Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    หากทะเลแล้งไป หากดวงใจลับลง หมดแผ่นดินสิ้นลม จะมั่นคงชั่วนิรันดร์

    พอดีนึกๆถึงดาวอังคาร ว่านักวิทยาศาสตร์บอกว่า ดาวแดงที่เก่าแก่ดวงนี้สูญเสียชั้นบรรยากาศ และผืนทะเลมหาสมุทรไปจนสิ้น ด้วยว่าถูกพัดพาออกไปโดยลมสุริยะ เนื่องจากสนามแม่เหล็กของดาวที่ปกป้องอยู่ เกิดออ่นกำลังลงจนหายไปเกือบหมด และก๊าซและไอน้ำต่างๆก็ยังหนีออกไปเองด้วยเพราะแรงโน้มถ่วงที่อ่อนกว่าโลก

    นั่งๆอยู่ก็นึกๆเล่นๆว่า เอ๊.. ถ้าสักวันหนึ่งโลกเราเก่าแก่กว่านี้ จะเกิดเหตุการณ์คล้ายๆกันนี้กับโลกไหม ก็นั่ง surf เน็ตหาไปหามา ก็เจอข่าวน่าสนใจจนได้ เห็นว่าเป็นประโยชน์ ก็เลยนำมาโพสเอาไว้ครับ ใครอ่านได้ก็อ่านไปก่อนเลย ไว้แล้วคืนนี้ครึ้มๆจะนั่งแปล

    เนื้อความโดยสรุป มีว่า ทีมนักธรณีวิทยาญี่ปุ่นคำนวณว่า มหาสมุทร มีรอยรั่วที่ต่อกับชั้นแกนโลก โดยผ่านทางรอยแยกของทวีป และแนวภูเขาไฟต่างๆ แล้วน้ำในทะเล ก็รั่วกลับลงไปในนั้น มากกว่าที่น้ำที่อยู่ในเนื้อโลกในสภาวะก๊าซ จะถูกปลดปล่อยกลับออกมาจากชั้นเนื้อโลกกลับสู่ระบบมหาสมุทร โดยการระเบิดของภูเขาไฟ หรือน้ำพุร้อน หรือออกมาตามจุด hot spot ต่างๆ

    เขาก็เลยสร้างโมเดลว่า ภายในพันล้านปีข้างหน้า มหาสมุทรบนโลก ..จะแห้งขอดลง..

    ภาพของโลกที่เหือดแห้ง เหลือแต่ผืนดิน และทวีป
    ที่ปราศจากมหาสมุทร ช่างดูหม่นเศร้า

    ไม่ว่าจะมองในมุมมองแบบสารคดีวิทยาศาสตร์ หรือแม้แต่เอาไปคิดนึกต่อ
    ไปเป็นภาพโลกอนาคตแบบนิยายวิทยาศาสตร์

    เช่้นเดียวกับภาพที่ปรากฏในเรื่องของนครไดอาสปาร์
    ปราการสุดท้ายของอารยธรรมมนุษย์ ในวันที่
    มหาสมุทรทั้งปวงแห้งเหือดลง ดังที่ Arthur C. Clarke นำเสนอเอาไว้ใน
    นวนิยายเรื่องเยี่ยม "ประหนึ่งจะเย้ยรัตติกาล" ของเขา
    http://en.wikipedia.org/wiki/The_City_and_the_Stars

    ต่างก็น่าสนใจทั้งสิ้น

    พอดีวันนี้รู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อมองแสงอาทิตย์สุดท้าย
    ลับเหลี่ยมเขาที่ดอยสุเทพ ตรงที่ทำงาน ผมรู้สึกได้ทันทีว่า ไม่ว่าโลกเรา
    จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่ความรู้สึกรัก และผูกพันที่คนเรามีให้แก่
    คนพิเศษของแต่ละคน ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร จะไม่มีวันที่จะเปลี่ยน
    ฃแปลง แม้ว่าตัวเราจะดับสลายไปแล้ว แต่ความรู้สึกทั้งมวลนั้น ยังคง
    เหมือนเดิม ...ตลอดไป...

    แม้นว่าในอนาคตข้างหน้า โลกนี้จะเปลี่ยนไปอย่างไร
    หากทะเลแล้งไป ถ้าดวงใจลับลง หมดแผ่นดินสิ้นลม
    ...จะมั่นคงชั่วนิรันดร์


    ======================================

    นักวิทยาศาสตร์รายงานว่า การรั่วของทะเลจะทำให้โลกแห้งลง
    น้ำไหลเข้าไปในชั้นแกนโลกผ่านทางเหวทะเล และรอยต่อของทวีป และจุด
    ปะทุภูเขาไฟต่างๆ

    17 กันยายน 1999
    นักธรณีวิทยาทำนายว่าโลกจะแห้งเหือด และแห้งแล้งเหมือนดาวอังคารภายใน
    เวลาประมาณหนึ่งพันล้านปีเนื่องจากทะเลรั่ว นักธรณีวิทยาจากสถาบัน
    เทคโนโลยีโตเกียวอ้างว่า ภายในเวลาหนึ่งพันล้านปี โลกจะขาดน้ำ แห้งแล้ง
    กันดารเหมือนดาวอังคาร การคำนวณของพวกเขาแสดงให้เห็นว่า มหาสมุทร
    กำลังปล่อยให้น้ำนับพันล้านแกลลอนรั่วกลับเข้าไปในโลก และมีเพียงหยิบมือ
    เดียวเท่านั้นที่หมุนเวียนกลับออกมา ตามรายงานในวารสาร New Scientist
    ฉบับวันที่ 11 กันยายน 1999

    นักธรณีวิทยาเชื่อว่า น้ำปริมาณมหาศาลถูกกักเอาไว้ในเกลือแร่ที่ฝังลึกอยู่ใน
    เขตรอยต่อระหว่างเนื้อโลก(mantle)ชั้นนอก และเนื้อโลกชั้นใน ซึ่งอยู่ในระดับ
    ลึกราว 250 ไมล์ จากพื้นผิวของดาวเคราะห์ น้ำจะเข้าไปสู่ชั้นเนื้อโลก ที่เขต
    รอยเลื่อนที่ชั้นเปลือกโลกใต้ทะเลจมลงไปใต้แผ่นเปลือกโลกส่วนที่เป็นทวีป
    น้ำบางส่วนจะผุดขึ้นมาบนโลกอีกครั้งตามจุดปะทุของภูเขาไฟ และสันภูเขาไฟ
    กลางทะเลที่หินหลอมละลายจากเนื้อโลกชั้นนอกถูกดันขึ้นมาผ่านทางเปลือก
    โลก

    ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน นักวิจัยส่วนมากอนุมานไว้ว่า อัตราการไหลเหล่านี้มี
    สมดุลกันอย่างหยาบๆ แต่ ชิเกโนริ มารุยาม่า และทีมงาน ที่สถาบันเทคโนโลยี
    โตเกียว พยายามที่จะหาตัวเลขตามจริงของอัตราการหายไปของน้ำ และพวก
    เขาได้ข้อสรุปที่แตกต่างออกไป พวกเขาเชื่อว่ามหาสมุทรกำลังสูญเสียน้ำ รั่ว
    ลงไปในโลกด้วยอัตรามากกว่าที่น้ำจากในโลกจะผุดกลับขึ้นมาแทนที่น้ำที่ถูก
    ดูดลงไปถึงห้าเท่า

    "แนวคิดโดยทั่วไปนั้นฟังขึ้นมาก" เรย์มอนด์ ซานลอส แห่งมหาวิทยาลัย
    แคร์ลิฟอร์เนีย เบิร์คลีกล่าวแก่ทางทีมงานของวารสาร New Scientist

    บรรดานักธรณีวิทยาที่โตเกียวกล่าวว่า น้ำมหาสมุทรปริมาณ 1.2 พันล้านตัน จะ
    รั่วซึมลงไปในชั้นรอยต่อของเนื้อโลก แต่มีเพียง 0.23 พันล้านตันเท่านั้นที่
    เคลื่อนที่กลับออกมาจากส่วนเนื้อโลก "มหาสมุทรบนโลกจะแห้งเหือดภายใน
    เวลาหนึ่งพันล้านปี" มารุยาม่ากล่าวแก่วารสาร New Scientist "พื้นผิวของโลก
    จะดูเหมือนกับพื้นผิวของดาวอังคารมาก ซึ่งกระบวนการเดียวกันอาจเคยเกิดขึ้น
    มาแล้วบนดาวอังคารในอดีต"

    "ในช่วงต้นๆของประวัติศาสตร์โลก ค่าเกรเดียนท์ของอุณหภูมิในเขตรอยต่อ
    เปลือกโลก(sucduction zone)ต่างๆนั้นจะมีค่าสูงเกินไปมากๆ แต่เมื่อประมาณ
    750 ล้านปีที่แล้วมา ค่าเกรเดียนท์ของอุณหภูมิตามจุดรอยต่อเปลือกโลกนั้น
    เย็นลงไปจนถึงจุดที่กระบวนการนี้สามารถเริ่มเกิดขึ้นมาได้" มารุยาม่ากล่าวแก่
    New Scientist ตั้งแต่ช่วงเวลานั้นมา มารุยาม่าประมาณได้ว่า การรั่วไหล
    ของมหาสมุทรที่เกิดขึ้นทำให้ระดับน้ำทะเลลดลงเกือบ 2000 ฟุต
    มารุยาม่าเชื่อว่าตัวเลขของเขาถูกต้อง แต่ยอมรับว่ายังมีความไม่แน่นอนเกี่ยว
    กับปริมาณน้ำที่ไหลย้อนกลับขึ้นมาบนโลก เขาจะนำเสนอสิ่งที่ค้นพบในเดือน
    ธันวาคม 1999 ที่การประชุมของสมาพันธ์ธรณีกายภาพอเมริกันในซานฟรานซิ
    สโก

    แม้ว่าการคำนวณของมารุยาม่าจะถูกต้อง กระบวนการนี้จะไม่ทำให้ระดับน้ำทะเล
    ที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบันจากภาวะโลกร้อนลดลง (เพราะกระบวนการของมารุยา
    ม่านั้นเกิดขึ้นอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไปนับพันล้านปี แต่น้ำแข็งขั้วโลกอาจละลาย
    เลยภายในสองสามร้อยปีนี้ – ผู้แปล) มหาสมุทรที่รั่วไหลเองก็อาจจะก่อปัญหา
    ให้แก่สิ่งมีชีวิตบนโลกในหนึ่งพันล้านปีนับจากนี้ น้อยกว่าดวงอาทิตย์ที่เริ่ม
    ขยายตัว จนทำให้อุณหภูมิบนโลกในอนาคตร้อนจนสิ่งมีชีวิตใดที่อาจยังหลง
    เหลืออยู่บนดาวเคราะห์ดวงนี้ในเวลานั้นอยู่อย่างไม่สบายนัก !!!

    บทความแปลเสร็จแล้วครับ - ดิจิตอล-เดี้ยง!!!

    แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 52 12:43:57

     
     

    จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 4 ก.พ. 52 19:39:34 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป


Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com