ความคิดเห็นที่ 1 เอายังงี้เลยนะครับ ผมจะขออนุญาต เอาลงทีละส่วนๆ จะได้เข้าใจคำถามผมครับ คือ การทดลองก็คือ เข้าในนั่งในรถครับ แล้วอาจารย์จะมีคอมพ์ ซึ่งใช้เป็นตัววัดค่าต่างๆ ออกมา ซึ่งรถจะถูกเร่งเครื่องในจนถึงที่ความเร็วค่าหนึ่ง ให้เป็น  25 เมตร ต่อ วินาทีแล้วกันครับ แล้วล็อคความเร็วนี้ไว้ จากนั้น อาจารย์แกก็ประมาณว่า ทุบพวงมาลัย หมุนซ้ายหมุนขวา มั่วๆ ให้รถมันส่ายไปส่ายมา ซ้ายบ้างขวาบ้าง เพื่อที่จะได้ชื่อว่า ใส่ Random Steer Input เข้าไปให้รถ มีหน่วยเป็น องศา degree ครับ จากคุณ : ^^PIANIST^^ - [ 15 ม.ค. 52 06:44:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ค่าต่างๆ ที่วัดได้จากคอมพ์ตอนทำการทดลองก็มีดังนี้ครับ กราฟแรกครับ (ไม่น่าจะเกี่ยว) เป็นการกระจัดของรถ และตำแหน่งที่มันเคลื่อนไปในการทดลองเฉยๆ ครับ จากคุณ : ^^PIANIST^^ - [ 15 ม.ค. 52 06:49:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กราฟที่สอง น่าจะเกี่ยวครับ บนสุดเป็น ค่า random steer angle input ที่เราใส่เข้าไปครับ (ขับโดยอาจารย์) หน่วยเป็นองศาครับ ตรงกลางเป็นค่า Lateral Acceleration ความเร่งด้านข้างของรถครับ ล่างสุดเป็น yaw rate ซึ่งทั้งความเร่งและ yaw rate ถือเป็น output ครับ จากคุณ : ^^PIANIST^^ - [ 15 ม.ค. 52 06:53:16 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ข้อมูลชุด 3 ก็เป็น response ของรถครับ แต่ไม่น่าจะได้ใช้ในคอร์สเวิร์คนี้ เรียงจากบนลงล่างก็คือ ความเร็วรถ (longitudinal speed) ความเร็วด้านข้าง (lateral speed) Pitch แล้วก็ Roll ครับ จากคุณ : ^^PIANIST^^ - [ 15 ม.ค. 52 06:55:43 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ข้อมูลชุดที่ 4 เป็นส่วนของเครื่องยนต์ เช่นเคย ไม่น่าจะได้ใช้ แรงบิดของเครื่อง แล้วก็รอบเครื่องครับ จากคุณ : ^^PIANIST^^ - [ 15 ม.ค. 52 06:56:50 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ข้อมูลชุดสุดท้าย ชุดที่ 5 ก่อนจะเริ่มทำงานครับ เป็นข้อมูลความเร็วในการหมุนของล้อทั้งสี่ คงไม่ได้ใช้แน่นอน คงไม่ต้องรู้กระมังครับว่าสีไหนล้อไหน จากคุณ : ^^PIANIST^^ - [ 15 ม.ค. 52 06:58:04 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คำสั่งข้อแรกครับ i) Provide a plot which shows when the random steer starts and stops. Hence which section you will use for frequency response analysis. ก็คือเอากราฟที่ได้จากการทดลองนั่นแหละ ให้มันไปเลย ง่ายๆ เลย... แต่มันติดตรงไอ้ Frequency response ผมไม่เข้าใจเท่าไหร่เกี่ยวกับนิยามของมันครับ ทำไมเราต้องพล็อต frequency response อะไรนั่นอีก ในเมื่อเราก็ได้ เข้ามูลทั้งความเร่ง pitch, yaw, roll อะไรเรียบร้อยแล้ว ผมอ่านมา เค้าบอกว่า ไอ้ สัญญาณเนี่ย สมมุติมาเป็นรูปร่างมั่วๆ ไม่รู้เป็นคลื่นไซน์ หรือคอส หรือรูปอะไรก็แล้วแต่ สามารถแตกตัวออกมาให้อยู่ในรูปของคลื่น sine หลายๆ คลื่น ที่มี ความถี่เท่ากันหมด แอมพลิจูดต่างกัน และเฟสต่างกัน... เอ หรือว่า แอมพลิจูดเท่ากัน แต่เฟสต่างกัน ? อีกอย่าง สัญญาณต้องซ้ำ (periodic) ไอ้เจ้านี่เป็นแบบ random แถมยังไม่สิ้นสุด ไม่ซ้ำกันเลย มันไม่สามารถประมวลผลได้ เลยต้องพยายามจัดรูปให้มันเป็นช่วงๆ (periodic) นั่นคือที่มาของการตัดสินใจว่า จะเอาช่วงไหนถึงช่วงไหน --- ผมเข้าใจอย่างนี้ถูกหรือเปล่าครับ ? จะได้เอาไปอธิบายเพื่อนได้ครับ ไม่อยากทำเพราะว่าทำตามคนบอก อยากทำอย่างเข้าใจ จากคุณ : ^^PIANIST^^ - [ 15 ม.ค. 52 07:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ข้อสองครับ ii) Given i) Explain what section duration, T, you will use for the Welch Method นั่นไงครับ มันมาแล้ว ไอ้เจ้า Welch Method มันคืออะไรครับ ? ผมอ่านตามเน็ตมันบอกว่าเป็นวิธีหนึ่งในหลายๆ วิธีเพื่อจะหาค่า PSD - Power Spectral Density ซึ่งจะพล็อตควบกับค่าความถี่ (frequency) ซึ่งก็ไม่เข้าใจอยู่ดีครับ เราจะหา PSD ไปเพื่ออะไรหรือครับ ? แล้วไอ้ section duration T เนี่ย มันคืออะไร แล้วเราควรเลือกให้มันกว้าง แคบแค่ไหนอย่างไรครับ ในข้อ หนึ่ง ข้างบน จากคุณ : ^^PIANIST^^ - [ 15 ม.ค. 52 07:13:12 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ข้อ 3 นะครับ iii) Produce plots of PSD of steer angle, coherence of steer angle to lateral acceleration, and frequency response of steer angle to latacc. against frequency. Use the coherence plot to determine a suitable frequency range. ข้อนี้ต้องพล็อต 3 กราฟ จากความเข้าใจ มีกราฟ PSD (VS frequency) ของ steer angle น่าจะใช้ Welch method ในการหา ??? แล้วติดที่ว่า range ของความถี่ ควรจะอยู่จากไหนถึงไหนครับ แล้วดูจากอะไรครับ ? กราฟที่สองคือ Coherence plot ของ steer angle กับ Acceleration ซึ่ง ตามความเข้าใจ มันจะบอกว่า ไอ้ข้อมูลสองตัวนี้ มันมีความใกล้เคียง กันมากแค่ไหน ค่าของกราฟจะอยู่ระหว่าง 0-1 ถ้า 1 ก็คือเหมือนกันเลย แต่ถ้า 0 คือข้อมูลสองตัวนี้ ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ยังงี้ถูกหรือเปล่าครับ ? คำถามก็คือ แล้วเราจะพล็อตกราฟนี้ทำไมครับ มันบอกอะไรเราได้  ? บางตำราก็บอกว่า ค่าของ coherence จะบอกว่า ไอ้ output นี่มันมีความเป็น linearity ต่อ input มากน้อยแค่ไหน --- หมายความว่า ถ้าค่าเป็น 1 หรือใกล้เคียง, การตอบสนองของรถยนต์ต่อการหมุนพวงมาลัย เป็นความสัมพันแบบเส้นตรง linear ... แล้วมันดียังไงครับ ? กราฟที่สามสุดท้าย ก็คือให้พล็อต Frequency response ของ ค่าความเร่ง lateral acceleration นั่นก็คือคล้ายๆ กับกราฟที่เราได้มาจากการทดลอง ในชุดที่ 2 ใช่หรือเปล่าครับ เพียงแต่คราวนี้เราเปลี่ยนวิธีแสดงผล เข้าโหมด Frequency domain... ซึ่งน่าจะหมายถึงให้พล็อต Bode Diagram ซึ่งจะได้ออกมาสองส่วน คือ 1. Magnitude VS Frequency 2. Phase VS Frequency คำถามก็คือ ทำไมอะครับ ? ในเมื่อเราได้กราฟของความเร่งต่อการหมุนพวงมาลัยจากคอมพ์เรียบร้อยแล้วนี่หน่า ? คำถามแถมครับ What banwidth did the driver achieve in this random steer test ? มันคืออะไรเหรอครับ ? หายังไงครับ แล้วจะรู้ไปทำไม ? อีกอย่างครับ คือ เคยลองคำสั่งที่ว่า fft - Fast Fourier Transform ดูครับ แล้วก็ยังงง ว่ามันให้อะไรเรา บ้างก้ว่าใช้หา PSD ตกลง fft กับ Welch's Method ต่างกันไหมครับ ? จากคุณ : ^^PIANIST^^ - [ 15 ม.ค. 52 07:34:44 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สุดท้ายแล้วครับ อยากจะขอโทษจริงๆ ที่ต้องใช้กระทู้ถามงาน แต่มันมืดตึ๊บไปหมดแล้วครับ แล้วก่อนถามนี่ก็พยายามหาค้นคว้าด้วยตัวเองมาเยอะพอสมควรแล้วครับ แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี หาอ่านในเน็ต มันก็พูดแต่วิธีหา พูดแต่พื้นฐานเดิมๆ ของมัน เกาไม่ถูกที่คันซักเว็บเลยครับ ถ้าจะถามว่า ทำไมไม่ถามอาจารย์ อาจารย์ไม่อยู่แล้วครับ ท่านมีผ่าตัดขา เป็นอุบัติเหตุสุดวิสัย ชั่วโมงเรียน 100 แกได้สอนไม่ถึง 20 เลยครับ ในชั้นไม่มีใครเข้าใจเลย (ไม่อยากจะโทษอาจารย์เลยนะ แต่มันก็...)   กระผมเรียน Vehicle Dynamics Simulation ครับ แล้วก็เรียนวิชา Control Engineering เป็นพื้นฐานมานิดเดียว ยังมีอะไรที่งงๆ อยู่ เลยต้องได้มาถาม เห็นว่าวิศวะเยอะ อย่างไรก็ดีช่วยแนะนำเป็นวิทยาทานหน่อยนะครับ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 07:40:30 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 07:37:34 จากคุณ : ^^PIANIST^^ - [ 15 ม.ค. 52 07:37:06 ]

ความคิดเห็นที่ 11 -*- ยังอ่านไม่หมด แต่สงสัยว่า คุณเรียน Laplace แล้ว แต่ไม่รู้เรื่อง FFT ได้ไงเนี่ย....มันเรียนก่อน Laplace อีกนะ What bandwidth did the driver achieve in this random steer test ? คำตอบจะได้จากการ Bode plot ครับ...... จาก คห.7 คุณเข้าใจถูกแล้วละ.....เราสามารถสร้างสัญญาณรูปต่างๆด้วยผลรวมของ sin cos ที่ Amplitude และ Phase ต่างๆกัน... แต่ผลที่ได้คือ มันจะเป็น Periodic signal ..... เราเลยต้องกำหนดช่วงที่เราสนใจขึ้นมาด้วย จากคุณ : ginosty - [ 15 ม.ค. 52 08:31:29 ]

ความคิดเห็นที่ 12 FFT คือ Fast Fourier Transform เป็นอัลกอริธึมใช้แปลงข้อมูลจาก spatial domain มาเป็น frequency domain จากคุณ : ชาเขียว - [ 15 ม.ค. 52 09:03:09 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สรุป อาจารย์เค้าอยากสร้าง model การตอบสนองของรถต่อการหมุนพวงมาลัย (ปัญหานี้น่าจะเป็น non-linear) เอาง่ายๆ ที่เค้าแปลงเป็น F domain ก็เพื่อใช้คณิตศาสตร์ได้ง่ายขึ้น (จาก T-domain ในรูป diff-equation ไปเป็น algebra-equation ใน F-domain) แต่จริงๆ มันก็ไม่ง่ายอะ ถัดมาคือใช้ทดสอบ stability ของระบบได้ (ระบบควบคุมได้หรือเปล่า) สุดท้ายก็ใช้ออกแบบตัวควบคุม จากลักษณะคำถาม ผมว่าคุณอย่าไปไล่อ่านใน net เลย มันไม่สมบูรณ์ ตอบในนี้ยิ่งงงตายห่าน ยอมเสียเวลาสัก 3-4 อาทิตย์ปรับพื้น อ่านหนังสือ พวก signal and system หรือ control (ของ ogata นี้อ่านก่อนเลย) ของพวก ปี 2-3 ดูก่อน ถัดไปก็พวก หนังสือ systems modeling หรือ system and control หรือ non-linear system ทั้งหลาย จากคุณ : C2minus - [ 15 ม.ค. 52 10:16:10 ]

ความคิดเห็นที่ 14 Frequency response สำคัญนะคะ ในที่นี้ไม่ได้ทำไปเพื่อจุดมุ่งหมายด้านคณิตศาสตร์ ลองจินตนาการดูนะคะ ถ้าเราหมุนพวงมาลัยไปมาด้วยความรวดเร็ว เร็วมากๆ รถมันจะส่ายซ้ายทีขวาที ถี่ยิบแบบที่เราต้องการได้มั้ย เปรียบเทียบกับถ้าเราค่อยหมุนซ้ายหมุนขวาช้าๆ นี่แหละคือการตอบสนองทางความถี่ นั่นคือ ดูว่า output มี gain เท่าไหร่เมื่อ input มีความถี่ต่างๆกัน ซึ่งในที่นี้ เดาว่ายิ่งความถี่สูงก็ยิ่งตอบสนองน้อยลง จนกระทั่งไม่ตอบสนองเลย จากคุณ : แมวบอส - [ 15 ม.ค. 52 17:58:26 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คห. 11 ครับ FFT ผมเรียนหลัง Laplace อีกครับ ซึ่งมันอยู่คนละวิชาเลย จากคุณ : puritat07 - [ 17 ม.ค. 52 18:16:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตอบ คุณ จขกท. นะครับ ข้อแรก ขออธิบายตามประสาคนจบไฟฟ้านะครับ คงไม่ว่ากัน สัญญาณอะไรก็แล้วแต่ มันจะมีความถี่ในตัวมัน ซึ่งอาจจะมีหลายช่วงความถี่ได้ครับ โดยที่มันจะอยู่ในรูปของ sine โดยมี amplitude ต่างๆ และอาจจะมี phase ที่ต่างกันได้ ตามที่เข้าใจน่ะแหละครับ แต่ทีนี้มันอาจจะมีมากกว่า 1 pattern ก็ได้ครับ เช่นสัญญาณ Rect(t,T) ตัวเดียวนั้น พล็อตออกมาเป็น frequency domain ได้เป็น Sinc Function เลยครับ สัญญาณ input นั้น จะ periodic หรือ non-periodic ก็ได้นะครับ ยังไม่มีนัยสำคัญในข้อนี้ แต่ถ้า periodic ล่ะก็ พล็อตออกมาใน frequency domain แล้วกราฟไม่ต่อเนื่องแน่นอนครับ ว่ากันไปยาว ยังไม่ได้ตอบคำถามเลย เจ้า frequency response H(w) ก็คือสิ่งที่เจ้ากล่องดำนั้นมันกระทำกับ input น่ะแหละครับ หรือที่เรียกว่า Transfer Function นั่นเอง โดยที่เป็น Frequency Domain เพียงแต่ Transfer Function นั้นเกิดจากการแปลง Laplace H(s) ครับ ส่วนถ้าอยู่ใน Time Domain เราจะเรียกว่า impulse response h(t) ครับ จากคุณ : puritat07 - [ 17 ม.ค. 52 18:25:42 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ดูจากคำถามข้อสองแล้ว น่าจะให้ดูช่วงความถี่ที่เหมาะสม โดยดู phase response นะครับ ว่าช่วงไหนที่มี response ที่เป็น linear phase ก็ดึงเอาช่วงความถี่นั้นมาใช้คำนวณหา response โดยใช้ Welch Method อ่ะครับ โดยดูช่วงที่มัน periodic กัน จากคุณ : puritat07 - [ 17 ม.ค. 52 19:03:46 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คำถามข้อที่ 3 ที่ให้ plot PSD แล้วก็ coherence ต่างๆ เพื่อที่จะดูเปรียบเทียบประสิทธิภาพของระบบครับ ว่าระบบนั้น เปลี่ยนแปลง input ไปแค่ไหน ยังมี pattern เดิมอยู่หรือเปล่า นั่นก็คือบ่งบอกถึง linearity ของระบบนั่นเองครับ เมื่อเทียบกับ input ที่ใส่เข้าไปแล้ว ระบบนี้ ทำงาน ตอบสนอง input ได้ตรงกับที่ใส่ไปมั้ย.......อาจจะต้องใช้ความรู้สึกนิดนึงอ่ะครับ ลองคิดตาม คห 14 ก็ได้ครับ จากคุณ : puritat07 - [ 17 ม.ค. 52 19:33:15 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คห 12 ในกรณีของ Image Processing ใช่ครับ แต่โดยทั่วๆไป อย่างกรณี จขกท จะเป็น Time-domain ครับ หรือกรณีของ Signal Processing ทั่วๆไป ก็ Time-domain ครับ กรุณาเขียนให้เคลียร์ด้วยเพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิดนะครับ จากคุณ : puritat07 - [ 18 ม.ค. 52 01:43:47 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตามมาจากรัชดา จากกราฟ input ของ steering wheel angle ถ้าพิจารณาบนแกนของเวลา ว่าเป็นสัญญาณแบบ periodic จะสามารถแยกส่วนประกอบเป็นหลายๆ sine function ที่ amplitude, length และ phase shift ต่างกัน รวมกันอยู่ (กรณีนี้ขอแทนการรวมกันด้วย ซิกม่าของ sinus function) ถ้าเราทำ FFT ค่า amplitude ของ sine แต่ละลูก ที่ length (frequency) ต่างๆกัน จะถูกแสดงออกมาในรูปกราฟแท่ง amplitude มาก กราฟสูง จากคุณ : Num..na - [ 19 ม.ค. 52 22:37:06 ]

ความคิดเห็นที่ 21 นั่นคือพื้นฐานของ FFT แต่ในกรณีที่ input ไม่ง่าย ไม่เป็นเชิงคาบนัก ( เป็น stochastic ที่มี length ยาวออกไปเรื่อยๆ) Fourier Function จะอยู่ในรูปของ complex equation (e^jk ) และ Fourier Transformation จะอยู่ในรูปของ Fourier Integral ที่มี step ของ Frequency เป็นขั้นที่เล็กมากๆ (ขอข้ามสมการ เพราะคิดว่าน่าจะหาได้นะครับ) และในกรณีปกติเราจะสนใจว่า ที่ frequency ไหนได้ถูก input ด้วย amplitude เท่าไหร่ ในช่วงระยะทาง(หรือเวลา)หนึ่ง Square average value (RMS ยกกำลังสอง) จึงถูก apply เข้ากับสมการ Fourier Integral (e^jk ) ผลลัพธ์ทางด้านซ้ายมือจะเป็นค่า PSD จากคุณ : Num..na - [ 19 ม.ค. 52 22:39:44 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้า PSD ถูกหามาจากแกนระยะทาง(หรือเวลา)เมื่อนำไปพล้อตบนกราฟ double-log ที่มีค่า PSD เป็นแกนตั้งและ frequency เป็นแกนนอน  เราจะได้กราฟหนึ่งเส้นบนพล้อตนี้ เป็นตัวแทนของค่า input ที่เข้าสู่ระบบในระยะทาง(หรือเวลา)หนึ่งทั้งหมด เราจะรู้ได้ทันทีจากกราฟเส้นนี้ว่า ที่ frequency หนึ่ง input ที่ระบบรับมา (เซนเซอร์อ่านมา) เป็นอย่างไร (สูงหรือต่ำ) ทีนี้ ถ้ามีข้อมูล เข้ามาอีกหลายๆชุด ด้วย characteristic ของ การขับที่ต่างกัน เราก็จะได้กราฟที่ไม่เท่ากันเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ เป็นการบอกถึงลักษณะที่แตกต่างกันของ input characteristic ได้ และจะสามารถเปรียบเทียบกันได้ครับ (ตัวอย่างเช่น PSD ของถนนหลายๆ เส้น ที่มีพื้นผิวไม่เหมือนกัน) จากคุณ : Num..na - [ 19 ม.ค. 52 22:41:21 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ทีนี้ ถ้าเราคำนวน pwelch  ก็เท่ากับเรากำลังจะทำ estimate periodogram (อ่านเพิ่มใน help ของ Matlab นะครับ) โดยการใส่ window function ลงไปบนข้อมูล พร้อมกับกำหนด Overlap value (เหล่านี้เป็นพิ้นฐานของ DFT, Discrete -แนะนำให้ลองอ่านพื้นฐานดูก่อนนะครับ) จากคุณ : Num..na - [ 19 ม.ค. 52 22:43:01 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คำถามข้อที่หนึ่งและสอง เป็นการกำหนด parameter ในการคำนวน pwelch นั่นเอง ลองศึกษาต่อดูเองนะครับผม (คห เขียวข้างบนว่าไว้หน่อยแล้ว) ส่วนการพล้อต Coherence ความหมายเบื้องต้น คุณเข้าใจถูกอยู่แล้ว การคำนวนในระดับนี้จะอยู่บนพื้นฐานของ linearity แปลว่า เราจะตัดเอาช่วงของ frequency ที่ให้ค่า Coherence ใกล้เคียงหนึ่ง (>0.9 or 0.95) มาพิจารณาเท่านั่น (แต่ถ้าใช่ mscohere ค่าจะอยู่ที่ 0dB นะครับ) จากคุณ : Num..na - [ 19 ม.ค. 52 22:44:13 ]

ความคิดเห็นที่ 25 Linearity ดีอย่างไร   มันดีตรงที่ว่า หลายๆ สมการที่คุณจะใช้ (ถ้า) คำนวนหา transfer function หรือ response ต่างๆ นั้น based on ความเป็น linearity ของระบบครับ ไม่เช่นนั้นแล้ว สมการที่คุณใช้มา(จะใช้ หรือที่ใช้อธิบาย) จะทำให้การคำนวนผิดไปมากมาย จากคุณ : Num..na - [ 19 ม.ค. 52 22:46:31 ]

ความคิดเห็นที่ 26 สุดท้าย Frequency response คือการทำ bode plot ใช่แล้วครับ แต่ว่า Frequency response นี้จะเป็นของ transfer function คือ ค่า output/input ของคุณงัยครับ Bandwidth คือช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของ Frequency response เราจะทราบได้ว่าช่วงความถี่ประมาณไหน มีการตอบสนองของความเร่งแกน y ต่อการป้อนพวงมาลัยเป็นแบบไหนครับ (amplification +/-, 0) ------------------------------------------------------------- สิ่งที่คุณทำมา (ถ้าเริ่มมาจากสมการคำนวน) น่าจะเป็นแนวทางในการไปทำ simulation ต่อได้อีกมากมายครับ เพราะอย่างกรณีที่ velocity alteration ถ้าพิจารณาว่า significant เราก็จะได้ frequency response ออกมาต่างกันครับ (สมการที่คุณมีอยู่ก็น่าจะเห็นนะครับ) ป.ล. เรียนน่าสนุกจัง จากคุณ : Num..na - [ 19 ม.ค. 52 22:49:55 ]

ความคิดเห็นที่ 27 หุ หุ ขอบคุณคุณ Num..na มากเลย อุตส่าห์ตามมาจากรัชดา ก็ลองช่วยๆดูให้แล้ว น่าจะไปได้แล้วครับ กระทู้นี้น่าเก็บเข้าคลังนะครับ เป็นความรู้ที่น้อยคนมักจะถาม จากคุณ : puritat07 - [ 21 ม.ค. 52 19:42:43 ]