป็นสารเคมีดับเพลิง...แก๊สหุงต้มโดยปกติ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นครับ, กลิ่นที่มี ปิโตรเลียมเขาเติมมาเพื่อให้รู้เวลารั่ว 3.มีแก๊สในบ้าน ควรเปิดประตูหน้าต่างระบายออกให้หมด ห้ามเปิดหรือปิดสวิตส์ไฟ แก๊สจะติดไฟได้ก็ต่อเมื่อมีความร้อน..ถ้าจำไม่ผิด อุณหภูมิประกายไฟสูงถึง 3,000 องศาเซลเซียส เพราะฉนั้น ห้ามทำสิ่งที่จะก่อให้เกิดประกายไฟเด็ดขาด 4.แก๊สที่รั่วออกมา ไม่ระเบิดครับ กรณีระเบิดคือ..แก๊สมีการขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว เช่น ถังแก๊สตกจากที่สูงและแตกออก แก๊สจะมีการกระจายอย่างรวดเร็วจนกลาย อีกกรณีคือมีการติดไฟจากแก๊สที่รั่วสะสม...มันจะเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ของการติดไฟ เรียกว่าอะไรจำไม่ได้ละ ปล.1 ถ้าจะดับไฟที่ติดออกมาจากถังแก๊ส ยืนให้อยู่เหนือลม แล้วเอามือปิดวาลว์ครับ ปล.2 ผิดถูกยังไง รอความเห็นถัดไปแก้ไขเพิ่มเติมครับ จากคุณ : ทะเลสีดำ หัวใจสีชมพู - [ 13 ธ.ค. 51 22:42:36 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผงดับเพลิงมันมีหลายชนิดครับ ส่วนใหญ่ที่ใช้ตามบ้านจะเป็น ชนิด A แบ่งตาม ไฟชนิดของเชื้อเพลิง 1)เชื้อเพลิงธรรมดา เช่น กระดาษ , ไม้ , ฟางข้าว , ( ที่สามารถใช้น้ำดับได้ ) 2)น้ำมันเชื้อเพลิง, ก๊าซหุงต้ม ไม่สามารถใช้น้ำดับไฟได้ ต้องใช้วิธีทำให้ อับอากาศ หรือ ตัดการหนุนเนื่องของเชื้อเพลิง 3)ไฟฟ้า เกิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ยังคงมีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่ ต้องดับด้วย สารเคมีที่ไม่เป็นสื่อไฟฟ้า แบ่งชนิดของ ถังดับเพลิง ตามชนิดของน้ำยาดับเพลิงที่บรรจุในถังดับเพลิง 1) ชนิดน้ำสะสมแรงดัน ใช้ดับไฟประเภท A บรรจุด้วยน้ำแล้วอัดแรงดันสูงเข้าไป (ที่เราใช้กันตามบ้าน) 2) ชนิดน้ำยาโฟม ใช้ดับไฟประเภท A , B ถังดับเพลิงชนิดนี้จะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับ ชนิดน้ำสะสมแรงดัน ต่างกันที่ สายจะมีที่ดูดอากาศ เหมาะสำหรับการใช้ดับไฟที่เกิดจากน้ำมัน 3) ชนิดผงเคมีแห้ง ใช้ดับไฟประเภท A , B , C ข้อดี คือ ราคาถูก ข้อเสีย คือ สกปรก ไม่ควรฉีดใส่เครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะมัน เป็นเกลือสามารถกัดกร่อนแผงวงจรไฟฟ้า ได้ 4) ชนิดคาร์บอนไดออกไซด์สะสมแรงดัน ใช้ดับไฟประเภท B , C ข้อดี คือ สะอาด 5) ชนิดน้ำยาเหลวระเหย ใช้ดับไฟประเภท A , B , C มักจะบรรจุในถังสีเหลือง.... จากคุณ : Napoleonic - [ 13 ธ.ค. 51 22:53:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ที่บ้านผมเองถังแก๊สรั่วตรงข้อต่อปิด-เปิด วาล์ว ตรงคอถังแก๊ส  ...แฟนทำอาหารอยู่ๆ...   จู่ๆ  ไฟลุก แต่ไม่สูงมาก แต่เสียงดังนี่น่ากลัวมาก  แฟนตกใจมากวิ่งมากระโดด  ตรงประตูครัว จะบอกให้ผมวิ่งไปดู  แต่พูดอะไรไม่ออก   รีบวิ่งไปดูปรากฏว่าไฟกำลังลุกสูงขึ้นแค่ประมาณ ฟุตกว่าๆ   ... ไม่ทันคิดเหมือนกัน รีบวิ่งไปปิดวาล์ว  ... โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากไปกว่านั้น  และผมเองก็ประมาทไปหน่อย จริงๆ น่าจะเอาผ้าเปียกๆ หุ้มมือก่อนเอื้อมไปปิดวาล์ว   จริงๆ เหตุการณ์พวกนี้ .. สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการตั้งสติให้ได้  ก่อนที่จะทำอะไรต่อไป  และเท่าที่เคยเจอถังแก๊สโดยมากจะไม่ระเบิดง่ายๆ เหมือนที่เรากลัวหรอก (ยกเว้น NGV มั้ง)  ตั้งสติให้ได้ก่อนครับ จากคุณ : Control.A - [ 13 ธ.ค. 51 23:06:32 ]

ความคิดเห็นที่ 6 1. เอาผ้าผืนใหญ่ๆหนาๆชุบน้ำให้ชุ่มแล้วคลุมลงไปเลยครับ แล้วรอให้แก๊สหมดไปเอง 2.มาจากถังดับเพลิงครับ 3.ไม่ควรไปอะไรทั้งสิ้นครับเพราะเมื่อเราเปิดสวทซ์จะเกิดประกายไฟ และมันอาจจะทำให้แก๊สติดไฟได้ถ้าแก๊สมีความหนาแน่นพอ 4.แก๊สที่รั่วจะไม่ระเบิดครับ เว้นแต่ถ้าถังแก๊สมีอุณหภูมิสูงจะทำให้แก๊สขยายตัวจนทำให้ตัวถังฉีกออกก็ทำให้แก๊สกระจายตัวอย่างรวดเร็วจน..... จากคุณ : jubchay - [ 13 ธ.ค. 51 23:09:25 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตอนเรียนหลักสูตรหนีไฟ  เขาสอนให้ปิดวาล์ว  ถ้าปิดไม่ได้ก็ให้มันติดไฟอยู่งั้นแหละ  เพราะแกสในอากาศที่ไม่ติดไฟเรามองไม่เห็น จะลุกพรึบขึ้นมาตรงไหนก็ไม่รู้  อันตรายกว่าที่เห็นเปลวไฟมาก จากคุณ : หมูน่ารักจริงๆ - [ 14 ธ.ค. 51 00:35:16 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เดินอ้อมไปข้างหลัง แล้วใช้น้ำราดไปตรงวาล์วแก๊ส (ค่อยๆเทนะ) ...หนึ่งแก้วก็ดับได้ จากคุณ : ScaperS - [ 14 ธ.ค. 51 01:09:58 ]

ความคิดเห็นที่ 9 วิธีดับไฟจากถังแก๊ซ ถ้าจะเอาเถื่อน ๆ หน่อย ก็ นิ้วโป้งแหละครับ อ้อมไปข้างหลัง อุดรูมันซะ ก็จบ ทีนี้มาดูวิธีที่คนธรรมดาจะทำกันมั่ง 1 วิธีที่น่าจะทำได้ทุกบ้าน บ้าชุมน้ำครับ คลุมไปเลย ดับครับ 2 ถังดับเพลิงถ้ามีก็ดี ฉีดไปที่หัววาล์วก็เรียบร้อย ปล. ทั้งนี้ทั้งนั้น ให้เข้าด้านหลังครับ จากคุณ : UVPhenix - [ 14 ธ.ค. 51 04:35:18 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ทำไมผมกลับคิดว่าปล่อยให้มันไฟติดอยู่อย่างนั้นแล้วค่อยเรียกดับเพลิงมาล่ะ... อย่างน้อยแก็สที่รั่วออกมามันก็จะได้ถูกเผาไหม้ไปหมด ดีกว่าไปดับมันแล้วไม่รู้ว่าแก้สมันฟุ้งไปที่ไหนบ้างแล้ว จากคุณ : Myryuko - [ 14 ธ.ค. 51 06:00:39 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนที่เคยเรียนมานะคะ ใช้ผ้าชุบน้ำ น้ำโชกๆก็ได้ ให้ผ้าเปียกไว้นั่นละ อ้อมจากด้านหลัง เอาผ้าคลุมตรงถังแก๊ส (หัวแก๊ส) ไม่ต้องกลัวนะ ไม่อันตราย ดูเหมือนน่ากลัวแต่ไม่ยากอะ (ตอนที่เราฝึกใช้ผ้าห่มที่เค้าแจกๆกันน่ะค่ะ หนาๆอะ) จากคุณ : คิน * คาเนะ - [ 14 ธ.ค. 51 06:23:05 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เข้าด้านหลังวาล์ว 1. ถ้าปิดวาล์วได้ก็ปิด 2. ตามคห.8 เอาน้ำราดตรงวาล์ว แก้วเดียวก็เอาอยู่ 3. ถ้ามีถังดับเพลิงก็พ่นลงไปตรงหัววาล์ว ปื้ดเดียวก็เกินพอ เอานิ้วอุดก็ได้ถ้าไฟพุ่งออกจากสาย เพราะไฟจะลุกห่างจากปลายสายประมาณครึ่งนิ้ว ก็ไล่นิ้วจากขอบๆสายเข้าไปแล้วอุดให้สนิทในทีเดียวไฟจะดับ ลองดูแล้วตอนซ้อมดับเพลิง จากคุณ : AJ_da_NR - [ 14 ธ.ค. 51 11:22:20 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมก็คิดแบบ คห.10 นั่นล่ะ แต่ยังไงก็ตามถ้ามันอยู่ในบ้านก็คงต้องดับเปลวไฟมันก่อนล่ะ ไม่อย่างนั้นลุกลามไปไหม้อย่างอื่น  แต่ถ้าอยู่นอกบ้านและไม่ใกล้กับเชื้อเพลิงอะไร จะปล่อยให้มันลุกไหม้จนหมดถังดับไปเองก็ได้ หรือจะเข้าไปดับก็ได้ มันอยู่ที่โล่งไฟดับแก๊สมันกระจายตัวไปจนเจือจางเองก็ไม่ระเบิดอยู่ดี เอานิ้วอุดนี่อยู่จริงหรือครับ ? อุดตรงรั่วหลังเรกูเลเตอร์ หรือตรงไหน ? ผมไม่เคยลอง แต่ความเห็นส่วนตัวไม่คิดว่ามันจะอุดได้เพราะแรงดันแก๊สในถังมันสูง ขนาดแค่สายยางยังอุดน้ำให้อยู่ด้วยมือยากเลย ถ้าอุดแล้วไม่อยู่ทิศทางที่พุ่งมันก็อาจเบี่ยงไปๆมาๆ ? กลัวว่าฟรึบ ลามมาไหม้คิ้วหงิก!  แต่ถ้ามันได้ผลจริงๆ จะได้จำไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินจะได้เป็นอีกหนึ่งวิธี จากคุณ : Ph - [ 14 ธ.ค. 51 14:34:54 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เรื่องของเรื่อง ดับเพลิงไทยพึงพาไม่ได้อะสิ สังเกตุดูจากที่บอก บ้าน จขกท หน้าจะเป็นซอยเป็นตึกแถว ตึกแถวแคบอีกกว่าพี่แกจะมา รถเข้าไม่ได้ บ้านเค้าไหม้กันไปไหนต่อไหนแล้ว จากคุณ : Napoleonic - [ 14 ธ.ค. 51 14:42:29 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมกำลังจะถามคำถามแนวนี้พอดี เข้ามารอคำตอบด้วยคน จากคุณ : Heron - [ 14 ธ.ค. 51 17:14:27 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ความเห็น 13 ครับ อย่าว่าแต่เอานิ้วอุดเลย  แค่คุณเอาสายยางที่กำลังไฟลุกอยู่  สะบัดแรง ๆ แค่ครั้้งเีดียวก็ดับครับ พึ่งดูการสาธิตการดับเพลิงเมื่อวันอังคารนี้เอง เอานิ้วอุด  เค้าก็ทำให้ดูครับ  ได้เหมือนกัน แรงดันมันไม่ได้สูงอย่างที่คิดครับ จากคุณ : specimen - [ 14 ธ.ค. 51 18:47:52 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าวาวล์หัวถังค้าง .. ก็ดึุงมันออกมาเลย  ผมทำอย่างนั้นจริงๆครับ  คว้าเอาผ้าขี้ริ้ว เดินอ้อมด้านหลัง เพื่อโป๊ะผ้าไปคลุมตรงวาวล์บิดเปิดแก๊ส  (ไม่ทันจุ้มน้ำ)  แล้วดึงพรวดขึ้นมา ... แก้สตัดทันที  เพราะจำได้แม่นว่า แรงดันในถัง ทำให้แก๊สพ่นออกมา เร็วกว่าความเร็วที่เปลวไฟจะย้อนกลับไปที่หัวถัง .. มันไม่ทางระเบิดแน่ๆ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 14 ธ.ค. 51 22:19:09 ]

ความคิดเห็นที่ 18 รับทราบครับ โอเคเลย หากสะบัดดับ อุดก็ดับ  ผมจะได้มั่นใจและเก็บไว้เป็นอีกหนึ่งวิธี คุณ แมวเหมียวพุงป่องครับ ดึงนี่คือดึงตรงไหนครับ  คงไม่ใช่ถังแบบเกลียวแน่ๆ เลย ของผมตัวเรกุเลเตอร์มันเป็นเกลียวๆ ขันเข้ากับถึง   นึกไม่ออกว่าตรงไหนดึงได้   คิดไปคิดมา หากเปลี่ยนไปใช้ถังระบบที่ตัวเรกุเลเตอร์ใช้เสียบจะปลอดภัยกว่าหรือเปล่า เพราะฉุกเฉินดึงออกเพื่อตัดแก๊สได้ (หรือผมเข้าใจผิดไป) ขอถามอีกเรื่องนะครับ แก๊สที่พุ่งมันเร็วกว่าเปลวไฟ ไม่ย้อนมาระเบิดถัง แต่หากเราปล่อยให้มันค่อยๆ หมดไปโดยไม่ไปดับไฟก่อน ตอนแก๊สใกล้ๆหมดแรงดันเริ่มตกลงเรื่อยๆ เปลวไฟมันจะเข้าใกล้หัวถังมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีโอกาสเข้าไประเบิดหรือเปล่าครับ จากคุณ : Ph - [ 16 ธ.ค. 51 17:35:09 ]