ความคิดเห็นที่ 1 ผมว่าถ้าจะหาความล้มเหลวจริงๆ น่าจะเริ่มจากสังคมเลย สังคมไทย ฝังตรรกะที่ว่า ผู้ใหญ่ถูกเสมอ ไว้ในหัวเด็ก ทำให้เวลาเรียน ไม่มีใครกล้าคิดต่างจากที่ครูสอน ส่งผลให้การเรียน เป็นแค่การท่องจำอย่างเดียว เพราะคิดต่างไปจากที่ครูสอนไม่ได้ จากคุณ : นายขนมหวาน - [ 17 ก.พ. 52 05:53:16 ]

ความคิดเห็นที่ 2 การสอนภาษาอังกฤษ กับ ระบบวิธีคิด ในโรงเรียนทั่วประเทศ ยังไม่ไปไหนเลย... ตำราเรียนก็เก่า... เนื้อหาไม่เคย update จำได้ว่าตอนเรียน ม.ปลายสายวิทย์ ต้องพึ่งหนังสือสำนักพิมพ์อื่นที่ไม่ใช่ของกระทรวงตลอด บทเรียนประวัติศาสตร์มัธยมยังยัดเยียดความเป็นชาตินิยม หลีกหนีความจริงบางส่วน พูดแต่ในสิ่งที่รัฐบาลอยากให้รู้  พม่าคือศัตรู ศิลปะสอน 10 นาที นอกนั้นเวลาที่เหลือให้นักเรียนทำงานในห้อง พระพุทธศาสนา ก็สอนแบบยัดเยียด ลองคิดดูว่าตอนเรียนมีนักเรียนซักกี่คนที่ชอบวิชานี้บ้าง การเรียนพิเศษที่สถาบันกวดวิชา ก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าผู้สอน(ในโรงเรียน) ไม่ค่อยมีคุณภาพ เด็กนักเรียนเรียนไม่รู้เรื่อง แต่กระทรวงศึกษาเอาแต่โทษสถาบันกวดวิชา แต่ไม่ได้ดูเหล่าครูในสังกัดของท่านเลยว่าสอนเป็นยังไงมั่ง?? จากคุณ : yabeer - [ 17 ก.พ. 52 07:21:28 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เก่งกระจุก โง่กระจาย จากคุณ : a6mzero - [ 17 ก.พ. 52 07:23:22 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ค่อนข้างเห็นด้วยกับความเห็นบน แต่บางทีเด็กเกรียนปีนเกลียวก็เยอะ สังคมบ้านเราไม่ค่อยยอมรับกับคนที่แหวกแนว innovation จะถูกยอมรับก็ต่อเมื่อกลายเป็น trend เพราะฉะนั้นใครที่มี innovation ทางความคิดคือพวก ติสท์แตก หัวรุนแรง ขวานผ่าซาก คลื่นใต้น้ำ คนบ้า คนไฮเปอร์ ออทิสติก เอ้า ด่ากันเข้าไป เด็กรุ่นใหม่เลยไม่กล้าคิดนอกรอบ มองด้านเดียว และตรรกะไม่ได้ใช้อย่างเต็มที่ หนังสือเรียนบางวิชาก็ไม่อัพเดท เราเองมองย้อนไปตอนเรียนป.ตรี ชม.เช้าเจอวิชาภาษาอังกฤษ ตอนเช้าอาจารย์ให้อ่าน "ไม๊ เหน่ม อี๊ซซซซ ..... ไอ่ วุ๊ด ไล เคอะ อิน โทร่ ดีวซ ถู หยู" พอเพื่อนลูกครึ่งอ่าน อาจารย์บอกอ่านผิด ให้เหมือนอาจารย์นะคะ.....เช้านี้นอนต่อเลยตรู จากคุณ : นั่นน่ะซิ - [ 17 ก.พ. 52 07:24:31 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คนส่วนใหญ่ จากคุณ : Practical x 2 - [ 17 ก.พ. 52 07:32:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตำราที่เด็กไทยเรียนในปัจจุบันมันเป้นความรู้เมื่อหลาย 10 ปีก่อนครับ ฝรั่งเมืองนอกเขาไปไหนต่อไหนกันแล้วครับ เราก็ได้ตามเขาอยู๋ห่างๆๆไกลๆๆ จากคุณ : tonky96 - [ 17 ก.พ. 52 07:33:40 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่จริงหรอกครับ ไม่เชื่อดูเด็กวิศวะ,วิทยา รุ่นปัจจุบันนี้ได้เลย จากคุณ : เทาทองวอร์ริเออร์ - [ 17 ก.พ. 52 07:35:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ม.ที่เก่งๆในไทยก็เก่งจริงๆอันนี้ผมเชื่อนะครับ มาดู ม. ที่ไม่เก่งบ้างดีกว่า ครั้งหนึ่งผมผ่านไปเจอ อ. กำลังสอน นศ.พอดีเกี่ยวกับเรื่อง economy นี่แหละครับ ก็เลยยืนฟังสักพัก ก็สอนดีอยู่นะครับ พอ อ. อ่านคำว่า อีโคโนมี่ เป็น อีโคโนมาย ก็เลยหันมามองกันเลิ่กลั่กไปหมด ต่างคนต่างไป คราวนี้มาดูนักการเมืองของไทยกันบ้าง สส. ทางภาคไหนก็ไม่รู้นะครับ แต่ก่อนก็ไม่มีอะไร ก่อนเป็นยังติดหนี้เขาทั่วทั้งจังหวัด เป็น สส.ได้ปีเดียว ปลูกบ้านได้สามหลังพร้อมกัน ถอยรถเบ็นซ์ป้ายแดงมาขี่อีกต่างหาก ถามว่าไปรวยอะไรมา ก็บอกว่าถูกลอตเตอรีซะงั้น ก็คงจะถูกแจ็คพอตเป็นสิบงวดจริงๆน่ะแหละ อธิบายไม่ถูก พิจารณาดูกันเองนะครับ จากคุณ : 888 - [ 17 ก.พ. 52 07:41:34 A:117.47.15.116 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 เอาอะไรมาวัด???? ลองดูวิธีการจัดอันดับก่อนหรือยัง??? webometrics.info นั้น เขาดูจากความเป็น e-university ส่วน โอลิมปิค คุณจะเห็นแต่ ผู้นำ ที่ 1 หรืออะไรประเภทนี้ แล้วที่เหลือล่ะ เอามาวัดยังไง??? จากคุณ : puritat07 - [ 17 ก.พ. 52 07:58:53 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่ถึงกับล้มเหลว แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ แต่อนาคตน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุที่ไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ น่าจะเป็นเพราะจุดประสงค์หลักในการศึกษาไทยเองแทนที่จะเป็นการเตรียมคนให้พร้อมที่จะเป็นผู้ศึกษา กลับเน้นผลิตคนให้มีการศึกษา ซึ่งมันก็เหมือนทำคนให้เป็นสินค้าสำเร็จรูป มีไม่กี่ยี่ห้อ พวกที่เหลือคือพวกที่ไม่ผ่านด้านคุณภาพ ซึ่งการศึกษาไทยบอกว่าเอาไปทำอะไรไม่ได้ จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 17 ก.พ. 52 08:23:26 ]

ความคิดเห็นที่ 11 การศึกษาระดับพื้นฐานล้มเหลวครับ แต่ในมหาวิทยาลัย ยังไปได้อยู่ แต่อย่างว่าการศึกษาพื้นฐานเป็นอะไรที่ยาก ปัญหาเยอะ มหาวิทยาลัยง่ายกว่า เด็กที่เข้ามหาวิทยาลัยปัจจุบัน แทบไม่มีเด็กที่ตั้งใจ หรือ ที่มักเรียกว่า "บ้าพลัง" อีกต่อไปแล้ว ความมุ่งมั่นในการศึกษาหายไป คิดแต่จะเรียนให้จบแล้วไปหาเงิน ชอบสบาย มันลดลงไปเรื่อย ๆ ครับ เมื่อก่อนในโครงงานปี 4 จะเห็นอะไรดี ๆ ออกมาเยอะแยะ แต่ตอนนี้น้อยลงมาก การสอบวิชา Project ไม่ค่อยน่าสนุกแล้ว ทั้งหมดนี้วัดจากความรู้สึกอย่างเดียว ไม่มีตัววัดใด ๆ ทั้งสิ้น จากคุณ : ผู้เฒ่าสายลม - [ 17 ก.พ. 52 08:27:55 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ล้มเหลวไหมไม่รู้  แต่คิดว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แล้วอันดับที่จัดต้องดูเงื่อนไขที่เค้าเอามาวัดด้วย บางที่อาจจะวัดจากงานวิจัยของอาจารย์  หรือจำนวนอาจารย์ต่อลูกศิษย์  ซึ่งมันไม่ได้แปลว่าเด็กที่จบออกมามีคุณภาพ? เหมือน iso บางตัวแหละครับ  เค้าการันตีว่าระบบมีมาตรฐาน  แต่ไม่ได้บอกผลิตภัณท์ที่ออกมาจะมีมาตรฐาน แล้วผมเห็นด้วยกับ #7 มากๆ   เรื่องโอลิมปิกวิชาการที่เราได้เหรียญบ่อยเพราะเรามีการจัดค่ายเก็บตัว  ที่ระดับดร. มาติวให้  เอาแนวข้อสอบเก่าๆ มาให้ทำ  และเก๊งแนวข้อสอบที่จะออก จากคุณ : craftman - [ 17 ก.พ. 52 08:28:05 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อยากให้เด็กคิดนอกกรอบ แต่มีแต่เด็กนอกกรอบระเบียบ... จากคุณ : Shinjitsu - [ 17 ก.พ. 52 08:59:09 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ล้มเหลวไหม ไม่รู้ แต่ หัวกระทู้ - -* จากคุณ : vn, man - [ 17 ก.พ. 52 09:02:12 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จริงอยู่ที่ว่าเด็กไทยได้แชมป์โอลิมปิกทุกปี แล้วได้กันกี่คน?? เด็กไทยมีกี่คน?? ส่วนต่างเป็นเท่าไร?? ผมไม่ได้จะบอกว่าการศึกษาไทยล้มเหลวรึเปล่า แต่อยากบอกว่า ..ระบบการศึกษาแบบนี้ มันเอื้อประโยชน์ต่อเด็กฉลาด คือสอนให้เด็กฉลาด แต่ไม่ได้สอนให้เด็กเก่ง !! จากคุณ : เด็กส่งแก๊ส - [ 17 ก.พ. 52 09:02:53 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เพราะส่วนใหญ่ ระบบการศึกษาจะเน้นให้ท่องจำอ่ะครับ วิชาเหตุผล พวกวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ยังต้องท่องจำ อาจารย์ไม่ได้สอนให้คิด ..สอนแค่ให้หาคำตอบอย่างเดียว ผมมีโอกาสได้เรียนทั้งในไทย และต่างประเทศ ..ผมเลยได้เห็นความแตกต่าง ต่างประเทศจะเน้นวิธีคิด ..เค้าให้เอาเครื่องคิดเลขเข้าห้องสอบด้วยซ้ำ เพราะเค้าไม่ได้ดูคำตอบ เค้าจะดูวิธีคิด ..!! คำตอบเป็นแค่ส่วนนึง แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 52 09:04:16 จากคุณ : เด็กส่งแก๊ส - [ 17 ก.พ. 52 09:04:07 ]

ความคิดเห็นที่ 17 #7 แล้วคิดเป็นกี่ % ของเด็กทั่วประเทศในรุ่นเดียวกันล่ะครับ จากคุณ : RyanUtd - [ 17 ก.พ. 52 09:05:37 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มันน่าจะต้องมาดูที่ตัวเด็กไม่ใช่เหรอคะ ว่าเด็กๆที่ผ่านระบบการศึกษามา พร้อมใช้งานแล้ว มีประสิทธิภาพมากแค่ไหน ไม่ใช่ดูที่อันดับมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษา มันไม่น่าจะบอกอะไรได้นะคะ เด็กๆสมัยนี้เรียนเก่งม๊าก มาก แต่....เหมือนคิดอะไรที่นอกตำราไม่เป็น อะไรควรทำก่อน ทำหลัง ยังลำดับไม่ถูกเลย -*- จากคุณ : มามั่ว - [ 17 ก.พ. 52 09:09:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 วันนี้ขอมาอ่านเฉย ๆ ดีกว่า ... จากคุณ : เศียรนาคา ... (Eumentis) - [ 17 ก.พ. 52 09:23:22 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่ล้มเหลวแต่ไม่ประสบความสำเร็จ มหาวิทยาลัยของเราแข่งขันกันเป็นอันดับ หนึ่งของ     "ประเทศ" ในขณะที่เพื่อนบ้านเราแถวๆนี้เค้าตั้งเป้าว่าเค้าจะต้องติด 1ใน 10 ของโลก ก็ลองดูกันครับ แต่ความจริงอันดับมันไม่ได้เกี่ยวกันซักเท่าไรว่าล้มเหลวหรือไม่ล้มเหลวเลยนะ จากคุณ : sariell - [ 17 ก.พ. 52 09:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เรามีการศึกษา ไว้ อวดสายตาคนอื่น ให้เรามีหน้ามีตา หรือ เรามีการศึกษาไว้ ส่งเสริมคุณภาพชีวิต ให้ลูกหลานเรามีชีวิตที่ดี จากคุณ : ถามแค่นี้ก่อน (Humandroy) - [ 17 ก.พ. 52 09:57:28 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่สงสัยหรอกครับ ว่ามหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของเราน่ะ ดีจริง แต่น่าจะมีคนพล็อตระดับคุณภาพของมหาวิทยาลัยทุกแห่งของไทยด้วยนะครับ ...อยากดูว่าจะออกมาเป็นทรงระฆังเบี้ยวไปทางซ้ายหรือเปล่า จากคุณ : jaycee - [ 17 ก.พ. 52 10:01:28 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผมเชื่อว่าล้มเหลวจริงในแง่ของการจัดเนื้อหารายวิชา เด็กไทยสมัยใหม่ อ่านภาษาไทยไม่ค่อยจะออก ผันคำไม่เป็น ผันวรรยุกต์ไม่ได้ เขียนผิด- เขียนถูก วรรณยุกต์ สระ มั่วไปหมด อยากให้ไปดูการศึกษาในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร แล้วจะรู้ว่า เรา เน้นปริมาณมากว่าคุณภาพจริงๆ จากคุณ : axquest - [ 17 ก.พ. 52 10:01:57 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คิดว่าเด็กรุ่นใหม่ การศึกษาน่าจะดีขึ้นกว่าในยุคของตัวเอง เพราะมีสื่อให้เรียนรู้มากกว่าเยอะ  (ถ้าเป็นคนขวนขวายนะ)  นึกถึงสมัยตัวเอง หลายสิบกว่าปีที่แล้ว  เรียนอยู่บ้านนอก ตำรับตำราก็ไม่ค่อยมี  ตอน ม 5 กับ ม 6  แทบไม่เคยได้เรียนชีวะเลย เพราะอาจารย์ไม่เคยเข้าห้องสอน   ตอน ม 4 กับ ม 6 อาจารย์ที่สอนเคมีเป็นคนเดียวกัน ท้องปีเว้นปี เลยไม่ได้สอนอีก  โง่เคมีจนถึงทุกวันนี้  ระบบการเรียนการสอนถือว่าล้มเหลวจริง ๆ ในช่วงที่ตัวเองเรียนตอนนั้น จากคุณ : ยะอิ3010 - [ 17 ก.พ. 52 10:20:33 ]

ความคิดเห็นที่ 25 จะว่าล้มเหลวก็คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่น่าจะเรียกว่ายังไม่สัมฤทธิ์ผลเท่าที่ควรมากกว่า การศึกษาไทยส่วนใหญ่จะสอนให้เด็ก "จำ" มากกว่า "คิด" ทำให้เด็กจำนวนมากติดที่จะเป็นฝ่ายรอรับการ "ป้อน" ความรู้จากครู มากกว่าจะพยายามขวนขวายหาความรู้ด้วยตัวเอง (อันหลังนี่เจอกับตัวเองเลย มีเด็กมาให้สอนพิเศษเลข เลยเอาโจทย์แบบวิเคราะห์ให้ลองทำดู เด็กมันก็นั่งคุยเล่นกับคนอื่นๆ พอถามก็บอกว่า "คิดไม่ออก" รอให้เราทำให้ดูท่าเดียว ทั้งที่ไม่เห็นคุณเธอจะแสดงความกระตือรือร้นหรือพยายามจะลองคิดหาคำตอบด้วยตัวเองซักกะนิด) จากคุณ : เกียรตินำ - [ 17 ก.พ. 52 10:49:53 ]

ความคิดเห็นที่ 26 น่าจะตั้งว่า กระทรวงศึกษาไทยล้มเหลว...จริงหรือ??? จากคุณ : อย่ามาห้ามผม - [ 17 ก.พ. 52 12:32:52 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เราประเมินเฉพาะแต่การศึกษาในกรุงเทพกันหรือเปล่าละครับ ถ้าถามผมนะการศึกษาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ผมไม่รู้ว่าส่วนใหญ่ในนี้จะเป็นอาจารย์หรือนักศึกษาที่เข้ามาตอบกระทู้กัน ออกตัวก่อนว่าผมเองทำงานในสถาบันกวดวิชา การศึกษาไทยมันล้มเหลวทั้งระบบครับ ถ้าไม่เปลี่ยนแนวความคิดกันต่อไปมันก็จะเป็นวังวนอยู่อย่างนี่ เราปลูกฝังให้เด็กพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์ แน่นอนเด็กไทยกับวิทยาศาสตร์คะแนนไม่ได้เรื่อง อันดับของประเทศก็ไม่ดี มีเพียงบางกลุ่มเท่านั้นที่เก่งมากเห็นได้จากที่มีเด็กไทยได้รับรางวัลในระดับโอลิมปิก คุณเห็นการปลูกฝังภาวะผู้นำไหมครับ เราสอนให้เด็กรุ่นใหม่กล้าแสดงความคิดเห็นกล้าเป็นผู้นำ ใช่ครับเราได้เด็กไทยที่มีความกล้าแสดงออกกล้าพูด แต่นั้นเป็นความคิดจริงของเขาหรือเปล่าตรงนี้เป็นประเด็น คุณเห็นในงานพิธีไหมครับ ลักษณะการพูดเหมือนกันทุกคน เรื่องที่เอามาอ้างในแนวเดียวกันทุกคน ประเทศไทยใช้วิธีการบังคับ ไม่ได้ใช้วิธีการปลูกฝังให้เด็กเกิดความคิด ทุกวันนี้เด็กทำอะไรมักจะทำตามค่านิยม ทำไมช่วงหนึ่งเด็กนิยมเรียนวิศวะ ทำไมช่วงหนึ่งเด็กนิยมเรียนนิเทศน์ แล้วทำไมในอดีตคนนิยมเรียนครู ภาพมันฟ้องชัด มันเป็นค่านิยมในแต่ละช่วงเวลาไงครับ เด็กไทยวันนี้มองข้ามอาชีพอย่างพนักงานโรงงาน มองข้ามอาชีพเกษตรกรรม บางคนดูถูก วันนี้คนตกงานทำไมถึงนึกได้แต่ว่าออกไปค้าขาย เพราะการศึกษามันปลูกฝังเขามาแต่เด็กเลยไงครับ ทำไมโรงเรียนกับการทัศนะศึกษาถึงเลือกไปสวนสนุก เลือกไปพิพิธภัณธ์ เลือกไปท้องฟ้าจำลอง ผมไม่ได้บอกว่าไม่ดีนะครับ แต่ทำไมไม่มีการให้เด็กไปคุยกับพวกพนักงานโรงงานบ้าง ไปคุยกับพวกแม่ค้าบ้าง คนทำไร่บ้างพวกช่างทั้งอู่เล็กๆและในโรงงาน หรืแม้แต่พวกที่มีปัญหากับชีวิตแล้วเขาผ่านมาได้อย่างไรบ้าง แน่นอนผมไม่ได้อยากให้เด็กไทยหันเหไปทำไร่ แต่ผมอยากให้เค้าได้แรงบันดาลใจ หรือความรู้ติดตัวเกี่ยวกับการทำไร่ถ้าจะติดตัวมาบ้าง เด็กไทยที่ออกจากระบบการศึกษาไปจำนวนมากจะอยู่ในช่วงรอยต่อของม.ต้นถึงม.ปลายหรือไปทางสายอาชีวะ ไม่ใช่ช่วงจะเข้ามหาวิทยาลัยครับ มองกันให้ตรงจุดก่อน ถ้าแก้ปัญหาต้องแก้ปัญหาที่เด็กในช่วงอายุนั้น เราต้องอัดทั้งความรู้และแนวคิดให้ไป ทุกวันนี้ประเทศไทยอัดแต่วิชาการ แล้วมันเกิดปัญหาว่าเด็กบางคนคิดว่าตัวเองรับไม่ได้ เลิกเรียนไปกลางคันไปบ้าง มีครอบครัวก่อนวัยอันควรไปบ้าง การศึกษามันแย่ที่ผู้ใหญ่บังคับให้เด็กรู้แต่ในสิ่งที่ตนเองอยากให้รู้ แต่ไม่ได้ให้เค้าได้ค้นหาตัวเอง เก็บไว้คิดดูนะครับ ความคิดผมอาจจะวกวนอยู่บ้าง จากคุณ : Prance (pranotc) - [ 17 ก.พ. 52 12:50:11 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อยากเสริมคุณเกียรตินำ #25 มากครับว่า  เด็กสมัยใหม่รอการป้อนความรู้จากครูจริง ๆ เด็กบางคนเรียนพิเศษถึงสองวิชาในวันธรรมดา  เสาร์อาทิตย์  เรียนพิเศษตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงสองทุ่ม ชีวิตไม่มีมิติอื่นเลย  นอกจากการเรียน  เรียนพิเศษและการจดจำเนื้อหาตามรายวิชา ทุกวันนี้  ผมรู้สึกว่าตัวเองป่วย  ป่วยจริง ๆ เวลาที่ต้องสอนเด็กโตมิติเดียวแบบนี้ เขาเรียนพิเศษมากมาย  แต่แบบฝึกหัดท้ายบทเรียน  เขาไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองจากการอ่านหนังสือเรียนได้ เพราะเขาไม่ได้รักความรู้  เขาไม่อยากได้ความรู้  แต่เขาอยากได้เก็งข้อสอบเพื่อใช้สอบ นี่ไม่เรียกว่าล้มเหลว  เราควรเรียกมันว่าอะไร จากคุณ : jedi-jaidee - [ 17 ก.พ. 52 13:19:51 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด......... คนไทย สอนให้เด็ก เป็น  นักวิชาการ ไม่ได้สอนให้เด็ก เป็น นักปฏิบัติการ ลองดูกันกับผู้ใหญ่ก็ได้.....นักวิชาการ(วิชาเกิน) ทั้งหลายแหล่   จบนอก จบใน จบจากดาวอังคาร นั่งกันเต็มมหาลัยไปหมด....แต่......รู้แต่ วิชาการ หรือ ทฤษฏี....การปฏิบัติจริง ไม่เคยแตะ...... เทียบกันง่ายๆ เด็กไทย เหมือนเป็น วิศวกรรถยนต์ รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับรถยนต์ ทุกชิ้นส่วน ทุกการทำงานของมัน แต่......ขับรถไม่เป็น.......จะมีประโยชน์อะไร ถ้าซื้อรถมา แต่ขับไม่เป็น...... ฝรั่ง เขาจะแยกคน เป็นกลุ่มๆ ชัดเจน.... นักวิชาการ , นักทดลอง , นักปฏิบัติ , นักวิจัย.... แต่ของไทยเรา นักวิชาการ กับ นักวิจัย เต็มบ้านไปหมด.......นักทดลอง นักปฏิบัติ มีนับหัวได้เลย... จะสร้างเครื่องไอพ่น มันต้องสร้างด้วยมือ ไม่ใช่สร้างด้วยวิชาการ เห็นหลักสูตรการสอนเด็ก ม.ปลาย ของเมืองนอกแล้ว น่าแปลก....เขาจะให้โจทย์อะไรมาสักอย่าง เช่น  คุณจะต้องเอา ก้อนอิฐ 300 ก้อน ไปก่อหลังคาบนบ้านให้ได้ โดยคุณไม่มีรถกระเช้า คุณจะทำยังไง ?.......เขาสอนให้แก้ปัญหาด้วยความรู้ แต่เรา ก็คงจะสอนให้แก้สมการ แก้สมการ กลับสมการ ถอดตัวแปร หาค่าโน่นนี่.............วิธีการแบบนี้ มันคือวิธีของ นักวิชาการ ประเทศจะพัฒนา จะต้องมี นักทดลอง นักปฏิบัติเยอะๆ ผลงาน ทางวิชาการมันจะได้ออกมาเป็นรูปธรรม จับต้องได้........ทุกวันนี้ มีแต่กระดาษ.....กระดาษ......แล้วก็กระดาษ นี่แหละ ที่เขาบอกว่า การศึกษาไทยล้มเหลว........ จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 17 ก.พ. 52 13:27:52 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ^ ^ "แต่เรา ก็คงจะสอนให้แก้สมการ แก้สมการ กลับสมการ ถอดตัวแปร หาค่าโน่นนี่.............วิธีการแบบนี้ มันคือวิธีของ นักวิชาการ" ................................ ใช่ครับ นั่นคือ "ต้นตอ" ที่แท้จริงของความล้มเหลว ... สมการอยู่นั่นแล้ว มีแต่โจทย์อุบาทว์ ๆ ไม่รู้จะตั้งมาทำไม ไปใช้อะไรก็แทบไม่ได้ในชีวิตจริง เด็กก็เลยไม่เคย "เห็นความจริง" จากคุณ : เศียรนาคา ... (Eumentis) - [ 17 ก.พ. 52 13:50:01 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แรกสุดต้องปรับที่พ่อแม่ก่อน ต่อมา ก็ปรับที่ค่านิยมของสังคม สุดท้ายจึงแก้ที่ครูอาจารย์ ผมขอพูดถึง เรื่องที่สาม นะครับคือ ครูอาจารย์ ซึ่งเห็นว่าน่าจะง่ายที่สุด คนที่จะประกอบอาชีพครู ต้องถูกคัดมาอย่างโหดมหาหิน ไม่ใช่แบบทุกวันนี้  ที่ไม่มีงานทำ ทำอะไรไม่ได้ มรึง ไปเป็นครูแล้วกัน การคัด  ต้องคัด  โดย ดูลงไปถึงปูมหลังครอบครัว วิธีคิด เมตตาธรรม คุณธรรม จิตวิญญาณของความเป็น "ครู" พอสิ่งเหล่านี้ผ่านแล้ว  จึงมาวัดที่วิชาการกัน ครู ชั้นเล็กๆ การคัดด้านวิชาการอาจเอาแค่พอผ่าน แต่ด่านแรกต้อง โหดมากที่สุด เพราะ ครูอนุบาล จะเป็นแม่พิมพ์ ที่ดีที่สุด ที่จะหล่อหลอม พรุ่งนี้ของสยามประเทศให้ดีเยี่ยม ต่อมา ก็ชั้น ม. ต้น ม.ปลาย เช่นกัน ต้องผ่านเรื่อง จริยธรรมคุณธรรม ปูมหลัง และวิญญาณครูซะก่อน พอผ่านแล้ว จึงจะมีสิทธิเข้าสอบส่วนที่เป็นวิชาการ ส่วนของวิชาการ ก็เข้มขึ้นเป็นลำดับ ส่วนอาจารย์ ใน U นั้น จำต้อง ผ่านการตรวจสอบด้าน จริยธรรมของครูมาซะก่อน จึงจะมีสิทธิสอบ ด้านวิชาการ ด้านวิชาการนี้ จะต้อง กรองให้ละเอียดรอบคอบ ตัวอย่าง อาจารย์ Pract เป็นตัวอย่างหนึ่ง ของกระบวนการที่ว่านี้ ทีนี้เมื่อเรา ใช้เกณฑ์ โหดอย่างนี้ แน่นอนผลตอบแทนต้องมากขึ้นเป็นเงาตามตัว น่าจะ เป็น 3 - 4 เท่าของที่ครูทุกวันนี้ได้รับ จึงจะเหมาะสม ภาระงานสอนก็เช่นกัน ภาระงานสอนต้องไม่มาก ไม่ใช่เอา นักเรียน 50 -60 คนยัดทะนาน เข้าไปในห้องแคบๆ ห้องเรียนที่เหมาะสม คือ 25 – 28 คนเท่านั้น ถ้าเกิน 28 คน ให้แบ่งเป็นสองห้อง เหลือห้องละ 15 กะ 14 คน อย่างนี้จะทำให้ครูได้ดูแลเด็กได้อย่างทั่วถึง ผลสัมฤทธิ์จึงจะเกิด ถ้าเรา คัดได้อย่างนี้ และให้ผลตอบแทนครูอย่างนี้ คนดี คนเก่งจะเข้ามาในสาขาวิชาชีพนี้มากขึ้น หากทำได้จริงครบทั้งระบบ ละก้ออีก 50 ปีข้างหน้า เราจะเห็นผล U ของไทยจะอยู่ในลำดับไม่เกิน 10 ของโลก ในทุกๆ กรณี ซึ่งวันนั้น ผมกลับไปสู่ดิน แล้ว ดังนั้น ความเห็นผมที่ว่ามาในวันนี้ แม้ไม่เป็นจริง ผมก้อไม่หน้าแตก ถ้าปรับเปลี่ยนได้ทั้งสามข้อข้างต้นแล้ว แต่ผมเชื่อว่า มันจะเป็นจริงแน่นอน   ผมเอาชีวิตเป็นเดิมพันครับ จากคุณ : น้าพร - [ 17 ก.พ. 52 13:53:34 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เห็นด้วย  29  ครับ.... ที่ว่า......... สอนให้แก้สมการ แก้สมการ กลับสมการ ถอดตัวแปร หาค่าโน่นนี่............. วิธีการแบบนี้ มันคือวิธีของ นักวิชาการ แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 52 14:35:21 จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 17 ก.พ. 52 14:23:29 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ใครว่าการศึกษาไทยล้มเหลว   การศึกษาไทยไม่ได้ล้มเหลว หากเพียงแต่ว่า ยังไม่สามารถหาช่องทางที่จะแสดงศักยภาพออกมาได้เท่านั้น ที่ล้มเหลว แน่แท้ และแน่นอน คือ..... รัฐบาลล้มเหลว ในการบริหารการศึกษา ในการดำเนินนโยบาย ซึ่งจะเห็นได้ว่า ทันทีที่มีนโยบายด้านการศึกษา เช่นเรียนฟรี อุปกรณ์ฟรี ฯลฯ  กลับกลายเป็นว่า นโยบายเหล่านี้ กลายเป็นประเด็นโจมตีฝ่ายรัฐบาล ว่า หาเสียงเชิงนโยบาย หรือ นโยบายประชานิยม มอมเมาประชาชน หรือแม้กระทั่งการทุจริตในวงการการศึกษา  เช่น ค่าหัวคิวอุปกรณ์การเรียน นม หนังสือ ชุดนักเรียน ฯลฯ สารพัดที่นักการเมืองเลวจะทำได้ เมื่อไหร่ที่เมืองไทยสิ้นยุคนักการเมืองอาชีพ และมีนักการเมืองอาสาพัฒนาเข้ามา  เมื่อนั้นการศึกษาของไทยจะพัฒนา ผมเชื่อว่า เด็กบ้านนอกที่หัวดีๆ อาจจะมีมากกว่าเด็กในเมืองโรงเรียนดังๆแน่นอน เพียงแต่ พวกเค้าขาดโอกาสที่จะได้รับการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น บางครั้ง จบ ป. 6 ก็ต้องออกไปเกี่ยวข้าว เลี้ยงครอบครัวกันหมด ลองให้เด็กๆทุกคน มีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม ในระดับที่เสมอภาค ผมว่า คำว่า "คนไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก" คงไม่มีใครกล้าเถียงหรอก แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 52 14:40:38 จากคุณ : ปืนเถื่อน โดนยึดอมยิ้ม (Colt 1911 A1) - [ 17 ก.พ. 52 14:37:24 ]

ความคิดเห็นที่ 34 การศึกษาไทยล้มเหลว เป็นความจริงครับ ตัวชี้วัดที่จขกท.ใช้ ไม่ได้บ่งบอกว่าเด้กไทยเก่งนะครับ ต้องดูที่ค่าเฉลี่ยของเด็กทั่วประเทศครับ เช่นคะแนนสอบ O-NET หรือ NT. หรือการสอบ TIMSS คะแนนของประเทสไทยก็ตกลงเรื่อยๆ ความสุขในการเรียนก็ลดลง เดี๋ยวนี้กวดวิชากันตั้งแต่อนุบาล ยันมหาวิทยาลัย เรียนพิเศษเสริมความสามารถอีกหลายอย่าง หลักสูตรก็ยัดๆๆๆอะไรให้เด็ก จะให้รู้ไปทุกสิ่งทุกอย่าง เช่น ผมเอาตำรา ม.1 ของลูกมาดู มีวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นด้วย มีเรื่องของภาษีสารพัดแบบ เด็กก็ต้องท่องปาวๆ เพราะครูจะสอบ แต่ไม่ได้มีอะไรเข้าหัวสักนิด เพราะมันเป็นสิ่งไกลตัวมาก ผมว่าควรมีการปรับปรุงหลักสูตรครั้งใหญ่ ให้สอดคล้องกับเด็ก และวิถีชีวิตของคนไทยให้มากขึ้นครับ จากคุณ : pu. - [ 17 ก.พ. 52 15:01:41 A:114.128.132.253 X: TicketID:200164 ]

ความคิดเห็นที่ 35 กระทู้ดีเด่นครับ ผมเป็นครู แม้จะแค่อัตราจ้างก็เถอะ มองว่า มันล้มตั้งแต่เกิดแล้วครับ พ่อ กับ แม่ ไม่มีเวลาเลี้ยงลูก ทำงานเก็บเงิน ส่งลูกเรียน แต่ ลืมดูแลลูก.............. จากคุณ : pexaj - [ 17 ก.พ. 52 15:28:30 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คุณภาพไม่ได้อยู่ที่ ปริมาณนะครับ ต่อให้จุฬาติดอันดับ 1 ของโลกก็เถอะ เพระาคนที่เรียนจุฬาปีนึงๆมีกี่คนเองครับ ผมว่า ถัวเฉลี่ยเอาดีก่านะ จากคุณ : โบวี่ (bovy_zzz) - [ 17 ก.พ. 52 15:28:46 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ใครร่างหลักสูตร.....................นี่ เช่น ผมเอาตำรา ม.1 ของลูกมาดู มีวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นด้วย มีเรื่องของภาษีสารพัดแบบ เด็กก็ต้องท่องปาวๆ เพราะครูจะสอบ แต่ไม่ได้มีอะไรเข้าหัวสักนิด เพราะมันเป็นสิ่งไกลตัวมาก ผมว่าควรมีการปรับปรุงหลักสูตรครั้งใหญ่ ให้สอดคล้องกับเด็ก และวิถีชีวิตของคนไทยให้มากขึ้นครับ มอ  1   .............................นะนี่ ไม่เหมือน ป 3   ครูให้ท่อง   sony   toshiba     hitachi............. คุณเป็นผู้ปกครอง  งง  ไหมล่ะ จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 17 ก.พ. 52 16:32:21 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอมองก่อนว่าการศึกษามีไว้ทำไม เป้าหมายหลักในอุดมการณ์ของฝ่ายบริหาร การศึกษาคือการสร้างพลวัตทางสังคม ในแง่การส่งเสริมงานและสร้างงาน ดังนั้นผู้สำเร็จการศึกษา "ต้อง" ทำหน้าที่ขับเคลื่อนสังคมต่อไป เมื่อมองกลับมาสู่สภาวะปัจจุบัน ในแง่ของการสร้างพลวัตทางสังคมต้องยอมรับว่ามันขับเคลื่อนได้ และได้ผลอย่างที่ต้องการด้วย คือทำให้สังคมเดินต่อไปได้ แต่นั้นยังเป็นส่วนที่มองเชิงระบบเท่านั้น ไม่ได้มองที่บุคคล กล่าวคือ มิติของการศึกษามีมากกว่าการทำงาน และมิติของงานก็มีมากกว่าแค่ดูแลชีวิตประจำวันด้วย มิติของงานที่สร้างพลวัตซึ่งระบบต้องการนั้น ต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่างานคืออะไร งานเป็นเพียงแรงแลกเงิน รึไม่ ถ้าตีโจทย์ตรงนี้ไม่ออกและเข้าใจว่า งานคือการแลกเงิน แนวคิดเงินต่อเงินก็เข้ามา กล่าวคือไม่ต้องทำงานก็มีเงิน สบายแฮ เพื่อให้เข้าใจได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้นผมของถามนำว่า ถ้ามีเงินกับมีเวลามากๆ เราจะเอาไปทำอะไรดี ผมมองว่าถ้าเป็นสิ่งที่เราชอบทำ และมีผลต่อสังคม นั้นแหละควรเป็นงานของเรา เพราะมันสามารถตอบได้ว่า ถ้าฉันทำงานนี้แล้วฉันจะไม่รู้สึกเสียดายเวลา ซึ่งการทำงานเพื่อเงินมันให้ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้ แล้วเรื่องนี้ก็วกกลับมาที่การศึกษา ว่าการศึกษาเน้นไปที่งานแลกเงินรึเปล่า ในแง่มิติทางการศึกษา แน่นอนว่าการงานและการศึกษาเป็นของคู่กัน แต่การศึกษาควรมีอิสระทางการศึกษา นั้นก็คือ นอกจากระบบจะต้องการงานจากผู้รับการศึกษาแล้ว ระบบควรให้อิสระทางการศึกษาที่เหมาะกับตัวผู้เรียนด้วย กล่าววคือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเอง ทั้งในด้านสังคม การเข้าใจตนเอง สาขาวิชา การเข้าใจโลก ฯลฯ ซึ่งในแต่ละด้านนั้นไม่ได้จำเป็นต้องลงทุนด้วยงบประมาณเท่านั้น แต่ส่วนมากลงทุนด้วยค่านิยม ภาวะแวดล้อมทางสังคม ซะส่วนใหญ่ และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้คือ ความเป็นปัจจุบัน นั้นก็หมายความว่า ผู้เรียนนั้นเรียนเพื่อใช้ในชีวิตของเขาเอง ถ้ามองในตอนนี้อาจจะเป็นเรื่องยากพอตัว เพราะถ้าแก้ไขแค่ระบบการศึกษา ระบบอื่นก็ไม่รองรับ เพราะแนวคิดขัดแย้งกัน ดังนั้นหากจะให้แนวคิดไม่ขัดแย้งกัน ในบริบทต่างๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สนับสนุนแนวคิดประชาธิปไตยให้งอกงามเสียที สรุป จากคำถามข้างต้น การศึกษาไทยไม่ได้ล้มเหลวในเชิงระบบ เพราะระบบยังคงรักษาสถานภาพได้เรื่อยๆ เพียงแต่อาจจะไม่เชิดหน้าชูตาในเชิงปัจเจก และมีมาตรฐานไม่สม่ำเสมอ อีกทั้งถ้าเทียบในแง่อ่านออกเขียนได้ คนไทยที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ มีจำนวนน้อยมาก แต่ถ้าการศึกษาเพื่อการพัฒนาศักยภาพมนุษย์แล้ว การศึกษาไทยยังไปไม่ถึงไหน... จากคุณ : ทะเลคราม (blueocynia) - [ 17 ก.พ. 52 16:55:59 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อืม บางท่าน คิดดี แต่ ทำจริงไม่ได้ อย่างเช่น ซุปเปอร์ครู ทำจริง จะมีใครไหมที่ได้ตามเกณฑ์ ผมทำงาน คอมพิวเตอร์ บริษัท ก็ร่างเสป็ครับสมัคร ซะสุดอลังการ เข้ามาทำงานจริง ไม่เห็นจะเก่งอย่างเสป็ค ก็แน่ล่ะ รอให้ได้คน อย่าง ซุปเปอร์โปรแกรมเมอร์เมื่อไหร่ จะมี ซุปเปอร์ครูก็คงไม่ต่างกัน วิธีแก้ปัญหาการศึกษา พิมพ์แค่ 1-2 หน้า ไม่หมดหรอก สำคัญที่วิธีคิดมากกว่า 1. การศึกษาเพื่ออะไร 2. ใครอยากให้มีการศึกษา ใครต้องปรับคนแรก (2 เรื่องนี้ คือเรื่องเดียวกัน) 3. เรื่องอะไรที่ควรให้การศึกษา (เกี่ยวพันกับ ข้อแรก) 4. ทำอย่างไรให้การศึกษามีประสิทธิผล สูงสุด ปล. สำหรับผม วันนี้ เห็นว่า "การสอบไล่" และ "การสอบเข้า" เป็นตัวบ่อนทำลายการศึกษา การสอบ น่าจะทำเพื่อ "หาจุดเริ่มต้น ที่จะสอน" (ในทางปฏิบัติคือสอบแบ่งกลุ่มเรียน) การสอบแบ่งกลุ่มเรียน ต้องไม่แบ่งเด็กแข็งเด็กอ่อน แต่ แบ่งตาม พื้นฐานที่จะปูแต่ละด้าน เช่น กลุ่ม A ต้องปูพื้นคณิตศาตร์ กลุ่ม B ต้องปูพื้น ภาษา กลุ่ม C ต้องปูพื้นมิติสัมพัน สอบเพื่อจัดกลุ่มแบบนี้ เรื่องเรียนภาษี ผมเห็นว่าดี แต่ ให้ท่องภาษี คงไม่ดีแน่ น่าจะเรียนแบบว่า เปิดร้านค้า ต้องทำอย่างไร จดทะเบียนที่ไหน เสียภาษียังไง ปีต่อมาเรียน เปิดบริษัททำอย่างไร ภาษีเงินเดือนพนักงาน หักยังไง แบบนี้มากกว่า ปล. น่าจะเพิ่ม เรียน ขับรถ หรือขับรถไถ อะไรแบบนี้เข้าได้วยนะ แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 52 17:03:03 จากคุณ : Humandroy - [ 17 ก.พ. 52 16:58:54 ]

ความคิดเห็นที่ 40 การศึกษามีหลายวิชา ตามที่ผู้เรียนชอบและถนัด จะล้มเหลวหรือไม่ ส่วนนึงก็อยู่ที่ตัวผู้เรียนเองด้วย (จริงๆส่วนมากเลยแหละ) แต่ขอนิดนึง..อยากจะบอกว่าล้มเหลวเรื่องการสอนการใช้ภาษาอังกฤษจริง ๆ สมัยนี้ ถ้าพื้นฐานภาษาดี + บุคคลมีความกระตือรือร้น  ไม่ว่าข้อมูลอะไรก็จะหาได้ ตอนผมหัดพูดภาษาไทย ไม่เห็นจะมีใครสอนผมเรื่องชนิดของคำ มี 7 คำ..มีคำนาม... บลาๆๆ ผมใช้ภาษาไทยเป็นแล้ว พูดได้ อ่านได้ ถึงมีการเรียนการสอน และสอบการใช้ภาษาไทย แต่ภาษาอังกฤษ..พูดยังไม่เป็น อ่านยังไม่ได้ ฟังยังไม่รู้เรื่อง แต่จะมาสอนและสอบเรื่องแกรมม่า ทำไมไม่ปรับปรุงหลักสูตร สอนให้เด็กฟัง, พูด, อ่าน, เขียน ได้แบบจริงๆ สอนแกรมม่าไปก็เท่านั้น..พูดฟังอ่านเขียนไม่เป็น สุดท้ายลืมหมดอยู่ดี ที่สำคัญ ยังจำได้จนทุกวันนี้เลยว่า Menu อ่านว่าเมนู , Elephants อ่านว่า อีเลเฟ่น เพิ่งมารู้เมื่อตอนที่คำนี้คุ้นหูไปเรียบร้อยแล้วว่า "ออกเสียงผิด" !!! ส่วนนึงคงเพราะฐานเงินเดือนครูผู้สอนน้อยด้วยแหละมั้ง เลยไม่สามารถจ้างครูมีมีความชำนาญได้ ใครเกิดมารวยเรียนนานาชาติ..ก็ได้ภาษาไป จากคุณ : ทะเลสีดำ หัวใจสีชมพู - [ 17 ก.พ. 52 17:24:19 ]

ความคิดเห็นที่ 41 จริงๆ เคยได้ยินมาว่า ... ..... คนโง่ปกครองง่าย ..... บางคนเค้าต้องการปกครองง่ายๆ รึเปล่าครับ สุดท้ายมันเลย วนเวียนไม่จบไม่สิ้นแบบนี้ จากคุณ : vn, man - [ 17 ก.พ. 52 17:28:55 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ง่าย ๆ ที่จะสอบ ไม่มีในที่เรียน แต่มีที่ "ติวเตอร์" จากคุณ : น้ำเค็ม - [ 17 ก.พ. 52 18:17:52 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ^ ^ ^ คนคิดประโยคนั้น...อยู่เกาหลีเหนือหรือเปล่า... จากคุณ : Night Claw - [ 17 ก.พ. 52 18:18:45 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ระบอบการศึกษาที่ว่านี้คือระบบ เตรียมอุดมศึกษาครับ....ไม่ใช่ระบอบอุดมศึกษา การสอบ O-net A-net คือความพยายามที่จะแก้ไขปัญหา..ระบบเอนทรานซ์ แต่ก็ยังไม่ดีพอในหลายๆประเด็นซึ่ง..ห้องหว้ากอได้ถกกันไปอย่างเมามันแล้ว... ก่อนอื่นต้องยอมรับว่ามาตรฐานการศึกษาปัจจุบันสูงขึ้นในแง่ของเนื้อหาสาระ..เชื่อหรือไม่เด็ก ป.2 เดี๋ยวนี้เรียนเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน Demand Supply เรียนเรื่องการสังเคราะห์แสงของพืช(ภาษาอังกฤษ) ซึ่งทำให้มาตราที่กระทรวงกำหนดนั้นดูล่าหลังไปเลย วิธีการก็คือต้องทำให้ข้อสอบยากขึ้น แต่พอยิ่งยากขึ้นก็นอกเหนือจากเนื้อหาที่ได้เรียนในบทเรียนจริงๆ อีกอย่างเอนทรานซ์สอบแค่ 5 วิชาหลัก และมี วิชาเสริมกรณีสอบคณะพิเศษต่างๆ เช่นความถนัดทางวิศวะกรรม หรือ แพทย์ศาสตร์ แต่หลักๆใช้ข้อสอบเดียวกันสอบทั้งประเทศแค่ 5 วิชาเท่านั้น... ดังนั้นโรงเรียนที่อยากให้เด็กของตัวเองติดเยอะๆ(เพื่อจะมีเอาอัตราการสอบติดนี้มาอ้างอิงกับประสิทธิภาพของโรงเรียนว่ามีอัตราสอบติดเยอะๆ) ก็ได้ปล่อยให้เด็กเรียนกันเอง.. อนุญาตให้ไปติวเอง ให้อ่านเอง เพราะเนื้อหาที่สอบเอนทรานซ์มันเกินกว่าที่สอนในห้องเรียน แต่อย่าลืมว่า มาตรฐานการศึกษาที่ให้เรียนตั้งแต่ ม.1 - ม. 6 เราไม่ได้เรียนแค่ 5 วิชาหลัก.. เราเรียนเยอะแยะมากมายบางวิชามีประโยชน์เกียวกับการดำรงชีวิตประจำวัน การเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆ หรือสอนเกี่ยวคุณธรรม หรือ สุขศึกษา เด็กก็จะละเลยและโรงเรียนก็เช่นกันเพราะเด็กเน้นแต่จะสอบเอนฯให้ได้เท่านั้น...ซึ่งเน้นแค่ 5 วิชาซึ่งกลัวแค่ว่า หลังๆอาจหนักข้อกันถึงขนาด ม. 4 - ม. 6 อาจมีการสอนเพียงแค่ 5 วิชาหลักและ 1 วิชาเสริม เพื่อให้เอนฯติดเท่านั้นพอ..และอาจให้เรียนแค่ครึ่งวัน อีกครึ่งวันให้ไปติวเอง..... จากคุณ : Night Claw - [ 17 ก.พ. 52 19:08:17 ]

ความคิดเห็นที่ 45 จริงครับ เด็กคนไหนต่างจากครูหรือเก่งกว่าครู จะโดนด่าทันที -ประสบการณ์ตรง ป.1 ครูภาษาไทยเอาบทคัดภาษาไทยไปให้ครูใหญ่แก่ๆดู ครูใหญ่หาว่าหลอกลวง ทะเลอะกับครูประจำชั้นหาว่าโตๆกันแล้วยังจะรวมหัวกันหลอก แกด่าด้วยหาว่ารายมือแบบนี้เด็กเขียนไม่ได้ ป.2เป็นต้นไป ไม่อยากวุ่นวายเลยเขียนแบบส้นเท้าเลย55 - ป.5 ยกมือขึ้นค้าน เรื่องตำแหน่งการรับรสในลิ้นกับครู และบอกว่ามีอีกรสชาตินึง--โดนครูด่า ให้หุบปาก - -ทำงานส่งตั้งแต่เด็ก ทำเสร็จต้องทุบให้แตก ตีให้พังๆ วาดรูปก็ต้องวาดให้เสียๆ ไม่เช่นนั้นได้ 0 คะแนน เพราะครูหาว่าให้คนโตทำมาให้ - มีอีกเป็น 10ๆ เรื่อง - เด็กต้องโง่กว่าครูครับ จากคุณ : วมแย์ราจาอ - [ 17 ก.พ. 52 19:51:24 A:125.27.37.171 X: TicketID:199878 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ลืมบอกไป เรื่องของผมมันผ่านมา 20+++กว่าปีแล้ว - ครูโบราณน่ะครับ จากคุณ : วมแย์ราจาอ - [ 17 ก.พ. 52 19:53:00 A:125.27.37.171 X: TicketID:199878 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ผมเกิดใจกลางพระนคร(เรียกตามรุ่นของผม) เรียนหนังสือโรงเรียนในวัดใจกลางกรุง เครื่องแบบนักเรียนปักที่หน้าอก ท. (เทศบาล) อยากให้เห็นภาพว่ามันนานสมัยไหนแล้ว ระบบการศึกษา มันยังเป็นได้ถึงขนาด.... การเรียนสมัยผม  4-6-2 = 12 ปี  ( ป.4 ม.6 และ ม. 7-8) ไม่มีอนุบาล น้องชายคนที่ถัดจากผมเรียนจบภาคบังคับ ป. 4. อ่านหนังสือไม่ออก ! ต่อมาอีกสองปี น้องคนถัดไปอีกคน จบป. 4. อ่านหนังสือได้แต่ไม่คล่องเลย น้องผมทั้งสองคน ไม่สารมารถเรียนต่อมัธยมได้เพราะอ่านไม่ได้ เรี่ยกว่าจบ ป 4 ก็ออกมาฝึกงานในอู่ซ่อมรถ ฝึกเป็นเด็กช่วยช่างฟิต ทำได้ดีที่สุดที่พ่อแม่จะช่วยลูกๆ ได้ ปัจจุบันคนนึ่งไปเป็นกุ๊กโรงแรม และศึกษานอกระบบจนอ่านภาษาไทยออก อีกคนเป็นช่างซ่อมรถ ซ่อมเครื่องยนต์ เปิดอู่เล็กๆเป็นของตัวเอง อยากมาแชร์ความรู้นี้ ว่าเคยรู้กันบ้างหรือไม่ ที่นี่ประเทศไทย จากคุณ : RageMachine - [ 17 ก.พ. 52 20:43:23 ]

ความคิดเห็นที่ 48 คนที่เป็นกุ๊ก เกิดอุบัติเหตุโดนรถชนเสียชีวิตแล้ว หลายปี จากคุณ : RageMachine - [ 17 ก.พ. 52 20:45:13 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ไม่ต้องดูอะไรครับ นักการเมือง คนมีตังค์ ส่งลูกไปเรียนเมืองนอกทั้งนั้นครับ จากคุณ : bigwores - [ 17 ก.พ. 52 21:03:34 ]

ความคิดเห็นที่ 50 มหาลัยไทยติดอันดับเท่าไหร่ไม่รู้ แต่สส.นักการเมืองมีวิทาลัยครูกับราม สุโขทัยกว่าครึ่ง จากคุณ : x - [ 18 ก.พ. 52 04:08:49 A:210.246.64.34 X: TicketID:052378 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เห็นด้วยกับ #31 มากๆๆๆ เชื่อว่าเด็กจะเก่งต้องมาจากครูที่เก่ง จากคุณ : zaoreo - [ 18 ก.พ. 52 05:33:36 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ไม่อยากเอาการเมืองเข้ามาเกี่ยว แต่เราเคยได้ยินหลายต่อหลายครั้งแล้วว่าคนโง่นั้นปกครองง่าย จากคุณ : Cryptomnesia - [ 18 ก.พ. 52 09:14:53 ]

ความคิดเห็นที่ 53 จริง !! เพราะเด็กกินนมบูด จากคุณ : กบกระโดดไม่ไกล - [ 18 ก.พ. 52 14:09:41 ]

ความคิดเห็นที่ 54 คงไม่การศึกษาอย่างเดียวมั้งที่ล้มเหลว เหอๆ จากคุณ : Slurbody - [ 18 ก.พ. 52 14:32:14 ]