ความคิดเห็นที่ 1 การทานโฟลิคจะทำให้เด็กในครรภ์ฉลาดขึ้น????? เราคงเคยได้ยินในโฆษณาเรื่องโฟลิคกันมามากแล้ว  ทัศนคติผู้ฟังก็คิดว่าต้องทานโฟลิคในหญิงตั้งครรภ์ พวกเราเคยเห็นงานวิจัยไหม ต้องเริ่มด้วยปัญหาก่อน ประเทศอเมริกามีปัญหาเรื่องของทารกในครรภ์ไม่มีเนื้อสมองมาก  มากกว่าประเทศไทย จึงทำการวิจัยพบว่า มีการขาดโฟลิคที่มีส่วนช่วยในการเนื้อสมอง จึงมีการทำวิจัยแล้วได้ข้อสรุปว่า หญิงตั้งครรภ์ควรทานโฟลิคก่อนตั้งครรภ์ 1 เดือนจนกระทั่งอายุครรภ์ 3 เดือน จะช่วยลดปัญหาดังกล่าว เหตุผลเพราะช่วงอายุครรภ์ดังกล่าว เป็นช่วงที่มีการแบ่งตัวของเด็กในครรภ์  หลัง 3 เดือน เมื่อสร้างเนื้อสมองได้ครบแล้ว โฟลิดก็ไม่จำเป็น งานวิจัยของโฟลิค ก็มีเพียงเท่านี้  เท่านี้จริง ข้อเท็จจริงในปัจจุบัน 1งานวิจัยบอกว่าโฟลิค เกี่ยวข้องกับการสร้างเนื้อสมอง ในช่วง 3 เดือนแรก ถ้าสมองสร้างเสร็จแล้ว  ก็ไม่มีงานวิจัยบอกว่าทานแล้วจะมีประโยชน์ต่อ 2ไม่มีงานวิจัยบอกว่าทานโฟลิคแล้วลูกจะฉลาด แล้วคิดว่าเด็กฉลาดเกิดจากอะไรละ ส่วนใหญ่ก็คงเป็นเรื่องของการเลี้ยงดู สภาพแวดล้อม การศึกษา เป็นต้น 3ยาเกือบทุกตัว พยายามให้หลีกเลื่ยงในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ทารกกำลังแบ่งเซลล์อยู่ แต่ถ้าจะทานโฟลิค ต้องทานก่อนตั้งครรภ์จนถึง 3 เดือน อาจจะมีความเสี่ยงบ้าง  แต่ก็ถือว่าคุ้ม 4อาหารบ้านเราไม่ขาดโฟลิค สบายใจได้  แต่อาหารอเมริกาจะขาดโฟลิด จากคุณ : Ploychat - [ 27 ม.ค. 52 15:18:28 ]

ความคิดเห็นที่ 2 การฟังเพลงบรรเลง จะทำให้ลูกฉลาดขึ้น   คนตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ก็คงเคยได้ยิน  แต่ก็ดันมีคนถามว่าเพลงจำพวกคาราบาวหรือร็อค จะมีปัญหากับเด็กหรือเปล่า   ก็คงต้องเริ่มที่มาที่ไปก่อน ว่าพวกเราเคยเห็นงานวิจัยหรือไม่  ถ้าเห็นจะเข้าใจขึ้นไปอีก ดังเดิมของเรื่องนี้ มันเป็นงานวิจัยจากต่างประเทศ  (อาจจะไม่ละเอียด เท่าที่จำได้) เอาหญิงตั้งครรภ์ อย่างละ ประมาณ 100 คน สองกลุ่ม กลุ่มแรกฟังเพลงบรรเลง กลุ่มที่สองไม่ได้ฟัง เมื่อคลอดลูกออกมา เมื่อเด็กโต  ให้เด็กทั้งสองกลุ่ม ไปเรืยนเปียโนหรือคีบอร์ด เมื่อครบเวลาเรียนประเมินผล  ซึ่งผลคะแนนออกมาพบว่ากลุ่มที่ฟังเพลงบรรเลงตั้งแต่ตั้งครรภ์มีคะแนนสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ฟังอย่างมีนัยสำคัญ แต่เมื่อดูคะแนนเฉลี่ยก็รู้สึกว่าไม่ค่อยแตกต่าง (ก็เลยไม่รู้ว่าแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญอย่างไร)  เช่น คะแนน 90 ต่อ  88 จากคะแนนเต็มร้อย  เมื่อดูจากกราฟ ก็สูงกว่าเล็กน้อย ผลงานวิจัยมีแค่นี้เอง  แค่นี้จริงๆๆ  จะสรุปว่าเด็กจะฉลาดขึ้นก็จะดูแปลก ข้อสังเกต 1งานวิจัย จำนวนคนทดลองน้อยมากๆๆๆๆๆ ทางการแพทย์จะสรุปได้ยาก 2งานวิจัย ค่อนข้างหลวม เช่น กลุ่มที่ไม่ได้ฟังเพลง แต่อยู่บ้านอาจจะฟังเพลงอื่นก็ได้ 3คะแนนค่อนข้างใกล้เคียงกัน การประเมินก็แค่คะแนนการสอบ ก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับความฉลาดอย่างไร ส่วนนักการตลาดจะสรุปว่า ทำให้ฉลาดเพื่อสนับสนุนสินค้าก็แล้วแต่จะคิด ส่วนเพลงคาราบาวล่ะ เด็กออกมาเป็นอย่างไร   ตอบว่า ไม่รู้ค่ะ เพราะไม่มีใครทดลองค่ะ เสียเวลา เอาเป็นว่า ใครจะฟังเพลงอะไร ก็ฟังไปเถอะ ขอให้แม่รู้สึกสบายก็พอ จากคุณ : Ploychat - [ 27 ม.ค. 52 15:19:16 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอเเค่นี้ก่อน   อีกอย่างในปัจจุบัน มีคนเอาเรื่องการเเพทย์มาหากินทางธุรกิจ ทำให้การบอกเล่าเป็นเรื่องจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง  จินตนาการบ้าง  บอกไม่หมดบ้าง ส่วนตัวจึงไม่ชอบให้หมอมาขายอาหารเสริม เเต่ส่วนตัวไม่ได้เเอนตี้การขายตรงนะค่ะ แต่บ้างครั้งการยกตัวอย่างโดยคนที่ไม่มีผลประโยชน์  ก็อาจจะมีน้ำหนักพอสมควร อ่านกระทู้ตอบของหนู นะค่ะ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7404521/X7404521.html#420 http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7455519/X7455519.html#21 จากคุณ : Ploychat - [ 27 ม.ค. 52 15:25:18 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าเป็นเรื่อง Mozart Effect ละก็ เคยลองค้นหาข้อมูลดูค่ะ การทดลองต้นแบบที่ก่อให้เกิดกระแสโมสาร์ท เอฟเฟค นี้ เป็นการทดลองของนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในปี พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) โดยทดลองกับ นักศึกษามหาวิทยาลัย จำนวน 3 กลุ่ม จัดให้แต่ละกลุ่มอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันเป็นเวลา 10 นาที ดังนี้ กลุ่มที่ 1 ให้ฟัง Mozart's sonata for two pianos in D major กลุ่มที่ 2 ให้ฟังเทปที่ทำให้ผ่อนคลาย (a relaxation tape) กลุ่มที่ 3 ไม่ให้ฟังอะไรเลย แล้ว ให้ทำแบบฝึกหัดเกี่ยวกับการใช้เหตุผลเกี่ยวกับปริภูมิ ( spatial reasoning ) ในทันที ปรากฏว่า กลุ่มที่ฟังดนตรีโมสาร์ทมีผล IQ สูงขึ้นราว 8-9 หน่วย ภายในเวลา 10-15 นาที หลังจากฟังเพลง แต่ ข้อมูลจากเวบไซด์ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ให้ความเห็นว่า คุณลักษณะการทำให้ IQ เพิ่มขึ้นนั้นสั้นมาก สิ่งที่ก่อให้เกิดผลน่าจะเป็นการเตรียมสภาพสมองให้ผู้เข้าทดสอบมากกว่า และภายหลังจากนั้น มีหน่วยงานที่พยายามเพิ่มประสิทธิภาพด้านความจำของบุคคลด้วยดนตรีโมสาร์ท ปรากฏว่า ไม่เป็นผล และมีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่งทดลองให้เด็กฟังดนตรีโมสาร์ทก่อนทำ การทดลองความจำเกี่ยวกับตัวเลข ปรากฏว่า กลุ่มที่ฟังดนตรีโมสาร์ทไม่ได้มีผลสัมฤทธิ์การทดสอบมากขึ้นแต่อย่างใด มี ความพยายามอีกหลายครั้งในการวิจัยเกี่ยวกับผลของดนตรีโมสาร์ทกับการทำแบบ ทดสอบ ไม่มีใครได้ผลเหมือนกับการทดลองต้นฉบับ มีผลการทดลองอยู่ชิ้นหนึ่งที่การฟังดนตรีโมสาร์ททำให้ผู้ทำแบบทดสอบ IQ มีผลการทดลองมากกว่าผู้ไม่ได้ฟังอะไรเลยก่อนทดสอบอยู่ 1.5 - 2.1 หน่วย แต่การทดลองนี้ไม่ใช้ spatial reasoning test เหมือนการทดลองดั้งเดิม กล่าวโดยสรุป 1. การทดลองทั้งหลายทั้งปวง ไม่มีชิ้นใดสามารถสรุปได้ว่า คนฟังโมสาร์ท "ความจำดีขึ้น" หรือ "สมองดีขึ้น" 2. การฟังเพลงของคนอื่นจะได้ผลเหมือนโมสาร์ทหรือไม่.... ก็ไม่แน่ 3. ตัวแปรในการทดลองทั้งหลายล้วนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ไม่ใช่คุณแม่ตั้งครรภ์หรือเด็ก อายุของผู้เข้ารับการทดสอบที่น้อยที่สุดคือ 11 ขวบ ข้อมูลอ้างอิง http://www.indiana.edu/~intell/mozarteffect2.shtml http://faculty.washington.edu/chudler/music.html เราไม่เคยค้นคว้าว่าการทดลองใน คห. 2 เป็นอย่างไร แถมไม่ใช่คนมีความรู้ในสายงานนี้ จึงไม่ทราบว่าเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ และควรสรุปอย่างไรหนะค่ะ จากคุณ : มานะฯ - [ 27 ม.ค. 52 15:48:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอ่อ ต้องทำใจจ้ะ เขาไม่เรียกงานวิจัยทางการแพทย์ เขาเรียก งานวิจัยทางการโฆษณาค่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 27 ม.ค. 52 18:01:10 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เข้าใจเลยค่ะ  ความรู้สึกของ จขกท น่ะ เพราะก็เคยคิดแบบเดียวกัน  เฮ้อ  แต่ก็ไม่รู้จะทำไงได้แล้วค่ะ  เพราะสมัยนี้เป็นยุดการสื่อสาร  แถมแบบผิดๆ ถูกๆ อีกต่างหาก เคยดูซีรีย์เรื่องนึง  ตัวละครคนนึงพูดประมาณว่า การทำธุรกิจย่อมหวังผลกำไร  และสิ่งที่จะทำกำไรได้สูงสุด  ย่อมต้องเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด  และเราก็เห็นค่าของมันมากที่สุดเช่นกัน  จึงจะยอมจ่ายเงินเพื่อมันมากที่สุด  และสิ่งนั้นก็คือชีวิตของมนุษย์ จากคุณ : Queen_Devil - [ 27 ม.ค. 52 23:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เป็นเรื่องที่ต้องทำใจให้อดทนและใช้ความพยายามมากขึ้นในการเปลี่ยนความคิดครับ อย่างเรื่อง Folic มันพอรับได้ ผมก็รับได้ แค่เม็ดละ 30 สตางค์ วันละเม็ด ไม่เป็นไรครับ แต่เรื่องอย่าง HPV Vaccine, Mozart Effect พวกนี้รับไม่ได้จริงๆ จากคุณ : Epinephrine - [ 28 ม.ค. 52 11:29:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณความเห็น 7 จริงๆ โดยเฉพาะ HPV vaccine การโฆษณา ว่าเป็นวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก  ผิดเต็มๆๆ ถ้ามันดีจริงก็คงคุ้ม ถ้าไม่ดีจริง มันทำให้ประเทศไทยเสียหาย ประมาณปีละ หมื่นล้าน ถ้ามีคนฉีดปีละ ล้านคน ว่างๆจะให้ดูเรี่องราว ของงานวิจัยมีเวลาคันหาก่อนค่ะ จากคุณ : Ploychat - [ 28 ม.ค. 52 16:15:09 ]