ความคิดเห็นที่ 1 ตั่งใหม่เองซิครับ รู้หมดทุกอย่าง จากคุณ : ped cad - [ 27 ก.พ. 52 06:37:34 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ย้อนรอยพ่อแม่ปู่ย่าตายายไปเรื่อยๆครับ อย่างของผมเนี่ย ย้อนไปย้อนมา เพิ่งรู้ว่าเป็นญาติห่างๆกับคนดังบางคนด้วย รีบๆทำก่อนพวกท่านจะตายหมดนะครับ ไม่งั้นก็ไม่รู้กัน ของผมนี่ยังดี มีคนพิมพ์หนังสือผังตระกูลแจกไว้ จากคุณ : powerconduit - [ 27 ก.พ. 52 07:02:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ลองเซอร์ชนามสกุลตัวเองใน google ดูครับ หาดูว่ามีระบุสถานที่ใหนระดับใดไว้บ้าง ในไฮไฟว์ก็หาได้ครับ ลองหาแบบภาษาอังกฤษ บางทีอาจสะกดไม่เหมือนกันก็ลองเปลี่ยนดู ถ้าในไฮไฟว์มีแล้วเราเป็นสมาชิกอยู่ด้วยก็ถามเขาเลย ส่วนถ้ามีอีเมลก้ลองเมลไปแนะนำตัวแล้วก็ถามดูได้ ผมเคยหาๆ ญาติที่ไม่รู็จักเอาทางไฮไฟว์นี่แหละ แต่สำหรับบางสกุลที่แปลความหมายได้ มีโอกาสที่จะถูกตั้งซ้ำกันได้ครับ ต้องสอบถามกันให้ชัดเจน (ของผมนามสกุลตั้งจากชื่อบรรพบุรุษฝ่ายชายกับหญิงมาต่อกัน ยังไม่เคยได้ยินว่ามีนามสกุลซ้ำโดยบังเอิญ) แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 08:43:40 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 08:43:16 จากคุณ : นกกินเปี้ยว - [ 27 ก.พ. 52 08:42:33 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ของผม ทวดเป็นคนตั้งให้ตระกูล เลยรู้ได้ไม่ยาก แต่บังเอิญนามสกุลนี้ คนใช้กันเยอะ เลยมีอีกหลายตระกูลที่ใช้เหมือนกัน พอดีเคยถามปู่มา เลยรู้ไว้บอกลูกหลาน(ถ้าจะมีสาวหลงมาเป็นแฟนแล้วแต่งกะผมน่ะนะ) จากคุณ : SkullHeart - [ 27 ก.พ. 52 09:04:11 ]

ความคิดเห็นที่ 5 นามสกุลเริ่มต้นใช้ในสมัยรัชกาลที่ 6 ครับ เป็นเพราะพระองค์มีพระราชโองการ ให้ตราพระราชบัญญัติขนาน นามสกุล ในปีพุทธศักราช 2456 เนื่องจากมีพระราชดำริว่า บุคคลทุกคนควรต้องมีทั้งชื่อตัว และ นามสกุลต่อท้ายชื่อ เพราะจะเป็นวิธีการที่จะทำให้สามารถบัญญัติ วิธีจดทะเบียนคนเกิด คนตาย และ เรื่องเกี่ยวกับการสมรสได้ชัดเจน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการขนานนามสกุล และพระองค์ได้ทรงพระกรุณาอธิบายให้ทราบว่า “ แซ่” กับ “ นามสกุล” นั้นแตกต่างกันคือ ผู้ใช้แซ่เดียวกันอาจไม่ได้เป็นญาติสืบสายโลหิตกัน ส่วนผู้ที่ใช้นามสกุลเดียวกันนั้นจะต้องเป็นญาติสืบสายโลหิตกันเท่านั้น และหากมิได้สืบสายโลหิตเดียวกันก็อาจใช้นามสกุลเดียวกันได้ในกรณีที่สมรส หรือ มีการรับเป็นบุตรบุญธรรม ถ้าเป็นนามสกุลพระราชทานสืบค้นได้เลยครับ มีทำเป็นหนังสือทำเนียบนามสกุลพระราชทาน มีว่าใครเป็นต้นตระกูล มีที่มาอย่างไรเลยครับ จากคุณ : MonoEye - [ 27 ก.พ. 52 09:52:00 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ในไทยนามสกุลเริ่มสมัยร.6 นับได้ก็ทวดเราเป็นตั้งขึ้นมา แต่ถ้าเป็นพวกขุนนางก็จะได้รับนามสกุลพระราชทาน ส่วนการสืบประวัติก็คงมีอยู่วิธีเดียวคือการจดบันทึกเป็นแผนภูมิแตกหน่อไปเรื่อยๆ จากคุณ : jengchai - [ 27 ก.พ. 52 10:00:22 ]

ความคิดเห็นที่ 7 นามสกุลผมปู่เป็นคนตั้งขึ้นมา สืบไม่ยากครับ 3 ชั่วคนเอง จากคุณ : เกียงอุยศิษย์มังกรหลับ - [ 27 ก.พ. 52 10:19:39 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เพิ่มเติมจาก คห 5  สำหรับนามสกุลพระราชทานสมัย ร.6 พระองค์จะทรงเขียนอักษรโรมันกำกับให้ด้วยโดยถอดตามภาษาบาลี จึงอาจจะดูตัวสะกดแปลกๆ ไปบ้าง เช่น ภูมิ เป็น Bhumi เวช เป็น Vej เป็นต้น และนามสกุลพระราชทานส่วนใหญ่ จะบ่งบอกให้ทราบว่าบุคคลที่เป็นต้นตระกูลนั้น ประกอบอาชีพอะไรบ้าง เช่น นามสกุลที่มีคำว่า "เวช" เช่น สุนทรเวช เวชชาชีวะ (เอานามสกุลนายกฯ สองคนมาเลย) ก็จะหมายถึงว่าต้นตระกูลผู้ขอพระราชทานนามสกุลเป็นหมอ เป็นต้น จากคุณ : เกียรตินำ - [ 27 ก.พ. 52 11:18:57 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เคยเปิดหนังสือรวมนามสกุลพระราชทาน เจอนามสกุลผม ร6 ทรงตั้งให้ด้วย โอ้ว จากคุณ : GrooVe_(t -_-)t - [ 27 ก.พ. 52 12:01:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 นามสกุลเราก็พระราชทานนะ แต่ไม่รู้ต้นกำเนิดเป็นญาติกันกับเราป่าว ที่รู้เพราะไปค้นมาตะกี้เอง จากคุณ : รักนี้...เพื่ออะไร - [ 27 ก.พ. 52 12:59:34 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มีใบพระราชทานนามสกุลเป็นลายพระหัตถ์ของ ร.6 ใส่กรอบทองตั้งไว้ที่บ้านครับ นอกจากนี้ก็ยังมีคนในสกุลนี้ทำแผนผังเอาไว้ ว่าใครเป็นลูก-หลานใคร ย้อนขึ้นไปจนถึงคนแรกๆ นับตามแผนผังนั้นแล้ว ผมอยู่ชั้นที่ 11 (คุณพ่อชั้น 10 และคุณปู่ชั้น 9 ขึ้นไปตามลำดับ) แต่เวลาไปเจอหน้าญาติๆ ก็จะใช้วิธีเดาเอามากกว่า ถ้าอายุมากกว่านิดนึงก็เรียกพี่หรือน้า ถ้ามากกว่าเยอะก็เรียกคุณลุงคุณป้าไปเลยล่ะครับ จริงๆ จำไม่ได้หรอก วันรวมญาติทีนึงมาเป็นพัน จากคุณ : Piggie MM - [ 27 ก.พ. 52 17:24:33 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โชคดีที่นามสกุลผมเป็นนามสกุลพระราชทานเลยหาข้อมูลได้ง่ายหน่อย นามสกุลผมเริ่มมีครั้งแรกเมื่อปี 1915 หรือปี 2458 เกือบร้อยปีละ คนแรกที่ใช้นามสกุลผม คือปู่ของปู่     ถ้านับมาถึงผมก็  เป็นรุ่นที่ 5 ละ แล้วเท่าๆที่ดูมา  ญาติรุ่นๆเดียวกับก็อายุพอๆกัน ประมาณ 18-24 ปี แสดงว่าตอนนี้มีมาแค่ 5 รุ่นเท่านั้น จากคุณ : AniRathRiX - [ 27 ก.พ. 52 22:11:38 ]