ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มจากในท้องทะเลกันก่อนเลยค่ะ.. ตัวแรกอสรพิษแห่งท้องทะเล งูทะเล ในทะเลมีงูประมาณ 50 ชนิด อยู่ใน Subfamily Hydrophiinae และ Laticaudinae งูทะเลหลายชนิดมีพิษร้ายแรงกัดตายและมีชุกชุมคือ งูคออ่อน งูชายธง งูแสมรัง แต่ที่พบบ่อยที่สุดในแนวปะการังเมืองไทยคือ งูทะเลปล้องดำ มีพิษร้ายแรงมาก   แต่โดยธรรมชาติแล้วงูทะเลจะไม่ทำร้ายมนุษย์โดยเจตนา(ยกเว้นในช่วงผสมพันธุ์และเป็นเพียงบางครั้ง) ตามปรกติงูทะเลจะไม่สนใจเราเลย เขาจะว่ายน้ำหาอาหารโดยมุดหัวไปตามซอกแล้วใช้จมูกดมเพื่อกินไข่ปลาหรือกุ้ง บางครั้งเขาอาจเข้าใกล้เรามาก ไม่จำเป็นต้องตกใจจนว่ายหนีฉุกละหุก เมื่อเจองูทะเลให้ว่ายหนีออกมาช้าๆ รับรองว่าเขาจะไม่ว่ายไล่กวดเราเหมือนในหนังอานาคอนด้าแน่ๆ .. งูทะเลมักไม่ชอบอาศัยในทะเลทรายที่มีน้ำใสสะอาด ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยพบงูเหล่านี้ตามชายทะเล ส่วนใหญ่ชอบอาศัยและออกหากินตามทะเลโคลน โดยเฉพาะที่มีหินปะการังเกะกะ นักดำน้ำจึงมักพบเห็นงูทะเลบ่อยๆ งูทะเลมีพิษทำลายระบบประสาทกับโลหิตเช่นเดียวกับงูสามเหลี่ยม เมื่อถูกกัดพิษจะเข้าสู่ร่างกาย อาจจะมีอาการอ่อนเพลียและปวดเมื่อยตามส่วนต่างๆของร่างกาย ต่อมาก็จะเกิดอาการชักกะตุก และอาจถึงตายได้ถ้าได้รับการรักษาไม่ทันท่วงที จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 21:34:16 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ฉันมารอชมนะ อย่ากัดล่ะ ^^" จากคุณ : คุณซัมซุง - [ 2 ม.ค. 52 21:37:13 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ปลาหิน Scorpionfish ปลาหินหรืออีกชื่อว่า ปลากะรังหัวโขน เป็นสัตว์มีพิษอีกชนิดหนึ่งของแนวปะการัง ปลาหินพรางตัวกลมกลืนกับพื้น ดูแทบไม่ออก แต่อย่าเผลอนะคะ พลาดพลั้งเผลอไปโดนเข้า รับรองได้ว่าจะร้องอะจ๊าก อะจ๊าก เพราะมันจะปวดจนน้ำตาไหล และบางชนิดก็อาจทำให้เราไปที่ชอบที่ชอบกันได้ง่าย-ง่าย..น่ากลัวมั่กๆ ปลาหินมีลำตัวอ้วนกลม ผิวหนังขรุขระ ปากและหัวใหญ่ ตาเล็ก ปลาหินอยู่ในครอบครัว Scorpaenidae พวกเดียวกับปลาสิงโตและปลามังกร  พิษอยู่ที่ก้านครีบ เช่นครีบหลังครีบก้น และครีบท้อง และก็เช่นเดียวกันกับสัตว์มีพิษหลาย-หลายชนิดคือ พิษของปลาหินมีไว้เพื่อใช้ในการป้องกันตัว ไม่ได้มีไว้สังหารเหยื่อมากิน จากข้อมูลทั้งในหนังสือและในเน็ต สังเกตได้ว่าหลายท่านแนะนำวิธีแก้พิษสัตว์ทะเลด้วยการใช้ของร้อนประคบ หรือใช้ไอความร้อนรม อันนี้ไว้รอท่านผู้รู้มาแนะนำอีกทีนะคะ.. จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 21:37:15 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หมึกสายวงน้ำเงิน(Hapalochlaena maculosa) หมึก (Cephalopod) เป็นมอลลัสพวกหนึ่งที่มีวิวัฒนาการสูงกว่าหอยโดยสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสามารถไล่ล่าสัตว์อื่นกินได้ ลำตัวไม่มีเปลือกหนวดของหมึกสายมี 8 เส้น ซึ่งเปลี่ยนแปลงมาจากเท้าของหอย ภายในปากของหมึกมีขากรรไกรแข็งซึ่งใช้ขบกัดเหยื่อ ดังนั้นการจับหมึกด้วยมือขณะที่หมึกยังมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมึกสาย สามารถกัดทำให้บาดเจ็บได้ ยิ่งไปกว่านั้นหมึกสายบางชนิด เช่น หมึกสายวงน้ำเงิน ซึ่งอาศัยอยู่ตามแนวปะการัง ตามลำตัวเป็นลายวงแหวนสีน้ำเงิน ตัวเล็ก ขนาดลำตัวยาว 3-5 เซนติเมตร มีสีสันสวยงาม (สวยงามอีกแล้ว สังเกตได้ว่าอะไรสวยๆ เนี่ยให้คิดว่ามีพิษไว้ก่อนเลยนะคะ..เช่นผู้หญิงสวย ) หมึกสายวงน้ำเงินมีต่อมน้ำพิษที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เมื่อเจอศัตรูสีของวงแหวนจะเปลี่ยนเป็นเข้มขึ้นเพื่อขู่ไม่ให้ศัตรูเข้าใกล้ พอเห็นหมึกสายเปลี่ยนสีก็รีบเผ่นเถอะค่ะ อย่าเสี่ยงดีกว่าเน้อ.. จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 21:39:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ปลากระเบนนก ( Spotted egleray ) ปลากระเบนนกมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Aetobatus narinari เป็นปลากระเบนขนาดใหญ่ มีลำตัวยาวประมาณ 180 เซนติเมตร รูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ครีบอกแผ่กว้างออกทางด้านข้าง ส่วนหัวยกสูง ทำให้ส่วนหัวแยกออกจากลำตัวชัดเจน ตาอยู่ทางด้านข้าง จะงอยปากอยู่ต่ำกว่าตายื่นออกมาเป็นลอน ครีบหางเรียวยาว มีส่วนหลังอยู่ที่โคนหาง ลำตัวมีสีเทาเข้มหรือสีน้ำตาล ชอบว่ายน้ำไปมาโดยไม่ชอบอยู่นิ่งเหมือนปลากระเบนชนิดอื่น เวลาว่ายน้ำจะขยับครีบเหมือนเหยี่ยวกางปีกจึงมองดูเหมือนนกขนาดใหญ่ที่บินอยู่ใต้ทะเล.. บนสันหางมีเงี่ยงยาวคล้ายฟันเลื่อยอยู่สองสามเงี่ยง หนึ่งในนั้นเป็นเงี่ยงพิษ ถ้าไปโดนตำเข้าจะเกิดอาการปวดแสบปวดร้อน บวมแดงเป็นอย่างมาก เนื่องจากพิษถูกขับออกมา แต่ถ้ากินส่วนหางเข้าไปอาจทำให้เกิดอาการคันหรือแน่นหน้าอกได้ ในสมัยโบราณ หางของปลากระเบนเขามีไว้ใช้ เฆี่ยนคนทำผิดกันเชียวนะคะ..คงจะเจ็บน่าดูชมเลย.. จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 21:41:32 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เม่นทะเล (Sea urchin) เป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง จัดอยู่ใน Phylum Echinodermata แต่เรามักเรียกกันว่า หอยเม่น อาศัยอยู่ในทะเลลึก ลำตัวมีเปลือกแข็งซ้อนกันหลายชั้นและมีหนามแหลมรอบตัว โดยเฉพาะหนามบนหลังจะมีต่อมพิษอยู่ เม่นทะเลมีอยู่หลายชนิดและมีรูปร่างแตกต่างกันออกไป มีทั้งแบบหนามสั้น หนามยาว หนามแหลม หนามทู้ แต่ทุกๆหนาม ส่วนมากก็มีพิษกันทั้งนั้นค่ะ อย่าไปโดนเข้านะคะ ต่อมน้ำพิษ จะอยู่ตรงระหว่างหนาม โดยปรกติเม่นทะเลจะเคลื่อนไหวช้า ไม่ดุร้าย อาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ตามพื้นทราย ตามซอกหิน และแนวหินประการัง เม่นทะเลชนิดToxopneustes pileotus มีต่อมพิษที่มีพิษรุนแรงมาก เม่นทะเลชนิดนี้มีลักษณะคล้ายดอกไม้ มีปุ่มพิษขนาดใหญ่ กว่าเม่นทะเลชนิดอื่น ๆมาก ปุ่มพิษมีลักษณะเป็นก้านยาวยื่นออกไปจากลำตัว ตรงปลายเป็นกระเปาะ รูปร่างคล้ายดอกบัวตูม สามารถเปิด ปิดได้ เวลาเปิดจะเห็นเป็น 3 แฉก คล้ายคีม ปลายแฉกจะคม เป็นอาวุธใช้ต่อยและจับเหยื่อ เม่นทะเลบางชนิดก็มีหนามที่เปราะ แตกง่าย มากมาก เวลาเราถูกตำหนามจึงหักคาอยู่ใต้ผิวหนังเรา ทำให้ปวดเป็นเวลาหลายวัน เม่นทะเลบางชนิดนอกจากจะมีพิษทำให้ปวดแสบเวลาถูกตำแล้ว บางทีอาจมีอาการชาร่วมด้วย  อาการชาอาจลามไปถึงบริเวณใบหน้า ลิ้น และหนังตาได้ด้วย หากได้รับพิษจำนวนมาก จะปวดอย่างรุนแรง ปวดร้าวสูงขึ้นไป หน้ามืดเป็นลม ชาตามตัว มีอัมพาตของกล้ามเนื้อส่วน ต่าง ๆของร่างกาย ไม่มีเสียง หายใจลำบาก หายใจขัด และหนักสุดๆ อาจถึงถึงแก่ความตายได้เชียวหล่ะค่ะ... และที่สำคัญ เราก็แยกยากด้วยว่าอันไหนเป็นเม่นมีพิษน้อยพิษมาก เพราะฉะนั้นก็อย่าเข้าไปใกล้ ไปถูกหรือไปสัมผัสเป็นการป้องกันไว้ก่อนดีกว่าค่ะ แก้ไขลืมย่อรูปค่ะ รูปใหญ่มาก-มาก.. แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 52 21:46:24 จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 21:45:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 รูปเม่นทะเลค่ะ จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 21:47:19 ]

ความคิดเห็นที่ 8 กลัวหมึกง่ะ จากคุณ : Raginail - [ 2 ม.ค. 52 21:47:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โหวตให้ละค่ะ จากคุณ : มาดามชะนี - [ 2 ม.ค. 52 21:48:26 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขึ้นบกกันบ้างดีกว่าเนอะ..เอาประเภทพืชมีพิษกันก่อนนะคะ.. มะม่วงหิมพานต์ (Anacardium occidentale) มะม่วงหิมพานต์ ที่ไม่ใช่มะม่วง ส่วนที่เรากินนั้นเป็นส่วนของเมล็ด อบเกลืออร่อยมากกกกก... มะม่วงหิมพานต์มีชื่อเรียกทั่วไปว่า Cashew-nut tree เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก สูงไม่เกิน 10 เมตร,ไม่ผลัดใบ ลำต้นและกิ่งมักคดงอ เปลือกสีเทามักแตกเป็นสะเก็ด ใบเดี่ยวรูปไข่กลับ ติดเวียนเป็นกลี่ตามปลายกิ่ง ดอกเล็กสีขาว ออกรวมเป็นช่อเชิงหลั่นตามปลายกิ่ง ผลเป็นเมล็ดเดี่ยวอยู่นอกเนื้อ ห้อยอยู่ใต้ก้านที่บวมและนุ่มคล้ายตัวผล พบเห็นได้ทั่วไปแถวๆ ภาคใต้นะคะ.. ถึงแม้ว่าเมล็ดจะอร่อยแค่ไหน แต่ยางของมันเป็นพิษนะคะ ยางจากเปลือกต้นนี้ถ้าไปโดนเข้าคนแพ้ๆ อาจทำให้ผิวหนังเป็นผื่นเป็นแผลได้ เวลาไปเที่ยวตามเกาะเห็นต้นเขาเข้า ก็อย่าไปสัมผัสถูกยางนี้นะคะ..เดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุกไปซะก่อน.. จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 21:51:04 ]

ความคิดเห็นที่ 11 กลอย เป็นพืชไม้ล้มลุก ลักษณะเป็นเถาเลื้อยไปตามดินหรือพาดพันต้นไม้ใหญ่ คล้ายพืชตระกูลถั่ว ต้นมีหนามแหลมสั้นๆ ขึ้นตามป่ารกร้างและไหล่เขาทั่วไปในป่าผสม ป่าเต็งรัง และป่าดงดิบ กลอยมีหัวอยู่ใต้ลึกประมาณ 10 - 15 เซนติเมตร ลักษณะกลมแบบข้างๆ เป็นกลีบเล็กน้อย เปลือกบาง มีขนแข็งขึ้นอยู่ขรุขระ รูปร่างคล้ายมันมือเสือ ชาวบ้านนิยมเก็บหัวกลอยในฤดูร้อน ระหว่างเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม หัวโผล่พ้นดินเก็บง่าย เพราะเชื่อว่ามีพิษน้อยกว่ากลอยที่เก็บในฤดูอื่น นักวิเคราะห์พบว่าในเดือนสิงหาคมหัวกลอยมีสารเป็นพิษสูงที่สุด หัวกลอยมีสารเป็นพิษประเภทอัลคาลอยด์ ชื่อ ไดออสซิน (dioscin) มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง อาการเป็นพิษเนื่องจากรับประทานกลอยคือ คันปาก ลิ้น คอ ม่านตาขยาย และระบบประสาทส่วนกลางถูกกระตุ้น คลื่นไส้ อาเจียน มึนเมา วิงเวียน ใจสั่น ตาพร่า อึดอัด เป็นลม และตัวเย็น นอกจากนั้นบางรายมีอาการประสาทหลอนคล้ายกับอาการของคนบ้าลำโพง และอาจมีอาการกระตุกของกล้ามเนื้อด้วย แต่ยังไม่พบรายงานว่าถึงตาย เพราะฉะนั้นเวลาจะเอากลอยมากินจะต้องล้างสารพิษออกให้หมดก่อนนะคะ โดยฝานหัวกลอยเป็นชิ้นบางๆ นำมาแช่ในน้ำเกลือแล้วถ่ายน้ำทิ้งหลายๆ ครั้ง หรือแช่ในน้ำไหลๆเพื่อให้น้ำชะล้างสารพิษออกให้หมด จะได้ปลอดภัยนะคะ.. ปล. ขอนอกเรื่องนิดนะคะ ข้าวเหนียวกลอยอร่อยมากค่ะ.. จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 21:53:19 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ปาด... เอ๊ คุณคริปตอมกะคุณพริมจังนี่...มีใครเป็นพ่อสื่อแม่สื่อให้รึยังนะ คู่ขวัญแห่งหว้ากอเลยนะเนี่ย คริคริ แวะมาแซวเร่น จากคุณ : PADAPA--DOO - [ 2 ม.ค. 52 21:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ลำโพง (Thorn apple) ลำโพง เป็นพืชที่ให้ดอกสวย นิยมนำมาจัดสวนปลูกเป็นไม้ประดับ แต่...ทุกส่วนของมันมีพิษหมดเลย..สวยแต่รูป จูบไม่หอม.. ลำโพงเป็นพืชล้มลุกมีพิษชนิดหนึ่งอยู่ในวงศ์ Solanaceae ลำต้นเมื่อโตเต็มที่มีขนาดความสูงประมาณ 1-1.5 เมตร ลักษณะลำต้น ใบ คล้ายต้นมะเขือพวง ดอกจะออกตรงบริเวณโคนก้านใบกับแขนงของกิ่ง เมื่อดอกโตเต็มที่จะบานออกมีรูปร่างคล้ายแตร หรือเครื่องลำโพงขยายเสียง จึงมีชื่อว่า ลำโพง แต่เดิมคนสมัยก่อน ใช้ลำโพงเป็นยาสมุนไพร ช่วยระงับความเจ็บปวด และแก้อาการเกร็ง หรือมวนเป็นบุหรี่ใช้สูบรักษาโรคหืด หรืออาจนำเมล็ดมาตำให้ละเอียด และแช่ในน้ำมันพืช น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันงา เมื่อครบ 7 วันนำมากรอง น้ำมันที่ได้นำมาใช้ทาแก้อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เคล็ดขัดยอกได้ดี ทุกส่วนของลำต้น ใบ ดอก ผลของลำโพงมีคุณสมบัติเป็นพิษทั้งสิ้น และสารพิษในต้นลำโพงไม่สามารถทำลายด้วยความร้อน อาการแสดงที่เกิดจากพิษลำโพงปรกติจะมีอาการภายในเวลา 30 นาที ถึง 60 นาที หลังจากกินเมล็ดลำโพง หรือส่วนต่าง ๆ ของลำโพง และอาการจะดำเนินต่อไปอีก 2-3 วันเนื่องจากสารอัลคาลอยด์ (alkaloid) ในลำโพงจะออกฤทธิ์อย่างช้า ๆ ในระบบทางเดินอาหาร อาการเบื้องต้นที่พบบ่อยคือปากคอแห้ง กระหายน้ำ กลืนอาหารและน้ำด้วยความยากลำบาก ต่อมาสายตาพร่ามัว ระบบประสาทกลางถูกกระตุ้น มีอาการเคลิบเคลิ้มเป็นสุข ต่อมาเกิดอาการเพ้อคลั่ง มีอาการประสาทหลอน เพ้อเห็นสิ่งประหลาดต่าง ๆ นานาอย่างน่า สะพึงกลัว เช่นเห็นแมลงจำนวนมากมายอยู่บนผนัง หรือเห็นปลาฉลามกำลังไล่ล่ามนุษย์อย่างน่ากลัว หัวใจเต้นเร็ว ความร้อนในร่างกายสูงผิดปรกติ ไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ผิดปรกติในระหว่างเกิดอาการ และอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 21:56:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 #12 เดี๋ยวตัวจริงของจขกท.เค้าจะมาฆ่าผมน่ะสิ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 ม.ค. 52 21:59:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 #14 ผมไม่ทำอะไรหรอกครับ แยกแยะได้ว่าเรื่องไหนควรหึงครับ จากคุณ : ท่านประธานบริษัท - [ 2 ม.ค. 52 22:02:21 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ~เง้อ~ คุณ PADAPA--DOO อย่าเอาไปเทียบกับคุณ คริปตอม เลยน่ะ primjang รู้อยู่แค่สองเรื่องเท่านั้นหล่ะ เรื่องแรกก็ชีวะ....อันนี้เรียน อีกเรื่องก็ เรื่องฆาตกรโหด-โหด....อันนี้ชอบ เรื่องอื่นบ่ได้รู้เรื่องเลยกะเจ้า.. จะชราอย่างกล้าหาญ และขึ้นคานอย่างมีศักดิ์ศรี จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 22:04:10 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มาต่อกันเถอะนะ พริมจังชักงงแล้ว คนไหนตัวจริงตัวปลอมเนี่ย.. เรื่องพืชเอาแค่นี้แล้วกันนะคะ จริงๆ ยังมีพืชอีกหลายชนิดที่มีพิษค่ะ เช่น -  ยี่โถ น้ำยางเป็นพิษมาก   -  สาวน้อยประแป้ง ยางทำให้ตาบอดได้ -  เห็ดพิษหลายๆ ชนิด กินแล้วมีตั้งแต่ เมา ประสาทหลอน จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่วันนี้ จขกท. ยกมาแค่นี้ก่อนนะคะ ไม่งั้นกระทู้จะยาวเกินไป (ความจริงแอบขี้เกียจเล็กน้อยต่างหาก ) มาต่อกันดีกว่าค่ะ...ยังอยู่บนบกเหมือนเดิมนะ แต่เปลี่ยนจากพืชมีพิษมาถึงสัตว์มีพิษกันบ้าง เริ่มด้วยตัวแรกกันก่อน กบลูกศรพิษ(poison arrow frog) สีสันสวยงามดังลูกกวาดแสนสวย...แต่ความสวยนั้นเคลือบแฝงด้วยพิษร้าย (คุ้นๆว่านิยามเหมือนผู้หญิงเลยแฮะ..) กบกลุ่มนี้ชื่อสกุลว่า Dendrobatid หรือมีชื่อว่า กบลูกศรพิษ (poison arrow frog) พวกมันอาศัยอยู่ในป่าดิบชื้นของอเมริกากลางและอเมริกาใต้ มันตัวเล็กมาก มีขนาดเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น แต่พวกมันเป็นยิ่งกว่าเล็กพริกขี้หนู เพราะพิษร้ายที่มันใช้ มีฤทธิ์ร้ายแรงที่สุดชนิดหนึ่งของโลก เมื่อเทียบกันหยดต่อหยดแล้ว แต่มันก็ไม่ได้มีพิษไว้รุกรานใครนะ มันมีพิษไว้เพื่อป้องกันตัวต่างหาก กบที่มีสีสดใสเหล่านี้เปรียบเหมือนจอมยุทธ์ที่ถือธงป้ายสำนัก ซึ่งสร้างความยำเกรงให้กับผู้พบเห็น หรือเหมือนเครื่องหมายกะโหลกไขว้บนกระป๋องยาฆ่าแมลง ศัตรูของมันเห็นเข้าก็ขยาดไม่กล้าเข้าใกล้ ในบรรดากบลูกศรพิษทั้งหมด ผู้ที่ยืนอยู่บนบัลลังก์สุดยอดจ้าวยุทธจักรพิษก็คือ กบลูกศรทองคำ (Golden dart frog) เจ้ากบยาว 2 นิ้วสีเหลืองสดนี้มีพิษแรงที่สุดในบรรดาสัตว์มีกระดูกสันหลังทั้งหมดของโลก พิษเพียง 1 มิลลิกรัมของมันสามารถฆ่าหนูได้ 10,000 ตัว หรือมนุษย์ 10 คน เรียกได้ว่ามันทำให้พิษงูเห่ากลายเป็นของเด็กเล่นไปเลย พิษลับของมันนี้มีชื่อว่า บาทราโคทอกซิน (batrachotoxin) ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อส่งกระแสประสาทไม่ได้ จนไม่ทำงาน และหัวใจหยุดเต้น กล่าวกันว่ามีไก่กับสุนัขตายเพียงเพราะสัมผัสกับผ้าที่เจ้ากบนี้เคยเดินผ่าน สุดยอดแห่งอันตรายจริงๆ! จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 22:08:36 ]

ความคิดเห็นที่ 18 หมาน้ำ (River Toad) อะไรคือหมาน้ำ? ..ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก..หมดเวลาเฉลยหล่ะ หมาน้ำไม่ใช่หมาจริงๆ  มันคือ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำในวงศ์ของคางคก มีหลายชื่อ เช่น จงโคร่ง หรือ กง บางที่ก็เรียก คางคกยักษ์ (Giant Asiatic Toad หรือ Malayan Giant Toad) ชื่อวิทยาศาสตร์ของมันคือ  Bufo asper Gravenhorst, 1829 เป็นคางคกที่มีขนาดใหญ่มาก  ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก (อันดับ 1 ยกให้คางคกจากฟิลิปินส์ไป) น้ำหนักตัวถึง 2 กิโลเชียวหล่ะ ขนาดตัวยาวได้ถึง 38 เซนติเมตร ลำตัวสีน้ำตาลเข้ม หรือสีน้ำตาลเทา ท้องสีขาวออกน้ำตาล มีตุ่มนูนทั่วร่างกาย  ด้านหลังมีน้ำพิษเห็นเป็นปุ่มชัดเจน พิษร้ายแรงมาก มีคางคกยักษ์ในแถบออสเตรเลีย พิษสามารถปลิดชีวิตจระเข้ได้เลยทีเดียว ขยายพันธ์ได้เร็ว อายุยืนยาวถึง 15 -20 ปี ตอนนี้ในประเทศออสเตรเลียถือเป็นปัญหามาก เพราะมันทำให้จระเข้เกือบสูญพันธ์ทีเดียว เขาเลยมีการจัดแข่งขันตีกอล์ฟโดยใช้คางคกยักษ์แทนลูกกอล์ฟกันเลยค่ะ...ตีกบของแท้.. แต่ในประเทศไทย หมาน้ำ หรือจงโคร่ง ถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองนะคะ เนื่องจากพบน้อยมาก พบได้ในป่าแทบภาคใต้ ภาคตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือ จงโคร่งชอบอยู่ใต้รากไม้ในน้ำหรือก้อนหินขนาดใหญ่ และมักจะหากินในเวลากลางคืนส่วนใหญ่ และที่มันถูกเรียกว่าหมาน้ำ ก็เพราะช่วงเวลาใกล้ๆ ค่ำ มันจะมีเสียงร้องคล้ายสุนัขเห่า ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า "หมาน้ำ" ในภาพเป็น คางคกยักษ์จากออสเตรเลียค่ะ จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 22:11:56 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แมลงตด (Bombardier beetles) แมลงตดมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pherosophus siamensis ส่วนชื่อท้องถิ่น ก็มีหลายหลายชื่อ เช่น กะตด ปล่อยตด ขี้ตด..(แต่ละชื่อมีกลิ่นทั้งนั้น // yuck)เป็นแมลงขนาดใหญ่ ประเภทด้วงปีกแข็ง ปีกคู่หน้าใหญ่คลุมท้องเกือบทั้งหมดหรือทั้งหมด บางชนิดมีปีกสีเหลืองซีด มีแถบสีดำบนปีก แมลงตดจะมีอวัยวะที่ปล่อยแก๊สเป็นหมอกออกมาสำหรับป้องกันตัวซึ่งมีส่วนผสมของสารพิษพวกควิโนน ขณะปล่อยแก๊สจะมีเสียงดังคล้ายตดและมีกลิ่นเหม็น เมื่อถูกผิวหนังทำให้แสบร้อนและผิวไหม้คล้ายถูกกรด หากโดนที่สำคัญเช่น ตา จะทำให้ตาบอดได้ แมลงตดนี้พบได้ทั่วไปในทุกภาคของประเทศไทยเลยหล่ะค่ะ พบเจอกันก็อย่าไปจับหรือเข้าใกล้จะดีกว่านะคะ..เพราะนอกจากเหม็นแล้วจะยังเจ็บตัวได้ซะอีก.. จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 22:13:42 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ลืมรูปซะงั้นเลย... จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 22:14:14 ]

ความคิดเห็นที่ 21 หึหึ ..... ปาด จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 2 ม.ค. 52 22:14:27 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แมงมุมทารันทูล่า (Tarantula) แมงมุมทารันทูล่า จัดอยู่ในวงศ์ Theraphosidae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Brachypelma Smithi เป็นแมงมุมตัวใหญ่ มีขนเส้นเล็กๆ ขึ้นตามตัวและขา ทั่วไปหมด มีทั้งขนสั้นและขนยาว ส่วนสีก็มีหลากหลาย ซึ่งก็จะแตกต่างกันไป แล้วแต่สายพันธุ์ ซึ่งพบมากกว่าถึง 1,000 สายพันธุ์ เช่น Mexican Red-Knee (Brachypelma Smithi) หรือ "เจ้าเข่าแดง" จุดเด่นก็คือตัวโต สีสันสวยงามมาก มีเข่าสีแดง แถมเป็นสัตว์เลี้ยงทิ่นิยมเลี้ยงกันในหมู่คนเลี้ยงแมงมุมด้วยนะคะ โดยทั่วไปแมงมุมทารันทูล่า มีขนาดตัวโตเต็มวัยยาวได้ตั้งแต่ 2-18 เซนติเมตร มีถิ่นกำเนิดกระจายอยู่ตามทวีป อเมริกา ตั้งแต่ป่าทึบ จนถึงทะเลทรายทางของอเมริกา แมงมุมทารันทูล่าเป็นแมงมุมที่มีเขี้ยวพิษ แต่พิษไม่ร้ายแรงนัก แค่ปวดๆ นิดหน่อย เมื่อถูกคุกคามจะขดตัวเป็นก้อนกลมและทำเสียงดัง ซืดๆ สามารถจับเล่นได้ แต่ควรระวัง ไม่ให้มันตกใจ คนที่รักชอบแมงมุมนี่เขาซื้อขายกันในราคาหลักพันหลักหมื่นกันเลยนะคะ..แต่ จขกท.ขอบายเจ้าค่ะ...กลัว จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 22:15:22 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ต่อหัวเสือ เพชฌฆาตตัวน้อยๆ แต่ต่อยตายนะคะ.. ต่อหัวเสือเป็นแมลง อยู่ในวงศ์ Vespidae มีหลายชนิด โดยทั่วไปลักษณะของลำตัวมี สีดำ ปีกสีน้ำตาล ท้องมีแถบสีส้มปนเหลือง เห็นได้ชัดเจน มีขนาดลำตัวยาวประมาณ 3.00-3.50 เซนติเมตร ต่อหัวเสือพบได้ทั่วไปทุกภาคของประเทศไทย ทางอีสานเรียกว่า ต่อนอนเว็น หรือ ต่อนอนวัน เพราะอุปนิสัยที่ชอบซ่อนตัวอยู่ในรังเพื่อพักผ่อนหลับนอนเวลากลางวัน (ชาวอีสานเรียกกลางเว็น) และออกหากินในเวลากลางคืนนั่นเอง  ส่วนทางใต้เรียก “ต่อรัดพัดผ้าแดง” อาจจะมาจากรูปร่างสีสันในตัวของมัน   ต่อหัวเสือจะสร้างรังตามต้นไม้หรือบ้านเรือน มักชอบทำรังโดยการใช้ใบพืชที่เคี้ยวกับน้ำลายจนเหนียวแล้ว จึงปั้นเป็นแผ่นบางๆ คล้ายกระดาษเรียงเป็นชั้นๆ จากรังเล็กๆค่อยๆขยายขนาดต่อไปเรื่อยๆ โดยที่มีทางเข้าออกในรังของมันเพียงช่องทางเดียว ถ้าโดนต่อหัวเสือต่อย อาการเบาะๆ ก็จะแค่ ปวด บวม แดง ร้อน หรือเป็นผื่นแพ้ลมพิษ หรือบางทีอาจมีอาการไหม้ได้ แต่ถ้าเป็นในคนที่แพ้อาจมีอาการมากกว่าปกติได้คือหลอดเลือดบวม หายใจขัด เป็นลม ความดันโลหิตต่ำ เคยมีข่าวต่อหัวเสือต่อยคนตายด้วยนะคะ พบเจอก็อย่าไปแหย่ หรืออย่าไปเข้าใกล้ ระวังไว้ดีกว่าค่ะ.. ปล .เข้ามาแก้ไข ขอลบภาพต่อหัวเสือก่อนนะคะ  เมื่อกี้เพิ่งถามคุณ Due_n ไป สงกะสัยว่าจะไม่ใช่ภาพต่อหัวเสือแล้ว..เดี๋ยวไปโพสภาพรังของต่อหัวเสือแทนที่ คห. 57 นะคะ.. แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 52 15:07:30 จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 22:16:44 ]

ความคิดเห็นที่ 24 งูหางกระดิ่งหลังเพชร (western diamondback rattlesnake) เป็นงูพิษร้ายแรงมาก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Crotaius atrox   เป็นงูที่มีลักษณะเด่น คือมีหางที่เป็นอวัยวะในการทำให้เกิดเสียงโดยการสั่นให้เสียงคล้ายกระดิ่ง เพื่อขู่ศัตรู มันจึงได้ชื่อว่า งูหางกระดิ่ง โดยปรกติงูหางกระดิ่งจะชอบขดตัวเป็นรูปตัว S เป็นงูที่มีน้ำหนักมาก ตัวใหญ่ มีสีเทา น้ำตาล บริเวณหลัง สานเป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด   เวลาตื่นตกใจหรือไม่อยากให้ศัตรูเข้าใกล้จะยกหางขึ้น แล้วสั่นหางรัวเร็ว เป็นการเตือนว่า ฉันอยู่ตรงนี้นะ อย่าเข้ามานะ กัดตายนะเฟร้ย... งูหางกระดิ่งมีถิ่นอาศัยอยู่เฉพาะบริเวณทวีปอเมริกาเหนือ พื้นที่ทะเลทรายและ เทือกเขาหิน แยกออกเป็นชนิดต่างๆราว 30 ชนิด งูหางกระดิ่งมีพิษที่รุนแรง สามารถทำอันตรายต่อชีวิตมนุษย์ได้ แม้เพียงกัดครั้งเดียว โดยเฉพาะพิษของงูหางกระดิ่งหลังเพชร เคยอ่านเจอว่าพิษนี้ล้มช้างได้สบายมากเลยค่ะ จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 22:17:57 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เม่นทะเลตอนอยู่ด้วยกันเยอะๆน่ากลัวมากกก จากคุณ : 76 (KuMp) - [ 2 ม.ค. 52 22:18:13 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ปิดท้ายด้วยตัวนี้ค่ะ.. มังกรโคโมโด (Komodo Dragon) ชื่อทางวิทยาศาสตร์  Varanus komodoensis หรือ ตะกวดแห่งโคโมโด บนเกาะโคโมโด ในประเทศอินโดนีเซีย ใกล้ๆ กับหมู่เกาะบาหลี มีสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง ลักษณะคล้ายตะกวด ความยาวตัวประมาณ 3 เมตรและหนักกว่า 70 กิโลกรัม มีอายุยืนประมาณ 50 ปี เจ้าสัตว์เลื้อยคลานตัวนี้มีชื่อว่า มังกรโคโมโด มังกรโคโมโดเป็นสัตว์กินเนื้อ วิธีล่าเหยื่อของมันก็แปลกมาก คือมันจะซุ่มจู่โจมเพื่อกัดเหยื่อเพียงครั้งเดียว แต่เท่านั้นก็เกินพอ ไม่ใช่ว่ามันเก่งหรือกัดแล้วเหยื่อตายนะคะ มันแค่กัดให้เหยื่อเป็นแผลแค่นั้น กัดเสร็จแล้วมันก็กลับบ้าน แล้วก็นั่งคอยนอนคอยรอฟังข่าว.. ภายในเวลาไม่เกินสามวัน หลังจากเหยื่อโดนกัด เหยื่อจะตาย ตายจากอะไรไม่ใช่เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวหรือเสียเลือดมากแต่อย่างใด แต่ตายเพราะน้ำลายในปากของเจ้ามังกรโคโมโดนี้เอง เนื่องจากในน้ำลายของโคโมโดนั้นมีแบคทีเรียมากกว่าห้าสิบชนิด เหยื่อที่ถูกกัดจะเกิดอาการเลือดเป็นพิษ และก็ตายในเวลาต่อมา พอเหยื่อตายส่งกลิ่นเหม็น เจ้ามังกรโคโมโดนี่ก็จะไปตามกลิ่น แล้วก็จัดการฉลองซะ เป็นการฆ่าที่ทรมานเสียนี่กระไร ยังมีเรื่องแปลกของเจ้ามังกรนี่อีกอย่างค่ะ คือมันสามารถออกไข่และฟักไข่ได้โดยไม่ต้องอาศัยตัวผู้มาผสมพันธุ์เลย  ไม่ง้อว่างั้นเถอะ.. จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 22:20:23 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ฮิๆ มาติดตามสารคดี กับชีวิตรักสามสี่ห้าเส้า.... แซวเล่นนะคะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 2 ม.ค. 52 22:21:12 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มาดูพริมจังโหมดสาระ อิอิ โหวตให้ค่ะ จากคุณ : ลูกไก่พองลม - [ 2 ม.ค. 52 22:22:07 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มาชมด้วยคนค่ะ จากคุณ : เลมอน~ไอซ์ - [ 2 ม.ค. 52 22:23:37 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มีแต่พวกเฮฮาวู้ย จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 2 ม.ค. 52 22:26:24 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ธรรมชาติกับมนุษย์เป็นเพื่อนกัน อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ.. จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 22:30:17 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เฉพาะในเมืองไทย มีอะไรบ้างครับที่ต้องระวัง อ้อ...แมงกะพรุนกล่อง ไม่นับด้วยหรือครับ จากคุณ : granun - [ 2 ม.ค. 52 22:41:22 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อ่านแล้วกลัวจังค่ะ ^^''' แต่คิดว่าสัตว์ (และพืช) เหล่านี้ก็รักสงบประมาณนึงนะคะ ถ้าเราไม่ไปทำร้ายหรือยุ่งกับเค้า เค้าก็คงไม่ทำอันตรายเราหรอกมั้ง จากคุณ : ...ศุวิลา... - [ 2 ม.ค. 52 22:54:09 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มังกรโคโดะโมะ วิธีการฆ่าช่างสุดยอด กัดแล้วปล่อยให้ตาย  = ทำให้รักแล้วปล่อยให้เพ้อ ตายแล้วก็กลับมากิน = พอตัดใจได้แล้วก็กลับมาอีก !! สุดยอด จากคุณ : Kyo3 - [ 2 ม.ค. 52 23:15:21 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เข้ามาเสพ จากคุณ : หัวปลาทู - [ 2 ม.ค. 52 23:18:00 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คุณ granun เฉพาะในเมืองไทยก็มีมากมายหลายชนิดค่ะ จขกท.ยกมาแค่ไม่กี่ตัวอย่างเองจ้า.. คุณ  Kyo3 จินตนาการล้ำเลิศมากค่ะ...ผู้หญิงพิษร้ายแบบนั้นเลยเหรอค่า.. จากคุณ : primjang - [ 2 ม.ค. 52 23:29:58 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ข้อมูลของกลอย จากห้องจตุจักรครับ http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2008/02/J6313274/J6313274.html เกิดมาผมไม่เคยเมากลอยเลย อิ อิ (แค่คอยน้องนางกลอยใจ กร๊ากกก ๆ ) แถวบ้านมีพืชอีกชนิดคนแก่รวมทั้งแม่ผมเรียก "เพิ่ม" ครับตอนแรก ๆ ผมก็คิดว่ามันอันเดียวกะกลอยป่าวหว่าไม่แน่ใจครับเพราะ"เพิ่ม"ที่ว่ามันมีหนามอีกตะหากจะเป็นพวงหนามโดด ๆ เป็นช่อ ๆ เลยครับยาวราว ๆ  5 ซม ได้ แต่อันนี้ไม่เมาแน่  ๆ ครับไว้กลับบ้าน ตจว ผมจะถ่ายรูปมาให้ดูแล้วกัน อาหารพื้นบ้านบางอย่างอันตรายถ้าไม่รู้จักกินนะครับ อย่างต้นบุกและบอน กินแล้วคันคะเยอเชียว ^^ แก้ไข แมงมุมนี่บางพื้นที่ใน บอเนียว สุมาตรา หรือพวก ชาวป่าแอมะซอนก็หม่ำมันเหมือนกันนะครับ ต่อ แตนนี่บ้านเราก็กินกันหลายพื้นที่เหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 52 23:58:53 แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 52 23:56:42 จากคุณ : PUMPKINbig - [ 2 ม.ค. 52 23:55:15 ]

ความคิดเห็นที่ 38 มังกรโคโมโดนี่โหดสุดยอดจริงๆ จากคุณ : delpurero - [ 2 ม.ค. 52 23:59:20 ]

ความคิดเห็นที่ 39 พืชอีกชนิดที่รู้ว่ามีพิษก็คือ "รำเพย" เคยอ่านนิยายไทย (แต่คนเขียนอยู่ต่างประเทศ และเหตุเกิดในต่างประเทศ) ชื่อเรื่อง "รำเพยดอกสุดท้าย" ที่พูดถึงการฆาตกรรมโดยใช้พิษของรำเพยเป็นอาวุธ จากคุณ : เกียรตินำ - [ 3 ม.ค. 52 00:07:26 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ตัวแรกคุ้นๆแฮะ จากคุณ : ของเล่นใหม่ - [ 3 ม.ค. 52 00:21:33 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เจ้าตัวที่อยู่ในความเห็นที่ 23  สยองมากกกก ทำให้เรารู้จักห้อง ICU ครั้งเดียวในชีวิตก็เกินพอแล้วล่ะ จากคุณ : ตัวกลมๆผมม้า - [ 3 ม.ค. 52 00:23:41 ]

ความคิดเห็นที่ 42 กรี๊ด****เกือบเลื่อนหนีไม่ทัน ทารันทูล่า คิดว่าไม่น่าจะมี เห็นชื่อก็สยองแล้ว เค้า Phobia อ๊ะ จากคุณ : สาวพรหมจารี(รุ่นBeta) - [ 3 ม.ค. 52 00:30:57 A:125.26.81.189 X: TicketID:191399 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ตอนแรกนึกว่าจะมีแต่งู เหอๆๆ วันนั้นผมไปงานจุฬา วิชาการมา เค้าให้ลองจับเม่นทะเล ด้วย แสดงว่า ไม่ใช่ทุกตัวที่มีพิษสิครับเนี่ย?? คือ หนามๆที่เห็นมันก็ไม่ได้แข็งโด่ แล้วก็ไม่ได้แหลมด้วย ทู่ๆมากกว่า เม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็เคยมีคนบอกว่ามีพิษ ตอนแรกผมสงสัยว่าทำไมมันถึงแพงจัง พอได้เห็นต้นก็รู้เลย ต้นนึงมีอยู่ 5 เม็ดได้ เหอๆๆ จากคุณ : MondayCool - [ 3 ม.ค. 52 01:23:20 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ^ ^ ตอนไปดำน้ำมัวแต่กลัวจะเจองูทะเล โดนไปคงตายแหงแก๋ แค่สุดท้ายดันมาโดนเจ้าเม่นทะเลเล็กๆ ซะได้ ไม่ตายแต่ก็แย่อยู่เหมือนกัน มันจะปวดๆ ชาๆ แล้วพอเริ่มจะมึน หน้าก็เริ่มบาน ปากเริ่มบวม หูอื้อด้วยค่ะ รู้ตัวอีกทีก็อยู่โรงพยาบาลแล้ว ที่เคยโดนอีกตัวคือต่อ แต่ไม่ใช่ต่อหัวเสือ ไปเดินทำMVกลางดงดอกไม้ให้แม่ถ่ายรูป โดนเข้าไปเต็มๆ ร้องลั่นเลยว่า งูฉก!! (--") เหอๆ เพราะมันปวดจนยืนไม่ได้ ขาอ่อนจนทรุดไปเลย ส่วน River Toad ที่แม่ฮ่องสอนก็เจอนะคะ ชาวบ้านแถวนั้นก็เรียกหมาน้ำ เหมือนกัน และก็เคยรับดูแล Tarantula ให้เพื่อน มันก็น่ารักดีค่ะ เป็นสัตว์ที่สงบดี ..แอบถามนิดนึงว่า มนุษย์มีพิษมั้ยคะ? เราจะใช้พิษเราอย่างไร..อยากมีพิษบ้าง (^^)y จากคุณ : Queen of Convenience - [ 3 ม.ค. 52 01:41:42 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เข้ามาดู จากคุณ : yorch - [ 3 ม.ค. 52 02:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 46 #ความคิดเห็นที่ 43 พิษที่เมล็ดนั้นมีบริเวณเปลือกเมล็ดครับยาง(น้ำมัน) เอาไว้กำจัดหูด ไฝ ขี้แมงวันขนาดย่อม ๆ หรือเกลื้อนได้ ถ้าโดนผิวจะรู้สึกได้ว่ามันจะคันยิบ ๆ จนหนักเข้าจะแสบมาก ๆ เนื้อบริเวณที่โดนจะไหม้ถ้าโดนนานมากเหมือนกรดแต่รุนแรงน้อยกว่า จากคุณ : PUMPKINbig - [ 3 ม.ค. 52 05:01:06 ]

ความคิดเห็นที่ 47 23 ต่อหัวเสือมันตัวดำปิ๊ดแล้วคาดแดงแปร๊ดไม่ใช่เหรอ ในรูปทำไมตัวมันออกน้ำตาลๆ คาดเหลืองอ่ะ จากคุณ : Protector - [ 3 ม.ค. 52 09:32:06 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ตามมาให้กำลังใจเพื่อนในคห26ค่ะ ติดอันดับกะเค้าด้วย จากคุณ : Jamuay - [ 3 ม.ค. 52 10:19:05 ]

ความคิดเห็นที่ 49 จงโคร่ง เขาว่าพวกขโมยเอาหนังมันไปตากแห้ง เผารมควัน ให้คนในบ้านเป้าหมายสลบ แล้วบุกเข้าไปยกเค้าจนเกลี้ยงครับ จากคุณ : AW Milan - [ 3 ม.ค. 52 10:26:28 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณครับ ชอบบทความแบบนี้อีกแล้วครับ^^ ลืมปลาสิงโตหรือเปล่าครับ^^ แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 52 11:42:40 จากคุณ : Chordate - [ 3 ม.ค. 52 11:25:06 ]

ความคิดเห็นที่ 51 มังกรโคโมโด (Komodo Dragon) ^ ^ ^ ใครตั้งชื่อให้มันเนี่ยะ...ซะหรูเชียว เคิ๊กๆๆ give แรกของปีนี้พริมจังได้ไป เย้ๆ แต่ว่า มันน้อยไปป่าวงะ มีอีกมะ อิอิ ปล..อยากเป็นแม่สื่ออะ ต้องเขียนใบสมัครมั้ย แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 52 11:48:11 จากคุณ : Choco-Mix - [ 3 ม.ค. 52 11:47:23 ]

ความคิดเห็นที่ 52 *0* กระทู้มีสาระมากๆครับ มังกรโคโมโดเนี่ย รู้สึกคนอินโดนีเซียจะนำเนื้อมากินด้วยนะ พ่อเคยเล่าให้ฟัง ตอนไปทำงานที่อินโดนีเซีย กินเป็นประจำ จากคุณ : ตะเบ๊ะ - [ 3 ม.ค. 52 12:28:26 ]

ความคิดเห็นที่ 53 คุณ Protector..... ต่อหัวเสือเนี่ยจขกท. ค้นมากกว่าเพื่อนเลยหล่ะ รู้สึกสับสนกับรูปร่างมันเหมือนกันค่ะ เนื่องจากมันมีหลายชนิดมาก.. เดี๋ยวจะไปหาข้อมูลมาให้อีกทีนะคะ.. ปล.  Choco-Mix แม่สื่อมะเอาอ่ะ จะเอาล่าม... จากคุณ : primjang - [ 3 ม.ค. 52 12:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 54 มาโหวตให้แล้วค่ะ ... สาระดี จากคุณ : inita - [ 3 ม.ค. 52 12:53:39 ]

ความคิดเห็นที่ 55 แหม แต่ละอย่างที่น่ากลัว เป็นพิษนี่ สวย สวย ทั้งนั้น จำได้ว่า ดอกลำโพงเคยเห็นปลูกในโรงเรียนด้วย และในโรงเรียนมีเด็กตั้งแต่อนุบาล ยันมัธยม ถ้ามีเด็กเผลอทานเข้าไปนี่ จากคุณ : rosella - [ 3 ม.ค. 52 13:23:15 ]

ความคิดเห็นที่ 56 #22 tarantula ที่น่ากลัวไม่ใช่พิษครับ แต่เป็นขนพิษที่ก้นของมัน โดยทารันทูร่ากลุ่ม new world( พวกที่อยู่แถบอเมริกากลาง ) จะใช้วิธีเตะขนที่ก้นใส่ผู้บุกรุก ซึ่งขนที่ว่าจะคัน(มาก) และถ้าเข้าตาก็ถึงตาบอดได้ ปล...maxican fire leg ที่เลี้ยงมา 3 ปี พึ่งตายฉลองปีใหม่ T T จากคุณ : ... (ผีกะหล่ำ) - [ 3 ม.ค. 52 13:58:49 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เอาภาพรังของต่อหัวเสือมาโพสแทนนะคะ.. จากคุณ : primjang - [ 3 ม.ค. 52 15:10:03 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณมากๆ ค่ะ ^ ^ จากคุณ : Pattamas - [ 3 ม.ค. 52 16:22:20 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณกับสาระดีๆค่ะ คุณพริม จากคุณ : ป้าชื่อเห็ดโคน - [ 3 ม.ค. 52 16:24:59 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ^ ll ll รังสวยงามมากอ่ะ  O[]o จากคุณ : ~HaShu_ShiNaMon~ - [ 3 ม.ค. 52 16:40:58 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณครับ จากคุณ : สมชาย - [ 3 ม.ค. 52 17:16:38 A:192.168.0.17 X:118.175.94.54 TicketID:187997 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ในความโหดมักมีความพิเศษแฝงอยู่เสมอจริงรึเปล่าครับ ผมรู้สึกอย่างนั้นนะ คล้ายกับจะเป็นสิ่งชดเชยจากธรรมชาติ ขอบคุณสำหรับสาระดีๆที่นำมาแบ่งปันกันครับ.... แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 52 17:58:11 จากคุณ : เข้มเท่านั้น - [ 3 ม.ค. 52 17:18:43 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณครับ สำหรับความรู้    เก่งจัง จขกท. จากคุณ : nuk9999 - [ 3 ม.ค. 52 18:16:53 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากครับกระทู้มีสาระ อิอิ ผมเขียน thesis มึน ๆ แวะเข้ามาอ่านสนุกดีครับ ได้อารมณ์แบบดูรายการกระจกหกด้าน 555+ สำหรับ ความคิดเห็นที่ 10 เรื่องยางมะม่วงหิมพานต์น่ะครับ ผมว่ายางที่เป็นพิษไม่ได้อยู่ที่ต้นหรือใบ(ยอดอ่อน ๆ กินได้)ครับ แต่เป็นยางจากเมล็ดมากกว่าครับ เพราะยางที่มาจากต้นมีลักษณะเหมือน กาว ใช้ติดกระดาษแก้วตอนทำว่าวได้ครับ สมัยเด็ก ๆ เคยเล่นครับ แต่ถ้าจากเมล็ดนี่มีพิษตามที่เขียนไว้ครับ +^-^+ จากคุณ : AK_SICHON - [ 3 ม.ค. 52 18:51:39 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ตามคห 4 แล้ว จขกท มีพิษเยอะรึปล่าวครับ ชอบที่คุณพริ้มมาแจกความรู้ที่มีสาระครับ จากคุณ : mama i love u - [ 3 ม.ค. 52 20:21:31 ]

ความคิดเห็นที่ 66 น่ากลัวได้ใจครับ จากคุณ : ตึกเก่า - [ 3 ม.ค. 52 21:12:04 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ^ ^ แล้วในรูปนี่มีพิษมั๊ยครับ จากคุณ : meddy hao - [ 3 ม.ค. 52 22:10:58 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณ ตุณ primjang สำหรับกระทู้ดี ๆ และเข้ามายืนยันว่า ..มะม่วงหิมพานต์ไม่ได้มีพิษ.....ไปเสียทุกส่วน มะม่วงหิมพานต์ มีชื่อเรียกในภาษาถิ่นใต้หลายชื่อ เช่น ท้ายล่อ หัวครก ยาร่วง กาหยี กาหยู  ฯลฯ มีอยู่ 3 ส่วนที่นำมารับประทานได้ - ยอดอ่อนเรียกกันว่า “ ยอดยาร่วง “ รสเปรี้ยวฝาดเล็กน้อย นำมาหน่อ (เครื่องเคียง) “ แกงพุงปลา “ หรือแกงไตปลาในภาษาไทยภาตกลาง และพบเห็นกันบ่อยเพราะนำมาหน่อ..ขนมจีนปักษ์ใต้ - ผลสุก พบบ่อย มี สีแดงอมชมพู กับ สีเหลือง ผลสุกเนื้อฉ่ำน้ำ รสชาติของเนื้อผล หวานอมเปรี้ยว มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นิยมนำมาผ่าเป็นซีกและนำมาจิ้มเกลือหรือแช่น้ำเกลือก่อนรับประทาน ทานแล้วจะรู้สึกระคายคอเล็กน้อย ปัจจุบันมีการนำผลสุกมาคั่นน้ำบรรจุขวด เป็นสินค้าส่งออกด้วย - เมล็ดของผล เรียกชื่อภาษาถิ่นใต้เช่น เม็ดท้ายล่อ เม็ดท้ายครก เม็ดของผลจะยื่นออกมาใต้ผล ผลสุกแล้วชาวบ้านจะเด็ดผลและเมล็ดแยกจากกัน จากความทรงจำ....... เมล็ดมะม่วงหิมพานต์เมื่อรวบรวมไว้ได้จำนวนมาก จะนำมาใส่ภาชนะเช่น ถาดปากกว้าง ถังน้ำมันก๊าดผ่าซีก หรือตะกงยางเก่า ๆ (ตะกงยาง = ถาดใส่น้ำยางพาราในการทำยางแผ่น) นำมาคั่วบนกองไฟที่ก่อไว้บนพื้นดิน จนน้ำมันในเมล็ดออกมาและติดไฟ ช่วงนี้ต้องระวังน้ำมันที่ออกมาให้มากอย่าให้กระเด็นโดนเนื้อตัว... พอได้ที่ จัดการคว่ำภาชนะที่ใช้คั่วเม็ดมะม่วงลงกับพื้นดินแล้วรีบดับไฟ.... หลังจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของเด็ก ๆ จะช่วยกันกะเทาะเนื้อเม็ดมะม่วงออกมาจากเมล็ดที่ข้างนอกเป็นถ่านไปแล้ว.... เม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่คั่วแบบบ้าน ๆ ตามที่เล่ามา กินเล่นก็อร่อย หรือถ้าจะให้ดีนำเม็ดมะม่วงมาตำน้ำพริก น้ำพริกลูกท้ายล่อ...........อร่อยมากกกกกกก   พิมพ์ไปน้ำลายหกไป ภาพประกอบจาก http://www.flickr.com http://www.google.com แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 52 23:02:53 แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 52 23:01:07 จากคุณ : Heron - [ 3 ม.ค. 52 22:59:05 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 4 ม.ค. 52 00:01:53 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณคร้าบ สำหรับความรู้ดีๆ จากคุณ : Lionia - [ 4 ม.ค. 52 01:27:07 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ดีจังเลยค่ะ มีสาระดีมากๆ บางอย่างไม่เคยรู้เลยว่ามันมีพิษนะเนี่ย  (กลอย กับ ต้นลำโพง) ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ จากคุณ : คิน * คาเนะ - [ 4 ม.ค. 52 01:54:03 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เจอประโยคว่า บ้าลำโพงเข้าไปนี่ คิดถึงพวกหูทองเลย ลำโพงตัวละล้าน บ้าลำโพงแน่ๆ จากคุณ : GSP1 - [ 4 ม.ค. 52 02:43:58 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เข้าใจว่าพิษของสัตว์ทะเลบางชนิดเป็นเอ็มไซม์ ครับ ดังนั้นจึงต้องประคบด้วยของร้อน(เน้นว่าต้องร้อน)เพราะจะไปยับยังหรือทำลายฤทธิ์ของเอ็มไซม์ได้ครับ จากคุณ : เฮียมี่ - [ 4 ม.ค. 52 07:11:11 ]

ความคิดเห็นที่ 74 จำได้ว่าตอนไปเข้าค่ายลูกเสือที่สัตหีบ พี่ๆทหารสอนว่าเม่นทะเลกินได้ครับ แต่กินได้เฉพาะส่วนที่เป็นไข่สีเหลืองๆอมส้มเท่านั้น  ถ้าแตะส่วนอื่นก็ลาก่อนครับ แต่ยังไงก็อย่าไปยุ่งดีกว่าถ้าไม่มีความชำนาญครับ เป็นอะไรขึ้นมาไม่คุ้ม ตอนพี่ทหารเอาให้กินผมยังไม่กล้ากินเลย - -" จากคุณ : kurokatt - [ 4 ม.ค. 52 08:02:52 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ชอบมังกรโคโมโดจังเลย อยากรู้จังว่าในน้ำลายที่ว่ามีแบคทีเรียมากกว่า 50 ชนิดนั้น เป็นแบคทีเรียชนิดไหนมั่ง... ขอบคุณมากนะคะที่นำความรู้ที่มีประโยชน์มาแบ่งปันกัน จากคุณ : มังก๊อน มังกร - [ 4 ม.ค. 52 10:06:21 A:124.121.43.184 X: ]

ความคิดเห็นที่ 76 ต่อหัวเสือก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกันครับ บางคนโดนต่อยแล้วแพ้มาก ๆ ก็ถึงตายได้ เคยมีเพื่อนสมัยเรียนมัธยม โดนต่อ (ไม่รู้ใช่หัวเสือมั้ย) ต่อยจนผมตรงนั้นหงอกหมด โกนออกขึ้นใหม่ก็หงอกเหมือนเดิม จากคุณ : AW Milan - [ 4 ม.ค. 52 10:23:57 ]

ความคิดเห็นที่ 77 รังต่อหัวเสือ ถ้าหาอะไรไปอุดตรงรูนั้น มันจะมีทางลับเพื่อออกมาข้างนอกได้ไหมครับ จากคุณ : mm_takky - [ 4 ม.ค. 52 11:04:55 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ึ#74 เม่นทะเลกินได้จริงเจ้า จริงๆ ก็จับได้ด้วยมือเปล่านะ แต่ต้องระวังหนามเล็กๆ ี่อยู่บนหนามอีกที และเมื่อโดนหนามเม่นตำ ก็จะเจ็บ แต่ว่าหนามของมันเป็นโปรตีนที่ร่างกายย่อยได้น่ะ ถ้าโดนไม่มาก ปวดสักคืนก็หาย และตรงด้านล่างของตัวมันจะเป็นหนามสั้นๆ ที่ญี่ปุ่น พอเขาจับมันขึ้นมาก็จะเอาใส่เข่ง เขย่าๆ ให้หนามมันหักหมดก่อน คราวนี้จะต้มยำทำแกงอะไรก็ได้แล้วจ้ะ จากคุณ : กรอร (koraon) - [ 4 ม.ค. 52 14:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 79 โห  ไม่มีใครคิดจะเอาลำโพงไปทำยาเสพย์ติดมั่งเหรอจะได้ตายไวขึ้น อ่ะล้อเล่น จากคุณ : ก้านดอกบัว - [ 4 ม.ค. 52 18:55:13 ]

ความคิดเห็นที่ 80 #1 ทะเลทรายที่มีน้ำใสสะอาด อิอิ อ่านแล้วตลกดี จากคุณ : Mr.Whisper (wsteven) - [ 4 ม.ค. 52 19:18:36 ]

ความคิดเห็นที่ 81 #79 เอาไปทำ(เข้า)ยา มากกว่าครับ ขืนเสพ ตายแหงแซะ จากคุณ : srich - [ 4 ม.ค. 52 19:37:22 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณครับ มีสาระ ดีจริงๆ...^_^ เคยไปที่เกาะแสมสาน เพื่อนผมหงายหลังลงดงเม่นทะเลเลยทีเดียว ต้องมานั่งทุบให้ละเอียดกันอยู่นานสองนาน...ทุบไปจ๊ากไป เฮ้อ... หวาดเสียว... จากคุณ : โปติ่น - [ 5 ม.ค. 52 03:23:45 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เข้ามาแวะชมกระทู้คุณพริมค่ะ เหนมะม่วงหินมะพานแล้วหิวตะหงิดๆ จากคุณ : maikeet - [ 5 ม.ค. 52 10:41:22 ]

ความคิดเห็นที่ 84 5 5 5 เม็ดมะม่วง อยากๆๆๆ สาระดีมีคุณค่า ครับ จากคุณ : eping - [ 5 ม.ค. 52 11:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ไม่มี "ผู้หญิง" อยู่ในสารบัญหรือครับ ยิ่งสวย ยิ่งพิษร้่ายนัก อาการ เห็นแล้วใจจะสั่น ตาค้าง คอเอี้ยว เหลียวไปมองจนคล้อยหลัง พอจะมียาแก้ไหมครับ จากคุณ : น้องหยิก - [ 5 ม.ค. 52 13:15:02 ]

ความคิดเห็นที่ 86 กระทู้สาระน่ารักตามสไตล์คุณพริมจริงๆ ขอบคุณครับคุณพริม จากคุณ : ไม้ไผ่โย่ง - [ 5 ม.ค. 52 13:18:05 ]

ความคิดเห็นที่ 87 สาระดีๆ อีก แล้วครับ ว่าแต่ คุณ พิมจัง ชอบหนังโหด เหรอครับ ..... แล้วคุณพิมจัง กินคนแบบปอมซังรึเปล่าอ่ะ -.- จากคุณ : vn, man - [ 5 ม.ค. 52 13:21:31 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ^ ^ ปอมซังกินคน....พริมจังมะกินจ้า...ฆ่าอย่างเดียว... จากคุณ : อ่ะ ล้อเล่งนะ.. (primjang) - [ 5 ม.ค. 52 16:11:15 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ต้นลำโพงเห็นปลูกกันเป็นไม้ประดับกันแยะเลย น่าจะมีบอกด้วยว่ามีพิษเดี๋ยวเด็กๆเอาใส่ปากทำไงล่ะเนี่ย ปล.สาวๆสวยๆก็พิษร้ายครับ แค่มองพิษก็แล่นเข้าสู่หัวใจแล้ว แหล่งที่พบส่วนใหญ่ตามสยามสแควร์และที่เที่ยวต่างๆ ยิ่งสวยพิษยิ่งแรง อาการที่พบคือจะทุรนทุราย บางรายที่แพ้อาจทรมานเป็นระยะเวลาหลายเดือน จากคุณ : cy (CyberBiz) - [ 6 ม.ค. 52 01:13:38 ]

ความคิดเห็นที่ 90 เจอหอยเม่นตำ ให้ ฉี่ใส่ รับรองหายปวด Confirm !!!! จากคุณ : PrinceOfSomething - [ 6 ม.ค. 52 01:45:11 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ...เข้ามางง จากคุณ : Mr. Fiction (pon2007) - [ 6 ม.ค. 52 10:12:54 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ขอบคุณค่ะได้ความรู้มากมาย... จากคุณ : tiNgrOyArrAi - [ 6 ม.ค. 52 12:00:48 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ... เข้ามาดม จากคุณ : ห้ามวางไว้ไกล้เด็ก - [ 6 ม.ค. 52 12:12:27 ]

ความคิดเห็นที่ 94 เข้ามาชื่นชม จากคุณ : ไม่มีการศึกษา - [ 6 ม.ค. 52 14:23:08 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ขอบคุณค่า  ได้ความรู้เยอะมากๆ เลย เพิ่มให้นิด ว่า ยอดใบมะม่วงหิมพานต์ ก็ทานได้นะ  แถวบ้านเรียกยอด แตแหร  ทานแบบเป็นผักน้ำพริกอะค่ะ   เม่นทะเล  พิษเค้าเป็นโปรตีนนะค่ะ ไม่ต้องทุบก็ได้  ทนๆ ซักพักใหญ่  เดี๋ยวก็หาย (ถ้าไม่มากมาย และไม่แพ้)  เราโดนจนชินแล้วค่ะ   เลิกกลัวไปเลย จากคุณ : spy_mini - [ 6 ม.ค. 52 15:34:23 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ มายืนยันว่ากลอยอร่อยมาก 555 ปล. เด็กบ้านนอกอย่างข้าน้อย กินมะม่วงหิมพานต์มาแล้ว จากคุณ : หน่วยต่อสู้อากาศยาน - [ 6 ม.ค. 52 16:58:31 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ล่าสุดไปเที่ยวเขาค้อมา เจอต้นที่หน้าตาคล้ายๆ "ต้นลำโพง" แต่ดอกสีขาวค่ะ เข้าไปยืนจับถ่ายรูปด้วยนานสองนาน จะเป็นอะไรไหมคะ? หรือว่าเป็นแค่พืชที่มีลักษณะคล้ายๆกันเฉยๆ จากคุณ : livalrate - [ 6 ม.ค. 52 17:16:05 ]

ความคิดเห็นที่ 98 .......... ..... รูปประกอบในความเห็นที่ 89 มีพิษไหมล่ะนั่นน่ะ ^_^ จากคุณ : กรประเสริฐ - [ 6 ม.ค. 52 17:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 99 กระทู้ดีๆและน่ารักตามสไตล์ คุณพริม ขอบคุณนะคะ เมื่อหลายปี(มากๆ)มาแล้ว แถวๆสมุย พงัน เห็นเค้าก็เอา ไม่แน่ใจว่าดอกหรือเม็ดต้นลำโพงมาเป็นเมนูประกอบในอาหารอย่างหนึ่ง ฝรั่งฮิตมาก ตกดึกก็เห็นไปอยู่โรงพักกันเพียบ เค้าว่า ฝรั่งเมาลำโพง โวยวาย โว้กๆ เอาไปสงบสติอารมณ์ในห้องขัง แล้วเช้าค่อยปล่อยตัวออกมา ตอนนั้นไปพักใกล้โรงพักน่ะ สงสารก็สงสาร น่ากลัวก็น่ากลัว จากคุณ : บินไปในฟ้ากว้าง - [ 6 ม.ค. 52 19:05:53 ]

ความคิดเห็นที่ 100 เข้ามาตอบให้กับคุณ livalrate ลำโพง ในไทยมี 2 แบบ - Thorn apple Family: Solanaceae Genus: Datura ดอกเหมือนปากแตร ดอกสีขาว บานออกทางข้างเหมือนดอกไม้ทั่วไป ผลเป็นหนาม มีเมล็ดอยู่ข้างใน พันธุ์นี้มีมานานแล้วในเมืองไทย - Brugmansia Family : Solanaceae Genus: Brugmansia ดอกเหมือนปากแตร ดอกมักบานคว่ำหน้าลง มีหลากสี นิยมปลูกในสวนเป็นไม้ประดับ > ภาพตามความเห็นที่ 13 ลำโพงทั้ง 2 แบบ เมล็ดมีฤทธิ์เหมือนกัน อย่าให้มีในบ้านเป็นดีที่สุด กินเม็ดของมันเข้าไปเป็นบ้าถาวรครับ รักษาไม่หาย ข่าวสามเณรกินลำโพง http://www.ubmthai.com/leksoundsmf3/index.php?topic=32328.msg227490 จากคุณ : Yang Tone Yai - [ 6 ม.ค. 52 22:01:10 A:125.24.43.111 X: TicketID:164142 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ขอบคุณมากค่ะ ถึงจะมีพิษแต่เม็ดมะม่วงหิมพานก็อร่อยมากก...ของโปรด จากคุณ : kekodes - [ 7 ม.ค. 52 00:02:48 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ที่บ้านมีรังต่อหัวเสือใหญ่เหมือนกัน อยู่เป็นปี ไม่กล้ตัดต้นไม้ใกล้ๆเลย กลัวโดนมันต่อย วันดีคืนดี มันก็ทิ้งรังไปซะงั้น ไม่รุ้เพราะอะไร จากคุณ : ก้าวไปตามใจฝัน - [ 7 ม.ค. 52 11:35:30 ]

ความคิดเห็นที่ 103 เข้ามาชม ลูกสาวแสดงความขอบคุณ แต่หาไม่เจอ T-T แต่ถ้าดูจริงๆผมว่า รูปในคห.89 นี่และพิษร้ายสุดๆ เกิดผู้นงผุ้นำมาเห็นเข้าแล้ว sheสั่งให้กดระเบิดลงตูมๆทำไงละนี่ ฤทธิ๋สตรีนั้นร้ายกว่านั้นแล แต่ถ้าเป็นแบบรูป89 ต่อให้ตายก็ยอมจ้า น่าฟัด เอ๋ยน่ารักสะขนาดนี้ เอิ๊กๆ จากคุณ : T-TprincecryT-T - [ 7 ม.ค. 52 15:51:49 ]