ความคิดเห็นที่ 1 9. Smart Dust คนส่วนมากมักจะอารมณ์เสีย ถ้าจู่ๆการบ้านของเขาระเบิดใส่หน้าและแตกเป็นชิ้นๆลงบนพื้น แต่ไม่ใช่นักศึกษา นาม Jamie Link เพราะในขณะที่ Link กำลังทำการทดลองในงานวิจัยของเธอในมหาวิทยาลัย University of California อยู่นั้น ปรากฎว่า ชิพซิลิกอนที่เธอกำลังศึกษาอยู่ เกิดระเบิดแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่หลังจากนั้น เธอก็ได้พบว่า ชิ้นส่วนเล็กๆเหล่านี้ ยังสามารถทำงานเป็นเครื่องตรวจจับได้อยู่ ในที่สุดแล้ว "smart dust" นี่เอง ที่ทำให้เธอได้รางวัลสูงสุดในงาน Collegiate Inventors Competition เมื่อปี 2003 ไปครอง ชิ้นส่วนเล็กๆเหล่านี้สามารถเอาไปใช้หาความบริสุทธิ์ของน้ำดื่ม, หาสารเคมีที่เป็นอันตรายในอากาศ แม้กระทั่ง ระบุตำแหน่งเซลล์มะเร็งในร่างกายมนุษย์ได้ด้วย แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 52 03:50:48 จากคุณ : angel13th - [ 24 ก.พ. 52 03:45:56 ]

ความคิดเห็นที่ 2 8. Coke การบังเอิญคิดค้นอาหารต่างๆนั้นมีมากมายเหลือเกิน เช่น มันฝรั่งแผ่นที่เกิดเพราะพ่อครัวนาม George Crum รำคาญลูกค้าที่บ่นว่า french fries ที่เขาทำมันอมน้ำมันเหลือเกิน หรือไอติมแท่งที่เกิดเพราะนาย Frank Epperson ลืมน้ำหวานไว้นอกบ้านในคืนที่อากาศหนาว แต่ไม่มีการบังเอิญใดที่จะประสบความสำเร็จเท่ากับโค้กอีกแล้ว เพราะเภสัชกรในแอตแลนต้าที่ชื่อ John Pemberton พยายามที่จะคิดสูตรยาสำหรับแก้ปวดหัว เขาใช้ส่วนผสมหลายอย่าง -ที่เป็นความลับจนทุกวันนี้- จนเกิดเป็นโค้กขึ้นมา กว่าโค้กจะเป็นที่นียมได้ ก็ต้องใช้เวลาถึง 8 ปีในร้านขายยาของเขา หลังจากนั้น ถึงจะได้เอาน้ำดำมาใส่ขวดขายจนทุกวันนี้ แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 52 03:51:48 จากคุณ : angel13th - [ 24 ก.พ. 52 03:46:15 ]

ความคิดเห็นที่ 3 7. Teflon ในปัจจุบัน สาร CFC (chlorofluorocarbon) ได้ถูกระงับไม่ให้ใช้แล้ว เนื่องจากการทำลายชั้นโอโซนของมัน แต่ย้อนกลับไปในช่วงปี 1930 สารนี้แหละ ที่ทำให้ตู้เย็นพัฒนาขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ช่วงนั้นเอง นักเคมีหนุ่มของ บ.DuPont ที่ชื่อ Roy Plunkett ก็กำลังคิดค้นสาร CFC ชนิดใหม่อยู่เหมือนกัน เขาคิดเอาไว้ว่า ถ้าเขาสามารถนำส่วนผสมที่เรียกว่า TFE ไปทำปฏิกริยากับกรดไฮโดรคลอริคได้  เขาควรจะได้สารทำความเย็นชนิดใหม่ขึ้นมา เมื่อเริ่มทดลอง เขาก็เอาก๊าซ TFE มาแช่เย็นและอัดใส่ในกระป๋อง เพื่อที่จะเอาไว้ใช้ในตอนหลัง หลังจากทำโน่นทำนี่แล้ว ถึงเวลาเปิดกระป๋องเพื่อที่จะเอากรดใส่ลงไป ปรากฎว่า ไม่มีอะไรอยู่ในกระป๋อง... ก๊าซหายไปหมดแล้ว ด้วยความโมโห เขาเลยเปิดฝากระป๋องออก แล้วเขย่าๆๆๆ ปรากฎว่า มีผลึกสีขาวๆร่วงออกมาจากกระป๋อง หลังจากนั้น ก็เป็นโชคดีของแม่บ้านทั้งหลาย เพราะเขาเกิดสงสัยไอ้ผลึกขาวๆเหล่านั้น และส่งไปให้นักวิทยาศาสตร์คนอื่นใน บ. ดูต่อไป จากคุณ : angel13th - [ 24 ก.พ. 52 03:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 6. Vulcanized Rubber (ยางวัลกาไนส์) Charles Goodyear ต้องรอเป็นปีๆ ถึงจะเจออุบัติเหตุที่ทำให้เขานอนตายตาหลับได้ Goodyear ใช้เวลาหลายสิบปีในการหาวิธีต่างๆที่จะทำให้ยางมีประสิทธิภาพดีขึ้นในขณะเดียวกันก็ต้องทนความร้อนและความเย็นด้วย ..แต่เขาก็หาไม่เจอสักที จนวันนึง เขาทำส่วนผสมของ ยาง, ซัลเฟอร์ และตะกั่ว หกใส่เตาร้อนๆ ความร้อนเผาส่วนผสมทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้ทำลายส่วนผสมนั้น เมื่อ Goodyear หยิบส่วนผสมขึ้นมาดู ปรากฎว่า มันแข็งขึ้น และยังสามารถใช้งานได้อยู่ ในที่สุด... เขาก็เจอการก้าวกระโดดที่เขาใฝ่ฝันถึง ส่วนยางที่เขาค้นพบนั้น ปัจจุบัน ก็อยู่ใน ยางรถยนต์, รองเท้า ยันลูกฮอกกี้น้ำแข็ง จากคุณ : angel13th - [ 24 ก.พ. 52 03:47:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 5. Plastic ในปี 1907 ชแล็กถูกใช้เป็นฉนวนในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ แถมไม่ใช่ของถูกๆซะด้วย เพราะมันได้มาจากแมลงชนิดหนึ่งในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  และแน่นอน นาย Leo Hendrik Baekeland นักเคมีว่างงานก็เกิดไอเดียที่จะทำชแล็กสูตรใหม่ขึ้นมา และโกยกำไรให้กระเป๋าตุง แต่ทำไปทำมา การทดลองของเขาดันทำให้เกิดวัสดุที่ขึ้นรูปได้ และทนความร้อนโดยไม่เสียรูปทรงซะงั้น Baekeland ตั้งชื่อสารของเขาว่า "Bakelite" แล้วคิดที่จะใช้มันสำหรับเป็นแผ่นเสียง แต่ไม่นานหลังจากนั้น เราก็ค้นพบว่าไอ้สารนี่ มันทำอะไรได้เป็นพันๆอย่างเลยทีเดียว ตั้งกะโทรศัพท์ ยันหน้ากากผี แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 52 05:40:09 จากคุณ : angel13th - [ 24 ก.พ. 52 03:47:48 ]

ความคิดเห็นที่ 6 4. Radioactivity (กัมมันตภาพรังสี) มีอยู่สองคำที่คุณคงไม่ค่อยอยากได้ยินมันอยู่ในประโยคเดียวกันสักเท่าไหร่คือ "อุ๊ย.." กับ "สารกัมมันตรังสี" แต่สำหรับนักฟิสิกส์ นาม Henri Becquerel แล้ว อุบัติเหตุนี่แหละที่ทำให้เขาค้นพบกัมมันตภาพรังสี ย้อนกลับไปในปี 1896 Becquerel ได้มีความสนใจกับของอยู่ 2 สิ่ง นั่นคือ สารฟลูออเรสเซนส์ในธรรมชาติ กับ การ X-rey แบบใหม่ เขาได้ทำการทดลองเพื่อที่ จะหารังสี X โดยจะนำเอาก้อนแร่ฟลูออเรสเซนส์ไปไว้กลางแดด แต่ปัญหาอย่างหนึ่งที่เขาเจอคือ เขาทำการทดลองในหน้าหนาว แล้วกว่าท้องฟ้าจะเปิด ก็ปาเข้าไปเป็นอาทิตย์ ดังนั้น เขาเลยทิ้งอุปกรณ์กองๆไว้ในลิ้นชัก แล้วรอให้ถึงวันที่แดดออก เมื่อเขากลับมาทำงาน Becquerel สังเกตเห็นว่า ก้อนแร่ยูเรเนียมที่เขาทิ้งไว้ในลิ้นชัก ได้ประทับรอยไว้กับแผ่นบันทึกภาพ โดยที่ยังไม่ได้ถูกกับแสงเลย ดังนั้น เขาจึงคิดว่า ไอ้ก้อนหินนี่ มันต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆ เมื่อเขาได้ทำการวิจัยร่วมกับ มารี และ ปีแอร์ คูรี เขาก็สรุปได้ว่า ไอ้สิ่งนั้นมันคือ กัมมันตภาพรังสีนี่เอง จากคุณ : angel13th - [ 24 ก.พ. 52 03:48:12 ]

ความคิดเห็นที่ 7 3.  Mauve (สีย้อมผ้า) ถ้าพูดถึงความเกี่ยวข้องที่มันแปลกๆแล้ว ลองมาดูนี่หน่อย นักเคมีอายุ 18 ชื่อ William Perkin ที่ต้องการจะรักษาโรคมาลาเรีย - แต่การค้นพบของเขาจะเป็นการปฏิวัติวงการแฟชั่นทั่วโลกอย่างสิ้นเชิง ...อ้อ แล้วก็ช่วยสู้กับมะเร็งด้วย อย่าเพิ่งงง ลองดูนี่ก่อน ในปี 1856 Perkin ได้พยายามคิดค้นตัวยาควิกนิน แบบใหม่ขึ้นมา แต่แทนที่จะได้ยารักษาโรคมาลาเรีย การทดลองของเขาดันได้สารแหยะๆสีแปลกๆออกมา แต่พอเขาจ้องดูที่สารนั่น เขากลับมองเห็นความสวยงามของมันเรื่อยๆ ปรากฎว่า เขาเป็นบุคคลแรกที่คิดค้นสีย้อมผ้าสังเคราะห์ขึ้นมา สีที่เขาทำขึ้น ถ้าเทียบกับสีที่สกัดมาจากธรรมชาติแล้ว เรียกว่าทิ้งกันไม่เห็นฝุ่น ทั้งสีที่สดกว่า และยังไม่ตกเวลาซักด้วย นอกจากนี้ การค้นพบของเขาทำให้ วิชาเคมีนั้นกลายเป็นศาสตร์ทำเงิน ซึ่งดึงดูดผู้คนที่มีความคิดประหลาดๆเข้ามาในวงการอีกด้วย แต่เรื่องราวของสีนี่ยังไม่จบ เพราะยังมีคนที่ถูกจุดประกายจากงานของ Perkin นั่นคือนักแบคทีเรียวิทยาชาวเยรมันที่ชื่อ Paul Ehrlich โดยเขาใช้สีย้อมผ้าของ Perkin ในการเบิกทางค้นคว้า ภูมิคุ้มกันวิทยา (immunology) และ เคมีบำบัด (chemotherapy) แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 52 12:38:29 จากคุณ : angel13th - [ 24 ก.พ. 52 03:48:41 ]

ความคิดเห็นที่ 8 2. Pacemaker (เครื่องกระตุ้นหัวใจ) อันดับเหล่านี้ จะไม่สมประกอบเลย ถ้าขาดสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดจากนักวิทยาศาสตร์ที่ใจลอยเวลาทำงาน มันคือเครื่องกระตุ้นหัวใจนี่เอง เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ช่วยชีวิตคนมานักต่อนักแล้ว และเครื่องกระตุ้นหัวใจที่ถูกยัดใส่ในหน้าอกผู้ป่วยหลายๆรายนี่เอง ที่เกิดขึ้นมาเพราะวิศวะกรชาวอเมริกาที่ชื่อ Wilson Greatbatch ควานหาของในกล่อง แล้วหยิบของขึ้นมาผิดชิ้น... ไม่ได้โม้ แต่เป็นเรื่องจริง Greatbatch  กำลังสร้างวงจรที่จะช่วยบันทึกเสียงหัวใจที่เต้นเร็วๆอยู่ ปรากฎว่า เมื่อเขาล้วงไปในกล่องที่เก็บตัวต้านทานไว้ แทนที่จะหยิบตัวต้านทานขนาด 1เมกะโอห์มขึ้นมา เขาดันหยิบตัวต้านทานขนาด 10,000โอห์มขึ้นมาแทน ปรากฎว่า วงจรที่เขาทำเสร็จ ได้ส่งคลื่นออกมาเป็นเวลา 1.8มิลลิวินาที แล้วหยุดไป 1 วินาที แล้วก็ส่งคลื่นออกมาใหม่ ซ้ำๆไปเรื่อยๆ  จนเป็นเสียงที่ทุกๆคนคุ้นหูกันดี นั่นก็คือเสียงหัวใจเต้นนั่นเอง แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 52 03:57:58 จากคุณ : angel13th - [ 24 ก.พ. 52 03:49:01 ]

ความคิดเห็นที่ 9 1. Penicillin คุณๆท่านๆที่อ่านจนถึงนี่คงสงสัยอยู่ในใจว่า แล้วเพเนซิลินล่ะ หายไปไหน? แน่นอน สุดยอดแห่งการค้นพบโดยอุบัติเหตุ ที่รู้จักกันมากที่สุดในศัตวรรตที่ 20 คงเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเพเนซิลินนี่แหละ ถ้าคุณอาศัยอยู่ในถ้ำตลอด 80 ปีที่ผ่านมา และไม่รู้จักเพเนซิลินนี่ล่ะก็ ข้างล่างนี่คือประวัติการค้นพบของมัน Alexander Fleming ลืมที่จะทำความสะอาดโต๊ะทำงานของเขา ก่อนที่จะไปพักร้อนในปี 1928 พอเขากลับมา เขาก็เจอกลุ่มราประหลาดอยู่บนเชื้อที่เขาเพาะไว้ แล้วยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ เพราะแบคทีเรียที่เขาเพาะไว้ ไม่เข้ามากล้ำกรายรอบๆเชื้อราเหล่านี้เลย จากนั้นมา เพเนซิลินก็กลายเป็นยาปฏิชีวนะตัวแรก และยังนิยมใช้กันเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ จากคุณ : angel13th - [ 24 ก.พ. 52 03:49:22 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แปลมาจาก Science Top 10 Lists ของ Science Channel ครับ จากคุณ : angel13th - [ 24 ก.พ. 52 03:56:29 ]

ความคิดเห็นที่ 11 หวังว่าคงไม่ได้ปาดนะครับ ครบ10อันดับแล้ว กำลังสนใจที่มาของสิ่งค้นพบโดยบังเอิญอยู่พอดี ต้องชื่นชมความช่างสังเกตของผู้ค้นพบนะครับ ผมว่ายังมีสิ่งใหม่ๆรอการค้นพบอีกมากมายโดยที่เราไม่ทันได้สังเกตกันให้ดีๆ และมันยังคงวนเวียนอยู่ในชีวิตประจำวันของเราอยู่เสมอ เพียงแต่รอการค้นพบโดยใครบางคนเท่านั้นเอง   โหวตให้ครับ ^ ^ จากคุณ : คุณตุ่น - [ 24 ก.พ. 52 04:38:30 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ค.ห. 5 แปลผิดหรือเปล่า ... "ในปี 1907 ชแล็กถูกใช้เป็นฉนวนในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ แถมไม่ใช่ของถูกๆซะด้วย เพราะมันได้มาจากแมลงเต่าทองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" - "ชแล็ก" ทำมาจาก "ครั่ง" ไม่ใช่หรือ - ครั่งคือผลผลิตจากแมลงครั่ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า แลคซิเฟอร์ แลคคา (Laccifer lacca Kerr.) - แมลงครั่งเป็นแมลงขนาดเล็กและใช้งวงเจาะลงไปบนกิ่งไม้เพื่อดูดน้ำเลี้ยง ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ จึงสร้างรังห่อหุ้มป้องกันตัว รังนี้ประกอบด้วยสารสีม่วงแดง ขี้ผึ้งสีเหลืองแก่และยางสีส้ม รังนี้คือสารที่เรียกว่า ครั่ง จากคุณ : นายเดชา - [ 24 ก.พ. 52 05:11:06 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ต้นฉบับเขาว่า Southeast Asian beetles คงเพราะกะให้คนอ่านง่ายๆ เลยอธิบายถึงอะไรที่มันนึกภาพง่ายๆล่ะมังครับ ให้ผมนึกถึงตัวครั่ง ผมยังนึกภาพไม่ออกเลย ให้ตาย แต่ก็แก้ให้แล้วนะครับ (แต่ผมคงไม่พูดถึงตัวครั่งแหละครับ มันอ่านแล้วนึกภาพไม่ออกจริงๆ) ขอบคุณที่ท้วงให้นะครับ ...เออ พลาดจริงๆ อ่าน beetles ดันแปลเป็นเต่าทอง ทำไมไม่แปลว่าด้วง แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 52 05:42:41 แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 52 05:41:12 จากคุณ : angel13th - [ 24 ก.พ. 52 05:38:50 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ชื่อสามัญของแมลงครั่ง คือ "Lac" พวกฝรั่งมันคงไม่รู้จักหรอก อาจจะเคยเห็นอย่างมากก็ครั่งที่แปรรูปแล้ว เพราะครั่ง มีแหล่งกำเนิดที่เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะทางภาคเหนือของไทย เป็นแหล่งส่งออกที่สำคัญของโลกเลย ส่วนตัวผมเอง เคยไปช่วยเพื่อนแซะครั่งออกจากกิ่งไม้ ก็พอเคยเห็นบ้าง หน้าตามันไม่ใช่แมลงเต่าทองอย่างแน่นอน แถมยังกัดเจ็บซะด้วย เรื่องจากแหล่งที่นำมาให้อ่าน อ่านแล้วก็สนุกดี แต่ข้อมูลหลายจุดน่าจะคลาดเคลื่อน ไม่เหมาะกับนำไปอ้างอิง จากคุณ : นายเดชา - [ 24 ก.พ. 52 06:00:16 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เคยดูรายการทาง Tv ที่แสดงถึงที่มาที่ไปของคลั่ง ตัวคลั่งเล็กมากๆต้องใช้แว่นขยายส่องดูเหมือนมดตัวเล็ก จากคุณ : คนรักของนู๋แป้ง - [ 24 ก.พ. 52 06:01:28 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เยี่ยมมากๆค่ะกระทู้นี้!!!!!! สำนวนสนุกสนาน วลีถูกใจ ความรู้ความน่าสนใจเต็มสิบ ^^ ล้มเหลวในชีวิตเภสัชกรจริงๆ คนค้นพบโค้ก หรือรสชาติที่ซ่อนอยู่ เกิดจากตัวยาไม่โสภาหว่า =[]=;; ไม่แน่นะ มนุษยชาติ อาจ"เจอ"อะไรมากกว่านี้อีกหลายพันหลายหมื่นอย่าง แต่คนเจอไม่รู้ว่าเจอ และไม่ได้สนใจจะทำอะไรกับมัน... จากคุณ : EGUANAฟ้าประทาน - [ 24 ก.พ. 52 06:53:35 A:58.9.92.185 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 ^ ^ ^ ครั่ง ครับ จากคุณ : nutxnut - [ 24 ก.พ. 52 07:02:18 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เพิ่มเติมเรื่อง Goodyear ในความเห็น 4 นะครับ คือเมื่อก่อนผลิตภัณฑ์จากยางเนี่ยจะแข็งโป๊กในฤดูหนาวแต่เยิ้มและแตกเสียรูปในฤดูร้อนครับ ตาปรีดีนี่แกก็เลยพยายามคิดหากระบวนการทำให้มันคงรูปในทุกสภาวะอยู่หลายปีมาก สุดท้ายก็ไปพบวิธีนี้โดยบังเอิญอย่างความเห็น 4 ว่าไว้ครับ คือส่วนผสม (โดยบังเอิญ) ตรงที่โดนไฟมันยังคงรูปอยู่แกสังเกตุเห็นก็เลยทดลองผสมทั้ง 3 อย่างเข้าด้วยกันแล้วอบด้วยอุณหภูมิที่พอเหมาะจนเจอจุดที่ดีที่สุด แกจึงตั้งชื่อกระบวนการไว้ว่า Valcanized ครับ ชื่อ Goodyear เป็นบริษัทยางดังระเบิดเถิดเทิงแต่คนที่ทำงานกับแกอีกคนก็มีชื่อเป็นบริษัทยางเหมือนกันแต่ช่างโนเนมเสียเหลือเกิน บริษัทนั้นคือบริษัท Hutchinson (http://www.hutchinsontires.com/us/) ผมเคยเห็นมียางมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อนี้มาขายในบ้านเราเมื่อหลายปีก่อน ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังอยู่หรือเปล่า จากคุณ : dragunov - [ 24 ก.พ. 52 07:08:15 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณ john pamberton ถ้าไม่ได้คุณ pepsi ก็ไม่ได้เกิด จากคุณ : montes - [ 24 ก.พ. 52 07:31:20 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณที่หาความรู้มาให้อ่านค่ะ จากคุณ : Rinsei - [ 24 ก.พ. 52 07:39:59 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ครั่งมีมาตั้งแต่อียิปต์แล้ว จากคุณ : ผู้ครอบครองจักรยาน - [ 24 ก.พ. 52 07:40:26 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณมากครับ สำหรับความรู้ จากคุณ : คาถาป้องกันแห้ว - [ 24 ก.พ. 52 08:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คุณสมบัติสำคัญของนักวิทยาศาตร์เลยนะคะ...ช่างสังเกตุ.. จากคุณ : primjang - [ 24 ก.พ. 52 08:37:26 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เยี่ยมมากๆๆค่ะ....การค้นพบแบบนี้มีประโยชน์มากๆๆ โดยเฉพาะเพนนิซิลิน.. ช่วยชีวิตได้มากมายเลยค่ะ... ขอบคุณที่แปลให้อ่านกัน.. จากคุณ : nuanapa - [ 24 ก.พ. 52 08:46:05 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณสมบัติสำคัญของนักวิทยาศาสตร์...ขี้ลืม แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 52 08:49:16 จากคุณ : ผู้ก่อการรัก - [ 24 ก.พ. 52 08:47:31 ]

ความคิดเห็นที่ 26 carbon nano tube (CNT) ไม่ติดได้อย่าง - -a จากคุณ : kanoomtan - [ 24 ก.พ. 52 09:03:13 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เพนิซิลิน นี่ น่าจะเรียกว่า ...ลืมมากกว่า จากคุณ : vn, man - [ 24 ก.พ. 52 09:18:43 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ป้าพริม ช่างสังเกต ไม่ใช่ สังเกตุ คัดลายมือสิบรอบ จากคุณ : Epinephrine - [ 24 ก.พ. 52 09:20:19 ]

ความคิดเห็นที่ 29 หนุกดี เอาอีก เอาอีก จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 24 ก.พ. 52 09:40:09 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เป็นความรู้ดีมากๆ ครับ ส่วนในเมืองไทยไม่เห็นมีแบบนี้เลย สงสัยส่วนมากถ้าทำแล็บผิดพลาดแล้วไม่ได้ผลตามต้องการก็ทิ้งไปเลย ก็เลยไม่ได้ค้นพบอะไรที่มันบังเอิญแบบนี้ จากคุณ : เกียรตินำ - [ 24 ก.พ. 52 09:48:43 ]

ความคิดเห็นที่ 31 กบอ๊บๆ นอกกะลา อาทิตย์ที่แล้ว ก็เพิ่งพาไปดู ครั่ง ตัวเป็นๆ อยู่เลยครับ จากคุณ : monsungja - [ 24 ก.พ. 52 10:01:08 ]

ความคิดเห็นที่ 32 อ. Practical x 2 ก็เคยค้นพบอะไรใหม่ ๆ จากความผิดพลาดเหมือนกันนะครับ เห็นแกเคยเอามาโพสไว้ เรื่องน.ศ.ทำแล็บนี่แหละ แล้วเกิด error อะไรสักอย่าง กลายเป็นค้นพบอะไรบางอย่างแทน ... รอเจ้าตัวมาเล่าให้ฟังดีกว่า จากคุณ : เศียรนาคา ... (Eumentis) - [ 24 ก.พ. 52 10:10:14 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มองในแง่ร้ายของการค้นพบ ตรูทำพลาดอีกแล้วซิเนี่ย... มองในแง่ดี ถ้าเราไม่ทำผิดพลาด จะพบสิ่งใหม่ ๆ แบบนี้มั๊ย จากคุณ : NATE2000 - [ 24 ก.พ. 52 10:45:26 ]

ความคิดเห็นที่ 34 นักวิทย์ที่ดีต้อง ไม่ค่อยชอบทำความสะอาด(10) ซุ่มซ่าม ขี้ลืม พูดเล่นครับ พลาดแล้วต้องสังเกต ต่างหาก ถึงจะเกิดนวัตกรรมใหม่ ไม่ใช่พลาดแล้วช่างมัน จากคุณ : mohicann - [ 24 ก.พ. 52 10:45:43 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ความช่างสังเกตเป็นหนึ่งในคุณสมบัติอย่างหนึ่งของนักวิทยาศาสตร์ครับ หากว่า ไม่ได้สังเกตว่าขนมปังมันหวานกว่าปกติ จนถึง แบคทีเรียไม่สามรถเติบโตเข้าใกล้เชื้อราได้ คงไม่มีการต่อยอดจากเหตุบังเอิญเหล่านั้น อาจจะทำให้วิทยาการต่างๆไม่ก้าวหน้าดังเช่นในปัจจุบันนี้ จากคุณ : sawatcafe - [ 24 ก.พ. 52 11:19:12 ]

ความคิดเห็นที่ 36 โดนใจ.... จากคุณ : บ้านอยู่ kokat (บ้านอยู่ korat) - [ 24 ก.พ. 52 11:35:32 ]

ความคิดเห็นที่ 37 กระทู้ดีมาก ๆ :D จากคุณ : cookiecompany - [ 24 ก.พ. 52 12:19:57 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เข้ามาทัศนา :P จากคุณ : Blade of Fury - [ 24 ก.พ. 52 13:01:13 ]

ความคิดเห็นที่ 39 สุดยอดไปเลย เพราะเรื่องบังเอิญทำให้โลกเจริญได้จนทุกวันนี้นี่เอง^^ จากคุณ : รอดูบอล - [ 24 ก.พ. 52 14:13:57 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ไม่มีเรื่องของ ไมโครเวฟ ที่เอาช๊อคโกแลตไปวางไว้บนเครื่องส่งเหรอครับ.. จากคุณ : Night Claw - [ 24 ก.พ. 52 14:58:34 ]

ความคิดเห็นที่ 41 #23 สังเกต ครับ จากคุณ : เบลอว่ารักแถบ - [ 24 ก.พ. 52 15:00:22 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ชอบกระทู้นี่จัง จากคุณ : แทบคลั่ง - [ 24 ก.พ. 52 15:40:03 A:118.173.64.144 X: TicketID:162373 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คุณ prim ผมสังเกตเห็นแล้ว จากคุณ : mohicann - [ 24 ก.พ. 52 16:04:13 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ยังมีที่น่าจะยกย่องว่าเป็นระดับ .. super imagination อีกหลายอย่างครับ  คลิ้ปหนีบกระดาษนี่ก็อย่างนึง  เตาไมโครเวฟ ก็อีกอย่าง  -------  การค้นพบโดยบังเอิญบางอย่าง ก็ไม่น่าจดจำ  อย่างเช่นการค้นพบของ Alfred Nobel ... ดินระเบิด TNT  บางอย่าง ก็เป็นเรื่องตลกร้ายกาจ  นักวิจัยของ 3M พยายามค้นหากาวที่ดีที่สุดในโลก .. ติดง่าย ติดแน่น  ติดนาน ติดทนทานฯลฯ  แต่ผลการวิจัียที่ได้ คือ กาวที่แย่ที่สุดในโลก ..  กาวที่ ... ติดอะไรไม่ได้เลย  กาวที่ ... ไม่มีอะไรติด  แล้วมันจะเป็นกาวเข้าไปได้ยังไงหว่า  ไม่รู้หละ .. ถึงมันจะเป็นกาวที่ห่วย เราก็ยังใช้มันอยู่ทุกวันนี้ .. กาว post-it จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 24 ก.พ. 52 16:04:30 ]

ความคิดเห็นที่ 45 น่าสนุกเนอะ แต่ Radioactivity (กัมมันตภาพรังสี) น่ากลัว จากคุณ : แมวไม่กินปลา - [ 24 ก.พ. 52 16:07:12 ]

ความคิดเห็นที่ 46 แต่สุดยอดสิ่งประดิษฐ์ สุดยอดแห่งการค้นพบโดยบังเอิญ  สุดยอดแห่งสิ่งสุดยอด ที่เทียบเทียบการค้นพบไฟ, ค้นพบล้อ, ค้นพบ Penicillin  เกิดเมื่อนักฟิสิกส์นิวเคลียร์ 2 คน ขี้เกียจส่งข้อมูลที่ค้นพบใหม่ๆ หากัน  และขี้เกียจหาข้อมูลเก่าๆ ที่ข้อมูลใหม่ๆต้องอ้างอิงถึง  ขี้เกียจส่งข้อมูล ให้ชาวบ้านเขา  เลยทำระบบเก็บ/ค้นหาข้อมูล แบบง่ายๆ โดยใช้เทคโนโลยีง่ายๆ (เท่าที่นักฟิสิกส์จะพยายามทำได้ ) และเรียกมันง่ายๆ ไร้สีสัน และคนฟัง ฟังไม่รู้เรื่อง (ตามแบบนักวิทย์เนิร์ดๆตัวจริง) ว่า  HyperText Markup Language  ปฏิวัติโลกเชียวหละ .. พอๆกับระเบิดปรมาณู (ที่ค้นคว้า วิจัย พัฒนา ทดลอง ฯลฯ แทบตาย) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 24 ก.พ. 52 16:09:51 ]

ความคิดเห็นที่ 47 อีกหนึ่งการค้นพบ "โดยบังเอิญ" ที่ปฏิวัติโลกยุคนี้ .. ไม่เห็นจะมีอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่า ... นักคอมพิวเตอร์สมัครเล่นคนหนึ่ง ดันไปเจอบริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ แบบ ... จับเสือมือเปล่า โดยไม่ได้ตั้งใจ  IBM ไม่ได้ต้องการพบ Bill Gates  และ Gates ... ก็ไม่ได้คิดว่า ตัวเองจะได้เจอตัวแทน IBM (อย่างที่หนังสร้างมาให้เราดู )  นั่นคือ การค้นพบโดยอุบัติเหตุ ครั้งแรก  การค้นพบโดยอุบัติเหตุ (ตามที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่อย่างในหนัง) คือ ... การที่เด็กบ้าคอมพิวเตอร์คนหนึ่ง ไปเห็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ "ห่วยๆ" ที่คนคิดค้นบอกว่า ทำไว้เล่นอะไรสนุกๆ สำหรับใช้งานง่ายๆในห้องวิจัย เพราะ "ไม่มีคุณค่าทางการค้าใดๆ"   จาก PARC สู่ LISA (ใครรู้จักมั่ง) และ Mac และ ... //tada ... Windows  ตอนเริ่มต้น ทุกอย่างล้วนเป็น "อุบัติเหตุ"  ...  แต่ตอนนี้ ... คุณกำลังมอง ผลของ "อุบัติเหตุ" ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1974 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 24 ก.พ. 52 16:23:43 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ชอบอ่ะ~ เอาอีก เอาอีกๆ   (n___n)/ จากคุณ : Little Bean Sprouts* - [ 24 ก.พ. 52 17:49:31 ]

ความคิดเห็นที่ 49 นักเรียนคนนึง ขณะที่เดินเปลี่ยนชั้นเรียนอยู่ เพิ่งสังเกตว่าเชือกรองเท้าหลุด แต่เค้าไม่สนใจ จึงทำการเดินต่อไปจนกระทั่งถึงบันไดลง เขาก้าวลง แต่รองเท้าได้เหยียบเชือกรองเท้าที่หลุด และต่อมาเขาล้มกลิ้งหัวคมำลงมาขาหัก เขาจึงค้นพบว่า "น่าจะผูกเชือกรองเท้าตั้งแต่แรก" orz..... ไม่ใช่แล้ว!! ------------------------------------------------ เอามาลงอีกนะคะ สนุกมากเลย ^^ รอของอ.แพรกx2ด้วยคน จากคุณ : ฮ่าๆๆComeback (โฮ่งฮับตังเม) - [ 24 ก.พ. 52 18:42:03 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ...เข้ามาดู... จากคุณ : RAPTOR-ON-THE-WAY (Norah) - [ 24 ก.พ. 52 19:35:40 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 24 ก.พ. 52 20:06:11 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เข้ามาส่อง จากคุณ : ป่านฉะนี้เธออยู่ดีไฉน - [ 24 ก.พ. 52 20:16:56 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณครับ ที่มาแบ่งปันความรู้ให้ครับ อยากบอกว่า ชอบมากๆเลย จากคุณ : gOlf :-) - [ 24 ก.พ. 52 22:05:48 ]

ความคิดเห็นที่ 54 มาปักธง จากคุณ : LR3 - [ 25 ก.พ. 52 01:17:01 ]

ความคิดเห็นที่ 55 มันคือเรื่องบังเอิญ  บนความพยายาม จากคุณ : ฟินจัง - [ 25 ก.พ. 52 01:32:46 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เรื่องเหล่านี้อาจดูเป็นความโชคดี แต่อย่าลืมว่าความโชคดีไม่เคยช่วยคนเกียจคร้าน จากคุณ : Mr.Feynman - [ 25 ก.พ. 52 04:52:48 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ลงรูปไม่เป็น เลยแปะ link ให้แทนครับ นี่คือข้อมูล ครั่ง ที่ไม่เคยเห็นและถามๆ กัน http://www.kanchanapisek.or.th/kp6/BOOK7/chapter5/chap5.htm http://agriqua.doae.go.th/lac_cricket_web/Lac2.htm http://th.wikipedia.org/wiki/แมลงครั่ง http://guru.sanook.com/encyclopedia/การเพาะเลี้ยงครั่ง/ http://malangone.bravehost.com/ref.html จากคุณ : นกไฟแห่งป่ามายา - [ 25 ก.พ. 52 08:56:31 ]

ความคิดเห็นที่ 58 อ่าวแล้ว Viagra ก็ไม่ติดหรอกหรอเนี่ย :) จากคุณ : Auveyz - [ 25 ก.พ. 52 10:44:48 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เข้ามางู จากคุณ : กระหึยแมน (NGT) - [ 25 ก.พ. 52 11:47:32 ]

ความคิดเห็นที่ 60 กระทู้ดีมีประโยชน์ เอาโหวตไป ปล.ว่างแล้วสินะน้องเปรี้ยว จากคุณ : Draconia - [ 25 ก.พ. 52 13:28:29 ]

ความคิดเห็นที่ 61 มาเล่าให้ฟังถึงความผิดพลาดแต่กลับส่งผลดี ตอนเรียนป.โทผมต้อง immunize ม้าเพื่อผลิตเซรุ่มแก้พิษงู ทั้งนี้จะเป็นการใช้ตัวช่วยและ strategy ใหม่ในการฉีดกระตุ้น ม้ากลุ่มแรกวางแผนเอาไว้ว่าฉีดแล้วเว้นสองเดือนแล้วค่อยฉีดซ้ำ หลังฉีดจนครบก็ไปเจาะเลือดมาตรวจปริมาณแอนติบอดีด้วย ELISA ปรากฏว่าเริ่ดครับท่าน ปริมาณแอนติบอดีขึ้นสูงปรี๊ด ตอนนั้นนึกในใจใครว่าที่นี่จบยากฟะ เดี๋ยวตูจะจบก่อนสองปีให้ดู ถัดมาก็เป็นขั้นตอนทดสอบความสามารถในการป้องกันพิษงูด้วยการเอา serum มาเจือจาง ผสมกับพิษงูแล้วฉีดเข้าหนู ปากฏว่าหน้าซีดเซียวเพราะหนูตายเกลี้ยง ทดลองซ้ำอีกครั้งก็ได้ผลเหมือนเดิม ตอนนั้นเครียดเลย เอาวะทดลอง vary อะไรบางอย่างแล้วไปฉีดใหม่ ปรากฏว่าผมทำพลาดครับ ตามแผนที่วางไว้ต้องเว้นระยะสองเดือนระหว่างการฉีดกระตุ้น (เพราะตัวช่วยที่ว่านี่ กระตุ้นภูมิได้ดีเลยไม่ต้องฉีดบ่อย) แต่ผมดันฉีดม้าทุกสองสัปดาห์แทน ผลปรากฏว่าปริมาณแอนติบอดีที่ตรวดด้วย ELISA ขึ้นสูงแต่ไม่เท่าม้ากลุ่มแรก แต่เมื่อนำไปทดสอบความสามารถในการป้องกันพิษงูปรากฏว่าได้ดีมากๆๆๆๆ มากกว่ามาตรฐานมากๆ ก็เลยทดลองด้วยการทำเหมือนกลุ่มแรกอีกครั้งแต่ลดระยะในการฉีดแค่สองอาทิตย์ปรากฏว่าดีเยี่ยม เลยได้รู้ว่าแค่ระยะเวลาในการฉีดกระตุ้นที่ต่างกันก็ส่งผลให้ได้แอนติบอดีที่ต่างกันไปด้วย ท้ายสุดสถานเสาวภาก็เปลี่ยนวิธีในการฉีดกระตุ้นมาเป็นแบบที่ผมใช้ ทีนี้ก็ happy กันถ้วนหน้า ใช้ม้าน้อยลง ใช้พิษงูน้อยลง ได้เซรุ่มดีกว่าเดิม มากกว่าเดิม ผลสำเร็จจากความผิดพลาดแท้ๆ จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 25 ก.พ. 52 17:12:09 ]

ความคิดเห็นที่ 62 จากคุณ : กรประเสริฐ - [ 25 ก.พ. 52 17:56:24 ]

ความคิดเห็นที่ 63 อ้าว ไวอากร้าไม่ติดอันดับหรอกเหรอ - -" จากคุณ : Buzz and Busy - [ 25 ก.พ. 52 18:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 64 แล้ว Bq ก็ได้มาเป็นหนึ่งในหน่วย SI ใช่ใหมครับ ส่วนคูรี่ก็เสียชีวิตเนื่องจากมะเร็ง เพราะกัมมันตภาพรังสี จากคุณ : ไจแอนท์ (escortnotrequired) - [ 25 ก.พ. 52 22:33:50 ]

ความคิดเห็นที่ 65 แจ่มม จากคุณ : กระเทยชายแดน - [ 25 ก.พ. 52 22:42:05 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ชอบกระทู้นี้จังเลยค่ะ ^^ จากคุณ : iSIs_OsiRis - [ 26 ก.พ. 52 00:27:03 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ชอบมากครับ.... มากกว่าความผิดพลาด คือ คนที่ผิดพลาดไม่ได้หวั่นกลัวผลของความผิดพลาด และสามารถหามุมมองและคำตอบใหม่ๆได้จากความผิดพลาดนั้น ด้วยความช่างสังเกต ชีวิตคนเราทุกครั้งจะลุกขึ้นจากความผิดพลาดได้ด้วยความสำเร็จ ก็เพราะเปลี่ยนมุมมองหลังจากเจอวิกฤต และเปลี่ยนให้มันกลายเป็นโอกาส จากคุณ : granun - [ 26 ก.พ. 52 00:39:01 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ชอบกระทู้นี้ครับ จากคุณ : Necessary - [ 26 ก.พ. 52 10:54:00 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เยี่ยม ๆ จากคุณ : SoCrys - [ 27 ก.พ. 52 11:17:37 ]

ความคิดเห็นที่ 70 อ่านกะทู้นี้แล้วสนุกดีค่ะ : ) จากคุณ : หน้าแง๊ว~* - [ 27 ก.พ. 52 11:53:29 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เหมือนอ่านความสุขตั้งแต่จขกท. ที่พยายามถ่ายทอด และคนเข้ามาตอบมาเสริม....มาทักทวง เนื่องจากทุกคนมีความหวังว่าจะค้นพบอะไรบ้างอย่าง..ก่อนที่จากโลกนี้ไป แต่ความตั้งใจในกรอบมันได้แค่..กรอบ แต่คนคิดนอกกรอบ..กัดไม่ปล่อย ผลาดไม่ทิ้ง...จึงได้กล่องไปแทน ขอบคุณความสุขอีกครั้ง...ที่ได้หลั่งออกมาครับ จากคุณ : appendiculata191 - [ 27 ก.พ. 52 11:54:47 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ได้ความรู้ดีมากเลย ครับ ชอบๆ จากคุณ : tama1580 - [ 27 ก.พ. 52 22:37:06 A:58.11.190.121 X: ]

ความคิดเห็นที่ 73 เยี่ยม แต่ เคส กัมมันตภาพ รังสีนี้ น่าสงสารที่สุด จากคุณ : ก้นกบ - [ 28 ก.พ. 52 13:31:49 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ด้วยเหตุผล ตามเ นื้อหาของกระทู้นี้ การเรียน-การสอนวิทยาศาสตร์ จึงต้องควบคู่กับการทำปฏิบัติการ(ทดลอง) แต่ครูบางคน  ก็ทำลายโอกาส..การค้นพบใหม่ ละเลยการสร้าง ลักษณะนิสัย ช่างคิดช่างสังเกตให้นักเรียน โดยการ สอนแต่ทฤษฏี- แล็ปแห้ง ที่แย่กว่านั้น คือให้นักเรียนแก้ข้อมูลแล็ปให้เป็นไปตามทฤษฏี เป็นกระทู้ที่ถูกใจมากที่สุด ในวันนี้ จากคุณ : ตัวกลมๆผมม้า - [ 28 ก.พ. 52 13:57:29 ]

ความคิดเห็นที่ 75 post it น่าจะติดด้วยนะครับ จากคุณ : pittboy2603 - [ 1 มี.ค. 52 10:02:32 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ได้รู้อะไรหลายอย่างเลยนะเนี่ย บางทีการทำผิดพลาดก็กลายเป็นเรื่องดี ดีกว่าเรามานั่งทำแต่ทฤษฎีล่ะเนอะ จากคุณ : รักไอติม - [ 1 มี.ค. 52 19:23:19 A:58.8.198.220 X: TicketID:158765 ]