ความคิดเห็นที่ 1 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า electromagnetic wave การเปลี่ยนแปลงของสนามไฟฟ้า ก่อให้เกิดสนามแม่เหล็ก คือ diff สนามไฟฟ้า ได้สนามแม่เหล็ก (ในแนวตั้งฉาก) และ การเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็ก ก่อให้เกิดสนามไฟฟ้า คือ diff สนามแม่เหล็ก ได้สนามไฟฟ้า (ในแนวตั้งฉาก) ฟังก์ชั่น sin cos diff ได้ไม่รู้จบ ก็เกิดเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคล้องเกี่ยวกันไปเรื่อยๆ ภาษาชาวบ้านสุดๆแล้วนะเนี่ย จากคุณ : อธิบายเอง ยังงงเอง - [ 14 ก.พ. 52 23:03:42 A:61.7.137.13 X: TicketID:186388 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มันมีที่มาจากหลักการของแม่เหล็กไฟฟ้าครับ ตามกฏมือขวาครับ ตามรูป การกำเนิดของ flux แม่เหล็กเกิดจากการเคลื่อนที่ของประจุไฟ้าในเส้นลวด จากคุณ : James Cook - [ 14 ก.พ. 52 23:14:14 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่รู้ว่าจขกท หมายถึงการเหนี่ยวนำหรือเปล่า จากรูปในคห2 ถ้าฟลัซ์แม่เหล็กตัดผ่านเส้นลวดอีกตัว และฟลักซ์แม่เหล็กจากขดลวดตัวแรกมีการเปลียนแปลง ขดลวดเส้นที่สองจะ"สร้าง" กระแสไฟฟ้าเพื่อ "สร้าง" ฟลักซ์แม่เหล็กในทิศทางตรงกันข้ามกับฟลักซ์แม่เหล็กจากขดลวดตัวแรกเพื่อหักล้างการเปลี่ยนแปลง เป็นหลักการที่ใช้ทำหม้อแปลง จากคุณ : KMUTT37 - [ 15 ก.พ. 52 00:32:22 ]

ความคิดเห็นที่ 4 งิ จากคุณ : high_voltage_XL - [ 15 ก.พ. 52 01:27:29 ]

ความคิดเห็นที่ 5 งิงิ จากคุณ : high_voltage_XL - [ 15 ก.พ. 52 01:30:51 ]

ความคิดเห็นที่ 6 "ทำไมสนามแม่เหล็กถึงต้องขึ้นอยู่กับกระแส มันมาจากไหน ตอนไหน " >>>เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า ถ้าประจุเคลื่อนที่มันเป็นเหตุให้เกิดการกระเพื่อมของสนามไฟฟ้า ภาษาทางฟิสิกส์เขาเรียกกันว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงของสนามไฟฟ้า ตัวการเปลี่ยนแปลงนี้มันทำให้เกิดสนามแม่เหล็กขึ้นในทันทีทันใด จริงๆ จะบอกว่าทันทีทันใดก็ไม่ถูกซะทีเดียว แต่ในสเกลของชีวิตประจำวันของมนุษย์ถือได้ว่ามันเป็นเช่นนั้น ยุคหนึ่งเชื่อกันว่า  จากการเปลี่ยนแปลงสนามไฟฟ้าทำให้เกิดสนามแม่เหล็กด้วยความเร็วมากที่สุดอย่างหนึ่ง มันคือ เร็วเท่าความเร็วแสงนั่นเอง นี่เป็นส่วนที่อธิบายของการเคลื่อนที่เป็นคลื่นใน free space นั่นคือตอบคำถามว่า  "มันมาจากไหน ตอนไหน" แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 52 12:56:41 จากคุณ : =Lord Gary= - [ 16 ก.พ. 52 12:49:54 ]

ความคิดเห็นที่ 7 "ทำไมสนามแม่เหล็กถึงต้องขึ้นอยู่กับกระแส " คำถามนี้ถ้าตอบแบบง่ายๆ ก็คือ มันเป็นเช่นนั้นเอง หรือธรรมชาติของมันเป็นเช่นนั้น ย้อนไปเมื่อ ปี 1819 ศาสตราจารย์ Hans Christian Oersted พบว่า กระแสไฟฟ้าไหลในลวดตัวนำ มีผลกับเข็มของเข็มทิศ(เข็มทิศคือมีชิ้นส่วนของแม่เหล็ก)  เป็นการค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้ากับแม่เหล็ก ต่อมา นักฟิสิกส์หลายๆ คน เช่น ฟาราเดย์ แอมแปร์ เกาส์ แมกซ์เวล ได้ พบความสัมพันธ์ออกมาเป็นสมการให้เราได้เรียนกัน ในเบื้องต้น เราบอกได้ว่าสนามแม่เหล็กขึ้นอยู่กับกระแส(ปริมาณและทิศทาง) เมื่อศึกษาลึกๆ เข้าจะพบว่า สนามแม่เหล็กขึ้นอยู่กับสารตัวกลางในบริเวณที่เราศึกษาอยู่นั้นอีกด้วย สารตัวกลางในที่นี้คืออะไร ยืมรูปตามความเห็นที่ 5  สารตัวกลางคือแท่งสี่เหลี่ยมทึบนั่นแหละ เพื่อให้เห็นภาพความคัญของสารตัวกลางมากขึ้น ลองสมมุติว่ามีกระแสไหล หนึ่งหมื่นแอมป์ในลวดตัวนำเคลือบฉนวนในรูปนั้น ถ้าแท่งสี่เหลี่ยมนั้นเป็นอากาศซึ่งเราคุ้นเคยที่สุด เราจะเห็นเป็นดังรูปในความเห็นที่ 2 และเราจะวัดสนามแม่เหล็กได้ เป็น B ถ้าแท่งสี่เหลี่ยมนั้นเป็นเหล็กธรรมดา ด้วยกระแสเดียวกันเราจะวัดสนามแม่เหล็กในเนื้อเหล็กได้เป็น 7-8 ร้อยเท่าของ B ถ้าแท่งสี่เหลี่ยมนั้นเป็นสารสังเคราะห์เพื่อการนี้โดยเฉพาะ(ชื่อว่า Metglas Magnetic Alloy 2714A ) เราจะวัดสนามแม่เหล็กได้มากถึงหนึ่งล้านเท่าของ B สารบางชนิดเราจะวัดสนามแม่เหล็กได้น้อยกว่า B ที่กระแสเดียวกัน แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 52 14:10:07 จากคุณ : =Lord Gary= - [ 16 ก.พ. 52 13:25:30 ]