ความคิดเห็นที่ 1 มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่หลังสงคราม เริ่มมีเศรษฐกิจแบบทุนนิยม รัฐไม่สามารถตั้งโรงสี ขายเมล็ดพันธุ์ ขายปุ๋ยแข่งกันเอกชนได้อย่างเสรีครับ เพราะเป็นประเทศประชาธิปไตย การค้าเสรี ตอบให้เข้ากับหว้ากอ อะไรก็ตามที่มาจากดิน น้ำ ลม ไฟ ราคาถูกและมีมูลค่าเพิ่มต่ำครับ ดิน = แร่ธาตุที่ข้าวดูดขึ้นไป น้ำ = น้ำที่ข้าวดูดขึ้นไป ลม = ก๊าซคาร์บอนไดออกไซดื ไฟ = แสงอาทิตย์ กลายเป็นเมล็ดข้าว ตามสมการการสังเคราะห์แสง น้ำ + คาร์บอนไดออกไซด์ = คาร์โบไฮเดรต ถ้าชาวนาทำแต่พอกิน เหลือก็ขาย ก็ไม่ยากจน แต่ปัจจุบันปัจจัยการผลิต ต้องอาศัยปัจจัยจากภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องครับ ขนส่งไปโรงสี ใช้รถบรรทุก = น้ำมัน ปุ๋ย = ซื้อจากต่างประเทศ ขนมาก็ = น้ำมัน ถ้าไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง ก็ต้องเช่า ฯลฯ จากคุณ : หม่องวิน มอไซ - [ 27 ม.ค. 52 11:02:19 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ทำไมถึงจนน่ะเหรอ บอกก่อนว่าผมไม่ได้ดูถูกชาวนานะครับ แต่ชาวนาส่วนมากได้รับการศึกษาระดับไหนล่ะครับ แล้วเขาทำงานในบทบาทของอะไรครับ ชาวนาส่วนมากมีการศึกษาในระดับลูกจ้างครับ แต่ทำอาชีพที่เป็น คนทำธุรกิจส่วนตัว ครับ การทำนาให้ได้ผลผลิตดี ไม่ใช่แค่การอ่านข้างถุงปุ๋ยออกนะครับ แต่มันต้องมี SWOT Analysis มีการหา Supplier มีการหาตลาดรองรับ และอะไรอีกร้อยแปดที่สอนกันในโรงเรียนบริหารธุรกิจ แต่ในขณะนี้ ชาวนากู้เงินซื้อพันธ์ข้าวเอง ซื้อปุ๋ย เช่าที่ดิน แบกรับความเสี่ยงมากแล้ว ยังเอาเวลาไปหว่าน ไถ ปลูก เก็บเกี่ยวเองอีก แทนที่จะเอาเวลาไปวางแผน หรือหาความรู้เพิ่มเติม แล้วจ้างแรงงานคนอื่นมาหว่านเก็บเกี่ยว ปลูก ไถ แล้วก็ยังมีภัยธรรมชาติและแมลงรบกวน ซึ่งถ้าชาวนาเอาแต่ปลูกข้าวไปตามีตามเกิด ปลูกแค่ไหนก็จนครับ ต้องมีการวางแผน ถ้าปีนี้ศัตรูพืชข้าวเยอะ เปลี่ยนไปปลูกอย่างอื่นบ้าง ถ้าข้าวล้นตลาด ก็หันไปปลูกอย่างอื่นสักปีนึง ไม่ใช่สักแต่ปลูกข้าวเพราะทำเป็นอยู่อย่างเดียว พอราคาข้าวตกต่ำก็มาเดินขบวน(ก็ใครล่ะดันปลูกเยอะจนมันล้นตลาด) จากคุณ : powerconduit - [ 27 ม.ค. 52 11:02:32 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อืม... บอกยากนะ ว่าทำไม ผมเองก็อยู่ในวงการเกษตรนะ เจอทั้งชาวนาจนมากๆๆ จนถึงขั้นรวยมากๆๆๆ ผมว่าขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ทำครับ ว่ามีที่ใหญ่หรือเล็ก การใช้เทคโนโลยีครับ ชาวนาบางคนปฎิเสธที่จะรับเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ต่างๆ เช่นไม่ใช้ยากำจัดศัตรูพืช ในช่วงระบาดหนัก เลยทำให้ผลผลิตเสียหายครับ การใช้เงินครับ ลองทำบัญชีต้นทุนดูครับ อาจจะช่วยให้การจัดการง่ายขึ้นครับ ขอให้ชาวนาจงเจริญครับ รวยๆๆๆ จากคุณ : seto16 - [ 27 ม.ค. 52 11:04:22 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 27 ม.ค. 52 11:09:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ยอมซื้อข้าวแพงไหมล่ะครับ ทำนามีความเสี่ยงสูง ถ้าสามารถบวกค่าความเสี่ยงไปได้มันก็คงดี เพราะอย่างปีที่ผ่านมา น้ำท่วม นาล่ม หนี้เก่าก็จ่ายไม่ได้ ยังต้องมาหาหนี้ใหม่อีก ส่วนความเห็น 2 เรื่องทำ SWOT analysis หรือไปดู supply chain มันแค่คำหรู ที่เอามาใช้กะการทำนาปลูกข้าวลำบาก ในเมื่อโรงสีผูกขาดการรับซื้อ ผู้ส่งออกรายใหญ่ก็นับรายได้เลย ยอมรับว่าความรู้แบบการศึกษาในระบบเขาไม่ได้สูง ยอมรับว่าควรหาความรู้เพิ่มเติม แล้วพวกเกษตรอำเภอน่ะใช่ไหมที่ควรมาช่วยให้ความรู้ แทนที่เอาแต่ขายปุ๋ยเคมี แล้วที่จะให้ไปจ้างคนอื่นหว่าน ไถ ดูแล เก็บเกี่ยวเนี่ย เขาจะเงินจากไหนมาจ้างเหรอครับ แล้วที่บอกว่าข้าวล้นตลาดแล้วให้หยุดปลูกซักปี ไปปลูกอย่างอื่นแทน ปลูกอะไรดีล่ะครับ  แล้วปีถัดมาทุกคนก็นัดมาปลูกข้าวอยู่ดี มันควรทำให้เป็นระบบกว่านี้ครับ อีกอย่างเรื่องภัยธรรมชาติหรือศัตรูพืชเนี่ย คนเราหยั่งรู้ล่วงหน้าได้เหรอครับ ถึงจะให้ไปปลูกอย่างอื่น ภาครัฐทอดทิ้ง ไม่เคยคิดจะดูแลภาคเกษตรอย่างแท้จริงเลยต่างหาก ไม่งั้นมันก็มีระบบระเบียบมากกว่านี้แล้ว อย่าอ้างแต่ค้าเสรีเลย ผมก็คิดอยู่ว่าคนที่มาตอบเนี่ย มีอาชีพทำนาหรือเปล่า ถึงจะได้ไปรู้ปัญหาเขาจริงๆ ส่วนผมมีที่ 10กว่าไร่ จ้างเขาทำนาครับ มีความคิดว่าคนที่ผ่านการศึกษามาบ้างน่าจะทำอะไรได้แตกต่างกว่าเขา แต่ตอนนี้ยังไม่รวยจากการทำนาครับ แค่มีข้าวกิน แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 52 11:31:02 จากคุณ : รักหวานในวันวาน - [ 27 ม.ค. 52 11:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ^ ^ ผมยอมครับ คนข้างล่าง ยอมไหมครับ จากคุณ : Red Freeze - [ 27 ม.ค. 52 11:19:29 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของดีมานกับซับพาย สินค้าที่มีผู้ผลิตมากราคาก็เลยต่ำ ขายข้าวเป็นตันให้ฝรั่ง เขาส่งมือถือกลับมาเครื่องเดียว ดุลก็เสมอกันทันที แล้วเรายังโดนปั่นหัวให้ภูมิใจลมๆแล้งๆอีกว่า ประเทศเราอุดมสมบูรณ์ ถ้าเราไม่มีสินค้าเด่นๆที่ทำกำไรมากๆเพื่อนำเงินเข้าประเทศ เราก็จะเอาข้าวเป็นตัน ไปแลกมือถือ 1 เครื่องแบบนี้ตลอดไป แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 52 11:25:49 จากคุณ : (-_-") - [ 27 ม.ค. 52 11:25:15 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่เกี่ยวกับการศึกษาแน่นอน จากคุณ : ร้อยละสิบสลึง - [ 27 ม.ค. 52 11:25:20 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ยอมเหมือนกัน คนข้างล่าง ยอมไหมครับ จากคุณ : ระโหย (ระโหย) - [ 27 ม.ค. 52 11:26:05 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ชาวนาทำนาได้ปีละ 1 หน นะครับ ที่ภาคอื่น ที่ไม่ใช่ภาคกลางตอนล่าง ข้าวราคาเกวียนละ 6000-8000 ถูกแบบโดนกดราคาจากโรงสี เป็นอย่างน้อย อย่างมากอาจจะได้ 10000-12000 ข้าวดีเช่นหอมมะลิ ทำนาได้ข้าว ที่ภาคอื่นจะได้ ราวๆ 50 ถังต่อไร่ โดยประมาณ ก็คือ 2 ไร่ต่อเกวียน (ภาคกลางนาน้ำดี เช่นอยุทธยา จะได้ข้าวมากถ้าอัดยาอัดปุ๋ย อาจจะได้ถึง ไร่ละเกวียนเลยที่เดียว) ข้าวที่นิยมปลูก ของภาคอื่นก็ข้าวหอมมะลิ ซะส่วนมาก จะได้ข้าวไม่เยอะเท่าข้าวเบาอื่นๆที่ปลูกภาคกลาง และใช้เวลาปลูกนานกว่า และทีนี้คือประเด็นสำคัญ ชาวนา ใช้เงินทำนา ประเด็นอยู่ที่ตรงนี้ การทำนา ใช้ทุนมาก เริ่มจาก 1 ถ้าไม่มีที่ต้องเช่าทำนา 2 การทำนาจะไถนาอย่างน้อย สองรอบ คือ ดะนาและตีเทือก หรับหว่าน หรือดำ (บางทีอาจจะสามสำหรับไถแปร แต่ภาคกลางไถครั้งเดียวคือใช้เครื่องตีเทือกเลย) การไถนา มีค่าใช้จ่าย ถ้าใครไม่มีรถไถเองก้ต้องจ่าง อย่างน้อย ไร่ละสามร้อย สี่ร้อย 2 การหว่านข้าว หรือดำนาก็ต้องจ้าง การหว่านอาจจะทำเอง แต่ชาวนาไม่นิยมเพราะให้ผลผลิตน้อยกว่าดำ และวัชพืชจะเยอะกว่า การดำนา เพราะมันขึ้นมาพร้อมกับ ข้าว นาน้ำน้อยวัชพืชจะเยอะ แต่บางครั้งก็ต้อง เสี่ยงหว่านเอา ถ้าหญ้าเยอะก็ต้อง หายามาปราบอีก การดำนา ก็ต้องจ้าง ผมเคยดำนา ตั้งแต่งานละ 50 บาท จนมาถึงงานละ 150 ไร่นึงดำนา ก็ครึ่งพันแล้ว หลุดจากการดำนา ก็มาต่อที่ การดูแลรักษา 3 การจัดหาน้าเข้านา ภาคกลางไม่มีปัญหา แต่ภาคอื่นต้อง จัดหา บางทีแย่งน้ำ การสูบน้ำก็ใช้น้ำมัน สูบกัน หลายรอบโดยเฉพาะช่วงตั้งท้อง ถ้าไม่มีน้ำ การทำนาทั้งปี อาจจะพังเลย เพราะข้าวจะลีบไม่ได้เมล็ดหรือฝ่อ สมัยก่อนน้ำมันลิตรละสิบกว่าบาท สูบทีวันนึง หมด ประมาณ 5-10 ลิตรแบบทั้งคืนทั้งวัน ทำนาครั้งนึงสูบหลายหน 4 ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง เพลี้ย ยากำจัดวัชพืช ฮาโมนเร่งราก เร่งดอก ให้ติดผลมาก ราคาปุ๋ยก็เป็นหมื่นแล้ว ยาแล้วแต่ อากา 5 ช่วงเก็บเกี่ยว ถ้า เกี่ยวมือจะ็ต้องจ้าง เกี่ยว งานละ 1 ร้อย เกี่ยวมือก็ต้องตามด้วย หอบข้าว ฟ่อนละ บาทสองบาท ลากข้าวมากอง จ้างรถมาสีข้าวฟ่อน แต่ราคาจะดีเพราะข้าวแห้งมาก แต่เดี๋ยวนี้นิยมรถเกี่ยว ถ้าข้าวหนัจะล้มเกี่ยวลำบากช้า ราคแพง ข้าวเกี่ยวแห้งเกินไป จะร่วงหล่น ถ้าเกี่ยวสด ราคาขายจะไม่ได้ดี บางทีเจ้าของรถเกี่ยวอาจจะต้องซื้อข้าวสดด้วยในราคาไม่แพงมาก เพราะชาวนา ถึงตอนนี้ เขาไม่มีตังจ้างเกี่ยวแล้ว เลยให้ข้าวแทน (ญาติผม ข้ามปียังทวงตังค่ารถเกี่ยวข้าวไม่หมดตำบลเลย) จะเห็นว่าการทำนา ที่ชาวบ้านจน เพราะใช้ทุนมากและต้องเะสี่ยงโชคตลอดฤดู ว่าน้ำจะเยอะไหม หญ้าจะเยอะไหม จะมีเพลี้ยกระโดด เพลี้ยไฟ  เพลี้ยน้ำตาลระบาด หรือป่าว ราคาจะดีไหมข้าวปีนี้ จะทำนารอบต่อไปก็ต้องกู้หนี้ยืมสินมา ทำเสร็จใช้หนี้ แถมเข้าเนื้อ คนแถวบ้านผม ก่อนหน้านี้กู้มา ดอกร้อยละถัง คือ 1 ร้อยบาทเสียดอกเป็นข้าวแทน 1 ถัง (โหดไหม) จนตอนนี้ นา 50 ไรเป็นของเจ้าของเงินกู้ไปแล้ว จากคุณ : นายโอ้นโต้น - [ 27 ม.ค. 52 11:26:09 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถึงข้าวแพง ชาวนาบ้านเราก็ไม่รวยครับ คนที่รวยคือโรงสี พ่อค้าคนกลาง จากคุณ : montes - [ 27 ม.ค. 52 11:29:46 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แบบ คห.2เลยครับ แต่ผมมีญาติที่ทำไร่ทำนาแล้วรวยนะครับ จริงๆแล้วมันขึ้นอยู่กับความรู้มากกว่านะ ความรู้สามารถนำมาหักล้างความเสี่ยงได้ เหมือนที่คนทั่วไปบอกหุ้นมีความเสี่ยงสูง แต่คนที่เล่นประจำ(Day Trade)กลับบอกว่าความเสี่ยงต่ำ-ปกติ จากคุณ : Am_hilo - [ 27 ม.ค. 52 11:33:24 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ที่อเมริกา เคยศึกษาไว้ครับว่า ทำไมคนจนถึงได้จนๆๆๆๆๆ น่าจะเอามาประยุกต์กับกระทู้นี้ได้ เขาบอกว่า สาเหตุจาก คนแต่ละกลุ่มมีวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อๆกันมาผ่านการเลี้ยงดู และวัฒนธรรมของคนจน มันเอื้อต่อความยากจน ที่สำคัญเช่น 1. การไม่รู้จักรอ ลูกคนชนชั้นกลางขึ้นไป จะถูกสอนให้รู้จัก รอ เวลาอยากได้อะไรให้เก็บเงินสะสมไว้ และเลือกซื้อเมื่ออยู่ในช่วงลดราคา ในขณะที่ลูกคนจน จะซื้อเมื่ออยากได้ จ่ายเงินผ่อน 2. การวางแผน คนจนจะขาดการสอนให้วางแผน เมื่อขายข้าวได้เงินมา จะเดินถือเงินไปเลือกดูว่าจะซื้ออะไรดี ไม่มีการทำบัญชี ไม่มีการวางว่าปีหนึ่งๆ ได้เงินมาจะแบ่งไปทำเรื่องใดบ้าง 3. กลัวความรู้ใหม่ๆ ไม่ใช่กลัวการเปลี่ยนแปลงนะครับ แต่เป็นกลัวความรู้ใหม่ๆ 4. การหวังพึ่งโชคชะตา จากคุณ : รวมพล คนธรรมดา - [ 27 ม.ค. 52 11:39:13 ]

ความคิดเห็นที่ 14 รู้แต่ว่า คนโลกไซเบอร์ปลูกข้าวเก่งกว่าชาวนา หาปลาเก่งกว่าชาวประมง ไม่ได้ว่าใครนะ แต่มันจริง 555 จากคุณ : ผู้ครอบครองจักรยาน - [ 27 ม.ค. 52 11:42:47 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าข้าวแพงขึ้น จริงอยู่โรงสีได้เงินมากขึ้น แต่ชาวนาก็ได้เงินเพิ่มขึ้น บ้าง เหมือนกัน สรุป ขายข้าวได้แพงขึ้น ชาวนาอาจจะมีเงินทุนมากขึ้นครับ โรงสีก็กำไรเพิ่มขึ้นครับ ผมไม่ได้เข้าใจเรื่องโรงสีมากน่ะคงบอกไม่ได้เติมปากว่าโรงสีเอาเปรียบแค่ไหน ผมเองก็ไม่ค่อยชอบนัก แต่ถ้าเขาลงทุนซื้อ ข้าวมา 100 ตัน ราคากิโลล่ะ หมืนบาท เอามาขายต่อได้กำไร กิโลล่ะบาท ถ้าแบบนี้จะบอกว่าเขาเอาเปรียบคงไม่ถูกนัก ความเห็นคุณโอ้นโต้นนี้ ของจริงครับ ไปอ่านทำความเข้าใจการทำนากันก่อนน่ะครับ จะได้เข้าใจปัญหาระดับ detail ไม่ใช่มองแต่ hi level แต่ขอเพิ่มอีกหน่อยว่า ราคาข้าวที่คุณโอ้นโต้นบอกนี้ หลายจังหวัดอาจจะได้น้อยกว่านี้อีกครับ อาจจะได้แค่หมื่นหน่อยๆเอง อย่างตอนที่รัฐออกมารับจำนำราคา14000เนี่ย ชาวนาอาจจะได้แค่ หมื่นหน่อยๆ จากคุณ : รักหวานในวันวาน - [ 27 ม.ค. 52 11:43:57 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คห.13 ว่าไว้น่าสนใจดีครับ แล้วเขาทราบหรือเปล่าครับว่า เพราะอะไรคนเหล่านั้นจึงกลัวความรู้ใหม่ ความรู้ใหม่มันมีอะไรน่ากลัวหรือเปล่า? จากคุณ : Bowling Bash - [ 27 ม.ค. 52 11:48:11 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เกี่ยวกับการศึกษาครับ ระบบเกษตรเมืองไทยยังไม่พัฒนา ผลผลิตต่อไร่ต่ำมากๆ ซึ่งสาเหตุก็มาจากหลายๆสาเหตุ ทั้งความเคยชิน การไม่วางแผน ไม่มีการเอาวิทยาศาสตร์มาช่วยในการผลิต ขี้เกียจ ชอบอะไรแบบง่ายๆ ไม่ยอมรับอะไรใหม่ๆ อะไรประมาณนี้ครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พ่อค้าคนกลาง พ่อค้ารายใหญ่ นายหน้า มีมากกว่าเกษตรกรอีกมั้งครับ - -" ผมเองก็ถือว่าเป็นพ่อค้าเหมือนกัน เงินจะตกไปอยู่กับพ่อค้าซะมากกว่า เอาเป็นว่าชาวนาปลูกข้าว 4 เดือนได้ตันละ 7,000 ผมอยู่เฉยๆซื้อข้าวจากชาวนามาขายต่อโรงสี ได้ตันละ 1,000 ประมาณนี้ครับ ต้องไปดูอีกว่าระยะทางตั้งแต่ชาวนาซื้อพันธ์ข้าวมาปลูก จนถึงมาเป็นข้าวสารแพคใส่ถุงตามห้าง ผ่านมากี่คน แต่เรื่องชาวไร่ ชาวนาจนนี่ การศึกษามีมีส่วนแน่นอนครับ ไม่มากก็น้อย จากคุณ : คุณริค - [ 27 ม.ค. 52 11:53:29 A:192.168.9.187 X:119.42.76.42 TicketID:196013 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถามคห 13 จริงอยู่ที่มี เกษตรกรที่ทำตัวแบบสามล้อถูกหวยไม่น้อย ตอนได้เงินมาเยอะก็เอาเงินมาซื้อรถหรือของที่หลายๆคนมองว่าไม่จำเป็น แต่ก็มีหลายคนน่ะครับที่เขาอาจจะไม่ ลองมองถึงความจำเป็นเขาบ้าง ทำนาแล้วรวยต้องมีทุน และทำได้มากกว่า หนึ่งครั้งต่อปี บอก คห ข้างบนว่า การศึกษาไม่ทำให้ลดจำนวนพ่อค้าคนกลางที่เอาเปรียบ หรือโรงสีที่เอาเปรียบได้ ระบบมันหยั่งรากลึกมานานแล้ว แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 52 12:00:36 จากคุณ : รักหวานในวันวาน - [ 27 ม.ค. 52 11:53:32 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ชาวนารวยๆเดี๋ยวนี้มีเยอะมาก หลายคน มีบ้านราคาหลายล้าน ส่งลูกหลานเรียนต่างประเทศ แต่ชาวนาจำนวนมากยังพยายามยากจนอยู่ รอความช่วยเหลือจากคนอื่น ดูเวลาชาวนาหรือเกษตรกรปิดถนนซิครับ รถสิบล้อราคาหลายล้าน จอดเรียงกันเป็นแถว ราคาร่วมร้อยล้าน ผู้ใช้แรงงานซิครับจน ไม่มีที่ทำกิน ไม่มีบ้าน เช่าบ้านอยู่ ที่สำคัญไม่เคย เรียกร้องให้รัฐปลดหนี้ให้ จากคุณ : คนไทย - [ 27 ม.ค. 52 11:58:12 A:61.90.69.251 X: TicketID:117365 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณรักหวานในวันวานครับ ผมไม่เคยทำนาครับ ขอแย้งหน่อยครับว่า บางครั้ง การนำคนที่ทราบดีและมีประสบการณ์ ไปแก้ปัญหา มันก็ได้ผล บางครั้ง การนำคนที่มองจากอีกมุมหนึ่ง ไปมองปัญหา มันก็ได้ผลเช่นกัน ส่วนเรื่องภาครัฐควรจะช่วยเหลือ ผมเองมีความเห็นไม่ตรงกับคนทั่วไปเท่าไรครับ ผมมองว่า รัฐบาล มีหน้าที่ทำให้ประชาชน พอมีชีวิตอยู่ได้ เท่านั้น อยากรวย อยากมีความสุข อยากอยู่ดีกินดี ประชาชนต้องไขว่คว้ากันเองครับ การทำนาในประเทศไทยยังไม่เป็นวิทยาศาสตร์ครับ หากมีการเก็บสถิติ การจะทำนายว่าเพลี้ยจะมาในฤดูไหน ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากนะครับ   หากเรื่องต่างๆเหล่านี้เป็นหน้าที่ของเกษตรอำเภอ แล้วการทำหน้าที่ของเกษตรอำเภอ ไม่ได้ผล จะทำอย่างไรล่ะครับ เรียกร้องจนมันได้ผลเหรอครับ ใช้เวลานานไปนะครับ รวมกลุ่มทำเองน่าจะได้ผลเร็วกว่า ถ้าข้าวปลูกออกมามากจนล้นตลาด จัดเทศกาล"เผาข้าว" ก็ได้ครับ ทำเป็น ราคาจะขึ้นเองครับ(เหมือนเทศกาลปามะเขือเทศ) จากคุณ : powerconduit - [ 27 ม.ค. 52 12:13:03 ]

ความคิดเห็นที่ 21 #19 ครับ เวลาปิดถนน มันมีแบคอัพครับ ชาวไร่ ชาวนาธรรมดา อยู่ดีๆเค้าไม่มาปิดหรอกครับ อย่างรถสิบล้อเป็นของพ่อค้าซะมากกว่า จากคุณ : คุณริค - [ 27 ม.ค. 52 12:34:36 A:192.168.0.17 X:192.168.9.187, 119.42.76.42 TicketID:196013 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ทุกอาชีพ มีทั้งรวยและจน เรามองว่าเค้าจน คนข้างบ้านรู้ว่าเขารวย เราว่าเขารวย แต่เค้าคิดว่ายังจนอยู่ จากคุณ : ความรวยคืออะไร - [ 27 ม.ค. 52 12:41:01 A:58.9.32.94 X: TicketID:201746 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการครับ การทำนา ก็คือ การลงทุนอย่างหนึ่ง ผมเคยเห็นชาวนาบางคนก็รวยนะ และบางคนก็รวยมากๆ แต่ส่วนใหญ่ที่เจอก็ถือว่าไม่รวย คือมีเงินเก็บซักหลักหมื่น ถึง หลักแสน (ถือว่าไม่รวยนะ) แต่ก็มีข้าวกิน.....มีความสุข จากคุณ : O-DED - [ 27 ม.ค. 52 12:44:30 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คนไทยหกสิบกว่าล้าน ทำนากันเป็นจริงๆมีสักกี่คน คนจำนวนน้อยๆ ทำงานได้ผลผลิตมหาศาล ทำไมถึงจนครับ ไม่เข้าใจ =========================================== ประโยคนี้ผิดครับ เพราะความจริงแล้ว แตราส่วนแรงานในประเทศคือ ภาคอุตสาหกรรม 20% ภาคบริการและท่องเที่ยว 20% ภาคเกษตร 60% แสดงว่า คนส่วนใหญ่ในประเทศเกี่ยวข้องกับการเกษตรครับ ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายถึงข้าวอย่างเดียว แต่รวมถึงพืชทุกชนิด และการเลี้ยงสัตว์ด้วย แต่เมื่อพิจารณารายได้แล้ว พบว่ามาจาก ภาคอุตสาหกรรม 50% ภาคบริการและท่องเที่ยว 30% ภาคเกษตร 20% หมายความว่า แรงานภาคอุตสาหกรรม 20% ทำรายได้เข้าประเทศ 50% แต่แรงงานภาคเกษตร 60% ดันทำรายได้เข้าประเทศ 20% หรือพูดได้อีกนัยหนึ่งว่า แรงงานภาคอุตสาหกรรม หารายได้เข้าประเทศมากกว่าภาคเกษตรถึง 7.5 เท่า ?? จากคุณ : ...... - [ 27 ม.ค. 52 12:54:50 A:58.8.177.133 X: TicketID:197229 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ powerconduit ที่บอกว่า บางครั้ง การนำคนที่มองจากอีกมุมหนึ่ง ไปมองปัญหา มันก็ได้ผลเช่นกัน นั้นคือบางครั้ง ไม่ใช่เหรอครับ แต่สิ่งที่คนที่มองจากอีกมุมหนึ่งควรจะมองเห็นคือ รากเหง้าของปัญหา ครับ ผมก็เคยเป็นคนมองจากอีกมุมหนึ่ง อย่างที่หลายๆคนในนี้ตอบ เคยบอกว่า ปัญหามันอยู่ที่ ชาวนาโง่ ไม่มีการศึกษา ไม่มีการจัดการ แต่จริงๆมันไม่ใช่ ไม่ใช่เลย ผมมมั่นใจเพราะผมก็เรียนจบมาเหมือนใครๆ การบริหารจัดการก็เรียนมาครับ แต่ผมไม่เห็นเลยว่าสิ่งทำเรียนมามันจะทำการทำนาจะดีขึ้นซักเท่าไร ปล. เรื่องสถิติน่ะ คุณคิดว่าคนที่ทำนามาเป็นสิบๆปี เขาจะไม่มีสถิติเหรอ เพียงแต่หลายสิ่งในการทำนา มันไม่อาจหยั่งรู้ได้ครับ แล้วยิ่งสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปทุกวันนี้ อย่างเช่น จากเคยน้ำไม่เคยท่วมที่นาตรงนี้ ปีนี้ท่วมหมดเลย จะคาดคะเนอย่างไรครับ กรมอุตุวิทยาไทยเหรอครับ ความแม่นยำเชื่อถือได้มากแค่ไหนครับ แล้วที่บอกให้ปามะเขือ ให้เผาข้าว ชาวนาส่วนใหญ่ของไทย มีทุนทรัพย์พอจะทำเหรอครับ คำถามอีกข้อ ที่บอกว่าชาวนารวยหรือพอมีเก็บเนี่ย มีที่นาที่ไหน มีกี่ไร่ อยากได้เป็นความรู้ จากคุณ : รักหวานในวันวาน - [ 27 ม.ค. 52 13:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ประเด็นผม ผลผลิตข้าวไทยต่ำที่สุดในโลก ไทยเป็นเมือง “อู่ข้าวอู่น้ำ” มีความอุดมสมบูรณ์มาแต่โบราณ และเป็นแหล่งที่มีพัฒนาการเทคนิคการปลูกข้าว มีพันธุ์ข้าวที่ดี มาตั้งแต่โบราณกาล ปัจจุบันไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ตัวเลขในปี พ.ศ 2545 ไทยส่งออกข้าวถึง 7,337,561 ตัน สูงกว่าประเทศอันดับสองได้แก่อินเดีย ถึงสองล้านสองแสนกว่าตัน เกษตรกรผู้ปลูกข้าวของไทย น่าจะมีฐานะเศรษฐกิจที่ดี เพราะผลผลิตข้าวที่ส่งออก มีมูลค่าถึง 70,795 ล้านบาท แต่เราก็ซาบซึ้งกันดีว่า ชาวนาไทยยากจนลงทุกวัน ! ภาพองค์รวมของปริมาณข้าวที่ส่งออกนั้น ดูดี แต่ตัวเลขสถิติผลผลิตต่อไร่ของการปลูกข้าวในประเทศไทยนั้น เห็นแล้วน่าเอนจอยอนาถยิ่งนัก จากตัวเลขผลผลิตข้าวต่อไร่ ในรอบสามปี(พ.ศ. 2542-2544) ค่าเฉลี่ยผลผลิตต่อไร่ของประเทศไทยอยู่ต่ำที่สุดในโลก ผลผลิตข้าวต่อไร่เฉลี่ยสามปีของประเทศอื่นๆ มีดังนี้ ญี่ปุ่น 1,054 กก. จีน 1,011 กก. อินโดนีเซีย 687 กก. เวียดนาม 672 กก. พม่า 522 กก. บังกลาเทศ 517 กก. บราซิล 498 กก. อินเดีย 418 กก. ผลผลิตต่อไร่ของไทยได้แค่ 409 /ไร่ เท่านั้น ต่ำกว่าผลผลิตโดยเฉลี่ยของประเทศอื่นๆ (นอกเหนือจากประเทศข้างต้น)ซึ่งอยู่ที่ 531 กก./ไร่ เสียอีก เรื่องนี้ทางราชการเองรู้ดี เพราะตัวเลขเหล่านี้เราก็ได้มาจากหน่วยราชการ แต่ทางราชการอาจะมองว่า ปัญหาสำคัญที่ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตข้าวของชาวนาไทย ต่ำที่สุดในโลก เพราะการทำนาของไทยยังอาศัยธรรมชาติอยู่มาก พื้นที่ที่ได้รับน้ำชลประทาน มีเพียงร้อยละ 54.6 ของเนื้อที่ทำนาทั้งหมดเท่านั้น แต่เราเห็นว่า สาเหตุสำคัญมาจากการทำนาแล้วขาดทุน ทุกวันนี้คนชนบทส่วนใหญ่ทำนาเพื่อให้มีข้าวไว้กินส่วนหนึ่งหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มุ่งขยายเพิ่มพูนผลผลิต(ซึ่งต้องลงทุนและทุ่มเทแรง) เนื่องจาก “ราคาข้าวเปลือกที่ชาวนาขายได้ ไม่เป็นสิ่งจูงใจให้ชาวนาลงทุนและทุ่มเทดูแลรักษา” ตลอดมารัฐบาลทั้งหลายทั้งปวง ฝ่าด้านปฏิรูปการค้าข้าวไม่ได้เลย บทบรรณาธิการ โดย สยามรัฐ วันที่ 14 พ.ค. 47 ชาวนาไม่อยากผลิตมาเยอะเดี๋ยวราคาตกต่ำอีกเลยปล่อยตามมีตามเกิดหรือเปล่า จากคุณ : Chaos dragon - [ 27 ม.ค. 52 13:17:48 ]

ความคิดเห็นที่ 27 "ทำไมชาวนาบ้านเราถึงจน" ที่ชาวนาจนเป็นเพราะไม่อาจกำหนดราคาข้าวได้ครับ ผู้ซื้อบอกเท่าไหร่ก็ขายเท่านั้น หากดึงดันที่จะขายราคาแพง ผู้ซื้อก็จะหันไปซื้อรายอื่น เพราะมีอีกหลายประเทศที่ผลิตข้าวได้ ราคาข้าวจึงถูกกดให้ต่ำใกล้เคียงกับราคาทุนครับ ต่างจากสินค้าอื่น เช่น ยารักษาโรค อาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องจักกล หรือสินที่จดลิขสิทธิ์อื่นๆ  สินค้าเหล่านี้ผู้ขายจะกำหนดราคาเองครับ เขาจะกำหนดให้สูงจนผู้คนแทบจะซื้อไม่ไหว ต้นทุนการผลิตไม่มาก แต่เรียกขายราคาซะสูงลิ่ว อย่างเช่นยารักษาโรคร้ายจะแพงมาก เหล่านี้ครับ จากคุณ : บุญถิ่น - [ 27 ม.ค. 52 13:34:13 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าทำเกษตรผสมผสานแบบที่พ่อหลวงบอกไว้กันทั้งหมด ชาวนาจะรวยขึ้นครับ - เพราะพื้นที่ปลูกข้าวลดลง ข้าวในตลาดมีน้อยลง ราคาก็แพงขึ้น(เราต้องยอมเสียแชมป์ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ไปบ้าง ช่างมัน) - เวลาที่สินค้าเกษตรตัวไหนได้ราคา การทำผสมผสานก็จะสามารถเวียนเอาสินค้านั้นไปขายได้ - ผสมผสานครบวงจร มีของทุกอย่างเกือบครบบริบูรณ์ พึ่งพาเงินทองน้อย เงินที่ได้มาใช้ไม่มากแต่เหลือเก็บมาก ไม่นานก็รวย ดังนั้น  เมื่อรวมกับการจัดการรายได้ที่ถูกต้อง ถูกวิธี ไม่นานก็พ้นความยากจนได้แล้ว พ่อหลวงท่านขายความคิดนี้มานาน เกษตรกรตัวอย่างที่นำไปใช้ก็มีให้เห็น ถ้าชาวนาทั้งประเทศทำตามอย่างนี้หมด ผมว่า ชาวนาไม่จนแน่นอนครับ ไม่ว่าข้าวของจะแพงเท่าใด ชาวนาก็ไม่เดือดร้อน มีกินมีใช้มีเก็บสบายๆ แต่ชาวกรุงกินเงินเดือนต่างหาก ที่ของแพงไม่สัมพันธ์กับเงินเดือน จะต้องเดือดร้อนสาหัส จะไปทำนาปลูกพืชก็ทำไม่เป็น ไม่เคยทำ ไม่แข็งแรงพอจะทำ จากคุณ : NATSKI13 - [ 27 ม.ค. 52 13:59:05 ]

ความคิดเห็นที่ 29 . . . พ่อค้าคนกลาง . . . จากคุณ : เลียนแบบคนที่คุณก็รู้ว่าใคร (หน้าบ่าแดง แฮงบ่ามี) - [ 27 ม.ค. 52 14:01:43 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ตัวอย่าง http://203.154.183.18/ewt/cadweb_org/ewt_news.php?nid=502 http://hiptv.mcot.net/player/hipPlayer.php?SelectSpeed=256k&id=9226 รวยก็มี จนก็เยอะ สุขก็มี ทุกข์ระทมก็เยอะ ทำตัวเองทั้งนั้นครับ ทางออกคือ ดำเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงครับ มีโมเดลอยู่ทั่วประเทศเป็นร้อยๆที่ จากคุณ : AnotherPractitioner - [ 27 ม.ค. 52 14:03:00 ]

ความคิดเห็นที่ 31 โรงสี พ่อค้าคนกลาง บ.ขายปุ๋ยสารเคมีฯ ข้าราชการและนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับชาวนา มีส่วนทำให้ชาวนาจนครับ จากคุณ : T7Promoter - [ 27 ม.ค. 52 14:03:29 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ข้าวหอมมะลิ ชาวนาขายให้กับพ่อค้าคนกลาง ตันละ 12000 บาท(โลละ 12 บาท) แต่มาขายให้ชาวบ้าน โลละ 38 - 42 บาท .... ส่วนต่างหายไปไหน...? แค่นี้ไม่ยากหรอกครับ จะแก้ปัญหาชาวนา มองเห็นแล้วนี่ ว่า เงินมันไปกองอยู่ตรงไหนของระบบการค้าข้าวของประเทศ กลุ่ม ข้าราชการ นายทุน นักธุรกิจ นักการเมืองท้องถิ่น ที่มีอำนาจสูง สามารถกดดันราคาข้าวกับชาวนาได้โดยตรง และ โดยอ้อมครับ..... ผมจะยกตัวอย่างให้ฟัง......   พ่อตาผมเอง เป็นชาวนา ทำนามา 50 ปีแล้วครับ..... ถ้าเกี่ยวข้าวมาได้ คุณต้องขายให้กับโรงสี "แห่งหนึ่ง" ในตัวอำเภอ เท่านั้น..ไปขายให้ที่อื่นๆไม่ได้ ถ้าไม่เชื่อไปขาย ก็จะโดนกดดัน ทั้งด้านระบบส่งน้ำ,ปุ๋ย,เครื่องจักรเกี่ยวข้าว พูดง่ายๆว่าจะโดน แบล๊คลิสต์ นั่นแหละ ไปขอซื้อปุ๋ยใครก็ไม่ขายให้ ไปเช่ารถไถก็ไม่มีใครให้เช่า  ระบบน้ำ ก็โดนจำกัดปริมาณน้ำ  ทำไงล่ะ ? ในแต่ละหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านจะเป็นคนจัดการหัวคิว เรื่องเก็บเกี่ยวข้าว ว่าบ้านไหน ได้กี่ถัง กี่เกวียน แล้วจะมีรถขนข้าวจากโรงสี มาขนให้ถึงหน้าบ้าน ชั่งน้ำหนักข้าวเปลือก หักค่าสีไป เหลือเงินได้เข้ามาจริงๆ ไม่ใช่ตันละ 12000 นะครับ ได้มาจริงๆ เหลือไม่ถึง 6 - 7 พันบาทเท่านั้น เพราะนอกจากค่าสีข้าวแล้ว ค่าปุ๋ย ค่าใช้จ่ายต่างๆ จะมาโดนหักตอนเก็บขายนี่แหละ..... ทำนา 10 ไร่ได้ข้าวเปลือก 5 เกวียน ขายได้เกวียนละ  6 พัน สรุป ได้เงินเข้ามาปีละ 3 หมื่นบาท.........เพราะโดนหักค่าโน่นนี่ไปหมด.... พอเงินไม่พอจ่าย ก็ต้องบากหน้าไปกู้เงินกับ ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ต้องเอา ที่นาไปจำนอง หรือ ประกันไว้ พอไม่มีเงินคืน ก็โดนยึดที่ดิน กลายเป็นคนไร้ที่ดิน ต้องเร่ร่อน เป็นขอทานในเมือง อย่างที่เราเห็นกัน ไปดูได้....... ที่นา ของชาวนา ส่วนใหญ่ จะเป็นของ นักการเมือง , นายทุน , ข้าราชการในพื้นที่ ซะทั้งนั้น..... ไม่ต้องเอา ระบบการบริหารงาน หรือ การจัดการเลิศหรูอะไรมาปรับปรุงหรอกครับ ..... เอาแค่ จัดการเรื่อง ราคาขายข้าว กับ อำนาจมืด ในพื้นที่ให้ได้ก่อนดีกว่า.... แต่ รัฐบาล ไม่ค่อยอยากไปยุ่ง เพราะมันเป็น อู่ข้าวอู่น้ำ ของ ข้าราชการ และนักการเมือง.... มีแค่บาง รัฐบาล ที่ยื่นมือเข้าไปช่วยโดยตรง หาแหล่งเงินกู้ให้ชาวนาโดยตรง ประกันราคาข้าว พักหนี้เกษตรกร โครงการเพิ่มผลผลิต โครงการสร้างอาชีพหลังจากเก็บเกี่ยว...............แต่ผลที่ได้ กลายเป็น อะไรสักอย่าง... ที่ กลุ่ม ข้าราชการ คนรวยในพื้นที่  ไม่ปลื้ม...แต่ชาวนา ปลื้ม อ้อ..อีกอย่าง ชาวนา เกษตรกร สมัยก่อนโน้น เจ็บป่วยบ่อย(เพราะทำงานหนัก ไม่ได้นั่งโต๊ะในห้องแอร์เหมือนพวกเรานะครับ)  ไม่มีเงินไปรักษาตัว ต้องไปกู้เงินมารักษาตัว เป็นหนี้กันหัวบาน บางคนเดินไปไร่ ปีนไปตัดกิ่งไม้มาทำฟืน ตกลงมาขาหัก ใช้เงินรักษา 1 - 2 พัน ก้ไม่มีแล้ว จะเอาเงินมาจากไหน  ต้องไปกู้มา....ถ้าไม่มีเงินรักษา บางคนก็กลายเป็นคนพิการขาเป๋ไปซะงั้น.....ถ้ากู้เงิน รักษาหาย แต่ก็เป็นหนี้ ดอกร้อยละ 20 กู้มา 2 พัน 1 เดือน กลายเป็น 2400 แล้ว.... แต่พอมี บัตรทอง มา เงินกู้ที่จะไปรักษาตัว ก็ลดลงอย่างน่าใจหาย......เจ้าพ่อเจ้าแม่ ไม่ปลื้ม...... ถ้าคุณอยู่ ตจว. ถ้าเอาอาชีพที่รวยเร็วที่สุด แนะนำ ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ครับ....รวยเร็วมาก...แค่ปีสองปี ก็มีเงินเป็นล้านแล้ว....มีที่ยึดมาเป็นร้อยๆไร่ แล้วก็เอาที่ยึดนั่นแหละ มาปล่อยให้เจ้าของเดิม เช่าทำนาต่อไป โอ้ว.....มีแต่ได้ กับได้....... สุดท้าย ก็เป็นอย่างที่เห็น ใครอยากจะไปช่วยชาวนา ....ตายทุกคน......ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปก็ดีเหมือนกัน ชาวนา ก็เป็นชาวนาไป คนชั้นกลาง ทำงานกินเดือน ก็กินไป จบ........ประเทศนี้ ชอบแบบนี้นี่........ จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 27 ม.ค. 52 14:27:33 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เหอะๆ จากคุณ : oppertunity - [ 27 ม.ค. 52 14:28:22 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คห. 28 ทฤษฏี กับ ปฏิบัติ มันคนละเรื่องเดียวกันนะครับ...... ผมขี้เกียจพูดมาก................บางเรื่อง พูดไม่ได้........ เสียงจากพื้นที่จริง ที่ได้รับรู้มา.... กับ ทฤษฏีบนหน้ากระดาษ มัน ไม่ เหมือน กัน  ครับ.......บอกแค่นี้แล้วกัน....... บางทีเหมือนได้ดู โฆษณา โอเลย์ ที่ทาแล้วผิวขาวดุจไข่มุก ......แล้วคุณคิดว่า คนใต้ตัวดำๆ ทาครีมนี่ แล้วจะขาวเหมือนในโฆษณา หรือเปล่าล่ะครับ ?...........ถ้าคุณเชื่อโฆษณา ไปซื้อมาทา ก็แปลว่า โฆษณานั้น ได้ผล...... เหมือน เครื่องดื่ม ซุปไก่สกัด โฆษณา ซะ เลิศหรู ว่ากินแล้ว ดีแบบนั้น ดีแบบนี้....มีผลการรับรองจาก คิงคองเหล็กด้วย........ คนกลุ่มหนึ่ง เชื่อ โดยไม่วิเคราะห์ ไตร่ตรอง หาเหตุผลก่อน รีบไปซื้อมากินทันที และ เชื่อด้วยว่า ดีจริงๆ  แค่ ฟัง และ ดู ก็เชื่อซะแล้ว..? คนกลุ่มหนึ่ง ยังไม่เชื่อ พยายามหาข้อมูล หาเหตุผล ตรวจสอบข้อเท็จจริง สุดท้าย ก็มองเห็น ความจริง ที่ซ่อนอยู่ ว่ามัน "โฆษณาเกินจริง" เพราะคุณค่า มันต่ำกว่า ไข่ไก่ หรือ กล้วย 1 ลูกเสียอีก....... ศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้า สอนหลัก กาลามสูตร ไว้.......ถือว่าเป็นประโยชน์ในการพัฒนาตนเอง และ สังคมมาก...... เพราะ สอนให้สงสัยไว้ก่อนที่จะเชื่อ แล้ว จากความสงสัยนั้น จะทำใ้ห้เกิดปัญญา ขึ้นมา ถ้าใครไม่ชอบ สงสัย ก็คงไม่ชอบใช้ปัญญาเช่นกัน...... ยกตัวอย่างแค่นี้แล้วกัน เสียว....... จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 27 ม.ค. 52 14:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอโทษนะ ผมไม่เคยทำนา ไม่มีที่นาให้เช่า แต่ขอแสดงความเห็นบ้าง ราคาข้าวผันผวน ---> ใช้กลไกซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ฝนแล้ง น้ำท่วม ---> พัฒนาระบบชลประทาน ปุ๋ย ยาฆ่าแมลงราคาแพง ---> กำหนดเป็นสินค้าควบคุม ใช้พันธุ์ข้าวให้เหมาะกับพื้นที่ --> กระทรวงเกษตร ค่าจ้างแรงงาน --> ที่นาขนาดเล็กพอทำเองได้ นาที่ใหญ่ใช้คนมาก พัฒนาเทคนิกในการปลูกข้าว ---> เงินทุน ความรู้ ศูนย์สาธิต ฝึกอบรม มีพอหรือยัง ชาวบ้านบางส่วนเน้นปลูกข้าวเอาไว้กินเอง ถ้าเหลือถึงขาย ไม่อยากลงทุนทำนาเชิงพาณิชย์ ผลผลิตก็เลยต่ำ แล้วทำแบบนี้จัดเป็นเศรษฐกิจพอเพียงหรือเปล่า จากคุณ : jaycee - [ 27 ม.ค. 52 14:41:21 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ความคิดเห็นที่ 34   ผู้รู้จริง ตามทฤษฏีต้องการที่ดิน 15 ไร่ครับ   (เกษตรกรบ้านเราถือครองที่ดินไม่ถึงครับ มี 5 ไร่ก็เก่งแล้ว) ที่ดินที่ทำแบบนั้นได้ ระบบชลประทานต้องถึงครับ (พื้นที่เหมาะสมกับทำการเกษตร) ตามสัดส่วนพื้นที่ในประเทศ พื้นที่ที่ดีแบบนั้น ไม่ได้มีเยอะ (ลองหาตัวเลขดู  ผมเคยอ่านผ่าน ๆ) ที่น่าห่วงก็คือ พื้นที่ ที่เหมาะกับการเพาะปลูกแถบภาคกลาง จะกลายเป็นพื้นที่อยู่อาศัยนี่สิครับ ที่น่าห่วง จากคุณ : หนอนบุ้ง (หนอนบุ้ง) - [ 27 ม.ค. 52 15:13:08 ]

ความคิดเห็นที่ 37 แว้บเข้ามาดู หลายคนเลยเถิดไปไกล ถึงขนาดบางคนบอกชาวนาโง่ การศึกษาต่ำ ต้องจบ MBA หรือไงครับถึงจะทำนาเจริญ พวกคนกรุงทำงานออฟฟิซก็คิดกันแต่อย่างนี้หรือไงครับ จริงอยู่ชาวนาส่วนใหญ่หลายคนเรียนน้อย แต่ไม่ได้แปลว่าโง่ ความรู้เรื่องการเกษตร เรื่องปุ๋ยเรื่องดิน เรื่องพืชพันธุ์ เขาก็มี ไม่ได้คิดขึ้นเองด้วย มีหลักการ ถูกต้องตามตำราเหมือนกัน แล้วเดี๋ยวนี้เกษตรกรจบ ป.ตรีเยอะแยะนะครับ เพื่อนผมหลายคนก็จบป.ตรี จบโทกันทั้งนั้น ทั้งทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งอุตสาหกรรมเกษตร ทั้งจักรกลเกษตร กลับไปทำต่อที่บ้าน แต่มันก็ไม่ไหวจริงๆครับ มันช่วยได้นิดหน่อยในเรื่องการวางแผน การควบคุมคุณภาพ แต่สุดท้ายผลผลิตราคาต่ำเตี้ยติดดินมากครับ แต่เราคนซื้อข้าวหุงกินเรากลับคิดว่าข้าวแพง ส่วนต่างตรงนี้ครับที่ผมมาตั้งกระทู้ถาม ว่าเราพอจะมีไอเดียอะไรช่วยกันระดมสมองเสนอแนวคิดแก้ปัญหาหน่อย จากคุณ : Ricardo Kaka - [ 27 ม.ค. 52 15:20:53 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ซื้อมากกว่าขาย จากคุณ : ordina - [ 27 ม.ค. 52 15:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เกษตรผสมผสาน อะไรนั่นไม่ทำให้รวยขึ้นแน่นอนครับ อาจจะทำให้อยู่ที่เดิม หรือพออยู่ได้ แค่นั้นเอง เพิ่งนึกได้อีกประเด็นนึง ที่ทำให้เกษตรกรจน นักธุรกิจครับ พวกบริษัทขายสารเคมี ประเทศไทยมีหลายร้อยบริษัทเลยครับ ทั้งเล็กทั้งใหญ่ พวกนี้มีผลมาก พวกบริษัทที่ขาย ปุ๋ย พวกเครื่องจักกลการเกษตร อะไรเทือกนี้ มีผลมาก อย่างที่บ้านผมมีทั้งไซโล แล้วก็ร้านขายยา (สารเคมี ปุ๋ย) แค่ร้านขายยาเล็กๆของผมปีๆนึงเงินหมุนเวียนก็หลายสิบล้านแล้ว แล้วประเทศไทยมีกี่ร้านคิดดูแล้วกัน ต้นทุนมันสูง จากคุณ : คุณริค - [ 27 ม.ค. 52 15:36:32 A:192.168.9.187 X:119.42.76.42 TicketID:196013 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อกี้กดผิด - -" ..................................... เกษตรผสมผสาน อะไรนั่นไม่ทำให้รวยขึ้นแน่นอนครับ อาจจะทำให้อยู่ที่เดิม หรือพออยู่ได้ แค่นั้นเอง เพิ่งนึกได้อีกประเด็นนึง ที่ทำให้เกษตรกรจน นักธุรกิจครับ พวกบริษัทขายสารเคมี ประเทศไทยมีหลายร้อยบริษัทเลยครับ ทั้งเล็กทั้งใหญ่ พวกนี้มีผลมาก พวกบริษัทที่ขาย ปุ๋ย พวกเครื่องจักกลการเกษตร อะไรเทือกนี้ มีผลมาก อย่างที่บ้านผมมีทั้งไซโล แล้วก็ร้านขายยา (สารเคมี ปุ๋ย) แค่ร้านขายยาเล็กๆของผมปีๆนึงเงินหมุนเวียนก็หลายสิบล้านแล้ว แล้วประเทศไทยมีกี่ร้านคิดดูแล้วกัน ต้นทุนของเกษตรมันสูงเกิน แล้วอีกอย่างวิถีชีวิตมันเปลี่ยนไปครับ ต้องทำอะไรเร็วๆ อย่างให้มาลงแขกเกี่ยวข้าวแบบเมื่อก่อนมันไม่ได้แล้วครับ รถเกี่ยวอย่างเดียว ทุกอย่างอ่ะครับ แล้วที่ผมบอกว่าการศึกษา นี่ไม่ได้หมายความว่าคนทำไร่ ทำนา ต้องจบปริญาตรี โทเอก อะรแบบนั้น คนที่คิดแบบนี้ก็ติดในกรอบจริงๆเชียว เกษตรกรต้องยอมรับเอาวิทยาศาสตร์มาช่วยในการผลิตครับ พวกเรื่องดินอะไรพวกเนี้ย ที่เมืองไทยก็มีหลายๆที่ ที่พวกนักวิชาการเกษตรเค้าไปส่งเสริม แต่มันยังไม่ทั่วถึงแค่นั้น ต้องรู้จักวางแผนการเพาะปลูกจริงอยู่ที่เราไม่คาดเดาสภาพอากาศได้ การวางแผนในที่นี้คือ ต้องคิดล่วงหน้าว่าเราจะปลูกอะไรในพื้นที่นี้ พืชชนิดนี้เหมาะกับดิน อากาศแบบเรารึเปล่า ประมาณนี้ ไม่ใช่เห็นมันราคาสูงก็แห่ไปปลูกมันกันหมด อะไรพวกนี้ ซึ่งตรงนี้ รัฐต้องมันจัดการ จัดโซนนิ่งอะไรก็ว่าไป รัฐต้องเข้ามาควบคุม เกษตรกรก็ต้องคิดด้วย อ้อ... ผมไม่ได้ทำงานออฟฟิสในกรุงเทพนะครับ ผมคนบ้านนอก ตลอดชีวิตผมอยู่กับเกษตรมาตลอด เมื่อก่อนผมก็เป็นเกษตรกร แต่เดี๋ยวนี้มาเป็นพ่อค้าพืชไร่ เปิดร้านขายยา แล้วครับ ผมกำลังคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเกษตรกรต้องลดใช้สารเคมีให้ได้มากที่สุด เพราะอ้ตรงนี้เป็นปัญหาที่ทำให้เราส่งออกไม่ค่อยได้ เออ..แต่ถ้าคนมาใช้ชีวภาพหมดผมจะทำอะไรกินล่ะเนี่ย ปล. เบื่อจริงๆที่คนข้างนอกเอาแต่ต่อว่าพ่อค้าคนกลาง อยากจะบอกว่าไม่ใช่พ่อค้าหรอกที่เป็นปัญหา จริงๆนะครับ จากคุณ : คุณริค - [ 27 ม.ค. 52 15:50:58 A:192.168.9.187 X:119.42.76.42 TicketID:196013 ]

ความคิดเห็นที่ 41 #34 ผมหมายถึงการพึ่งพาตนเองให้มากเข้าไว้น่ะครับ ผมเคยไปช่วยน้าชาย รับซื้อข้าวจากชาวนา (นั่งเป็นเสมียนที่ท่าข้าว) ชาวนาทั่วๆไป ก็มักจะเป็นแบบที่ทุกท่านว่ามาละครับ จัดการเงินทองไม่เก่ง ถ้าขายข้าวได้เงิน หลักจากหักหนี้แล้ว ก็มักจะเอาไปซื้อเหล้ามากินกันก่อนเลย บางรายเมาแอ๋มาพร้อมกับรถบรรทุกข้าวเปลือกที่เพิ่งเกี่ยว ยังไม่ทันขายข้าวได้เงิน ก็ไป "เชื่อ" สินค้า ซื้อเหล้ายามากินกันสนุกสนาน พอมาถึงท่าข้าว พ่อค้าไม่ให้ราคาตามที่คิด ติว่าข้าวชื้น ข้าวเขียว เกี่ยวก่อนกำหนด ฯลฯ สารพัดที่จะอ้าง เหตุผลเยอะที่ทำไมชาวนาถึงจน แต่ผมก็เชื่อว่าเกษตรผสมผสานช่วยได้นะ อย่างน้อย คันนาที่ว่างเปล่า ถ้าปลูกไม้ผลแซมไปเป็นแนว  มันก็ช่วยเพิ่มรายได้ ผมเห็นที่ อ.สองพี่น้อง บางคนปลูกมะพร้าวแซมไปเป็นทิวแถวก็มี ถ้าจัดการต้นทุนให้น้อยลง จัดสรรทรัพยากรพื้นดินให้คุ้มค่า ถึงไม่รวย แต่ก็ไม่ลำบากแน่นอนครับ จากคุณ : NATSKI13 - [ 27 ม.ค. 52 16:11:59 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ^ | #41 ตัวอย่างเกษตรผสมผสานที่สามารถทำรายได้หลายแสนบาทต่อเดือนด้วยพื้นที่เพียง 17 ไร่ มีในรายการแผ่นดินไทยฯ ทางไทยทีวี ตอน ลุงนิลคนของความสุข ครับ แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงจะมีประสิทธิผลเมื่อผู้ปฏิบัติมี สัมมาทิฎฐิ ก่อนครับ นอกเหนือจากนั้นอย่าพูดถึงเลย พอเพียงคือ ขาดต้องขนขวายหามาเติม มากไปก็แบ่งปันคนอื่นบ้าง ไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม อยู่ในทางสายกลาง ที่สำคัญต้องสร้างเกราะป้องกันภูมิคุ้มกันตัวเองด้วยว่าถ้าเจอเคสที่โหดสุดๆจะเอาตัวรอดอย่างไร เป็นการใช้ชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท มันประยุกต์ใช้ได้กับการดำรงชีพทุกรูปแบบ ถ้าต่างจากนี้ก็ตีความกันผิดแล้วแหละครับ เห็นข้าราชการจังหวัดหนึ่ง บอกจะไปถ่ายทอดความรู้เศรษฐกิจพอเพียงให้ชาวบ้าน พี่แกทำกระถางพลาสติกแจกครัวเรือนละ 2-3 อัน ไว้ปลูกผักกิน นี่แหละพอเพียง อีกจ้าวนึงบอกว่า ต้องทำตัวให้ดูจนๆเข้าไว้ถึงเรียกว่าพอเพียง ทำๆอยู่ถ้ามันจะรวยให้หยุด มันมีประเภทนี้มาให้เห็นตลอด ถ้าพูดถึงเศรษฐกิจพอเพียง งง ถ้าเป็นชาวกรุงไม่เคยสัมผัสการดำเนินชีวิตแบบชาวบ้านลองดูรายการปราชญ์เดินดิน จะรู้พฤติกรรมของชาวบ้านมากขึ้น แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 52 16:18:32 จากคุณ : AnotherPractitioner - [ 27 ม.ค. 52 16:15:17 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ตัว จขกท เองก็รู้หนึ่งในเหตุผลนี้ ว่าทำไมชาวนาส่วนใหญ่ถึงจน ส่วนความเห็นเรื่อง ผลผลิตราคาต่ำเตี้ยติดดินมาก ตามความเห็น 35 เรื่องตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าก็เป็นหนทางที่น่าสนใจ เพียงแต่ไม่อยู่ในความสามารถของเกษตรกรแน่นอน และ น่าแปลกที่ข้าวไม่อยู่ในสินค้าเกษตรล่วงหน้า ทำไมหว่า เรื่องการวางแผนการเพาะปลูก ตรงนี้เกษตรอำเภอก้อมาให้ความรู้แก่ท้องถิ่นอยู่ว่าปลูกอะไรได้บ้าง ตัวอย่างก็การปลูกยางพาราในอีสานครับ เรื่องวิทยาศาสตร์การเกษตร ถ้าคุณทำให้ชาวนายอมรับ ทำให้เขาเห็นผลได้จริง ทำไมเขาจะไม่ยอมรับล่ะครับ เพียงแต่ไม่ค่อยมีภาครัฐลงมาส่งเสริมตรงนี้กันเท่าไร เป็นแต่หย่อมๆ คห 41 เรื่องกินเหล้าเมาแอ๋ อยากจะถามว่าแล้วมันต่างกับมนุษย์เงินเดือนยังไงเหรอครับ ก็เห็นเงินเดือนออกก็ไปเมากันทั้งนั้น ถ้าเมาเป็นประจำทุกวันมันก็คงน่าเคือง แต่เขาเมาก็กินแต่เหล้าขาว ไม่ได้ไปเปิดแบล๊คกินซะหน่อย ถูกกว่าเยอะ ส่วนเรื่องหนี้สิน เวลาได้เงินมาเกษตรกรก็เอาจ่ายหนี้ธกส แล้วก็กู้เงินใหม่ แล้วก็เอามาจ่ายเจ้าหนี้นอกระบบ เป็นวงจรอย่างนี้เรื่อยไป แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 52 16:38:49 จากคุณ : รักหวานในวันวาน - [ 27 ม.ค. 52 16:28:49 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขายของได้เอาไปซื้อเหล้า ใช้หนี ผมว่าดีออก มันช่วยหมุนเวียนเงินในท้องถิ่น จากคุณ : คุณริค - [ 27 ม.ค. 52 16:50:37 A:192.168.9.187 X:119.42.76.42 TicketID:196013 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เรื่องใช้หนี้บ้านผมมันเป็นแบบนี้ เปิดฤดูกาลก็มาเอาเงิน เอาพันธุ์ เอายา เอาปุ๋ยที่เถ้าแก่ กู้เงินเถ้าแก่ไปจ่ายหนี้เงินล้าน ขายของได้โดนเถ้าแก่หักหนี้ เหลือเอาไปจ่าย ธกส ถ้าแก่น่าเห็นใจนะครับ อิอิ ลูกป่วยก็มาหาเถ้าแก่ ออกรถก็มาหาเถ้าแก่ ลูกเปิดเทอมก็มาหาเถ้าแก่ ตำรวจจับก็มาหาเถ้าแก่ แต่งงานก็มาหาเถเก่ ปลูกบ้านก็มาหาเถ้าแก่ แต่พอได้ผลผลิต มันไม่ยอมมาหาเถ้าแก่ซะนี่ เอาไปขายที่อื่นหมด ^^ จากคุณ : คุณริค - [ 27 ม.ค. 52 16:55:27 A:192.168.9.187 X:119.42.76.42 TicketID:196013 ]

ความคิดเห็นที่ 46 สาเหตุที่สำคัญมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อีกอันที่ไม่ค่อยมีใครนึกถึง คือ ลูก ครับ พวกเด็กแว้นซ์ทั้งหลายนั่นแหละ เรื่องเงินกำไรจากการทำนา ปกติอยู่ต่างจังหวัด พอกินอยู่แล้วครับ แต่ที่จน มีหนี้สิน เพราะต้องกู้ ครับ แล้วส่วนมาก เรื่องที่กู้ มาจากพวกนี้ทั้งนั้น 1. ลูกกินเหล้า เที่ยว ไม่ทำงาน ไม่เรียน วันๆเอาแต่แบบมือขอตั้ง ไม่ให้มันก็ขโมย ดีไม่ดีอยากได้มอเตอร์ไซค์อีก ได้มาแล้วยังไม่พอ ต้องแต่งรถอีกนะ แต่งเสร็จ แข่งเอาเงินกันอีก คราวนี้ถ้าเสีย จะเอาเงินไหนมาเสียล่ะ นอกจากขอพ่อแม่ 2. พัฒนาจากพวกแรก พอเหล้าเข้าปากก็เริ่มมีเรื่อง ชกต่อยธรรมดาก็พอว่า เสียค่าประกันตัวนิดหน่อย บางคนเล่นกันถึงตาย บางคนก็พาหนี บางคนก็สู้คดี แต่ยังไงก็ใช้เงินทั้งนั้น เคยเจอพวกแถวบ้าน มาขอยืมเงินตาของผม แกบอกอยู่ดีๆ ลูกแกก็กลับมาจากกทม. มาบอกอยากบวช แต่ขอวงดนตรีด้วยนะ งานบวชน่ะ พ่อแม่ก็ต้องหาให้ เพราะเห็นว่าลูกอยากบวช แต่จริงๆ ไม่ใช่อะไรหรอก มันไปยิงคนมา ไม่แน่ใจว่าตายมั้ย แต่หนีมาจากกทม. แล้วมาบวชหนีคดี 3. อันนี้ก็พัฒนามาจากพวกแรก พวกทำผู้หญิงท้อง พวกนี้เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเจอแล้ว หายากกว่าอันที่ 2 แต่เสียเงินพอๆกัน บางคนก็ต้องแต่งงาน บางคนก็เอาออก แล้วพวกไม่เอาออก คลอดออกมา ก็เป็นภาระพ่อแม่อีก มันไม่เคยเลี้ยงเองหรอก วันๆเอาแต่กินเหล้า หาเรื่อง เตรียมตัวเป็นพวกที่ 2 อีก อันนี้เป็นประสบการณ์จริงๆ ที่คนทำนาแถวบ้านผมประสบเจอ เพราะเมื่อก่อนผมก็สนิทกับไอ้พวกนั้นอยู่พอควร แต่ดีที่ได้เรียนโรงเรียนดีกว่า เจอสิ่งแวดล้อมดีกว่า เลยรอดตัวมาล่ะมั้ง การศึกษาสำคัญจริงๆครับ สิ่งแวดล้อมด้วย จากคุณ : หมั่นไส้ - [ 27 ม.ค. 52 17:04:58 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ผมไม่เคยเห็นโรงสี เจ๊ง ล่ะกันครับ มิ่งขวัญต้องเด้งจากเก้าอี้ก็เพราะนโยบายให้ชาวนาขายข้าวนอกเขตพื้นที่ได้... นึกเราเศร้า ยายผมก็ชาวนา ตาผมก็ชาวนา น้าผมก็ชาวนา ชาวนาต้องขายข้าวให้กับโรงสีในพื้นที่ซึ่งผูกขาด 1-2 โรงสีมันก็กดราคาได้สิก็คนรับซื้อมีอยู่แค่นี้ ไม่เชื่อไปถามมิ่งขวัญ แสงสุวรรณครับ จากคุณ : วิญญาณเทวดา - [ 27 ม.ค. 52 19:40:40 ]

ความคิดเห็นที่ 48 วันนี้เพื่อนผมเอาซิกการ์จากคิวบามาให้ดู ราคา มวนละ 200กว่าบาท โห ซื้อข้าวได้2-3 โลเลยนะนั่น จากคุณ : i.everyday - [ 27 ม.ค. 52 19:55:11 ]

ความคิดเห็นที่ 49 อ่านแล้วเวียนหัว....คร่าวๆ...เห็นด้วยกับคุณ 'รักหวานในวันวาน' เพิ่มเติม.... ถ้าข้าวผลิตมากจนล้นตลาด แล้วคุณซื้อข้าวราคาเท่าไหร่ แล้วใ:-) พ่อค้าคนกลาง หรือชาวนา? ...น่าจะมีการประกันราคา / รัฐบาลเข้าไปอุ้ม - อุดหนุนบางส่วน อย่าให้ส่วนต่างระหว่างราคาข้าวเปลือกกับข้าวสารต่างกันเกินไป ปล. จาก คคห.2...."SWOT Analysis"...คุ้นๆ ว่า ดร.นันทิยา หุตานุวัตร และคณะ ได้ลองทำที่แถวๆ ยโสธร ..น่าจะลองไปดูนะว่าผลเป็นยังไง... จากคุณ : ดาดาแดง - [ 27 ม.ค. 52 19:59:08 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ใ:-) จากคุณ : ดาดาแดง - [ 27 ม.ค. 52 20:01:29 ]

ความคิดเห็นที่ 51 แล้วใ:-) พ่อค้าคนกลาง หรือชาวนา? จากคุณ : ดาดาแดง - [ 27 ม.ค. 52 20:02:42 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เรื่องชาวนา  ปลูกข้าวนี่ผมอยากพูดมากๆๆเลย แต่พูดไม่ได้ครับ  อีก30ปีน่าจะพูดได้ จากคุณ : นายสีเสียด - [ 27 ม.ค. 52 20:36:26 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เพราะการรอฟ้า รอฝน รอคนช่วย รอโชคชะตา รอบันดาล รอหมดอายุขัย เพราะการไม่เปลี่ยน ไม่ปรับปรุง ไม่ประยุกต์ ไม่เปิดรับ ไม่ประเมิณไม่ประมาณ ไม่อดทน ไม่อดออม เพราะการขาดเรียน ขาดใฝ่รู้ ขาดความตั้งใจ ขาดความเอาใจใส่ ขาดแคลน ขาดความกล้า ขาดสามัคคี และอีก 108-1009 ปัจจัยภายใน..ที่คิดว่าน่าจะเริ่มก่อน แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 52 00:33:45 แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 52 00:32:56 จากคุณ : ตุ้บตั้บ - [ 28 ม.ค. 52 00:29:27 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ข้าวหอมมะลิ ชาวนาขายให้กับพ่อค้าคนกลาง ตันละ 12000 บาท(โลละ 12 บาท) แต่มาขายให้ชาวบ้าน โลละ 38 - 42 บาท .... ส่วนต่างหายไปไหน...? ------------------------------------------------------------------------ อ่านแล้วเหมือนคุณรู้จริง ข้าวที่มาขายน่ะ มันข้าวเปลือกนะครับ โลละสิสองสิบสามบาทน่ะ พอผ่านการขนส่ง การอบ การสี การสีออกมาเป็นเม็ดน่ะ ยังได้ข้าวไม่ถึงครึ่งของข้าวเปลือกเลย ปีที่แล้วผมได้ข้าวสารเม็ด95ปอร์เซ็น เพียง 47เปอร์เซ็น จากข้าวที่ซื้อเท่านั้น และข้าวส่วนนี้หลังจากผ่านกระบวนการต่างๆแล้ว ราคาขายจะอยู่ที่ประมาณ ยี่สิบเจ็ดถึงสามสิบบาท นี่ยังไม่นับน้ำหนักหาย ค่าอบ ค่าเก็บรักษา ค่ายาฆ่าแมลง ค่าคัดแยก ค่าบรรจุ ขนส่ง อีกจิปาฐะล้านแปดที่คุณคิดไม่ถึง ไอ้ตรรกกะที่ว่าโรงสีซื้อมา สิบสองบาทขายไปสี่สิบบาทนี่ จากความเห็นที่คุณพูดมา ความน่าเชื่อถือมันหมดไปตั้งแต่บรรทัดแรกแล้ว อะไรจะกำไรบ้าเลือดขนาดนั้น จากคุณ : SkillFull - [ 28 ม.ค. 52 04:52:09 ]

ความคิดเห็นที่ 55 อ่อบอกคุณน้ำปลาเดือนห้าอีกนิดละกัน เผื่อคุณอาคุณจะรวยขึ้น คุณอาคุณเอาข้าวไปขายใช่มะ ชาวนา--->นายหน้า(พวกรถเกี่ยว จัดหารถรับจ้าง)---->พ่อค้าคนกลาง------พ่อค้าคนกลาง ที่มีลานตากข้าว------>โรงสีขนาดใหญ่------>ยี่ปั้ว ซ่าปั้ว ส่งออก ขายบ้านเรา  ถือว่าจบวงจรล่ะนะ ซึ่งคุณอาคุณนั้นน่าจะนะ ชาวนา---------->โรงสีขนาดใหญ่ ถ้าทำได้ ก็จะได้ตังเพิ่มขึ้นมาโลละเกือบบาทเลย เพราะยังไงก็มีโรงสีอยู่ที่เดียวไม่ใช่เหรอ จะไปโง่ขายผ่านเขาทำไม ถ้าหากจำเป็นต้องพึ่งเขา ก็แน่นอนที่เขาจะมีส่วนร่วมกับรายได้ ส่วนราคารับซื้อ โรงสีใหญ่ ไม่มีมั่วแน่นอน แค่นี้ก็แย่งกันซื้อจะตายอยู่แล้ว แต่ข้าวที่โรงสีใหญ่ได้ จะได้มาจากพวกลานข้าวหรือไม่ก็พ่อค้าคนกลางมากกว่า เมื่อมาถึงหน้าโรง ราคามันก็เท่ากันเกือบทุกคนนั่นแหล่ะ บางที พวกนายหน้ามันก็ฮั้วกับโรงสี ให้หักน้ำหนักและมันก็เอาไปกิน บางทีพวกรถรับจ้างมันก็ขโมยข้าวเราและก็ฮั้วกับลานข้าวหักไปกินโลลละสิบ ยี่สิบสตางค์ บางทีพวกมารับซื้อจากไร่มันก็โกงตาชั่ง(เกือบร้อยเปอร์เซ็น) บางทีก็เป็นเราที่โง่เองที่รัฐบาลเขาเปิดรับจำนำ ทุกจังหวัดแต่อยากได้เงินเร็ว จะรีบเอาไปกินเหล้ายา ทั้งที่รู้อยู่ว่าถ้าจำนำไว้อีกสองสามเดือนราคามันจะขึ้น ซึ่งโครงการรับจำนำนั้นมีมานานมากๆแล้ว พูดตามตรง บ้านผมยังเอาไปจำนำเลย เพราะว่าซื้อมามากเกินไป หมุนเงินไม่ทัน (ตรงนี้ผิดกฏหมายนะเขาให้แต่เกษตรกรจำนำเท่านั้น)แต่ว่าโควต้ารับจำนำน่ะ ไม่เห็นเต็มสักที แต่ว่าจะมีช่วงเวลาที่เปิดรับเป็นช่วงฤดูกาลไป แต่อย่างว่า ถ้าจะให้รัฐทำนะ พวกข้างในก็แดรกสนุกสนานเลยแหล่ะ ถ้าจะให้รัฐทำแบบเต็มรูปแบบ เจ้งชัว แน่นอน กระทู้เกี่ยวกับชาวนามีมาเป็นช่วงๆ เห็นความเห็นที่มันสุดโต่งเกินไป เอาแต่โทษระบบ โทษนักการเมือง โทษทุกๆอย่าง แต่ "ไม่โทษตัวเอง" ผมจะสรุปให้ละกัน ว่าทำไมชาวนาถึงจน "เพราะว่าชาวนาไม่ทันคน ไม่ทันเกมส์ ไม่พึ่งพาตัวเอง" แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 52 05:22:18 แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 52 05:15:36 จากคุณ : SkillFull - [ 28 ม.ค. 52 05:15:25 ]

ความคิดเห็นที่ 56 อ่อ ช่วยระบุตำแหน่งของอำเภอไหนก็ได้ที่มันมีการซื้อขายผูกขาดราคากดราคาน่ะ ผมจะได้ไปบอกเจ้านายเปิดแข่งมัน แค่ในจังงหวัดเล็กๆอย่างเชียงรายก็มีโรงสีไม่ต่ำกว่าสามสิบที่แล้ว แบบว่ามีทุกๆสามสิบกิโลน่ะ ต้องเจอแน่นอน นี่เฉพาะโรงสีใหญ่นะ ไม่นับโรงสีชุมชน โรงสีขนาดเล็ก พวกเปิดจุดรับซื้อจากต่างถิ่นอีก http://www.dit.go.th/uploadnew/ChiangRai/RTE/20076303BAB_%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2.xls จากคุณ : SkillFull - [ 28 ม.ค. 52 05:33:30 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เพราะ การศึกษา ยิ่งรู้น้อย ยิ่งโดนเอาเปรียบมาก จากคุณ : แมวไม่กินปลา - [ 28 ม.ค. 52 06:41:13 ]

ความคิดเห็นที่ 58 บางคนค่อนแคะชาวนา ว่ากินเหล้าบ้างหละ ซื้อรถให้ลูกที่เป็นเด็กแว๊นซ์บ้างหละ ผมว่าไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ครอบครัวคนชั้นกลางทั่วไปก็กินเหล้า ซื้อรถให้ลูกเหมือนกัน ลูกคนรวยเป็นเด็กแว๊นซ์ก็เยอะแยะ การที่ไปบอกว่าเขาอย่ากินเหล้าอย่าซื้อรถ ผมมองว่าเป็นการแก้ที่ปลายเหตุมากๆเลย เหล้าที่เขากินก็ เหล้าขาว แม่โขง อะไรพวกนี้ ไม่ใช่แบล๊คเลเบิล รถที่เขาซื้อก็ฮอนด้าเวฟ นูโว วีโก้ ดีแมค อะไรพวกนี้ ไม่ใช่ซื้อเฟอรารี่มาดริฟท์กลางทุ่งซะเมื่อไหร่ ซึ่งผมมองว่าเป็นวิสัยที่ชาวนาทำได้หากเราจะพิจารณาว่าชาวนาควรจะเป็นคนฐานะชั้นกลาง สิ่งที่ผมมาถามไม่ใช่ทำไมชาวนาจนแล้วไม่เจียมตัว เพราะบางคนอยู่อย่างเจียมตัวที่สุดแล้วก็ยังจนอยู่ดี แต่ถามว่าทำไมชาวนาส่วนใหญ่ถึงจนมาก น่าจะมีวิธีใดแก้ปัญหาเหล่านี้ จากคุณ : Ricardo Kaka - [ 28 ม.ค. 52 08:26:59 ]

ความคิดเห็นที่ 59 คุณ skill full ถ้าผมบอกไปแล้ว ครอบครัวผม ไม่ปลอดภัย เจ้านายของคุณจะมาช่วยเหลือหรือเปล่าครับ ? ภาคเหนือ ภาคกลาง ไม่ค่อยมีปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่ภาคอีสานต่างหาก..... ผมถามหน่อย เรื่อง ราคาข้าวที่ผมบอกไป ผมถามว่า ไอ้ค่าต่างๆๆๆๆๆ ที่ยกมานั่น มันทำให้ต้นทุนราคาข้าวสูงเพิ่มเป็น สามสี่เท่าหรือครับ ? ราคาซื้อจากชาวนา กับ ราคาพ่อค้าคนกลาง , โรงสี รับซื้อน่ะ มันเปลี่ยนไปเท่าไหร่ ? ชาวนาโดนเอาเปรียบมาเป็นหลายสิบปีแล้ว จากนายทุน เพราะถือว่า มีเงิน มีอำนาจต่อรอง ถ้าชาวนาไม่ขายข้าว เหลือค้าในยุ้ง ข้าวก็เสื่อมสภาพหมด ความชื้นหายหมด น้ำหนักลดไปมากมาย....ใครๆ ก็อยากจะขายตอนข้าวมันสดๆ ทั้งนั้นแหละครับ เรื่องราคาข้าวเปลือก น่ะผมรู้อยู่แล้ว กับข้่าวสารขัดสีแล้ว ผมแค่บอกให้รู้สึกว่า มันต่างกันขนาดไหน... ชาวนาออกมาประท้วง ออกมาให้รัฐบาล ประกันราคาข้าว ทุกปี ....พอออกมา รัฐบาลก็เข้มงวดนิดนึงเหมือนไฟลามทุ่ง สักพักก็เอาอีกแล้ว ราคาตกลงเรื่อยๆๆๆๆ ผมจะบอกให้ฟัง ข้าราชการเล็กๆอย่างครู ก็ทำอาชีพรับซื้อข้าวจากชาวนาเช่นกัน.....ทำปีสองปี มีเงินมากมาย ผมถามว่า ถ้าทำแล้วมันได้กำไรนิดเดียว จะทำกันไปทำไม ? แต่นี้คือกำไรมันมหาศาล ไม่ต้องลงทุนอะไร ข้าวก็ซื้อจากชาวนาในราคาถูกๆ แล้วไปส่งโรงสีในราคาบวกเพิ่มอีก ผมเดาว่า คุณ skill full อยู่ในธุรกิจการลงทุนประเภทนี้.....ถ้าอยากรู้จักคำว่า "อิทธิพล" ขอให้มาสำรวจแถวๆ อีสาน ครับ.......ว่า ที่นี่เขามีการแบ่งเขตการขายกันชัดเจน(เหมือน โซน DVD ) ห้ามขายข้ามเขต ห้ามรับซื้อข้ามเขต ห้ามตัดราคาซื้อ พ่อค้ารายใหญ่ เป็นคนกำหนดราคารับซื้อใน จังหวัด เหมือน ปตท. กำหนดราคาน้ำมันนั่นแหละ พวกรายย่อย ดีๆ ก็มี ไม่ใช่ไม่มี....แต่โดน อิทธิพลเหล่านั้นกดดันให้ซื้อในราคาเดียวกัน ผมแค่จะบอกว่า ทุกวันนี้ พ่อตา แม่ยาย ผม ก็ยังทำนาอยู่.......ผมอยากให้เลิกไป ปลูกเห็ด เลี้ยงไก่แทนดีกว่า ไม่เหนื่อยแบบนี้หรอกครับ..... วิธีแก้ปัญหาชาวนายากจน น่ะ มันมี.....แต่ไม่มีใครกล้าจะทำ...... จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 28 ม.ค. 52 09:06:06 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เอาแค่ จัดการเรื่อง ราคาขายข้าว กับ อำนาจมืด ในพื้นที่ให้ได้ก่อนดีกว่า.... ^ ^ ^ ชอบประโยคนี้ค่ะ สงสารชาวนาอะ จากคุณ : Choco-Mix - [ 28 ม.ค. 52 09:53:54 ]

ความคิดเห็นที่ 61 คุณ SkillFull ที่คุณบอกว่า ชาวนา--->นายหน้า(พวกรถเกี่ยว จัดหารถรับจ้าง)---->พ่อค้าคนกลาง------พ่อค้าคนกลาง ที่มีลานตากข้าว------>โรงสีขนาดใหญ่------>ยี่ปั้ว ซ่าปั้ว ส่งออก ขายบ้านเรา ถือว่าจบวงจรล่ะนะ ซึ่งคุณอาคุณนั้นน่าจะนะ ชาวนา---------->โรงสีขนาดใหญ่ คุณนึกถึงถ้าเขาอยู่ไกลจากโรงสีล่ะครับ เขาก็ต้องเช่ารถไปขนข้าวหรือเปล่าครับ แล้วเช่ารถเนี่ย เขาคิดยังไงครับ หรือไม่ต้องเช่า ใส่รถอีแต๊กขนไป ขยันหน่อยซักหลายๆเที่ยว แล้วถ้าข้าวที่มีไม่ได้เยอะมาก โรงสีทุกโรงในไทยก็รับซื้อใช่ไหมครับ ไม่มีการเล่นพรรคพวก ไม่มีการกดราคาเหรอครับ มาตราฐานที่หนึ่ง อาจจะใช่ไม่ได้กับอีกที่หนึ่งน่ะครับ ผมถึงนอนยันว่า ภาครัฐไม่เคยจะไปช่วยเหลือชาวนาอย่างแท้จริงเลย จะบอกให้ช่วยตัวเอง มันก็มีขีดจำกัดครับ อำนาจต่อรองมันไม่มีครับ แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 52 13:23:29 จากคุณ : เฮ่ออ (รักหวานในวันวาน) - [ 28 ม.ค. 52 10:37:57 ]

ความคิดเห็นที่ 62 this country for OLD man! ชาวนาโง่ จน ไม่มีการศึกษา? บางทีตรรกะก็ไม่ได้มาพร้อมกับการศึกษาสูงๆ หรอก ไม่งั้นจะมีนักวิชาการพันธมิตรเหรอ (ให้เสียงภาษาไทย-ไม่เกี่ยวกับการเมืองนะจ๊ะ) คนที่จบ ดร.ด้านเกษตรก็ใช่ว่าจะปลูกอะไรก็งอกงามไปซะหมด.. ...ชาวนาก็คน อยากมีมือถือ มีรถ Honda (wave) เหมือนกัน ปัจจัยสี่น่ะ  (คงไม่ใช่แค่สาดและหมอน).. และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใช้ควายไถนาแล้ว (โลกเขาไปถึงไหนแล้ว) อะไรๆ ก็ต้องใช้เงิน...พอได้พักหนี้ มีเงินกู้หน่อย เจ้าพ่อเจ้าแม่เงินกู้ก็เสียผลประโยชน์ ฯลฯ....รออีกซัก 30 ปีจะมาอภิปรายต่อค่ะ (มาพร้อมกะนายสีเสียด) จากคุณ : ดาดาแดง - [ 28 ม.ค. 52 11:53:56 ]

ความคิดเห็นที่ 63 แล้วทำไมคนที่ทำธุรกิจกับชาวนาถึง ร๊วย..รวยครับ... จากคุณ : Night Claw - [ 28 ม.ค. 52 12:16:17 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ก้อเหมือนกับ คนทำสวนยาง กะ โรงรับซื้อน้ำยาง ใคร จะ รวย กว่ากันล่ะครับ แค่ส่วนต่างกิโลล่ะบาท แต่เขารับซื้อมาทีเป็น 100 ตัน ใ:-)กว่ากันล่ะครับ แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 52 13:22:32 แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 52 13:22:00 จากคุณ : เฮ่ออ (รักหวานในวันวาน) - [ 28 ม.ค. 52 13:20:28 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ไม่แค่ชาวนาหรอก ต้องถามว่าทำไมอาชีพเกษตรกรของไทยถึงยากจน ปัญหาก็ตามที่คุณน้ำปลาว่ามานั่นแหล่ะ จากคุณ : DraGo - [ 28 ม.ค. 52 15:26:58 ]