ความคิดเห็นที่ 1 นิสัยคนไทยอย่างหนึ่ง คือ เบื่อง่าย ไม่สามารถทนทำอะไรได้นานๆ ดังนั้น ไม่ว่า กิจการ งาน อาชีพ อะไร ที่ต้องใช้เวลาต่อเนื่องยาวนาน และใช้สมาธินานๆ ในการดำเนินการ คนไทยแท้ๆ จะไม่ชอบทำ ลองสังเกตดูได้ ดังนั้น คนไทยคนไหน ที่เอาชนะอาการ เบื่อง่าย ของตัวเองได้ ก้สามารถทำได้ทุกอย่างที่ "มนุษย์โลก" ทำได้ จากคุณ : Homo Sapien - [ 14 ก.พ. 52 08:11:37 A:118.172.38.170 X: TicketID:202689 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เสริมอีกนิด นิสัยของคนไทยอีกอย่างหนึ่งจะคล้ายๆ ฝรั่ง คือ ความสัมพันธ์จะเป็นไปอย่างหลวมๆ (Loosely Coupling) ต่างจากคนจีน ที่ ความสัมพันธ์จะเป็นไปอย่างแนบแน่น (Tight Coupling) ทำให้กิจการของคนจีนมีลักษณะเป็นเครือข่าย ดังนั้น ถ้ามีคนไทยคนไหนทำกิจการขึ้นมาแข่งขัน ก็อาจจะเจอสภาวะ หัวเดียวกระเทียมลีบ ทำให้แข่งขันสู้ไม่ได้ ผลมันก็เลยออกมาเป็นอย่างที่เห็น ซึ่งลักษณะอย่างนี้ สามารถเทียบได้กับ การทำธุรกิจของชาวยิว ในเยอรมัน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ดังนี้ จากคุณ : Homo Sapien - [ 14 ก.พ. 52 08:16:40 A:118.172.38.170 X: TicketID:202689 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คนส่วนใหญ่คิดว่า เยอรมันอิจฉาคนยิว ที่ค้าขายเก่งกว่า ฉลาดกว่า แต่ผมคิดว่าถ้าเก่งเฉยๆ ก็คงแค่ถูกอิจฉา อย่างมากก็คงแค่ถูกข้างปาบ้าน หรือถูกขับไล่ แต่ถ้าจะให้ถึงขั้นฆ่าแกงกัน คงเป็นไปได้ยากครับ ถ้าชาวยิวไม่มีส่วนบกพร่องจริงๆ ฮิตเลอร์ก็คงยุให้คนเยอรมันฆ่ายิวไม่ขึ้น ชาวยิวบกพร่องอย่างไร จึงถูกฆ่า มีเรื่องเล่า ที่น่าจะมาจากทางฝ่ายเยอรมัน ว่าทำไมถึงเกลียดยิวนัก แต่ก่อนชาวยิวมีธรรมเนียมการทำธุรกิจ แบบที่สมัยนี้หลายประเทศถือว่าผิดกฎหมาย ชาวยิวทำอย่างไร สมมติ ชาวยิวกลุ่มหนึ่ง เป็นลูกหลานของกิจการค้าเพชรพลอยที่มั่งคั่ง กิจการเพชรพลอยร่ำรวย และอิ่มตัวแล้ว ต้องหาทางลงทุนในกิจการอย่างอื่น กลุ่มนายทุนชาวยิวจะมาประชุมกัน สมมติว่าตกลงจะลงทุนในธุรกิจรองเท้า ชาวยิวจะให้ทุนลูกหลาน คนรุ่นใหม่ ไปลงทุนทำโรงงานรองเท้า ไม่ทำแค่โรงเดียว แต่จะทำหลายโรงงาน หลายยี่ห้อ พร้อมๆกัน ตอนแรกจะยอมขาดทุน โดยอาศัยเงินทุนจากกิจการเพชรพลอยหนุนหลัง เพื่อกดดันให้โรงงานรองเท้าของคนเยอรมันเลิกกิจการ เมื่อโรงงานรองเท้าอื่นเริ่มประกาศขายกิจการ ยิวก็จะเข้าไปซื้อกิจการเพิ่ม พอยิวมีส่วนแบ่งรวมในตลาดมากพอ ก็จะกดดันร้านขายรองเท้า โดยสร้างเงื่อนไขว่า ต้องซื้อรองเท้าจากโรงงานของชาวยิวเท่านั้น ถ้าพบว่าร้านขายรองเท้าแห่งใด ซื้อรองเท้าจากโรงงานของคนเยอรมัน โรงงานรองเท้าทั้งหมดของยิว จะไม่ยอมขายรองเท้าให้ ด้วยข้ออ้างต่างๆ เช่น ผลิตไม่ทัน เมื่อยิวบีบให้ร้านขายรองเท้าต้องซื้อรองเท้าจากโรงงานของชาวยิวเท่านั้น โรงงานรองเท้าของคนเยอรมันที่เหลือ ก็เจ๊งหมด แล้วยิวก็เข้าไปกดราคาบังคับซื้อเอาถูกๆ พอยิวได้ครอบครองโรงงานรองเท้าทั้งหมด ก็เริ่มตั้งร้านขายรองเท้าของตนเอง ส่วนคนงานเย็บรองเท้าก็เริ่มถูกกดค่าแรง ไม่มีทางย้ายที่ทำงาน เพราะโรงงานทั้งหมดเป็นของยิว โรงงานยิว จะขายรองเท้าให้ร้านของชาวยิวในราคาถูกพิเศษ แบบไม่เอากำไร ทำให้ร้านรองเท้าของชาวยิวสามารถขายปลีกรองเท้าในราคาถูกกว่าร้านของคนเยอรมัน ร้านขายรองเท้าของเยอรมันก็ค่อยๆทะยอยปิดกิจการลง ยิวก็เข้าไปกดราคาซื้อต่อกิจการ ในที่สุดยิวก็ครอบครองร้านขายปลีกรองเท้าได้ทั้งหมด เมื่อยิวครอบครองธุรกิจรองเท้าได้ครบวงจรทั้งหมดแล้ว ถึงเวลาที่ยิวจะขึ้นราคารองเท้า ฟันกำไรชดเชยกับที่ยอมขาดทุนในตอนแรก อุตสาหกรรมทำรองเท้าของคนเยอรมันเจ๊ง ธุรกิจร้านค้ารองเท้าของขาวเยอรมันเจ๊ง คนงานที่มีอาชีพเย็บรองเท้าถูกกดค่าแรง ประชาชนเยอรมันต้องซื้อรองเท้าแพง คนเยอรมันจะรู้สึกอย่างไร ผ่านไปหลายปี บรรดาลูกหลานชาวยิวในธุรกิจรองเท้าเริ่มเติบโต แต่ธุรกิจรองเท้าอิ่มตัวแล้ว ขาวยิวก็จะประชุมกัน ว่าจะยึดครองการค้าชนิดใดต่อไป บางที ความโลภ และความไร้ยุติธรรม ของชาวยิวนั่นเอง ที่ฆ่าชาวยิว การยึดครองธุรกิจแบบนี้ได้ผลยิ่ง เหมือนกับเช้าวันหนึ่ง คนเยอรมันก็พบว่าร้านขายรองเท้าทุกร้านขึ้นราคาหมด เมื่อถามต่อๆกันไป ก็พบว่ายิวยึดครองร้านค้าปลีกรองเท้าไปหมดแล้ว หลักอุปสงค์อุปทาน หลักการตลาดทุกอย่าง ในเวลานั้นเป็นอันใช้ไม่ได้หมด การแทรกตัวเข้าไปในธุรกิจที่ถูกยึดครองโดยขบวนการยิวนิยมนั้นทำได้ยาก คนเยอรมันไม่สามารถตั้งร้านค้าปลีกรองเท้าเพิ่มขึ้นได้ เพราะไม่มีแหล่งโรงงานที่จะขายรองเท้าให้ในราคาที่เป็นธรรม พร้อมๆกับไม่มีใครตั้งโรงงานรองเท้าขึ้นมาแข่งได้ เพราะไม่มีร้านค้าปลีกที่จะรับซื้อรองเท้า ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เศรษฐกิจเยอรมันทรุดไปทั่ว เปิดโอกาสให้ยิวเข้ายึดครองธุรกิจไปหลายประเภท การยึดครองธุรกิจโดยกลุ่มนายทุนยิว มีผลต่อการจ้างงานด้วย ลัทธิยิวนิยมทำให้ คนยิว มีโอกาสได้ตำแหน่งงานที่ดี ในธุรกิจที่มีคนยิวเป็นเจ้าของ คนยิวแม้ไม่ใช่ครอบครัวนายทุน ก็พลอยมีฐานะการเงินที่ดี ในสังคมไปตามๆกัน ส่วนคนเยอรมันก็ต้องเป็นลูกจ้างกรรมกรในโรงงานของยิว แถมถูกกดค่าแรง การยึดครองธุรกิจของยิว ยังนำมาใช้สร้างองค์ประกอบของชนชั้นวรรณะ รองเท้าชั้นดี ที่ผลิตได้ไม่ทันความต้องการ จะไม่ถูกนำขึ้นชั้นขาย จะเก็บไว้ขายให้ชาวยิวเท่านั้น เรื่องรองเท้าชั้นดีมีไว้เพื่อชาวยิวโดยเฉพาะ รู้สึกว่าจะบาดใจคนเยอรมันเอามากๆ เพราะเมื่อเกิดจลาจลทำร้ายชาวยิวตามท้องถนนในเมืองต่างๆ คนยิวนอกจากถูกทุบตีทำร้ายแล้ว จะถูกถอดแย่งเอารองเท้าไปด้วย ชาวยิวที่ตกเป็นเหยื่อ จะถูกบังคับให้เดินเท้าเปล่าไปตามถนน ตามปกติการจะลุกขึ้นมาฆ่าแกงกัน ไม่ใช่เรื่องที่ทำง่ายๆ ต้องเก็บกด บ่มความแค้นกันมานานพอควร เรื่องชนชั้นคนจนคนรวย เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้คนลุกขึ้นมาฆ่ากันได้ ปัญหาชนชั้นในเยอรมันยิ่งหนักหนา เมื่อชนชั้นคนรวย เป็นกลุ่มชนต่างชาติ และรวยขึ้นมาด้วยวิธีการ ที่สมัยนี้ บางประเทศถือว่าผิดกฎหมายการค้า จากคุณ : Homo Sapien - [ 14 ก.พ. 52 08:17:22 A:118.172.38.170 X: TicketID:202689 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ลืมไป ข้อความเกี่ยวกับ ยิว-เยอรมัน ด้านบน อ้างอิงจาก คุณ กาลามะชน - [ 26 พ.ค. 47 20:34:38 ] กระทู้ K2837217 สาเหตุที่คนเยอรมันสมัยฮิตเลอร์ เกลียดชาวยิว จากคุณ : Homo Sapien - [ 14 ก.พ. 52 08:18:57 A:118.172.38.170 X: TicketID:202689 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เสริมอีกนิด สำหรับคนที่ยังไม่รู้ ค้นหา Google ด้วยคำว่า ยิวแห่งบูรพทิศ ---------------------------------------------------------------------------- ในสมัยรัชกาลที่ 6 มีพระราชนิพนธ์ชื่อ "ยิวแห่งบูรพทิศ" ที่ทรงแสดงความไม่เห็นด้วยกับคนจีนซึ่งมาขยายอำนาจอิทธิพลในสยามมากมายจน เป็นต้นเหตุของความไม่มั่นคงในราชอาณาจักร ทรงประณามคนจีนและเตือนภัยคนสยามในเรื่องนี้ สาเหตุก็มีไม่ใช่ไม่มี เพราะพวกอั้งยี่จีนก่อกวนสร้างความเดือดร้อนให้คนไทยมาตั้งแต่รัชกาลที่ 3 ต้องปราบปรามกันเป็นครั้งคราว พวกนี้รีดไถพ่อค้าเชื้อจีนในไทยส่งเงินกลับไปต่อสู้เรื่องการเมืองในจีน คือเท่ากับรัฐบาลไทยต้องสูญเสียเงินทองในประเทศจำนวนมาก เพราะพวกนี้นำออกไปบ้านเมืองเขา นอกจากนี้พวกเขายังเข้ามาคุมเศรษฐกิจในไทยอีกด้วย ข้อนี้เป็นภัยต่อความมั่นคงโดยตรง แต่ก็ทรงเตือนในพระราชนิพนธ์ เท่านั้น ไม่ได้มีเหตุการณ์ว่ารัฐบาลสยามสมัยรัชกาลที่ 6 ย่ำยีปราบปรามคนจีนในไทยเหมือนฮิตเลอร์ทำกับยิว พ่อค้าจีนที่สุจริตก็ทำมาหากินได้ใต้ความคุ้มครองของรัฐบาลไทยจนสิ้นรัชกาล http://www.sakulthai.com/webboard/Questionv.asp?GID=2970 ดังข้อความบางส่วนของบทความนี้ที่อธิบายเขียนความแตกต่างของคนแต้จิ๋วไว้ว่า " ทั่วโลกยอมรับว่าคนจีนขยัน ประหยัด เชี่ยวชาญธุรกิจการค้า จนมีสมญาตามที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงขนานให้ว่า "พวกยิวแห่งบูรพทิศ" แต่ปัจจุบันในประเทศจีนยกให้คนแต้จิ๋วเป็น "ยิวแห่งประเทศจีน"... จีนแคะเป็นคนยึดมั่นในอุดมการณ์ "ยอมหักไม่ยอมงอ" แต่จีนแต้จิ๋ว "ไม่ยอมงอไม่ยอมหัก หนีไปตั้งหลักแล้วกลับมาเอาคืน" เรื่องเงินทองและการค้าจีนแต้จิ๋วมักจะยอม "เสียกำได้กอบ" แต่จีนแคะ "ไม่ยอมเสียกำและไม่ยอมเสียกอบ"..." ซึ่ง ต้องเรียนว่าสำหรับท่านผู้อ่านที่เป็นลูกหลานจีนแต้จิ๋ว โปรดหาซื้ออ่านเพราะบทความนี้ และตอนต่อๆ ไปที่จะลงอย่างต่อเนื่องในนิตยสาร "ศิลปวัฒนธรรม" จะทำให้ท่านยึดอกภูมิใจกับความเป็นจีน "แต้จิ๋ว" ของตนเองได้โดยมีเหตุผลรับรอง ทำให้ท่านรู้จักกับความเป็น "แต้จิ๋ว" ในตัวเองและบรรพบุรุษมากขึ้น ส่วนลูกหลานจีนถิ่นอื่น และคนเชื้อสายอื่นๆ ได้โปรดช่วยอุดหนุน ด้วยบทความนี้คงช่วยในการวิเคราะห์กลับไปสู่เชื้อสายของแต่ละท่านได้บ้าง หรืออย่างน้อยที่สุดคงช่วยให้เข้าใจเพื่อนชาวจีนแต้จิ๋วของท่านได้ไม่มากก็ น้อย http://phradhammasathit.ไม่อนุญาตให้โฆษณา/reviews/item/1 จากคุณ : Homo Sapien - [ 14 ก.พ. 52 08:32:03 A:118.172.38.170 X: TicketID:202689 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คนไทยชอบทำนาครับ  คนไทยถูกปลูกฝังให้รักการทำนา   อะไรๆก็ซื้อต่างประเทศได้    รถยนต์  มอเตอร์ไซด์  ยารักษาโรค  เสื้อผ้า กระเป๋า  น้ำหอม  รองเท้า   ทุกอย่างซื้อเมืองนอกได้   ยกเว้น   ข้าวต้องปลูกเอง         ลองมีใครซักคนบอกให้คนไทย ลด  เลิกทำนา ซิ  คนๆนั้นจะโดนด่าจมหูว่าไม่รู้บุญคุณของข้าว ของชาวนา จากคุณ : นายสีเสียด - [ 14 ก.พ. 52 08:53:01 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไคเฟิงกับลั่วหยางต่างก็เป็นเมือง อยู่มณฑลเหอหนานทั้งคู่ครับ เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของจีนมาก่อนทั้งคู่ หนังสือเรื่องจีนในไทยสมัยก่อนเรียกลั่วหยางว่า พระนครลกเอี๋ยง ส่วนไคเฟิงก็คือที่ตั้งศาลเมืองไคฮง ของเปาบุ้นจิ้น ดูเหมือนถ้าจำไม่ผิดวัดเส้าหลินก็อยู่แถวๆ นั้น จะอยู่ที่เจิ้งโจวหรืออย่างไร จำไม่ได้ ตามประวัติคนยิวเดินทางเร่ ร่อนไปค้าขายในเมืองจีนแล้วเลยลงหลักปักฐานอยู่ที่เมืองจีนตั้งแต่หลายๆ ร้อยปีก่อน ที่ไคเฟิงนี้ว่ากันว่ามีคนยิวมาตั้งแต่ราวๆ พันปีที่แล้ว มาถึงตอนนี้ยังคงเหลือหลักฐานคัมภีร์ ซากโบสถ์ยิวเก่า ศาสนวัตถุของศาสนายูดาย บันทึกเก่า ฯลฯ อยู่ แต่คนไม่เหลือแล้วแหละครับ ปัจจุบันลูกหลานยิวพวกนี้ถูกกลืนหายกลายเป็นจีนไปหมด แยกไม่ออกจากคนจีนทั่วไปแล้ว ฝรั่งบางกลุ่มสมัยสักเจ็ดแปดสิบปีก่อน มีความรังเกียจยิวเป็นพื้นเดิม (ที่จริงรังเกียจมานานแล้วก่อนหน้านั้น และยังรังเกียจสืบมาจนสมัยฮิตเล่อร์เมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่สอง) และเมื่อมาทางตะวันออกได้คบกับจีนก็รู้สึกรังเกียจจีนพอๆ กัน ฝรั่งพวกนี้เลยเรียกคนจีนว่า พวกยิวแห่งบูรพาทิศ เป็นคำเปรียบเทียบ เพราะในยุโรปเองยิวมีชื่อ หรือถูกมองว่าเป็นพวกที่ฉลาด (แกมโกง) เค็ม ค้าขายเก่ง ขยัน ขี้เหนียว โลภ อดทน ขยายเผ่าพันธุ์แพร่แทรกเป็นยาดำไปทุกที่ทุกเมืองในยุโรป และเอาเปรียบหรือกุมอำนาจทางเศรษฐกิจเหนือฝรั่งพื้นเมือง ลักษณะต่างๆ เหล่านี้ ฝรั่งบางกลุ่มเห็นว่าคล้ายๆ คนจีนโพ้นทะเลที่ไปทำงานในที่ต่างๆ เลยเรียกจีนว่า เปรียบเหมือนเป็นพวกยิวของทางตะวันออก (ร.6 ทรงรับมุมมองอย่างนี้มาและทรงเรียกจีนว่าเป็นยิวแหงบูรพทิศตามไปด้วย มีพระราชนิพนธ์เรื่องนี้อยู่) แต่ยิวของเมืองไคเฟิงนี่แหละครับ ยิวแห่งบูรพทิศตัวจริง เป็นยิวในเมืองจีนเองเลย --------------------------------------------------------- ตอนนี้คนยิวที่ไคเฟิงก็คงจะโดนกลืนหายเป็นคนจีนไปหมดแล้วอย่างที่คุณนกข.บอก ไว้นะคะ ดิฉันเคยอ่านบทความเจอว่า มีเอกสารหรือบันทึกที่บอกไว้ว่า ยิวไคเฟิงสมัยก่อน แต่งงานกับหญิงชาวจีนไปก็มาก เพราะไม่มีหญิงชาวยิวเดินทางมาด้วยกัน เพราะคล้ายๆกับว่าจะเดินทางยากลำบาก เลยมีผู้หญิงมาด้วยไม่มาก ชายชาวยิวที่เมืองไคเฟิงที่แต่งงานไปกับหญิงพื้นเมืองออกลูกหลานสืบทอดมา รูปร่างหน้าตาก็เลยกลายเป็นคนจีนไปในที่สุด ปัจจุบันชาวจีนเหล่านี้ก็ยังถือว่าตนสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษชาวยิว ไม่ทานหมูซึ่งผิดกับคนจีนทั่วไป ดิฉันอ่านเจอด้วยว่า เมื่อมีการสำรวจสำมะโนประชากร ชาวจีนเหล่านี้จะระบุว่าตนเป็นชนเผ่า Yutai บท ความที่ดิฉันอ่านเจอนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นบทความของชาวยิวในอเมริกาน่ะค่ะ เลยมีจุดมุ่งหมายที่จะแสดงให้เห็นว่ายังมีร่องรอยของยิวไคเฟิงเหลืออยู่ http://www.reurnthai.com/index.php?topic=727.15 จากคุณ : Anonymous - [ 14 ก.พ. 52 09:06:15 A:118.172.38.170 X: TicketID:202689 ]

ความคิดเห็นที่ 8 #6 ก็โดนไปแล้วไงล่ะครับ โทษฐานจะให้พวกแขกมาลงทุนทำนา หึๆ จากคุณ : oppertunity - [ 14 ก.พ. 52 09:09:45 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มาดูที่ยะลาด้วยครับ มีร้านทองของชาวไทยมุสลิมด้วย ไม่ใช่มีแต่คนจีน จากคุณ : ksk - [ 14 ก.พ. 52 09:16:48 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นเพราะคนไทยชอบซื้อ คนจีนชอบขายครับ   . จากคุณ : บุญถิ่น - [ 14 ก.พ. 52 10:04:57 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วทำไม แขกต้อง ขายผ้า ด้วย จากคุณ : โทโมกะ - [ 14 ก.พ. 52 10:55:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12 วังบูรพา แขกขายปืนก็มีนะ จากคุณ : papikasoda - [ 14 ก.พ. 52 11:18:00 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แขกขายโรตี จากคุณ : FlyingChicken - [ 14 ก.พ. 52 11:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 14 #9 มาดูที่ยะลาด้วยครับ มีร้านทองของชาวไทยมุสลิมด้วย ไม่ใช่มีแต่คนจีน จากคุณ : ksk ^ ^ ^ เท่าที่เคยสัมผัสมา บ้านอยู่ใกล้ชุมชนร้านทอง ในจังหวัดยะลา ชาวไทยมุสลิมที่นั่น(โดยเฉพาะพวกที่เปิดร้านทอง) หลายคนมีพฤติกรรมปรับตัวเร็ว สามารถเลียนแบบวัฒนธรรมที่เด่นๆของคนจีน+คนไทย+ฯลฯ หลายๆอย่าง(มากๆ)ได้รวดเร็วมาก แต่เขาก็รักษาประเพณีสำคัญๆของเขาได้อยู่ บางคนเริ่มพูดจีนออก บางคนเริ่มรับเอาความขยันของคนจีนเข้าไป(รวมความเจ้าเล่ห์ทั้งของตัวเองและของคนจีนเข้าไป) เช่น มุสลิมบางคนที่นั่น วันหยุดทางศาสนาเขาบางคนจะหยุดยาว แต่บางคนจะแทบไม่หยุดเพราะให้เหตุผลว่า จะเอาเวลาไปทำมาหากิน เดี๋ยวนี้เห็นได้ข่าวจากทางบ้านว่า เริ่มมีการจัดงานรูปแบบเหมือนกฐิน รวบรวมหาเงินเข้ามัสยิด แต่จะเป็นประเพณีดั้งเดิมของเขาหรือไม่ อันนี้ผมก็ไม่ทราบครับ จากคุณ : Clarvoyance - [ 14 ก.พ. 52 11:34:25 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมเป็นเชื้อสายจีน  แต่ชอบเที่ยว  ใครรู้บ้างในภาพที่ไหน จากคุณ : ลุง500 - [ 14 ก.พ. 52 11:43:01 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สนามช้างเผือกครับลุงแซ่จู จากคุณ : ksk - [ 14 ก.พ. 52 13:04:05 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คนไทยเป็นคนพื้นเมืองส่วนใหญ่ก็มีที่ทำกินจากบรรพบุรุษอยู่แล้วเลยไม่ค่อยไปทำอะไรอย่างอื่น แต่คนจีนมาเสื่อผืนหมอนใบที่ทำกินก็ไม่มี ก็ต้องค้าขายรับมาขายไป พวกคนจีนมาต่างถิ่นก็มักจะช่วยเหลือกันกลายเป็นคอนเน็คชั่นจากรุ่นสู่รุ่น แต่เท่าที่เคยเห็นคนจีนในเมืองจีนแม้ในพวกระดับล่างๆ ก็มีความกระตือรือล้นมากกว่าคนไทยนะ คนไทยดูเป้นคนเฉื่อยๆไปเลยเมื่อเทียบกับคนจีน จากคุณ : gure - [ 14 ก.พ. 52 13:11:34 A:192.168.0.17 X:125.27.217.245 TicketID:111025 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คห 17 ความกระตือรือล้น ก็ขึ้นอยู่กับความคาดหวังหรือความเป็นไปได้ ในอนาคตด้วย เช่น นาย A รู้ว่าถ้าตนเองขยัน สักวันจะต้องรวย เพราะเห็นพรรคพวกเพื่อนฝูง ได้ดิบได้ดีกันทั้งนั้น นาย B ขยันไปก็เท่านั้น ธุรกิจต่างๆ โดนผูกขาดไปหมดแล้ว จะไปสู้ใครเขาได้ ถามว่า นาย A กับ นาย B ใครจะกระตือรือล้นมากกว่ากัน จากคุณ : Noname - [ 14 ก.พ. 52 13:35:14 A:118.172.23.211 X: TicketID:202689 ]

ความคิดเห็นที่ 19 #๑๕ ใช่ที่เดียวกันรึเปล่าครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7520883/K7520883.html อยู่ในความเห็นที่ ๘๖ จากคุณ : Teru - [ 14 ก.พ. 52 14:08:55 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตกลงถึงจะมีเงินลงทุนเปิดร้านทอง แต่ถ้าไม่มีคอนเนคชั่นสายคนจีนก็ลำบากใช่ไหมครับ หรือเพราะคนไทยไม่ชอบทำการค้าขายเอง จากคุณ : the chess player - [ 14 ก.พ. 52 15:54:48 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เรามีกฎหมายสงวนอาชีพ 20 อาชีพให้เฉพาะคนสัญชาติไทยทำ ไอ้อาชีพขายทองไม่ได้ถูกสงวนเอาไว้ คนจีนเลยขายทองไง  ส่วน 20 อาชีพ ที่สงวนไว้ ตอนนี้จำไม่ได้แล้วว่ามีอะไรบ้าง  เท่าที่นึกออก ก็มี  ช่างตัดผม  ถีบจักรยานรับจ้าง เป็นต้น จากคุณ : อาชีพดี ๆ ทั้งนั้น (smokie) - [ 14 ก.พ. 52 16:54:30 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ รู้สึกจะมีเผาถ่านอีกอย่างนึง จากคุณ : Pixar - [ 14 ก.พ. 52 17:15:31 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คนจีนที่ไคเฟิงบอกว่าตัวเองสืบสายมาจากคน Yutai เหรอครับ ดูตามรูปคำและการออกเสียง แสดงว่าต้อง ยิว+ไท ... คนไทย ต้องมีเอี่ยวด้วยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง...ผมว่าจีนจะเป็นยิวหยั่งงัย ค้าขายเก่งแค่ไหนก็แพ้ญวนครับ เท่าที่สังเกตจีนตั้งร้านตรงไหน พอญวนตั้งประกบ จีนย้ายร้านเลย ญวนเนี่ยน่าจะยิวตัวจริง รบ ทรหด ค้าขายเหลี่ยมพราวไม่แพ้จีน ไม่ยอมหักไม่ยอมงอ ไม่ยอม เสียกอบ ไม่ยอมเสียกำ ไม่ยอมกำขี้ไม่ยอมกำตด... จากคุณ : เต๋านีโอ - [ 14 ก.พ. 52 18:32:32 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คห 21 อาชีพสงวนสำหรับคน "สัญชาติ" ไทย นะครับ ไม่ใช่ "เชื้อชาติ" ไทย ดังนั้น ใครก็ตามที่มี "สัญชาติ" ไทย ก้ทำได้หมด ๓๙ อาชีพที่สงวนไว้สำหรับคนไทย (คนที่มีสัญชาติไทย) ซึ่งคนต่างด้าว (บุคคลธรรมดาซึ่งไม่มีสัญชาติไทย) ไม่มีสิทธิทำ ดังนี้ - งานกรรมกร - งานกสิกรรม งานเลี้ยงสัตว์ งานป่าไม้ หรือประมงยกเว้นงานที่ใช้ความชำนาญเฉพาะสาขาหรือควบคมดูแลฟาร์ม - งานก่ออิฐ งานช่างไม้หรืองานก่อสร้างอื่น - งานแกะสลักไม้ - งานขับขี่ยานยนต์หรืองานขับขี่ยานพาหนะที่ไม่ใช่เครื่องจักรหรือเครื่องกล ยกเว้น - งานขับขี่เครื่องบินระหว่างประเทศ - งานขายของหน้าร้าน - งานขายทอดตลาด - งานควบคุม ตรวจสอบ หรือให้บริการทางบัญชี ยกเว้นงานตรวจสอบภายในเป็นครั้งคราว - งานเจียระไนหรือขัดเพชรพลอย - งานตัดผม หรืองานเสริมสวย - งานทอผ้าด้วยมือ - งานทอเสื่อหรืองานทำเครื่องใช้ด้วยกก หวาย ปอ ฟาง หรือเยื่อไม้ไผ่ - งานทำกระดาษสาด้วยมือ - งานทำเครื่องเขิน - งานทำเครื่องดนตรีไทย - งานทำเครื่องถม - งานทำเครื่องทอง เครื่องเงินหรือนาก - งานทำเครื่องลงหิน - งานทำตุ๊กตาไทย - งานทำที่นอนหรือผ้าห่มนวม - งานทำบาตร - งานทำผลิตภัณฑ์ผ้าไหมด้วยมือ - งานทำพระพุทธรูป - งานทำมีด - งานทำร่มกวะดาษหรือผ้า - งานทำรองเท้า - งานทำหมวก - งานนายหน้าหรืองานตัวแทน ยกเว้นงานนายหน้าหรืองานตัวแทนในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ - งานในวิชาชีพวิศวกรรม สาขาวิศวกรรมโยธาที่เกี่ยวกับงานออกแบบและคำนวณจัดระบบ วิจัย วางโครงการทดสอบ ควบคุมการก่อสร้างหรือให้คำแนะนำ ทั้งนี้ไม่รวมงานที่ต้องใช้ความชำนาญพิเศษ - งานในวิชาชีพสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวกับงานออกแบบเขียนแบบประมาณราคา คำนวณการก่อสร้างหรือให้คำแนะนำ - งานประดิษฐ์เครื่องแต่งกาย - งานปั้นหรือทำเครื่องปั้นดินเผา - งานมวนบุหรี่ด้วยมือ/ - งานมัคคุเทศก์หรืองานจัดนำเที่ยว - งานเร่ขายสินค้า - งานเรียงตัวพิมพ์อักษรไทยด้วยมือ - งานเสมียนพนักงานหรืองานเลขานุการ - งานให้การทางจดหมายหรืออรรถคคี “ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม / สำนักพิมพ์สารคดี” http://guru.sanook.com/answer/question/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%99/ จากคุณ : Anonymous - [ 14 ก.พ. 52 20:42:44 A:118.172.23.211 X: TicketID:202689 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เฮ้อ พูดยังกับคนไทยเชื้อจีนไม่ใช่คนไทยซะงั้น มีบัตรประชาชนไทยชัดเจน เกิดในประเทศไทย โตในประเทศไทย เรียนโรงเรียนไทย ตำราเล่มเดียวกับคนที่พูดทุกวันว่า"ข้าคือคนไทยๆๆๆๆ" ทำงานมา เสียภาษาีให้รัฐบาลไทยที่ตัวเองก็เลือกตั้งมา ด้วยเงินบาทไทย เงินได้มาก็เอาไปซื้อข้าวของประเทศไทย นั่งกินในประเทศไทย ขี้ในประเทศไทย ตายไป ฮวงซุ้ยก็อยู่แถวชลบุรี สุรินทร์ ไทยทั้งนั้น แล้วทำไม พูดเหมือนกำลังพูดถึงคนที่ไม่ใช่คนไทย คนไทยคืออะไร???????? ถ้าคุณสมบัติที่กล่าวมานั้นยังไม่พอ จากคุณ : Sial - [ 15 ก.พ. 52 01:27:22 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอแย้งความเห็นสีแดงหน่อย สิ่งที่ทำให้คนฆ่ากันคือความแบ่งแยกมากกว่า คนยิวก็คิดถึงแต่พวกยิว คนไทยก็คิดว่าข้าคนไทย เมื่อคิดยังงี้แล้ว ก็จะกอบโกยให้กับพวกกันเอง ไม่ว่ายิว หรือไทย ก็ไม่ต่างกัน สมัยนี้ก็ยังฆ่ากันเพราะเหตุนี้ จากคุณ : ชาเขียวเข้มๆ - [ 15 ก.พ. 52 03:01:34 ]

ความคิดเห็นที่ 27 #23 มันอ่านว่า ยือ หรือ อือ ส่วนภาษาจีน เป็นภาษาที่มีเสียงน้อยมาก tai อาจเป็นไท ไถ ไถ่ ไท่ และความหมายมีอีกมากครับ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 15 ก.พ. 52 04:18:57 ]

ความคิดเห็นที่ 28 นอกจากนิสัยส่วนตัวแล้ว อาชีพทุกอาชีพต้องการความชำนาญ แล้วยังต้องเกาะกลุ่มรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น คนจีนบางกลุ่มจะชำนาญตัดเสื้อผ้า ตัดรองเท้า คนไทยบางกลุ่มบางอาชีพเช่น คนในวงการฑูต คนนอกกลุ่มจะแทรกเข้ายาก เป็นต้น จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 15 ก.พ. 52 06:55:03 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คห 25 "แต่ที่ทรงประณามมากที่สุดคือพวก "จีนครึ่งไทยครึ่ง" ซึ่งเปลี่ยนสีเหมือนกิ้งก่า เวลาอยู่ในหมู่คนไทยก็เป็นไทย แต่เมื่อเข้าไปในพวกจีนก็เป็นจีน ไม่มีความรักในชาติไทยอย่างแท้จริง" -------------------------------------------------------------------------- ใน พ.ศ.2457 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงพระราชนิพนธ์ พวกยิวแห่งบูรพาทิศ พระองค์ทรงเน้นโดยนัยยะถึงปัญหาที่ชาวจีนไม่ยอมกลายเป็นไทย โดยทรงมีพระบรมราชาธิบายว่าเป็นเพราะชาวจีนเป็นคนรักบ้านเกิด ถือโคตร ไม่ยอมลืมโคตร ซึ่งทำให้ชาวจีนไม่มีประโยชน์ต่อประเทศที่ตนเข้าไปอาศัย เมื่อชาวจีนไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงแต่งงานกับคนไทยก็จะทำให้คนไทยต้องกลายเป็นจีน และลูกที่เกิดมาก็เป็นจีนไปด้วย (10) การที่ทรงเน้นเรื่องคนจีนไม่ยอมกลายเป็นไทยนี้ สะท้อนว่าหากคนจีนยอมกลายเป็นไทยก็จะเป็นที่พอพระราชหฤทัย ต่อ มาเมื่อทรงพระราชนิพนธ์ เมืองไทยจงตื่นเถิด พระองค์ทรงจำแนกชาวจีนเป็นหลายพวก โดยใช้เกณฑ์ว่าชาวจีนเหล่านั้นกลายเป็นไทยหรือสนิทสนมกับคนไทยมากน้อยเพียง ใด ทรงเน้นการประณามไปที่จีนในกรุงเทพฯ ซึ่งรักษาความเป็นจีนแท้ ๆเอาไว้ แต่ที่ทรงประณามมากที่สุดคือพวก "จีนครึ่งไทยครึ่ง" ซึ่งเปลี่ยนสีเหมือนกิ้งก่า เวลาอยู่ในหมู่คนไทยก็เป็นไทย แต่เมื่อเข้าไปในพวกจีนก็เป็นจีน ไม่มีความรักในชาติไทยอย่างแท้จริง (11) พระราชนิพนธ์เรื่องนี้จึงสะท้อนปัญหาเรื่องชาวจีนไม่ยอมกลายเป็นไทยเช่น เดียวกัน http://www.midnightuniv.org/midnight2545/document95197.html จากคุณ : Anonymous - [ 15 ก.พ. 52 07:33:23 A:118.172.23.211 X: TicketID:202689 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 15 ก.พ. 52 12:24:11 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ช่างตัดผมเหนมีคนญี่ปุ่นเยอะเเยะเลยครับ จากคุณ : pakkaprom - [ 15 ก.พ. 52 12:26:33 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คำว่า yutai ที่คนยิวในเมืองจีนใช้เรียกตัวเอง น่าจะมาจากคำว่า"ยูดาย"หรือเป่ล่าครับ ในเมืองไทยนี้ นอกจากเราจะได้เห็นคนจีนเปิดร้านทองแล้ว ยังมีร้านขายผ้าของคนซิกข์ โรงงานของญี่ปุ่น รถเข็นขายโรตีโรฮิงญา แฟนคลับของเกาหลีด้วยครับ จากคุณ : กุมารสยาม - [ 15 ก.พ. 52 19:31:22 ]

ความคิดเห็นที่ 33 #29 ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ผมมองว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจอันดีของคนไทย ในการค้าขายนะ ถ้าภาษาจีนยังแพร่หลายมากกว่านี้ในสมัยก่อน ศก ไทยน่าจะได้เปรียบมากในตอนนี้ อย่างสิงคโปร์เป้นตัวอย่าง ประเทศเล็กแค่นั้น ประชากร4.5ล้าน GDPสูงกว่าไทยทั้งประเทศ เพราะทำตัวเป็นพ่อค้า คุมเส้นทางเดินเรือ เป็นมันสมองในการลงทุนในต่างชาติ ข้อได้เปรียบด้านภาษาจีนก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 16 ก.พ. 52 06:44:14 ]

ความคิดเห็นที่ 34 หลายคห.กำลังเพิ่มความไม่พอใจของคนหลายคน รวมถึงตัวผมด้วย ประเภทยกตนข่มท่าน ดูถูกเชื้อชาติคนอื่น ระวังนะครับ...มันจะสั่งสมมากๆขึ้นจะเกิดฮิตเล่อร์คนไทยก็ได้นะครับ ผมเพิ่งเข้าใจหัวอกคนเยอรมันสมัยก่อนที่มีต่อชาวยิวก็ตอนนี้แหละ จากคุณ : 1234 - [ 16 ก.พ. 52 20:14:09 A:192.168.0.17 X:67.159.50.91 TicketID:196493 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คห.29 ถ้าเลือกเกิดได้ผมคงไม่เลือกเกิดเป็นกิ้งก่า ในประเทศนี้หลอกครับท่าน จากคุณ : Fatdiary - [ 17 ก.พ. 52 05:37:49 ]