PANTIP.COM : X7341986 -- ขอสอบถามความแตกต่างกันระหว่างเครื่องบินขับไล่ กับเครื่องบินโจมตีครับ ---- [วิศวกรรมและเทคโนโลยี]

ความคิดเห็นที่ 8

1. เครื่องบินขับไล่ - เครื่องบินขับไล่มีหน้าที่หลักก็คือการเข้าขัดขวางและต่อสู้กับเครื่องบินอีกฝ่ายหนึ่ง เครื่องบินชนิดนี้จำเป็นต้องมีความคล่องตัวสูง มีประสิทธิภาพทางการบินที่ดี มีความเร็วที่ยอดเยี่ยม นอกจากนั้นยังต้องมีระบบอิเล็กทรอนิคทางการบินและอาวุธที่เอื้อประโยชน์ให้กับภารกิจด้วย เช่นระบบเรด้าห์ที่สามารถจับเป้าหมายทางอากาศได้ไกล ระบบอาวุธพิสัยใกล้และกลางต่าง ๆ

เครื่องบินโจมตี - เครื่องบินโจมตีมีภารกิจหลักก็คือโจมตีสนับสนุนการรบให้กับกองกำลังภาคพื้นดิน ฉะนั้น ส่วนใหญ่แล้วมันจะมีความสามารถทางการบินค่อนข้างสูง บรรทุกอาวุธได้มาก สามารถอยู่ในสนามรบได้นาน ส่วนมากแล้วเครื่องบินจะมีนักบิน 2 คนคือนักบินและนายทหารสรรพาวุธคอยช่วยเหลือกัน

2. ส่วนมากแล้วเครื่องบินโจมตีจะบรรทุกอาวุธได้มากครับและเครื่องบินขับไล่จะมีความคล่องตัวมากกว่า สำคัญก็คือต้องดูการติดอาวุธและระบบเอวิโอนิคของเครื่องบินครับ ดูไปมาก ๆ แล้วมันจะพอบอกได้ครับผม

3. ได้ครับ แต่ว่าประสิทธิภาพจะไม่เท่ากับเครื่องบินขับไล่ครับ เพราะส่วนมากเครื่องบินโจมตีจะติดตั้งอาวุธอากาศสู่อากาศพอที่จะสามารถป้องกันตนเองเท่านั้นครับ

4. ถ้าในอาเซียนก็มีฟิลิปปินส์ครับที่มี OV-10A/C, S-211, และ SF260 ไว้ใช้งาน นอกนั้นจะนับกัมพูชาก็ได้ครับเพราะกัมพูชามี L-39 เป็นกำลังหลัก (5 ลำ) ส่วน MiG-21 จำนวนที่เหลือ 2 ลำไม่ทราบสถานะครับ ส่วนมากแล้วประเทศที่มีเครื่องบินโจมตีเป็นกำลังหลักจะเป็นประเทศที่มีกองทัพอากาศขนาดเล็กครับ

5. มีครับ หลายครั้งเหมือนกัน เพียงแต่ผมก็จำไม่ค่อยได้แล้วเหมือนกันน่ะครับ

6. มีครับ กองทัพอากาศกำหนดอัตราของฝูงโจมตีไว้ต่ำสุดที่ 2 ฝูง ตอนนี้ทอ.มี Alphajet และ L-39ZA/ART เป็นเครื่องบินโจมตีครับ

นอกนั้นตามคุณผ่านมา #5 ครับ

"รู้จัก....การแบ่งประเภทเครื่องบินรบและยุคของเครื่องบิน"

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=17-12-2006&group=1&gblog=20

เรียนคุณ Kross_ISC #3

ด้วยความเคารพครับ

- ไม่ใช่ทุกฝูงของกองทัพอากาศไทยที่มีเครื่องบินแบบพหุบทบาท (Multirole) ประจำการนะครับ Alphajet กับ L-39ZA/ART ยังถือเป็นเครื่องบินโจมตีอยู่ และไม่มีพื้นฐานมาจากเครื่องบินขับไล่ครับ อีกทั้ง Alphajet ของกองทัพอากาศไทยถูกออกแบบมาเป็นเครื่องบินโจมตีครับ เพราะเป็นเครื่องบินมือสองที่ซื้อจากเยอรมัน ส่วน Alphaket ของฝรั่งเศสจะเน้นที่ภารกิจฝึกนักบิน ส่วน A-7 นั้นอยู่ในสถานะของการสำรองราชการ ไม่ได้นำมาใช้งานแล้วครับ

- ความจริงเรื่องการบินผาดแผลงนี่ แม้ว่าส่วนใหญ่เครื่องบินขับไล่จะมีความคล่องตัวกว่า บินผาดแผลงได้ดีกว่า แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดครับ อย่าง Alphajet เทียบกับ F/A-18E/F ผมเห็นมากับตาแล้ว ยืนยันว่า Alphajet คล่องตัวกว่าครับ

- EA-6B เป็นเครื่องบินปฏิบัติงานสงครามอิเล็กทรอนิคและภารกิจกดดันระบบป้องกันภัยทางอากาศของข้างศึกครับ ซึ่งเอาเข้าจริงปัจจุบันนี้ภารกิจหลังแทบไม่ได้ทำแล้วครับ ส่วนเครื่องบินโจมตีจริง ๆ จะเป็น A-6 Intruder ครับ และ EA-7 ไม่มีใช้งานครับผม
แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 51 22:09:24

จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 ธ.ค. 51 21:56:00 ]

ความคิดเห็นที่ 10

เรื่องแบ่งประเภทเครื่องบินรบนี่ต้องดูสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยครับ เพราะจะชัดเจนกว่ามากๆ ผมจะเอาเยอรมันมาอธิบายละกันนะครับ เพราะสมัยนั้นเป็นประเทศที่ลงทุนคิดค้นพวกอาวุธเยอะมากๆ จนเดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะดูอาวุธอะไรก็จะมีรากฐานมาจากเทคโนโลยีเยอรมันสมันนั้นทั้งสิ้น เริ่มเลยละกัน

เครื่องบินขับไล่ หลักๆก็คือเครื่องบินที่ใช้ยิงเครื่องบินด้วยกัน

Light Fighter - เป็นเครื่องบินขับไล่เบา เทียบเอาจากสัดส่วนพลังขับเคลื่อนต่อน้ำหนักเครื่อง ส่วนมากจะติดอาวุธเบาเช่นปืนกลอากาศ ของเยอรมันเรียกว่า Jagd เทียบเป็นภาษาอังกฤษคือ Hunter ใช้ในภารกิจขับไล่และล่าเครื่องบินข้าศึก

Interceptor - เป็นเครื่องบินขับไล่เบา มีหน้าที่สกัดกั้นข้าศึก ถ้าเป็นเฉพาะจุดภารกิจนี้ก็จะเรียกว่า Point Interceptor พวกนี้จะจุน้ำมันน้อยเพื่อให้ขึ้นบินและไต่ระดับขึ้นไปให้เร็วที่สุด ส่วนอาวุธที่ติดก็แล้วแต่ว่าจะเอาไว้สกัดอะไร ถ้าเป็นเครื่องบินขับไล่ก็ติดอาวุธเบา ถ้าเป็นเครื่องบินใหญ่ก็จะเป็นอาวุธหนัก อีกภารกิจก็จะเป็น Area Interceptor คือบินรอข้าศึกเลย จะเป็นสมัยปลายๆสงครามแล้วที่มีการคิดค้นถังน้ำมันแบบดีดออกได้ครับ

Escort Figter - เป็นเครื่องบินขับไล่ที่มีหน้าที่คุ้มกันเครื่องบินทิ้งระเบิดหรือเครื่องบินขนส่ง คุณสมบัติก็ต้องบินได้ทน และสามารถบินเกาะกลุ่มไปกับพวกเครื่องบินทิ้งระเบิด

Heavy Fighter - เป็นเครื่องบินขับไล่ที่เน้นติดอาวุธหนัก อย่างพวกปืนใหญ่อากาศ ปลายๆสงครามมีติดจรวดด้วย ส่วนมากจะเป็น 2 เครื่องยนต์ เยอรมันเรียก Zerstorer หรือ Destroyer หลักๆคือใช้ทำลายเครื่องบินข้าศึก โดยเฉพาะเครื่องบินลำใหญ่ๆที่ติดเกราะ มีเครื่องยนต์หลายๆเครื่อง พวกนี้เน้นบินเร็วไม่เอาคล่องตัว เยอรมันเคยเปลี่ยนเอาเครื่องบินทิ้งระเบิดเบามาเป็นเครื่องบินขับไล่ มีการระบายสีตรงจมูกเครื่องให้เป็นสีฟ้าๆเหมือนกระจกมองสำหรับพลทิ้งระเบิด พอเครื่องบินข้าศึกเห็นก็นึกว่าเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดก็พุ่งเข้าหาซึ่งๆหน้ากะกินหมูแต่ปรากฎว่าเจอยิงซะพรุน เล่นเอาอีกฝ่ายต้องปรับเปลี่ยนยุทธวิธีกันเลยทีเดียว

Bomber Destroyer - เป็นเครื่องบินขับไล่ที่เอาไว้ทำลายเครื่องบินทิ้งระเบิดโดยเฉพาะ จะติดอาวุธหนัก มีค็อกพิชปรับความดันเพื่อให้บินไปในระดับที่เครื่องบินทิ้งระเบิดบินได้ เริ่มแรกของสงครามก็จะมีเฉพาะเครื่องบินขับไล่หนัก ปลายๆสงครามเริ่มจะสามารถติดอาวุธหนักให้เครื่องบินเล็กๆได้ อาวุธก็โหดขึ้นเรื่อยๆ แบบว่าปืนใหญ่อากาศที่ยิงโดน 3 นัดก็สอย B-17 ลงได้ Mustang ที่คุ้มกันมานี่ไม่ต้องคิดเลย โดนเฉี่ยวๆไปนัดเดียวก็ปีกขาดหัวไปทางหางไปทางแล้ว

Night Fighter - เป็นเครื่องบินขับไล่ที่ติดเรด้าห์ค้นหา เพื่อใช้รบตอนกลางคืน ก็มักจะเป็นเครื่องบินขับไล่หนักเพราะสมัยนั้นเรด้าห์เครื่องใหญ่มาก และเนื่องจากเวลากลางคืนอากาศจะหนาว ในค็อกพิชจะมีการปรับอากาศและมีอุปกรณ์ที่ใช้กำจัดน้ำแข็งที่กระจกด้วยดังนั้น Night Fighter ส่วนมากก็จะเป็น All-Weather Fighter ด้วยครับ

Fighter Bomber - เป็นเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด จะอาศัยความเร็วของเครื่องบินขับไล่พร้อมทั้งความคล่องตัวในการรบ คิดค้นโดยพี่เยอรมันอยู่ดี เรียกเครื่องบินแบบนี้ว่า JagdBomber หรือ Jabo

เครื่องบินโจมตี Attack/Assault Aircraft ก็เป็นเครื่องบินที่ใช้ทำลายเป้าหมายทางพื้นดิน จะเป็นเป้าหมายขนาดเล็ก เช่น ทหารราบ บังเกอร์ รถถัง รถบรรทุก รถไฟ โดยใช้อาวุธเช่นระเบิด,อาวุธปล่อยและปืนใหญ่อากาศ รวมทั้งบางทีก็เป็นปืนกล จะทำให้ต่างจากเครื่องบินทิ้งระเบิดที่จะทิ้งระเบิดเป็นหลัก ส่วนที่เป็น Assault Aircraft ก็คือเครื่องบินจู่โจมเหมือนกันแต่จะเน้นโจมตีโดยที่ข้าศึกไม่รู้ตัวครับและมักจะไม่จำกัดเป้าหมายเท่าไหร่ ที่มีชื่อเสียงมากๆสมัยสงครามโลกก็คือ Mosquito ลำตัวทำจากไม้ สามารถบินเรียดพื้นได้ที่ความสูง 10 ฟุต แบบว่าแอบบินเข้ามาโจมตีเสร็จก็หนีกับบ้านไปเลย เยอรมันแทบบ้าเพราะไม่สามารถย้ายกองกำลังยานเกราะหรือส่งกำลังสนับสนุนได้สะดวก เพราะ Mosquito สามารถโผล่มาจากไหนก็ได้ นอกจากนั้นอังกฤษยังใช้เป็น Pathfinder ด้วยคือแอบเข้าไปทิ้งระเบิดเรืองแสงมาร์คเป้าให้กลุ่มเครื่องบินทิ้งระเบิดที่จะตามมาด้วยหมดปัญหาติดระะเบิดผิดเป้าหมายในเวลากลางคืน

นอกจากนั้นเครื่องบินโจมตียังมีแบบ Close Air Support ด้วยนะครับ พวกนี้จะบินต่ำ เพื่อให้สามารถสื่อสารกับฝ่ายเดียวกันบนพื้นได้ง่ายๆ ภารกิจคือสนับสนุนการรบภาคพื้นดินตามที่ร้องขอ จะมีเกราะหนาเพื่อให้ทนทานต่อการโดนยิง ที่มีชื่อเสียงมากๆก็คือ A-10 AC-130 สมัยก่อนก็ต้องเป็น Stuka ภารกิจนี้เดี๋ยวนี้มักจะเป็นของเฮลิค็อปเตอร์

เครื่องบินทิ้งระเบิด

มีเครื่องบินทิ้งระเบิดเบาก็แบ่งเป็น Dive Bomber ดำทิ้งระเบิด Level Bomber บินทิ้งระเบิดระดับ

และก็เครื่องบินทิ้งระเบิดหนัก แบ่งได้อีกนะครับ เป็น Tactical Bomber ทิ้งระเบิดทางยุทธวิธี คือทิ้งระเบิดทำลายเป้าหมายขนาดเล็กเช่นพวกสถานีรถไฟ อาคาร ตึก โรงงาน สนามบิน หลักเพื่อบั่นทอนกำลังทางทหารของข้าศึก อีกแบบก็เป็น Strategic Bomber ทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ คือทิ้งระเบิดทำลายอะไรซักอย่างที่ทำให้ข้าศึกต้องยอมแพ้ เช่นทำลายเมืองทั้งเมืองเพื่อให้ประชาชนเกิดความระส่ำระสาย ทำให้ทหารต้องพะวงหน้าพะวงหลังคือแทนที่ภรรยาที่บ้านจะได้จดหมายว่าสามีตายในการรบก็จะเป็นทหารได้โทรเลขว่าภรรยาโดนระเบิดตายที่บ้านเป็นต้น (ถ้าเป็นสมัยก่อนทหารก็คงเศร้า แต่ถ้าเป็นสมัยนี้อาจจะฉลองก็ได้ 555)

นอกจากนั้นก็เป็นพวก Naval Bomber จะเอาไว้ใช้ทำลายเป้าหมายที่เป็นเรือ จะเป็นระเบิดหนักหรือพวกอาวุธปล่อย ไม่งั้นก็จะเจาะเกราะของเรือไม่เข้าครับ

เดี๋ยวนี้เครื่องบินรบจะปฏิบัติภารกิจพวกนี้ได้เกือบทั้งหมดแล้วนะครับ อาจจะเหลือแค่ Strategic Bomber ที่จะต้องใช้ B-52 ในการปฏิบัติ หรือก็ต้องใช้เป็นนิวเคลียร์แต่ก็อย่างว่า เดี๋ยวนี้จะไปทิ้งระเบิดเมืองใครเล่นแบบแต่ก่อนคงไม่ได้แล้วล่ะครับ

ไปละครับ เหนื่อย ^^"

จากคุณ : Bomb308 - [ 21 ธ.ค. 51 13:36:19 ]