ความคิดเห็นที่ 1 ทารันทูล่า ชื่อนี้ท่านได้แต่ใดมา? ย้อนอดีตไปเมื่อประมาณปีคศ.1300-1400 ที่เมือง ทาเรนทัม(ปัจจุบันถูกเรียกชื่อใหม่เป็นเมืองโทรอนโท) ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศอิตาลี  ได้มีโรคระบาดเกิดขึ้น ซึ่งชาวบ้านแถบนั้นเชื่อว่าเกิดจากถูก แมงมุมสายพันธุ์หนึ่งกัดเอาซึ่งแมงมุมที่ว่านั้น มีลักษณะค่อนข้างใหญ่ และมีขนขึ้นตามลำตัว บรรดาชาวบ้าน ต่างพากันเรียกแมงมุม ชนิดนั้นว่า ทารันทูล่า   หลังจากระยะเวลาผ่านมาเกือบๆ300ปี ความจริงก็ปรากฏ เพราะหลังจากศึกษาค้นคว้าพบว่า แท้ที่จริงแล้ว แมงมุมที่ตกเป็นจำเลยนั้น ไม่มีอันตรายใดๆทั้งสิ้น  ซึ่งแมงมุมที่ว่านั่นก็คือ แมงมุม Wolf Spider นั่นเอง (Lycosa tarantula) ซึ่งแม้จะมีชื่อ ทารันทูล่าต่อท้ายในชื่อวิทยาศาสตร์ แต่ Wolf Spider ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ทารันทูล่าโดยทั่วไปแต่อย่างใด ***แก้ไขจากชื่อเมืองโทรอนโท เป็น ทารอนโทตามที่คห.130แจ้งมานะครับ ขออภัย ทุกๆท่านด้วยครับ ความผิดพลาดอันนี้ ขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว*** แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 52 07:59:39 แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 52 07:59:16 จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:41:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 รูปของWolf Spider หรือ Lycosa tarantulaครับ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:43:08 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หลังจากนั้นในยุคสมัยของการเบิ่งโลก(ฮา)  นักเดินทางชาวยุโรปได้ค้นพบแมงมุม อีกจำนวนมาก ที่ค่อนข้างใหญ่และมีขนขึ้นตามลำตัวอีกหลายชนิด นักบุกเบิกและนักเดินทางเหล่านั้น  ต่างก็เรียก แมงมุมเหล่านี้ว่า ทารันทูล่าเหมือนกัน นับว่าชื่อของทารันทูล่าก็ได้เริ่มเป็นที่รู้จัก ของคนหลายๆคน ในยุคนั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น แมงมุมที่ตัวใหญ่ และมีขนตามลำตัว จะถูกเรียกจนติดปากว่าทารันทูล่า เหมือนกันหมด ซึ่งความเชื่อ(แบบผิดๆ)นี้ก็ได้ถูกถ่ายทอดมายังผู้คนในยุคปัจจุบันด้วยเช่นกัน จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:43:40 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับทารันทูล่า ทารันทูล่านั้นจัดเป็นแมงมุม ที่อยู่ใน Family: Theraphosidae และมันก็อยู่คู่กับโลกของเรามานานแสนนานแล้ว มันอยู่มานานกว่า16ล้านปี โดยได้มีการค้นพบหลักฐานว่าพบซากของแมงมุมชนิดหนึ่งอยู่ใน amber และจากการศึกษา ซากฟอสซิลดังกล่าว เชื่อว่านั่นเป็นแมงมุมที่อยู่ใน Family: Theraphosidae โดยซากของแมงมุมชนิดนี้นั้น ได้ถูกค้นพบในทางตอนใต้ของ Mexico และที่ สาธารณรัฐ โดมินิกัน จาก Family: Theraphosidaeนั้น ทารันทูล่ายังสามารถแบ่งย่อยออกไปได้อีก12 subfamilies   โดยรวมแล้วทารันทูล่ามีอยู่ทั้งหมดถึงประมาณ 900 กว่าสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน ถ้าถามท่าน... ว่าท่านจะแยก ทารันทูล่าออกจากแมงมุมทั่วไปได้อย่างไร?  เดาว่าหลายท่านคงตอบว่า "ใหญ่ยาวและขนเยอะนั่นคือแมงมุมทารันทูล่าแน่นอน ไม่เห็นจะยาก!!"   คำตอบที่ว่ามาก็ถูก แต่ถูกครึ่งเดียวเพราะยังมีแมงมุม อีกหลายสายพันธุ์ที่ "ใหญ่ยาวและขนเยอะ" เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มของ Theraphosidae แล้วเราจะแยกมันออกมาได้อย่างไร? จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:44:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 วิธีการแยกแมงมุมทั่วไปออกจากสายพันธุ์ทารันทูล่าแบบแน่นอน(นอกจากขนาด)คือ... 1. ทารันทูล่าทุกสายพันธุ์ ต้องมี8ตา ในขณะที่แมงมุมชนิดอื่นๆอาจจะมี8,6,4,2ตาเท่านั้น โดยแมงมุมบางสายพันธุ์ไม่มีตาเลยก็มีเช่นMexican cave-dwelling genus (Spelopelma) รูปดวงตาของทารันทูล่า จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:45:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 2. เขี้ยวของทารันทูล่านั้น จะเป็นแบบเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง ขึ้น-ลง ทำหน้าที่คล้ายๆกับตะขอเกี่ยว (Suborder: Mygalomorphae) ส่วนแมงมุมทั่วไปนั้นจะเป็นแบบขนาน ทำหน้าที่คล้ายๆกับคีมคีบเหยื่อ(Suborder: Araneomorphae) ***เจ้า Wolf Spider ที่ตกเป็นจำเลยที่เมืองโทรอนโท, อิตาลี  จากข้างบน นั้นจัดอยู่ใน Suborder: Araneomorphae ดังนั้น มันจึงไม่จัดเป็น True Tarantula แต่อย่างใด*** รูปเขี้ยวของแมงมุมที่อยู่ใน Suborder: Mygalomorphae (แบบแนวดิ่ง) จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:47:16 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อีกรูปครับ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อันนี้เป็นรูปเขี้ยวของแมงมุมที่อยู่ใน Suborder: Araneomorphae (แบบขนาน) จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:48:44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อีกรูปสำหรับเขี้ยวแบบขนาน จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:49:25 ]

ความคิดเห็นที่ 10 3. ที่เท้าของทารันทูล่านั้น มีกรงเล็บที่ยืดหดได้(เหมือนแมว)จำนวน2-3อัน เพื่อเอาไว้ใช้ประโยชน์ต่างๆ เช่นการยึดเกาะ การตะครุบจับเหยื่อ รูปครับ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:50:06 ]

ความคิดเห็นที่ 11 นับรวม3ข้อรวมเข้าด้วยกัน แล้วเอาไปรวมกับ "ใหญ่ยาวและขนเยอะ" อีกที คราวนี้ท่านก็จะได้วิธีการดู"แบบคร่าวๆ" ว่าแมงมุมชนิดไหนคือทารันทูล่าแล้วครับ... จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:50:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เราจะพบทารันทูล่าได้ที่ไหนของโลกบ้าง? ทารันทูล่านั้นสามารถพบได้เกือบทุกส่วนของโลกครับ  ตั้งแต่ป่าฝน ไปจนถึงแถบทะเลทรายอันแห้งแล้งเลยทีเดียว รูปภาพบริเวณที่พบว่ามีการอาศัยอยู่ของทารันทูล่า จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:53:05 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ชนิดของทารันทูล่า เราอาจแบ่งทารันทูล่าแบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆจำแนกตามลักษณะการดำรงชีวิตของมัน คือ 1. ชนิดที่ใช้ชีวิตตามต้นไม้ (Arboreal) หรือ โคนต้นไม้ 2. ชนิดที่อาศัยอยู่ตามพื้นดิน(Terrestrial) รวมไปถึงพวกชอบขุดรูด้วย(Burrowing) หมายเหตุ: โดยทั่วไปถ้าจะจำแนกตามลักษณะสายพันธุ์จริงๆแล้วทารันทูล่าสามารถแบ่งออกได้อีกประเภทหนึ่งคือ ทารันทูล่าโลกเก่าและทารันทูล่าโลกใหม่ แต่ผมเห็นว่ามันจะลงลึกในเชิงวิชาการมากเกินไป จึงไม่ได้นำมาลงไว้ 1.1 ชนิดที่ใช้ชีวิตอยู่ตามต้นไม้ ชนิดที่ใช้ชีวิตอยู่ตามต้นไม้นั้น ก็มีหลายสายพันธุ์ด้วยกัน ส่วนมากแล้วทารันทูล่าชนิดนี้จะมีขาและลำตัวที่ยาว กว่าทารันทูล่าที่อาศัยอยู่ตามพื้นดิน เนื่องจากต้องอาศัยขาในการปีนป่าย และโดยปกติแล้วทารันทูล่าชนิดนี้จะมีความเร็ว, ความว่องไวกว่าสายพันธุ์ที่อาศัยตามพื้นดิน ทารันทูล่าในสายพันธุ์นี้นั้น มีอยู่บางพันธุ์สามารถอยู่รวมกันได้ ถ้ามีอาหารตามธรรมชาติอย่างเพียงพอ เช่นพันธุ์ Pinktoe Tarantula (Avicularia avicularia) แต่พวกมันก็ไม่ได้จัดเป็นสัตว์สังคมแต่อย่างใด  ประมาณว่าต่างคนต่างอยู่อะไรทำนองนั้น และบางครั้ง จะเกิดกรณีตัวใหญ่กินตัวเล็กอยู่เสมอๆ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:54:02 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ปุกปุย น่ารักน่าชัง... จากคุณ : muangming - [ 1 ก.พ. 52 13:54:33 ]

ความคิดเห็นที่ 15 รูปบางส่วนของทารันทูล่าชนิดที่ใช้ชีวิตตามต้นไม้ (Arboreal) ตัวนี้คือ Pinktoe Tarantula (Avicularia avicularia) ถิ่นกำเนิด Costa Rica ถึง Brazil ดูเอาเองละกันกันครับว่าทำไมมันถึงชื่อ "Pinktoe" จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:55:15 ]

ความคิดเห็นที่ 16 Tesmoingt (A. huriana) ถิ่นกำเนิด Ecuador จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:55:58 ]

ความคิดเห็นที่ 17 Ausserer (A. metallica) ถิ่นกำเนิด Surinam จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:56:20 ]

ความคิดเห็นที่ 18 Sri Lankan ornamental (Poecilotheria fasciata) ถิ่นกำเนิด ศรีลังกา จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:56:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 Ivory ornamental (Poecilotheria subfusca) ถิ่นกำเนิด ศรีลังกา จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:57:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 gooty sapphire ornamental (Poecilotheria metallica) ถิ่นกำเนิด อินเดีย ***ปัจจุบันใกล้สูญพันธุ์แล้วครับ เนื่องจากเป็นหนึ่งในสุดยอดของการถวิลหา ในเหล่าบรรดานักเลี้ยงแมงมุมทั่วโลก*** จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 13:59:14 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แถมให้อีกรูป  กับPoecilotheria metallica จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:00:29 ]

ความคิดเห็นที่ 22 2.2 ชนิดที่อาศัยอยู่ตามพื้นดิน ชนิดที่อาศัยอยู่ตามพื้นดินนั้น พบเห็นได้ทั่วไปในส่วนต่างๆของโลก โดยรวมแล้วเจ้าพวกนี้จะเป็นนักปีนป่าย ที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ใครว่าแมงมุมเป็นจอมปีนป่าย อาจจะต้องคิดใหม่กับทารันทูล่าชนิดนี้ พวกที่อาศัยอยู่ตามพื้นดินนั้น ส่วนมากจะชอบขุดรูเพื่ออาศัยอยู่ แล้วทอใยรอบๆปากรูของมันเอง เพื่ออาศัยการซุ่มโจมตีเหยื่อและที่สำคัญ เพื่อป้องกันอันตรายจากศัตรูต่างๆ เช่นพวกตัวต่อเป็นต้น และความลึกของรูบางครั้งก็ไม่แน่นอน แต่จะอยู่ระหว่าง1-3ฟุต ในการขุดรูของทารันทูล่านั้น มันจะใช้อวัยวะคู่หน้าสุดของมัน ที่เรียกว่า pedipalps ในการขุด โดยหลายๆคน เข้าใจว่าไอ้นี่คือขาคู่หน้าของทารันทูล่า ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด เนื่องจากเจ้า pedipalps นี่ไม่ใช่ขา แต่เป็น อวัยวะที่ใช้ในการสำรวจ และ ช่วยในการตะครุบจับเหยื่อ รูปแสดงตำแหน่งของ pedipalps แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 52 14:01:39 จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:01:01 ]

ความคิดเห็นที่ 23 รูปแสดงตำแหน่งของ pedipalps เมื่อกี๊รูปไม่ขึ้น จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:03:26 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ส่วนบางพวกที่ไม่นิยมขุดรู ก็มักจะทอใยกับพื้นไว้รอบๆรังของมัน เพื่อเอาไว้ดักจับเหยื่อและแสดงอาณาเขต รวมไปถึงป้องกันบรรดามดที่มาคอยรบกวนด้วย เท่าที่สังเกตดูใยของทารันทูล่านั้น  จุดประสงค์ของใยไม่ใช่เพื่อทำให้เหยื่อขยับตัวไม่ได้   แบบแมงมุมในกลุ่ม spider เพียงแต่ทำให้เคลื่อนไหวลำบากขึ้น และเอาไว้เพื่อเป็นเครื่องมือในการ ส่งสัญญาณว่ามีเหยื่อมาเดินป้วนเปี้ยนแล้วก็เท่านั้นเองครับ ทารันทูล่าที่ไม่นิยมขุดรูนั้น อาจจะเป็นเพราะมันมีที่หลบซ่อนตามธรรมชาติได้ดีอยู่แล้ว(เช่นโพรงไม้ หรือ ซอกหิน) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเป็นทารันทูล่า ชนิดที่อาศัยอยู่ตามพื้นดินแล้ว โดยปกติ ส่วนมากจะขุดรูอยู่แทบทุกสายพันธุ์ครับ ทารันทูล่าชนิดที่อาศัยอยู่ตามพื้นดินนั้น ส่วนใหญ่จะมีช่วงขาที่สั้นกว่าชนิดที่อาศัยอยู่บนต้นไม้ แต่จะมีขนาดลำตัวใหญ่โตกว่ากันมาก รูปของใยที่ทอไว้กับพื้น นางแบบคือพันธุ์ Brazilian Red and White (Lasiodora cristata) จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:04:23 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อีกรูป จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:05:07 ]

ความคิดเห็นที่ 26 รูปของพวกชอบขุดรู จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:05:38 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อีกรูป จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:07:32 ]

ความคิดเห็นที่ 28 รูปบางส่วนของทารันทูล่าชนิดที่อาศัยอยู่ตามพื้นดิน(Terrestrial) Mexican Blonde (Aphonopelma chalcodes) ถิ่นกำเนิด ทางตอนเหนือของ Mexico ***เคยมีคนพบเจ้าตัวนี้อยู่ในรูลึกลงไปเกือบ3ฟุต*** จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:09:06 ]

ความคิดเห็นที่ 29 Columbian Giant Tarantula (Megaphobema robustum) ถิ่นกำเนิด เขตป่าฝนของโคลัมเบีย และอาจพบได้ที่ ทางตอนเหนือและใต้ของประเทศบราซิล จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:09:40 ]

ความคิดเห็นที่ 30 Maxican Fire Leg(Brachypelma boehmei) ถิ่นกำเนิด  Mexico จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:10:31 ]

ความคิดเห็นที่ 31 Pink Zebra Beauty Tarantula (Eupalastrus campestratus) ถิ่นกำเนิด ในแถบทุ่งหญ้าของประเทศ ปารากวัย ***ไอ้เจ้านี่จัดเป็น1ในทารันทูล่าที่เชื่องที่สุดในโลก*** จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:12:09 ]

ความคิดเห็นที่ 32 Brazilian black (Grammostola pulchra) ถิ่นกำเนิด อุรุกวัย และพบได้ที่บราซิลเช่นกัน จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:13:29 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อุปนิสัย, ชีวิตความเป็นอยู่ ทารันทูล่า ก็เป็นเหมือนๆกับแมงมุมชนิดอื่นๆทั่วไปก็คือ เป็นสัตว์ที่รักสันโดษ และ ชอบอยู่ในที่แคบๆ มืดๆ หรือในที่ๆไม่ได้โดนแสงแดดเผาโดยตรง บางทีพี่แกอยู่ในรูมืดๆเป็นเดือนๆไม่เคยโผล่ออก มาพบแสงเดือนแสงตะวันเลยก็มี โดยในช่วงหน้าหนาว ทารันทูล่าจะนำดินหรือเศษใบไม้มาผสมกับใยของตนเอง แล้วปิดปากรูไว้ เพื่อเข้าจำศีล และจะโผล่มารับแสงตะวันอีกครั้งเมื่อเริ่มเข้าหน้าร้อน(กุมภา-มีนาคม)   ทารันทูล่าเป็นสัตว์ที่หวงอาณาเขต และมักจะแสดงท่าขู่ใส่ผู้มาเยือน เมื่อมันถูกรบกวน หรือรู้สึกตัวว่ากำลังถูกคุกคาม รูปการตั้งท่าขู่ของทารันทูล่า นายแบบรับเชิญคือพันธุ์ King Baboon (Citharischius crawshayi) ซึ่งพันธุ์นี้มันดุโครตๆ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:14:27 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อย่าเข้ามานะเฟร้ย!! จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:15:25 ]

ความคิดเห็นที่ 35 กอดผมทีครับ (Acanthoscurria suina) จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:15:49 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อุ้มหน่อยๆ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:16:19 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ทารันทูล่ามักจะไม่ย้ายถิ่นที่อยู่บ่อยๆ ถ้าไม่ถูกคุกคาม หรืออยู่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ ซึ่งในช่วงฤดูผสมพันธุ์นั้น ตัวผู้ที่โตเต็มวัยแล้ว(3-8ปีแล้วแต่สายพันธุ์และความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร) จะออกจากรู และต้องเสี่ยงอันตรายจากนักล่าหลายชนิดเพื่อเดินทางไปตามหาตัวเมีย ที่สำคัญจะเจอหรือไม่นั้นก็ ต้องแล้วแต่ดวงอีกทีด้วย...  (แบบว่ารักแท้ก็ต้องเสี่ยงกันหน่อย)  โดยระยะทางที่ตัวผู้จะต้องเดินเสี่ยงตาย ไปนั้น อยู่ระหว่าง 2-4กิโลเมตรเลยทีเดียว  ตัวผู้นั้นจะเดินทางในตอนกลางคืน และจะพักในตอนกลางวัน ตามโพรงไม้ หรือสถานที่หลบภัยตามธรรมชาติ  ซึ่งตัวผู้หลังจากที่โตเต็มวัยแล้ว จะอยู่ได้อีกเพียงแค่1-2ปี โดยประมาณเท่านั้น (งานนี้ต้องรีบหน่อย 555) ส่วนตัวเมียที่โตเต็มที่นั้น จะรอตัวผู้อยู่ในรูของตน ตัวเมียจะต่างกับตัวผู้ตรงที่จะมีอายุที่ยืนยาวกว่า โดยทารันทูล่าตัวเมียนั้น สามารถมีอายุได้ยืนยาวถึง 30 ปีเลยทีเดียว หรืออย่างน้อยๆก็15-20ปีขึ้นไป เช่นสายพันธุ์ Mexican Redknee(Brachypelma smithi) รูปของMexican Redkneeครับ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:17:14 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ในการตามหาคู่นั้น ทารันทูล่าตัวผู้ต้องอาศัยการพึ่งประสาทสัมผัส มากกว่าสายตา เพราะว่าทารันทูล่านั้นสายตา แย่มาก(มี 8ตาแต่แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย)  ตัวผู้นั้นจะหาตัวเมียเจอได้จากใยที่อยู่รอบๆรูของตัวเมีย โดยผู้นั้นจะทราบได้ว่าเจอตัวเมียถูกตัวแน่ เพราะตัวเมียที่โตเต็มวัยและอยู่ในช่วงที่พร้อมผสมพันธุ์นั้นจะหลั่งสาร pheromones ออกมาเพื่อเป็นสัญญาณบอกให้ตัวผู้รู้ ว่าดิชั้นพร้อมแล้วค่ะ เชิญเคาะประตูเรียกได้ตลอดเวลานะคะ โดยสารเคมีที่ว่านี้จะอยู่ที่ใยตรงปากรู หรือ ที่บริเวณใกล้กับรังของตน... เมื่อตัวผู้รับรู้ได้ถึงสารเคมีดังกล่าว ก็จะเอาอวัยวะคู่หน้าหรือที่เรียกว่า pedipalps เคาะพื้นบริเวณที่เป็นใยรอบๆที่อยู่ ของตัวเมียเพื่อเป็นการส่งสัญญาณเรียกตัวเมียออกมาจากรัง  พอตัวเมียออกมาจากรังก็จะจับตัวผู้กินทันที เอ๊ยไม่ใช่! ก็จะเริ่มทักทายกันเล็กน้อย โดยตัวผู้จะเอาขาเคาะไปที่บริเวณขาและลำตัวของตัวเมียไปเรื่อยๆ หลังจากนั้น ตัวผู้ก็จะพยายามเอาขอเกี่ยวไปเกี่ยวเข้ากับเขี้ยวของตัวเมีย เมื่อเกี่ยวได้สำเร็จ มันจะยกตัวเมียขึ้น และก็จะเริ่มผสมพันธุ์กันครับ  เหตุผลอีกข้อที่มันต้องเอาตะขอที่ขาหน้าของมันกันเขี้ยวของตัวเมียไว้ นั่นก็คือ ป้องกันการผิดพลาดระหว่างที่มันกำลังทำกิจกรรมอยู่ เพราะระหว่างนั้น อาจจะเกิดเหตุการณ์ ที่ไม่คาดฝันกับมันก็ได้ (ถูกโซ้ยโดยไม่รู้ตัว) รูปตะขอเกี่ยว โดยจะอยู่ที่ขาหน้าของตัวผู้ที่โตเต็มวัยทุกตัวครับ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:17:52 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อีกรูป จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:18:57 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เวลาเกี่ยวจะเป็นลักษณะนี้ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:19:20 ]

ความคิดเห็นที่ 41 รูปการผสมพันธุ์รูปที่1 จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:19:40 ]

ความคิดเห็นที่ 42 รูปการผสมพันธุ์รูปที่2 จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:19:59 ]

ความคิดเห็นที่ 43 รูปการผสมพันธุ์รูปที่3 จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:20:16 ]

ความคิดเห็นที่ 44 รูปการผสมพันธุ์รูปที่4 จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:20:38 ]

ความคิดเห็นที่ 45 หลังจากเสร็จกิจ ตัวผู้ก็จะจากไป เอ่อ.... ที่ว่าจากไปนั้นก็จะมีอยู่2แบบ คือค่อยๆเผ่นเดินจากไปจริงๆ กับอีกแบบ คือใช้วิชาฟิวชั่นรวมร่างกับตัวเมียซะเลย(อันนี้โปรดคิดเอาเองนะครับว่า มันจะฟิวชั่นกันแบบไหน) แต่อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะจากไปแบบไหน ตัวผู้ที่ผสมพันธุ์เสร็จแล้วนั้น ก็จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานครับ ตัวเมียนั้นหลังจากผสมพันธุ์เสร็จ มันก็จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการผลิตถุงบรรจุไข่ โดยระยะเวลาที่มันจะ สร้างถุงบรรจุไข่นั้นอยู่ระหว่าง 4-30สัปดาห์เลยทีเดียว ไม่มีเวลาที่ตายตัวสำหรับช่วงการสร้างถุงเก็บไข่ เพราะมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อันได้แก่ อุณหภูมิ, ความชื้น, สายพันธุ์ ฯลฯ โดยถุงบรรจุไข่นี้สามารถ บรรจุตัวอ่อนได้ระหว่าง 20-1000 ตัว ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ และ ช่วงเวลาที่ถุงบรรจุไข่จะฟักออกมาเป็นตัวนั้น ส่วนมากจะอยู่ช่วงประมาณ 4 - 16 สัปดาห์ ภาพ Mexican Redknee(Brachypelma smithi) วางไข่ จากภาพมันกำลังวางก้นลงบนใยและเตรียมตัวที่จะปล่อยไข่ แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 52 14:56:54 จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:21:18 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เริ่มต้นวางไข่ สังเกตตรงบริเวณก้นจะเล็กลงอย่างมาก จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ปล่อยใยไว้ด้านบนของไข่ ซึ่งจะมองเห็นเป็นสีเหลืองๆ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ตัวเมียจะม้วนใยให้เป็นถุงเก็บไข่ ก็เป็นอันเสร็จพิธีครับ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:22:23 ]

ความคิดเห็นที่ 49 แมงมุม เห็นสวยๆ แบบนี้ แต่ มีพิษนะครับ จากรูปไม่แน่ใจว่าเป็นพิษของแมงมุมชนิดใด จากคุณ : lamelez (Lamelez) - [ 1 ก.พ. 52 14:23:16 ]

ความคิดเห็นที่ 50 หลังจากไข่ฟักออกมาเป็นตัวแล้ว ตัวอ่อนของแมงมุมพวกนี้จะเรียกว่า Nymph โดยเจ้าตัวเล็กเหล่านี้ จะมีสีขาวอ่อนๆทั้งตัว หลังจากผ่านไปไม่กี่วันจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน โดยในช่วงแรกนี้ เจ้าตัวจิ๋วเหล่านี้ จะอยู่กับแม่ของมันก่อน โดยมันจะยังไม่ต้องการอาหารเพื่อการดำรงชีวิต หลังจากลอกคราบครั้งแรก ไม่นานพวกมันก็จะเริ่มแยกย้ายกันออกไปเพื่อผจญภัยในโลกกว้าง โดยเราจะเรียกช่วงหลังลอกคราบครั้งแรกนี้ว่า เป็นช่วง spiderlings โดยในช่วงนี้มันจะสามารถกินอาหารได้แล้ว และพร้อมแล้วสำหรับการออกล่าเหยื่อ โดยพฤติกรรมของแมงมุมในช่วง spiderlings นั้น จะเหมือนกับพวกที่โตแล้วทุกประการ ยกตัวอย่างเช่น การขุดหลุมเพื่อใช้เป็นที่หลบภัยส่วนตัวเป็นต้น (บางสายพันธุ์อาจจะต้องลอกคราบ ซัก2ครั้ง ก่อนจะเข้าช่วง spiderlings) รูปทารันทูล่าที่เรียกว่าNymph จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:24:40 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เริ่มเปลี่ยนสีละ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:25:29 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เข้าสู่ช่วง spiderling แล้วคร๊าบ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:25:50 ]

ความคิดเห็นที่ 53 แล้ว ตัวบึ้ง  ทางภาคเหนือล่ะ  เป็นทารันทูร่าด้วยไหม จากคุณ : Clarvoyance - [ 1 ก.พ. 52 14:26:27 ]

ความคิดเห็นที่ 54 รูปของทารันทูล่าในช่วง spiderlingอีกรูป นายแบบคือ Blue Fang Tarantula(Ephebopus cyanognathus) จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:26:28 ]

ความคิดเห็นที่ 55 อันนี้เป็นรูปตอนโตแล้วของ Blue Fang ครับ ดูจากรูปก็น่าจะพอเดาได้ว่าชื่อ Blue Fang นั้นได้มาได้อย่างไร จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:27:16 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ทารันทูล่านั้น เมื่อร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง(โตขึ้น) จะลอกคราบออก โดยระหว่างที่มันลอกคราบนั้น มันจะเป็นอันตรายมาก เพราะมันจะช่วยเหลือตนเองไม่ได้จากศัตรูหรือภัยต่างๆ และถ้าลอกคราบไม่สมบูรณ์ (ติดคราบตนเอง) อย่างน้อยมันก็จะเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายมันเช่น ขาหรือpedipalps หรืออย่างหนักสุดก็คือตายไปเลย(ตายคาคราบตนเอง)   หลังจากลอกคราบแล้วทารันทูล่ายังต้องรอเวลาอีกซักระยะหนึ่ง โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ1-3อาทิตย์ ถึงจะกลับมาทานอาหารและออกล่าเหยื่อได้ตามปกติ เนื่องจากหลังลอกคราบนั้นทุกส่วนของร่างกายของมัน จะอ่อนนุ่มนิ่มมาก ไม่เว้นแม้แต่เขี้ยวของมัน ซึ่งตรงนี้หากเกิดเหตุการณ์ที่สุดวิสัยขึ้น แมงมุมอาจจะเขี้ยวหักได้ และแมงมุมที่เขี้ยวหัก หรือ เสียหายนั้น นั่นแทบจะหมายถึงชีวิตของมันทันที(เตรียมจองศาลาได้เลย) จากรูป เขี้ยวของ Goliath Birdeater (Theraphosa blondi) นั้นหักเรียบร้อยไปแล้ว จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:28:22 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อีกภาพครับ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ปอ อา ดอ ปาดนะคับกระทู้ว่าที่ จากคุณ : MotKung - [ 1 ก.พ. 52 14:29:27 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ความถี่ในการลอกคราบ ถ้าเป็นช่วง Nymph หรือ spiderling ก็จะถี่หน่อย 1-2อาทิตย์ ก็จะลอกคราบ1ครั้ง และจะเว้น ระยะห่างขึ้นเรื่อยๆ เป็น 1เดือน 3เดือน หรือ6เดือน ต่อการลอกคราบ1ครั้ง โดยในตัวที่โตเต็มวัยแล้วนั้น จะลอกคราบแค่เพียงปีละ 1 ครั้ง และถ้าก่อนลอกคราบมันเสียอวัยวะส่วนใดไปเช่น ขา หลังลอกคราบแล้ว ขาข้างที่ขาดไป ก็จะกลับมาใหม่เหมือนเดิม แต่อาจจะไม่สมบูรณ์นัก(เช่นสั้นกว่าเดิม หรือขนาดไม่เท่ากับขาอื่นๆ) ถ้ากรณีนี้อาจจะต้องลอกคราบอีกสักครั้งก็จะกลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิมครับ ช่วงระยะเวลาก่อนลอกคราบ ทารันทูล่า จะมีพฤติกรรมที่ ก้าวร้าวกว่าปกติ และจะไม่ทานอาหารใดๆทั้งสิ้น จนกว่ามันจะลอกคราบเสร็จ คลิปVDOแสดงการลอกคราบของChilean Rose (Grammostola rosea) จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:29:48 ]

ความคิดเห็นที่ 60 อาหารการกิน ทางด้านอาหารการกินนั้นทารันทูล่าจัดเป็นนักเขมือบตัวยง  จนเราไม่สามารถจะระบุได้ว่าอาหารของเจ้าพวกนี้มี อะไรบ้าง เนื่องจากมันกินทุกอย่างจริงๆ (ยกเว้นพวกพืชผัก)  มันโซ้ยทุกอย่างที่เคลื่อนไหวได้โดยมีข้อแม้ว่า มันต้องสามารถต่อสู้และเอาชนะได้ พูดง่ายๆคือพี่แกกินทุกอย่างที่มันสามารถสยบได้  ยกตัวอย่างเช่น... - แมลงทุกชนิด - สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม(เช่นหนู) - งู - กบ - ปลา - ใส้เดือน - หนอน - นก - จิ้งจก, ตุ๊กแก ฯลฯ แถมตามธรรมชาติ ถ้าเข้าตาจนแบบสุดๆจริงๆ ทารันทูล่า ก็ยังไม่ปฎิเสธซากสัตว์ที่ตายแล้วด้วย เพียงแต่ว่า ซากสัตว์เหล่านั้น ต้องยัง "สดใหม่" ไม่ใช่เหลือแต่โครงกระดูก หรือแห้งกรอบไปแล้ว รูปทารันทูล่าตอนกำลังโซ้ย มื้อนี้สงสัยอิ่มไปนาน จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:30:34 ]

ความคิดเห็นที่ 61 จิ้งหรีด... คนกินได้(ทอด) ทารันทูล่ากินดี(เป็นๆ) จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:31:17 ]

ความคิดเห็นที่ 62 แม้แต่งูก็เป็นอาหารมื้อพิเศษได้ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:32:14 ]

ความคิดเห็นที่ 63 อันนี้เป็นคลิปVDO แสดงให้เห็นถึงการล่าเหยื่อตามธรรมชาติของทารันทูล่าครับ นายแบบจำเป็นคือ Brazilian Salmon Pink (Lasiodora parahybana) คห.49 แมงมุมที่ว่าคือ brown recluse spider (Loxosceles reclusa) ครับ ไม่ใช่ทารันทูล่า และที่สำคัญไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆกับทารันทูล่าเลยแม้แต่น้อย โดยจะอยู่ใน family:Sicariidae จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:36:04 ]

ความคิดเห็นที่ 64 Tactics ในการล่าเหยื่อของมันก็ไม่มีอะไรมาก "ซุ่ม" อย่างเดียวเท่านั้น บางครั้งเหยื่อเข้ามาใกล้ตัว ก็ยังทำนิ่งอยู่ ไม่ออกอาการโฉ่งฉ่าง การตะครุบแต่ละครั้งนั้นหมายถึงเหยื่อแทบจะหมดโอกาสรอดทันที โดยทารันทูล่านั้นเป็นนักล่าที่อดทนมาก บางครั้งมันสามารถอดทนรอเหยื่อได้นานถึง3เดือน(เป็นอย่างต่ำ) และในกรณีที่มันโตเต็มวัยแล้วนั้น มันยังสามารถอยู่ได้เป็นปีๆ โดยที่ไม่ทานอะไรเลยนอกจากน้ำเพียงเล็กน้อย (เหลือเชื่อไหมครับ!?) มีรายงานว่า ในกลุ่มผู้ที่เลี้ยงทารันทูล่า เคยพบว่าแมงมุมของตนนั้น ไม่ได้กินอะไรเลย มากว่า 2 ปีครึ่ง ก็ยังไม่เป็นไร สบายๆชิวๆ...ว่างั้น โดยสายพันธุ์ดังกล่าวคือ Chilean Rose (Grammostola rosea) ทารันทูล่าเป็นสัตว์ที่รักษาความสะอาดได้ดีมาก โดยทุกครั้งที่มันทานอาหารเสร็จ มันจะขนซากสัตว์เอาไปทิ้งไว้ ข้างนอกรังของมันเสมอๆ  บางครั้งเอาไปทิ้งยังไม่พอ ยังขุดหลุมแล้วกลบฝังซากอีกด้วย  และเวลามันลอกคราบ มันก็มักจะขนเอาคราบของมันมาทิ้งไว้ข้างนอกเสมอๆเช่นกัน เรียกได้ว่ารักษาความสะอาดได้ดีกว่ามนุษย์(บางคน) อีกนะเนี่ย... จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:36:48 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ว่าด้วยเรื่องอาวุธประจำกาย อาวุธประจำตัวของทารันทูล่านั้นมีอยู่ 2 แบบ คือ 1. อาวุธหลัก 2. อาวุธลับแบบนินจา(ฮา) 1. อาวุธหลักของทารันทูล่าคือ "เขี้ยว" หรือ Fang นั่นเอง เขี้ยวของทารันทูล่านั้น จะอยู่ตรงปลายสุดติดกับอวัยวะที่เรียกว่า Chelicere โดยเขี้ยวขนาดใหญ่นี้ มีการเชื่อมต่อกับต่อมพิษ (Poison gland) อีกที ทารันทูล่าจะใช้เขี้ยวของตนเองในการล่าเหยื่อ หรือป้องกันตนเอง และในการกัดแต่ละครั้งไม่จำเป็นว่ามันจะต้องปล่อยพิษออกมาทุกครั้ง โดยอาจจะมี ในบางกรณีที่มันกัดแบบเฉยๆหรือที่เรียกกันว่า Dry bite นั่นเอง รูปของอวัยวะที่เรียกว่า Chelicere ซึ่งจะอยู่ใต้ตาของทารันทูล่า (ดูแล้วคล้ายๆหนวดว่าไหมครับ เห่อๆ) จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:37:16 ]

ความคิดเห็นที่ 66 รูปเขี้ยวของทารันทูล่า  ยาวๆแบบนี้โดนเข้าไปทีละก็... ไม่อยากจะคิด แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 52 15:00:15 จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:37:49 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ยาวดีจริงๆ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:38:16 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ตำแหน่งของ Poison gland จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:38:35 ]

ความคิดเห็นที่ 69 2. อาวุธลับแบบนินจา อันที่จริงก็ไม่เชิงเป็นอาวุธลับอะไร เพียงแต่ทารันทูล่า"โลกใหม่"(New World tarantulas) หรือทารันทูล่าที่อาศัยอยู่ใน ทวีปอเมริกากลาง เหนือและใต้ ออสเตรเลีย ปาปัวนิวกินี, กรีนแลนด์นั้น ในการป้องกันตนเองจากภัยอันตรายต่างๆนอกจากการกัดแล้วมันยังมีอาวุธอีกประเภทหนึ่งซึ่ง ทารันทูล่าในโลกเก่าไม่มีคือการ "เตะขน" การเตะขนที่ว่าก็คือการที่แมงมุมหันหลังให้ศัตรู แล้ว เอาขาหลังของมัน เกาที่ก้นอย่างแรง เพื่อให้ "ขนคัน" (Urticating hair) นั้น ปลิวใส่ผู้มาเยือนซึ่งจะสร้างความระคายเคืองอย่างมาก แก่สัตว์ เลี้ยงลูกด้วยนม(เช่นคน)  โดยทารันทูล่าที่เตะขนคันออกไปแล้วนั้น ขนคันก็จะไม่ขึ้นมาใหม่อีก จนกว่ามันจะลอกคราบครั้งต่อไป ขนคันนั้นจะไม่มีในทารันทูล่าที่เกิดใหม่ แต่จะสะสมไปเรื่อยๆจากการลอกคราบในแต่ละครั้ง จุดประสงค์หลักๆของขนคันก็คือ - ใช้ป้องกันตัว - ใช้ในการแสดงอาณาเขต - ใช้ในการป้องกันถุงไข่ของตัวเมีย จากแมลงต่างๆ ขนคันนั้นมีลักษณะเหมือนลวดหนามที่คมกริบ ซึ่งบางและเล็กมากๆ มันจึง สามารถที่จะฝังเข้าไปในผิวหนังหรือลูกตาของศัตรูได้ ภาพแสดงเวลามันเตะขนใส่ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:39:02 ]

ความคิดเห็นที่ 70 อีกภาพ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:39:27 ]

ความคิดเห็นที่ 71 อีกภาพครับ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:40:06 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขนคันขนิดต่างๆ ขนคันนั้นมีอยู่ 6 ชนิดด้วยกัน ทั้งหกชนิดนี้ แตกต่างกันทั้งขนาดและรูปร่าง และจุดประสงค์ และที่สำคัญไม่ใช่ว่าทารันทูล่าทุกตัว จะมีขนคันทุกครบทุกแบบ แต่ละสายพันธุ์ก็จะมีขนคันที่แตกต่างกันไป โดยขนคันชนิดที่ 3 นั้นจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด สร้างความระคายเคือง ให้แก่ศัตรูอย่างมาก โดยขนคันในแบบนี้พบได้ในสายพันธุ์ Theraphosa spp., Nhandu spp., Megaphoboema spp., Sericopelma spp., Eupalaestrus spp., Proshapalopus spp., Brachypelma spp., Cyrtopholis spp., Iracema spp. ขนคันแบบที่ 2 นั้นไม่ได้เอาไว้เตะใส่ศัตรู แต่ขนคันชนิดนี้จะใช้สำหรับพวกที่มาสัมผัสโดยตรงเท่านั้น ซึ่งพบได้ในสายพันธุ์ Avicularia, Pachistopelma , Iridopelma ขนคันนั้น ไม่ใช่แค่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางกายภาพอย่างเดียว แต่ยังเกิดผลทางเคมีกับผิวหนัง และเยื่อบุต่าง ๆ อีกด้วย โดยหากกลุ่มของขนคันนี้ไปถูกเยื่อบุต่าง ๆ ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเล็ก ๆ(เช่นหนู) จะทำให้เกิดอาการแพ้หรือบวมจนถึงตายได้ ถ้าสัตว์เหล่านั้นสูดเข้าไปเต็มๆก็อาจจะทำให้จมูกหรือปอดอักเสบ อย่างรุนแรงหรือถ้าเข้าตาก็อาจจะทำให้ตาบอดได้ ลักษณะการแพ้หรืออักเสบของขนคันต่อผิวหนังนั้น ถ้าเป็นมนุษย์ก็ขึ้นอยู่กับว่า แพ้มากหรือน้อย ไอ้ที่โดนขนคันแล้วไม่คันเลยนี่คงไม่มี บางรายที่แพ้มากๆ ก็อาจจะต้องไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา ถ้าดวงซวยขนคันปลิวเข้าตา(โอกาสน้อยแต่ห้ามประมาท) ห้ามขยี้ตาเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้บอดถาวรได้ รีบไปล้างตาให้สะอาด แล้วดิ่งไปพบแพทย์ทันที(กรณีสูดดมเข้าไปก็เช่นกัน) รูปของขนคันชนิดต่างๆ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:40:33 ]

ความคิดเห็นที่ 73 รูปของคนที่โดนทารันทูล่าเตะขนใส่ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:40:55 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ภาพขยายของขนคันที่ติดอยู่ตามนิ้วมือ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:41:15 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ศัตรูตามธรรมชาติของทารันทูล่า ถ้าไม่นับมนุษย์ ทารันทูล่านับว่ามีศัตรูตามธรรมชาติน้อยมาก เพราะพฤติกรรมหลบๆซ่อนๆของมันบวกกับ บรรดาสัตว์ทั้งหลายดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยชอบมันนัก อาจจะเป็นเพราะขนาดของมันหรืออาวุธลับขนคันของมัน ก็ไม่อาจทราบได้ ดังนั้นสัตว์ที่สามารถกินมันได้ ก็เลยไม่ค่อยอยากจะกินมันเท่าไหร่ ยกเว้นกรณีที่อาจจะหิว ขึ้นมาจริงๆเท่านั้น  โดยสัตว์ที่สามารถกินมันได้ก็มี พวกตัวแรคคูน ตัวสกังค์ และบรรดานกบางประเภทเท่านั้น เช่นนกโรดรันเนอร์  แต่ทารันทูล่าก็ไม่ใช่อาหารหลักของเจ้าพวกนี้แต่อย่างใด ***ตะขาบหรือตั๊กแตนตำข้าวก็เป็นสัตว์ที่กินทารันทูล่าเช่นกัน (จริงๆแล้วมันก็กินเกือบทุกอย่างละครับ เจ้าตะขาบ กับตั๊กแตนตำข้าวเนี่ย) แต่มีข้อแม้ว่ามันต้องมีขนาดใหญ่กว่าทารันทูล่าตัวที่มันจะกินมากๆไม่เช่นนั้นตัวมัน เองนั่นละก็จะเป็นเหยื่อเสียเอง*** คำถาม: แล้วมีไหม สัตว์โลกที่เกิดมาเพื่อ "ล่า" ทารันทูล่าโดยเฉพาะ!? มีครับ ชื่อของมันคือ tarantula hawks หรือ Tarantula Wasp นั่นเอง (Pepsis and Hemipepsis spp) รูปของเจ้าตัวต่อtarantula hawks จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:41:43 ]

ความคิดเห็นที่ 76 รูปของเจ้าตัวต่อtarantula hawks  ลืมเอาลงเมื่อกี๊ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:42:16 ]

ความคิดเห็นที่ 77 tarantula hawks จัดว่าเป็น "ยมทูต" สำหรับทารันทูล่าเลยก็ว่าได้ครับ เรียกได้ว่าถ้ามันพบเจ้าตัวต่อนี้เมื่อไหร่ ชะตามันถึงฆาตแน่นอน100%  ไม่เคยมีรายงานว่า ทารันทูล่าสามารถเอาชนะเจ้าตัวต่อนี้ได้เลย เจ้าตัวต่อที่จะออกล่าทารันทูล่านั้นจะเป็นเพศเมียที่โตเต็มวัยแล้ว โดยมันจะออกเดินไปตามพื้นดิน เพื่อหาทารันทูล่า ตัวที่โชคร้าย เมื่อพบแล้ว มันจะล่อให้ทารันทูล่าออกมาจากรู(ถ้ากรณีที่ทารันทูล่าอยู่ในรู) โดยแกล้งทำเป็น ส่งสัญญาณว่ามีเหยื่อ(ก็คือตัวมันนั่นเอง) มาป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆหน้ารัง  พอทารันทูล่าโผล่ออกมาก็ติดกับมันทันที ถึงแม้จะมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น แต่นั้นก็เป็นเพียงการยื้อเวลาตายเท่านั้น เพราะทารันทูล่าไม่อาจสู้กับความเร็ว และความรุนแรงของพิษของเจ้าตัวต่อนี้ได้ หลังจากที่ตัวต่อประสบความสำเร็จในการส่งพิษเข้าสู่ทารันทูล่าแล้ว  ทารันทูล่าก็จะกลายเป็นอัมพาต หลังจากนั้นเจ้าตัวต่อก็จะขนย้ายทารันทูล่าลงไปในรังของตัวทารันทูล่าเอง และวางไข่ของตนที่ทารันทูล่า โดยจะวางไข่บริเวณช่องท้องของมันเพียง1ฟองเท่านั้น  โดยในระหว่างนี้ทารันทูล่ายังมีชีวิตอยู่เพียงแต่จะขยับไม่ได้ เนื่องจากเป็นอัมพาต ***ถ้าในกรณีที่เจ้าตัวต่อ ไปเจอทารันทูล่าเดินป้วนเปี้ยนอยู่(ไม่ได้อยู่ในรู) หลังจากจัดการแล้ว มันก็อาจจะลงมือขุดหลุมด้วยตนเอง หรือหาโพรงแถวๆนั้นเพื่อลากตัวทารันทูล่าไป*** หลังจากวางไข่ลงบนตัวของทารันทูล่าเสร็จแล้วมันก็จะปิดปากโพรง แล้วก็จากไป  และหลังจากนั้น 1-2วัน ไข่ก็จะเริ่มฟักออกมาเป็นตัวหนอน และจะค่อยๆกินเจ้าทารันทูล่าทั้งเป็น โดยมันจะใช้เวลา โซ้ยประมาณ20-30วัน โดยจะเลือกกินจากส่วนที่ไม่สำคัญก่อน หลังจากนั้นทารันทูล่าก็จะเหลือแต่ซากครับ รูปตอนที่หนอนตัวต่อกำลังกินทารันทูล่า ตอนนี้ทารันทูล่ายังไม่ตาย จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:42:53 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เริ่มตัวโต จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:43:16 ]

ความคิดเห็นที่ 79 อร่อยใหญ่เลย จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:43:35 ]

ความคิดเห็นที่ 80 กินเกลี้ยงเลยครับเหลือแต่ซาก จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:43:54 ]

ความคิดเห็นที่ 81 คลิปการต่อสู้กัน ระหว่างเจ้าตัวต่อกับทารันทูล่า สังเกตดูได้ว่าทารันทูล่า ไม่อยากสู้ด้วย เป็นเพราะรู้ว่าสู้กันไปยังไงก็แพ้อยู่ดี จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:44:23 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ต่อครับอันนี้ภาคจบ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 83 คุณเชื่อหรือไม่ว่าทารันทูล่าบางสายพันธุ์ เช่น Eupalaestrus weijenberghi นั้น สามารถค้นพบวิธี เอาตัวรอดจากเจ้าตัวต่อมหาประลัยนี้ได้ โดยมันได้ขุดหลุมให้ลึกขึ้นกว่าปกติ และตรงปลายสุดของรู มันจะเหลือที่ไว้แค่พอให้ตัวมันแทรกเข้าไปได้ พอเวลาฉุกเฉินมันก็จะหลบเข้าไปในรูโดยมุดเข้าไปข้างในสุด แล้วโผล่มาแต่ส่วนปลายของก้นของมัน  ทำให้เจ้าตัวต่อไม่อาจปล่อยเหล็กในเข้าสู่จุดสำคัญได้   เจ้าตัวต่อเจอมุขนี้เข้าก็คงเซ็งระเบิด  มันก็จะจากไปเอง รูปครับ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:45:15 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ทารันทูล่ากับมนุษย์ นอกจากคนบางกลุ่มจะนำทารันทูล่ามาเลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักแล้ว ยังมีคนอีกบางกลุ่ม เห็นทารันทูล่าเป็นอาหารมื้อโอชะ  โดยเมนูแมงมุมยักษ์ทอดนั้น เป็นที่นิยมอย่างมากในกัมพูชา โดยจะนำผงชูรส เกลือ กระเทียมสับ และน้ำตาลมาคลุกเคล้าเข้าด้วยกันหลังจากนั้น ก็จะนำทารันทูล่า ลงไปทอดกับเครื่องเทศเหล่านี้...  โดยจะทอดทั้งเป็นพร้อมกับกระเทียมและจะนำมาคลุกกับเครื่องเทศทีหลัง อารมณ์คงประมาณทอดตั๊กแตนทั้งเป็นนั่นละครับ หน้าตาออกมาจะเป็นแบบนี้ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:46:35 ]

ความคิดเห็นที่ 85 กับแบบนี้ ***เรื่องรสชาติใครเคยทานช่วยบอกที ผมไม่มีประสบการณ์เลยบรรยายไม่ถูก*** แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 52 14:47:22 จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:46:57 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ปิดท้ายด้วยสาระทั่วไปเกี่ยวกับทารันทูล่าเล็กๆน้อยๆ - ประเทศไทยก็มีทารันทูล่า โดยคนไทยจะเรียกว่าบึ้งซึ่งมี4 ชนิด บึ้งดำ, บึ้งลาย, บึ้งน้ำตาล, บึ้งน้ำเงิน โดยบึ้งน้ำเงิน ชื่ออังกฤษคือCobalt Blue (Haplopelma lividum) และบึ้งดำคือThailand Black (Haplopelma minax)   โดยทั้งสองสายพันธุ์นั้นเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่คนเลี้ยงของต่างประเทศ รูปของ บึ้งน้ำเงิน แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 52 15:23:44 จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:48:04 ]

ความคิดเห็นที่ 87 รูปของ บึ้งดำ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:48:28 ]

ความคิดเห็นที่ 88 - ทารันทูล่าบางสายพันธุ์เชื่องมาก และมีสีสรรค์ที่สวยงามสุดยอด จึงเป็นที่นิยมของบรรดาคนชอบเลี้ยงสัตว์แปลก โดยสายพันธุ์ที่ฮ็อตฮิต ติดลมบนตลอดกาลคือ Grammostola และ Brachypelma - ไม่เคยมีรายงานว่าทารันทูล่ากัดคนตาย เพราะถึงแม้จะเจ็บปวดมาก(อาการคล้ายๆโดนผึ้งต่อยแต่ปวดกว่า) แต่พิษของทารันทูล่าก็ไม่ทำให้ถึงตาย - เขี้ยวของทารันทูล่าสามารถกัดทะลุเล็บนิ้วมือของเราได้ - ทารันทูล่าหายใจโดยอวัยวะที่เรียกว่า book lung ที่อยู่ทางด้านใต้ของช่องท้องของมัน โดยทารันทูล่าจะมี4 และแมงมุมทั่วไปจะมีแค่2เท่านั้น - แม้จะมีถึง 8 ตา แต่สายตาของทารันทูล่าก็แย่มาก มันสามารถมองเห็นได้แค่ระยะ2-3นิ้ว และไม่สามารถบอกอะไรได้มากไปกว่าความเคลื่อนไหวหรือรูปร่างแบบคร่าวๆ และ ความมืด-สว่าง เท่านั้น - ทารันทูล่าชดเชยความอ่อนแอทางสายตา ด้วยประสาทสัมผัสด้านแรงสั่นสะเทือนระดับโครตเทพแทน - ทารันทูล่าไม่มีระบบรับเสียง ดังนั้นถ้าคุณจะตะโกนไล่ด่ามันไปเท่าไหร่ มันก็ไม่ได้ยินคุณหรอก (แต่มันก็อาจจะรับรู้ได้จากแรงสั่นสะเทือนของเสียงในอากาศ) - ในโลกนี้ไม่ได้มีเพียง Goliath Birdeater (Theraphosa blondi) เท่านั้นที่ไซส์ใหญ่ ยังมีอีกหลายสายพันธุ์ ที่ยักษ์ไม่แพ้กัน คือ Brazilian Salmon Pink (Lasiodora parahybana)และ Lasiodora klugi และยังมีอีกสายพันธุ์คือ Pinkfoot Goliath (Theraphosa apophysis) โดยสายพันธุ์นี้ เลยมีคนพบว่าตัวใหญ่ถึง 13ฟุตเลยทีเดียว (ใหญ่กว่าไม้บรรทัดฟุตเหล็กอีก) ***ขออภัยครับ พิมพ์ผิด ขอแก้ไขจากขนาด13ฟุตเป็น 13 นิ้วนะครับ เพิ่งจะมาอ่านพบ  สงสัยเบลอไปหน่อยผม*** - ทารันทูล่ากระโดดไม่ได้นะคร๊าบ - ทารันทูล่าตัวเมียจะมีอายุเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 15-35ปีโดยประมาณ(ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์) - ทารันทูล่าไม่มีอารมณ์โกรธ,เศร้า,เหงา,สนุกฯลฯ เพียงแต่ใช้ชีวิตไปตามสัญชาติญาณเท่านั้น - ความสามารถในการจดจำของทารันทูล่านั้นแทบไม่มี ซึ่งนั้นก็หมายความว่าทารันทูล่าเรียนรู้อะไรแทบ ไม่ได้เลย  ถึงได้ก็น้อยมาก - ทารันทูล่าไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อในการขยับขา แต่ใช้จากแรงดันของเหลวในร่างกายแทน - ทารันทูล่าบางสายพันธุ์สามารถส่งเสียง "ขู่" ผู้มาเยือนได้ โดยเสียงจะคล้ายๆกับเสียงฉีกผ้า โดยเสียงที่ว่านี้ สามารถไปได้ไกลถึง 15ฟุต (Anoploscelus lesserti, Phlogius crassipes, Citharischius crawshayi, Theraphosa blondi, Pterinochilus spp.)  โดยมันจะเอาขามาถูกันให้ขนที่แข็งของมันเสียดสีกัน จนเกิดเป็นเสียงขึ้นมา - ทารันทูล่าที่นักเดินทาง หรือผู้คนพบเห็นเดินป้วนเปี้ยนไปมา ตามสถานที่ต่างๆ ส่วนมากแล้ว99%เป็นตัวผู้ทั้งนั้น - ทารันทูล่าเป็นสัตว์ที่มีความอึดอย่างไม่น่าเชื่อ โดยมันสามารถอยู่ในกล่องส่งของที่ปิดผนึกของบริษัทไปรษณีย์ และแทบจะไม่มีอากาศไว้หายใจได้นานหลายวัน โดยในหมู่ผู้เลี้ยงทารันทูล่าตามต่างประเทศนั้น การส่งแมงมุมของตนทางไปรษณีย์ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาๆ ไปเสียแล้ว แถมบางกรณีเปิดกล่องออกมา พี่แกยังชักใยอยู่เต็มกล่องไปเรียบร้อยแล้ว - ในทารันทูล่าโลกใหม่จะมีอยู่เพียงสายพันธุ์เดียวเท่านั้นที่ไม่มีขนคันคือPsalmopoeus spp. - ทารันทูล่าโลกเก่า (Old World tarantulas) หรือทารันทูล่าในแถบเอเชีย, ทวีปแอฟริกาฯลฯ นั้น ถึงแม้ไม่มีขนคันเป็นอาวุธลับ แต่ก็ชดเชยด้วยพิษจากการกัดที่รุนแรงกว่ามากๆ เช่นบรรดาบึ้งในบ้านเราเป็นต้น - แม้ทารันทูล่าจะมีปาก แต่ก็ไม่สามารถเคี้ยวอะไรได้ ปากของมันจะทำหน้าที่ดูดของเหลว จากตัวของเหยื่อเอง โดยของเหลวนั้นได้มาจากการปล่อยน้ำย่อยค่อยๆละลายส่วนที่อ่อนนุ่มของตัวเหยื่อ แล้วดูดจ๊วบๆกินเอา - ทารันทูล่าพันธุ์ที่ตัวเล็กที่สุดคือสายพันธุ์Acanthopelma annae จากประเทศBelize โดยมีขนาดลำตัวรวมขาแล้วไม่เกิน 1 นิ้วเท่านั้น (ปัจจุบันหลังจากการจำแนกทางวิทยาศาสตร์ ได้ย้ายสายพันธุ์นี้ไปยัง Barychelidae subfamily แล้วครับ) - วิธีการวัดขนาดของทารันทูล่าคือ วัดจากขาหน้าถึงขาหลัง โดยจะเรียกว่าขนาดของ Legspan - ทารันทูล่าที่แก่ที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมาคืออายุ 49ปี โดยGuinness World Records (แต่พันธุ์อะไรไม่เห็นจะบอก เดาว่าน่าจะเป็น Brachypelma smithi นั่นละครับ) - ทารันทูล่าเป็นสัตว์ประเภท venomous ไม่ใช่ poisonous แบบที่บางคนเข้าใจ - แปลกแต่จริง ทารันทูล่าบางสายพันธุ์สามารถอยู่อาศัยในรูเดียวกันได้ เช่นในสกุล Hysterocrates และสกุล Pamphobeteus sp. โดยต่างคนต่างอยู่ และต่างหาอาหารส่วนตัว - อันนี้แปลกกว่า... ทารันทูล่าบางสายพันธุ์ (Aphonopelma sp) "ยอม" ให้สัตว์ที่เป็นเหยื่ออาศัยอยู่ด้วย ในรูเดียวกัน สัตว์ที่ว่าคือกบตัวเล็ก(จากสายพันธ์ gastrophryne olivacea) สาเหตุนั้นน่าจะเกิดจาก ต่างคนต่างก็ใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน โดยกบก็ได้รับการปกป้องจากจากนักล่าอื่นๆ และทารันทูล่าเองก็ ได้เจ้ากบที่มาคอยกินแมลงและมดให้โดยเฉพาะในช่วงที่มันกำลังดูแลถุงไข่ของมัน จบแล้วครับ  ข้อมูลในเชิงวิทยาศาสตร์อาจจะน้อยไปนิดนะครับ เช่น กายวิภาคของทารันทูล่า ระบบดูดซึม ระบบย่อยอาหาร ระบบสมอง และระบบโลหิต ฯลฯ  ถ้าสนใจโอกาสหน้าจะนำมาลง เพิ่มเติมให้แบบเต็มๆครับ "แมงมุมลายตัวนั้น ฉันเห็นมันซมซานเหลือทน วันหนึ่งมันถูกฝน ไหลลงจากบนหลังคา พระอาทิตย์ส่องแสง ฝนแห้งเหือดไปลับตา มันรีบไต่ขึ้นฝา หันหลังมาทำตาลุกวาว" แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 52 20:40:34 แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 52 14:50:48 จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 14:49:04 ]

ความคิดเห็นที่ 89 #84,#85 เอิ้ววววววววว ทำกับปุกปุยได้้ จากคุณ : muangming - [ 1 ก.พ. 52 14:57:03 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ^^~ จากคุณ : แพ้รอยยิ้ม - [ 1 ก.พ. 52 14:58:50 ]

ความคิดเห็นที่ 91 อ่านสนุกสุดยอดครับ โหวต + Gift เลยครับ... จากคุณ : หมึกสด - [ 1 ก.พ. 52 15:11:28 ]

ความคิดเห็นที่ 92 แวะมาดูรูปก่อน เดี๋ยวจะมาตามอ่านทีหลัง ขอบคุณครับ ^^ สวยๆเยอะเลย จากคุณ : NukitaR - [ 1 ก.พ. 52 15:17:40 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ผมเพิ่งทราบนะครับว่า บึ้งที่คนแถวๆสวน ขุดหลุมมากินกันมันก็คือเจ้านี้นี่เอง นึกว่ามันคนละอย่างกัน จากคุณ : bootsarin (bootsarin) - [ 1 ก.พ. 52 15:18:03 ]

ความคิดเห็นที่ 94 สุดยอดๆๆๆๆ จากคุณ : NHN - [ 1 ก.พ. 52 15:28:15 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เยี่ยมครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : neilarm - [ 1 ก.พ. 52 16:00:48 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ตัว #0 กับ #19 ลายสวยดีครับ แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 52 16:09:12 จากคุณ : Time & Trust - [ 1 ก.พ. 52 16:08:29 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ขอบคุณครับ ว่าจะอ่านเอาความรู้ แต่ทนอ่านไมไหวจริงๆ เพิ่งรู้ว่า แม้แต่รูปก็กลัวแฮะ จากคุณ : Chaloth - [ 1 ก.พ. 52 16:34:21 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ขอบคุณครับ จากคุณ : rikusu - [ 1 ก.พ. 52 16:34:33 ]

ความคิดเห็นที่ 99 บึ้งขนเคยกินตอนเด็กๆ หาหญ้าขนิดนึงเป็นหนามรอบๆไปแหย่รูเอาไข่มาหมกเค็มๆมันๆ จากคุณ : 9jvLydfbN - [ 1 ก.พ. 52 16:36:46 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ตกลงว่า เราสามารถเลี้ยงมันได้ แต่ต้องระวังพิษของมันใช่ไหมครับ หรือว่า เลี้ยงพันธุ์ที่เชื่องๆ ก็โอเคแล้ว จากคุณ : คาถาป้องกันแห้ว - [ 1 ก.พ. 52 16:42:26 ]

ความคิดเห็นที่ 101 โอ้ เพิ่งรู้ว่าเจ้าทารันทูร่า ก็คืิอ "แมงอี่บึ่ง" บ้านผมนี่เอง ฮ่าๆ จากคุณ : PliZZarD... - [ 1 ก.พ. 52 16:52:56 ]

ความคิดเห็นที่ 102 โหววว จขกท.ขยันมากเลยค่ะ นับถืออๆ อย่างนี้ต้องโหวต ^___________^ แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 52 17:04:48 จากคุณ : Epiglottis - [ 1 ก.พ. 52 17:04:11 ]

ความคิดเห็นที่ 103 เป็นความรู้ที่ทำให้รู้จักบึ้งมากขึ้น ขอบคุณครับ โหวตครับ (ในคห.88 น่าจะเป็น 13 นิ้วมากกว่า 13 ฟุตนะครับ) จากคุณ : พรเลิศ - [ 1 ก.พ. 52 17:09:26 ]

ความคิดเห็นที่ 104 แวะมาให้กีฟท์แรกของเดือนนี้ค่ะ... ปล. ร่วมรณรงค์เรื่องความรับผิดชอบ ต่อการนำเข้าสัตว์แปลกต่างท้องถิ่นมาเลี้ยงในประเทศไทยค่ะ... จากคุณ : primjang - [ 1 ก.พ. 52 17:19:27 ]

ความคิดเห็นที่ 105 vote ครับ น่ากิน จากคุณ : babysang - [ 1 ก.พ. 52 17:25:17 ]

ความคิดเห็นที่ 106 มันก็น่ารักดีนะ จากคุณ : สายน้ำตะวันออก - [ 1 ก.พ. 52 17:42:21 ]

ความคิดเห็นที่ 107 กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ขยักแขยงงงงงงงงงงงงงงง จากคุณ : จำใจต้องเลือกข้าง - [ 1 ก.พ. 52 17:55:17 ]

ความคิดเห็นที่ 108 แมงมุมตัวน้อย....ขนปุกปุย บรึ๋ย....น่ากลัวอะัคับ ปล. ผมกลัวแมงมุมอะ แหะๆ จากคุณ : เฉาก๊วยกะบ๊วยเค็ม - -" - [ 1 ก.พ. 52 18:04:17 ]

ความคิดเห็นที่ 109 T^T ยี้ แหยง ดูภาพไป ขนลุกไป สยองไป แล้วแมงมุมพันธ์ไหน ถูกกัดแล้วเป็นสไปเดอร์แมนคะ จากคุณ : iCeLadyzInW - [ 1 ก.พ. 52 19:25:33 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ขอบคุณครับ จากคุณ : ใส่พริกเม็ดเดียว - [ 1 ก.พ. 52 19:29:51 ]

ความคิดเห็นที่ 111 เป็นเลิศครับกระทู้นี้... Cobalt Blue สวยมากครับ จากคุณ : รักสาว มธ. (NoahComeBack) - [ 1 ก.พ. 52 19:36:19 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ขนลุก...บึ๋ยๆ   โหวดดด 1 จึ๊ก จากคุณ : ปลาหมึกรสเลม่อน - [ 1 ก.พ. 52 19:42:13 ]

ความคิดเห็นที่ 113 เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้ ประเภทรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เพราะว่าเป็น Arachnophobia ขั้นรุนแรง เหอะๆๆ .. ดูไป อ่านไป สยองไป ขอบคุณจขกท.มากๆค่า ที่เอามาแบ่งปัน แต่ขอโทษนะ ถ้าเป็นข้าพเจ้าเจอเจ้าพวกนี้ ขอไบกอนกับไฟแช็คด่วน จากคุณ : BK_unz - [ 1 ก.พ. 52 20:08:28 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เยี่ยมครับ คุณเป็นรักแรกของเดือนนี้ครับ  ..เอาใจไป 3 คะแนน จากคุณ : jedi-jaidee - [ 1 ก.พ. 52 20:17:09 ]

ความคิดเห็นที่ 115 venomous กับ poisonous ต่างกันอย่างไรครับ จากคุณ : EvilNighT - [ 1 ก.พ. 52 20:29:13 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ขอบคุณค่ะ..สำหรับกระทู้ดีๆๆ ได้ความรู็้มากมาย.... นึกถึงอาราก๊อกเลยค่ะ...อาราก๊อกเป็นทารันทูร่ายักษ์ ในป้าต้องห้าม.. แถวๆๆ ฮ๊อกวอต..ค่ะ.. จากคุณ : nuanapa - [ 1 ก.พ. 52 20:30:37 ]

ความคิดเห็นที่ 117 แมงมุม.. แมงมุม..  ขยุ้มหัวจายยยยยยย....... จากคุณ : Baritoreca - [ 1 ก.พ. 52 20:33:29 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ความคิดเห็นที่ 103 เป็นความรู้ที่ทำให้รู้จักบึ้งมากขึ้น ขอบคุณครับ โหวตครับ (ในคห.88 น่าจะเป็น 13 นิ้วมากกว่า 13 ฟุตนะครับ) จากคุณ : พรเลิศ - [ 1 ก.พ. 52 17:09:26 ] ขอบพระคุณมากครับ แก้ไขแล้วครับ  ขออภัยทุกๆท่านด้วยนะครับ แต่ถ้า 13 ฟุตมีจริง ก็ตัวใครตัวมันแล้วคร๊าบบบบ... ความคิดเห็นที่ 115 venomous กับ poisonous ต่างกันอย่างไรครับ จากคุณ : EvilNighT - [ 1 ก.พ. 52 20:29:13 ] ถ้าจะอธิบายแบบง่ายๆ venomous คือพิษที่เกิดจากการ กัด(แมงมุม) ต่อย(ผึ้ง) หรือฉก(งู) ครับ แต่ poisonous คือพิษที่เกิดจากการสัมผัส โดยตรงครับผม และขอขอบพระคุณทุกความคิดเห็นครับ จากคุณ : Wr:lOn - [ 1 ก.พ. 52 21:02:07 ]

ความคิดเห็นที่ 119 49 พิษของท่าน Brown recluse ครับ  (ไม่ใช่ทารันตูล่านะ) ชอบเลยกระทู้นี้ จากคุณ : GreenEyes - [ 1 ก.พ. 52 21:03:34 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ขอบคุณนะครับ สำหรับความรู้... จากคุณ : kunchit - [ 1 ก.พ. 52 21:12:20 ]

ความคิดเห็นที่ 121 สนุกมากเลยคร้าบบ ขอบคุณมากครับผม จากคุณ : เพลงหมัดบ๊ะจ่าง - [ 1 ก.พ. 52 21:14:56 ]

ความคิดเห็นที่ 122 . . . เพลินตามนั้น . . . จากคุณ : MIG-ON-THE-WAY - [ 1 ก.พ. 52 21:42:43 ]

ความคิดเห็นที่ 123 อยากรู้ก็อยากรู้ กลัวก็กลัว อ่านไปขนลุกไป สลับกับกรี๊ดเป็นระยะๆ จากคุณ : zonier - [ 1 ก.พ. 52 21:45:30 ]

ความคิดเห็นที่ 124 อ้ากกกกกกกกกกกกกก รับไม่ได้ เกลียดแมงมุม แต่ดันนั่งอ่านจนจบ เอาโหวตไป อิอิอิ จากคุณ : ginosty - [ 1 ก.พ. 52 22:34:05 ]

ความคิดเห็นที่ 125 เยี่ยมมากๆครับ เรียบเรียงได้ดีมาก และการเล่าเรื่องสนุก ถูกใจให้สามกิ๊ฟ จากคุณ : sawatcafe - [ 1 ก.พ. 52 22:47:04 ]

ความคิดเห็นที่ 126 สุดยอดมากเลยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : Icke - [ 1 ก.พ. 52 22:47:42 ]

ความคิดเห็นที่ 127 โอว ขอบคุณสำหรับสาระดีๆ นะคะ แต่สยองมาก ขนลุกซู่ซ่าตลอดการอ่าน จากคุณ : Pimano - [ 1 ก.พ. 52 22:55:29 ]

ความคิดเห็นที่ 128 กลัวแมงมุมมาก.... แต่กับกระทู้นี้ไม่เป็นแฮะ อย่างว่าเรากลัวสิ่งที่เราไม่รู้จักมัน ถ้าได้รู้อะไรอย่างนี้ก็สบายใจขึ้น จากคุณ : ม้วนหน้าข้ามไหล่ - [ 1 ก.พ. 52 23:35:14 ]

ความคิดเห็นที่ 129 สุดยอด ไม่เคยรู้มาก่อน จากคุณ : กระรอกไฟ - [ 1 ก.พ. 52 23:40:18 ]

ความคิดเห็นที่ 130 #1 นิดนึงครับ..เมือง Tarentum ปัจจุบันเรียก ตารานโต (Taranto) ครับ บ่ไจ้โตรอนโต้...นั่นมันอยุ่ในแคนาดา แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 52 00:58:32 จากคุณ : นายปลาตีน (นายปลาตีน) - [ 2 ก.พ. 52 00:57:52 ]

ความคิดเห็นที่ 131 แผลในรูปคห.49 ดูไปดูมาเหมือนตัวแมงมุมแบบไม่มีขาเลยค่ะ นั่งอ่านไป ก็นั่งคันไป ไม่รู้ทำไม เห็นแล้วมันรู้สึกคันยิกๆ ปล.ตามันลุกวาวจริงๆด้วยเนอะ จากคุณ : น้องสะใภ้ข้างบ้าน - [ 2 ก.พ. 52 04:08:25 ]

ความคิดเห็นที่ 132 โดยส่วนตัวแล้วเกลียดแมงมุม (เป็น Arachnophobia ขั้นรุนแรง) แต่จาก คห.49 นั้น ดูใน Wikipedia แล้ว พบว่ากรณีที่เกิดแผลเนื้อตาย (Necrosis) จากแมงมุมชนิดนี้กัดนั้นเกิดขึ้นน้อยมากครับ บางคนโดนกัดแล้วไม่เป็นอะไรเลยก็มี จากคุณ : A_Hawkins - [ 2 ก.พ. 52 04:52:16 A:194.82.58.162 X: ]