ความคิดเห็นที่ 1 1. แมลงปอเข็ม แมลงปอเป็นชื่อเรียกกลุ่มแมลงโบราณที่ยังพบเห็นได้ในปัจจุบัน ซากดึกดำบรรพ์ที่เก่าแก่ที่สุดพบในชั้นหินยุคเพอร์เมียน เมื่อประมาณ 230-280 ล้านปีก่อนครับ แมลงปอจัดอยู่ในอันดับ Odonata ซึ่งมีอันดับย่อยอยู่ 3 อันดับ แต่ส่วนใหญ่ที่พบเห็นได้ในปัจจุบันจะมีอยู่เพียง 2 อันดับคือ อันดับแมลงปอ (Anisoptera; dragonfly) และอันดับแมลงปอเข็ม (Zygoptera; damselfly) ในปัจจุบันเมืองไทยพบแมลงปอและแมลงปอเข็มอย่างน้อย 350 ชนิดจากที่พบทั่วโลกอย่างน้อย 6,000 ชนิด เราสามารถพบเห็นพวกมันในพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับแหล่งน้ำเสียเป็นส่วนใหญ่ครับ นอกจากสถานที่ดังกล่าวแล้วเราก็ยังพบได้ตามป่าชายเลน ชายทะเล หรือแม้แต่น้ำพุร้อนครับ แมลงปอเข็มนั้นมีลักษณะหลายอย่างที่ไม่เหมือนกับแมลงปออื่นๆ ครับ นอกจากรูปร่างเรียวยาวดูบอบบาง และปีกหน้าปีกหลังเหมือนกันแล้ว ลักษณะปีกตอนเกาะนั้นก็แตกต่างเช่นกันคือ แมลงปอเข็มจะหุบปีก(ตั้งฉากกับพื้นดิน)เมื่อเกาะ ส่วนแมลงปอนั้นจะกางปีก(ขนานกับพื้นดิน)ครับ แต่ แต่ แต่... ก็ยังมีกลุ่มแมลงปอเข็มที่ทำตัวไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องในเรื่องนี้ แมลงปอเข็มกลุ่มนี้ในเมืองไทยจะอยู่ด้วยกัน 3 วงศ์คือวงศ์แมลงปอเข็มปีกแผ่ (Lestidae) วงศ์แมลงปอเข็มปีกแผ่ใหญ่ (Chlorolestidae) และแมลงปอเข็มภูเขา (Megapodagrionidae) ครับ พวกมันนั้นจะชอบกางปีกออกเวลาเกาะครับ (ดูรูป) แมลงปอกลุ่มนี้พบได้ง่ายตามที่ราบสูง ที่ราบลุ่ม และบริเวณน้ำตกครับ รูป: แมลงปอเข็มภูเขาหางส้ม (Yellowtip Largeleg; Rhinagrion mima) ตัวผู้ แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 52 10:54:52 จากคุณ : Due_n - [ 29 ม.ค. 52 10:54:19 ]

ความคิดเห็นที่ 2 2. ลิงโลกเก่า มันเป็นญาติใกล้ชิดมนุษย์เรา พวกมันอาศัยอยู่ในป่าแถบทวีปแอฟริกาและเอเชีย  และมันยังเป็นลิงโลกเก่าที่น่าสนใจที่สุดกลุ่มหนึ่งนั่นก็คือกลุ่มลิงโคโลบัส อยู่ในวงศ์ย่อย Colobinae โดยมีสมาชิกอยู่ทั้งหมด 58 ชนิดครับ ลิงโคโลบัส (colobus monkey) หนึ่งในสมาชิกของลิงวงศ์ย่อยนี้ ถือเป็นหนึ่งในลิงไม่กี่กลุ่มที่ไม่มีนิ้วโป้ง (ลิงกลุ่มอื่นๆ ที่มีลักษณะเช่นนี้คือ spider monkey ลิงโลกใหม่ที่อยู่ในวงศ์ Atelidae) พวกมันเป็นหนึ่งในกลุ่มของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมเพียงไม่กี่กลุ่ม (ได้แก่เอพ ลิงโลกเก่า และกลุ่มสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้อง) ที่มีเซลล์รูปกรวยในจอตา 3 แบบ (trichromatic vision) แต่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมส่วนใหญ่นั้นจะมีเซลล์รูปกรวยอยู่ 2 แบบทำให้พวกมันสามารถเห็นสีน้ำเงินและเหลืองได้ และไม่สามารถรับรู้และแยกแยะสีแดงออกจากสีเขียวได้ และที่สำคัญที่สุด ไพรเมตส่วนใหญ่จะกินผลไม้และแมลง แต่ลิงกลุ่มนี้เป็นแกะดำกลุ่มเดียวที่กินใบไม้เป็นหลักครับ การกินใบไม้ได้ย่อมแสดงให้เห็นว่าพวกมันต้องมีอะไรดีครับ ความพิเศษอยู่ที่แบคทีเรียที่อาศัยอยู่บริเวณทางเดินอาหารส่วนต้น และเอ็นไซม์เฉพาะที่ใช้ย่อยแบคทีเรียดังกล่าวเพื่อให้ได้ธาตุอาหารสำคัญนั่นเองครับ  นอกจากสัตว์เคี้ยวเอื้องแล้ว งานวิจัยปัจจุบันพบว่ามีลิงในวงศ์ Colobinae (ทั้งแถบเอเชียและแอฟริกา)หลายชนิดสามารถกินและย่อยอาหารที่เป็นใบไม้ได้ครับ เมื่อกินใบไม้เข้าไปแล้ว แบคทีเรียในทางเดินอาหารส่วนต้นจะหมักใบไม้เหล่านี้ จากนั้นสัตว์จะได้รับธาตุอาหารสำคัญโดยการย่อยของเอ็นไซม์ต่างๆ และเอ็นไซม์ที่สำคัญตัวหนึ่งมีชื่อว่า pancreatic RNase เอ็นไซม์นี้จะหลั่งออกมาจากตับอ่อนและไปยังลำไส้เล็กเพื่อย่อยสลาย RNA ครับ นักวิทย์พบว่าเอ็นไซม์ตัวนี้มีมากในสัตว์เคี้ยวเอื้องและลิงกลุ่มนี้มากกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมอื่นๆ ครับ นี่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ว่าแบคทีเรียที่โตเร็วมากๆ จะมีอัตราส่วนระหว่าง RNA-nitrogen และไนโตรเจนทั้งหมด(ของทุกเซลล์)สูงมาก ทำให้เมื่อมีการย่อยสลาย RNA ของแบคทีเรียแล้วก็จะได้ไนโตรเจนเพื่อสร้างกล้ามเนื้อต่อไปครับ รูป: ลิงโคโลบัสดำขาว (Black-and-white colobus monkey, Guereza; Colobus guereza)   ที่มา: http://www.victorsteel.biz/Newsletter/Newsletter_Images/Colobus_monkey.jpg แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 52 12:07:23 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 52 11:12:13 จากคุณ : Due_n - [ 29 ม.ค. 52 10:56:15 ]

ความคิดเห็นที่ 3 3. ผีเสื้อกลางคืน ผีเสื้อกลางคืนอาจจะไม่เป็นที่รู้จักของคนมากนักครับ ผีเสื้อกลางคืน (moth) แตกต่างจากผีเสื้อกลางวันคือ หนวดจะไม่เรียวยาวและพองออกตรงปลาย แต่จะมีลักษะคล้ายกับฟันหวี เส้นด้าย พู่ขนนก เคียว เป็นต้น เมื่อเกาะมักจะเก็บหนวดไว้ใต้ปีกหรือลู่ไปตามขอบปีก ลำตัวอ้วนเตี้ย เอ้ย! อ้วนป้อม จะเห็นขนปกคลุมได้ชัดเจนกว่า ส่วนใหญ่สีสันไม่สวยงามนัก ปีกมักจะมีสีเหลือง น้ำตาล เทา หรือดำ และมักจะออกหากินในเวลากลางคืน จากจำนวนผีเสื้อกลางคืนที่พบและมีการตั้งชื่อแล้วประมาณ 153,024 ชนิด (หรือคิดเป็น 91% ของจำนวนผีเสื้อทั้งหมดในโลก) โดยมีอย่างน้อย 2,796 ชนิดที่พบและตั้งชื่อแล้วในประเทศไทยครับ อย่างไรก็ตาม เราก็ยังพบแกะดำในเรื่องเวลาการออกหากินจนได้ครับ ผีเสื้อกลางคืนในวงศ์ผีเสื้อขาหนาม (Zygaenidae) วงศ์ผีเสื้อหญ้า (Amatidae) วงศ์ผีเสื้อลายเสือ (Actiidae) วงศ์ผีเสื้อปีกใส (Sesiidae) ผีเสื้อในวงศ์ Choreutidae (ไม่มีชื่อไทย) ผีเสื้อกลางคืนขนาดเล็ก (micromoth) ที่อยู่ในวงศ์ Adelidae และผีเสื้อวงศ์หนอนคืบ (Geometridae) บางชนิดเช่นผีเสื้อ(หนอนคืบ)ทองเฉียงพร้า (Dysphania spp.) ชอบออกโชว์ตัวในตอนกลางวัน และมักเพิ่มสีสันให้สวยงามเลียนแบบผีเสื้อกลางวันครับ  แค่นี้ยังไม่พอ...ผีเสื้อบางชนิดในกลุ่มนี้ยังทำตัวเนียนเป็นแมลงกลุ่มอื่นเช่น ผีเสื้อปีกใสบางชนิดเลียนแบบผึ้งอีกด้วย (เคยเจอมาครั้งหนึ่งครับ แต่พอดีไม่ได้ถ่ายรูปไว้) หมายเหตุ  Dysphania spp. หมายถึง สิ่งมีชีวิตในสกุล Dysphania ชนิดต่างๆ (มากกว่า 1 ชนิด) หรือผีเสื้อทองเฉียงพร้าชนิดต่างๆ นั่นเองครับ รูป: ผีเสื้อมอทหญ้า (day-flying moth; Syntomoides imaon) จากคุณ : Due_n - [ 29 ม.ค. 52 10:57:25 ]

ความคิดเห็นที่ 4 รูป: ผีเสื้อขาหนามจุดชมพู (Epicopeia polydora) เลียนแบบสีสันผีเสื้อหางตุ้มจุดชมพู (Pachliopta aristolochiae) ซึ่งเป็นผีเสื้อกลางวัน ที่มา: http://www.malaeng.com/blog/wp-content/pictures/2008/01/epicopeia-polydorana2.jpg จากคุณ : Due_n - [ 29 ม.ค. 52 10:58:28 ]

ความคิดเห็นที่ 5 รูป: ผีเสื้อ(หนอนคืบ)ทองเฉียงพร้าขีด (Dysphania militaris) เป็นผีเสื้อกลางคืนที่สวยงามอีกชนิดหนึ่ง เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นตากันดีครับ ที่มา: คุณคนนั้น จาก www.siamensis.org จากคุณ : Due_n - [ 29 ม.ค. 52 11:00:24 ]

ความคิดเห็นที่ 6 4. ผีเสื้อกลางวัน คงไม่มีใครไม่รู้จักผีเสื้อกลางวัน (butterfly) นะครับ หลายคนมักจะหลงรักและหลงใหลกับปีกที่สวยงามยามที่มันโผผินบินผ่านหรือยามเกาะดูดน้ำหวานจากดอกไม้ ผีเสื้อกลางวันที่พบในประเทศไทยมีอย่างน้อย 1,393 ชนิด(รวมชนิดย่อย)จากทั้งหมด ประมาณ 18,000 ชนิดทั่วโลกครับ ผีเสื้อกลางวันจะมีหนวดเรียวยาวและปลายหนวดจะพองออกคล้ายกระบองหรือเป็นรูปขอ ลำตัวค่อนข้างเรียวยาว เวลาเกาะมักจะหุบปีก และมักจะออกหากินตอนกลางวัน พลบค่ำ หรือใกล้รุ่ง แม้ส่วนใหญ่จะออกหากินกันตอนกลางวัน แต่ก็มีผีเสื้อกลางวันที่ออกมากินกลางคืนเช่นกันครับ! นั่นคือ ผีเสื้อมอท (moth butterfly; Liphyra brassolis) ครับ อยู่ในวงศ์ผีเสื้อสีน้ำเงิน ( Lycaenids) วงศ์ย่อย Lipharinae ครับ พบได้ตั้งแต่อินเดีย พม่า ไทย มาเลเซียไปออสเตรเลียเลยครับ ในไทยและพม่าจะพบชนิดย่อย Liphyra brassolis brassolis ครับ ผีเสื้อชนิดนี้มีขนาดใหญ่โดยมีความยาวมุมปีก 75-80 มม. ลำตัวสั้นๆ ป้อมๆ ดูออกแนวผีเสื้อกลางคืน ปีกบนจะมีสีน้ำตาลเหลืองและดำครับ พบได้ทางภาคเหนือ ตะวันออก และใต้เลยครับ (ดูภาพประกอบ) หมายเหตุ ความยาวมุมปีกหรือ wingspan เป็นการวัดความยาวจากปลายปีกซ้ายถึงปลายปีกขวาตอนที่ผีเสื้อกางปีกเต็มที่แล้วจ้ะ รูป: ผีเสื้อมอท (moth butterfly; Liphyra brassolis brassolis) ที่มา: http://cms.jcu.edu.au/discovernature/butterfliescommon/JCUDEV_005745 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 52 18:04:57 จากคุณ : Due_n - [ 29 ม.ค. 52 11:01:57 ]

ความคิดเห็นที่ 7 5. หนอนผีเสื้อ เมื่อมีเรื่องของผีเสื้อเต็มวัยแล้ว จะไม่ให้มีเรื่องของหนอนผีเสื้อก็จะดูไม่ดีครับ หนอนผีเสื้อส่วนใหญ่ (99%) มักจะกินพืชเป็นอาหาร แต่ก็ไม่วายที่จะมีกลุ่มหนอนที่กินเนื้อเป็นอาหารครับ! เท่าที่ทราบมีหนอนของผีเสื้อเพียงสองวงศ์ย่อยในวงศ์ผีเสื้อสีน้ำเงินเท่านั้นคือ วงศ์ย่อยผีเสื้อหนอนกินเพลี้ย (Miletinae) และวงศ์ย่อยผีเสื้อมอท (Lipharinae) และยังมีสมาชิกวงศ์ย่อยหรือเผ่าอื่นบางส่วนอีกด้วยครับ วงศ์ย่อยแรกชื่อก็บอกยี่ห้อแล้วนะครับว่าหนอนของพวกมันเน้นไปทางเพลี้ยชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลี้ยหอย เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจักจั่นครับ และตัวที่ผมอยากจะเสนอมากที่สุดก็คือ หนอนของผีเสื้อมอท (moth butterfly) ที่เราได้พูดถึงกันไปแล้วรอบหนึ่งครับ นอกจากตัวเต็มวัยจะแปลกแล้ว ตัวอ่อนหรือหนอนยังไม่ธรรมดาเช่นกันครับ หลังจากที่แม่ผีเสื้อวางไข่บนใบของต้นก้านเหลือง (Nauclea orientalis) ที่อยู่ใกล้รังมดและฟักออกมาแล้ว  สิ่งที่หนอนน้อยทำอย่างแรกคือกระดืบๆ ไปยังรังมดโดยนักวิทย์เชื่อว่ามันตามรอยทางฟีโรโมนที่มดทิ้งไว้ครับ อาหารของมันก็คือตัวอ่อนมดแดง (Oecophylla smaragdina) โดยจะปล่อยฟีโรโมนเพื่อให้มดงานต่างๆ หลงคิดว่ามันก็เป็นอ่อนมดนะจ๊ะ (แหม...ใหญ่กว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า ท่านก็ไม่สงสัยกันเลยเนาะ) จากนั้นก็กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยรอวันกลายเป็นตัวเต็มวัยครับ เหตุการณ์เช่นนี้ก็เกิดขึ้นกับแมงมุมบางกลุ่มเช่นกันครับ มันจะปล่อยสารพวก cuticular hydrocarbon ซึ่งเป็นฟีโรโมนที่มดใช้แยกแยะพวกเดียวกันออกจากศัตรู แต่แมงมุมพวกนี้ก็เหมือนกับหนอนผีเสื้อคือรูปร่างหน้าตาไม่ได้ละม้ายคล้ายคลึงกับมดเลยสักนิดเดียว อย่างน้อยนี่ก็แสดงให้เห็นว่ามดแดงให้ความสำคัญกับฟีโรโมนมากกว่าเบาะแสจากการรับรู้อื่นๆ ครับ รูป: หนอนผีเสื้อมอท (Liphyra brassolis brassolis) อยู่ท่ามกลางตัวอ่อนมด ที่มา: http://pictopia.com/perl/get_image?provider_id=318&size=550x550_mb&ptp_photo_id=281246 จากคุณ : Due_n - [ 29 ม.ค. 52 11:03:31 ]

ความคิดเห็นที่ 8 6. หอยทาก เปลือกหอยเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ขึ้นมาโดยเฉพาะในหอยทากบก ทิศทางการเวียนของเปลือกหอยอาจจะสะกิดต่อมสงสัยของใครหลายคนครับ ว่าแต่มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน? ยังไม่มีคำตอบที่แน่นอนและสมบูรณ์สำหรับคำถามนี้ แต่ในปัจจุบัน นักวิทย์ก็ได้เบาะแสบางส่วนแล้วครับ ทิศทางการเวียนของเปลือกหอยเกิดขึ้นระหว่างช่วงที่ไซโกตแบ่งตัวจาก 4 เซลล์เป็น 8 เซลล์ แม้จะยังไม่ค้นพบยีนดังกล่าว แต่นักวิทย์เชื่อว่ามียีนเพียงยีนเดียวที่ควบคุมลักษณะดังกล่าวและถ่ายทอดจากแม่ครับ เมื่อปี พ.ศ. 2551 นักวิทย์ได้ค้นพบว่ายีน nodal และ Pitx อาจจะเกี่ยวข้องกับทิศทางการเวียนของเปลือกหอยทากก็เป็นได้ เนื่องจากยีนทั้งสองนี้จะแสดงออกหลังจากไซโกตแบ่งเซลล์เป็น 32 เซลล์แล้วโดยจะแสดงออกทางด้านที่เกิดการเวียนของเปลือกกล่าวคือ ซ้ายของตัวอ่อนหอยทากที่เปลือกเวียนซ้าย และแสดงออกทางด้านขวาของตัวอ่อนหอยทากที่เปลือกเวียนขวาครับ แล้วยีนเวียนขวาหรือยีนเวียนซ้ายเป็นยีนเด่นล่ะ? จากการทดลองผสมพันธุ์หอยทากและดูอัตราส่วนทิศทางการเวียนของเปลือกในลูกหอยทากพบว่า ยีนเวียนขวาเป็นยีนเด่นสำหรับหอยทากบางชนิด และยีนเวียนซ้ายก็เป็นยีนเด่นสำหรับหอยทากบางชนิดเช่นกันครับ รูป: แผนภาพการเกิดการเวียนของเปลือกในคัพภะของหอยทากที่เปลือกเวียนซ้าย (sinistral) และเวียนขวา (dextral) โดยทิศทางการเวียนของเปลือกจะเกิดขึ้นในช่วงระหว่างเซลล์มีการแบ่งตัวจาก 4 เซลล์เป็น 8 เซลล์ (after Grande and Patel.,  2008) จากคุณ : Due_n - [ 29 ม.ค. 52 11:04:53 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หอยทากส่วนใหญ่ (มากกว่า 90% บ้างก็ว่า 99%) จะมีเปลือกเวียนขวาครับ ทิศทางการเวียนของเปลือกหอยเราเรียกว่า handness หรือ chirality ครับ การดูว่าเปลือกหอยเวียนซ้ายหรือขวานั้นก็สามารถมองจากตำแหน่งของปากเปิด (aperture)ของเปลือกหอยโดยให้ปลายแหลมของเปลือกชึ้นด้านบนและหันปากเปิดเข้าหาตัวเราครับ ถ้าเปลือกหอยนั้นมีการเวียนไปตามเข็มนาฬิกาหรือมีปากเปิดอยู่ทางขวา เราก็เรียกเปลือกหอยนั้นว่า "เวียนขวา (dextral)" แต่ถ้ามันเวียนทวนเข็มนาฬิกาหรือปากเปิดอยู่ด้านซ้าย เราเรียกเปลือกหอยนั้นว่า "เวียนซ้าย (sinistral)" ครับ  นอกจากนี้แล้วยังมีกลุ่มหอยทากที่ชอบหลอกตาเราครับ นั่นคือถ้ามองโดยผิวเผินแล้วพวกมันดูเหมือนจะมีเปลือกเวียนซ้าย แต่ถ้าลองพินิจดีๆ แล้วจะพบว่ามันไม่ใช่ครับ! กล่าวคือวงเปลือกตั้งแต่แรกจนถึงวงเปลือกก่อนสุดท้ายนั้นมันจะเวียนขวาครับ แต่วงเปลือกวงสุดท้าย(วงที่ใหญ่ที่สุด)เท่านั้นที่ม้วนกลับไปทางซ้ายจนหลอกตาเราว่าเปลือกมันเวียนซ้ายนั่นเองครับ ลักษณะดังกล่าวพบได้ในหอยทากจิ๋วในสกุล Opisthostoma ครับ (ดูรูปกระกอบ) รูป: หอยทากจิ๋วบีอาร์ที (Opisthostoma beeartee) พบและตั้งชื่อโดยดร.สมศักดิ์ ปัญหา ชื่อชนิดตั้งเป็นเกียรติให้แก่โครงการ BRT ที่มา: http://brt.biotec.or.th/images/story/Opisthostoma%20beeartee%20copy.jpg จากคุณ : Due_n - [ 29 ม.ค. 52 11:06:43 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อย่างไรก็ตาม นักวิทย์พบว่า ในหอยเวียนขวาเหล่านี้มักจะมีประชากร(ส่วนน้อย)จำนวนหนึ่งที่มีเปลือกเวียนซ้าย และบางชนิดพบเปลือกเวียนซ้ายกับเวียนขวาแบบชนิดครึ่งต่อครึ่ง (เช่น หอยทากชนิด Amphidromus martensii พบที่เกาะบอร์เนียว) ก็มีครับ หอยทากที่มีเปลือกเวียนซ้ายที่เกิดขึ้นกับประชากรส่วนใหญ่ที่เปลือกเวียนขวาถือว่าเป็นของหายากของนักสะสมเปลือกหอยทีเดียว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีราคาสูงกว่าหอยชนิดเดียวกันแต่เปลือกเวียนขวาครับ แต่...ก็ยังมีหอยทากบางสกุลหรือวงศ์ที่ประชากรทั้งหมดมีเปลือกเวียนซ้ายครับ! หอยทากเหล่านี้ล้วนพบในประเทศไทยเช่นกันนั่นเช่น หอยทากในสกุล Dyakia ในวงศ์ Dyakiidae และหอยทากในวงศ์ Clausiliidae เกือบทุกชนิด  ถ้าคุณเจอเปลือกหอยพวกนี้ตามธรรมชาติก็อย่าพึ่งรีบดีใจว่าฉันเจอเปลือกหอยหายากซะล่ะครับ! ฮี่ๆ   รูป: หอยเวียนซ้ายถลาง (Dyakia salangana) ที่มา: คุณ coneman สยามเอ็นซิส  http://www.siamensis.org/board/7730.html จากคุณ : Due_n - [ 29 ม.ค. 52 11:08:00 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เอกสารอ้างอิง   พิสุทธิ์ เอกอำนวย. 2539. แมลงปอของไทย. สำนักพิมพ์ต้นอ้อ, กรุงเทพ.   Capinera, J.L. 2004. Encyclopedia of Entomology. Kluwer academic Publisher,Dordrecht.   Carroll, S. B. 2006. The Making of the Fittest: DNA and the ultimate forensic record of evolution. W. W. Norton & Company, New York.   Corbet, P.S., 1999. Dragonflies: Ecology and Behavior of Odonata. Harley Books, Colchester, England.   Davies, H and C. A. Butler. 2008. Do butterflies bite?. Rutgers University Press, New Brunswick.   Eak-Amnuay, P. 2006. Butterflies of Thailand. Ban Lae Suan, Bangkok.   Grande, C. and N.H. Patel. 2008.  Nodal signaling is involved in left-right asymmetry in snails. Nature. E Pub Ahead of Print.   Hamalainen, M. & Pinratana, A. 1999. Atlas of the Dragonflies of Thailand. Brothers of St. Grabriel of Thailand.   Pierce, N. E. et al. 2002. The ecology and evolution of ant association in the Lycaenidae (Lepidoptera). Annu. Rev. Entomol. 47:733–71.   O’Toole, C. 2002. The New Encyclopedia of Insects and their Allies. Oxford University Press, London.   Schienman, J. E., Holt, R. A., Auerbach, M. R., Stewart, C. B. 2006. Duplication and divergence of 2 distinct pancreatic ribonuclease genes in leaf-eating African and Asian colobine monkeys. Mol. Biol. Evol., 23(9):1817.   Schilthuizen, M. and Davison, A. 2005. The convoluted evolution of snail chirality. Naturwissenschaften. 92: 504–515.   Silsby, J. 2001. Dragonflies of the World. Natural History Museum.   Stone, J. and Bjorklund, M. 2002. Delayed prezygotic isolating mechanisms: evolution with a twist. Proc. R. Soc. Lond. B., 269: 861–865.   Zhang, J., Zhang, Y. P., Rosenberg, H. F. 2002. Adaptive evolution of a duplicated pancreatic ribonuclease gene in a leaf-eating monkey. Nat. Genet. 30:411–5.   Zhang, J. 2003. Parallel functional changes in the digestive RNases of ruminants and colobines by divergent amino acid substitutions. Mol. Biol. Evol. 20(8):1310-1317. และเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถืออื่นๆ จากคุณ : Due_n - [ 29 ม.ค. 52 11:08:42 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอขอบคุณ... ท่านกวิวัฏ, ท่าน koraon, ท่าน GreenEyes, ท่าน sparrow , อ.หอยทากชรา และน้อง pattapon  ถ้าขาดบุคคลเหล่านี้ไป บทความนี้คงไม่ออกมาเป็นรูปเป็นร่างแน่ๆ ครับ และขอบคุณทุกๆ ท่านที่แวะเข้ามาอ่านกันครับ ^^  ถ้ามีโอกาสคงจะได้นำเสนอเรื่องแปลกใหม่เกี่ยวกับธรรมชาติใหม่ครับ แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 52 11:19:03 จากคุณ : Due_n - [ 29 ม.ค. 52 11:10:19 ]

ความคิดเห็นที่ 13 Reference เยอะมาก - -" ไม่เห็นตั้งกระทู้เสียนาน คิดถึงนะครับ ^^ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 29 ม.ค. 52 11:18:16 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณครับสำหรับ สาระดีๆ จากคุณ : Loginman (<<-Logonman<-') - [ 29 ม.ค. 52 11:53:38 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นบทความที่น่าสนใจมากเลยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 29 ม.ค. 52 11:54:42 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ว้าว กระทู้พี่ดิวเรียกคนที่ห่างหายหน้าไปนานอีกคนหนึ่งมาด้วยครับ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 29 ม.ค. 52 11:56:19 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตั้งแต่เล่นมานี่...กระทู้อาจจะเป็นกระทู้ที่ 7 ที่พี่ตั้งนะ (ล่าสุดก่อนหน้ากระทู้นี้คือ กระทู้ข่าวเรื่องม้าน้ำปฏิสนธิภายนอก) ปกติไม่ค่อยตั้งอยู่แล้ว ยิ่งช่วงนี้ไม่ได้เข้ามาบ่อยเหมือนแต่ก่อนก็เลยไม่มีโอกาสตั้งเข้าไปใหญ่ ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านครับ ^^ ป.ล. สวัสดีครับ อ.เต้ย  สบายดีนะครับ? จากคุณ : Due_n - [ 29 ม.ค. 52 12:16:12 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เจ๋งครับ... จากคุณ : รักสาว มธ. (NoahComeBack) - [ 29 ม.ค. 52 12:22:06 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ยอดเยี่ยมจ้า เอาใจช่วยผู้เชี่ยวชาญเรื่องแมลงปอของไทยคนใหม่ค่ะ จากคุณ : Komi (komi_to) - [ 29 ม.ค. 52 12:35:52 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สาระล้วน ๆ โหวตไปหนึ่งจึ๊ก จากคุณ : ลูกไก่พองลม - [ 29 ม.ค. 52 12:47:53 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เยี่ยม ในที่สุดก็เขียนเสร็จซะที ยินดีด้วยนะครับ และนับถือในความพยายาม ผมชอบแบบนี้ บทความที่สังเคราะห์เองจากข้อมูลที่หาได้ ไม่ใช่ลอกๆคนอื่นมาแปะ จากคุณ : กวิวัฏ - [ 29 ม.ค. 52 13:25:51 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สบายดีครับ พอดีช่วงหลังไม่ได้เข้าพันทิปเพราะทำแต่งาน แล้วก็ช่วงหลังสุดจริงๆนี่ มัววุ่นอยู่กับ hi5 และก็ facebook ครับ จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 29 ม.ค. 52 13:38:57 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ดูดีมีสาระค่ะ  (แต่บังเอิญเราไม่ชอบแมลงอ่ะดูไปขนลุกไป -*-) จากคุณ : นู๋ขี้สงสัย - [ 29 ม.ค. 52 14:31:55 ]

ความคิดเห็นที่ 24 มาดูน้องดิว ไม่ทักไม่ทายกันเลยนะ จากคุณ : Epinephrine - [ 29 ม.ค. 52 14:46:06 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ ดีใจจังได้เจอบุคคลที่ไม่ได้เห็นตั้งสองคนคือ พี่ดิว กับ อาจารย์เต้ย ^___^ จากคุณ : อิฐมอญ - [ 29 ม.ค. 52 15:22:24 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เข้ามาดูกระทู้ดีๆมีสาระค่ะ ^^' จากคุณ : Choco-Mix - [ 29 ม.ค. 52 15:29:35 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ช่วงนี้กระทู้สาระเยอะๆโหวตๆ จากคุณ : sariell - [ 29 ม.ค. 52 15:37:32 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คุณดิวตั้งทู้ ตื่นเต้ล อิอิ จากคุณ : PADAPA--DOO - [ 29 ม.ค. 52 15:38:37 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เข้ามาอ่าน จากคุณ : บะหมี่^^ผีแดง - [ 29 ม.ค. 52 16:01:34 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 29 ม.ค. 52 17:23:23 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ความคิดเห็นที่ 6 ...ผีเสื้อชนิดนี้มีขนาดใหญ่โดยมีความยาวมุมปีก 75-80 ซม... หน่วยผิดรึเปล่าครับ จากคุณ : 0vvaynar0 - [ 29 ม.ค. 52 17:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 32 #19 ผมได้คำตอบแล้วครับพี่ Komi_to  ในภาพเป็นแมลงปอบ้านพ่อตา (Potamarcha congener) ที่มีพฤติกรรมรวมกลุ่มนอน (roosting) ครับ #31  โอ้...จริงด้วยครับคุณ 0vvaynar0  ขอบคุณครับผม ^^ แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 52 18:09:45 จากคุณ : Due_n - [ 29 ม.ค. 52 18:04:19 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ให้กีฟท์ก่อนนะค่ะ 3 แต้มเลย (เก็บไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยนะเนี่ย..) อ่านจบแล้ว..ธรรมชาตินี่น่ามหัศจรรย์มากเลย อ่านแล้วได้ความรู้มากมายค่ะ แล้วก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองชอบแมลงแฮะ.. ปล. มาแก้ไขข้อความว่าอ่านจบแล้วจร้า... แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 52 19:50:22 จากคุณ : primjang - [ 29 ม.ค. 52 19:10:54 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณค่ะ อ่านแล้วสนุกดีจัง จากคุณ : mokiga - [ 29 ม.ค. 52 20:46:38 ]

ความคิดเห็นที่ 35 จากคุณ : LPGinSIDE - [ 29 ม.ค. 52 21:05:31 ]

ความคิดเห็นที่ 36 มาเก็บสาระค่ะ จากคุณ : env42_tay - [ 29 ม.ค. 52 21:22:14 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ชอบๆๆ กระทู้ดี มีคุณภาพ จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 29 ม.ค. 52 23:38:59 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อ่านเพลินเลย..ท่านพี่ จากคุณ : Leviathan_Dew - [ 30 ม.ค. 52 00:34:54 ]

ความคิดเห็นที่ 39 สนุกดีค่ะ ชอบเรื่องหอย แต่อ่านแล้วนึกถึงเรื่อง "ก้นหอยมรณะ" ของจุนจิ อิโต้เลย.. หลอนนนน จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 30 ม.ค. 52 01:10:48 ]

ความคิดเห็นที่ 40 give หมด อดให้ งั้นโหวต+เก็บคลัง ไปก่อนนะครับ แบบนี้รูปไม่น้อยนะครับ จากคุณ : Prof.Sirius - [ 30 ม.ค. 52 05:32:51 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เยี่ยมเลยครับ จากคุณ : vn, man - [ 30 ม.ค. 52 09:18:37 ]

ความคิดเห็นที่ 42 โหวตให้ครับ จากคุณ : G_AOD - [ 30 ม.ค. 52 12:30:40 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ จากคุณ : atihasita - [ 30 ม.ค. 52 15:25:13 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เยี่ยมมากครับ จากคุณ : nakai (nakai_dam-maker) - [ 31 ม.ค. 52 11:39:19 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ไหนแกะอ่ะ ไม่เห็นมีซักกะตัว :-) จากคุณ : alan the lamb - [ 1 ก.พ. 52 09:59:32 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณค่ะีสำหรับ "แกะดำ"   ความรู้เพียบ.. จากคุณ : kekodes - [ 1 ก.พ. 52 11:27:20 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เข้ามาหาแกะไม่เจอเหมือนกัน (เห็นหัวข้อกระทู้แล้วคิดถึง haruki murakami แฮะ) วันๆดูทีวี เห็นแต่แพะครับ.... ขอบคุณสำหรับกระทู้สวยๆครับ จากคุณ : หมอเถื่อน - [ 3 ก.พ. 52 07:18:49 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ไม่เคยสังเกตว่าหอยเวียนซ้ายรึขวาเลยแฮะ จากคุณ : maikeet - [ 3 ก.พ. 52 13:56:45 ]