ความคิดเห็นที่ 1 ผมสงสัยเหมือนคุณ bmjas ที่ว่า ถ้าระยะห่าง ระหว่างโลกกับกาแล็กซี่อันโดรมีด้า วัดด้วยความเร็วแสง และถ้าเราสามารถเดินทางด้วยยานลำนึงที่เดินทางได้เร็วเท่ากับแสง ก็น่าจะใช้เวลา 6 ล้านปีแสงถึงจะถึงกาแล็กซี่อันโดรมีด้า และสงสัยอีกข้อนึงคือ แต่ถ้าเรายังเคลื่อนไหวร่างกายได้ไม่เร็วเท่ากับแสง เราก็น่าจะตายอยู่บนยานลำนั้นตามอายุขัยของเราที่ไม่เกิน 100 ปีหรือเปล่าครับ จากคุณ : 90210 - [ 18 ม.ค. 52 13:53:57 ]

ความคิดเห็นที่ 2 "กาแล็กซี่อันโดรมีด้าอยู่ห่างจากเรา 6 ล้านปีแสง หากคุณมียานอวกาศที่เดินทางได้ 99.9999999% ของความเร็วแสง หมายความว่า คุณต้องใช้เวลาประมาณ 6 ล้านปีถึงจะเดินทางถึงกาแล็กซี่อันโดรมีด้า ระยะเวลาหกล้านปีอะไรๆก็คงเปลี่ยนไปมากมาย แต่ตัวคุณที่อยู่ในยานอวกาศจะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเพียง 4 ชั่วโมง!!" >> ไม่น่าใช่มั้งคะ คุณที่อยู่กับยานอวกาศที่เร็วเท่าแสง จะสังเกตุว่า เวลาผ่านไปเท่าเดิม แต่คนบนโลกจะเห็นคนในยาน เคลื่อนไหวช้ากว่าค่ะ  ตรงนี้ต้องคิดที่กรอบอ้างอิงด้วย ความเร็วคนในยานเทียบกับยานเป็น 0 จากคุณ : หลานแว่น (mint_la) - [ 18 ม.ค. 52 13:54:37 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สมมุติว่า เชียงใหม่ห่างจากกรุงเทพ 1000 กิโลเมตร สมมุติเส้นทางตลอดระยะทางเป็นเส้นตรง พื้นราบไม่มีความชัน เราเดินทางด้วยความเร็ว 100 กม.ต่อชม. ตั้งแต่เริ่มออกตัว เราก็น่าจะไปถึงเชียงใหม่ด้วยเวลา 10 ชั่วโมง ไม่ว่าเวลาของคนผู้สังเกตุการณ์ที่อยู่กรุงเทพ หรือตัวเราเดินทางออกไป ก็ใช้เวลา 10 ชั่วโมง >>สำหรับความเร็วที่น้อยกว่าแสงมากๆ ความต่างของเวลาที่ผิดเพี้ยน จะน้อยมากๆนะคะ จากคุณ : หลานแว่น (mint_la) - [ 18 ม.ค. 52 13:57:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อืยส์ ไม่ม้างงงงงงงงง ครับ ผมว่าโจทย์มันเพี้ยนๆนาทั่น ระยะทาง หกล้านปีแสง เมื่อวิ่งด้วยความเร็วแสง มันก็ต้องเท่ากับหกล้านปีโลกซิ มันจะเท่ากับสี่ชั่วโมงยังงัย?????????  คืออย่างไร ท่านก็ไม่ได้ไม่เกิน ห้าสิบปีแสงท่านก็แก่ตายแล้ว ง่า........ผมนับเอาเองว่าขึ้นยานตอนอายุยี่สิบ แล้วตายตอน เจ็บสิบ นะครับ ความเร็วแสงผมเข้าใจว่าช่วยให้เดินทางเร็วขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้เป็นอมตะนะครับ เพราะท่านต้องปล่อยสวัดดิกะและมะเขือเทศเขตร้อนเสียก่อน จากคุณ : หน้าไม้ใจเย็นยิ่ง - [ 18 ม.ค. 52 15:46:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมงงๆ ในเมื่อก็บอกอยู่ว่าห่างไป6ล้านปีแสง ขนาดแสงยังต้องใช้เวลาเดินทาง6ล้านปี แล้วทำไมคนที่ขี่แสงนั้นเดินทางกลับไปถึงได้ในเวลา4ชม ผมอยากจะเปรียบเทียบว่า หาก กทม -เชียงใหม่ มีระยะทาง 10 ชม. รถ(รถวิ่งด้วยความเร็วคงที่ 100 กม/ชม) คุณจะไปถึงเชียงใหม่ก่อน 10 ชม มันจะเป็นไปได้ไงครับ หรืออย่างพวกบ้านจัดสรรที่บอกว่า ห่างจากตัวเมือง 5 นาที พวกนี้ก็เป็นค่าระยะทางที่หน่วยเป็นเวลา หรือผมเข้าใจผิดไปเองครับว่าไอ่คำว่า "ปีแสง" เนี่ย มันเป็นระยะทางที่หน่วยเป็นเวลา จากคุณ : Moonui - [ 18 ม.ค. 52 15:54:12 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้างั้นก็ต้องรอคำอธิบายจากผู้รู้ก่อนว่า ปีแสง นี่เป็นหน่วยวัดระยะทาง หรือ วัดเวลา? จากคุณ : ฝนฟ้ากะพายุ - [ 18 ม.ค. 52 16:04:59 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 16:06:44 จากคุณ : Obi (kobayachi63) - [ 18 ม.ค. 52 16:05:55 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ปีแสงเป็นหน่วยวัดระยะทางที่แสงเดินทางได้ใน 1 ปีค่ะ จากอัตราเร็วแสงที่มีค่า 299,792.458 กิโลเมตร/วินาที ระยะทาง 1 ปีแสงจึงมีค่าประมาณ 9.4607x10^12 กิโลเมตร จากคุณ : หลานแว่น (mint_la) - [ 18 ม.ค. 52 16:09:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มันเป็นการยืดของเวลาครับ ถ้าวัตถุใดเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเข้าใกล้ความเร็วแสง เวลาของวัตุนั้นจะยืดออก ทำให้เวลาของสิ่งแวดล้อมผ่านไปเร็วกว่าเดิม ผมไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร แต่จากกระทู้เดิม ก็มีคนบอกไว้แล้วว่าจริง สมการสัมพัทธภาพก็บอกไว้ชัดเจน นักวิทยาศาสตร์ก็ยอมรับกันทั่วโลก ความจริงแล้วแค่มีความเร็วก็เกิดการยืดของเวลาแล้ว แต่มันน้อย มากๆๆๆๆๆๆ ลองไปการดูละกัน ลืมไปแล้ว คราวนี้ ถ้าคุณอยู่บนยานลำนั้น ที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเข้าใกล้ความเร็วแสง คุณก็จะมีความเร็วเดียวกับยานนั้นด้วย เหมือนยุงในรถยนต์นั่นแหละ เพราะถ้าเดินทางไกลๆ เวลาก็จะเหมือนผ่านไปแปบเดียว แต่เวลาข้างนอกมันผ่านไปนานแล้ว ย้ำอีกครั้ง ถ้าผู้สังเกตอยู่นอกยาน ยานก็เดินทางใช้เวลา 6 ล้านปีครับ แต่ถ้าผู้สังเกตอยู่ในยาน ก็จะเดินทางแค่แปบเดียวละครับ ย้ำครั้งสุดท้าย มันอยู่ที่จุดที่เราสังเกตครับ ย้ำสุดท้ายจริงๆ เพื่อความงงมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าเราเคลื่อนที่ในอวกาศด้วยความเร็วที่ใด เราจะเห็นแสงมีความเร็วคงที่เสมอครับ จากคุณ : หมั่นไส้ - [ 18 ม.ค. 52 16:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่า 4 ชม. ค่อนข้างมั่วนะครับ แต่การยืดของเวลามีอยู่จริงเพราะเวลาเป็นสิ่งสัมพัทธ์ อันนี้สูตรอย่างง่าย t' = t(1/sqrt(1-(v/c)^2)) สังเกตุถ้า v >> c t' >> inf http://www.vcharkarn.com/vlesson/showlesson.php?lessonid=2&pageid=10 จากคุณ : silverfox - [ 18 ม.ค. 52 16:25:36 A:125.24.136.100 X: TicketID:185555 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อาจจะคล้ายๆกับที่นักวิทยาศาสตร์สัยก่อนบอกว่าโลกแบน  พอเทคโนโลยีเราสูงขึ้นเราก็จะรู้ข้อมูลใหม่ๆ เรื่องของเวลาและความเร็วแสงก็เหมือนกันครับ  รอให้เราเดินทางได้เร็วเท่าแสงจริงๆ เราก็อาจจะพบทฤษฎีใหม่ๆ ที่ลบทฎษฎีเก่าๆได้อีกครับ บางทีอีกหน่อยก็อาจจะค้นพบว่า การเอานาฬิกาอะตอม ขึ้นไปไว้บนเครื่องบิน แล้วบินผ่านบนชั้นบรรยากาศสูงๆ  การสั่นของอะตอมอาจถูกรบกวนจากสนามแม่เหล็กโลก หรือ คลื่นความโน้มถ่วง ก็เป็นได้ (ถึงตอนนั้น คงจะมีคนขำเรื่องการออกแบบการทดลองเรื่องนี้ก็เป็นได้ อิอิ) อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ ในวิทยาศาสตร์ จากคุณ : AIM-9X - [ 18 ม.ค. 52 16:41:56 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จากคำอธิบายของคุณ mint_la "ปีแสงเป็นหน่วยวัดระยะทางที่แสงเดินทางได้ใน 1 ปีค่ะ จากอัตราเร็วแสงที่มีค่า 299,792.458 กิโลเมตร/วินาที ระยะทาง 1 ปีแสงจึงมีค่าประมาณ 9.4607x10^12 กิโลเมตร" ------------------------------------ หากคำนวนแล้ว 6ล้านปีแสงก็เท่ากับ (9.4607*10^12) * 6,000,000 กิโลเมตร ก็ต้องใช้เวลา6ล้านปีเหมือนเดิม กว่าแสงจะไปถึงไม่ใช่เหรอครับ หากผมสมมติว่ายานแสงเป็นแค่จุดๆหนึ่ง ไม่ได้เป็นรถไฟเส้นยาวๆ (.) จุดๆหนึ่งนี้จะเดินทางไปถึงอีกจุดหนึ่งโดยความเร็วคงที่ ยังไงมันก็ต้องใช้เวลาไม่ใช่หรือครับ เพราะหากไม่เอากฏเกณฑ์ต่างๆเรื่องความเร็วแสงมาใช้ โดยผมบอกแค่ว่ายานลำนี้บินได้ที่ความเร็ว 9.4607x10^12 กิโลเมตรต่อ1ปี ไม่ต้องสนใจมันว่าเป็นความเร็วเท่าแสง รู้แค่มันเป็นความเร็วเทียบเวลาเท่านั้นพอ ยานลำนี้จะบินไปถึงอีกกาแลคซี่ในเวลา 6 ล้านปี นั่นก็หมายถึงต่อให้ผู้สังเกตุการณ์จะมองจากภายนอกหรือภายในยาน มันก็ต้องใช้เวลาเท่ากันไม่ใช่เหรอครับ อันนี้ผมสงสัยจริงๆ อย่าหาว่าโง่เลยนะครับ จากคุณ : Moonui - [ 18 ม.ค. 52 16:50:06 ]

ความคิดเห็นที่ 13 t' = t(1/sqrt(1-(v/c)^2)) 6x10^6 year = t(1/sqrt(1-(0.999999999)^2)) t = 268.328 year ดูท่าทาง คงคิดหน่วยผิดมั้งครับ เพราะ ถ้าเป็น 6 ล้านนาที จะได้ t = 268.328 นาที หรือ 4.47 ชม. อันนี้คล้ายๆ กับโจทย์ของจขกท.ครับ แต่เป็น ดาวพลูโต http://www.rmutphysics.com/CHARUD/virtualexperiment/applet1/applet%20physics/phe/timedilationthai.htm จากคุณ : silverfox - [ 18 ม.ค. 52 16:54:57 A:125.24.134.14 X: TicketID:185555 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมว่าหลายๆ ท่านยังสับสนกับคำว่า สัมพัทธภาพ อยู่นะครับ เวลา 6 ล้านปี กับเวลา 4 ชม. (สมมติ) มันคือเวลาคนละกรอบอ้างอิงกัน กล่าวคือ เมื่อเราขึ้นยานแล้วออกบิน ทีนี้ การสังเกตเวลาจะถูกแบ่งออกเป็นสองฟาก (สองกรอบอ้างอิง) [ลักษณะนี้นั้น ลองเทียบกับเรามองนอกรถตอนรถวิ่งก็ได้ครับ สังเกตว่าถ้าเรามองต้นไม้ที่อยู่นิ่งๆ เราจะรู้สึกว่ารถวิ่งอยู่ แต่ถ้ามองรถที่วิ่งเร็วพอๆ กัน จะรู้สึกว่ารถอยู่กับที่ นั่นคือผลของคำว่า สัมพัทธ์] เช่นเดียวกับเวลา เวลาเป็นสิ่งสัมพัทธ์ซึ่งขึ้นกับกรอบของผู้สังเกตการณ์ ที่ว่า เห็นเวลาเดินทางเป็น 6 ล้านปีนั้น หมายความถึงผู้สังเกตการณ์นอกยาน ซึ่งเขาอยู่กับที่ เขาจะมองเห็นเวลาของเราเดินทางไป 6 ล้านปี แต่ตัวเราซึ่งอยู่ในยาน เราจะมีเวลาสัมพัทธ์ที่เปลี่ยนไป โดยยิ่งความเร็วเข้าใกล้แสง เวลาจะยืดออกตามสมการของคุณ silverfox ซึ่งจะทำให้เวลาของตัวเราภายในยาน ช้ากว่าเวลาที่คนบนโลกเห็นค่อนข้างมาก ส่วนในกรณีเชียงใหม่กับกรุงเทพฯ นั้น เราเดินทางด้วยความเร็วน้อยกว่าแสงมากๆๆๆๆๆ จึงมองไม่เห็นความแตกต่าง สมมติวิ่งด้วยความเร็ว 100 km/hr = 27.78 m/s sqrt(1-(v/c)^2) = sqrt(1-(27.78/3*10^8)^2)                       = 1 นั่นคือ เวลาของเรา เป็น 1 เท่าของเวลาที่คนภายนอกสังเกต ก็คือ เวลาเท่ากันนั่นแหละครับ ปล. อาจจะเขียนงงๆ ไปหน่อย ต้องขออภัยด้วยครับ จากคุณ : ปั๊ปโปะจัง - [ 18 ม.ค. 52 17:30:00 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตอบ คห.12 ไม่ใช่ครับ ภายนอกจะเห็นว่าถึงในเวลา 6ล้านปี แต่ภายในจะน้อยกว่านั้นครับ จากคุณ : หมั่นไส้ - [ 18 ม.ค. 52 17:30:28 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ก็ประมาณว่า นาฬิกาที่ติดในยานอวกาศ จะเดินช้ากว่าบนโลกครับ ผลก็คือ คนในยานจะรู้สึกว่า เอ เพิ่งผ่านมาแปปเดียวเอง ก็ถึงซะหล่ะ แต่ไอคนบนโลก ก็รอกันเหงือกแห้งแล้ว เพราะว่าเวลาของเค้าไหลเร็วแก่เร็ว เปรียบเสมือน คุณนั่งดูหนังสักเรื่อง แล้วคุณก็กด กรอ คุณก็จะเห็นว่าไอวีดีโอ คนมันวิ่งกันไวจริงๆ จะเดินจะกินจะนั่งก็ไวจริงๆ ไม่ก็นึกถึงตอนเล่นซิม แล้วคุณปล่อยให้เวลาไหลไวๆ อาบน้ำแปปเดียว นอนนิดเดียว ขอมาเพิ่มเติมอีกสักนิดเหอะ   ถ้าเวลาของคนบนยานไหลช้ามากๆ นั่นก็หมายความว่า ถ้าคุณเป็นคนบนยาน คุณก็จะรู้สึกเหมือน  เดินทางข้ามเวลาไปอนาคตเองน่ะครับ  คุณนั่งดูหนังสักเรื่องบนยานสักสองชม. แต่เวลาบนโลกอาจะผ่านไปแล้ว ยี่สิบปี ก็ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 17:48:02 จากคุณ : หล่อเขลา เบาปัญญา - [ 18 ม.ค. 52 17:45:33 ]

ความคิดเห็นที่ 17 การเดินทางด้วยความเร็วสูงนั้นอาจทำให้ อะตอมเคลื่อนที่ช้าลงเท่านั้น นาฬิกาถึงเดินช้าลง แต่เวลาจริงๆไมได้ช้าลง คนก็เลย แก่ช้า สรุปยังใช้เวลา6ล้านปีเช่นเดิม แต่คนในยานกลับช้าลงรวมทั้งนาฬิกา และความรู้สึกด้วย แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 18:05:51 จากคุณ : ผู้ครอบครองจักรยาน - [ 18 ม.ค. 52 18:01:32 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณทุกความเห็นเลยนะครับ ที่มาแชร์ความรู้กันครับ แต่อ่านแล้วก็ยังสงสัย ผมว่าคำว่า ปีแสง มันคือหน่วยวัดระยะทางที่อิงกับเวลา โดยเอาแสง ที่มีความเร็วคงที่มาเป็นตัววัด เนื่องจากแสงเดินทางเร็วมาก วินาทีนึงแสงเดินทางได้ เป็นแสน ๆ กิโลเมตรอย่างที่ว่า ถ้าบอกว่ากาแลกซี่ห่างกันเท่าไหร่เป็นกิโลเมตร อาจจะต้องเขียนตัวเลขมากมาย ทีนี้เมื่อระยะทางไปกาแลกซี่มันห่างเท่ากับหกล้านปีแสง ยานก็เคลื่อนที่เร็วเท่าแสง จะในยานหรือนอกยานมันก็ต้องมีระยะทางเท่ากัน ผมเข้าใจเรื่องยุงในรถ ตามคุณคห. ที่ 9 ที่ยุงเคลื่อนที่เท่ากับความเร็วรถ ในขณะที่บินอยู่ในรถด้วย ยุงเดินทางเร็วขึ้นกว่ายุงนอกรถจริง แต่ถ้าเรานั่งรถซักเจ็ดวัน ยุงทั้งในรถและนอกรถก็ต้องตายตามชีวิตของมันทั้งคู่ (ถ้าจำไม่ผิดยุงมีวงจรชีวิตแค่เจ็ดวัน) การที่เรามองเห็นวิวนอกรถดูเคลื่อนไหวเร็วนั้น เป็นแค่ความรู้สึกทางความคิดของเราเอง ที่มองตามภาพข้างนอกไม่ทัน ไม่ใช่เพราะเราช้าลง แต่เป็นเพราะความสามารถทางการมองของเราเร็วได้แค่นั้น ในรถการเคลื่อนที่ของเราเร็วขึ้นจริง แต่การเคลื่อนไหวของเราไม่ได้เร็วตามไปด้วย ไม่ได้หมายความว่าเราเคี้ยวอาหารได้เร็วขึ้นหรือช้าลง หัวใจเต้นเร็วขึ้นหรือช้าลง ร่างกายยังดำเนินของมันไปปกติ ผมจึงสงสัยว่าเราน่าจะตายในยานนั้นก่อนไปถึงได้ แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 18:32:30 จากคุณ : 90210 - [ 18 ม.ค. 52 18:27:49 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ทั้งกระทู้เดิมและกระทู้ที่แตกออกมานี้เป็นคำถามที่น่าสนใจครับ ดูแล้วน่าจะแยกตอบคำถามได้สองข้อคือ 1) เราสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วเท่า หรือ เร็วกว่าความเร็วแสงหรือไม่ 2) ถ้าต้องเดินทางไปกาแล็กซี่อันโดรมีด้าที่อยู่ห่างจากเรา 6 ล้านปีแสง ด้วยยานอวกาศที่เดินทางได้ 99.9999999% ของความเร็วแสง เมื่อถึงที่หมายแล้ว คนบนยานนั้นใช้เวลาผ่านไปเท่าไหร่ ผมจะลองตอบข้อ 1 ก่อนนะครับ ข้อนี้เกี่ยวข้องกับทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่ตัวทฤษฎีนั้นมีข้อสมมติฐานอยู่ 2 ข้อคือ ๑.กฎฟิสิกส์ทั้งหลายเหมือนกัน ภายใต้กรอบอ้างอิงที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่เมื่อสัมพัทธ์ (เทียบ) ซึ่งกันและกัน ๒.ความเร็วของแสงคงที่เสมอ ภายใต้กรอบอ้างอิงที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่เมื่อสัมพัทธ์ (เทียบ) ซึ่งกันและกัน จากสมมติฐานสองข้อนี้ เกิดค่าตัวแปรสำคัญชุดหนึ่งที่จะนำไปใช้ในสมการฟิสิกส์ นั่นคือค่าที่เรียกว่า Lorentz factor ซึ่งมีชุดตัวแปรดังรูป โดย v คือ ความเร็วของสิ่งที่พิจารณา และ c คือ ความเร็วแสง แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 18:40:03 จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 18 ม.ค. 52 18:28:51 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เราลองมาตีความ Lorentz factor นี้กันนะครับ ก) ถ้าความเร็ว v มีค่ามากกว่าความเร็วแสง c จะได้ค่ารากที่สองของค่าติดลบ ซึ่งเรียกว่าเป็นค่าจินตภาพ คือค่าที่ไม่มีอยู่จริงในชีวิตประจำวัน ดังนั้น จากทฤษฎีจึงสรุปได้ว่า ความเร็วแสงเป็นความเร็วสูงสุด (อย่างน้อยก็จากที่สังเกตการณ์ได้) ข) ถ้าความเร็ว v มีค่าเท่ากับความเร็วแสง c จะทำให้ Lorentz factor มีค่าเป็นอนันต์ เมื่อนำมาแทนค่าในสมการฟิสิกส์ที่เกี่ยวข้อง ก็จะทำให้สมการนั้นหาค่าไม่ได้ ซึ่งไม่เป็นจริงในชีวิตประจำวัน ดังนั้น จากทฤษฎีจึงสรุปได้ว่า ความเร็วของวัตถุไม่สามารถเร่งให้ถึงความเร็วแสงได้ (อันที่จริง แนวคิดดั้งเดิมของไอน์สไตน์ที่มาของทฤษฎีนี้ก็คือ ไอน์สไตน์จินตนาการว่าถ้าเคลื่อนที่ได้เร็วเท่าแสงขนานไปกับแสงนั้น เราจะเห็นแสงในสภาพอย่างไร หยุดนิ่งหรือไม่ ซึ่งจากทฤษฎีคลื่นแสงแล้ว ไม่มีใครเคยเห็นคลื่นที่หยุดนิ่ง หรือที่เรียกว่า คลื่นแช่แข็ง ดังนั้น รากฐานของทฤษฎีนี้คือ ความเร็วของวัตถุไม่สามารถเร่งให้ถึงความเร็วแสงได้ มาตั้งแต่แรก) ค) เนื่องจาก v มีค่ามากกว่าศูนย์ (หรืิอ v = 0 หมายถึงไม่เคลื่อนที่) แต่ไม่มากกว่าความเร็วแสง c ดังนั้น เมื่อคำนวณค่าตัวแปรนี้จะได้ค่าที่น้อยกว่า 0 เสมอ ซึ่งจะนำข้อนี้ไปพิจารณาต่อไป ดังนั้น ความเร็วของวัตถุ (หรืออนุภาค ที่ปกติมีความเร็วน้อยกว่าแสง คือมีบางอนุภาคที่เชื่อกันว่าเร็วกว่าแสงอยู่แล้ว คือ เตคีออน แต่ยังไม่พบ?) จะน้อยกว่าแสงเสมอ แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 19:17:42 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 19:15:05 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 18:42:31 จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 18 ม.ค. 52 18:38:47 ]

ความคิดเห็นที่ 21 จากสมติฐานข้อ 2 ความเร็วของแสงคงที่เสมอ ภายใต้กรอบอ้างอิงที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่เมื่อสัมพัทธ์(เทียบ)ซึ่งกันและกัน คือ ไม่ว่าเราจะเคลื่อนที่ให้เร็วเข้าใกล้แสงเพียงใดก็ตาม จะเกิดปรากฏการณ์ประหลาดคือ คนที่ดูวัตถุนั้นเคลื่อนที่อยู่ภายนอก จะเห็นวัตถุนั้นเข้าใกล้แสงไปทุกทีๆ แต่งก็ไม่เร็วเท่าแสง แต่คนภายในวัตถุนั้น(สมมติว่าอยู่ในจรวด) เมื่อเลิกการกระทำดังกล่าว แล้วมาบอกคนที่ดูอยู่นั้น จะบอกว่าตนเองเร่งความเร็วเท่าไหร่ ก็เห็นแสงหนีไปเป็นระยะทางเืท่าเดิมคือแสงห่างจากตนเองด้วยระยะห่างคงที่!?! นี่เองที่ทำให้ทฤษฎีนี้ขัดกับสามัญสำนึก เพราะแสงมีความเร็วคงที่เสมอ ไม่ว่าคุณจะมีความเร็วแค่ไหน ดังนั้น เมื่อความเร็วแสงเป็นค่าคงที่ แต่ความเร็ววัตถุเปลี่ยน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ 3 ข้อต่อไปนี้ 1. ความยาวของวัตถุในทิศทางการเคลื่อนที่ จะหดสั้นลงตามความเร็วที่เพิ่มขึ้น 2. มวลสารของวัตถุที่เคลื่อนที่ จะเพิ่มขึ้นตามความเร็วที่เพิ่มขึ้น 3. เวลาของระบบอ้างอิงที่เคลื่อนที่ จะช้าลงตามความเร็วที่เพิ่มขึ้น ว่ากันว่า สิ่งที่เป็นไปตามทฤษฎี 3 ข้อนี้นั้น เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ระดับ space ถึงระดับอนุภาค ซึ่งสอดคล้องกับผลการทดลองจนถึงปัจจุบัน แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 19:02:15 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 18:57:57 จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 18 ม.ค. 52 18:57:21 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ดังนั้นคำถามข้อ 2 ผลขอปรับคำถามใหม่นะครับ 2) ถ้าต้องเดินทางไปกาแล็กซี่ มูตูอารูบ้า(นามสมมติ) ที่อยู่ห่างจากเรา x หน่วย ซึ่งใช้เวลาที่สังเกตการณ์บนโลกเท่ากับ t ด้วยยานอวกาศที่เดินทางได้ 99.9999999% ของความเร็วแสง เมื่อถึงที่หมายแล้ว คนบนยานนั้นมีเวลาผ่านไปเท่าไหร่ จากสูตร t' = t*sqrt(1-(v/c)^2) จขกท. ลองแทนค่า t = t v = 0.99 (เทียบ c = 1) c = 1 ก็จะได้ เวลาของคนบนยานที่ผ่านไปครับ (t') เป็นอัตราส่วนเทียบ t เองแหละครับ ซึ่งหมายความว่าทุกอย่างในยานจะช้าลง คนบนยานจะ่แก่ช้ากว่าคนบนโลก (แต่อายุก็น่าจะผ่านไปมากโขอยู่เพียงพอที่คนบนยานน่าจะตายซะก่อน) แล้วมันก็คงเป็นเรื่องแปลกแต่จริงน่ะครับ ปล. เขียนแล้วเหนื่อย แก้แล้วแก้อีก ถ้าผิดพลาดตรงไหนช่วยแย้งด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 19:53:23 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 19:41:33 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 19:33:17 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 19:30:35 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 19:22:41 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 19:20:58 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 19:11:17 จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 18 ม.ค. 52 19:09:33 ]

ความคิดเห็นที่ 23 #18 ยังไม่ใช่ครับ แสดงว่าไม่ได้เข้าไปดูลิงค์ของผมเลย ขอยกมาให้อ่านละกันครับ การเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่ได้เกี่ยว กับการทำให้การมองเห็นของเราผิดพลาด แต่มันช้าลงจริงๆครับ อนุภาคมิวออนซึ่งเกิดจาก cosmic ray shower ที่ความสูงประมาณ 4.8 กิโลเมตร เป็นอนุภาคที่มีพลังงานสูง เคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วใกล้อัตราเร็วของแสง -เนื่องจากมิวออนเป็นอนุภาคไม่เสถียรมีอายุสั้น มันจึงควรจะสลายตัวในบรรยากาศชั้นสูง เมื่อวิ่งลงมาจากจุดที่มันเกิดได้ประมาณ 600 เมตร -แต่จากการทดลองเราพบอนุภาคมิวออนที่ระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นผลมาจากการยืดของเวลา จากคุณ : silverfox - [ 18 ม.ค. 52 19:31:27 A:125.24.127.32 X: TicketID:185555 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณ คุณ อุปนิกขิต ครับที่อธิบายจนพอเห็นภาพได้บ้าง ด้วยสติปัญญาอันน้อยของผม ก็ยังไม่เข้าใจหมดทีเดียวโดยเฉพาะตรงสมการคำนวน และ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ 3 ข้อ  เมื่อความเร็วแสงเป็นค่าคงที่ แต่ความเร็ววัตถุเปลี่ยนไปนั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร ผมเข้าใจว่าเวลา ก็คือเวลา แสง ก็คือ แสง ระยะทาง ก็คือระยะทาง เวลามันก็เดินของมันไป แสงก็เดินทางของมัน ระยะทางมันก็มีระยะห่างของมันเท่านั้น แต่เราไปเอามันมาอ้างอิงด้วยกันเอง หรือเปล่า?? ตามความเข้าใจผมคิดว่าแต่ละสิ่งมันทำงานตามหน้าที่ของมันเอง ไม่ได้มีผลต่อกัน สิ่งที่เราคิดว่ามันเปลี่ยนมันเป็นแค่ความรู้สึกที่เราคิดเอาเอง ถ้าบนยานไม่มีคนไปด้วย ปล่อยแต่ยานเปล่า ๆ แล้วอิงตามหลักทฤษฎีที่ว่า วัตถุในยานจะทำงานช้าลง อะตอมเคลื่อนที่ช้าลงแล้ว อุปกรณ์ต่าง ๆ ของยานลำนั้น ทั้งภายในยาน และภายนอกตัวยาน ไม่ทำงานช้าลงไปด้วยหรือครับ ถ้ายังงั้นตัวยานเองก็ควรจะทำงานและเคลื่อนที่ช้าลงตามไปด้วย เพราะแค่นาฬิกาในยานยังเดินช้าลงเลย แล้วเครื่องจักรในยานก็น่าจะมีผลด้วย คุณ silverfox หา link ไม่เจออะครับ อยู่ตรงไหนอ่า จากคุณ : 90210 - [ 18 ม.ค. 52 19:45:09 ]

ความคิดเห็นที่ 25 #18 "ทีนี้เมื่อระยะทางไปกาแลกซี่มันห่างเท่ากับหกล้านปีแสง ยานก็เคลื่อนที่เร็วเท่าแสง จะในยานหรือนอกยานมันก็ต้องมีระยะทางเท่ากัน" ตามทฤษฎีแล้ว คนบนยานจะเห็นว่าระยะทางมันหดลงด้วย ยานความเร็ว 0.999999999 c  ระยะทางและระยะเวลาหด 22360.68 เท่า คนบนโลกเห็นว่ามันอยู่ห่างหกล้านปีแสง ยานใช้เวลาหกล้านปีจึงไปถึง คนบนยานจะเห็นว่าระยะทางหดเหลือแค่ 268.638 ปีแสง พอไปถึง นาฬิกาบนยานก็ผ่านไปเพียง 268.38 ปี คนบนยานก็แก่เท่านาฬิกาบนยาน จากคุณ : ผลึกความคิด - [ 18 ม.ค. 52 19:53:43 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แค่ quote ของผม นี่แตกประเด็นได้เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้เลยเหรอ 4 ชม.ถ้าคำนวณผิดพลาดก็ขออภัยนะครับ ตอนนั้นรีบๆตอบ ไม่ได้เช็คว่าคำนวณถูกหรือเปล่า แต่โดย concept เกี่ยวกับ time dilation ก็ตามที่หลายๆท่านอธิบายนั่นแหละครับ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 18 ม.ค. 52 19:58:18 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มีแนวทางทำให้เดินทางไปได้ก่อนไหม แล้วค่อยมาเถียงกัน  แห่ๆ จากคุณ : nino (Arccyber2004) - [ 18 ม.ค. 52 19:58:32 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เรื่องเครื่องยนต์ของยานทำงานช้าลงแล้วจะทำให้ยานช้าลงนั้นไม่ต้องห่วง เพราะ เมื่อเร่งความเร็วจนถึงความเร็วที่ต้องการแล้ว วัตถุจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าเดิม ถ้าไม่มีแรงภายนอกที่แรงลัพธ์ไม่เท่ากับศูนย์มากระทำ ถึงเครื่องไม่ทำงานมันก็เร็วเท่าเดิม มันยากตรงที่การทำความเร็วนั้นให้ได้ตั้งแต่แรกนั่นแหละ, ตอนเบรกก็ด้วย จากคุณ : ผลึกความคิด - [ 18 ม.ค. 52 19:59:16 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อื่ม ผมว่า คุณ 90210 รบกวนศึกษา ฟิสิกส์มาใหม่นะครับ เพราะ ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษต้องใช้ความรู้เพื้นฐาน เยอะครับ ถ้าไม่มีความรู้พื้นฐานจะเข้าใจได้ยากครับ เพราะมันขัดสามัญสำนึกอย่างรุนแรงครับ อย่างทีคุณเป็นอยู่เพราะใช้สามัญสำนึก ธรรมดา ในการพยายามเข้าใจทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษนี้ครับ จากคุณ : ผมไม่รู้ - [ 18 ม.ค. 52 19:59:44 A:192.168.0.17 X:118.174.107.146 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ค.ห. 18 ที่เวลาของเราที่นั่งรถยังไม่ช้าลง ก็เพราะความเร็วของรถ(และเราที่อยู่ในรถ)มันยังน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับความเร็วแสงอ่ะค่ะ จากคุณ : เมย์น้อยศิษย์คาเงะชิโยะ (เมย์น้อยศิษย์คาเงะ) - [ 18 ม.ค. 52 20:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 31 #10 ครับ http://www.vcharkarn.com/vlesson/showlesson.php?lessonid=2&pageid=10 ถ้าบนยานไม่มีคนไปด้วย ปล่อยแต่ยานเปล่า ๆ แล้วอิงตามหลักทฤษฎีที่ว่า วัตถุในยานจะทำงานช้าลง อะตอมเคลื่อนที่ช้าลงแล้ว อุปกรณ์ต่าง ๆ ของยานลำนั้น ทั้งภายในยาน และภายนอกตัวยาน ไม่ทำงานช้าลงไปด้วยหรือครับ >>ยานที่มีความเร็วสูงจะช้าลงเมื่อเทียบกับคนบนโลกครับ เข้าใจถูกต้องแล้ว ครับ จากคุณ : silverfox - [ 18 ม.ค. 52 20:02:56 A:125.24.96.43 X: TicketID:185555 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สำหรับคนที่ยังงงอยู่ว่า ทำไมคนที่อยู่ในยานอวกาศไม่รู้สึกว่าเวลาผ่านไป 6 ล้านปี? นั่นแสดงว่าคุณยังไม่เข้าใจทฤษฎีสัมพัทธภาพ ซึ่งไม่แปลก คนจำนวนมากในโลกนี้ก็ไม่เข้าใจ ลองใจเย็นๆ หยิบหนังสือฟิสิกส์ม.ปลาย (เดี๋ยวนี้ม.ปลายเขาสอนทฤษฎัสัมพัทธภาพหรือเปล่าครับ) แล้วลองตัดอคติจากความคิดเชิงสามัญสำนึกดู จากคุณ : Cryptomnesia - [ 18 ม.ค. 52 20:03:33 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ก็นี่แหละครับ สัมพัทธภาพ ที่หมายถึง กาลและอวกาศ ไม่สามารถแยกพิจารณาจากกันได้ และถ้าเป็นที่สงสัยก็ไม่แปลกอีก เพราะมีข้อขัดแย้งที่ยากแก่การทำความเข้าใจในเรื่องนี้อยู่ เช่นที่เรียกกันว่า ปริศนาฝาแผด เป็นต้น จะว่าไปคนอธิบายแต่ละคนก็อธิบายไม่ค่อยจะเหมือนกันในรายละเอียดซะอีก (ผมเองดูจาก Michio Kaku กับ Brian Greene เป็นหลัก) ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า แสง เป็น สิ่งที่ประหลาด เหมือนภาพลวงตายังไงก็ไม่รู้ ความจริงแล้ว การที่จะเร่งความเร็วให้เป็น 99% ของวัตถุขนาดใหญ่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นไปได้ยาก เพราะยิ่งมวลมากขึ้น ก็ต้องใช้พลังงานในการขับเคลื่อนมากขึ้น (หรือในทำนองกลับกัน ยิ่งใช้พลังงานมากขึ้น มวลก็จะเพิ่มขึ้น) ตามสมการ E  = mc^2 คำถามกระทู้นี้น่าจะทำได้ยากในทางปฏิบัติครับ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 18 ม.ค. 52 20:03:55 ]

ความคิดเห็นที่ 34 #33 จริงครับ Twin's paradox นี่ Prof. ต่างคนอธิบายต่างกัน อ่านทีไรได้งงทู้กทีเลย ส่วนตัวผมชอบ Kaku ครับ เขาอธิบายง่ายๆดี ผมถามเพิ่มเติมได้ไหม อย่าหาว่าป่วนกระทู้เลย นอกจากทฤษฎีสัมพัทธภาพแล้ว เดี๋ยวนี้ม.ปลายได้เรียนทฤษฎีควอนตัมด้วยหรือเปล่าครับ เดาว่าน่าจะได้เรียน เพราะเกี่ยวกับแบบจำลองอะตอมแบบกลุ่มหมอกของเคมี จากคุณ : Cryptomnesia - [ 18 ม.ค. 52 20:13:30 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้าเราอายุ 30 แล้วนั่งยานไปด้วยความเร็วเท่ากับแสงไปอีกกาแล๊กซี่นึง ที่อยู่ห่างออกไป 6 ล้านปีแสง ไปถึง 4 ชม กลับมาโลกอีก 4 ชม รวมเป็น 8 ชั่วโมง แต่โลกผ่านไปแล้ว 12 ล้านปี เป็นยุคอะไรแล้วก็ไม่รู้ แต่ตัวเรา รูปร่าง หน้าตา ก็ยังอายุ 30 เท่าเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย เอ่อ.....ผมเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าครับ ถ้าเข้าใจถูกต้อง แบบนี้คือ ไทมแมชชีน ใช่ไหมครับ หลักการเดียวกับไทม์แมชชีนในการ์ตูน โดราเอม่อนหรือเปล่าครับ จากคุณ : Eps - [ 18 ม.ค. 52 20:13:59 A:118.173.248.183 X: TicketID:103981 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คุณ Cryptomnesia เล่นหดเวลาจากหลายล้านปีแสงเหลือ 4 ชั่วโมง น้อยกว่าเวลาขับรถผมในกรุงเทพเสียอีก 55 ผมไม่ได้ศึกษาฟิสิกส์ มาก่อนหรอกครับ คงไม่ได้ไปศึกษาใหม่ด้วย เพราะไม่เกี่ยวกับหน้าที่การงานและชีวิตประจำวันนัก ปกติแล้วผมชอบอ่านธรรมะทางพุทธศาสนามากกว่า เพียงแต่ผ่านมาอ่านกระทู้นี้แล้วน่าสนใจได้ความรู้ดี เลยแวะมาคุยด้วย อ่านแล้วเกิดข้อสงสัยก็เลยถามไปตามความคิดที่เกิดขึ้น ชอบคุณทุกท่านที่มาสนทนาและแลกเปลี่ยนความรู้กันนะครับ คุณ คห 27 ไม่ได้เถียงกันเลยครับ แลกเปลี่ยนความรู้เฉย ๆ แต่ก็จริงนะ หาทางสร้างยานให้ได้ก่อนดีกว่าครับ แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 20:24:24 จากคุณ : 90210 - [ 18 ม.ค. 52 20:20:08 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขออีกคห.ก่อนปิดเบรคนะครับ #24 ถ้าถามว่าทำไมจึงเกิดผล 3 ข้อ ใน #24 ตอบว่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ รู้แต่ทฤษฎีและผลการทดลองยังยืนยันตามนั้น แต่ถ้าถามว่าผล 3 ข้อ ใน #24 ได้มายังไง ก็ตอบได้เลยครับว่าได้มาจากสมการฟิสิกส์ที่นำเอา Lorentz factor ที่นำจากทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษนี้เข้าไปปรับใช้ครับ ที่จริงผมเขียนสมการลงไปใน #21 แล้ว แต่เขียนในกระทู้นี้มันมีตัวหาร ตัวรูท ดูไม่รู้เรื่อง ผมเลยถอดออกน่ะครับ เอางี้ ดูที่ไอน์สไตน์เขียนไว้เลยครับ บทความที่มาของทฤษฎี (แต่ต้นฉบับเป็นภาษาเยอรมันนะครับ  อันนี้แปลมาอีกที) ON THE ELECTRODYNAMICS OF MOVING BODIES http://www.fourmilab.ch/etexts/einstein/specrel/www/ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 18 ม.ค. 52 20:22:07 ]

ความคิดเห็นที่ 38 #35 time machine คือการเดินทางข้ามเวลาครับ คนละเรื่องกับ time dilation (การยืดขยายของเวลา) แต่ถามว่าเกี่ยวกันไหม มีแนวคิดที่ทำให้มันเกี่ยวกันได้ อย่างเช่นการสร้าง time machine โดยอาศัยรูหนอนและปรากฏการณ์ time dilation อธิบายแบบสรุป หากมีรูหนอนหนึ่งรู เชื่อมกาล-อวกาศสองแห่งระหว่างสถานีบนโลกกับยานอวกาศที่จะเดินทางไปกาแล็กซี่อันโดรเมดา (ขออนุญาตใช้โจทย์เดิม) ยานอวกาศที่เอารูหนอนติดไปด้วยเดินทางไปยังกาแล็กซี่อันโดรเมดาด้วยความเร็ว 99.9999999% ของความเร็วแสงและระหว่างนั้นก็ติดต่อสื่อสารกับสถานีบนโลกผ่านรูหนอน 6 ล้านปีผ่านไป ยานอวกาศจึงไปถึงกาแล็กซี่อันโดรเมดา แต่เวลาบนยานอวกาศจะผ่านไปแค่ประมาณ 200 ปี ดังนั้นรูหนอนนี้จะกลายเป็น time machine ที่เปิดไปสู่อนาคตอีก 6 ล้านปีข้างหน้า (จากสถานีบนโลก) หรือเปิดสู่อดีต 6 ล้านปีก่อนหน้า (จากยานอวกาศที่อยู่ในกาแล็กซี่อันโดรเมดา) (อ้างอิงจาก The fabric of the cosmos ไม่ได้คิดเองเด้อ) จากคุณ : Cryptomnesia - [ 18 ม.ค. 52 20:25:09 ]

ความคิดเห็นที่ 39 E = mc^2 คือสูตรแปลงมวลเป็นพลังงานอย่างง่ายครับ ผมคิดว่า สาเหตุ่ที่เร่งไม่ได้ ใช้สูตร F = ma มากกว่าครับ ถ้ามีสสารหรือมวลวิ่งได้เร็วกว่าแสง มวลนั้นจะเป็นจำนวนจินตภาพ(imaginary number) สูตรมวลเพิ่ม m = m0/sqr(1-v^2/c^2) ถ้า v > c แล้ว v^2/c^2 > 1 ทำให้ 1-v^2/c^2 เป็นค่าติดลบ แล้ว sqr(1-v^2/c^2) จึงเป็นจำนวนจินตภาพ ฉะนั้น m0 = m*จำนวนจินตภาพ มีคนตั้งชื่อมวลนั้นว่า เตคิออน However the energy equation has, when v is larger than c, an "imaginary" denominator, since the value inside the square root is negative. Since the total energy must be real then the numerator must also be imaginary, i.e. the rest mass m must be imaginary, since a pure imaginary number divided by another pure imaginary number is a real number. http://en.wikipedia.org/wiki/Tachyon จากคุณ : silverfox - [ 18 ม.ค. 52 20:52:15 A:192.168.0.17 X:125.24.127.32 TicketID:185555 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คุณ silverfox ผมตาม link ไปอ่านแล้วนะครับ น่าสนใจดี ขอบคุณครับ เดี๋ยวจะไปลองหาหนังสือของคุณ ดร.อรรถกฤต ที่ร้านหนังสือดู :) จากคุณ : 90210 - [ 18 ม.ค. 52 20:59:47 ]

ความคิดเห็นที่ 41 โอ้.. แต่ละท่าน สุดยอด จากคุณ : AVSystem - [ 18 ม.ค. 52 21:00:12 ]

ความคิดเห็นที่ 42 งงอ่ะ ตอนแรกเริ่มๆจะเข้าใจ แต่พอแตกประเด็นเรื่องสี่ชั่วโมงมานี่ เวียนหัวเลย ขอถามต่ออีกนะครับ อย่าหาว่าผมโง่เลย คือพวกคุณบอกว่า ถ้ายิ่งเดินทางด้วยความเร็วเท่าแสงมากเท่าไหร่ เวลาก็จะไหลช้าลง สมมุติว่า มีคนสามารถพัฒนายานให้วิ่งด้วยความเร็วเท่าแสงได้ "โดยเมื่อตัวยานวิ่งด้วยความเร็วเท่าแสงแล้ว จะไม่เกิดความเสียหายใดๆทั้งสิ้น" แล้วในยานลำนั้นก็มีเต่าตัวนึง โดยเต่าตัวนี้จะต้องตายที่อายุสามร้อยปี(สมมุติว่าตอนเอาเต่าขึ้นยาน เต่าตัวนี้ยังเป็นลูกเต่าเพิ่งออกมาจากไข่เลยละกัน) แล้วเต่าตัวที่ว่าก็เป็นเต่าชนิดพิเศษที่จะไม่เป็นอะไร เมื่อเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าแสง แล้วหลังจากนั้น ก็ส่งยานนี้พร้อมกับเต่าที่อยู่ในยานไปยังกาแลกซี่ แอนโดรเมด้า ที่อยู่ห่างออกไป60ล้านปีแสง แล้วหลังจากนั้นให้นาฬิกาที่อยู่บนโลกจับเวลา แล้วก็ให้มีนาฬิกาในยานจับเวลาด้วย เมื่อยานลำนี้ไปถึงที่หมายแล้ว สรุปได้ว่าอย่างไรครับ **เพิ่มเติมครับ** 1.ให้ยานมีเชื้อเพลิงอย่างเหลือเฟือ 2.ให้มวลรวมของเต่าและยานเท่ากับ 0 (สมมุติเฉยๆนะ) มีช้อยให้เลือก 1.นาฬิกาบนโลกผ่านไป60ล้านปี แต่นาฬิกาบนยานเข็มยังไม่กระดิกเลย (เพราะว่ายานเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสง เวลาในยานจึงหยุด??) 2.นาฬิกาบนโลกผ่านไป60ล้านปี และนาฬิกาบนยานก็ผ่านไปหกสิบล้านปีด้วยเช่นกัน (กาแลคซี่แอนโดรเมด้าอยู่ห่างตั้งหกสิบล้านปีแสง 1 ปีแสง คือระยะทางที่แสงเดินทางไปได้ในระยะเวลาหนึ่งปี ดังนั้นยานที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าแสง กว่าจะไปถึงกาแลกซี่แอนโดรเมด้า ก็ต้องใช้เวลาถึง60ล้านปีเช่นกัน??) 3.นาฬิกาบนโลกผ่านไป60ล้านปี แต่นาฬิกาบนยานผ่านไปประมาณสามร้อยปี พอยานจอดปั๊บเต่าตายพอดี (ถึงแม้จะใช้ความเร็วเท่าแสงในการเดินทาง แต่การเดินทางของแสงก็ยังต้องใช้เวลา(เวลาในยานไม่หยุดเมื่อความเร็วเท่าแสง) กว่าจะไปถึงที่นั่นก็ใช้เวลาสามร้อยปีของนาฬิกาบนยาน) 4. ผิดทุกข้อ 5.เป็นไปได้ทุกข้อ 6.คนถามควรกลับไปศึกษาฟิสิกส์มาใหม่ให้ละเอียด -*- แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 23:55:17 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 23:54:05 จากคุณ : Nitrouz - [ 18 ม.ค. 52 21:36:44 ]

ความคิดเห็นที่ 43 38# รูหนอน นี้มันเป็นอย่างไรครับ คล้ายๆกับเครื่องติดต่อสื่อสารกันประมาณนี้หรือเปล่า คือคนที่ไปถึง แอนโดรมีดาเนี้ย เวลาผ่านไป 6 ล้านปีแล้ว คุยกับ คนบนโลกเมื่อ 6 ล้านปีก่อนหน้า ประมาณนี้หรือเปล่าครับ แบบนี้ถ้าจะสร้างเป็นเครื่องไทม์แมชชีนเลย คงจะซับซ้อนน่าดูเลยสินะครับ จากคุณ : Eps - [ 18 ม.ค. 52 21:43:38 A:118.173.248.69 X: TicketID:103981 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ตอบรวมๆ......ครับ ปีแสงคือ  หน่วยวัดระยะทาง   เท่ากับ  1วิ แสงเดินทาง 300000 กม แล้วปีนึงมีกี่ วิ  ก็คูณ  300000  ก็ได้เป็นระยะทาง ครับ ระยะห่างโลก  ถึงแอนโดร  6 ล้านปีแสง  อยากทราบว่ากี่กิโลเมตร  ก็เอาระยะทางที่แสงเดินทางกี่ปี  คูณระยะทางเข้าไป......หน่วยเป็น กม  ซึ่งไม่นิยมเพราะ  ตัวเลขมันมาก  เหมือนไปซื้อรถครับ  จะถามว่าคันละกี่ สตางค์  ก็ไม่นิยม จะถามว่า กี่แสน  กี่ล้านมากกว่า..... เข้าเรื่อง    .....จากผู้สังเกตถ้าเห็นนะครับ..... คนบนโลกก็จะเห็นว่ายานใช้เวลาเดินทางไปแอนโดนเมดาก็ใช้เวลา  6 ล้านปีหน่อยๆ  นั่นแหละครับ  (ถ้ายานมีความเร็วใกล้แสง) แต่ ถ้ายานเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 150000  กม ต่อวินาที  คนบนโลกจะเห็นยานเร็ว 150000  กม เห็นแสง วิ่ง 300000 ต่อวินาที   และเห็นแสงมีความเร็วกว่ายาน  150000  ก็ลบกันธรรมดา แต่สำหรับคนในยานแปลกครับ  จะเห็นแสงวิ่งหนียานออกไป  ด้วยความเร็ว 300000  กมต่อวินาที เพราะอะไร  มาดูกัน.... (ก็เพราะเวลา 1 วินาทีในยานจะเดินช้ากว่าเดิม  เมื่อสังเกตได้จากคนบนโลก ทุกอย่างช้าไปหมดในยาน สโลว์โมชั่น ทั้ง เวลา ทั้งอะตอม ) แต่สำหรับคนในยานแล้วจะไม่รู้ตัวว่าเคลื่อนไหวช้าไปเพราะทุกอย่างในยานจะช้าไปด้วยสัมพัทธกัน   แต่ถ้าคนในยานมองมานอกยานจะตกใจ  ทำไม  เช่นมองมาโลก  ทำไมมันจึงหมุนเร็วไปหมด  แม้แต่แสงที่คนในโลกเห็นว่ามันเดินหนียานความเร็วแค่  150000  แต่คนในยานจะเห็นแสงที่นอกยานทำไมเดินหนียานออกไปเร็วจังตั้ง  300000  ไม่ใช่  150000 กม ก็เพราะเวลาในยานช้าลงนั่นเอง เมื่อเวลาในยานยืดออก  เมื่อคิดสัมพัทธกับโลก และ แอนโดนเมดา เมื่อถึงดวงดาว  คนในยานจะรู้สึกว่าเวลที่ใช่เดินทางไม่ใช่ 6 ล้านปี   แต่สั้นกว่านั้นมาก  อาจะหลายปี  หลายสิบปี  แล้วแต่ความเร็วครับ แต่ถ้าสังเกตจากโลกถ้าอยู่ถึง  ก็ยังจะเห็นว่ายานมันก็เดินทาง   6  ล้านปีแสง   นั่นแหละ ในระดับความเร็วที่ยังต่ำกว่าแสงมากแต่ก็ต้องเร็วระดับหนึ่งไม่งั้นค่าจะน้อยเกินไป  ก็เป็นไปตามทฤษฎี    และมีเหตุการณ์จริงที่พิสูจน์ได้   เดาๆเอา.............ไม่ได้รู้อะไรหรอก.... แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 23:39:48 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 23:18:01 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 22:25:12 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 22:14:15 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 21:49:20 จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 18 ม.ค. 52 21:44:54 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอเดาตอบ  จขกท  ครับ "กาแล็กซี่อันโดรมีด้าอยู่ห่างจากเรา 6 ล้านปีแสง หากคุณมียานอวกาศที่เดินทางได้ 99.9999999% ของความเร็วแสง หมายความว่า คุณต้องใช้เวลาประมาณ 6 ล้านปีถึงจะเดินทางถึงกาแล็กซี่อันโดรมีด้า ระยะเวลาหกล้านปีอะไรๆก็คงเปลี่ยนไปมากมาย แต่ตัวคุณที่อยู่ในยานอวกาศจะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเพียง 4 ชั่วโมง!!" ตอบ............. ใช่ครับ  แต่ไม่รู้ว่า 4 ชั่วโมงหรือเปล่า  อาจจะ  10  ชั่วโมง  หรือ 10  วัน ต้องใช้สูตรคำนวน  ไม่รู้ผู้ตอบ   แค่ยกตัวอย่างอุปมา  เพื่อให้เห็นภาพหรือไม่   สมมุติว่า เชียงใหม่ห่างจากกรุงเทพ 1000 กิโลเมตร สมมุติเส้นทางตลอดระยะทางเป็นเส้นตรง พื้นราบไม่มีความชัน เราเดินทางด้วยความเร็ว 100 กม.ต่อชม. ตั้งแต่เริ่มออกตัว เราก็น่าจะไปถึงเชียงใหม่ด้วยเวลา 10 ชั่วโมง ไม่ว่าเวลาของคนผู้สังเกตุการณ์ที่อยู่กรุงเทพ หรือตัวเราเดินทางออกไป ก็ใช้เวลา 10 ชั่วโมง ตอบ................ ไม่ใช่ครับ  จริงๆแล้วเวลา   ของคนที่ได้เดินทางได้ช้าลงไปแล้ว  แต่น้อย มากๆ  จนไม่สามารถใช้เครื่องมือหยาบมากๆ ของมนุษย์ปัจจุบันไปวัดได้ เพราะมันน้อยมากๆๆ  อาจะหนึ่งในล้านวินาที คนเลยรู้สึกว่ามันไม่ได้แตกต่าง (ขนาดดาวเทียม  หรือยานอวกาศที่เดินทางด้วยความเร็ว  หลายหมื่นกิโลเ้มตรต่อ ชม (แต่ยังช้ามากๆเมื่อเทียบกับแสง) เวลาผ่านไปเป็นเดือน  เคลื่อนที่เป็นล้าน กม  มันยังช้าไปแค่  1 ถึง 2 วินาที ซึ่งสามารถตรวจสอบได้แล้วในปัจจุบัน)  ทำนองนี้ แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 22:51:53 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 22:39:59 จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 18 ม.ค. 52 22:38:04 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอเดาตอบ คห  42     ............เอาครับ ถาม............ คือพวกคุณบอกว่า ถ้ายิ่งเดินทางด้วยความเร็วเท่าแสงมากเท่าไหร่ เวลาก็จะไหลช้าลง สมมุติ ว่า มีคนสามารถพัฒนายานให้วิ่งด้วยความเร็วเท่าแสงได้ "โดยเมื่อตัวยานวิ่งด้วยความเร็วเท่าแสงแล้ว จะไม่เกิดความเสียหายใดๆทั้งสิ้น" แล้วในยานลำนั้นก็มีเต่าตัวนึง โดยเต่าตัวนี้จะต้องตายที่อายุสามร้อยปี(สมมุติว่าตอนเอาเต่าขึ้นยาน เต่าตัวนี้ยังเป็นลูกเต่าเพิ่งออกมาจากไข่เลยละกัน) แล้วเต่าตัวที่ว่าก็เป็นเต่าชนิดพิเศษที่จะไม่เป็นอะไร เมื่อเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าแสง แล้วหลังจากนั้น ก็ส่งยานนี้พร้อมกับเต่าที่อยู่ในยานไปยังกาแลกซี่ แอนโดรเมด้า ที่อยู่ห่างออกไป60ล้านปีแสง แล้วหลังจากนั้นให้นาฬิกาที่อยู่บนโลกจับเวลา แล้วก็ให้มีนาฬิกาในยานจับเวลาด้วย เมื่อยานลำนี้ไปถึงที่หมายแล้ว สรุปได้ว่าอย่างไรครับ ตอบ.................. ความเร็วเกือบเท่าแสงมากเวลาจะเกือบหยุด (ยังไม่หยุดยังมีค่าแม้จะน้อย)  หนึ่งวันในยานอาจจะเท่ากับหลายล้านปีในโลก ครับแล้วแต่ความเร็วใกล้แสงเท่าไหร่ เต่า  อาจจะ    อายุแค่  1  วัน เมื่อคลานลงจากยาน   ที่จอดในแอนโดรมีดา ถ้าความเร็วเท่ากับแสงเวลาจะหยุดครับ   คือเวลาเป็นศูนย์   เป็นศูนย์คือไม่มีเวลาทุกอย่างก็จะหายไป  (เพราะศูนย์คูณอะไรก็เท่ากับศูนย์) ไม่ว่าจะเป็นมวล แสง เมื่อแทนค่าคูณเข้าไปมันจะเท่ากับศูนย์ เพราะฉะนั้นทั้งยานทั้งเต่าของคุณ   จะหายไปครับ พี่ไอนส์ไตล์  เลยบอกไง  วัตถุไม่มีทางเดินทางได้เร็วกว่าแสง  ตาม สูตร ทฤษฎีของเขา   เพราะถ้าเดินทางได้เร็วกว่าแสง ตามคำนวนได้ในทฤษฎี  มันมีค่าเป็นลบ   เรียกว่า  จินตภาพ แต่................แต่........... ที่เรียกว่า  จิต  สามารถเดินทางเร็วกว่าแสงได้เป็นล้านๆเท่า......... และมันก็เป็นจินตภาพครับ......... แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 23:44:58 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 23:01:55 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 22:59:12 จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 18 ม.ค. 52 22:50:48 ]

ความคิดเห็นที่ 47 น่าสงสารเต่า หายไปซะละ T-T จากคุณ : Nitrouz - [ 18 ม.ค. 52 23:56:09 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 18 ม.ค. 52 23:57:16 ]

ความคิดเห็นที่ 49 มิน่าล่ะ คนแก่ถึงชอบออกไปวิ่งกัน ที่แท้มันทำให้แก่ช้าลงนี้เอง แบบนี้พวกที่วิ่งบนลู่วิ่ง ออกกำลังกายคงไม่ค่อยได้ผลสินะ เพราะถ้าไม่เคลื่อนที่ก็ไม่เกิดความเร็ว... อะนะ ล้อเล่นครับ คำถามของผมคือ จริงๆแล้ว เวลาเป็นการวัดค่าอัตราความเสื่อม ถูกไหมครับ ? เช่น เวลาผ่านไป 10 ปี หัวเริ่มล้าน งี้....ถ้าผมถามว่าถ้าเราเดินทางได้เร็วเท่าแสงหรือใกล้เคียงบนจรวด อัตราค่าความเสื่อมที่เกิดขึ้นกับร่างกาย หรือสิ่งอื่นๆจะช้าลงงั้นรึครับ ? สมมุติว่าเราไม่สนใจเวลาเลย เป็นไปได้ไหมว่า แม้นาฬิกาจะช้าลง แต่เราก็ยังคงแก่ลงเท่าเดิม การทดลองหรือข้อสังเกตที่พบ มีการเปรียบเทียบตรงนี้รึเปล่า ? คือผมคิดว่าไม่ว่าจะยังไงก็ ตามฟังชันการทำงานต่างๆบนร่างกายก็ยังคงเดิม ดังนั้นถึงแม้ว่าเราจะเดินทางบนยานอะไรก็ตามก็ไม่น่าจะแก่ช้าลงได้   เท่าที่เห็นยังไม่มีเคสของสิ่งมีชีวิต ถูกมั้ยครับ ? จากคุณ : เหล้ายา ปลาปิ้ง และหญิงสาว - [ 18 ม.ค. 52 23:58:41 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ตอบ......... คำถามของผมคือ จริงๆแล้ว เวลาเป็นการวัดค่าอัตราความเสื่อม ถูกไหมครับ ? เช่น เวลาผ่านไป 10 ปี หัวเริ่มล้าน ตอบ ถูกครับ..... งี้....ถ้าผมถามว่าถ้าเราเดินทางได้เร็วเท่าแสงหรือใกล้เคียงบนจรวด อัตราค่าความเสื่อมที่เกิดขึ้นกับร่างกาย หรือสิ่งอื่นๆจะช้าลงงั้นรึครับ ? ตอบ ใช่ครับ   ถ้าสังเกตจากโลกหรือเดินทางแล้วกลับมาจอดให้คนในโลกดู เป็นไปได้ไหมว่า แม้นาฬิกาจะช้าลง ตอบ ถ้าสังเกตจากโลกใช่ครับ ถ้าอยู่ในยานมองนาฬิกา ปรกติครับ แต่เราก็ยังคงแก่ลงเท่าเดิม ตอบ ใช่ครับถ้าสังเกตจากคนที่อยู่ในยานด้วยกันถ้ามีสองคน แต่ไม่ใช่ครับถ้าสังเกตจากคนบนโลก การทดลองหรือข้อสังเกตที่พบ มีการเปรียบเทียบตรงนี้รึเปล่า ? เรื่องดาวเทียมและจีพีเอสไงครับ  นักวิทยาศาสตร์สังเกตได้ว่าเวลาบนดาวเทียม เมื่อผ่านไประยะหนึ่งมันช้ากว่าโลกแฮะ (เพราะดาวเทียมเคลื่อนที่เร็วกว่าจรวดเลยสังเกตง่ายกว่า)   มัน เสี้ยว วินาที ครับ  ครับ    แต่  ทำให้การคำนวนบางอย่างผิดพลาดไปมหาศาล  เช่น ส่งข้อมูลระยะทางบนโลก กำหนด  จีพีเอส ผิดไป  หลายเมตร ไงครับ ทีนี้พอจะยิง จรวดไปถล่ม ศัตรูเพื่อนบ้าน  มันพลาดเป้าไปซักสิบเมตร แทนที่มันจะไปลงบ้านศัตรูอาจะไปลง   บ้านชาวบ้านได้..... ต้องคำนวนละเอียดมากๆ แต่อาจมีเรื่องอื่นอีกนะ    ผมก็ได้รู้งูๆปลาๆมาแค่นี้....ก็อ่านมาครับ.... คือผมคิดว่าไม่ว่าจะยังไงก็ ตามฟังชันการทำงานต่างๆบนร่างกายก็ยังคงเดิม ตอบ.......ใช่ครับ  เมตาบอลิซึ่ม  เมื่อเทียบเวลาในยาน  ปรกติ แต่ไม่ใช่ถ้ามองจากโลก    มันช้ามากเหมือนเต่าจำศีล  อิเลคตรอนวิ่งช้า เดินช้า  แก่ช้า ทำนองนั้น ดังนั้นถึงแม้ว่าเราจะเดินทางบนยานอะไรก็ตามก็ไม่น่าจะแก่ช้าลงได้ ตอบ ปรกติถ้าถามเพื่อนในยานใช่ก็แก่เร็วพอๆกันนั่นแหละ แต่ช้าลงเมื่อกลับถึงโลก  ถามคนและเปรียบเทียบกับคนในโลก ถามว่ามันจริงหรือไม่  จริงครับเพราะมีทั้งทฤษฎีและหลักฐานส่วนหนึ่ง ยืนยันได้ มันเป็นเรื่องจริงทางฟิสิกส์และสสาร ที่อาจจะค่อนข้างเข้าใจยาก   สำหรับ ผม คุณ คนทั่วไป หรือมนุษย์ที่มีวิวัตนาการมาแค่  ไม่ร้อยกี่พันปี  ครับ มนุษย์อีกหมื่นปีข้างหน้า คงฉลาดกว่านี้มาก  แต่ก็ยังโง่   สำหรับมนุษย์ต่างดาว  อิๆๆๆ เราก็คงเหมือนกบในจักรวาล     เหมือนเรามองเต่า  ทั้งโง่ทั้งช้า...........ทำนองนั้น แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 08:23:38 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 01:09:08 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 01:00:19 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 00:41:01 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 00:37:50 จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 19 ม.ค. 52 00:28:19 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ถ้าคนวิ่งทุกวันอายุจะยืนยาว จริงครับ แต่ถ้าบอกว่าอายุยาวไป  .001 วินาที จะมีประโยชน์หรือไม่อาจไม่ เลยแปรความหมายไปซะ ว่าเวลาไม่ต่างกันไม่งั้นคนวิ่งกันตาเหลือก แต่ถ้าบอกว่า   .001 วินาทีแสงเดินทางต่างกันกี่เมตร อาจจะมหาศาลครับ เพราะฉะนั้นเราต้องแยก ความจริงเท็จ  กับ ปริมาณ  ออกจากกัน ที่เราเดินบนโลกบอกว่าพื้นโลกนิ่งมาก แต่กับมดอาจบอกว่าแผ่นดินไหว ความจริงคือโลกไม่นิ่งสั่นสะเทือนตลอด   แต่ปริมาณน้อยมนุษย์ไม่สามารถสัมผัสได้ และไม่เห็นความสำคัญเลยอนุมาณว่านิ่ง ในทางการใช้ประโยชน์ แต่ตามข้อเท็จจริงมันผิด.... ทำนองนี้........ จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 19 ม.ค. 52 00:57:24 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณทุกความรู้ครับ แต่อ่านเสร็จแล้วผมขอกลับไปกินยาก่อนนะครับ จากคุณ : ก้อนหินขยับ - [ 19 ม.ค. 52 02:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 53 คือว่า สรุบ เถียงกันเรื่องอะไรหรอครับ แล้วที่เจ้าของกระทู้ถามนี่มีใครตอบมั้งยังครับ เรื่อง ความเร็วเหนือแสง นี่ ไม่เห็นมีใครตอบเลย รึ หาเรื่องออกทะเลกันอยู่ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 06:36:20 จากคุณ : เกรียนมากๆ (jackmaster) - [ 19 ม.ค. 52 06:35:43 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ฮือๆๆ น่าดีใจเหลือเกินที่ กระทู้ที่ผมตั้งได้ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำด้วย (แอบน้ำตาเล็ดด้วยความดีใจ) แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นครับ ทำให้ผมหลายงงไปเยอะเลย จากคุณ : bmjas - [ 19 ม.ค. 52 08:38:09 ]

ความคิดเห็นที่ 55 แบบนี้คนที่อยู่ในยานมองมาที่โลกจะเห็นโลกหมุนเป็นลูกข่างเลยรึป่าวครับ จากคุณ : -OmegA- - [ 19 ม.ค. 52 08:45:28 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ...... คห 52  อย่าพึ่งกินยาครับ..........คิดว่ามันง่ายมันก็ง่ายนั่นแหละ.....ๆ คห 53  ลองอ่าน  46   ก็อธิบายแล้วไงครับ   แต่อาจจะอธิบายไม่ละเอียดนักนึกว่าเข้าใจ    อิๆๆๆ จริงๆแล้วนักวิทยาศาสตร์  ที่ยังไม่ฉลาดนักในปัจจุบัน(พูดง่ายๆแบบไม่เกรงใจยังโง่อยู่มาก)พบหรือเดาลางๆแล้วว่า  เตคีออน  เดินทางความเร็วเริ่มต้นตั้งแต่ความเร็วแสง  เป็นต้นไปจนเร็วกว่าเป็นล้านๆเท่า   ซึ่งความเร็วขนาดนั้นไม่สามารถใช้วัตถุในโลกของมิตินี้ไปวัดได้   ต้องไปอยู่มิติอื่นครับ......อย่างเช่นมิติ  จินตภาพ   จริงๆแล้ว   มันมีอีกหลายมิติครับ  มิติที่ใกล้โลก  เบสิกๆก็  มิติ  ของ จิต  วิญญาน   ที่ซ้อนทับกับโลกของเราอยู่ไงครับ แต่ก็ยังมีมิติอื่นๆอีกนับไม่ถ้วนอยู่ครับ  โปรดอย่าใช้  ความนึกคิด  สมอง  เครื่องวัด  ของมนุษย์เราไป ควานหา  ใช้กฏ  ฟิสิกส์ขิงมิตินี้   ไปวัดมิติโน้น เช่น  นักวทยาศาสตร์ เอาเครื่องวัด รังสี ไปหา วิญญาน  มันโง่มากๆครับ เพราะโลกของ  วิญญาน มิติอื่น  มันไม่มี  รังสี  หรือแสงครับ.... มันจะหาเจอได้ไง    เหมือนเอาไม้บบรทัดไปวัดอุณภูมิครับ  ทำไมมันไม่มีค่าหว่า   ........... ถ้าเราอ่านหนังสือฟิสิกส์ขั้นสูงสุดของมนุษย์เราที่นักวิทยาศาสตร์ ได้เขียนไว้แล้วอย่างเข้าใจ   แล้วไม่คิดต่อ   อย่านึกว่าเราฉลาดนะครับ   เพราะมันจะไม่สามารถฉลาดเกินหนังสือเล่มนั้นไปได้............... เห็นทีวี    ก็สอนอยู่ครับ    นักเรียน...............อย่าอ่านแล้วแค่จำ ต้องคิดเอง  อิๆๆๆๆ ไม่มีใครถามหรือครับ........... เวลาช้าลงเพราะอะไร เต่า  และ  ยานอวกาศ   เมื่อความเร็วเท่าแสงแล้วหายไปไหน........ เราจะย้อนเวลาหรือไปอนาคตได้อย่างไรแล้วมันจะเป็นยังไง.... ง่ายมากครับ.........ว่างๆๆ   จะมาตอบครับ..... อ่านกระทู้นี้แล้ว....... ไปทะเลกันดีกว่า.................. เขาบอกว่า...........ฟิสิกส์   มันบ้า........ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 13:55:51 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 08:59:32 จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 19 ม.ค. 52 08:52:59 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ทีนี้เราจะรู้ว่ามีมิติอื่นซ้อน  ทับ  กันได้ยังไง...... ว่างๆเดี๋ยวจะมาตอบ   อันนี้ก็ไม่ยาก.......ครับ เอาเข้าไป.......... จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 19 ม.ค. 52 09:05:02 ]

ความคิดเห็นที่ 58 #43 รูหนอนคือการบิดผันของกาล-อวกาศที่สามารถพิสูจน์การดำรงอยู่ได้ทางสมการคณิตศาสตร์แต่ยังไม่พบหลักฐานการดำรงอยู่จริงในจักรวาล จินตนาการคล้ายๆอุโมงค์เชื่อมด้านหนึ่งของภูเขากับอีกด้านหนึ่ง (แทนที่คุณจะต้องปีนเขาหรือเดินอ้อม) รูหนอนเป็นทางลัดที่เชื่อม 'กาล-อวกาศ' (เน้นย้ำนะครับ กาล-อวกาศ หมายความว่าเชื่อมทั้งเวลาและสถานที่) ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษที่ระยะทางของรูหนอนจะคงที่เสมอไม่ว่ากาล-อวกาศจะเคลื่อนที่แยกออกจากกันหรือไม่ The fabric of the cosmos กล่าวถึงประเด็นการใช้รูหนอนเป็น time machine ไว้น่าสนใจตามที่ผมกล่าวไป เนื่องจากการใช้รูหนอนเป็นวิธีที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดในการสร้าง time machine (ตั้งใจว่าจะตั้งกระทู้เกี่ยวกับ time machine: ความเป็นไปได้เชิงฟิสิกส์ พบว่ามีบทความของนิตยสาร Update อยู่แล้ว) จากคุณ : Cryptomnesia - [ 19 ม.ค. 52 09:05:02 ]

ความคิดเห็นที่ 59 จักรวาล หากใช้สามัญสำนึกปกติของมนุษย์ คุณคงไม่มีวันเข้าใจมันได้เลย เพราะจักรวาลไม่ได้เป็นไปตามสามัญสำนึกของมนุษย์ ทำไมคนสองคนที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่างกันมากๆจึงเห็นเหตุการณ์เดียวกันไม่เหมือนกัน? อนุภาคตัวหนึ่งมีความน่าจะเป็นที่จะปรากฏได้ทุกหนทุกแห่งในจักรวาล แต่เมื่อมีคนไปสังเกตมัน มันจะปรากฏได้เพียงตำแหน่งเดียว อนุภาคสองอนุภาคที่อยู่ห่างกันหลายล้านปีแสง เมื่อมีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นกับอนุภาคหนึ่ง สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นกับอีกอนุภาคโดยไม่ต้องมีการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ที่กล่าวมาคืออยากให้ลองเปิดใจรับความจริง โดยแยกตัวออกจากสามัญสำนึกปกติดูบ้างครับ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 19 ม.ค. 52 09:13:26 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ที่จริงโลกก็เดินทางความเร็วสูงอยู่นะในกรอบอ้างอิงจักรวาลที่กำลังขยายตัว แต่พอดีเราเป็นชาวโลก ก็เลยสัมพัทธ์กับเวลาตัวเอง เลยรู้สึกเฉยๆ ถ้าคนที่ดินแดนที่ความเร็วช้ากว่ามามองเรา คงเห็นเราเป็นมดงานไม่รู้จะรีบไปไหน จากคุณ : หลับตา - [ 19 ม.ค. 52 09:19:33 A:58.64.64.111 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ยาวมากครับ ผมอ่านแค่ คห แรก ๆ ความเห็นผมนะครับ (ไม่รู้ไปซ้ำกับ คห ไหนหรือไม่ ?) คนบนโลกก็จะสังเกตุเห็นว่ากว่ายานจะไปถึงก็ใช้เวลา 6 ล้านปีแสง แต่จะเห็นคนบนยานแก่ช้าลง คนในยานก็รู้สึกว่าเขาใช้วลาเดินทางน้อยลงในการเดินทางไปถึง (สมมติ 0.5 ปีแสง) แต่ขณะเดียวกันคนบนยานจะมองเห็นคนบนโลกเวลาช้าลงเช่นกัน จนเมื่อเขาเดินทางกลับมาโลกนั่นแหละ มาหยุดเทียบกับโลก แล้ววัดที่กรอบของโลก จะพบความจริงว่าเวลาของโลกผ่านไป 12 ล้านปีแสง (ไป-กลับ) แต่เวลาของเขาผ่านไปอาจจะแค่ 1 ปีแสงก็ได้ (ไม่ได้คำนวณ ต้องการสื่อให้รู้ว่าเวลาบนโลกผ่านไปมากกว่า เขาได้เดินทางไปสู่เวลาอนาคตของโลกแล้ว) Note : สมมติว่าเขามีชีวิตอมตะ ไม่แก่ตายก่อนนะ ผมเข้าใจถูกไหมครับ วานผู้รู้จริงชี้แนะ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 09:50:00 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 09:36:23 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 09:32:39 จากคุณ : tytsn1197 (tytsn1197) - [ 19 ม.ค. 52 09:27:18 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เห็นด้วย คห 60 ครับ   เราจริงๆ   จะหาคำตอบอะไร   เราจะต้องหาว่ามาจากกรอบไหน.... ถ้าไม่มีกรอบไหน  มันก็คงไม่มีคำตอบ เพราะ ศูนย์คูณอะไรก็ได้ศูนย์  ใครเป็นคนคิดหว่า.........ชอบจัง ถ้ามีเอกภพอื่นที่เวลาเดินช้ากว่าเราเป็นล้านๆเท่า   มองมายังเอกภพเรา  มันก็อาจเห็นบิ๊กแบงเอกภพเราที่เกิดมา หมื่นกว่าล้านปีเหมือนพรุแตก  แวบเดียวก็หายไป  เมื่อมองจากกรอบของเขา................. แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 09:29:22 จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 19 ม.ค. 52 09:28:04 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ตอบ   61   ที่เจอมาแล้วจริงๆนะครับ มนุษย์คำนวนแล้วว่า   ความเร็วขนาดนี้  ยานอวกาศโคจรรอบโลกหนึ่งรอบ  ใช้เวลา  12  ชั่วโมง  พอยานขึ้นไปจริงๆ  กลับลงมาปรากฎว่า   คนในโลกดูเวลาในยานมันเดินไปแค่  11 โมง  59  นาที  59  วินาที  เท่านั้น.....คนในยานดูเวลาในยาน  ก็จะรู้สึกว่า  ใช้เวลาน้อยกว่า แต่คนในโลกดูเวลาในโลกมันก็   12  ชั่วโมงนี่นา..... (เวลาเป็นการประมาณเพื่อให้เห็นภาพ  เวลาช้าลงแต่เกิดขึ้นจริง) ถาม........... คนบนโลกก็จะสังเกตุเห็นว่ากว่ายานจะไปถึงก็ใช้เวลา 6 ล้านปีแสง แต่จะเห็นคนบนยานแก่ช้าลง ตอบ  ใช่ครับ..... คนในยานก็รู้สึกเหมือนเดิม คือเขาก็จะรู้สึกว่าต้องใช้วลาเดินทาง 6 ล้านปีแสงเหมือนกันกว่าจะเดินทางไปถึง ตอบไม่ใช่ครับ  เขาจะรู้สึกว่าเดินทางแปบเดียวเอง ถาม แต่ในทางกลับกันคนบนยานจะมองเห็นคนบนโลกเวลาช้าลงเช่นกัน ตอบ  ไม่ใช่ครับ   จะเห็นว่า  โลกหมุนเร็วขึ้นเวลาบนโลกเร็วขึ้นเรื่อยๆตามความเร็วที่เพิ่มขึ้น แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 09:48:49 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 09:37:48 จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 19 ม.ค. 52 09:35:04 ]

ความคิดเห็นที่ 64 #59  ว่าแล้วว่าอ่านฟิสิกส์อนุภาคมากๆจะใกล้บ้่า นี่แปลว่าคุณคริปตอมเสพ The fabric of Cosmos หนักไป ดูสิ โพสต์มาตั้งเยอะก็ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่อง แต่มันก็สนุกตรงขัดสามัญสำนึกนี่แหละเนอะ จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 19 ม.ค. 52 09:35:39 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คห 63 ช่วยดู คห 61 อีกทีครับ แก้ไขใหม่แล้ว พอได้ไหม จากคุณ : tytsn1197 - [ 19 ม.ค. 52 09:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 66 59 เห็นด้วยครับ...... เพราะฉะนั้น  เราต้องแยก   ความจริงเท็จ   ในกรอบกรอบอ้างอิงไหน สิ่งที่ไปสัมผัส   ปริมาณ กฎเกณฑ์  ในกรอบอ้างอิงไหน   ออกจากกัน มันจึงมีตัวตน  ให้ได้รับคำตอบจากกรอบอ้างอิงนั้นๆ ไม่รู้เข้าใจถูกหรือเปล่า.........โปรดช่วยชี้แนะด้วยครับ จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 19 ม.ค. 52 09:55:53 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เฮียหน้าไม้เตรียมถอนสมอตั้งแต่เริ่ม 55555 จากคุณ : Dr.ชิน_ศาตราจารย์แห่งความเหงา - [ 19 ม.ค. 52 09:56:20 ]

ความคิดเห็นที่ 68 61   ผิดข้อเดียวครับ แต่ขณะเดียวกันคนบนยานจะมองเห็นคนบนโลกเวลาช้าลงเช่นกัน จะเห็นว่าเร็วขึ้นครับ.... จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 19 ม.ค. 52 09:58:07 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ถ้านักวิทยาศาสตร์มามองกระทู้นี้......... ถ้าอยู่ในกรอบของเขาที่รู้  เขาจะบอกว่าพอรับได้ครับ แต่ถ้าเห็นสิ่งอื่นที่ไปนอกกรอบเขาจะบอกว่าบ้า เหมือนคนโบราณพันปีก่อนฟัง  นิวตัน  อธิบาย  บอกว่า  นิวตัน  บ้า แต่คนในยุคนี้   อาจจะบอกว่าใช่ คนในอนาคตอาจบอกว่า  จริงนิดเดียว   ส่วนใหญ่  ไม่จริงเลย   ล้าสมัยมาก นี่คือเรื่องของกรอบและการสังเกตครับ....... แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 10:04:23 จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 19 ม.ค. 52 10:02:23 ]

ความคิดเห็นที่ 70 คห 68  ทำไมจะเร็วขึ้นล่ะครับ ในเมื่อคนบนยานจะเห็นว่าคนบนโลกเคลื่อนที่ด้วยความเร็วใกล้แสงเมื่อเทียบกับตัวเขา ดังนั้นเขาก็ต้องเห็นคนบนโลกเวลาช้าลงเช่นกันสิ  (ก็เหมือนกับที่คนบนโลกเห็นคนบนยานซึ่งเร็วเกือบเท่าแสงเวลาช้าลงเช่นกัน) จากคุณ : tytsn1197 - [ 19 ม.ค. 52 10:03:09 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เออใช่ครับผม  อาจจะผิดก็ได้นะ........ อย่าเชื่อผมมาก......... วิทยาศาสตร์สอนให้คิดไม่ได้สอนให้เชื่อ เพราะฉะนั้นอย่าเชื่อ ทุกอย่าง  มักผิดพลาดได้เสมอ   แต่ต้องขอเวลา  ไปคิดดูก่อน   ครับ.... บางทีมันอาจจะมี  มะนาวต่างดุ๊ต  แอบ   ดูแล้วก็หัวเราะอยู่ก็ได้  ว่า  ทำไม  โง่จัง.... หรือไม่ก็มนุษย์เราเองนี่แหละที่รู้มากกว่าผมเป็นพันๆเท่า ที่แอบดูกระทู้นี้แล้วแอบหัวเราะว่าทำไมโง่จัง รีบออกมาแสดงตัว    เฉลยปัญหา   ด้วยนะ จะขอบพระคุณมากๆ อิๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 10:14:36 จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 19 ม.ค. 52 10:12:50 ]

ความคิดเห็นที่ 72 แต่คิดอีกที ถ้าไม่ตอบ เดี๋ยวมนุษย์ต่างดาวนึกว่าเราโง่อาจจะโจมตีเอาได้ งั้นขอตอบซักหน่อย   ผมเคยกล่าวแล้วว่า  เราต้องแยกเรื่องจริงเท็จ  ออกจาก  การวัด   และปริมาณที่วัดได้  ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ยกตัวอย่าง   เรามองดาวที่อยู่ห่างออกไปเป็นหมื่นล้านปีแสง เราก็เห็นว่าดาวดวงนั้นยังไม่ดับ  แต่มันไม่จริง  เป็นภาพมายา ของอดีตเมื่อล้านปีที่แล้ว เรื่องจริงคือ  ถ้าเราสามารถมีอะไรที่เดินทางไปวัดทันทีทันใด จะเห็นว่าดาวดวงนั้นดับไปแล้วเมื่อเทียบกับเวลาโลก  ณ  ปัจจุบัน ซึ่งเป็นความจริง  ไม่ใช่ภาพที่เห็น การวัดได้กับความจริงต้องแยกจากัน ทีนี้เรื่องการมองเห็นโลก    อาจะมองโลกว่าช้าไป  เมื่อมองความรู้สึก สัมผัสจากการรับรู้ของมนุษย์บนยาน  ซึ่งเป็นมายา แต่เรื่องจริง  ถ้ามองจากอะไรหรือที่สัมผัสได้ทันทีทันใด  จะเห็นสัมผัสได้ว่าว่าโลกจะหมุนไปเร็วมากขึ้นตามความเร็วที่เพิ่มขึ้น  ก็ยังเป็นไปตามนั้นครับ คล้ายแต่ไม่เหมือน    ที่เรามองดวงดาวนั่นแหละครับ..... อิๆๆ   ไปทะเลกันดีกว่า........... แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 10:32:59 จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 19 ม.ค. 52 10:29:34 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เรื่องนี้อ่านกี่ทีก็งง เดี๋ยวกลับมาอ่านใหม่ จากคุณ : Red Freeze - [ 19 ม.ค. 52 11:00:14 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ตามข้อความ คห. 57 ...เราจะรู้ว่ามีมิติอื่นซ้อน  ทับ  กันได้ยังไง...... อันนี้ ผมสนใจอยากรู้มากครับ ถ้ายังรบกวนหน่อยครับ จะแตกประเด็นออกไปอีกสักกระทู้ก็ได้ครับ   อยากรู้ ไม่ยากจริงหรือครับ ? จากคุณ : เหล้ายา ปลาปิ้ง และหญิงสาว - [ 19 ม.ค. 52 11:09:26 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ปี ค.ศ. 1971 : การทดสอบเวลาสัมพัทธ์ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์-สไตน์ โดยนาฬิกาอะตอมในเครื่องบิน นักฟิสิกส์ชาวอเมริกันสองคน คือ เจซี. เฮฟเล (J.C. Hafele) และ ริชาร์ด คีตทิง (Richard Keating) ทำการทดสอบผลจากทฤษฎีสัมพัทธภาพต่อเวลา โดยเปรียบเทียบเวลาของนาฬิกาอะตอมในเครื่องบินที่บินรอบโลก กับนาฬิกาอะตอมที่อยู่บนพื้นผิวโลก และพบว่า ได้ผลสอดคล้องกับทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์จริง ในการทดสอบเรื่องนี้ นักวิทยาศาสตร์ทั้งสองใช้นาฬิกาซีเซียม (ซึ่งเป็นนาฬิกาอะตอมที่มีความแม่นยำสูง และและมักถูกใช้เป็นนาฬิกาเทียบเวลามาตรฐานของนาฬิกาชนิดอื่นๆ) สองเรือน เรือนหนึ่งอยู่บนพื้นโลก อีกเรือนหนึ่งอยู่ในเครื่องบิน แล้วทำการทดสอบสองแบบ แบบหนึ่ง ให้เครื่องบินบินรอบโลกในทิศตะวันออก อีกแบบหนึ่ง ให้เครื่องบินบินรอบโลกในทิศตะวันตก จากนั้นจึงสรุปผลออกมา เปรียบเทียบกับผลตามทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ ในการตรวจสอบผลการทดลองครั้งนี้ มีผลจากทฤษฎีสัมพัทธภาพที่ต้องพิจารณาทั้งสองภาคของสัมพัทธภาพ คือ ผลจากทฤษฎีสัมพัทธภาพภาคพิเศษ สืบเนืองกับความเร็วสัมพัทธ์ และ ผลจากทฤษฎีสัมพัทธภาพภาคทั่วไป สืบเนื่องกับความโน้มถ่วง (Gravitation) จากสัมพัทธภาพภาคพิเศษ นาฬิกาในเครื่องบิน หรือในสถานที่ ซึ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสัมพัทธ์สูงกว่า จะเดินช้ากว่า นั่นคือ นาฬิกาที่อยู่ในเครื่องบินที่บินรอบโลก ไปทางทิศตะวันออก คือบินไปในทิศทางเดียวกับการหมุนรอบตัวของโลก ความเร็วของเครื่องบิน เมื่อเปรียบเทียบกับความเร็วของนาฬิกาบนพื้นผิวโลก ซึ่งก็กำลังเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วเดียวกับที่โลกกำลังหมุนรอบตัวเอง ความเร็วการเคลื่อนที่ของนาฬิกาในเครื่องบิน จะมากกว่าของนาฬิกาบนพื้นผิวโลก และนาฬิกาในเครื่องบิน (ที่บินไปทางทิศตะวันออก) จึงควรจะเดินช้ากว่านาฬิกาบนพื้นผิวโลก แต่สำหรับนาฬิกาในเครื่องบินที่บินในทิศตรงกันข้าม คือ ไปทางทิศตะวันตก เมื่อเปรียบเทียบความเร็วกันแล้ว นาฬิกาบนโลก จะเคลื่อนที่เร็วกว่านาฬิกาในเครื่องบิน เพราะโลกหมุนรอบตัวเร็วกว่าเครื่องบิน ที่บินในทิศทางตรงกันข้ามกับการหมุนรอบตัวของโลก ดังนั้น เวลาของนาฬิกาบนโลก จึงควรจะเดินช้ากว่านาฬิกาในเครื่องบิน การทดสอบนาฬิกาในเครื่องบินที่บินไปทั้งทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก จึงเป็นการทดสอบเรื่องของ " Time Dilation " หรือ "การช้าลงของเวลา" ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพภาคพิเศษที่ทำกันได้อย่างรอบคอบที่สุด นอกเหนือไปจากผลต่อเวลาในเครื่องบินและบนโลก ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษแล้ว ก็มีผลจากทฤษฎีสัมพัทธภาพภาคทั่วไปที่ต้องพิจารณาด้วย ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพภาคทั่วไป เวลาในที่ซึ่งมีความโน้มถ่วงสูง จะเคลื่อนที่ช้ากว่าเวลาในที่ซึ่งมีความโน้มถ่วงต่ำกว่า ดังนั้น สำหรับการทดลองกับนาฬิกาในเครื่องบินและบนโลก นาฬิกาบนพื้นผิวโลก จะต้องเดินช้ากว่านาฬิกาที่อยู่ในเครื่องบิน เพราะความโน้มถ่วงที่พื้นผิวโลกจากแรงดึงดูดของโลกเอง ย่อมสูงกว่าความโน้มถ่วงที่ระดับความสูงเหนือพื้นผิวโลก คือในเครื่องบิน และสำหรับกรณีของทฤษฎีสัมพัทธภาพภาคทั่วไป เวลาในเครื่องบินที่บินไปทางทิศตะวันออก กับทางทิศตะวันตก จะไม่แตกต่างกันเลย เพราะขึ้นอยู่กับระดับความสูงจากพื้นผิวโลกเท่านั้น ในการทดสอบจริง ซึ่งทดสอบกับเครื่องบินที่บินรอบโลกไปทางทิศตะวันออก เป็นเวลา 41 ชั่วโมง ที่ระดับความสูง 10 กิโลเมตร เหนือระดับน้ำทะเล ด้วยความเร็ว 800 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (500 ไมล์ต่อชั่วโมง) ปรากฏผลว่า นาฬิกาในเครื่องบินเดินช้ากว่านาฬิกาบนพื้นผิวโลกรวมทั้งหมด 59 นาโน วินาที (Nanosecond) ซึ่งตรงกับผลจากทฤษฎีที่น่าจะเป็นว่า นาฬิกาบนเครื่องบิน จะเดินช้ากว่านาฬิกาบนโลก 184 นาโนวินาที ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพภาคพิเศษ แต่จะเดินเร็วกว่านาฬิกาบนโลก 125 นาโนวินาที ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพภาคทั่วไป สำหรับการทดสอบซ้ำกับนาฬิกาในเครื่องบิน ที่บินกลับทิศคือ ไปทางทิศตะวันตก ก็ได้ผลการทดสอบสอดคล้องกับทฤษฎีสัมพัทธภาพ ทั้งภาคพิเศษและภาคทั่วไปจริง ผลของความเร็วสัมพัทธ์และความโน้มถ่วง ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพต่อเวลา มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการศึกษาอวกาศและจักรวาล ดังเช่น การแปลและประมวลความหมายของข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์ ที่ส่องศึกษาสิ่งต่างๆ ในอวกาศและจักรวาล ที่อยู่ห่างไกลจากโลกมาก ลืมลงที่มาของ เนื้อหา http://www.pantip.com/cafe/wahkor/article/chaiwat/cwt_bkkbz192.html ------------------------------------------------------------------------------------------------ เชื้อเพลิงที่ทำให้เครื่องบินได้เร็วสุดๆ + กับวัสดุยานที่ทำให้ทนต่อแรงเสียดสี และ การรักษาสภาพมนุษย์ภายในยานขณะเคลื่อนที่ หากทำได้ การพุ่งบินไปนอกโลก แล้วบินกลับเข้ามาอีกครั้ง ก็อาจทำให้เกิด การท่องเวลาได้ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 11:25:01 จากคุณ : A.R.T. - [ 19 ม.ค. 52 11:22:39 ]

ความคิดเห็นที่ 76 โหวต ก่อน อ่าน มากๆ เริ่ม งง แล้ว จะ มา อ่าน ใหม่ ครับ จากคุณ : eping - [ 19 ม.ค. 52 11:25:52 ]

ความคิดเห็นที่ 77 กำลังสนุกเลยครับ ต่อๆๆ จากคุณ : ขนนกโบยบิน - [ 19 ม.ค. 52 11:40:44 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ...เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Figure (pon2007) - [ 19 ม.ค. 52 12:11:19 ]

ความคิดเห็นที่ 79 คุยกันยาวเลย เดี๋ยวว่าง ๆ กลับมาอ่านต่อ จากคุณ : 90210 - [ 19 ม.ค. 52 12:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 80 อันนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะเลียนแบบนะครับ แต่ขอ... ...เข้ามางง จากคุณ : POPPAHALALUYA - [ 19 ม.ค. 52 12:32:15 ]

ความคิดเห็นที่ 81 มันมีข้อที่ผมสงสัยมานานอีกข้อหนึ่งครับ เนื่องเพราะทฤษฎีนี้ ยึดจุดสังเกตุ เป็นที่มั่น ถ้าเราคิดว่าจรวด วิ่งห่างออกจากดาว ด้วยความเร็วใกล้แสงได้ ในทางกลับกัน ถ้าผมคิดว่า ดาวต่างหาก ที่วิ่งออกจากจรวดด้วยความเร็วใกล้แสง ก็จะกลายเป็นว่าเวลาในจรวดจะคงที่ แล้วเวลาที่ดาวจะเลื่อนช้ามากแทน เป็นไปได้ไหม ที่ คนบนยาน และคนบนดาวจะเห็นการแยกมิติออกจากกัน คือคนบนยาน จะเห็นทั้งดาวที่แก่ไปอย่างรวดเร็ว และดาวที่เกือบหยุดนิ่งอยู่กับที่ คนที่ไปกับยานแล้วกลับมา จะเจอทั้งโลกที่เปลี่ยนไปหลายล้านปี และโลกที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ภายใต้ข้อสมมุติว่า 1. คนเรามองปรากฏการณ์นี้ได้ทัน 2. คนเรามีอายุยาวมากๆ 3. นักบินอวกาศสามารถทำใจรับน้ำหนักที่มากขึ้น ไม่ไปกินยาลดความอ้วนจนกระเพาะทะลุหรือเกิดปมด้อยในชีวิต จนไม่กล้ามาพบหน้าผู้คน จากคุณ : รวมพล คนธรรมดา - [ 19 ม.ค. 52 14:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ว้าว กลายเป็นกระทู้แนะนำแล้วเหรอเนี่ย ^^ เรื่อง เครื่องบิน ที่นำเอานาฬิกาซีเซียม ขึ้นไปบินวนๆ ตอนนั้น ก็ยังมีนักวิทยาศาสตร์หลายคนทักท้วง ว่าการทดลองนี้คลาดเคลื่อนอยู่ค่ะ ปล.คิดถึงคุณเมษ จากคุณ : หลานแว่น (mint_la) - [ 19 ม.ค. 52 14:50:23 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ถ้าความเร็วแสงเป็นภาวะหยุดนิง แล้วแสงเดินทางจะเป็นภาวะหยุดนิ่งด้วยรึเปล่าครับ ถ้าแสงเดินทางเป็นภาวะหยุดนิงแสงจะต้องไม่ใช่พลังงานในการเดินทางเลยใช่ไหมครับ  หรือว่าจริงๆแล้วแสงไม่มีพลังงาน อยากรู้ครับ จากคุณ : Cepa - [ 19 ม.ค. 52 15:47:59 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ตอบคุณรวมพลคนธรรมดา มองรวมกันอย่างงั้นไม่ได้ครับต้องมองแยกว่าจะมองจากยานหรือมองจากดาว จากคุณ : พ่อค้าก๋วยเตี๋ยว ณ ทุ่งบางกะปิ - [ 19 ม.ค. 52 16:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ดีจัง เกือบร้อยกระทู้แล้วยังไม่ลงทะเล ขอเข้ามาเก็บข้อมูลอย่างเดียวครับ ความรู้เรื่องฟิสิกส์เป็น 0 สัมบูรณ์ จากคุณ : หมอเถื่อน - [ 19 ม.ค. 52 16:34:08 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ถึงว่า นาฬิกาในรถ 5-6 เดือน ต้องมาตั้งเวลาใหม่ เพราะว่ามันไม่ตรง เทียบกับคอมตั้งโต๊ะที่บ้านไม่เคยตั้งนาฬิกาเลย เวลาตรงเป๊ะตลอด จากคุณ : arnpd - [ 19 ม.ค. 52 16:55:05 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ยังคงต้องศึกษากันอีกนานนานเลย เรื่องแบบนี้ สักวันความลับของจักรวาลจะถูกไขกระจ่างลงได้ จากคุณ : แสงเรืองรองของฟ้าหลังฝน - [ 19 ม.ค. 52 17:34:14 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เขาบอกว่า...........ฟิสิกส์   มันบ้า........ จากคุณ : นิ้วจิ้ม  - [ 19 ม.ค. 52 08:52:59 ] ชอบ ครับ ชอบเป็นการส่วนตัว บ้า...บ้าก้อรักนะครับ (รักฟิสิกส์) จากคุณ : Mirio_Boat - [ 19 ม.ค. 52 18:01:05 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ลองเปรียบเทียบดูง่ายๆนะครับ .. เพราะมันเป็นเรื่อง สัมพัทธ  ยุงตัวหนึ่ง จะมีอายุประมาณ 20 วัน  และบินได้เร็วประมาณ 5 กม/ชม.  ฉนั้น .. ถ้ามันบินเรื่อยๆ ... ตลอดอายุของมัน  ยุงจะบินได้ 100 กม.  ยุึงตัวหนึ่ง อายุ 10 วัน  บินมาแล้ว 50 กม.    ตอนที่มันอายุ 10 วันเป๊ะๆๆๆๆ มันดันบินขึ้นไปอยู่บนเครื่องบิน  แล้วเครื่องบินบินออกไป ที่ความเร็ว 1,000 กม/ชม.  เพื่อไปหาดใหญ่ แล้วกลับมากรุงเทพ    คำถามแรก: สองชั่วโมงให้หลัง มันอายุเท่าไหร่?  คำถามที่สอง: วินาทีที่มันกลับมาถึงกรุงเทพ มันเดินทางไปได้ไกลเท่าไหร่แล้ว?  คำถามที่สาม .. มันบินเกิน 100 กม. ซึ่งเป็นขีดจำกัดอายุขัยของมันได้อย่างไร? จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 19 ม.ค. 52 20:00:26 ]

ความคิดเห็นที่ 90 คือผมว่า้เอายุงมานั่งรถหรือว่านั่งเ้ครื่องบินมันไม่ถูกต้องเท่าไรครับเพราะ่ว่าความเร็วที่แสดงเดินทางได้คือ 3x10^8 m/s ++ตีว่าประมาณนั้น แล้วเอายุงบินแค่ความเร็ว16667 เมตร/วินาทีมันห่างกันเยอะนะครับเวลาที่ต่างกันอาจจะเป็นส่วนที่ยังไม่ถึงเสี้ยวของวินาทีหรือว่านาโนวินาทีได้นะครับ ดันนั้นแล้วมันวัีดแบบสามัญสำนึกมันลำบากมากครับ .. แต่ผมว่า time machine ไม่น่าจะ้เป็นไปได้ถ้าจะำทำได้น่าจะเป็น time dilation มากกว่าที่จะเป็นไปได้ครับคือเหมือนข้างบนคือว่าในช่วงของ time dilation เนี่ยช่วงเวลาจะดูเหมือนเป็นปกติอยู่แต่่ว่าหากอยู่ข้างนอกแล้วมันจะต่างกันมากเลยครับ ซึ่งการที่จะทำให้เวลาบิดเพี้ยนได้นั้นมันขึ้นอยู่กับปัจจัยคือแรงดึงดูดครับถ้ามีแรงดึงดูดขนาดรุนแรง เปรียบเทียบได้กับ black hole แ้ล้วเวลาตรงนั้นเปรียบเทียบกับเวลาข้างนอกจะเดินลงช้ามากๆครับแต่ว่าคนที่อยู่ ณ เวลานั้นจะรู้สึกเป็นปกติอยู่ันั่นเอง.. ุุ้ถ้าไม่ค่อยเข้าใจแนะนำให้ไปหา series เรื่อง stargate SG1 ประมาณ season 3-4 มั้งครับมาดู จะเข้าใจอะัไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะเลยครับ ตอนแรกๆ ผมก็เข้าใจเหมือนกับยุึงบนรถนั่นล่ะครับว่ามันต้องเหมือนกันสิ..แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลยครับ จากคุณ : น้องหนอนนุ่ม - [ 19 ม.ค. 52 20:17:16 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ลองดูคำอธิบายของผมในกระทู้นี้ครับ Twin Paradox แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 52 10:29:24 จากคุณ : Ao+ - [ 20 ม.ค. 52 00:22:05 ]

ความคิดเห็นที่ 92 เรียน คห  74   ต้องขออภัยด้วยครับ โม้มากไปหน่อย ถ้่าจะอธิบายไปคงจะมีคนหัวเราะแน่ หลักฐานมันน้อยครับ...เดาๆไป     เดี๋ยวจะออกทะเลกันไปใหญ่..... ถ้าให้ดีตั้งกระทู้ใหม่.. ให้ผู้รู้  เขาอธิบายดีกว่าครับ แค่นี้ผมก็หาทางกลับบ้านไม่เจอแล้ว  อิๆๆๆ .... แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 52 01:26:29 จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 20 ม.ค. 52 01:24:33 ]

ความคิดเห็นที่ 93 คุณ "รวมพล คนธรรมดา" มองอย่างนั้นไม่ได้ครับเพราะโลกเป็นกรอบเฉื่อยที่ไม่มีความเร่ง แต่กรอบของยานอวกาศนั้นมีความเร่ง จากคุณ : Nexus - [ 20 ม.ค. 52 11:26:45 ]

ความคิดเห็นที่ 94 มาเสริมให้คนที่งงๆ ผมเคยเห็นหลายคน ที่งงเรื่องนี้ เพราะไม่เข้าใจเกี่ยวกับ การทำงานของสมอง/จิตใจ กระบวนการรับรู้ถึงเวลาของจิตใจ 1). สมองเป็น hardware , จิตใจทำงานบนสมอง และเป็นระบบที่มีวงรอบการรับรู้และประมวลผลข้อมูล หลายล้านครั้งในหนึ่งวินาที (คล้ายๆ computer ), แต่ software ก็ยังทำงานอยู่บน hardware ซึ่งยังไง ก็เป็นสสารและอนุภาค ดังนั้นอยู่ภายใต้ปรากฏการทางฟิสิกส์ทั้งหมด ไม่ต่างกับสิ่งไร้ชีวิตอื่นๆ 2). การรับรู้เวลา เกิดจากการนับเปรียบเทียบกับจำนวน cycle ประมวลผลที่เกิดขึ้นในสมองคนๆนั้น 3). เมื่อปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ อย่างเช่น มิติเวลาเกิดการยืดออก/เวลาเดินช้าลง , hardware อย่างสมอง ก็อยู่ภายใต้ผลนั้นเต็มที่ ไม่ต่างกับสิ่งไร้ชีวิตอื่นๆ จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ 20 ม.ค. 52 11:57:33 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ถ้ามีกล้องอยู่บนยานความเร็วแสง (โดยกล้องนี้สามารถถ่ายทอดทุกอย่างมาได้แบบทันทีทันใด) สิ่งที่ถ่ายทอดกลับมาบนโลกจะเป็นยังไงครับ?? จากคุณ : ninji - [ 20 ม.ค. 52 16:59:16 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ผมเข้าใจแบบนี้ถูกใหมครับ??                     หงอคง อยู่บนยานความเร็ว 10 ปีแสง                     ------------> เดินทาง 1 ปี --------> ไปถึงดาวนาแม๊ก หยำฉา  อยู่บนโลก ------------------------------------------------------ หงอคง นั่งอยู่ในยาน 1 ปี มวลแสงในยานเคลื่อนที่เหมือนเป็นวัตถุเดียวกับยานจึงไม่มีผลอะไรหหงอคงยังมองเห็นตัวเองอยุ่ ยกเว้นแต่หงอคงจะมองออกไปดูวิวข้างนอกยาน???? (จะเห็นอะไรนะอยากรู้จัง) ภาพที่ หยำฉา จะเห็นจากกล้องซูมพลังเหนือมนุษย์ก็คือ ภาพดาวนาแม๊กเมื่อ 10 ปีทีแล้ว เพราะดาวนาแม๊กอยุ่ห่างจากโลก 10 ปีแสง ซึ่งกว่าหยำฉาจะเห็นหงอคงบนดาวนาแม๊กต้องรออีก 11 ปีเพราะหงอคงเดินทาง 1 ปี และแสงจากดาวนาแม๊กเดินทาง 10 ปี งงฮะ ขอไปอ่านการ์ตูนต่อก่อนฮะ จากคุณ : wissar - [ 20 ม.ค. 52 17:13:21 ]

ความคิดเห็นที่ 97 แสงเดินทางเร็ว 300,000กม. ใน1วินาที  ถ้ามียานอวกาศที่เดินทางได้ 99.9999999% ของความเร็วแสง ก็จะสามารถย้อนเวลาได้ไช่ไหมคะ จากคุณ : หนูน้อยน่ารัก (อันตี้) - [ 20 ม.ค. 52 17:33:01 ]

ความคิดเห็นที่ 98 คุณ  Cryptomnesia ครับ จาก #38 ---------------------------------------------------------------------------- อธิบายแบบสรุป หากมีรูหนอนหนึ่งรู เชื่อมกาล-อวกาศสองแห่งระหว่างสถานีบนโลกกับยานอวกาศที่จะเดินทางไปกาแล็กซี่อันโดรเมดา (ขออนุญาตใช้โจทย์เดิม) ยานอวกาศที่เอารูหนอนติดไปด้วยเดินทางไปยังกาแล็กซี่อันโดรเมดาด้วยความเร็ว 99.9999999% ของความเร็วแสงและระหว่างนั้นก็ติดต่อสื่อสารกับสถานีบนโลกผ่านรูหนอน 6 ล้านปีผ่านไป ยานอวกาศจึงไปถึงกาแล็กซี่อันโดรเมดา แต่เวลาบนยานอวกาศจะผ่านไปแค่ประมาณ 200 ปี ดังนั้นรูหนอนนี้จะกลายเป็น time machine ที่เปิดไปสู่อนาคตอีก 6 ล้านปีข้างหน้า (จากสถานีบนโลก) หรือเปิดสู่อดีต 6 ล้านปีก่อนหน้า (จากยานอวกาศที่อยู่ในกาแล็กซี่อันโดรเมดา) (อ้างอิงจาก The fabric of the cosmos ไม่ได้คิดเองเด้อ) Cryptomnesia ---------------------------------------------------------------------      ถ้างั้น การเดินทางผ่านรูหนอนก็น่าจะทำได้แค่ไปอนาคตอย่างเดียว ไม่สามารถย้อนอดีตได้สิครับ  เพราะว่ามันก็ต้อง"ใช้เวลาในการเดินทาง"  ซึ่งนับเวลาไป-กลับ สถานีอวกาศบนโลกกับกาแล็กซี่อันโดรเมดา เท่ากับ 12ล้านปี ไม่ใช่ว่า จากโลก ไปแอนโดรเมด้า +6ล้านปี แล้ว จากแอนโดรเมด้า กลับโลก -6ล้านปีซะทีไหน เพราะฉะนั้นการกลับมาที่โลกอีกครั้งจึงไม่มีโอกาสได้เจอโลกในสภาพเดิมแน่นอน       นอกจากว่าจักรวาลจะเป็นอะไรที่ตายตัว เกิดดับแต่ละรอบเท่ากันทุกครั้ง มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเหมือนๆเดิม เช่น สมมุติว่า จักรวาลมีอายุ1ล้านปีแสง วันนี้18:45 ผมกำลังพิมพ์ข้อความนี้ลงไป ถ้ามี ดช.ก. เริ่มเดินทางด้วยยานอวกาศผ่านรูหนอนตอนเวลา19:00 ในรอบจักรวาลครั้งนี้(ขอนับเป็นรอบแรกนะครับ)เค้าเดินทางด้วยความเร็วที่เข้าใกล้แสงมากที่สุดจนเกือบเสมือนเวลาของเขาหยุดนิ่ง(ตั้งมาเพื่อให้ไม่แก่ตายไปก่อนนะครับ)      จนกระทั่งจักรวาลลรอบแรกได้ดับไป แล้วจักรวาลรอบที่2ได้เกิดขึ้นมาใหม่ มีเหตุการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเดิม ดช.ก.มาเจอผมที่กำลังพิมพ์ข้อความนี้อยู่ณ.เวลา18:45(ของจักรวาลรอบที่2) เค้าก็จึงเข้าใจว่าตัวเค้าได้ย้อนเวลามาแล้ว       แต่ความเป็นจริงคือ เค้าแค่เดินผ่านอนาคต มาเจอเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในจักรวาลแรก เท่านั้นเอง จากคุณ : neoultema - [ 20 ม.ค. 52 19:12:33 ]

ความคิดเห็นที่ 99 #98 ไม่ใช่ครับ รูหนอนที่พูดถึง สมมติว่าเราสร้างมันขึ้นมาได้ มันก็เชื่อมสองจุดในจักรวาลเดียวกันนี้แหละครับ ตอนแรกทางเข้าออกสองฝั่งอยู่ใกล้ๆ กัน เวลาเดียวกัน เข้าออกได้ทั้งสองทางก็อยู่ในเวลาเดิม ไม่ได้รอให้จักรวาลดับไปแล้วเกิดรอบใหม่นี่ครับ ทีนี้พอยืดระยะห่างของทางเข้าออกรูหนอนทั้งสองข้างออกจากกัน มันก็ยังเชื่อมระหว่างสองจุดในจักรวาลเดียวกันเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นแค่แนวคิดนะครับยังไม่มีใครหาวิธีสร้างมันขึ้นมาได้ จากคุณ : ผลึกความคิด - [ 20 ม.ค. 52 20:00:45 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ยังเป็นนิยายวิทยาศาสตร์อยู่ค่ะ จากคุณ : หลานแว่น (mint_la) - [ 20 ม.ค. 52 21:53:29 ]

ความคิดเห็นที่ 102 การหดของวัตถุ และการยืดของเวลา เกิดขึ้นจริงๆ ตามสภาพของจักรวาลที่มันเป็นอยู่  แต่ที่อาจจะเข้าใจยากเพราะมันขัดสามัญสำนึก อย่างกรณีเสือตัวยาวสองเมตร หากวิ่งด้วยความเร็วใกล้แสง หากเราปล่อยกรงยาวเมตรนึง ลงมาครอบมันได้ทันพอดี ก็สามารถครอบมันได้ด้วยซ้ำ จากคุณ : EvaAngelion - [ 21 ม.ค. 52 01:35:04 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ผมสรุปอย่างนี้ถูกไหม การที่เอาสิ่งใดๆไปไว้ในยานพาหนะที่เดินทางเร็วใกล้เคียงความเร็วแสง จะทำให้การเคลื่อนที่ในอะตอมช้าลงสิ่งนั้นๆก็เลยเสื่อมช้าลง ถ้าเทียบกับวัตถุที่อยู่ภายนอกยานจึงทำให้เสมือนว่าเวลาเดินช้าลงไปด้วย จากคุณ : แมวเกาะ - [ 21 ม.ค. 52 11:57:09 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ^ ^ ^ เป็นอย่างข้างบนนั่นล่ะครับ มันเรียกว่า time dilation อ่ะครับ จากคุณ : น้องหนอนนุ่ม - [ 21 ม.ค. 52 16:04:08 ]