ความคิดเห็นที่ 1 ทู้เ่ก่าตอบไปแล้ว ทู้ใหม่นี่ขี้เกียจตอบแล้วเนี่ย จากคุณ : มอนตะทาโร่ - [ 15 ม.ค. 52 12:23:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 1. Adult stem cell 2. ลูคีเมียนี่เค้ารับรอง เพราะใช้กันมานานแล้ว 3. ถ้าลูคีเมียก็คือการปลูกถ่ายไขกระดูก แต่วิธีการลึกๆ ก็ไม่รู้ว่ามันรู้ได้อย่างไรว่ามันต้องไปเกาะที่ไขกระดูกยังไง อยากรู้เหมือนกัน แต่การสร้างตัวใหม่นี่มันทำได้ เพราะว่ามันคือ stem cell จากคุณ : VET53 - [ 15 ม.ค. 52 13:42:20 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตอบเท่าที่รู้นะคะ ซึ่งรู้ไม่มากหรอกค่ะ 1. ที่เมืองไทย เรามีธนาคาร stem cell ที่สภากาชาดไทย ซึ่งเวลาที่ไปบริจาดเลือด เราสามารถขอเป็นผู้บริจาก stem cell ได้ที่ประชาสัมพันธ์ค่ะ ซึ่งจะเป็น stem cell จากเลือดของผู้บริจาค   แต่ที่ต่างประเทศจะนิยม stem cell ที่เก็บเลือดจากรกเด็กมากกว่าค่ะ เพราะมีความบริสุทธิ์มากกว่า แต่จะมีปริมาณที่จำกัด เข้าใจว่า unit นึงน่าจะเพียงพอสำหรับเด็กอายุประมาณ 7 ขวบเท่านั้น สำหรับการปลูกถ่ายไขกระดูก   คุณหมอบอกว่า ด้วยเทคโนโลยีในอีก 30-40 ปีข้างหน้า เราน่าจะสามารถตัดต่อ DNA ของตนเอง เพื่อทำการรักษาโรคของตัวเอง เช่นมะเร็ง โดยไม่ต้องพึ่งพา stem cell จากผู้บริจาคอีกต่อไป ... ฟังดูน่าตื่นเต้นจังค่ะ 2. มะเร็งบางอย่างสามารถหายได้ด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูก ที่มากที่สุดคือ มะเร็งเม็ดเลือดขาว และ โรคธาลัสซีเมีย ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูกค่ะ 3. วิธีการคร่าวๆคือ ให้คีโมกับคนไข้ในโดสที่สูงมาก ซึ่งจะทำให้เซลล์ไขกระดูกของคนไข้ถูกทำลายไปหมด จากนั้นจะนำ stem cell ที่สกัดจากเลือดของผู้บริจาด ฉีดเข้าที่เส้นเลือดดำที่เข้าสู่หัวใจ เพื่อสูบฉีด stem cell ไปทั่วร่างกาย โดยคนไข้ต้องได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างการต่อต้าน stem cell ที่รับเข้าไป   จากนั้น ก็รอให้ร่างการสร้างไขกระดูกตามแบบของ stem cell ที่ได้รับแทนไขกระดูกเดิมของคนไข้ ในระหว่างนี้คนไข้ต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อตลอดเวลา เพราะต้องรับยากดภูมิคุ้มกันในระหว่างที่รอให้ร่างการสร้างไขกระดูกใหม่ ซึ่งระยะเวลาคร่าวๆคือ 2 เดือนเป็นอย่างน้อย (แต่มักนานกว่านั้น) ซึ่งค่าใช้จ่ายในห้องปลอดเชื้อนี้แหละสูงมาก  ถ้าร่างกายไม่ต่อต้าน stem cell ที่ได้รับเข้าไป และสร้างไขกระดูกขึ้นมาใหม่ได้สำเร็จ ก็เหมือนกับว่าผู้ป่วยได้รับอวัยวะใหม่แล้ว เท่ากับหายจากโรคที่เป็นอยู่  แต่รหัสพันธุกรรมของคนไข้ไม่ได้ถูกเปลี่ยนไป เช่นคนไข้โรคธาลัสซีเมีย แม้ว่าจะได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูกแล้ว แต่โรคธาลัสซีเมียก็จะถ่ายทอดต่อไปยังลูกได้ต่อไป ไม่เหมือนมะเร็งที่หากปลูกถ่ายไขกระดูกสำเร็จ ก็เท่ากับหายขาดเลย จากคุณ : == พิ้งค์กี้ == - [ 16 ม.ค. 52 17:29:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 1.Adult stem cell ค่ะ เป็นเสตมเซลล์จากตัวเต็มวัย ทั้งจากสายสะดือ จากไขกระดุก และจากกระแสโลหิตค่ะ 2.โรคที่สามารถรักษาได้หายขาดด้วยเสตมเซลล์คือ โรคความผิดปกติที่ไขกระดูกและโรคความผิดปกติทางระบบโลหิตมากกว่า 70 ชนิด ซึ่งการรักษาด้วยเสตมเซลล์ได้รับรองเป็นวิธีมาตรฐาน ตัวอย่างโรคที่รักษากันด้วยเสตมเซลล์ในปัจจุบัน อาทิเช่น โรคธาลัสซีเมีย โรคลูคีเมีย โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคมะเร็งในวัยเด็ก โรคสมองพิการแต่กำเนิดหรือซีพี เป็นต้น ส่วนโรคที่ยังไม่เป็นมาตรฐานแต่สามารถรักษาได้และใช้จริงในปัจจุบัน ได้แก่ การรักษาภาวะแทรกซ้อนของเบาหวาน ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องถูกตัดขา โรคหัวใจขาดเลือด เส้นเลือดตีบตัน โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ อาการบาดเจ็บที่ไขสันหลัง โรคข้อและโรคตา เป็นต้น แต่การรักษานั้นจำกัดในวงของโรงพยาบาลที่มีการรักษาด้วยเสตมเซลล์ ทำให้ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย 3.การรักษาด้วยเสตมเซลล์ ขึ้นกับโรคที่เป็นและอาการในขณะนั้น เช่นโรคความผิดปกติที่ไขกระดูก ต้องใช้ 20 ล้านเซลล์ต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม แต่โรคอื่นๆ เช่นการรักษาโรคหัวใจ หรือภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน จะใช้ปริมาณเล้กน้อยและขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ สเตมเซลล์จะถูกเก็บในลักษณะการแช่เเข็งด้วยไอไนโตรเจนเหลว เมื่อจะนำมาใช้จึงนำมาละลายในอ่างน้ำร้อนในห้องปฏิบัติการ แล้วฉีดเข้าร่างกายผุ้ป่วยในบริเวณนั้น ส่วนผู้ป่วยที่ต้องปลูกถ่ายไขกระดูกใหม่ แพทย์ต้องให้ยาเคมีบำบัดในอัตราสูงและฉายแสงเพื่อทำลายระบบภุมิคุ้มกันของร่างกาย จากนั้นจึงฉีดเสตมเซลล์เข้าไป คุณสมบัติเสตมเซลล์คือแบ่งตัวไม่จำกัดและพัฒนาเป็นเซลล์อะไรก็ได้ เนื่องจากยังไม่ถูกกำหนดหน้าที่ หากใช้เสตมเซลล์จากผู้อื่นต้องรับยากดภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันการต่อต้านการรักษา แต่หากใช้เสตมเซลล์ของตนเอง ร่างกายจะไม่เกิดการต่อต้าน ซึ่งการรักาาด้วยเสตมเซลล์เป็นวิทยาการที่ใหม่สำหรับคนไทย และยังจำกัดในวงของดรงพยาบาลที่ให้บริการเรื่องการปลูกถ่ายไขกระดูกเท่านั้น ยินดีพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องเสตมเซลล์ค่ะ parichart06@gmail.com จากคุณ : MedTech มหิดล - [ 13 ก.พ. 52 01:10:46 A:124.120.193.104 X: ]