ความคิดเห็นที่ 1 มีวีธีรักษานี่ครับ อ่านเจอจากหนังสือจิตเวชศาสตร์รามาธิบดี จากคุณ : pheebar - [ 26 ก.พ. 52 23:40:06 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จิตแพทย์มีวิธีบำบัดครับ ซึ่งก็มีหลายวิธี หลายทฤษฏีรองรับ หากอยากรู้จริงๆก็แนะนำให้หาหนังสืออ่าน ตามคห.1 ก็ได้ ถามกลับบ้าง ตั้งกระทู้เยอะแยะไปหมดไม่เหนื่อยบ้างเหรอเนี่ย? ถ้ายังไม่เหนื่อย คนตอบรู้สึกเหนื่อยแทน จากคุณ : Cryptomnesia - [ 26 ก.พ. 52 23:43:18 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มีวิธีทำให้คลาย หรือ ลบล้างออกไปได้ค่ะ บางครั้งก็ทำแบบหาสิ่งอื่นมาทดแทน บางทีความกลัวพวกนี้ก็เรียกว่า ปม (complex) จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ - [ 26 ก.พ. 52 23:48:46 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จะพยามตั้งให้ น้อยลง น้อยลง แล้วขึ้น  ขึ้น  ขึ้นแล้วก็ลง ลง ลง เหมือนคลื่นในทะเลครับ จากคุณ : yagioh - [ 26 ก.พ. 52 23:53:55 ]

ความคิดเห็นที่ 5 "ความกลัวแบบฝังลึกในจิตใจ"นี่้ผมก็มีนะ(อยากหายเหมือนกัน) ก็คือ ผมคิดว่าตัวเองน่าจะเป็น eyeball phobia ไม่ได้แค่กลัวแบบที่กลัวทั่วไปนะ(กลัวงู กลัวแมงป่อง ฯลฯ) แต่เห็นแล้วมันคลื่นไส้อยากอ้วก มึนหัว หน้ามืด เหมือนจะเป็นลม เก็บไปฝัน แค่เจอคำว่า"ลูกตา"ที่เป็นภาษาไทย ผมก็นึกถึงมันแล้วก็เริ่มมีอาการแล้ว(ขณะพิมพ์อยู่นี่อ้วกไป 1 รอบ)  ผมฝังใจมาจากตอนเด็กๆที่ดูละครไทยเรื่องนาง12 (โอย พอๆัไม่้เล่าความหลังละ ยิ่งพิมพ์ยิ่งอาการหนัก) เจ้าอาการนี้มันเกิดปัญหามากๆเช่น 1.เพื่อนผมชวนไปดูเรื่อง"โปรแกรมหน้า วิญญาอาฆาต" ผมดูได้ไม่กี่ฉาก ต้องวิ่งมาอ้วกในห้องน้ำ และเดินแบบมึนๆออกจากโรง(ไม่ดูมันต่อแล้ว) 2.ผมอ่านแฮร์รี่พอตเตอร์ไม่ได้บางประโยค โดยเฉพาะประโยคที่เกี่ยวกับเจ้าสิ่งที่ว่า  (เช่น วิชาปรุงยาที่ต้องผสมมันลงไป) 3.ตอนเรียนชีวะเรื่องการมองเห็นและดวงตา ผมขออาจารย์ไปอ้วกแล้วไปนอนห้องพยาบาล เรียนต่อไม่ไหว ฯลฯ อะไรที่เกี่ยวกับมัน สมองผม anti หมด สรุปว่าผมมารออ่านคำตอบครับ อยากรู้วิธีแก้เรื่องพวกนี้บ้าง จากคุณ : โซรุจะ - [ 27 ก.พ. 52 00:04:00 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าถามถึงต้นแบบของวิธีการแก้ไข ที่พอนึกออกคือ bandura นักจิตวิยา สาย social psychology จะขอยกคำตอบของข้อสอบที่เพิ่งทำไปมาให้ดูกันพอสังเขปละกันนะคะ แบนดูร่าเชื่อว่า พฤติกรรมของคนเราเกิดจากปัจจัยสภาพแวดล้อม ปัจจัยบุคคล และปัจจัยด้านพฤติกรรม ทฤษฎีเด่นๆของ Bandura ได้แก่ การเรียนรู้โดยการสังเกต ตัวแบบ(Observational Learning) ซึ่งเชื่อว่าคนเรามักสังเกตพฤติกรรมของผู้อื่นและมองดูผลที่เกิดขึ้นเป็นตัวอย่าง หากผลนั้น ออกมาเป็นแบบที่ตนพอใจ เราก็จะเกิดการเรียนรู้และเลียนแบบพฤติกรรมนั้นๆด้วย ซึ่งเราต้องอาศัยกระบวนการทางปัญญาในการประเมิณผลของพฤติกรรมก่อนที่จะทำตาม นอกจากนี้ยังมีเรื่องการกำกับตนเอง (Self-Regulation) และการรับรู้ความสามารถของตนเอง (Self-Efficacy) แบนดูร่าเชื่อว่าความคาดหวังเกี่ยวกับความสามารถของตัวเองโดยส่วนใหญ่นั้นมาจากประสบการณ์ในการจัดการกับชีวิตของตัวเอง ประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จจะเพิ่ม efficacy expectations ส่วนความล้มเหลวจะลด efficacy expectations และเมื่อประสบความสำเร็จบ่อย ๆ จะทำให้คนไม่เสียกำลังใจเมื่อล้มเหลวบ้าง Bandura ทำการทดลองโดยเลือกเด็กชาย33คน เด็กหญิง33 คน แบ่งเป็นสามกลุ่ม กลุ่มละ 22คน แล้วพาเด็กๆเข้าไปในห้องมืดเพื่อชมภาพยนตร์ โดยเข้าไปทีละกลุ่ม เรื่องราวในภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยมีตัวแบบคนหนึ่งเดินเข้ามาที่ตุ๊กตาพลาสติกขนาดใหญ่และแสดงความก้าวร้าวกับตุ๊กตา เนื้อเรื่องของทุกกลุ่มจะเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ตอนจบ เด็กกลุ่มที่1ได้ดูตอนจบที่มีผู้ใหญ่เดินเข้ามาชมเชยและให้รางวัลตัวแบบ กลุ่มที่2 ได้ดูตอนจบที่มีผู้ใหญ่เดินเข้ามาแล้วดุด่าว่ากล่าวตัวแบบ ส่วนเด็ก กลุ่มที่ 3 ไม่มีตอนจบให้ดู หลังจากนั้นนำเด็กทีละคนเข้าไปในห้องที่มีของเล่นมากมาย โดยผู้ทดลองสังเกตและบันทึกพฤติกรรมผ่านกระจกทางเดียว เด็กทั้งหญิงและชายทุกคนจะแสดงความก้าวร้าวกับของเล่นเหมือนที่ดูจากตัวแบบ โดยเด็กที่ดูตอนจบแบบได้รับรางวัลจะแสดงความก้าวร้าวมากที่สุด จากทฤษฎีที่แบดูร่าค้นพบนี้ ในปัจจุบันได้นำมาดัดแปลงเพื่อใช้ในศูนย์รักษาสุขภาพ เช่น เด็กที่กลัวการทำฟัน การผ่าตัด แพทย์จะใช้วิธีของแบนดูร่า โดยการฉายภาพยนตร์ตัวอย่างที่ดีของการรักษาให้เด็กดูก่อนรักษาจริง และให้คำชมเชย ให้ของเล่นระหว่างพัก เป็นต้น -ใช้ในศูนย์จิตวิทยาคลีนิค สำหรับเด็กที่มีพฤติกรรมปกติ หรือมีปัญหาปรับตัวไม่ได้ จิตแพทย์จะให้เด็กดูตัวอย่างที่ดีของเด็กกลุ่มอื่นในภาพยนตร์ หรือวีดีทัศน์ เพื่อให้เด็กเลียนแบบตัวแบบนั้นๆ -ใช้รักษาคนที่เป็นโรคกลัวผิดปกติ (phobia) โดยให้ชมภาพยนตร์ที่สาธิตให้เห็นการปรับตัว และชี้ให้เห็นว่าไม่มีอะไรน่ากลัว หรือให้ตัวแบบแสดงให้เห็น หรือทำให้ดู ซึ่งวิธีการเหล่านี้เอง คือวิธีแก้ไขความกลัว หรือปม ที่อยู่ในจิตใจของใครหลายๆคน ตามที่ถามๆกันมา เพราะเมื่อเราเห็นต้นแบบ (หรือคนอื่นๆ) สามารถทำได้ เราก็เกิดการลอกแบบพฤติกรรม และทัศนคติต่างๆมา คนที่กลัวงู เมื่อเห็นตัวแบบเล่นและจับงู เขาก็จะค่อยๆเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่องู เมื่อดูหลายๆครั้ง จิตแพทย์ก็จะให้เขาทดลองจับดูบ้าง ทำซ้ำๆหลายๆครั้ง เมื่อรวมกับกำลังใจที่ได้รับจากคนรอบข้าง (ซึ่งก็คือ positive reinforcement หรือ การเสริมแรงทางบวก ตามทฤษฎีของ skinner) สุดท้ายคนไข้ก็จะเกิดการรับรู้ความสามารถแห่งตน ว่า ตนสามารถทำได้ (เพราะเห็นคนอื่นเขาก็ทำได้ ) ความกลัวนั้นๆก็จะหายไปในที่สุดค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 01:23:16 จากคุณ : หน้าใหม่ขอแจม (cinta) - [ 27 ก.พ. 52 01:20:38 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แต่ไง ๆ ผมก็ไม่จับแมลงสาบด้วยมือเปล่าแน่ ๆ จากคุณ : Ninoou - [ 27 ก.พ. 52 02:04:38 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เวลาคนหายกลัว ด้วยตัวเอง ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร พูดง่ายๆ ว่า เมื่อเค้าเจอวิธีคิด ที่ฉลาดกว่า จิตใจก็จะ สนใจอีกอย่างนึง เลิกสนใจอีกอย่างนึง เวลาคนจะหายกลัว ใช้เวลา3วินาทีก็หายกลัว ซะเฉยๆ ผมว่าพอได้ถอดรหัส ตั้งแต่เด็กกระทั่งโต สมองเราวันๆนึง จำแต่สิ่งสมมุติทั้งนั้น รอบตัวถูกแทนความหมายด้วยคำว่าดีชั่ว จากคุณ : NipponJ - [ 27 ก.พ. 52 02:11:05 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถึงจขกท. จะตั้งกระทู้มากมายยยยย แต่กระทู้นี้น่าสนใจมาก เข้ามาเก็บข้อมูลครับป๋ม จากคุณ : เศียรนาคา ... (Eumentis) - [ 27 ก.พ. 52 09:26:56 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เคยอ่านหนังสือเรื่อง เราจะข้ามเวลามาพบกัน นานมากแล้ว เค้าว่า จิตแพทย์บางท่านจะใช้วิธีการสะกดจิตให้คนไข้ที่กำลังอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ค่อยๆ ย้อนกลับไปในเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดปมขึ้น เช่น ผู้หญิงบางคนเกลียดพ่อแบบไม่รู้ว่าทำไม จิตแพทย์ก็จะสะกดจิตกลับไปถึงจิตใต้สำนึกนั้น แล้วให้ระบายออกมา ปมนั้นก็จะคลี่คลาย เบาลงได้ แต่สถานการณ์ที่ทำให้เกิดปม ในหนังสือเล่มนี้บอกว่า บางครั้งก็ติดตัวมาตั้งแต่อดีตชาติแล้วเหมือนกัน ซึ่งบางครั้งการสะกดจิตก็ไปถึงจุดนั้นได้เหมือนกันครับ จากคุณ : โนโบะ - [ 27 ก.พ. 52 09:34:15 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ โซรุจะ  คห.5 แนะนำให้พบนักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ก็ได้ มีวิธีรักษาจ้า จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 27 ก.พ. 52 16:07:23 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จขกท ปลายปีนี้รวบรวมคำถาม-ตอบจากพันทิพย์ พิมพ์พ็อกเก็ตบุคซะเลยครับ จริงๆนะ อย่าลืมให้เครดิตคนตอบด้วยล่ะ จากคุณ : FreeWing - [ 27 ก.พ. 52 16:10:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คห.7 เราก็ไม่เคยคิดจะจับด้วยมือเปล่าเหมือนกัน แต่ว่าเดินลงบันได มีอะไรแว๊บๆวูบมา ด้วยความชินก็เอามือคว้าหมับไป ... จำได้ด้วยนะ ... แล้วก็ปรากฏว่า มันเป็น แมลงสาบ T T จากคุณ : ฮือ - [ 1 มี.ค. 52 01:55:56 A:201.239.217.172 X: TicketID:120804 ]