ความคิดเห็นที่ 1 รู้สึกว่าเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดนี่จะค่อนข้างผูกขาดโดย CP นะครับ ถ้าเข้าใจไม่ผิดเค้าก็ปรับปรุงพันธุ์มาแบบนี้นะครับ จากคุณ : ชาเขียว - [ 19 ม.ค. 52 15:22:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เท่าที่ทราบ เมล็ดข้าวโพดพวกนี้เขาปรับปรุงสายพันธุ์มาอย่างที่ คห. 1 ว่า เกษตรกรไ่ม่สามารถขยายพันธุ์เองได้ และถ้าเกษตรกรไม่ใช้เมล็ดพันธุ์เขา ได้ผลผลิตมา เขาก็ไม่รับซื้อค่ะ จบ. จากคุณ : ลูกไก่พองลม - [ 19 ม.ค. 52 15:49:37 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ที่ผมสังเกตคือ เวลาไปต่างจังหวัด อย่างของผมก็หนองบัวลำภู จะมีป้ายโฆษณาอันใหญ่ ๆ ติดบรรยายสรรพคุณของเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด หลายเจ้ามากเช่นว่า เม็ดใหญ่ แกนเล็ก ฯลฯ ซึ่งเท่าที่ผมจำได้ ก็มียี่ห้อ ดีคาล์บ ซึ่งน่าจะเป็นของ บริษัทมอนซานโต ส่วนเรื่อง CP ผูกขาดเมล็ดพันธุ์นี่เพิ่งทราบเองครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูล ปล.ทำไมเมล็ดพันธุ์เป็นสีชมพูครับ ผมเองไม่เคยเห็นเหมือนกัน จากคุณ : AW Milan - [ 19 ม.ค. 52 15:53:26 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมเคยรับจ้างหักเข้าโพด เจอแตน วิ่งกันสนุกสนาน จากคุณ : นายโอ้นโต้น - [ 19 ม.ค. 52 15:57:28 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มันเป็นข้าวโพดที่มีการตัดแต่งพันธุกรรม คิดว่านะ จากคุณ : เต๋านีโอ - [ 19 ม.ค. 52 16:17:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ... พันธุ์ที่ปรับปรุงมาแบบนั้นครับ เพื่อประโยชน์ทางการค้า สำหรับปลูกแล้วเก็บฝักไปขายเท่านั้น ขยายพันธุ์ต่อไม่ได้ จากคุณ : Mr. Fusion - [ 19 ม.ค. 52 16:20:20 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มันจะกลายพันธุ์ เนื่องจากแมลงอาจนำเกสรจากข้าวโพดพันธุ์อื่นมาผสมกับพันธุ์ที่ปลูกอยู่ จากคุณ : division by zero - [ 19 ม.ค. 52 16:25:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เขาผสมมาให้ไปผสมรุ่นต่อไปไม่ได้คะ โดยลูกที่เกิดมาจะเป็นหมันไป ปล. สีชมพูของเมล็ดข้าวโพดเป็นสีของยากันราคะ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 16:37:12 จากคุณ : thangthai_ladypink - [ 19 ม.ค. 52 16:33:34 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แล้วเอาเมล็ดพันธุ์มาขายจากไหน ในเมื่อมันไม่สามารถเอาไปปลูกต่อได้ เอาออกมาขายก็มีแต่ยิ่งจะหมดไปหมดไป ปล เหมือนโดนโกงจากพวกนายทุน ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ในราคาแพง แล้วก็โดนกดให้ขายดอกผลในราคาต่ำ น่าจะรวมตัวกันไปไม่ซื้อ หรือไม่ก็ไปทำอย่างอื่น (น่าจะดีกว่าหรือเปล่า ?) จากคุณ : locomotion - [ 19 ม.ค. 52 16:49:24 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตามที่MrFusionว่าไว้ครับ วิธีการนี้มีมานานแล้ว โดยบริษัทมอนซานโตเป็นเจ้าใหญ่ๆเจ้าแรกที่ทำ ประมาณว่าเค้าหารายได้จากการปรับปรุงพันธุ์ ดังนั้นก็คิดวิธีการทางพันธุกรรมเพื่อจัดการไม่ให้เอาไปทำซ้ำต่อได้ จริงๆแล้วการผูกขาดเมล็ดพันธุ์ทำกันทั่วโลกอยู่แล้วครับ ถ้าใครอยากจะออกจากวงจร คงต้องหาพันธุ์อื่นที่ไม่ได้มาจากบริษัทเหล่านี้มาทำ ลดต้นทุนค่าเมล็ดได้ แต่หนักค่าบำรุงรักษาและอาจจะได้ผลผลิตไม่ดีเท่า แต่ราคาก็แพงจริงๆ ผมเคยไปซื้อมาปลูกเทียบกัน แบบของแท้ๆแพงมาก ราคามากกว่า 10 เท่าของเมล็ดข้าวโพดพื้นเมือง ส่วนผลผลิตไม่ทราบ เพราะหลังจากขึ้นมาได้สูงเท่าเอว ก็เจอคนงานในโรงพยาบาลตัดเกลี้ยง จากคุณ : หมอแมว - [ 19 ม.ค. 52 16:49:53 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ู^ ^ ^ ^ ^ # 8 ไม่ได้ตั้งใจใช่ปะครับ  ผมว่าต้องมีคนอ่านแบบผมแน่ๆเลย แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 16:50:54 จากคุณ : หน้าไม้ใจเย็นยิ่ง - [ 19 ม.ค. 52 16:50:30 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าเกษตรกรไม่อยากเสียเงินซื้อเมล็ดพันธุ์ก็ วิจัยพัฒนาพันธุ์ข้าวโพดเอง หรือ รวมกลุ่มกันปิดถนน เรียกร้องให้รัฐบาลไปหาเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดดีๆมาแจกฟรี ถ้าเอามาปลูกแล้วผลผลิตไม่ดี ก็ให้รัฐบาลชดใช้ค่าเสียหายให้ การพัฒนาเมล็ดพันธุ์คุณภาพดี ต้องลงทุนทั้งความรู้ เงินทุนและเวลา โปรดเข้าใจด้วย จากคุณ : เบื่อพวกชอบของฟรี - [ 19 ม.ค. 52 16:55:52 A:58.9.152.244 X: TicketID:117365 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ผมไม่ได้เรียกร้องแทนพวกเกษตรกร แค่มองในฐานะคนกลาง การลงทุนแบบนี้ ต้นทุนครั้งแรก ครั้งเดียว แล้วกินยาว ถ้าชาวบ้านมีความรู้ทำเองได้ คงไม่ง้อพวกบริษัทนายทุนหรอกครับ จากวิธีที่กล่าวข้างต้นของ#12 ผมคิดว่า ถ้าเปลี่ยนไปจาก เอกชน เป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ เป็นรัฐบาล น่าจะดีกว่าหรือเปล่า หรือว่า รัฐไม่มีบุคลากรทางด้านนี้โดยเฉพาะ (ความเห็นส่วนตัว) ไม่จำเป็นต้องให้ฟรี ขายในราคาไม่แพงมาก กำไรเล็กน้อยเพื่อเอามาต่อยอดเป็นทุนในการวิจัย (แค่อยากให้ชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยไม่ต้องถูกขูดรีดจากนายทุน) จากคุณ : locomotion - [ 19 ม.ค. 52 17:51:08 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณทุกท่านสำหรับข้อมูลนะครับ ลองคิดว่าถ้าเป็นข้าวสารที่เรา ๆ กินกันอยู่ราคาเมล็ดพันธุ์แพงแบบนี้ แถมยังเพาะเมล็ดพันธุ์เองไม่ได้ คงจะปวดใจชาวนาไทยน่าดูเลย #12 ชาวบ้านหลายคนทำการวิจัยและทดลองมานานแล้วครับ แม้ผลยังไม่น่าพอใจ เพราะไม่คุ้มทุนการบำรุงรักษาอย่างหมอแมวบอก แต่เป็นการพัฒนาให้ไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งมีการจัดอบรมเรื่องการเกษตร สมัยใหม่อยู่เป็นประจำ เช่นเรื่องน้ำ EM, เรื่องการทำไร่นาสวนผสม ฯลฯ ทุกคนทราบดีว่าการวิจัยต้องลงทุน แต่การโขกขายชาวบ้านในราคาแพง ก็เป็นเหตุให้ชาวบ้านต้องดิ้นรนเช่นกัน ไม่ได้งอมืองอเท้าอย่างที่เข้าใจครับ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 18:13:38 จากคุณ : AW Milan - [ 19 ม.ค. 52 18:13:31 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ^^ ^^ ^^ พึ่งดูข่าวมาครับ เมื่อก่อนนี้พันธุ์ข้าวโพดก็สามารถเก็บพันธุ์ไว้ปลูกต่อได้ครับ แต่พอบริษัทใหญืเข้ามาก็หลอก ชาวบ้าน ว่า ชาวบ้านโดนหลอกว่าพันธุ์ข้าวโพดที่บริษัทขายนี้ให้ผลผลิตดี กันโรคแมลงต่างๆ และพันธุ์ ข้าวโพดที่ชาวบ้านปลูกจะขอรับซื้อทั้งหมด ซึ่งพันธุ์ข้าวโพดที่บริษัทต่างๆเอามาขายนั้นถูก ทำให้เป็นหมันแล้ว จากคุณ : จอมโจรจอมกระล่อน - [ 19 ม.ค. 52 18:22:02 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ^ ^ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ผมขอรวบรวมแล้วพิจารณาดูอีกทีนะครับ แตมี่เกษตรกรหลายคนยอมรับว่าเมล็ดพันธุ์จากบริษัทเหล่านี้ ทนต่อโรคและสภาวะอากาศจริง ๆ ปลูกง่าย ไม่ต้องการการดูแลมาก จากคุณ : AW Milan - [ 19 ม.ค. 52 18:34:30 ]

ความคิดเห็นที่ 17 #8 สีชมพูคือยากันรานี่เอง ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ จากคุณ : AW Milan - [ 19 ม.ค. 52 18:35:08 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผู้บริโภคต้องร่วมมือด้วยครับ ถ้าเราไม่กินผลิตผลแบบธรรมดา จะกินแต่แบบสมบูรณ์ ข้าวโพดที่เล็กๆฝักไม่สวยก็ขายไม่ได้ ... สุดท้ายก็ต้องกลายเป็ฯอาหารสัตว์อย่างเดียว ชาวไร่ที่ไหนจะอยากปลูกล่ะครับ ตอนไปที่น่าน ข้าวโพดพื้นเมืองที่นั่น ขายได้ไม่คุ้มราคามากๆ ตอนที่ผมไป ขนาดแกะเมล็ดออกจากฝักยังได้กิโลละ3-4บาท มันไม่คุ้มขนาดจะเอาไปเข้าเครื่องเลย เพราะค่าเข้าเครื่องแกะเมล็ดแพงกว่าราคาข้าวโพดอีก .... ผมก็ไม่ชอบการผูกขาดโดยบริษัทครับ แต่จริงๆแล้ว โครงการดีๆทุกชนิดที่ไปไม่ได้ ก็เพราะกลไกตลาด และตัวจักรที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดการผูกขาด คือ ประชาชนครับ จากคุณ : หมอแมว - [ 19 ม.ค. 52 18:37:12 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอโทษคุณ หน้าไม้ใจเย็นยิ่ง ที่คลุมเคลือคะ แต่หมายถึงว่าเล็ดพันธุ์จะเป็นหมันคะ ถ้าไม่เป็นหมันลูกที่เกิดมาจากรุ่นถัดไปจะเป็นด้อยมากๆ คะ เช่นผลผลิตไม่ดี รสไม่หวาน เป็นต้น ส่วนขั้นตอนการผลิตยุ่งยาก แต่เดี๋ยวนี้เขานิยมวิธีทางพันธุวิศวกรรมกัน การผสมบบคอนเวนชั่นนอลน้อยมากๆ แล้ว เพราะใช้เวลานาน ควบคุมยีนไม่ได้ต้องใช้การเก็บประวัติ ส่วนที่เมล็ดแพง... สาเหตุหนึ่งคือเขาต้องไปจ้างปลูกคะ เช่น บ. ใหญ่ บ. หนึ่ง เมล็ดพันธุ์เขาจ้างเกษตกรปลูกที่พื้นที่หนึ่ง โดยระบบเหมือนจ้างซื้อ จ้างปลูกในราคาที่สูงพอควรคะบริษัทจะออกให้หมดเลยต้นทุนการปลูก แม้แต่ใช้ยาอะไร ใส่ปุ๋ยเมื่อไหร่ ต้องดูแลยังไง และมีคนไปให้คำแนะนำทุกอาทิตย์ช่วย และมีการทำสัญญาที่แน่นหนามาก... เป็นขั้นแรกของเมล็ดที่แพงที่ไม่รวมค่าวิจัย จริงๆ บ. ไม่ได้ทั้งหมดเลยแต่มันถูกแบ่งออกไปให้เกษตกรที่ผลิตเมล็ดขึ้นมาด้วยคะ แต่ บ. ก็ยังกำไรมากอยู่ดี ส่วนถ้าอยากผลิตเมล็ดพันธุ์เองลองใช้วิธีการคัดเลือกพันธุ์คะ คุณอยู่กับพืชของคุณ คุณจะรู้ว่าต้นไหนมันมีลักษณะเด่นๆ เป็นพิเศษ... ลองเอาหลายๆ ลักษณะเด่นมาเก็บๆ ไว้ แต่ข้อแม้ว่าต้องไม่ใช่เมล็ดจากบริษัทนะคะ เป็นพันธุ์พื้นเมืองคะ... และก็เอามาผสมกัน จำได้ว่าข้าวโพดต้องไปเคาะๆ ใส่ถุงและเอาไปครอบๆ ให้ละอองมันผสมกันไป แบ่งเป็นกลุ่มๆ คัดเป็นรุ่นๆ คะ... ที่ผสมอาจจะมีทั้งเด่นและด้อย.. ก็คัดพันธุ์เด่นๆ ไว้ ทำไปเรื่อยๆ สักวันจะได้คะ ขอให้มีความพยายามและอย่าท้อแหละกันคะ ขอโทษนะคะเขียนยาวไปหน่อย เป็นกำลังใจให้คะ จากคุณ : thangthai_ladypink - [ 19 ม.ค. 52 18:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตามหมอแมวว่า มันเป็นกลไกตลาด ตราบใดที่คนยังต้องการซื้อและเขาขายได้ เขาก็จะขายราคานั้น คนผลิตอยากขายแพง คนซื้ออยากซื้อถูก มันต้องมีจุดตัดของราคา ถ้าหากความต้องการเปลี่ยน กลไกตลาดก็จะหาสมดุลใหม่ จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ - [ 19 ม.ค. 52 18:58:58 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ทราบว่าเม็ดพันธ์ที่ทำขาย เป็นแบบ  F1 Hybrid หรือเปล่า คือต้นพ่อและต้นแม่เป็นพันธ์แท้ เอามาผสมกันได้เป็น F1 Hybrid ซึ่งยีนที่มีลักษณะเด่นจะแสดงออก มาอย่างเด่นชัด เช่นทนโรค ฝักใหญ่ มีความสูงของต้นสม่ำเสมอ เป็นต้น แต่ลูกที่ได้จากรุ่น F1 Hybrid จะไม่ มีความสม่ำเสมอทางด้านพันธุกรรม ต้นอาจจะสูง ๆ ต่ำ ๆ ฝักใหญ่บ้าง เล็กบ้าง บางต้นอาจไม่ทนต่อโรค ทำให้เราไม่สามารถจะเก็บไว้ทำพันธ์ ต่อไปได้ ต้องไปซื้อเมล็ดจากบริษัท มาปลูกในฤดูต่อไปเรื่อย ๆ เพราะเป็น เรื่องทางการค้า ส่วนพันธ์ที่เป็นแบบ Open คือสามารถ เก็บเมล็ดไว้ปลูกในฤดูต่อไป จะเป็นส่วน การคัดเลือกพันธ์จากหน่วยงานของรัฐ เป็นส่วนมาก เนื่องจากไม่เน้นทางด้าน การค้า เช่น ข้่าวโพดพันธ์สุวรรณ ข้าวโพดหวานซูเปอร์สวีท จากคุณ : Vikee - [ 19 ม.ค. 52 19:12:30 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เพราะมันไม่ใช้พันธ์แท้ไงครับ เช่นยีนส์ พ่อพันธ์ AA-bb-CC-DD-ee-ff   แม่พันธ์  aa-BB-cc-dd-EE-FF โดยสมมุติ A B C D E F เป็นยีนส์เด่นและให้ผลดี เช่น A=ผลผลิตมาก B=โตวัย C=ทนต่อโรค......... ส่วน abcdef เป็นยีนต์ด้อยและให้ผลในทางลบ เมล็ดที่ได้ Aa-Bb-Cc-Dd-Ee-Fe  มีสมบัติเด่นครับทั้ง ABCEF เอาไปปลูกแล้วแจ่ม แต่ถ้าเอาไปผสมกันเอง โอกาสที่จะได้สมบัติที่ดีครบเช่นนี้ยากมาก เช่นอาจได้ aa-Bb-cc-Dd-EE-ff ดี 3 อย่าง เสีย 3 อย่าง ไม่ไหว จากคุณ : Gaojing - [ 19 ม.ค. 52 19:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จาก #22 ลองคิดเล่นๆนะ ถ้าหากว่าให้เกษตรกรปลูกพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ เก็บไว้เพื่อเอาไว้ทำเมล็ดเพื่อปลูกต่อไป จะได้หรือเปล่า (หมายความว่า เก็บผลผลิตไว้ ไม่ขาย แต่เอามาเพาะปลูก ส่วนรุ่นลูกๆ ก็เอาไปขาย) จากคุณ : Reiez - [ 19 ม.ค. 52 20:02:11 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตามคุณเกาจิ่งครับ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทุกวันนี้ ทั้งบริษัทและหน่วยงานของรัฐจะเป็นพันลูกผสมหมดครับ (อาจจะลูกผสมเดียว ลุกผสมคู่ หรือลุกผสมสามทาง ก็ได้) แต่เมล็ดลูกผสมเดี่ยวจะแพงที่สุดเพราะผลิตได้ยากและได้จำนวนน้อย แต่คุณภาพจะดีที่สุด ข้าวโพดในสภาพธรรมชาติจะมียีนอยู่ในสภาพ เฮตเทอโรไซกัสเสมอ (ยีนเด่นจะข่มยีนด้อย เช่น ลักษณะความสูงจะมี T และ t ดังนั้นลักษณะยีนที่ควบคุมความสูงในธรรมชาติจะอยู่ในสภาพ Tt ซึ่งในกระบวนการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดจะทำการสกัดสายพันธุ์แท้ โดยการนำต้นข้าวโพดนั้นไปผสมตัวเอง เพื่อจะแยกยีนที่มีลักษณะดีๆไว้ และคัดทิ้งยีนด้อยทั้งหลาย ต้นสายพันธุ์พ่อแม่ ของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ของพันธุ์ การค้าทั้งหลาย ที่ปลูกๆกันอยู่นี้ เมื่อคุณไปเห็นสภาพมันจะแทบไม่น่าเชื่อ เพราะการผสมตัวเองในข้าวโพดจะทำให้เกิดอินบรีดดิ้ง หรือการผสมเลือดชิด ต้นจะเล็ก อ่อนแอ ไม่สูง ฝักไม่ใหญ่ (คล้ายๆกับคนที่ผสมกันในเครือญาติ) แต่พอไอ้ต้นเล็กๆ เหล่านี้มาผสมกัน (ปลูกตัวผู้ สลับกับตัวเมีย ในแถวตัวเมียให้ถอดดอกทิ้งให้หมด ให้ได้รับเกสรจากต้นตัวผู้เท่านั้น) ก็จะได้พันธุ์ลูกผสมเดี่ยว ที่เราทั้งหลายเห็นกัน ที่ปลูกๆกันทุกวันนี้แหละครับ ต้นสูง แข็งแรง ฝักใหญ่ ผลผลิตสูง ต้านทานโรค ฯลฯ ทีนี้ถ้าถามว่าเก็บพันธุ์มาปลูกได้ไหม ตอบว่า ได้ครับ แต่..........ลักษณะด้อยทั้งหลายจะเริ่มทยอยออกมา เพราะว่าถ้าเก็บเมล็ดไปปลูกในฤดูถัดไป เมื่อมันออกดอกและไหมมันจะกลายเป็นผสมตัวเองทันที ตามทฤษฎีบอกว่า ขอยกตัวอย่างลักษณะ ผลผลิต มันจะลดลงชั่วละ 25% เช่น จากที่เคยได้ 1000 kg/rai ต้นสูงเสมอกันหมด ฤดูต่อมาผลผลิตจะเหลือประมาณ 750 kg/rai ต้นเริ่มสูงๆต่ำ และจะลดลงเรื่อยๆทีละ 25% จากคุณ : sayanjo65 - [ 19 ม.ค. 52 20:13:57 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตอนประถมปลูกวิชาเกษตร  เมล็ดข้าวโพดก็เป็นสีชมพู จำได้ จากคุณ : netkuff72 - [ 19 ม.ค. 52 20:24:08 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อ่อเสริมอีกนิดครับ พันธุื์ผสมเปิด จะเก็บพันธุื์์ไว้ปลูกได้ครับ แต่ทุกวันนี้จะมีแต่หน่วยงานของรัฐเท่านั้นที่ทำ และมีแนวโน้วว่าจะไม่ทำแล้วครับ เพราะมันสู้ลูกผสมเดี่ยวไม่ได้ พันธุ์ผสมเปิดจะได้เปรียบลูกผสมเดี่ยวแค่อย่างเดียว  ครับ คือมีฐานพันธุกรรมกว้าง ตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมได้ดีกว่า เช่น ต้านทานโรคได้หลายชนิดกว่า ปลูกได้หลายพื้นที่กว่า(เส้นรุ้ง เส้นแวงนะครับ) พันธุ์ข้าวโพดผสมเปิดทุกวันนี้ส่วนใหญ่จะถูกใช้เป็น เชื้อพันธุกรรมมากกว่าครับ เวลาจะใช้อะไรก็มานำสกัดสายพันธุ์เอา พันธุ์ข้าวโพดผสมเปิดในตำนานของไทยก็คือ พันธุืสุวรรณ 1 ต้านทานโรค ปลุกได้หลายพืนที่ มาก ต่างประเทศก็ยอมรับกัน และถูกยกให้เป็นพันธุ์ข้าวโพดพันธุื์ที่ดีที่สุดของโลกพันธุ์หนึ่งครับ พัฒนาพันธุ์ที่ไร่สุวรรณ (ของ มก. ถ้าผิดเสริมด้วยนะครับ) ใช้เวลาพัฒนาพันธุ์ 33ปี (สามสิบสามปี) เอาลักษณะที่ดีๆของพันธุ์อื่นๆในสมัยนั้น มาไว้ในตัวเองหมด ความจริงจะมาโทษบริษัทเมล็ดพันธุ์ก็ไม่ถูกเลยเสียทีเดียวครับ เพราะทุกอย่างมันเกิดหลังการปฏิวัติเขียว ประชากรโลกมากขึ้น ความต้องการอาหารมากขึ้น แต่พื้นที่เพาะปลุกเท่าเดิม หรือลดลง จะไปตัดไม้ทำลายป่าก็ไม่ได้ ผลสรุปมันเลยมาอยู่ที่การปรับปรุงพันธุ์พืช กว่าจะปรับปรุงพันธุืให้ได้พันธุ์ดีๆออกมาพันธุืหนึ่ง อย่างต่ำที่สุดต้องใช้เวลา 5 ปี ถ้ากรณีปลุกได้ปีละครั้ง ก็นานกว่านั้นอีก พันธุ์ข้าวโพดทางการค้าในไทย ทุกวันนี้ ผมกล้าพูดเลยครับ ไม่มี GMOs เลยครับเป็นการสร้างมาจากการคัดเลือก หรือการปรับปรุงพันะธุ์ทั้งนั้น จะว่ามีบริษัทผูกขาดบริษัทเดียว ก็ไม่ใช่ครับ มีหลายบริษัทมากๆ พันธุ์ของแต่ละบริษัทก็ตอบสนองต่อพื้นที่ต่างๆ แตกต่างกันไปครับ ทุกวันนี้แต่ละบริษัทแข่งขันกันสูงมาก ต่างเข็นพันธุ์ใหม่ๆของตน ออกมาแทบจะทุกปีเลย เรื่องดีก็คือ มีพันธุ์ที่ดีออกมาตลอด หน่วยงานของรัฐก็ทำได้ไม่ได้เท่าครับ จะทำพันธุ์ผสมเปิดออกมา ตอนนี้ผมกล้าพูดเลยครับ ขายไม่ออก เพราะทุกวันนี้เน้นที่ ผลผลิต เท่านั้น แต่ในอนาคตไม่แน่ครับ (ในไทยคิดว่าคงไม่เกิน 3 ปี) เพราะตราบใดที่คนต้องกิน ไปถาม จีน กับอินเดียสิครับ ที่ใช้พันธุ์พืช GMOs ปลุกเป็นล่ำเป็นสันว่า เพราะอะไรเขาถึงไม่กลัว เขาจะตอบคุณว่า เขากลัวคนของเขาจะอดตายวันนี้ มากกว่าที่จะเจอเจ้า GMOs มาทำให้ตายวันไหนก็ไม่รู้ ปล. ไอ้ที่เมล็ดข้าวโพดมันมีสีชมพู น้ำเงิน ฯลฯ (ส่วนใหญ่จะสีชมพู) เพราะเขาคลุกยากันรามาครับ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 20:59:12 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 20:57:42 จากคุณ : sayanjo65 - [ 19 ม.ค. 52 20:35:44 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ถึง คห.23 ทำได้แต่อย่าให้เขารู้ครับ ถ้าเขารู้ คุณจะถูกฟ้องจนคุณล้มละลาย ยังไม่มีปัญญาจ่ายเขาเลยครับ เคยมีเคสที่ลำปาง เกษตรกรที่ทำสัญญาปลูกเมล้ดพันธุืกับ บ. หนึ่ง แอบเอาเมล็ดพันธุ์ต้นตัวผู้ไปขาย โดนฟ้อง ต้องขายทุกอย่างที่มี (บ้าน ที่ดิน รถ) ยังไม่พอใช้หนี้ สุดท้ายยอมเป็นบุคคนล้มละลายให้ลูก และเมียรอด แล้วตัวเองแขวนคอตายครับ การทำเมล็ดพันธุ์ลูกผสมเดี่ยว ที่มันแพงเพราะว่า มันทำได้น้อยครับฝักหนึ่ง จะติดไม่เต็มเมล็ด (ฟันหลอ) ต้องใช้หลายฝักกว่าจะได้สักโลหนึ่ง ขณะที่ลูกผสมคู่ กับลูกผสมสามทาง จะได้เมล็ดมากกว่า(ฝักที่ได้แทบจะไม่ต่างจากฝักทางการค้าเลยครับ ได้เมล็ดเกือบๆจะพอๆกันเลย) แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 20:51:50 จากคุณ : sayanjo65 - [ 19 ม.ค. 52 20:39:24 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ได้ข้อมูลจากอีกหลาย ๆ ท่านเลย ขอบคุณมากครับ จากคุณ : AW Milan - [ 19 ม.ค. 52 20:40:09 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่ชอบคนผูกขาดครับ ต้องเปิดเผยความลับ - เค้าใช้วิธีผสมพันธ์แบบให้พันธ์ไม่นิ่งครับ - เช่น โดยนำพืช..ที่ผสมพันธ์มาอย่างดี เหล่านั้นมาปลูกแบบสุ่ม 100 ต้น(จำนวนจริงอาจมากกว่านี้) แล้วเก็บเซ็ลล์เนื้อเยื่อทั้งหมดไปเพราะ โดยจำแนกเป็นขวดๆ เมื่อ 100 ต้นนั้นเก็บเกี่ยวเมล็ด ก็นำเมล็ดไปเพราะดู และคัดเลือกว่าเมล็ดจากต้นไหนคุณภาพดีที่สุด - เมื่อรู้แล้ว ก็ย้อนไปที่ขวดที่เพาะเนื้อเยื่อไว้ นำขวดนั้นมาเพราะเนื้อเยื่อได้ตลอดกาล จนกว่าจะได้ต้นพันธ์ที่ดีกว่านี้ - - ส่วนใครนำพันธ์ที่ได้จากการปลูกไปขยายพันธ์ต่อ รับรองว่าห่วยลงแน่นอน - ใครอยากได้พันธ์นิ่งๆก็ส่งคนแอบไปถอนต้นแม่พันธ์ออกมา 1 ต้น และนำมาเพาะเนื้อเยื้อครับ แต่ติดคุกนะครับ จากคุณ : อาจารย์แมว บัตรใหม่ - [ 19 ม.ค. 52 21:06:04 A:125.27.3.52 X: TicketID:199878 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ข้าวโพดเป็นพืชผสมข้ามค่ะ ทางบริษัทต้องคัดเลือกสายพันธุ์พ่อและแม่ที่เป็นพันธ์แท้ไว้ คือตามหลักการก็เอาเกสรตัวผู้ผสมกับเกสรตัวเมียที่ต้นเดียวกัน ทำแบบนี้ไปจนกว่าสายพันธุ์ต้นแม่จะนิ่งก็น่าจะประมาณสัก 10-12 ชั่ว เราจะได้สายพันธุ์ที่นิ่งคือมีgene homologus ขณะที่ทำขั้นตอนนี้เราต้องคัดเลือกและทดสอบสายพันธ์ที่เราต้องการด้วยว่าเราต้องการอะไร แล้วในชั่วต่างๆมันปรากฎลักษณะอะไรออกมาตรงตามที่เราต้องการไหม จากขั้นตอนแรกเราจะได้สายพันธุ์แท้ เช่น ให้ผลผลิตสูงไม่ทนต่อโรค  หรือทนต่อโรคให้ผลผลิตต่ำ ฯลฯ เราก็จะได้สายพันธุ์ A B C D E F........ เราก็จับแต่ละสายพันธุ์มาผสมกันเพื่อให้ได้ลูกผสมที่มีลักษณะเด่นที่เกษตรกรต้องการออกมา เช่นผลผลิตสูง โตไว ต้านทานโรค ในการผลิตเมล็ดพันธุ์นั้นเราจะต้องปลูกสายพันธุ์ A (แม่) X B(พ่อ) บริษัทจะต้องตัดเกสรตัวผู้ของต้นแม่ทิ้ง เพื่อให้ไหมข้าวโพดของต้นแม่ A รับ เกสรตัวผู้จากต้น B เท่านั้น ดังนั้นเพื่อตัดขั้นตอนการตัดเกสรตัวผู้ออก นักปรับปรุงพันธุ์ของบริษัทจะต้องไปหาต้องแม่ที่มียีนสร้างเกสรตัวผู้เป็นหมั้น ดังนั้นเวลาเกษตรกรเอาผลผลิตที่ได้ไปปลูกต่อยีนที่ทำให้เกิดลักษณะที่ต้องการมันกระจายตัวตามกฏ ของเมนเดล เกษตรกรจึงได้ผลผลิตลดลงเป็นอย่างมากและยิ่งมียีนของตัวผู้เป็นหมันยิ่งลดลงไปกันใหญ่ ไม่รู้ซีพีทำแบบไหน แต่ตอนนี้เท่าที่อ่านมา บ. มอนซาโต้ ผลิตเมล็ดข้าวโพดแบบจีเอ็มโอที่ผลผลิตดีเยี่ยม และถ้าเกษตรกรซื้อยาจากบริษัทเค้ามาใช้ พืชอื่นตายหมดยกเว้นข้าวโพดที่ปลูก เค้าผลิตเมล็ดพันธุ์มาขายพร้อมทั้งยาฆ่าแมลง ฆ่าหญ้าของเค้า 5555 ไม่รู้ รู้เรื่องเปล่า จากคุณ : จินตนาการมีค่ากว่าความรู้ - [ 19 ม.ค. 52 21:08:38 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ถึง อาจารย์แมว บัตรใหม่ วิธีนั้นคุ้มครับ แต่ต้องลงทุนสูง รุ่นพี่ผมทำ วิทยานิพนธ์เรื่องแนวๆนี้แบบว่าเพาะในขวด (ข้าวโพดนี่แหละครับ) แล้วเอาต้นมาปลูกในสภาพธรรมชาติ มันจะเจอปัญหาว่า มันไม่รอด เพราะสภาพแวดล้อมในขวดมันควบคุมได้ พอมานอกขวด มันไปไม่เป็น ต้องทำเป็นหลัก 1000 ขวดขึ้น จะฟลุคเจอต้นที่รอดสักต้น สุดท้ายแกยอมครับ เปลี่ยนหัวข้อก้ไม่ทันแล้ว ยอมโดนรีไทร์ไป แต่พวกพืชผักนิยมทำแบบอาจารย์แมวครับ และรู้สึกจะไปได้สวยด้วย สำหรับผม ผมเป็นคนใจร้อน ทำไอ้แบบที่ต้องนั่งส่องกล้อง หรือทำแบบนี้ไม่รอดครับ เลยเลือกเรียนแบบลำบาก ตากแดด ตากฝน ทนปลูกมันในสภาพไร่ดีกว่า ใครสนใจทางนี้ลองไปหาหนังสือพวกปรับปรุงพันธุืพืช มาลองอ่อนดูครับ ทุกพืชใช้หลักการเดียวกัน ต่างกันแค่วิธีการ หลักการปรับปรุงพันธุืง่ายๆคือ 1. รวบรวมพันธุ์ (หามาให้มาที่สุด) 2. ผสมพันธุ์ 3. คัดเลือก พูดเหมือนง่ายแต่ทำยากครับ ปล. อีกอย่างผมไม่ชอบอะไรที่มันหยุกๆหยิมๆ ตอนเรียนเลยเลือกทำข้าวโพด เพื่อนอีกคนเลือกข้าว ที่ผสมตัวเอง มันบอกสบายกว่าปลุกในกระถาง ผสมพันธุ์ในร่ม มันบอกง่าย สบายกว่า แต่ผมลองทำแล้วไม่รอดครับ เพราะผมใจร้อน แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 21:21:38 จากคุณ : sayanjo65 - [ 19 ม.ค. 52 21:16:54 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถึงคุณ จินตนาการมีค่ากว่าความรู้ ยาตัวนั้นคือพวก ไกลโฟเสท ครับ ชื่อการค้าคือ ราวด์อัพ เป็นประเภทดูดซึม ตายถึงรากถึงโคน รุ้สึกยีนแบททีเรียที่ต้านทานยาตัวนี้ จะถูกใส่เข้าไปใน ถั่วเหลืองด้วย เกษตรกรก็จัดการแปลงง่ายขึ้น ฉีดยาไปเลยพืชไม่ตายแต่วัชพืชตาย ส่วนมีผลตกค้างไหม อันนี้ไม่รุ้ครับ แต่ที่เห็นเกษตรกรที่ปลูกส่วนใหญ่ ล่อกันแต่พวก พาราคว็อท (ยาฆ่าประเภทจับไปตาย) ชื่อการค้า กรัมม๊อกโซน กับ พวก อลาคลอร์ (ยาคุมหญ้า) ชื่อการค้า แลสโซ่ กันทั้งนั้น แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 21:29:44 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 21:22:05 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 21:21:50 จากคุณ : sayanjo65 - [ 19 ม.ค. 52 21:20:58 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ที่แม่ยายผมปลูก เค้ามีคนเอาเมล็ดพันธ์มาให้โดยไม่ต้องลงทุนเอง ถึงเวลามารับซื้อไปโดยหักค่าเมล็ดจากส่วนนั้น ดีอย่างเสียอย่าง รูปไร่หลังการเก็บ  อยูบนเขาครับ  อากาศดีมากๆๆ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 21:59:31 จากคุณ : ~รักความรุนแรง~ - [ 19 ม.ค. 52 21:58:48 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ความคิดเห็นที่ 31 อ่านของผมดีๆนะครับ เพาะในขวดเพื่อเอาต้นอ่อนไปปลูกเอาเมล็ดนะครับ ไม่ใช่เพาะในขวดเพื่อเอาต้นอ่อนไปใช้ในไร่ จากคุณ : อาจารย์แมว บัตรใหม่ - [ 19 ม.ค. 52 22:11:42 A:125.27.10.68 X: TicketID:199878 ]

ความคิดเห็นที่ 35 มันก็เหมือนกับการเลี้ยงปลาหางนกยูงนั่นแหละ ลองให้คนธรรมดาไปเลี้ยงเองสิ ไม่เกินปี ลูกออกมาทั้งตัวเล็ก ทั้งไม่มีสี และจะเป็นตัวเมียส่วนใหญ่ เหมือนข้าวโพดนั่นแหละ จากคุณ : Fastcat4100 - [ 19 ม.ค. 52 22:15:04 ]

ความคิดเห็นที่ 36 แล้วเอาต้นอ่อนไปปลูกที่ไหนเหรอครับ ในขวด หรือในสภาพปกติ(สภาพไร่) เพื่อจะเอาเมล็ด? ผมไม่ค่อยถนัดทางไบโอเทคเท่าไร เพราะจบทางแบบดั้งเดิมมา แต่ที่เห็นรุ่นพี่เขาทำปริณญานิพนธ์ แกเพาะในขวดพอได้เป็นต้นอ่อน แกก็เอาออกมาล้างรากมัน แล้วเอาไปเพาะในมีเดีย 104 หลุม มันไม่รอดสักต้นเลยครับ แต่ก็อย่างที่บอกถ้าเงินหนาพอแบบบริษัท เขาทำเป็นพันเป็นหมื่นต้น ได้สักต้นที่รอดเขาถือว่าคุ้มค่าแล้วครับ เพราะถ้ามันรอดได้ มันก็ขยายพันธุ์ได้ จากคุณ : sayanjo65 - [ 19 ม.ค. 52 22:27:29 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เป็นกระทู้ที่ดี จากคุณ : zasd - [ 20 ม.ค. 52 00:05:08 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เข้ามาเก็บความรู้ ^^ จากคุณ : มาม่าไข่มะตูม - [ 20 ม.ค. 52 02:28:14 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ถึงคุณ sayanjo65... เหมือนเราจะรู้จักกันหรือเปล่า เพราะเราไปฝึกงานที่ลำปางเช่นกัน ของ บ. ใหญ่ บ. หนึ่ง และตัวอย่างที่คุณยกมาว่าเขาถึงกับขายบ้าน... น่าจะเป็นเรื่องเดียวกับที่เราเคยรู้ แต่แปลกดีนะพึ่งได้ยินเรื่องข้าวโพดในขวดแก้ว ส่วนใหญ่ที่ได้ยินมาจะเป็นข้าวมากกว่า หรือพวกพืช ศก. แต่ที่ ม. ศึกษาจีโนมข้าวเป็นหลักกัน น่าสนใจดีคะ แต่จริงๆ ถ้าทำได้จะดีมากเลยนะ ที่ ม. รุ่นพี่ที่ทำแนวๆ นี้หลังจากทำในขวด เขาเอาออกมาปลูกในห้องทดลองก่อน ไม่แน่ใจข้าวโพด แต่ข้าวและพืชอื่นๆ มันขึ้นคะ เห็นมีมะเขือเทศ ตะกูลถั่วด้วย.. ในห้องทดลองเขาควบคุมทุกอย่างคะเพียงแค่ไม่ได้อยู่ในขวด จากคุณ : thangthai_ladypink - [ 20 ม.ค. 52 06:25:47 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ถ้าเข้าใจไม่ผิด ก็คือ ผลผลิตมันแย่ลง เพราะว่า มันผสมพันธุ์กันในหมู่เครือญาติ ใช่หรือเปล่า ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริง เราก็ปลูก หลายๆสายพันธุ์ ในแปลงเดียวกันสิ ให้มันผสมข้ามสายพันธุ์  (ไม่แน่ใจว่าได้ ?) จากคุณ : Reiez - [ 20 ม.ค. 52 08:49:22 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เพิ่งไปงานเจียไต๋แฟร์มาคะ เจอเมล็ดเมลอนซองละ850บาท โอ้แม่เจ้า จากคุณ : Mapaw - [ 20 ม.ค. 52 08:59:54 ]

ความคิดเห็นที่ 42 กระทู้นี้ สาระและความรู้เยี่ยมเลยครับ ว่าแต่ ... เรื่องพัฒนาพันธ์ เนี่ย รัฐบาลไม่มีบุคลากรทำ หรือ ไม่อยากมีคนทำครับ ? จำได้ว่า เพื่อนๆผมที่เรียนเกษตรออกมา นี ทางรัฐบาล ไม่มีนโยบายรองรับนะครับ ว่า ไปสอบเป็น เกษตรตำบล(สมัยนี้ยังมีไหมหว่า?) เกษตรอำเภอ สุดท้าย ต้องไปทำงานเอกชน - -* จริงๆ น่าจะมี หน่วยงาน รองรับ บุคลกรพวกนี้ เพื่อเอามาพัฒนาการเพาะปลูก อ่ะครับ ไหนๆบ้านเราก้อเป้นแหล่งเพาะปลูกชั้นดีอยู่แล้ว ผิดกับเจียไต๋ ชะมัด -.- จากคุณ : vn, man - [ 20 ม.ค. 52 09:07:35 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบ บ. ที่คุณ Mapaw ว่า.. ขอไม่ออกชื่อนะคะ เมล็ดเมลอนที่เขาแพง เพราะทำยากคะ การปลุกเก็บเมล็ดส่วนใหญ่เขาจะ เด็ดให้เหลือลุกเดียวต่อต้นเอง คิดดูว่าผลเมลอนหนึ่งผลจะมีซักกี่เมล็ดคะ เมล็ดที่เอามาปลูกต้นทำพันธุ์... เขาว่าส่งมาจากญี่ปุ่นคะ และการปลูกเมลอน... ถ้าปลูกแบบเปิด โดนฝนมากหน่อย ลูกมันจะแตกปริออก แมลงเจาะ เท่ากับว่าเสียไปเลยคะ ไม่รวมขั้นตอนการผสมนะ เพราะต้องมือล้วนๆ คะ แรงงานคนล้วนๆ ดอกต่อดอก จากคุณ : thangthai_ladypink - [ 20 ม.ค. 52 09:08:01 ]

ความคิดเห็นที่ 44 พึ่งรู้นะนี่ จากคุณ : ฮักเมาน้องหล้า - [ 20 ม.ค. 52 10:25:05 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณ คุณsayanjo65 มากค่ะ เรื่องยาเรายังอ่อนหัดอยู่เยอะเลย อิอิ ------------------------------------------------------------------------ ตอบคุณ คคห 40 เป็นแนวคิดที่ถูกต้องแล้วค่ะ เพราะข้าวโพดมันเป็นพืชผสมข้าม แต่เราจะผสมสายพันธุ์แบบคละสายพันธุ์แบบที่เขียนก็ได้ค่ะ แต่ผลผลิตเราจะควบคุมไม่ได้เลย แต่ละพันธุ์ก็มียีนคนละแบบ และพอเราปล่อยผสมแบบอิสระฝักหนึ่งมี 1 แม่ แต่อาจ10 พ่อได้ -*- ที่นี้ยุ่งไปกันใหญ่ ฐานของยีนจะกว้างออกไปอีก (ที่จริงตามธรรมชาติจะดี แต่เราไม่ต้องการแบบนั้น เพราะเราเน้นปลูกผลผลิตขาย ต้องได้ผลผลิตสูงและใช้ต้นทุนต่ำ กำไรมาก) เราเลยต้องมีการทำให้มีสายพันธุ์แท้ค่ะ AAbb X aaBB ----> AaBb ปลูกยังไงก็ให้ลักษณะดี และการจะได้สายพันธุ์แท้ ผสมแบบดั้งเดิมก็ผสมตัวมันเองไปอีกประมาณ 12 ชั่ว เราผสมตัวเองเราต้องระวังการปนเปื้อนจากเกสรที่อื่นๆด้วย เห็นเค้ามามันเดินทางมาได้ไกลตั้ง 3-4 กิโลเมตรแนะ การผสมในโรงเรือนเพียงแค่ลอความเสี่ยงลงไปบ้าง มีนักวิทยาศาสตร์ค้นคิดวิธีลัดโดยไม่ต้องปลูก 12 ชั่ว โดยการเอาละอองเกสรมันมาเลี้ยง ถ้าเราโชคดีสามารถชักนำให้เกิดต้นได้เราก็จะได้สายพันธุ์แท้เลย ไวกว่า แต่ใช้เงินเยอะกว่า ************************************************ เค้าว่านักปรับปรุงพันธุ์มีน้อยในประเทศไทย ที่จริงเราว่ามีเยอะนะ แต่การที่จะผลิตสายพันธุ์ดีๆขึ้นมา นอกจากต้องมีความรู้ด้านนี้จริงๆ มีเงิน มีความมุ่งมั้น มีโชค แล้ว  ต้องมีเวลาด้วยกว่าจะได้ 1 สายพันธุ์ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี เลยทีเดียว จากคุณ : จินตนาการมีค่ากว่าความรู้ - [ 20 ม.ค. 52 10:48:57 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เข้ามาขอบคุณทุก ๆ ความรู้อีกครั้งนะครับ จากคุณ : AW Milan - [ 20 ม.ค. 52 10:56:27 ]

ความคิดเห็นที่ 47 โอ้โห แค่เรื่องเมล็ดข้าวโพด กลายเป็น เรื่องราว เล่าที่มาที่ไป ได้ความรู้มากเลยครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาให้ความรู้ โฮกกกกกกก จากคุณ : กุมารทอง - [ 20 ม.ค. 52 10:59:32 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ผมไม่รู้สิ อาจไม่เกี่ยวกับกระทู้ แต่ผมรู้สึกไม่ชอบ CP แบบฝังรากมานานพอควร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ .. แค่ไม่ชอบเฉย ๆ จากคุณ : high_voltage_XL - [ 20 ม.ค. 52 13:48:04 ]

ความคิดเห็นที่ 49 มานั่งฟังครับ ได้รู้อะไรเยอะอีกแล้ว จากคุณ : Pixzz - [ 20 ม.ค. 52 14:23:14 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เมล็ดตกแต่งพันธกรรมแบบนี้ ถ้าปลูกต่อได้ก็กลัวเป็น Alien อีกสิ NGO ก็จะโวยวายอีก จากคุณ : ชาเขียวเข้มๆ - [ 20 ม.ค. 52 14:50:18 ]

ความคิดเห็นที่ 51 จากการสำรวจทั่วโลก องค์กรของรัฐโดยเฉลี่ยจะมีประสิทธิภาพต่ำกว่าองค์กรเอกชนครับ เอาล่ะต่อให้รัฐฮึดขึ้นมาทำจริงๆ ประสิทธิภาพเท่ามอนซานโตเลย ของมันก็ไม่ได้ฟรี มันก็ต้องเอาเงินใครสักคนมาจ่ายอยู่ดี เพราะต้นทุนค่าวิจัย ฯลฯ ก็จะใช้ไม่น้อยกว่าของเอกชนหรอกครับ คือเราได้รับการปลูกฝังมามากว่าของรัฐเป็นของฟรี (หรือเหมือนฟรี) แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ครับ ของทุกอย่างในโลกนี้มันมีราคาทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่าใครจะจ่ายเท่านั้นเอง ดังนั้นผมไม่สนับสนุนถ้ารัฐจะทำเรื่องนี้แข่งกับเอกชน เพราะ.....ผมว่าประสิทธิภาพของทางรัฐน้อยกว่าเอกชนเยอะ จากคุณ : Nexus - [ 20 ม.ค. 52 14:58:13 ]

ความคิดเห็นที่ 52 มาแอบอ่าน... จากคุณ : จิ้งจอกสาวฝึกหัด - [ 20 ม.ค. 52 15:05:19 ]

ความคิดเห็นที่ 53 อืม ได้ความรู้อีก แระ ผมว่า มหาลัย หรือ หน่วยงานรัฐบาล น่าจะเข้ามา ช่วย แก้ระบบ ตลาดแบบนี้นะ ไม่งั้น ก็จะเป็นธุรกิจผูกขาดในอนาคต จากคุณ : eping - [ 20 ม.ค. 52 15:11:15 ]

ความคิดเห็นที่ 54 คงเหมือนกับปลาทับทิมมั้งครับ ที่ต้องซื้อลูกปลามาอนุบาล แต่ให้พ่อปลาแม่ปลาผสมพันธุ์กันไม่ได้ เพราะเป็นปลาตัดแต่งพันธุกรรม ชินจำได้ว่าปลาทับทิมจะมีเพศเดียว แต่ไม่ทราบว่าเพศไหนอ่ะครับ จากคุณ : Dr.ชิน_ศาตราจารย์แห่งความเหงา - [ 20 ม.ค. 52 15:58:33 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เมล็ดทานตะวันก็เป็นครับ จะเอามาปลูกต่อไม่ได้เลย จากคุณ : คนรักแมวมาก - [ 20 ม.ค. 52 16:16:11 ]

ความคิดเห็นที่ 56 โอ๊ะ  กระทู้ดี มีความรู้ ไม่มุ่งสู่ทะเล ฮิ้ววว เก็บลงลังกระทู้ไปเรยยย จากคุณ : กันติมา - [ 20 ม.ค. 52 17:23:20 ]

ความคิดเห็นที่ 57 มาสูบความรู้ 555+  ไม่เคยรู้เรื่องเกษตรเลย แจ่มจริง จากคุณ : CitizenShip - [ 20 ม.ค. 52 18:19:23 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ฝักนึง หลายเมล็ดเลยนะนั่น มนุษย์นี่เก่งจริงๆ เอาชนะธรมมชาติ เพื่อเอาชนะมนุษย์ด้วยกันเอง เหอๆๆ จากคุณ : FisH DooK - [ 20 ม.ค. 52 19:02:51 ]

ความคิดเห็นที่ 59 จาก #45 แล้วทำยังไงถึงจะคงรักษา พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ เอาไว้ได้ (เหมือนได้คำตอบแล้วแต่ยังงงๆ) จากคุณ : Reiez - [ 20 ม.ค. 52 19:52:09 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ^ ^ การรักษาสายพันธุ์พ่อ และสายพันธุ์แม่เอาไว้ เขาจะมีระบบครับคือหลักจากนักปรับปรุงพันธุืเขาคัดสายพันธุ์ ได้แล้ว เขาจะเก็บเมล็ดไว้ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนเขาจะส่งให้ พวกขยายเมล็ดพันธุ์ หลักการขยายเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด โดยไม่ทำให้มันกลายพันธุ์ เขาจะเอาเมล็ดที่ได้ไปปลูก แล้วให้มันผสมกันในเครือญาติ (คิดสภาพเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดผสมเปิดที่เก็บปลุกได้ในฤดูถัดไป ที่มันสามารถเก็บได้เพราะว่า ยีนของมันเข้าสู่สมดุลแล้ว) เรียกง่ายๆว่าให้มันผสมกันเอง อะครับ ผมกะไม่รู้จะอธิบายยังไง โดยไม่ให้มีปัจจัยภายนอกมายุ่งเกี่ยว เช่น ละอองจากต้นตัวอื่น เป็นต้น มันก็จะขยายพันธุ์ได้เรื่อยๆ ถ้ามันเรื่มกลาย ก็ไปขอเมล็ดจากนักปรับปรุงพันธุ์มาอีก เช่น ในพื้นที่ 1 ไร่ เอาสายพันธุ์พ่อไปปลูก โดยให้ห่างจากพันธุ์อื่นแล้วไม่ต้องทำอะไรมัน ให้มันผสมกันเอง โดยในแปลงนั้นต้องมีแต่สายพันธุ์พ่อเท่านั้น ถ้าเป็นระบบบริษัท จะเข้มงวดกว่านี้ โดยจะทำการตัดเกสรมันทิ้ง สองแถว เว้นสองแถว เพื่อลดความผิดผลาดลง ถึงคุณ thangthai_ladypink ผมก้ไม่รู้นะครับ มันเป็นเรื่องที่ผมได้ยินคนในวงการเขาพูดกัน ตอนที่ทำงานแล้วนะครับ ตอนเรียน ผมความสามารถไม่ถึงจะได้ไปฝึกงานที่ บ. จ ที่ลำปางหรอกครับ ปล.สำหรับพืชอื่นผมไม่รู้นะครับ แต่ข้าวโพด ทั้งเลี้ยงสัตว์ หวาน ฝักอ่อน ฯลฯ ผมกล้าพูดเลย ประเทศไทยมีความรู้และความสามารถด้านการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดเป็นอันดับต้นๆของเอเซียและแปซิฟิกเลยครับ (ผมจะบอกว่าอันดับหนึ่งก็อาจจะเกินไปหน่อย) นักปรับปรุงพันธุ์ทางด้านนี้ก็มาก หน่วยงานของรัฐก็มีทำครับ ไม่ใช่ไม่ทำ เท่าที่รู้หลักๆก็ ไร่สุวรรณ ที่โคราช , ศูนย์วิจัยพืชไร่ นครสวรรค์, ศูนย์วิจัยพืชไร่ สุโขทัย ที่ทำข้าวโพดเป็นหลัก ตามมหาวิทยาลัยต่างๆก็เยอะ แต่เรื่องของเรื่องที่มันสู้เอกชนไม่ได้เพราะ เรื่องงบประมาณ และการโปรโมทครับ แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 00:35:13 จากคุณ : sayanjo65 - [ 20 ม.ค. 52 20:21:58 ]

ความคิดเห็นที่ 61 กระทู้นี้ได้ความรู้ดีครับ ^^ อ่านไปอ่านรู้สึกว่า  คนโง่นี้ตกเป็นเหยื่อของคนฉลาดจริงๆ เจ้าสัวธนิน นี้พยายามทำแบบนี้กับตลาดทุกอย่างที่เขาไปเล่นด้วย แต่คนฉลาดคนอื่นๆก็คงทำแบบนี้เหมือนกัน ถ้ามีโอกาส จากคุณ : mr.wisdom - [ 20 ม.ค. 52 21:08:41 ]

ความคิดเห็นที่ 62 สรุปว่า ถ้าต้องการเมล็ดพันธุ์ดีๆ ต้องลงทุน ลงเวลา ลงความรู้ ข้าวโพดพันธุ์สุวรรณของไทย ต้องใช้เวลาพัฒนาถึง 33 ปี ใช้ภาษีของประชาชนไปเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันเกษตรกรไทยไม่ใช้เมล็ดพันธุ์ของรัฐบาล เพราะใช้มล็ดพันธุ์ของบริษัทเอกชให้ผลผลิตคุ้มค่ากว่า แม้จะต้องจ่ายค่าเมล็ดพันธุ์ราคาสูง เกษตรไทยอยากได้เมล็ดพันธุ์ดีๆเหมือนซื้อจากบริษัทเอกชน แต่ราคาถูกๆ พูดง่ายๆว่า ไม่อยากจ่ายค่าวิจัย รัฐบาลหรือใครก็ได้ มาช่วยกันลงทุนทำวิจัย หรือซื้อมาแจกก็ยิ่งดี แล้วมาขายเกษตรกรถูกๆหน่อย เกษตรกรจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้น ไม่ต้องเอารถสิบล้อหลายสิบคันมาปิดถนนแบบที่เป็นข่าว จากคุณ : เบี่อพวกจะเอาแต่ของฟรี - [ 20 ม.ค. 52 21:35:31 A:192.168.0.17 X:58.9.210.227 TicketID:117365 ]

ความคิดเห็นที่ 63 มันไม่ใช่เรื่อง คนโง่หรือคนฉลาดหรอกครับ คุณ mr.wisdom ผมไม่อยากให้ทุกคนเข้าในแบบว่า ต้องซื้อเขาปลุกทุกปี คือคนโง่ เพราะมันไม่ใช่แบบนั้น ผมว่ากลับดีซะอีก ที่มีหลายบริษัทที่ทำแบบนี้ ต่าง บ. ก็ต่างแข่งขันกัน ทำแต่ของดีๆออกมา คนซื้อก็มีทางเลือกหลายทาง ผมบอกตรงนี้เลยไม่ได้มีแต่ ซีพี บริษัทเดียวที่ทำข้าวโพดครับ อย่างที่ผมบอกไว้ก่อนนี้ ว่าคนเราต้องกิน และจำนวนคนที่ต้องกินในโลกนี้ก็เพิ่มขึ้นทุกวัน การปรับปรุงพันธุืพืชคือทางออกที่เป็นกลางที่สุด ใช้พื้นที่เท่าเดิม หรือน้อยลงได้ผลผลิตมากขึ้น และทุกวันนี้ก็เน้น ผลผลิตเป็นหลัก ผลผลิตมากก็ได้เงินมาก สำหรับคนที่พอเพียงหรือไม่คิดแข่งขันกะใคร พันธุืผสมเปิดก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสมครับ อยากให้แยกคำว่า การปรับปรุงพันธุ์ หรือ พันธุ์ลุกผสมเดี่ยว (Single Cross Hybrid) มันไม่ได้หมายถึง GMOs หรือการตัดต่อพันธุกรรมนะครับ เมล็ดพันธุ์ผักของ บ.ต่างๆ ทุกวันนี้ก็เป็นลุกผสมเกือบทั้งหมด น่าจะบอกว่าพืชที่ขายพันธุืโดยใช้เมล็ดที่เป็นการค้าทั้งหลาย เกือบ(เน้นคำว่าเกือบนะครับ) ทั้งหมดเป็นพันธุืลุกผสมทั้งนั้น เกษตรกรที่ซื้อพันธุืข้าวโพดลุกผสมเดี่ยวมาปลุกไม่ได้โง่ครับ ลองคิดกลับว่าถ้าคุณต้องเป็นคนปลุก คุณจะเลือกอะไร ในพื้นที่เท่ากัน แน่นอนว่าคุณอาจจะมีต้นทุนค่าเมล็ดพันธุื์เพิ่ม แต่ถ้าพื้นที่เท่ากัน คุณได้ผลผลิต และราคาหักต้นทุนแล้ว มากกว่าพันธุืผสมเปิดแน่นอน คิดว่าอีกสัก ไม่เกิน 3 ปี CP น่าจะออกพันธุืข้าวลุกผสม ที่ บ. เองบอกว่าทดสอบปลุกที่พิษณุโลก และแถวกำแพงเพชรแล้ว ได้ผลผลิตประมาณ 3,000 กิโลกรัมต่อไร่ (ข้าวทุกพันธุื์ของไทย พันธุืที่ให้ผลผลิตสูงที่สุดตอนนี้ ให้เต็มที่ ก็ไม่น่าเกิน 1,500 กิโลกรัมต่อไร่) จากคุณ : sayanjo65 - [ 20 ม.ค. 52 21:42:39 ]

ความคิดเห็นที่ 64 สุดยอดครับ อ่านไป งงไป จากคุณ : beer2nd - [ 20 ม.ค. 52 21:43:49 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เมล็ดข้าวโพดลุกผสมมันก็ไม่ได้แพงเวอร์นะครับ ตกราคาโลละ 80-200 บาทแล้วแต่ บ. หรือหน่วยงานของรัฐ  1 ไร่ใช้ประมาณ 3 กิโลกรัม พวกเมล็ดเถื่อนจะถูกกว่านี้ ตกราคากิโลกรัมละ 50-60 บาท ที่พวก เมล็ดเถื่อน มันถูกกว่าเพราะ มันไม่ต้องเสียเวลาวิจัย มันโขมยพ่อ แม่พันธุื์ เอาไปขยายพันธุ์ แล้วสร้างเมล็ดลุกผสมเดี่ยว มาขายแข่งเลย และแน่นอน คนทำที่มีอิทธิพลมาก แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 52 22:08:00 จากคุณ : sayanjo65 - [ 20 ม.ค. 52 21:58:34 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ได้ความรู้ดีค่ะ โหวต จากคุณ : ส้มแป้น.. - [ 20 ม.ค. 52 22:42:04 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เอะใจความเห็น 8 เหมือนกัน กันราคะ อิๆ.. จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 21 ม.ค. 52 01:57:52 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ไม่เคยคิดเลยว่าข้าวโพดที่เห็นจนชินตา ฝักใหญ่ สีสวย เม็ดอวบๆเรียงเป็นแถวชวนให้แทะนั้นน่ะ กว่าจะได้มางดงามเฟอร์เฝ็คอย่างนี้ ต้องใช้เวลาคัดสรรสายพันธุ์กันเป็นสิบๆปีเลยทีเดียว ครั้งต่อไปก่อนก้มลงแทะข้าวโพด คงจะคิดถึงกระทู้นี้แน่เลยค่ะ^^ ขอบคุณทุกความเห็นนะคะ ได้ความรู้มากเลยค่ะ คงต้องอ่านซ้ำ 2 รอบ เพราะยังแอบงงอยู่นิดหน่อยค่า จากคุณ : just a little thing - [ 21 ม.ค. 52 04:05:22 ]

ความคิดเห็นที่ 69 จาก #40, #45, #60 แสดงว่าเมล็ดที่เขานำมาขายให้เกษตรกรคือเป็นลูกของพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ? ถ้านำเมล็ดนั้นมาปลูกโดยวิธีการตาม #60 จะยังคงรักษาพันธุ์ไว้ได้หรือเปล่า ? จากคุณ : Reiez - [ 21 ม.ค. 52 08:36:25 ]

ความคิดเห็นที่ 70 #69 ผมเข้าใจว่าไม่ได้นะ เพราะโดยโครงสร้างลูกรุ่นแรกเท่านั้นที่ผลผลิตจะสูง ถ้าเอามาเพาะเป็นรุ่น 2-3-4 ผลผลิตจะตก จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 21 ม.ค. 52 09:17:36 ]

ความคิดเห็นที่ 71 มันไม่ใช่ลูกของพ่อแม่พันธุ์ครับ มันก็คือตัวมันเอง (พ่อแม่พันธุ์) นั่นแหละ คือหลักการมันมีอยู่ว่า ถ้ายีนมันเข้าสู่สมดุลตามกฎของฮาร์ดี-ไวด์เบิร์ก (ชีวะม.ปลายก็มีอธิบายกฏนี้ครับ) มันก็จะคงลักษณะของมันอยู่แบบนั้นครับ เอยังไงดี ผมอธิบายไม่เก่งด้วย คือถ้ามันไม่มีปัจจัยภายนอกมาเกี่ยวข้อง ให้มันผสมกันเองในหมู่พวกมัน ยีนมันจะสมดุลครับ ไม่ว่าจะกี่ชั่วก็ตาม ตามความคิดผมคิดว่าคุณ Reiez อยากจะเอาเมล็ดลูกผสมเดี่ยวมาทำแบบนี้เพื่อจะเอาไว้ปลุกปีหน้าใช่ไหมครับ? ถ้าจะทำแบบนั้นบอกเลยว่าไม่ได้ครับเพราะว่ายีนของลูกผสมเดี่ยวมันยังไม่นิ่ง ถ้าทำแบบนี้มันจะทำให้ยีนกระจายตัวอย่างที่ผมบอกมาก่อนๆนี้อะครับ ต้นพ่อแม่พันธุ์ที่มันทำได้ เพราะว่ายีน ของมันเข้าสู่สมดุลแล้ว(ไม่งั้นก็ใกล้เคียง) ที่ผมเรียนมา ตามทฤษฏีบอกว่าถ้าผสมตัวเองข้าวโพด สัก 6 ชั่ว (ครั้ง) ยีนจะเข้าสู่สมดุล แต่เวลาปฏิบัติจริงจะไปจอดที่ประมาณชั่วที่ 3 หรือชั่วที่ 4 เพราะมันจะปลุกไม่ขึ้นแล้ว เพราะมันเกิดอินบรีดดิ้ง เมล็ดจะไม่แข็งแรง ความงอกต่ำ ปลุกไม่ขึ้นแล้ว มันเลยต้องมีการ sib หรือการผสม ในระหว่างพี่น้อง คือรวบรวมเกสรตัวผู้จากต้นพันธุ์เดียวกันหลายๆต้น มาผสม หลังจากนั้นค่อยผสมตัวเองต่อ จนยีนมันไม่กระจายตัวแล้ว ซึ่งอาจจะจบที่ชั่วที่ เท่าไรก็ได้ อาจจะ 10 หรือ 12 หรืออาจจะมากกว่านี้หรือน้อยกว่านี้ พอถึงตอนนี้ก้ให้มันผสมกันในกลุ่มของมันเองก็จะรักษาพันธุไว้ได้ครับ เพราะยีนมันเข้าสู่สมดุลแล้ว ความยากของการปรับปรุงพันธุ์มันอยู่ที่ว่าข้าวโพด 1 ฝักมีเป็น 100 เมล้ด 1 เมล็ดก็คือ 1 ต้น คุณผสมตัวเองทีหนึ่งได้ต้นข้าวโพดเป็น 100 ต้น จำทำยังไงถึงจะคัดต้นที่ดีๆออกมาจาก 100 หรือถ้าทำหลายตัวก็เป็น 1,000 หรือ 10,000 ต้น นั้นได้ ในโครงการปรับปรุงพันธุ์อาจจะคัดเลือกจากหมื่นต้น ได้ต้นดีๆแค่ 5-10 ต้น(อาจมากไปนิดหนึ่ง) เขาก็จะมาหาอีกว่า อย่าง 10 ต้นที่ได้นี่ คู่ผสมไหนจะให้ผลผลิตและคุณภาพดีที่สุด แล้ววิธีการสกัดสายพันธุ์ทุกวันนี้ ที่นิยมทำกันคือ สกัดจากพันธุ์การค้า นั่นแหละ ไม่ผิดกฎหมายครับ ทำกันทุก บ. และทุก หน่วยงานของรัฐ อย่างโปรเจคจบผม เอาพันธุข้าวโพดหวานการค้ามา 6 พันธุ์ นำไปปลุก คัดเลือกต้นที่มีลักษณะดีๆไว้พันธุละ 3-4 ต้น จัดการผสมตัวเอง ต้นที่คัดเลือกไว้ ได้สายพันธุ์ผสมตัวเองชั่วที่ 1 นำเมล้ดที่ได้ไปปลูกในฤดูถัดไป คัดเลือกต้นลักษณะดีๆ ไว้สัก 3-4 ต้น ผสมตัวเองต่อ ได้สายพันธุผสมตัวเองชั่วที่ 2นำไปปลูกทำต่อเรื่อยๆ เป็นต้นอะครับ ถ้ามันผสมตัวเองแล้วปลุกไม่ขึ้น ก็ sib แล้ว self ต่อ แต่โปรเจคผม อาจารยืทีปรึกษามีตัว tester ให้ ก็เป็นสายพันธุข้าวโพดนั่นแหละครับ แต่มันมีสมรรถนะการผสมทั่วไปที่ดี(ประมาณว่าผสมกับตัวไหนก็ได้พันธุลักษณะดี) แกให้ผมทำ Testcross เอามันไปผสมกับ สายพันธุ์ที่เราคัดเลือกมา ซึ่งจะช่วยไม่ให้เราต้องคัดเลือกมาก อย่างพอทำจบ จากพันธุการค้า 6 พันธุ ผมได้ทางเลือกว่ามี 2 พันธุ์เท่านั้นที่มีศักษภาพเอาไปพัฒนาต่อ อะไรทำนองนี้อะครับ จากคุณ : sayanjo65 - [ 21 ม.ค. 52 09:22:40 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เมื่อตอนเช้าได้เข้ามาอ่านในกระทู้นี้แล้วบังเอิญได้อ่านเกี่ยวกับพืช GMO ซึ่งเชื่อมโยงมากับกระทู้นี้พอดีครับ  ซึ่งจากที่อ่านมาสรุปได้ดังนี้นครับ เมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ ที่เราไม่สามารถใช้ปลูกขายพันธุ์ได้ในรุ่นต่อ ๆ ไปเนื่องจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมที่มีชื่อเรียกว่า Terminator Technology หรือที่เรียกในภาษาไทยว่า เทคโนโลยีพันธุ์พิฆาต  ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะมีผลทำให้ เมล็ดพืชดังกล่าวเป็นหมันซึ่งไม่สามารถให้ผลผลิตที่ดีหรือสามารถแพร่พันธุ์ในรุ่นต่อ ๆ ไปได้   ซึ่งหลักการของ Terminator Technology   - นักวิทยาศาสตร์จะใช้เทคนิคทางพันธุวิศวกรรมในการตัดต่อยีนที่สร้างสารพิษจากพืชชนิดอื่น ๆ โดยที่สารพิษตัวนี้จะเป็นตัวที่ทำให้เมล็ดพันธุ์หยุดการสังเคราะห์โปรตีน ซึ่งจะทำให้เมล็ดพันธุ์ตาย   - ต่อมาจะมีการเข้ารหัสพันธุกรรมเพื่อเพื่อกำกับไม่ให้ยีนที่สร้างสารพิษทำงานในระยะแรก จนกว่าจะถึงช่วงปลายของการเติบโตของพืชชนิดนั้นๆ ทำให้บริษัทสามารถเพาะเมล็ดพันธุ์ได้จำนวนมากพอที่จะนำมาจำหน่าย   -หลังจากนั้น  ก่อนการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ไปให้เกษตรกร เมล็ดพันธุ์จะถูกนำไปแช่ในของเหลวที่มีสารต้านปฏิชีวนะ (Antibiotic) เพื่อทำให้ยีนสารพิษที่ทำลายความสามารถในการแพร่พันธุ์กลับมามีฤทธิ์ตามเดิม เมื่อพืชเติบโตเต็มวัยจะมีการสร้างสารพิษสะสมในเมล็ดพันธุ์รุ่นถัดไป โดยเชื้อพิษนี้จะทำอันตรายเฉพาะเมล็ดพันธุ์ แต่ไม่มีผลกระทบกับต้น ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถให้ผลผลิตที่ดีหรือไม่สามารถขยายพันธุ์ได้ เทคโนโลยีดังกล่าวนั้นได้ถูกใช้ในฐานะ ระบบป้องกันเทคโนโลยี (Technology Protection System)  โดยมีเป้าหมายในการการปกป้องสิทธิทางเทคโนโลยีของผู้พัฒนาสายพันธุ์ซึ่งจะคุ้มครองสิทธิบัตรในเมล็ดพันธุ์ได้  และอีกด้านก็คือ ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของยีนส์จากพืช GMOs ไปสู่พืชดั้งเดิมตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามก็ยังมีข้อโจมตีเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ซึ่งได้แก่ - ทำให้เกษตรกรสูญเสียสิทธิในการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ รวมไปถึงการปรับปรุงพันธุ์ซึ่งจะมีผลต่อการพัฒนาเกษตรยั่งยืน และการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ - เพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัทเมล็ดพันธุ์ ที่ต้องการจะควบคุมวิถีการผลิตของเกษตรกร และบังคับให้เกษตรกรต้องพึ่งพาบริษัท -  ถึงแม้เทคโนโลยีนี้จะทำให้บริษัทเจ้าของควบคุมและเป็นเจ้าของ ซึ่งหมายถึงว่าเป็นการสร้างข้อจำกัดต่อเกษตรกรที่ยากจน ที่ไม่สามารถเข้าซื้อเมล็ดพันธุ์ได้ทุกปี - จากประเด็นข้างต้นจะเป็นการทำลายฐานรากของเกษตรกรรม เพราะเมล็ดพันธุ์เป็นหัวใจสำคัญของการเพาะปลูก ซึ่งจากข้อโจมตีที่กล่าวมันนั้นจะชี้ให้เห็นว่าการใช้เทคโนโลยีนี้เป็นภัยคุกคามในอีกหลายๆเรื่อง ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นคงทางอาหารและสิ่งแวดล้อม เป็นแนวคิดเพียงแนวคิดหนึ่งที่อาจจะเป็นคำตอบให้กับ คุณ จขกท. ได้นะครับ  ซึ่งจริง ๆ ทางบริษัทได้ใช้เทคโนโลยีนี้จริงหรือไม่  ผมก็ไม่ทราบเช่นกัน   อย่างไรก็ตามผมคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ ครับ จากคุณ : Fredericko - [ 21 ม.ค. 52 09:33:03 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ^ ^ อันนี้มันเฉพาะ GMOs รึเปล่าครับ อันนี้ผมก้ไม่แน่นเลยครับ เพราะผมไม่ชอบใบโอเทค เพราะมันหยุกหยิกหยุมหยิม ผมเป็นคนใจร้อน มือหนัก ทำทีไร ไม่รอดทุกทุกที แต่ถ้าเป็นระดับ บ. ทั่วๆไป หรือแม้แต่ บ.ใหญ่ๆ (ผมรู้แต่เฉพาะข้าวโพดนะครับ) สำหรับข้าวโพด จะใช้วิธีการปรับปรุงพันธุแบบดั้งเดิม หรือ คอนเวนชั่นเนล บรีดดิ้ง กันเป็นส่วนใหญ่ครับ เพราะลงทุนไม่สูง และได้ของออกมาจริงๆแต่ทุกวันนี้เริ่มจะขยับไปทางไบโอเทคมากขึ้นเรื่อย แต่ไม่ใช่ว่าทำ GMOs นะครับ แค่เอาเทคโนโลยีด้านใบโอเทคเข้ามาช่วย เอาเท่าที่ผมรู้ก็ การเพาะเลี้ยงละอองเกสร ซึ่งจะช่วยในเรื่องการสกัดสายพันธุแท้ครับ เพระจากที่ต้องผสมตัวเอง 6 ชั่ว อาจจะลดลงมาแค่ 1-3 ชั่ว เท่านั้น อีกอันก้พวก RAPD หรืออะไรอีกอย่างจำไม่ได้ ที่ช่วยให้คัดเลือกยีนที่ต้องการได้ถูกต้อง อันนี้รอคนอื่นมาเสริมครับ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเลย ไอ้การป้องกันไม่ให้ใช้พันธุปลุกซ้ำได้ในฤดูถัดไป ผมยังมองไม่เห็นเลยว่าเขาจะไปทำ ระบบการป้องกันต่างๆให้ยุ่งยากทำไม เพราะตราบได้ที่สายพันธุ่พ่อและแม่ ไม่ได้ถูกโขมย ออกไปสุ่ข้างนอก คุณก้ทำพันธุไม่ได้ ก็ต้องมาซื้อปลุกอยู่ดี และอีกอย่างครับ และถ้าแต่ บ.ป้องกันไปทุกทาง สุดท้ายการพัฒนาก็จะไม่เกิด เพราะอย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าทุกวันนี้การสกัดสายพันธุ์แท้ของข้าวโพด แทบจะทุก บ. หรือทุกหน่วยงานที่ทำ การปรับปรุงพันธุข้าวโพด ล้วนแต่สกัดจากพันธุ์การค้าทั้งนั้น ซึ่งตรงนี้เขายอมรับกัน ครับว่าให้ทำได้ ไม่ใช่การโขมย กว่าจะสร้างพันธุ์ข้าวโพดที่ดีขึ้นมาได้พันธุ์หนึ่ง ไม่ใช่ง่ายๆ เสียทั้ง เวลา เงิน และต้องอาศัยโชคด้วย กว่าจะได้มา พันธุหนึ่ง และผมบอกตามตรงนะครับ ผมไม่คิดว่านี่เป็นการผูกขาด การค้า แต่เป็นการพัฒนา พันธุปลูก ทีนี้ต้องตามคนปลุกว่าคุณจะเอาอะไร ผลผลิต กับคุณภาพ คุณก็มีทางเลือกคือทาง นี้ ถ้าคุณไม่อยากซื้อ คุณก็ใช้พันธุ์ผสมเปิดเอา นี่เป็นทางเลือกครับ ไม่ใช่โดนปิดประตูตาย เพราะถ้าพันธุที่เกษตรกรซื้อมาปลุกมันไม่ดีจริง คุณคิดว่าเขาจะซื้อมาปลุกปีต่อไปไหมครับ ลองไปถามเขาสิครับว่าให้ปลุกพันธุ์ผสมเปิดไหม เขาจะถามคุณคำแรกเลย ว่าได้ผลผลิตเท่าไรละพันธุนี้?   ปล.อีกอย่างนะครับ ไม่มี บ.ไหน(หน่วยงานของรัฐยังไม่ค่อยเปิดเผยเลยครับ) อยากจะเปิดเผยข้อมูล บ.ตัวเองหรอกครับ เพราะเขาไม่ได้ทำฟรีๆ ต้องลงทุนกันทั้งนั้น รัฐลงทุนน้อยกว่าและไม่แสวงผลกำไร เลยขายได้ราคาที่ต่ำกว่า แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 11:10:19 แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 10:06:08 จากคุณ : sayanjo65 - [ 21 ม.ค. 52 10:05:39 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เท่าที่อ่าน ผมว่ามันก้อเป็นเรื่องปกติของโลกนะครับ ลองมอง กลับมาที่ วงการคอมฯ ดู  อย่าง OS ฟรีๆ พวก Linux เราก้อมีให้ใช้  แต่ทำไม คนยอมเสียเงินซื้อ Windows  ก้อเพราะ มันตอบคำถามผู้ใช้ได้มากกว่า อย่าง เกษตรกร ที่ปลูกข้าวโพด ถามว่า ถ้าคุณไม่ซื้อ เมล็ดพันธ์ จาก เอกชน ได้มั้ย ก้อตอบว่าได้ ไปเอาจากศูนย์วิจัยของรัฐก้อมี  แต่พอคุณปลูกไปรุ่นนึง แล้วเก็บพันธ์ไว้ปลูกต่อ ก้อจะเกิดปัญหาที่ควบคุมคุณภาพไม่ได้ ตามที่หลายๆคน ด้านบน อธิบายมา ไอ้ครั้น จะไปขอเมล็ดพันธ์ทุกครั้งที่ปลูก มันก้อกระไรอยู่ เพราะนั่นมันใช้งบประมาณรัฐทั้งนั้น ผมว่าการซื้อเมล็ดพันธ์ มาปลูก น่ะ ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ ถ้า เกษตรกรเรา มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการลงทุน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต่างหาก ที่เป็นปัญหาของเกษตรกร ไม่ใช่เรื่องต้องซื้อเมล็ดพันธ์   อ่ะ ผมยกตัวอย่างให้ดูง่ายๆ  คุณดูธุรกิจที่รับจ้างผลิต สิครับ  อย่าง รง. รองเท้า ก้อได้  รง.รองเท้า นี่ต้องผลิตยางรองเท้า หรือ หนังเอง มั้ยครับ  เค้าก้อซื้อเอาทั้งนั้นละ แล้วเค้าเจ๊งมั้ย เวลาหนังแพง ยางรองเท้าแพง ก้อเห็นเค้ารวยเอาๆ เพราะราคามาบวกในผู้บริโภคทั้งนั้น เกษตรกรเราก้อเหมือนกัน  เค้าไม่ควรเจ๊ง และไม่ได้เจ๊ง เพราะเมล็ดพันธ์มันแพง เค้าเจ๊ง เพราะการบริหารจัดการไม่ดี  ซื้อแพง ขายถูก พ่อค้าข้าวรวย คนไทยกินข้าวแพง ชาวนาเจ๊ง จากคุณ : ARMS STRONG - [ 21 ม.ค. 52 10:59:06 ]

ความคิดเห็นที่ 75 hybrid หน่ะ สายง่ายๆ ก็ ปู่ย่าตายาย > พ่อแม่ > ลูก (เนี่ยรุ่นhybrid) เป็นลักษณะที่ต้องการ แล้วถ้ารุ่น hybrid ผสมกันเอง ลักษณะที่ต้องการจะเพี้ยนไป อ้อ เพื่อนผมอยู่ CP วิจัยข้าวโพดเนี่ยแหละอยู่ไร่ที่เพชรบูรณ์ (ตอนแรกอยู่สระบุรี) เคยเอาเม็ดที่ปรับปรุงพันธ์เพื่อทำข้าวโพดคั่วมาให้กิน อร่อยมั่กๆ ละลายในปาก ไม่มีกากเแม้แต่น้อย มันบอก CP ไม่ค่อยขายข้าวโพดที่วิจัยในไทยบริษัทมันติดลบทุกปี product มีแต่ไม่ทำตลาด มีการเมืองข้างในด้วยนะเนี่ย แต่เห็นว่า CP กำลังจะเอาตลาดคืนจากมอนซานโต้แล้ว แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 11:34:05 จากคุณ : TagMyZky - [ 21 ม.ค. 52 11:33:12 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมนะครับเกี่ยวกับพันธุ์ข้าวโพดที่มีความสอดคล้องอย่างที่คห.บน ๆ ได้อธิบายไว้เกี่ยวกับพันธุ์ลูกผสมของพันธุ์พืชนะครับ  โดยพื้นฐานในการปลูกข้าวโพดจะมีพันธุ์ของข้าวโพดจำแนกออกเป็นสองพวกใหญ่ ๆ ก็คือ 1. พันธุ์ลูกผสม (hybrids)  ซึี่่งจะมีข้อดีอย่างที่หลาย ๆ คห.อธิบายมาคือให้ผลผลิตต่อไร่สูง ต้นมีความเสมอกัน มีความทนทานต่อสภาพภูมิอากาศบางชนิด  หรือทนต่อศัตรูพืชบางอย่างตามสายพันธุ์ที่ได้รับการพัฒนามา   แต่ทว่าข้อจำกัดที่เกิดขึ้นอาจจะพบได้ว่าข้าวโพดในสายพันธุ์นี้ จะมีความผันแปรไปตามสภาพแวดล้อม  เช่น  ถ้าหากไม่ได้ใส่ปุ๋ยเพียงพอ ไม่กำจัดวัชพืช มีน้ำไม่พอ ข้าวโพดพวกนี้จะให้ผลิตผลไม่ดี นอกจากนั้น การใช้ข้าวโพดลูกผสมจะต้องซื้อเมล็ดใหม่มาปลูกทุกปี เพราะถ้าใช้เมล็ดเก่าเก็บจากไร่จะกลายพันธุ์ไป   2.  พันธุ์ผสมปล่อย (open-pollinated variety) พันธุ์ข้าวโพดชนิดนี้ หากได้รับการปรับปรุงพันธุ์อย่างดี อาจให้ผลิตผลได้ไม่แพ้พันธุ์ลูกผสม นอกจากนั้นพันธุ์พวกนี้ยังปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างกว้างขวาง แม้ดินฟ้าอากาศจะเปลี่ยนแปรไป ก็ยังให้ผลิตผลพอใช้ได้ นอกจากนั้น ชาวไร่ยังสามารถเก็บเมล็ดไว้ทำพันธุ์ต่อไปได้อีกอย่างน้อย ๒-๓ ปี หรือถ้ารู้จักคัดเลือกพันธุ์เอง อาจไม่ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ใหม่อีกก็ได้ พันธุ์ข้าวโพดพวกนี้ อาจแยกได้เป็น ๒ ชนิด คือ       2.1 พันธุ์ผสมรวม (composite) เป็นการรวมพันธุ์หรือสายพันธุ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน วิธีรวมง่าย ๆ ก็โดยเอาเมล็ดจำนวนเท่า ๆ กัน จากแต่ละพันธุ์หรือสายพันธุ์มารวมกันเข้า แล้วนำไปปลูกในแปลงอิสระห่างไกลจากข้าวโพดพันธุ์อื่น ๆ ปล่อยให้ผสมกันเองตามธรรมชาติแล้วเก็บเกี่ยวเมล็ดไว้ปลูกเป็นพันธุ์ต่อไป     2.2 พันธุ์สังเคราะห์ (synthetics) เป็นพันธุ์ที่ได้จากการรวมสายพันธุ์ที่ได้รับการทดสอบการรวมตัว (combining abillity) มาแล้ว วิธีการรวมสายพันธุ์อาจทำได้เช่นเดียวกับพันธุ์ผสมรวม จริง ๆ แล้วเทคโนโลยีเกี่ยวกับการพัฒนาพันธุ์พืช  หรือการพัฒนาคุณภาพเกีย่วกับผลผลิตทางการเกษตร   ผมคิดว่าเกษตรกรควรที่จะได้รับความรู้และสามารถคัดเลือกสายพันธุ์รวมทั้งสร้างตลาดของตัวเองได้     เพื่อที่ผู้บริโภคจะได้สินค้าที่มีคุณภาพที่ดี  รวมทั้งเกษตรกรได้ราคาของที่มีราคา   แต่ในการใช้เทคโนโลยี Terminator Technology หรือการใช้พันธุ์พืชแบบ Hybrids ต่างก็ทำให้เกษตรกร  ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง  และอาจจะทำให้มีปัญหาต่อไป      ผมว่าเรื่องแบบนี้มีคนตระหนักถึงความสำคัญและช่วยกันแก้ไข  ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ ต้องขอบคุณกระทู้นี้นะครับที่ทำให้รู้สึกว่าการแสวงหาความรู้  มีความสนุกรวมทั้ง  ได้ตระหนักถึงความสำคัญของความรู้เชิงวิชาการในการประกอบอาชีพนะครับ จากคุณ : Fredericko - [ 21 ม.ค. 52 13:16:58 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ถ้าผสมเป็นยีนแท้คู่ TTได้หมดก็เอาไปผสมต่อได้เลยใช่ไหมครับ ว่าแต่ในทางปฏิบัติจะทำได้หรือเปล่า จากคุณ : Pu'Chew - [ 21 ม.ค. 52 15:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 78 สรุปว่าใครถนัด ใครมีความรู้ความสามารถด้านไหน ก็ทำหน้าที่ของตนด้านนั้นๆไป บางคนทุกเรื่องยกเว้นหน้าที่ของตัวเอง เช่น สื่อ จากคุณ : false - [ 21 ม.ค. 52 15:59:33 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ถ้าผสมเป็นยีนแท้คู่ TTได้หมดก็เอาไปผสมต่อได้เลยใช่ไหมครับ ว่าแต่ในทางปฏิบัติจะทำได้หรือเปล่า ---------------------------------------------------------- ทำได้ครับ ที่เขาผสมตัวเองให้ต้นข้าวโพดจุดประสงค์ก็เพื่อจะแยกยีนดีๆเอาไว้นี่แหละ แต่เรื่องของเรื่องคือ ลักษณะปริมาณทั้งหลาย เช่น ผลผลิต มันไม่ได้ถูกควบคุมด้วยยีนคู่เดียว ครับ มันถุกควบคุมด้วยยีนหลายคู่ ดังนั้นลักษณะที่ไม่เปนที่ต้องการมันจะตามมาด้วย ครับ แต่พวกลักษณะที่ถูกควบคุมด้วยยีนคู่เดียว มันจะคัดเลือกง่ายกว่า แต่ไบโอเทค จะเข้ามาช่วยตรงจุดนี้ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 18:30:48 จากคุณ : sayanjo65 - [ 21 ม.ค. 52 18:10:19 ]

ความคิดเห็นที่ 80 สนับสนุน ให้ชาวบ้านรวมตัวกันเพื่อสิ่งที่ดีขึ้น หวังว่าหน่วยงานวิจัย รัฐบาลจะมองเห็นปัญหานี้บ้างนะครับ จากคุณ : blueboyhub - [ 21 ม.ค. 52 21:24:23 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ผมยังมองไม่ออกเลยว่า การปรับปรุงพันธุ์พืช หรือการใช้พันธุ์ลุกผสม มันเป็นปัญหาตรงไหน ใครก็ได้ช่วยบอกผมทีครับว่ามันเป็นปัญหาตรงไหนเหรอครับ ผมกลับมองว่า ปัญหาของคนปลูกข้าวโพดคือเรื่อง ตลาด มากกว่า ไอ้ที่เอามาเทลงถนน ปิดถนนประท้วงกันนั้น เรื่องของเรื่องคือที่จริง รัฐประกันราคาให้แล้วครับ แต่ดันมีนายทุน ไปซื้อข้าวโพดลาว เข้ามาสวมรอยขายเป็นข้าวโพดไทย ทำให้โควต้าที่รับซื้อมันเกิน อย่างที่บอกครับว่าถ้าคุณไม่อยากจ่ายแพง คุณก็ใช้พันธุ์ผสมเปิด ไม่ก็พันธุ์ลุกผสม ที่หน่วยงานของรัฐเป็นผู้ผลิต ไม่ได้มีคนบังคับว่าคุณจะต้องไปซื้อของ บ. ผมก็บอกก่อนหน้านี้แล้ว ว่าไม่ใช่ไม่มีทางเลือก แต่เกษตรกรเลือกทางนี้กันเอง เหตุเพราะ พันธุ์ของรัฐ มันสู้ของเอกชนไม่ได้ เพราะการลงทุนวิจัย มันใช้งปประมาณแตกต่างกัน แล้วไอ้การปรับปรุงพันธุ์พืชมันไม่ได้ทำกันง่ายๆ และใช้เวลาสั้นๆ มันต้องทำต่อเนื่อง อยากได้ของดี แต่ไม่อยากออกเงิน ผมว่ามันไปกันไม่ได้อะครับ มันสวนทางกัน จากคุณ : sayanjo65 - [ 21 ม.ค. 52 22:42:51 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ไม่น่าเชื่อ อ่านจนจบกระทู้ และไม่ออกทะเล ได้ความรู้มากคะ .. เห็นด้วยกับการพัฒนาสายพันธ์ และ จริงๆมันก็เป็นทางเลือกหนึ่งของอนาคต ข้างหน้า แต่ก็ไม่อยากให้มีการผูกขาดมากนัก ขอบคุณความรู้ดี ๆ คะ แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 52 00:25:16 จากคุณ : leknoy1 - [ 22 ม.ค. 52 00:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เอาแบบชาวบ้านละกัน เห็นมีแต่วิชาการเกรงว่าจะไม่เข้าใจ บริษัทเจ้าสัวซีพี  ขายเมล็ดพันธุ์ แกก็ทำการวิจัยหาข้าวโพดพันธุ์แท้ ซึ่งมีมากมายหลายตัวตามคุณลักษณะต่างๆ ใบตั้งตรง แกนเล็กเมล็ดลึก ฝักสีส้มทอง ก็ว่ากันไป เมื่อได้เมล็ดพันธุ์แท้มาแล้ว อาจนำมาปลูกในแปลงผลิตของบริษัทเอง แต่คงไม่ทันกินก็เลยต้อง ไปส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก ปลูกยังไง............................ มารู้จักต้นข้าวโพดกันก่อนดีมั๊ย ข้าวโพดเนี่ยก่อนจะเป็นเมล็ดให้เรากิน มันจะต้องมีเกสรจากดอกข้าวโพด ปลิวลงมาตกที่ไหมข้าวโพด ฝักอ่อนๆนั่นแล (ชาวบ้านเรียก หม...........555 ) หนึ่งเส้นไหมก็คือหนึ่งเมล็ด (ไอ้ที่เห็นฟันหรอ ก็คือพวกไม่ได้รับการผสมนั่นเอง) บริษัทเขาก็เอาต้นพ่อพันธุ์ปลูกคู่กับต้นแม่พันธุ์ ชาวบ้านเรียกตัวผู้กะตัวเมีย อาจจะปลูกอัตราส่วนตัวผู้ 1 แถวต่อตัวเมีย 4 แถว แล้วแต่ว่าตัวผู้ แรงๆดีหรือเปล่า (เกสรครับ เกสร) ต้นตัวผู้เขาใช้แค่ดอกกับเกสร ไม่ใช้ฝัก ส่วนตัวเมียเขาใช้ฝัก ไม่เอาดอก อ้าวววว............ทำไงล่ะทีนี้ ก็จะยากอะไร มือชาวบ้านนี่แหละ ถอดหรือดึงดอกตัวเมียทิ้งไป ต้องทำแบบนี้ทุกต้น เป็นไร่ๆ จนถึงเป็นพันๆไร่ เหนื่อยสิครับ เหมือนทำงานแข่งกะเวลายังไงยังงั้น ขืนปล่อยให้ตัวเมียออกดอกบานสะพรั่ง เกษตรกรก็ถูกปรับตกเท่านั้นเอง เมื่อเกสรจากต้นตัวผู้ ถูกลมพัดโชย ปลิวตกลงมาพบรักกับไหมและฝักของต้นตัวเมีย ความรักก็สุกงอมได้ที่ กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ขยายหรือภาษาทางการ ข้าวโพดลูกผสมหรือไฮบริด คราวนี้แหละ ตัวผู้หมดประโยชน์แล้ว เมื่อหมดเชื้อ(เกสร) ก็ต้องถูกตัดตอน ทั้งหมด เหลือแต่ตัวเมียกับฝักที่ได้รับการผสมเท่านั้น เกิดมีหนุ่มละอองเกสรปลิวจากต้นข้าวโพดแปลงอื่นล่ะ ซวยละทีนี้ .............แทนที่จะได้ลูกสาวสวย ก็กลายเป็นลูกชู้ไปซะนี่  5555 เป็นหน้าที่ของมือคิวซี  ที่ต้องออกแรง เพื่อแก้ปัญหา ตัดๆๆฟันๆๆๆ ต้นชู ลูกชู้ ให้ตายตกไปตามกัน  เกษตรกรอาจน้ำตาตกได้ นั่นหมายถึงเงินที่ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อ แต่อย่างว่า  คุณภาพๆ ต้องมาก่อน พอได้ฝักข้าวโพด บริษัทก็จะรับซื้อเมล็ดพันธุ์คืนตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ ถึงตอนนี้ชาวบ้านก็แอบขายเอง  เอ้ยยยย ส่งคืนบริษัท หักค่าปุ๋ยค่ายาค่าความชื้น ก็เป็นเงินไม่มากไม่น้อย คงไม่รวยแน่นอน เพราะบริษัทพวกนี้เขี้ยวลากดิน ซื้อถูกขายแพง เป็นธรรมดา  ก็เขาลงทุนปั้นมานี่นา เป็นที่มาของคำว่า  ปลูกข้าวโพดประกัน (ราคา) และข้าวโพดถอดดอก  นั่นเอง หลังจากนั้นก็นำเมล็ดพันธุ์มาอบไล่ความชื้น คลุกยาพิษกันแมลง กันเชื้อรา ก็ว่ากันไป บรรจุถุง ขายในราคาแพงๆเพราะบวกค่าป้ายโฆษณา ค่าเสื้อยืดและค่าสปอตวิทยุ AM พอ คุณพ่อตาของคุณ AW Milan  ผ่านมาเห็น .....อดใจไม่ไหวเห็นข้าวโพดฝักโตๆ ตามบิลบอร์ดแถวต้นพุทรา ก็ควักกระเป๋าซื้อเมล็ดพันธุ์ของเจ้าสัวไปตามระเบียบ หยั่งที่นักวิชาการท่านข้างบนว่าไว้นั่นแหละ พอปลูกข้าวโพดลูกผสมแล้วได้ฝักรุ่นแรกเท่าแขน แถมต้นนึงอาจได้ถึงสองหรือสามฝัก ให้ผลผลิตสูงปรี๊ดดดดด นี่แหละข้อดีของเมล็ดพันธุ์ลูกผสม ได้เชื้อพ่อเชื้อแม่มาดีก็เงี๊ยะ ส่วนข้อเสียก็คือ เกิดคุณพ่อตานำเมล็ดรุ่นสองไปปลูกต่อ ด้วยความแปรปรวนทางพันธุกรรม ต้นข้าวโพดมันก็จะสูงๆต่ำๆ แคระๆแกรนๆ กระท่อนกระแท่น เหมือนพี่น้องแต่งงานกันเอง จุดด้อยย่อมปรากฏให้เห็นแน่ๆ เมื่อเป็นเช่นนี้................คุณพ่อตาก็ต้องใช้บริการบริษัท ของเจ้าสัวเป็นอย่างนี้ทุกทีไป แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เจ้าสัวรวยจนสะดือปลิ้นไปได้อย่างไร ดีนะ..........เกิดแกหน้ามืดวางจำหน่ายใน7-11 แล้วจะหนาว 55555 คราวนี้มาถึงคำถามว่าเราจะทำเมล็ดพันธุ์เองได้ป่าว ตอบว่า..............ได้ครับ มีสองแบบ แบบแรก...... ทำแบบนักวิชาการ นักวิจัยตามที่เจ้าสัวกรุยทางมานั่นแหละ คงมีอย่างน้อย 4 - 5 ปีขึ้นไป กว่าสายพันธุ์จะนิ่ง ตามทฤษฎีมั๊ง แบบสอง......  ทำแบบโรบินฮู้ด เอาเมล็ดพันธุ์แท้หรือต้นพ่อต้นแม่ ที่เขาแจก (ที่จริงคิดเงิน) ตอนปลูกเอาไปจัดการขยายพันธุ์เอง แบบว่าแบ่งมาจี๊ดนึง ทำเองผลิตเองขายเอง ผิดมั๊ย  ผิดเต็มประตู หากพลาดถูกจับ อาจต้องมาพิสูจน์อัตลักษณ์ข้าวโพดกันหน่อย 555   พาลจะนึกถึงหมอพรทิพย์มาตรวจดีเอ็นเอ ข้าวโพด แนะนำให้คุณพ่อตา ปลูกข้าวโพดหวานแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เถอะ เดี๋ยวนี้ตลาดนัดใน กทม.ฝักละ 12 บาทแล้ว แต่แปลกอยู่อย่างนึง................................................. ทำไมไม่ใช้คำว่า "ข้าวโพดปิ้ง" กลับเรียกว่า  "ข้าวโพดย่าง" ????????? หรือภาษาไทย มันมีพัฒนาการไกลไปแล้วหว่า แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 52 01:43:16 จากคุณ : upper cut - [ 22 ม.ค. 52 01:02:52 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ทำไมไม่มองอย่างเป็นกลางบ้างครับ คือตอนนี้ผมชักงง ว่าทุกคนเอาแต่โทษว่า บริษัทเมล็ดพันธุ์ผิด พันธุ์ลูกผสมผิด การปรับปรุงพันธุ์พืชผิด เพราะเป็นการผูกขาด ผมก็ไม่เห็นมันจะผูกขาดตรงไหน เกษตรกรไม่อยากซื้อพันธุ์ลูกผสม ก็ไปเอาพันธุ์ผสมเปิดมาปลูกได้ เขาไม่ได้บังคับซื้อนะครับ ทางออกก็มี ทางเลือกก็มี ไปเอาพันธุ์ลูกผสมของหน่วยงานของรัฐมาใช้แทนก็ได้ ตอนรับซื้อพ่อค้าเขาไม่ได้ถามหรอกครับ ว่านี่พันธุ์อะไร ความชื้นได้ตามที่เขาต้องการเขาซื้อหมด ทีนี้มันต่างกันตรงไหน มันต่างกันตรงที่ว่า อย่างพื้นที่ 1 ไร่เท่ากัน คนที่ใช้พันธ์ลุกผสม ที่ดี เขาก็ได้ผลผลิตสูงกว่า มันไม่ใช่สูงกว่าธรรมดา พอหักทุนแล้วยังได้กำไรมากว่าพันธุ์ผสมเปิดอีก นี่แหละครับที่เกษตรกรเขาเลือก เขาเลือก ผลผลิต เป็นหลัก ส่วนไอ้การไปจ้างเกษตรกรปลูกผลิตเมล็ดพันธุ์ให้ เขาก็ไม่ได้ไปบังคับให้เกษตรกรปลูกนี่ครับ ทางเลือกเกษตรกรก็มีไม่ปลูกก็ได้ ไม่ใช่ไม่มีทางเลือก ไม่อยากปลูกก็ไม่ต้องปลูก แต่ถ้าอยากจะปลูกเขาก็ประกันราคาให้ (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ให้เต็มที่ตอนนี้ ก็ไม่ถึงกิโลกรัมละ 5 บาท ปลูกผลิตเมล็ดพันธุ์กับบริษัท เขาประกันราคา ณ ตอนนี้ ไม่มีที่ บ. ไหนให้ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10 บาท อาจจะสูงถึง 15 บาท)  สนับสนุนปัจจัยการผลิตทุกอย่าง เพราะเมื่อเขาให้ราคาสูงเขาก็คาดหวังคุณภาพตามว่ามันจะสูง ถึงเวลาก็หักเงิน ณ ที่ จ่าย บางคนอาจจะคิดว่า ทำผลิตเมล็ดพันธุ์ ผลผลิตอาจจะน้อย แต่ผมรับรองเลยไม่มีทางได้ต่ำกว่า 500 กก./ไร่ แน่นอน คนที่ดูแลดีๆ ได้ 1000 กก./ไร่ ขึ้นแน่นอน อย่างที่ผมบอก ไม่ใช่ตัวเกษตรกรไม่มีทางเลือก ทางเลือกนะมี เพราะผมอยากให้มองอย่างเป็นกลาง บ. เมล็ดพันธุ์ต่างๆ ไม่ได้บังคับให้คุณซื้อ เมล็ดพันธุ์ของเขา และไม่ได้บังคับให้เกษตรกรมาปลูกผลิตเมล็ดพันธุ์ของ บ. คุณไม่อยากปลุกก้ไม่ต้องปลุก ไม่อยากซื้อพันธุ์ลูกผสม ก็ไปหาพันธุผสมเปิดมาใช้แทน ตามหน่วยงานของรัฐมีแน่นอน ผมก็ไม่เห็นมันจะผูกขาดอะไร บ.เมล็ดพันธุก็มีตั้งหลาย บ. หน่วยงานของรัฐที่ทำก็มี ลองถามตัวเองดูดีกว่าว่าถ้าจะต้องปลูกข้าวโพด คุณจะเลือกอะไร อย่าบอกว่าไม่มีทางเลือก ทางเลือกนะมีอยู่แล้วตามที่ผมบอก มันอยุ่ที่คุณว่าจะเลือกทางไหน โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆหรอกครับ ถ้าคุณไม่อยากเสียเงิน คุณก็ต้องเสียอะไรสักอย่างหนึ่งอยู่ดี อาจจะเวลา โอกาส ฯลฯ โลกนี้ไม่ได้มีสีขาวกับดำ มันมีสีเทาด้วยครับ มอง คิด อย่างเป็นกลาง ปล. ประเทศไทยไม่ได้มีแต่ บ.ซีพี และ บ.ซีพี ก็ไม่ได้เป็นคนบุกเบิกทำข้าวโพดลูกผสม และพันธุ์ข้าวโพดลูกผสมของบ.ซีพี ก็ไม่ได้เป็นพันธุ์ที่ดีที่สุดในประเทศไทย ครับ จากคุณ : sayanjo65 - [ 22 ม.ค. 52 01:39:43 ]

ความคิดเห็นที่ 85 เอ่อ  คุณ sayanjo65 ขอแย้งหน่อยครับ ที่ว่าเกษตรกรปลูกข้าวโพดเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ แล้วบอกว่า "แต่ผมรับรองเลยไม่มีทางได้ต่ำกว่า 500 กก./ไร่ แน่นอน" ขอแย้งว่าข้อมูลคุณคลาดเคลื่อนไปมาก ถ้าได้ผลผลิตตามที่คุณการันตีไว้ ??????? ป่านนี้ผมคงถอยเบนซ์มาขี่แล้ว มีอย่างน้อย 4 บริษัทผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด ที่มาส่งเสริมการปลูกในพื้นที่ที่ผมอยู่และผมเคยร่วมงานด้วย ตัวแปรเยอะแยะ ที่ทำให้เกษตรกรจำนวนมาก ที่ผมรู้จักในพื้นที่เป็นพันๆไร่ ปลูกแล้วขาดทุน ไม่ใช่แค่ปีเดียว แต่เป็นสิบปีมาแล้ว จึงเกิดคำถามว่าทำไมชาวบ้านหลายรายจึงเลือก มาปลูกข้าวโพดลูกผสมแทน ยกเว้น คุณหมายเหตุว่า ปลูกในพื้นที่ชลประทานหรือพื้นที่ที่มีระบบการให้น้ำสปริงเกอร์ หรือฟ้าฝนเป็นใจ จากคุณ : upper cut - [ 22 ม.ค. 52 02:26:39 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ขอบคุณครับ จากคุณ : [WaVe]NoW - [ 22 ม.ค. 52 04:48:26 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เมล็ดพันธุ์ซื้อจากบริษัท (คิดในแง่คนขาย ก็ต้องอยากขายของแพง) V นำมาปลูกจนได้ผลผลิต (คิดในแง่เกษตรกร ก็อยากได้ผลผลิตปริมาณมากๆ ต้นทุนน้อย) V ขายผลผลิตคืนให้บริษัท (คิดในแง่คนรับซื้อ ก็ต้องอยากซื้อของในราคาถูก) สงสัยว่าทำไมเกษตรกร ต้องนำผลผลิตไปขายให้กับ บริษัทที่ขายเมล็ดพันธุ์ (ในกรณีที่ไม่ใช่จ้างปลูก เพื่อผลิตพ่อพันธุ์แม่พันธุ์) หรือเข้าใจอะไรผิด ? จากคุณ : Reiez - [ 22 ม.ค. 52 07:56:50 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เคยเรียนมา เขาบอกว่าข้าวโพดส่วนใหญ่เป็นข้าวโพดที่ตกแต่งพันธุกรรม GMO เมล็ดมันจะเป็นหมัน ไม่สามารถ ขยานพันธุ์ต่อได้เพื่อป้องกันการไปรวมสายพันธุ์กับพืชท้องถิ่น (แต่มันก็มีเรื่องค่าลิขสิทธ์ ที่จะเก็บมากกว่า) ของไทยก็เคยมี.......มะละกอ GMO ของ ม.เกษตร แต่ก็ถูกจุดไฟเผา เพราะตอนนั้นเรายังด้อยความรู้เรื่อง GMO เลยถูก แอนตี้จากประชาชนทั่วไป แต่สุดท้ายรัฐก็โดนกดดันจากต่างประเทศ ยอมให้ GMO เข้ามาในไทยอยู่ในรูปอาหารได้ เราเลยต้องใช้ เมล็ดที่มาจากต่างประเทศ และแน่นอน ต้นทุนสูง ............ลองไปอ่านข้อมูลเกี่ยวกับ GMO ดู แล้วจะรู้อะไรอีกเยอะ ^________^ จากคุณ : chinjungza - [ 22 ม.ค. 52 09:03:20 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ถ้าคุณทำได้ตามสเปคที่เขาให้ไว้ ยังไงก็ไม่ต่ำกว่านี้ครับ อย่างน้อยที่สุด คุณจะได้เงินประมาณ 10,000 บาทต่อไร่ ถ้าคนที่ทำดีนะครับ ในพื้นที่ของผม ไม่มีชลประทานครับ มีแต่หนองน้ำ หรือบ่อบาดาล แต่เขาสูบมาต่อสปริงเกอร์ รดข้าวโพด ผมไม่ได้มั่วข้อมูลครับ ในพื้นที่ผมไม่มีคนได้ต่ำกว่านี้จริงๆ ถ้าโซนอุตรดิตด์ จะได้เยอะกว่านี้อีก 1000-1300 กก./ไร่ ส่วนที่ว่าไม่ถึง ตามที่ผมว่า อันนี้ผมไม่รู้ว่าพื้นที่คุณอยู่โซนไหน หรือทำไม่ได้ตามสเปคเขา โดนลอคแปลง ไม่เอาใจใส่ ผลผลิตมันก็น้อยตาม แต่ละ บ. ก็มีราคารับซื้อไม่เท่ากันครับ ที่แพร่นี่เกษตรกรชำนาญมากปีที่แล้ว มีคนทำ 25 ไร่ แล้วได้เงิน ประมาณสามแสนบาท (หักต้นทุนแล้ว) ธนาคารต้องให้แกเอาผู้ใหญ่บ้านไปยืนยันว่าไปทำอะไรมา ถึงได้เงินขนาดนี้ ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั่วไปถ้าปลูกพื้นราบ หรือเนินเขานิดๆ ไม่ใช่ขนาดภูเขาที่ชาวชาวปลูกตามดอยต่างๆ ถ้าใช้พันธุ์ลุกผสม คนที่ปลุกแล้วได้ต่ำกว่า 500 กก./ไร่ พิจารณาตนเองได้แล้วครับ แสดงว่า ไม่ได้เอาใจใส่แปลงเลย ถึงคุณ Reiez เขาไม่ได้เอาไปขายให้ บ. เมล็ดพันธุ์ครับ ถ้าเป็นข้าวโพดทั่วไปนะครับ หลักๆมันจะมีลานรับซื้อ เขาจะรับซื้อตามความชื้นเมล็ด แล้วเขาจะเอาไปขาย บ.ผลิตอาหารสัตว์ หรือส่งออกครับ บ.ผลิตอาหารสัตว์บ้านเราหลักๆก็ เบทาโกร กับซีพีครับ และอีกอย่าง พ่อค้า มันไม่สนหรอกว่าคุณปลูกพันธุ์ไหน มันสนแค่ว่ามีของเข้าลานเขาหรือเปล่า อ่ออีกอย่างครับ ไอ้เมล็ดพันธุ์ที่คุณคิดว่าแพงๆ นะมันตกกิโลกรัมละ 80-200 บาท ครับ แล้วแต่ บ. หรือหน่วยงาน ของ บ. จะ 100 บาทขึ้นไป ไร่หนึ่งใช้ 3 กก. ถ้าผมใช้เมล้ดลูกผสมปลุกผมจะมีต้นทุนตรงนี้เพิ่มมาอีก ไร่ ละประมณ 300-600 บาท สำหรับผมถ้าแลกเงินตรงนี้กับ ผลผลิต ผมถือว่าคุ้ม   แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 52 09:55:51 แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 52 09:28:21 แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 52 09:21:36 แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 52 09:16:30 จากคุณ : sayanjo65@hotmail.com (sayanjo65) - [ 22 ม.ค. 52 09:15:27 ]

ความคิดเห็นที่ 90 แหม่ มาไม่ทัน 88 มะละกอ GMO ไทยเรา เคยลงข่าวนะครับว่าNGO เอาไปเทกระจาดหน้ากระทรวงเกษตร ลงข่าวให้สนุกๆครั้งเดียว แล้วก็เงียบหายไปเลย ก็นี่แหละครับประเทศไทย ต้องออกตัวไว้ก่อนว่าผมไม่ใช่ผู้มีความรู้มากนัก จะเรียกว่าโง่เลยก็ได้แหละ 555 ส่วนที่ผมอยากออกความคิดเห็นคือ ปัญหาทับซ้อน กับ กลไกตลาดซับซ้อนทับไปทับมาหรือเปล่าครับที่ทำให้เป็นปัญหา ถ้าจะบอกว่า บ.เอกชน อย่างมอนซานโต้ ออกแนวผูกขาด มันก็ไม่ผิดเสียเท่าไร (แต่มันก็ไม่ถูก ตามที่ คห.บนๆ เล่ามา) คิดๆดูแล้วก็เหมือนกัน กรณีไมโครซัค แหละครับ ทั้งๆที่มีOpen source แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังเลือกไมโครซัค เพราะมันเป็นมาตรฐาน แนวบริโภคนิยม ต้องลองถามกันครับว่า ในเมื่อมี open source ให้ใช้ ทำไมไม่ใช้(หลายคนก็คง สะดุดกึก ตอบไม่ได้เหมือนกัน น้ัอยคนนักคงหาเอาส่วนแข็งของ โอเพ่นซอร์ส มาเกทับ ชักจูงประชาชน ให้คนมาเลือกตัวเองโดยประสบความสำเร็จในวงกว้าง แบบที่ให้คนชั่งใจได้) ในเมื่อผู้บริโภคท้ายสุด หรือ End-user ต่างต้องการผลผลิตที่ดีๆ แจ่มๆ ไอ้ที่กากๆ อย่ามาให้เห็น ก็เป็นหนึ่งในกระบวนการผูกขาดเหมือนกัน ของดี เราซื้อได้ แต่ของไ่มดี เราก็ไม่อยากได้ แล้วจะทำอย่างไรได้ในเมื่อของถูก ทำออกมาแล้วมันก็ไม่แน่นอน(มันก็มีดี แต่ก็ออกแนวไม่ค่อยแน่ใจ) เกิดว่ามันของดีหน่อย แต่ผลผลิตไม่เยอะ หรือได้เยอะแต่ของไม่ดี ตลาดไม่รับ เกิดว่าทำไปขาดทุน มันก็คงไม่ต่างกันกับเมล็ดแพงๆ มองในทางชาวไร่ผู้ผลิต เขาก็อยากซื้อถูกขายแพงเช่นกัน แต่จะทำไงได้ ในเมื่อของถูก ไม่มีใครกล้ารับประกัน ว่าวันข้างหน้าจะมีข้าวสารกรอกหม้อ และในเมื่อของแพงมีคนประกันรับซื้อ(แม้จะถูกกดราคาแน่นอน) เขาก็ต้องทำใจจำใจซื้อของแพงไปปลูกแหละครับ คนทำงานเขาไม่อยากมาปวดหัวครับว่า ไล่นุก ในสำนักงาน จะเข้ากับไมโครซัคเครื่องอื่นไหม (เขาไม่มีความรู้ และการจะหาผู้เชี่ยวชาญ เซิฟ จ้างมาตั้งไว้ คงไม่คุ้ม) เช่นกันกับชาวนา เขาไม่อยากมาปวดหัว กับเรื่องยากๆแบบ คณิต คิดไม่ออกเฟ้ย ส่วนที่ว่าต้องGMOถึงจะพอมีเลี้ยงปากท้อง ผมนั้นไม่รับข้อแก้ต่างเลย ในเมื่ออาหารส่วนใหญ่ มีราคา(ค่อนข้างแพง) ส่วนใหญ่ ถูกกองพะเนินเทินทึก อยู่ในตลาดซุปเปอร์มาร์เก็ต ออกแนวโลละ 40 (ในขณะที่ตลาดสด ออกแนวโลละ20 หรือน้อยกว่า) แค่ดูราคาก็น่าจะเดาเอาได้ว่า ใครเป็นลูกค้าผู้ซื้อของแต่ละตลาด ของคุณภาพ ก็จะลงตลาดติดแอร์ ของทั่วไปก็ตลาดแอร์กี่ คนชนชั้นมีระดับหน่อย ก็ไปติดแอร์กันหมดครับ ยังมีคนที่ยังเชื่อ่วา ของแพง ของดีอยู่(แม่ผมก็เป็น แต่ก็มีบ้างที่จะไปตลาดสด เพราะมีถูกและดีอยู่บ้าง) ในเมื่อทำมาเยอะ แต่ขายไม่หมด ราคาก็ต้องตกแน่นอน บวกกับลักษณะการทำเกษตรบ้านเรา ซึ่งออกแนวเชิงเดี่ยวกันมาก ดังที่เป็นข่าวเมื่อก่อน ที่เอาผลผลิต เทหน้าถนน ปิดทาง หรือขี่อีแต๋นเข้าเมือง บวกกับ วิธีการบริโภคของพวกเราด้วย ที่คนรวยๆนิยมเนื้อ เนื้อ เนื้อ แล้วก็เนื้อ เอาแบบติดมันเยอะๆนะ จานไหนมันน้อยๆ แม่ไม่ปลื้ม (ยังจำกันได้ไหม ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มียุคหนึ่งที่พวกร้านเนื้อกระทะ หรูๆ เนื้อติดมัน เป็นช่วงที่กำลังบูม หรือมีความนิยมสูงมาก) เมื่อตลาดต้องการเนื้อ(แน่นอนว่าของแพง) ผลผลิตเลี้ยงปศุสัตว์ก็ต้องปลูกมาขาย เหมือนจะเคยจำได้่ว่า ข้าว1กระสอบ คนกินได้ทั้งเดือน แต่ข้าว1กระสอบ วัวเนื้อตัวเดียว กินแค่ราวๆ อาทิตย์เดียว ก็หมด (วัวเนื้อติดมันเยอะๆ ก็ต้องขุนให้กินเยอะๆด้วย ใช่ไหม) เราเสียพื้นที่ที่มีประโยชน์ไปในการปลูกผลผลิตป้อนปศุสัตว์ เกินไปไหม แทนที่จะป้อนผลผลิตเกษตรธรรมดามาเลี้ยงประชาชน นับเอาจริงๆ ผมว่าผลผลิตเกษตร ไม่ต้องGMO มันก็เพียงพอเลี้ยงปากท้องได้ครับ ปัญหาคือกระบวนการผลิตที่สวนทางกับตลาด และวิธีการบริโภค มากกว่า โดยที่การจัดสรรพื้นที่ก็มีปัญหาด้วย หลายๆปัญหารวมกัน คงไม่ต้องบอกเลยว่า เกษตรกร เลือกของแพงดีกว่า แม้ต้องไปตายเอาดาบหน้าอยู่บ้าง และยังมีอยู่หลายคน(เกษตรกร) ที่หวังผลในเรื่องของ ปริมาณ มากกว่าคุณภาพ (อย่างน้อย คุณภาพนั้น เข้าขั้นรับได้) แล้วสุดท้าย ผมก็ยังสงสัยอยู่ว่า ถ้าGMO ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได แล้วสารอาหารที่ใช้ปลูก(หรือ ดินที่ปลูก) มันก็ต้องทรุดเร็วกว่าแ่น่นอน แล้วก็คงไม่วายต้องพึ่งปุ๋ย และสารเคมีสารพัดจากบ. มันออกแนว ขยายอำนาจการผลิต(โดยพื้นที่เท่าเดิม) เท่านั้นเองใช่ไหม เหมือนว่า ปกติ เรามีน้ำที่ระบายลงคลองเรื่อยๆ แล้วมีปั๊มท้ายคลอง ให้ลงไปส่งแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่เราฝืนตัวเอง ต้องการระบายน้ำมากขึ้นลงคลองที่เล็กเท่าเดิม และแก้โดยการเลือกปั๊ม ท้่ายคลอง ให้กำลังสูง ดึงออกจากคลองเร็วขึ้น อาจจะเขียนแบบ งงๆ สรุปยากๆหน่อยคงประมาณว่า ปัจจัยผู้ซื้อ(ผู้บริโภค) ปัจจัยผู้ผลิต(ชาวนา) ปัจจัยผู้ขาย (บ.) 3.อย่างนี้แหละ ที่มันผิดปกติทั้งหมด กลายเป็นปัญหาอย่างทุกวันนี้ ทั้งGMO และบ.ขายเมล็ด อะไรอื่นๆอีก พอจะถูกต้องไหมครับ แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 52 10:54:14 จากคุณ : หมวกนิรภัยกับปืนไรเฟิล - [ 22 ม.ค. 52 10:46:22 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ประทับใจคุณ sayanjo65 คะ... ความรู้แน่นมาก จากคุณ : thangthai_ladypink - [ 22 ม.ค. 52 11:19:45 ]

ความคิดเห็นที่ 92 *89 ใช่ค่ะ ที่แพร่ปลูกเก่งกันมากเลย ได้กันหลักแสนขึ้น คนแห่ปลูกใหญ่เลย สรุป ถางป่า เห็นเขาหัวโล้นเยอะขึ้นเลยๆ ก็เข้าใจว่าทำแล้วมันมีกิน เพราะถ้าไม่ทำก็ไม่รู้จะเลี้ยงตัวยังไง จากคุณ : faiene - [ 22 ม.ค. 52 13:27:12 ]

ความคิดเห็นที่ 93 #8 ยาแบบนั้น ซื้อที่ไหนเหรอคะ จากคุณ : องค์หญิงจอมซน - [ 22 ม.ค. 52 13:32:23 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ยากันราคะ ็เจอคนงานในโรงพยาบาลตัดเกลี้ยง กระทู้ฮาดี จากคุณ : ธีรภัทร์2 - [ 22 ม.ค. 52 13:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ศูนย์วิจัยเกษตรนั่นแหล่ะตัวดี ไม่ได้ช่วยอะไรเลย บางทีพี่แกขายพันธ์ให้ซีพีไปขายต่ออีกต่างหาก จากคุณ : SkillFull - [ 22 ม.ค. 52 14:45:09 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ได้ความรู้มากขี้นเยอะเลยครับ จากคุณ : อยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ - [ 22 ม.ค. 52 21:16:31 ]

ความคิดเห็นที่ 97 อ่านความเห็นของคุณ sayanjo65 ก็เห็นด้วยนะครับว่าจริง ๆ แล้วไม่ควรมองว่าบริษัทที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ เป็นฝ่ายไม่ดี   หรือตั้งแง่ว่า  การใช้เมล็ดพันธุ์ผสมเนี่ยเป็นสิ่งที่เลวร้าย    เพราะว่ามันก็ต้องมีต้นทุนในการวิจัยและพัฒนาผลิตพันธุ์   มีกระบวนการหลาย ๆ อย่างในการดำเนินงาน    และระยะเวลาในการทุ่มเทเพื่อได้พันธุ์พืชที่มีคุณภาพ    นอกจากนั้นก็ไม่ได้มีการบังคับว่าทุกคนจำเป็นต้องปลูกตามนั้น   เพียงแต่บางครั้งก็อดห่วงไม่ได้ว่า   ในการดำรงชีพโดยใพึ่งพาเทคโนโลยีจากภายนอก  ที่ตนเองไม่ทราบถึงที่มาที่ไป   รวมทั้งต้องอาศัยกระบวนการในการผลิตที่มีการดำเนินงานตามขั้นตอนที่ถูกกำหนดไว้ให้    ก็ทำให้ไม่เกิดการพัฒนาทั้งในแง่ขององค์ความรู้ของคนในชุมชน   รวมไปถึงการพัฒนาทางอาชีพด้วยตนเอง   ซึ่งปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของเกษตรกรไม่สามารถควบคุมได้ด้วยตนเอง     อย่างไรก็ตามก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่ากลไกเกี่ยวกับการตลาดนั้นมีความสำคัญยิ่ง   ซึ่งกระทู้นี้ทำให้ตระหนักถึงความสำคัญของกลไกการตลาด   ตลาดการค้าเสรี   และความเข้มแข็งของชุมชน  และการพึ่งพิงเทคโนโลยี       และองค์ความรู้ในสังคม     ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวผมเป็นคนรักอิสระ  ชอบมีทางเลือกที่หลากหลาย  ชอบพัฒนาความรู้ในสิ่งใหม่ ๆ เลยเห็นว่า    การที่ต้องพึ่งพิงคนอื่นเป็นสิ่งที่อาจจะทำให้เราเสียอิสระ  และทางเลือกไป     แต่แอบประทับใจคุณ sayanjo65 นะครับ จากคุณ : Fredericko - [ 23 ม.ค. 52 00:03:43 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ผมตอบในมุมมองนักวิจัยคนนึงน่ะครับ ผมได้เงินจากการรับจ้างทำวิจัย ดังนั้นแล้ว ผมบอกตรงๆน่ะครับ ผมก็อยากรวยครับ ทำวิจัยแทบตาย ผมไม่อยากขายงานผมถูกๆ แน่นอนครับ ที่สำคัญ ต้นทุนในการวิจัย ที่แพงที่สุด ที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยสนใจเลยคือ ความล้มเหลว จะมีซักกี่คนที่มองเวลาทำวิจัยแล้วไม่สำเร็จ อย่างตอนนี้ ผมทำวิจัยอิฐบล๊อกธรรมดานี่แหละครับ ค่าใช่จ่ายในการวิจัย ที่บริษัทจ่ายให้ผมมาถลุงมันมือ ตอนนี้ตกไปหลายล้านแล้วครับ แล้วเวลาจะเอาไปขาย คนก็จะมองเฮ้ย ของถูกๆ ทำไมขายเอากำไรแพงจัง อ้าวแล้วตอนที่ทำวิจัยแล้วยังไม่ได้ผล ทำแล้วเจ๋ง ทำแล้วล้มเหลว ไม่สำเร็จล่ะครับ จะไม่ให้เอามาคิดรวมเป็นต้นทุนเลยเหรอครับ พี่น้อง จากคุณ : kanoomtan - [ 23 ม.ค. 52 09:09:20 ]

ความคิดเห็นที่ 99 จากคุณ : ช่อเอี้อง - [ 23 ม.ค. 52 11:24:36 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ขอบคุณทุก ๆ คห. เลย ได้ประโยชน์มาก ๆ เลยค่ะ จากคุณ : balahala - [ 23 ม.ค. 52 11:48:18 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ... เข้ามาดม จากคุณ : ห้ามวางไว้ไกล้เด็ก - [ 23 ม.ค. 52 12:12:13 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ขอเสริมอีกนิดนะครับ ณ วันนี้ ไม่มีข้าวโพดพันธุ์ไหนที่ปลูกในประเทศไทย แล้วเป็น GMOs เลยครับ อย่างดีที่สุด คือ พันธุ์ลูกผสมเดี่ยว แต่อนาคตไม่แน่ ผมให้ไม่เกิน 3 (สาม) ปี น่าจะเริ่มมีข้าวโพด GMOs เข้ามา คือ อย่างไงดี การปรับปรุงพันธุข้าวโพดเนี่ย มันมีหลายวิธี GMOs ก็เป็นหนึ่งในวิธีการทั้งหลาย แต่ต้นทุนมันสูงกว่าการคัดเลือกพันธุ์ตามปกติ ถ้าคุณเป็น บ. เมล็ดพันธุ์ คุณมีวิธีการที่ประหยัดต้นทุนกว่า การทำ GMOs และได้พันธุ์ออกมาเหมือนกัน คุณจะเลือกทางไหน แม้มันจะใช้เวลาในการพัฒนาพันธุ์ มากกว่า แต่ต้นทุนคุณถูกกว่าหลายเท่า (คิดในแง่ว่า คุณต้องเตียมแลปในการทำ GMOs และอะไรหลายๆอย่าง ซึ่งต้นทุนตรงนี้ คุณเอาไปพัฒนา สร้างพันธุ์ ได้มากกว่า และได้จริงๆ เพราะเราเห็นลักษณะพันธุ์ที่เราต้องการได้เลย) อีกอย่างนะครับ อย่างที่ผมเน้นย้ำ มาแล้วว่า บ.เมล็ดพันธุ์ไม่ได้มีแต่ บ.ซีพี และ บ.เมล็ดพันธุ์ของเอกชน เขาไม่จำเป็นต้องไปโขมยซื้อ สายพันธุ์ของ หน่วยงานของรัฐหรอกครับ ต้นทุนมันต่างกัน เขาทำเอง เขาทำได้ดีกว่าของรัฐอีกครับ ทุกวันนี้ที่มันมี บ.เมล้ดพันธุ์หลายๆ บ. และแต่ละ บ. อยู่ได้เพราะว่า พันธุ์ลูกผสมเดี่ยว มันมีฐานพันธุกรรมแคบ มันตอบสนองต่อพื้นที่ปลูก ประมาณว่า คุณทำการคัดเลือกพันธุ์ และปรับปรุงพันธุ์ที่ไหน พันธุของคุรก็จะตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมที่นั่น พอข้ามเขตแล้วมักจะไม่รอด ทำที่ภาคกลาง ก็จะปลูกได้ผลผลิตดีที่ภาคกลาง ข้ามเอาไปปลูกที่ภาคเหนือ มักจะไม่ได้ดีเท่าภาคกลาง แต่ละ บ. เลย ประมาณว่า เขตใครเขตมัน บ.ไหนคิดจะข้ามเขตจริงๆ ต้องมั่นใจว่า พันธุ์ของ บ. ตัวเองดีจริง ถึงจะไปตีตลาดได้ ปล.ถึงตรงนี้ ผมคิดว่า บ.ซีพี มีการโปรโมท บ.ตัวเองดีจริงๆ เพราะจากที่อ่านๆมา ใครๆก็คิดถึงแต่ บ.ซีพี ทั้งๆที่ มันมี บ.ต่างๆในประเทศไทย ที่ทำธุรกิจด้านนี้มากกว่านี้ และบาง บ. ทำได้ดีกว่า บ.ซีพี อีก แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 52 22:31:38 จากคุณ : sayanjo65@hotmail.com (sayanjo65) - [ 23 ม.ค. 52 20:45:08 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ข้าวโพดที่ขายกันในไทย ไม่ใช่ GMO แน่ๆเพราะกฏหมายห้ามขาด  บริษัทใหญ่ๆเขาไม่เสี่ยงทำผิด กม กันหรอก    ไอ้ที่เอาไปปลูกต่อไม่ได้ก็อย่างที่หลายคนอธิบายมานั่นแหละ ผลผลิตมันจะแย่ลงไปเรื่อยๆเพราะความแปรปรวนในยีน ส่วนเจ้่า terminator gene น่ะมีจริง แต่ไม่ใช้กับข้าวโพด hybrid ในไทย ยังเป็นที่ถกเถียงในด้านจริยธรรมด้วยว่าสมควรจะเอามาใช้ในพืชอาหารหรือไม่ ข้าวโพดลูกผสมกว่าจะขายได้ พัฒนาพันธ์กันเกือบสิบปี ในระหว่างนั้น ทดลองปลูกกันนับพันแปลง ปลูกกันที่สารพัดภูมิภาค ลงทุนลงแรง ลงเงินไปมหาศาล   ถ้าผลที่ได้ไม่ดีจริงก็ออกมาขายไม่ได้ เวลา10ปีที่ลงไปกับเงินอีกเยอะมากๆๆๆๆๆ หายหมด   นี่ยังไม่นับเรื่องเมล็ดพันธ์โดนขโมยไปผลิตแข่งขายเป็นเมล็ดเถื่อนในราคาถูก เพราะไม่ได้ลงทุนวิจัยเลย    อย่างพันธ์สุวรรณก็อย่างที่คนอื่นว่ามา พัฒนากันเป็นสิบๆปีกว่าจะได้ออกมา เสียเวลา เสียเงินไปเท่าไร   ข้าวโพด hybrid ของบริษัทต่างๆที่ขายในตลาด  ถ้าปลูกถูกต้องตามที่คนขายแนะนำ ได้ฝัก 1300 - 1600 กิโล/ไร่ แบบสบายๆ   สีเป็นเมล็ด  ขายราคาประกัน 8.5 บาท/กิโล   ถ้าไม่ได้ราคาประกันจะอยู่แถวๆโลละ 5-6 บาทมั้ง   ถ้าชาวบ้านปลูกแบบทิ้งๆขว้างๆ ไม่ต้องดูแลยังได้ 600-800 กก/ไร่ อย่างไม่ยาก รุ่นหนึ่งปลูก 100-120 วัน   ผลผลิตพวกนี้สูงกว่าพันธ์ดั้งเดิมมาก ความต้านทานโรคดีกว่า  ปลูกง่าย โตเร็ว  ต้นแข็งแรง รากแข็งแรง ต้นไม่ล้มง่าย ติดฝักเยอะ  เม็ดติดเต็มสุดปลายฝัก น้ำหนักดี แกนกลางเล็ก หักฝักง่าย  กาบหุ้มฝักปกป้องฝักได้ดี    ชาวไร่เลยหันมาซื้อเม็ดจากบริษัทต่างๆกันหมด เพราะขายได้เงินมากกว่าเดิมเยอะ  กว่าจะได้ลักษณะเด่นทุกอย่างที่ว่ามาต้องลงทุนวิจัยมหาศาล  บริษัทเล็กๆทุนไม่หนา ลงทุนนาน 10 ปีไม่ไหวแน่ๆ อย่างหลอดไฟที่ใช้กันทุกวันนี้ edison ทดลองกับไส้สารพัดแบบ กว่า 7 พันแบบกว่าจะเจอแบบที่ใช้ได้  ทุกวันนี้หลอดไส้ขายกันเกือบ 20 บาท ต้นทุนจริงๆไม่เกิน4 บาท  ไม่มีพัฒนาการใหม่ๆมานานแล้ว  รับกำไรกันเต็มๆ สินค้าเทคโนโลยีส่วนใหญ่่ก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น  ต้นทุนสินค้าไม่เท่าำไร แต่ต้นทุน R&D มหาศาล จากคุณ : super yellow bird - [ 23 ม.ค. 52 23:24:15 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ได้ความรู้ดีจังเลยค่ะ ไม่ออกทะเลซะด้วย จากคุณ : Cha_cha_koi - [ 24 ม.ค. 52 08:40:14 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ไม่ออกทะเล ครับ แต่เข้าป่า ป่าข้าวโพด ;-) จากคุณ : อยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ - [ 24 ม.ค. 52 13:35:12 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ให้เต็มสิบคะแนนสำหรับกระทู้นี้ ได้ครบรสทั้งวิชาการ เรื่องค้าขาย เรื่องของชาวบ้านชนบท แถมมีข้อเขียนแฝงไว้ด้วยความขำ ขำ อีกหลายโพส จากคุณ : Petshop boy - [ 24 ม.ค. 52 15:27:11 ]

ความคิดเห็นที่ 107 #98 (หวังว่าคงไม่โกรธนะครับ) เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะต้องรวมเข้าไปเป็นต้นทุน แต่ผมมองว่า ประเด็นอยู่ที่ว่า จะให้คืนทุนภายในกี่ปี ? ด้วยการ mark up เอากำไร กี่ % ? ในแง่ของบริษัท ก่อนจะทำการวิจัย เป็นธรรมดาว่า มีการเสี่ยงเกิดขึ้น ถ้าไม่อยากจะเสี่ยง ก็ไม่ต้องทำวิจัย  หรืออีกนัยหนึ่งก็คือต้องมีการตัดสินใจแล้วว่าจะทำการลงทุนโดยยอมรับต่อการขาดทุน (High Risk, High Return) แน่นอนว่า ถ้าวิจัยได้สำเร็จ จะกำไรเท่าไหร่ คุ้มต่อมูลค่าเงินที่ลงทุนหรือไม่ ? ก็เป็นธรรมดาแหละครับ ตัวบริษัทเอง ก็ต้องพยายามทำกำไรให้ได้มากที่สุด โดยที่ต้นทุนให้มีน้อยที่สุด ในแง่ของผู้บริโภค ก็เป็นธรรมดาอีกเช่นกัน ว่า จะต้องการอยากได้ของดี ในราคาที่ถูกที่สุด ก็เหมือนเวลาไปเดินซื้อของในตลาด ถ้าเดินเจอของที่อยากได้ ถ้าพ่อค้าตั้งราคาสูงไป ก็ต่อสักหน่อย ถ้าพ่อค้ายอม ก็มีการซื้อขายเกิดขึ้น ถ้าไม่ยอมก็ไม่มีการซื้อขาย จากคุณ : locomotion - [ 24 ม.ค. 52 23:05:08 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ทุนการวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืช... ลงทุนสูง ถ้าขายถูกมากๆ... นานมากๆ กว่าจะได้คืนทุน ในขณะที่ บ. อื่นๆ ก็ทำการวิจัยเช่นกัน... พอมีของใหม่ที่ดีกว่าเข้ามาแทน ลูกค้าก็มักจะอยากลองของใหม่ ที่ให้ผลตอบแทนเขาที่มากกว่า เขาไม่ได้คำนึงว่า... บ. ได้ต้นทุนคืนหรือยัง... บ. ผลิตเมล็ดพันธุ์ก็มักเซฟตัวเองระดับนึง ขายในราคาเท่าไหร่ที่ลูกค้าสามารถจ่ายได้มากที่สุด และได้ผลตอบแทนคืนทุนเร็วที่สุด... จากคุณ : thangthai_ladypink - [ 25 ม.ค. 52 09:58:09 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ^ ^ ถูกแล้วครับเพราะ บ. ต่างๆจะเข็นพันธุ์ใหม่ๆ ออกมาตลอด ไม่ทุกสองปี ก็ทุกๆหนึ่งปีเลย นอกจากว่าพันธุ์เก่ามันดีจริงๆ และตลาดต้องการมาก เขาก็จะค้างพันธุ์เก่าไว้อยู่ จากคุณ : sayanjo65@hotmail.com (sayanjo65) - [ 25 ม.ค. 52 11:22:06 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ชอบกระทู้นี้มากครับ แต่ขอเสริมนิดนึงนะครับ เมื่อไม่ว่าบ.ใหนกำไร จะมีคนขอส่วนแบ่งจากกำไรนั่นคือ การจ่ายภาษี เมื่อบ.เจ๊ง รัฐบาลจะมาช่วยหรือเปล่า?? ผมใม่แน่ใจ ทุกๆการสนทนาถ้าเริ่้มจากเรื่องลึกๆเฉพาะด้าน มันมักจะไปเกี่ยวพันกับเรื่องระบบทุนนิยมและเลยเถิดไปถึงเรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ---ผมคิดอย่างนี้จริงๆนะ--- จากคุณ : Brawo - [ 28 ม.ค. 52 03:30:53 ]