ความคิดเห็นที่ 21
โดยทันที เมื่อกลุ่มผู้สมคบคิดมองเห็นว่า รัฐบาลเดียวของโลก (One World Government) ไม่สามารถบรรลุความสำเร็จโดยใช้ชื่อ สันนิบาตแห่งชาติ พลเอกเฮาส์ ภายใต้คำสั่งของ จาคอบ ชิฟฟ์ ได้ก่อตั้งองค์รกรลับของชนชั้นสูง ที่เรียกว่า สภามนตรีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมาคมลับส่วนบุคคลนี้ ก็คือการสร้าง สมาชิกสภาล่าง, สมาชิกวุฒิสภา และผู้ว่าการรัฐ และอื่นๆ ขึ้นมาเอง จากนั้นความพยายามขั้นต่อไปที่จะรวมสหรัฐฯ ไปสู่รัฐบาลเดียวของโลก จะไม่มีความผิดพลาดอีก เพราะว่าอำนาจของเสียงโหวตที่พวกเขามีอยู่ แต่ผู้อ่านต้องไม่ลืมว่า ไม่ใช่รัฐบาลสหรัฐฯ ที่เป็นผู้ดำเนินการก่อตั้ง ดูได้จากรายงานประจำปี ค.ศ. 1979-1980 ของสภามนตรีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่ถูกตีพิมพ์ออกมา อันซึ่งถูกควบคุมโดย เดวิด ร็อกกี้เฟลเลอร์ หาอ่านได้ที่หน้า 5 มีใจความว่า
"The Twenty-one Americans, who, together with British counterparts, founded in Paris in 1919 'The Institute of International Affairs,' were a diverse group that included Col. Edward M. House, Herbert Hoover, Gen. Tasker Bliss, Christian Herter, and such scholars as Charles Seymour, later president of Yale, Professors Archibald Cary Coolidge of Harvard and James T. Shotwell of Columbia. In 1921 their American branch of the Institute MERGED WITH A LARGER, EXISTING GROUP OF NEW YORK BUSINESS AND PROFESSIONAL MEN TO FORM THE COUNCIL ON FOREIGN RELATIONS, INC."
ในวันนี้เราอยู่ระหว่างความพยายามขั้นที่สอง สำหรับคำขวัญที่ว่า NOVUS ORDO SECLORUM, หรือ การจัดระเบียบโลกใหม่ สภามนตรีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นแค่ส่วนหน้าของกลุ่มอิลูมิเนติในสหรัฐฯ เท่านั้น สำหรับการตั้งรัฐบาลโลก ยังมีพี่น้องของเขาอยู่ในอังกฤษด้วยเช่นกัน ใช้ชื่อว่า The Institute of International Affairs กลุ่มมหาเศรษฐีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ลัทธิข้ามชาติ อันซึ่งถูกรับรองโดย IRS ก็คือ องค์กรที่เรียกกันว่าเป็นองค์กรการกุศลใช้ชื่อว่า The American Friends of Bilderbergers
การเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ เหมือนกับกลุ่มปฏิวัติ จาโคแบง คลับ ในฝรั่งเศส พวกเขาเลือกใช้ชื่อนี้ จากชื่อสถานที่ที่ใช้พบปะกันครั้งแรก ในกรณีนี้คือ โรงแรมบิลเดอร์เบิร์ก ประเทศฮอลแลนด์ ในปี ค.ศ. 1954 (the Bilderberg Hotel in Oosterbeek, Holland in May of 1954)
เหมือนกับกลุ่ม จาโคแบง คลับ, บอลเชวิก และ สภามนตรีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กลุ่มบิลเดอร์เบิร์กเป็นสมาคมลับของชนชั้นสูง สำหรับเหล่ามหาเศรษฐี มันถูกสร้างขึ้นจาก โลกแห่งการทำธุรกิจธนาคารข้ามชาติ, วงจรการเมือง และธุรกิจ และรวมถึงประชาชนทั่วไปที่เป็นมืออาชีพ พวกเขายึดถือการพบปะกันเป็นประจำให้เป็นความลับสูงสุด เพื่อสนับสนุนลัทธิข้ามชาติ
ประธานของสมาคมลับชั้นสูงนี้คือ Prince Bernard of the Netherlands (เสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2004) royal consort of Queen Juliana ผู้ที่ซึ่งมีรายงานว่า เป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ราชินีจูเลียน่า (Queen Juliana)และ ลอร์ด รอทช์ไชล์(Lord Rothschild) เป็นผู้ที่ถือหุ้นของบริษัท เชลล์ ออยล์ (Shell Oil Company) ขณะที่ตระกูล ร็อกกี้เฟลเลอร์ ควบคุม สแตนดาร์ด ออยล์ (Standard Oil) กลุ่มบิลเดอร์เบิร์ก รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า "The 500." เดส กริฟฟิน ระบุชื่อบางคนที่ถูกเชิญเป็นแขกในการพบปะกันประจำปีของกลุ่มบิลเดอร์เบิร์ก ในหนังสือของเขา Fourth Reich of the Rich, หน้า 118
"A lot can be learned from noting the names of the people who attend these clandestine annual meetings: David and Nelson Rockefeller, Emilio Collado, ประธานบริหารของ Exxon Corporation, Ciovanni Agnelli, เจ้าของ the Fiat car company, Robert Strange McNamara, ประธานของ World bank ขณะนั้น, Heinz (Henry) Kissinger, Gerald Ford, Senator Mathias, นายกรัฐมนตรีของอังกฤษขณะนั้น James Callaghan AND his "conservative" counterpart Margaret Thatcher, ประธานาธิบดีหุ่นเชิดของกลุ่มรอทช์ไชลด์ Valery Giscard D'Estang of France,และผู้คนที่มีตำแหน่งเทียบเท่าจากอีกหลายๆ ชาติ"
ในขณะเดียวกันตามรายงานประจำปีของสภามนตรีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศปี ค.ศ. 1979-1980, มีรายชื่อดังนี้
Kissinger, Mathias and a host of other political American figures are members of the Council. Howard Baker, George Ball, Harold Brown, Ellsworth Bunker, Donald Bush, Hodding Carter, Douglas Dillon, Arthur Goldberg, Alexander Haig, Jacob Javits, David LIttle, Henry Cabot Lodge, George McGovern, Robert McNamara, Walter Mondale, Donald Began, Dean Rusk, Adlai Stevenson III, and Andrew Young ซึ่งเป็นเพียงรายชื่อจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่มีชื่ออยู่ในสมาคมลับนี้
ย้อนกลับไปตอนที่ วิลสัน ตั้งสำนักงานใหญ่สำหรับ สันนิบาตแห่งชาติ ในการจัดระเบียบโลกใหม่นานาชาตินี้ ในวันนี้ ผลงานชิ้นเอกในการหลอกชาติต่างๆ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น สหประชาชาติ (United Nations) ชาติเดิมๆ มากมายที่ถูกหลอกโดยเหล่าผู้นำให้เข้าสู่ สันนิบาตแห่งชาติ ก็ได้ถูกหลอกอีกครั้งหนึ่งให้เข้าร่วมกับ สหประชาชาติ
จากคุณ :
Mr.Terran
- [
17 ก.พ. 52 12:39:18
]
|
|
|