ความคิดเห็นที่ 1 ผมว่าไม่ได้ยากกว่าหรอกครับ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเวลาไปเรียนเมืองนอก มันไม่มีอะไรมารบกวนสมาธิมากนัก มันต้องตั้งใจเรียนกันสุดๆ เวลาอยู่ก็อยู่ไม่ห่าง campus ต่างกับเรียนในเมืองไทยครับ ยิ่งอยู่บ้าน มีแฟน ทำงานไปด้วย สารพัดที่จะทำให้จบช้า จากคุณ : ชาเขียว - [ 27 ก.พ. 52 08:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่าตอบยากครับ ไม่เคยมีใครเรียนโท สองที่พร้อมกัน --" จากคุณ : oakemon - [ 27 ก.พ. 52 08:58:26 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คิดว่าอยู่เมืองนอกยากว่าค่ะ... เพราะเรื่องภาษา วัฒนธรรม อาหาร.. เพื่อน สังคม สารพัด.. เราว่า เรื่องเรียนหรือวิชาการ ที่ไหนก็คล้ายๆๆกันนะคะ.. เราเรียนที่จีนตารางเรียน ป. โทหนักมาก เริ่มแปดโมง คาบสุดท้าย สามทุ่มนะคะ.. วันนึงสิบสามคาบ เรียนทีนี่แทบตายเลยอ่ะ.. มาเรียนแรกๆ อาหารไม่คุ้นเคย..น้ำหนักลดไปห้าโล พอหลังๆน้ำหนักกับขึ้น เพราะกินได้ไม่กี่อย่าง..เช่น โค้ก พิซซ่า เคเอฟซี.. ไม่คุ้นกับอากาศหนาวอีกค่ะ.. การดำรงชีวิตมีปัญหามากกว่า..และแน่นอน ต้องกระทบกับการเรียนแน่ๆ ที่ไทยอย่างน้องเรื่องภาษาไม่มีปัญหา (ซึ่งเรามองว่ามันสำคัญมาก อาจเป็นเพราะเราเรียนที่จีนด้วย) สังคม วัฒนธรรม เรามองว่าถ้าขยันๆเท่าๆกัน กับเรียนที่เมืองนอก.. ยังไงที่ไทยก็ถือว่าง่ายกว่าค่ะ.. และได้คะแนนดีกว่าแน่นอน.. จากคุณ : nuanapa - [ 27 ก.พ. 52 09:27:05 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมว่านะครับ ถ้าจะเปรียบเทียบกันแบบ "เสมอภาค" จริง ๆ ลองตัด factor พวก อาหาร อากาศ การเดินทาง ภาษา วัฒนธรรม ฯลฯ ออกให้หมด แล้ววัดกันที่ เนื้อหา การเรียนการสอน การสอบ แค่นี้ดีกว่าครับ ผมเองก็อยากทราบเหมือนกัน เพราะบ่ได้เรียนนอก ... ที่อยากให้เปรียบเทียบเพียงแค่นี้ เพราะบางคนอาจจะไม่มีปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อมเลยก็ได้ (ผมคนนึงละที่สามารถกินอะไรก็ได้ที่คนเขากินกัน จะหนาวจะร้อนก็อยู่ได้ ภาษา (อังกฤษ) ก็ไม่มีปัญหา ฯลฯ) จากคุณ : เศียรนาคา ... (Eumentis) - [ 27 ก.พ. 52 09:34:27 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Even we would not consider those factors in, I still agree with nuanapa. เรามองว่าถ้าขยันๆเท่าๆกัน กับเรียนที่เมืองนอก.. ยังไงที่ไทยก็ถือว่าง่ายกว่าค่ะ.. และได้คะแนนดีกว่าแน่นอน.. จากคุณ : Living Extreme - [ 27 ก.พ. 52 09:58:05 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าจะว่ายากหรือง่าย ผมมีประสบการณ์มาทั้ง เรียนในไทยและต่างประเทศ คือเรียนโทในไทยไปแล้ว 1 ปี ถึงได้ทุนไปต่างประเทศ ส่วนตัวผมพบว่าอย่างนี้ ตอนเรียนเมืองไทย เรียนภาคค่ำ กลางวันทำงาน มีภารกิจให้ดูแลจิปาถะ ทั้งงานราษฎร์ งานหลวง จนกระทั่งเวลาที่จะทุ่มเทให้การเรียนมีไม่เต็มที่ แต่อาจเรียกว่าเป็นปัญหาส่วนบุคคล เพราะหากรู้จักปฏิเสธงานเสียบ้าง หรือหลบหน้าไปบ้าง ก็อาจมีเวลาให้กับการเรียนได้ดีขึ้น ด้านวิชาการ ก็ถือว่าเป็นการศึกษาที่ลึกกว่าเดิม วิธีการคิด หรือคณิตศาสตร์ที่ต้องใช้ก็สูงกว่าเดิม แต่ผู้สอนเป็นกันเองดี คุยง่าย สอบถามได้ง่าย พอไปเรียนเมืองนอก ไม่มีภาระอะไรนอกจากเรียน ทำให้ทุ่มเทได้เต็มที่กว่า แต่ปัญหาคือ กำแพงด้านภาษา เพราะต้องใช้ภาษาฝรั่งเศส ในขณะที่เพิ่งรู้จักภาษาได้ไม่นานนัก (สายวิศวฯในเมืองไทย มี ม.ไหนได้ใช้ภาษาฝรั่งเศส หรือเยอรมันบ้างล่ะ มีแต่สายศิลป์) พูดคุยกับผู้คนรู้เรื่องก็จริงอยู่ แต่การเขียนคำตอบในข้อสอบมีข้อจำกัดที่ ทำให้เราไม่สามารถอธิบายอะไรๆได้ดังใจ แกรมม่าผิดๆถูกๆบ้าง ส่วนความยากง่ายของข้อสอบ แล้วแต่อาจารย์ผู้สอนในแต่ละรายวิชา ผมเจอมาทั้งข้อสอบที่ทำได้ 19/20 และที่ได้ 1/20 วิชา automatic control เนื้อหาในห้องก็คล้ายๆกับที่เรียนไปแล้วจากเมืองไทย สมการดิฟเรนเชียล ลาปลาซทรานฟอร์ม สเตทสเปซ เหมือนๆกัน แต่ผู้สอนเป็นนักวิจัยมาจากศูนย์อะไรสักอย่าง ข้อสอบบอกให้คำนวณออกแบบ ระบบการทรงตัวของดาวเทียม ปรากฏว่านักเรียนทักท้วง เพราะไม่รู้จะเขียนสมการเริ่มต้นอย่างไร สุดท้าย ผู้สอนบอกว่า คิดว่ารู้อยู่แล้ว พอแกเขียนบนกระดานให้ว่าสมการเป็นแบบไหน ก็แก้สมการต่อกันไปได้ ผมได้มา 16/20 จะว่ายากกว่าหรือง่ายกว่า มันก็ฟันธงไม่ได้ คละเคล้ากันไปครับ จากคุณ : ksk - [ 27 ก.พ. 52 10:01:17 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ยากกว่าเพราะเมืองนอกเน้นการใช้งานมากกว่า "เมืองไทยที่เน้นว่ารู้เยอะและดูดีจบที่ดังๆไว้ก่อน เรื่องใช้งานเป็นหรือแก้ปัญหาเป็นหรือไม่ค่อยว่ากัน" การเรียนเลยเป็นแบบรู้เยอะได้เปรียบ ซึ่งเมืองนอกใช้เป็นจะได้เปรียบกว่า... จากคุณ : Cocopok - [ 27 ก.พ. 52 10:04:47 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยกับ อ. ksk มากๆ ครับ เรียนตรีในเมืองไทย ทำอะไรต่อมิอะไรมากมาย ทั้งเล่นเกมส์ ทำอะไรบ้าๆ บอ ทำงานให้ที่บ้าน ทำโน้นทำนี่ เยอะแยะมากมาย ไม่ค่อยได้สนใจที่จะเข้าเรียนเท่าไหร่ เรียนโทนอกเมืองไทย ก็ไม่ค่อยได้ทำอะไร เมืองที่เรียนก็เงียบสงบ เพราะไม่มีอะไรให้ทำ ไอ้ที่คนอื่นเขาทำกันเราก็ไม่มีเงินจะไปทำ ก็เลยต้องเรียนแล้วก็ทำวิจัยสองอย่างเท่านั้น จากคุณ : ped cad - [ 27 ก.พ. 52 11:05:22 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ได้ยินมาว่าวัฒนธรรมทางความคิดต่าง ของเมืองนอกสร้างสรรค์กว่า กล้ากว่า แต่ถึงยังไง การฝึกสิ่งยากๆ บางทีก็ไม่ได้หมายความว่าจะเก่ง หรือดีนะครับ บางเรื่องต้องทำยากๆ ฝึกยากๆ ไปมากมาย ละเอียดยิบ ท่องมากๆ ประโยชน์ไม่คุ้ม บางเรื่องไม่ยากมาก แต่ตรงจุด ใช้งานได้ เห็นผลจริง อันนี้ดี จากคุณ : i.everyday - [ 27 ก.พ. 52 11:20:11 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ยากง่ายผมไม่อยากพูดถึง ขอพูดแง่โอกาสในการศึกษาว่า มีให้ทั่วถึงต่อผู้ที่ต้องการจะเรียนหรือเปล่า กฎเกณฑ์ การรับเข้าศึกษาของไทย เค้าว่า มีมากมายกว่าเมืองนอกจริงหรือ  เช่น กำแพงเกรดการศึกษา เป็นต้น ซึ่งสาเหตุนี้ มีผลทำให้ ความคิดสร้างสรรค์ทางการศึกษากระจุกอยู่ที่คนกลุ่มเดียวหรือไม่ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 13:46:51 จากคุณ : ปืนเถื่อน (Colt 1911 A1) - [ 27 ก.พ. 52 13:44:00 ]

ความคิดเห็นที่ 11 พึ่งทำข้อสอบเสร็จไปเมื่อตะกี้ วิชา auditing and attestation ผลปรากฎตกค่ะ เกิดมา 27 ปี กำลังจะตกวิชานี้วิชาแรก วิชานี้เป็นวิชาสุดท้ายก่อน capstone ข้อสอบของเมกาเอาเฉพาะที่เคยสอบ ๆ มา เน้นความเข้าใจ ประยุกต์ใช้งาน ที่เจอบ่อย ๆ a-d ถูกหมดเลย ถูกมาก ถูกน้อย น่าจะถูก หลอกให้งง สุดท้ายตอบผิด ถ้าตัดเรื่องภาษา อาหาร การกิน วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม ออกไป ก็บอกได้คำเดียวว่ายากกว่าเมืองไทย ที่นี่ไม่มีวัฒนธรรม ช่วยกันเรียน ช่วยกันลอก มีแต่อ่านเอง ช่วยตัวเอง ต่อให้สนิทกันก็ไม่ขอกันลอก เพราะมันเสียศักดิ์ศรี ว่าไปนั่น ทั้ง ๆ ที่เวลาสอบบางทีสอบออนไลน์ ก็ยังไม่มีการยกก๊วนไปช่วยกันสอบ มาอยู่นี่แล้วต้องเปลี่ยนตัวเอง ตอนอยู่เมืองไทย ครูป้อนให้ทุกอย่าง เลคเชอร์ก็ลอกเพื่อน ข้อสอบ ก็ช่วยกันทำ -_-" ฝิ่นกันสนุกสนาน ปัจจุบัน เข้าแต่ห้องสมุด เข้า study room ในห้องสมุด เข้ามันอาทิตย์ละหลายวัน เช้าทำงาน พักเที่ยงอ่านหนังสือ บ่ายเข้างานต่อ สามทุ่มกลับบ้าน อาบน้ำกินข้าวอ่านหนังสือ ถึง ตีสอง แล้วก็นอน ตื่น สิบโมงเตรียมตัวไปเสริฟต่อไป วนเวียนเป็นวงจรอุบาทว์ อ้ออีกเรื่อง ที่สำคัญน่าจะเป็นเรื่องการแสดงความคิดเห็น ในคลาสเวลาทำโปรเจคกันที brainstorm ที แทบจะตีกันตาย แสดงความคิดเห็นกัน แบบแย่งกันออกความคิดเห็น จำได้ตอนอยู่เมืองไทย ทำงานกลุ่มทีไรเนี่ย ห้องเงียบสนิททุกที แต่เวลาให้เรียนนี่ คุยกันเสียงดัง มีใครอยากมาช่วยสอบบ้างไหม กำลังเสียใจอยู่นะเนี่ย ตกได้ไงเนี่ย จากคุณ : semiperfect - [ 27 ก.พ. 52 13:49:13 A:70.131.148.229 X: TicketID:015116 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มันขึ้นอยู่กับว่าเรียนอะไร และเรียนที่ไหนด้วยครับ ในแง่การเรียนรู้ทางทฤษฎีแล้ว อาจมีความแตกต่าง แต่คงไมถึงกับทิ้งห่าง ถ้าคุณแค่เรียนแล้วไปสอบ แน่นอนเรียนเมืองนอกยากกว่า แต่ถ้าคุณต้องทำงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรรมศาสตร์ เมืองไทยอาจยากกว่า เนื่องจาก ต้องทำผลงานให้ได้มาตรฐานเดียวกับคนในประเทศอื่นๆ แต่ ทุนน้อยกว่า เครื่องมืิอน้อยกว่า แหล่งข้อมูลน้อยกว่า วัสดุหรือสารเคมีบางอย่าง ทำในไทยไม่สามารถซื้อได้ ที่ต่างประเทศเครื่องมือบางอย่างในห้องแลบหนึ่งห้อง มี 5-6 ตัว บ้านเราทั้งมหาวิทยาลัยมีเครื่องเดียว จองคิวเพื่อใช้งาน 1 ครั้งอาจต้องจองกัน ครึ่งปี สารเคมี เมืองนอกสั่ง ไม่เกิน 3 วัน เต็มที่ 2 สัปดาห์ ได้ เมืองไทย สั่ง อย่างน้อย 3 เดือน ถ้าไม่ใช่สารเคมีปรกติ หลายๆมหาวิทยาลัย เมืองนอก มีร้านเหมือน 7-11 ที่ขายเฉพาะอุปกรณ์พวกนี้ อยู่ใต้ตึกด้วยซ้ำ อยากได้อะไรลงไปเอาได้เลย ทำงานต่อได้ทันที จากคุณ : Onunu (tripplebond) - [ 27 ก.พ. 52 14:12:36 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เรียนง่ายในที่นี่หมายถึงอะำไรครับ ขอเสนอความเห็นเฉพาะสาขาที่เรียนน่ะครับ สายงานวิจัย ถ้าเรียนง่ายหมายถึงเรียน-ทำวิจัยได้ไม่ติดขัด ก็เมืองนอกดีกว่าครับ แต่ถ้าสมมุติให้มี facility เหมือนๆกันจะไทยจะนอกก็เหมือนกันครับ ้เพราะจะจบไม่จบก็อยู่ที่ตัวเด็กเองแล้ว ว่าขยันทำงานวิจัยแค่ไหน ไปเรียนนอก แต่ไม่ทำอะไรเลย ก็จบยากเหมือนกันครับ ผมว่าคนที่จะเรียนเอกในสายวิทย์ ไม่มีใครมานั่งติดหรอกครับว่า ที่ไหนเรียนง่าย-เรียนยาก แล้วเอามา้้เป็น factor ในการเลือกเรียน น่าจะเป็นที่ ที่ไหนมีเรื่องที่เีราอยากเรียนมากกว่า ทำในสิ่งที่ชอบเลยทำได้ลื่นกว่า รู้สึกว่าสนุก และง่ายกว่ารึเปล่า? จากคุณ : ferrocene - [ 27 ก.พ. 52 15:33:18 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ตัดเอา เรื่องเวลา กับเรื่องงาน เรื่องอยู่บ้าน เรื่องลอก ออกไป เนื้อหา Coursework พอๆกัน แต่อยู่ที่วิทยานิพนธ์มากกว่าครับ อ.ที่ปรึกษา เมืองไทยบางคน ชอบดอง thesis ป.โท ป.เอก Scope ไม่เป็น Scope จากคุณ : ไฟล์ท B ทีน้ำเงิน - [ 27 ก.พ. 52 16:24:23 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมว่ายากหรือง่ายไม่น่าเกี่ยวนะครับ น่าจะพิจารณาที่เรียนจบแล้วสามารถนำความรู้ไปพัฒนาอะไรได้มากแค่ไหน ถึงได้ความรู้มาเยอะหากนำไปใช้ได้ไม่เต็มที่ หรือไม่มีโอกาส สู้เรียนแบบง่าย แต่ใช้พัฒนาอะไรๆได้มาก จะดีกว่าครับ จากคุณ : Sir.ขงเบ้ง - [ 27 ก.พ. 52 21:03:35 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ลองไปอ่านงานเขียนของคนจบปริญญาเอกที่ห้องสมุดก็ได้ ผมไปอ่านที่มหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่งมา มีหลายเล่ม ลอกหนังสือฝรั่งมาเป็นย่อหน้า ไม่อ้างอิง พาสเจอริสซึ่มไม่ได้ คนตรวจมีซุปเปอร์ไวเซอร์และผศ. ไม่รู้ว่า เขาตรวจละเอียดหรือเปล่า เพราะแกรมมาร์ผิดอยู่หลายแห่ง การใช้ภาษาไม่มีความสม่ำเสมอกัน อ่านแล้วรู้ว่า มีคนเขียนมากกว่าหนึ่ง แน่นอนภาษาอังกฤษที่เขียนก็ไม่ใช่ว่าจะดี ชาตินิยมไม่ดีเสมอไปหรอกครับ จากคุณ : ฟ้าลั่น - [ 27 ก.พ. 52 23:05:52 A:124.120.219.164 X: TicketID:091427 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เรียนโท เมืองไทย ไปเรียนครบ เงินมี ทำตามอาจารย์สั่ง...ยังไงก็จบครับ อิอิ เพราะคุณไปเรียนครบ ก็น่าจะสอบได้ด้วย มีเงินจ่ายค่าเทอม ทำงานตามเขาสั่ง...อย่าคิดลึกนะครับ จากคุณ : MlCHAEL - [ 28 ก.พ. 52 01:34:58 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เห็นด้วยอย่างแรงกับคห.12 ไม่เคยไปเรียนต่อโทต่อเอกที่เมืองนอกหรอก แต่เคยไปทำปริญญานิพนธ์ตอนจบตรีที่เมืองนอก ไปหลายเดือนเหมือนกัน วัสดุ อุปกรณ์ แหล่งข้อมูล หรือแม้แต่พนักงานที่มีความรู้เฉพาะทาง (เน้นว่าแค่พนักงาน ไม่ใช่อาจารย์) เขาเพียบจริงๆ อุปกรณ์ที่ใช้ทำ Lab บางตัวมันก็อ่อนไหว เสียง่าย พังเร็วเหลือเกิน ถ้าเป็นเมืองไทยคงต้องส่งซ่อมอีกเป็นอาทิตย์ แต่ที่โน่นส่งเช้า บ่ายได้ ทำจนได้ข้อมูลครบครันแล้วกลับมาทำต่อเมืองไทย คราวนี้นรกมีจริงเลย ติดเรื่องนิดเดียว แต่กลายเป็นเรื่องใหญ่ ถ้ายังอยู่ที่โน่น ก็แค่เดินไปอีกตึก (ข้างๆ ใกล้กันเลย) เขียนคำร้อง เดี๋ยวเขาก็จะจัดการให้ (อย่างเร็ว) ถ้าเมืองไทยมีการสนับสนุนที่ดีเหมือนเขา อาจจะมีการพัฒนาดีๆหลายๆอย่างเกิดขึ้นในบ้านเราเองก็ได้ จากคุณ : Akysar - [ 28 ก.พ. 52 03:06:04 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เอาตำราเค้ามาเรียน จากคุณ : PiGsPy - [ 28 ก.พ. 52 10:04:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เมืองไทยกับเมืองนอก คิดว่าเรียนยากพอๆ กัน เพราะหลายอย่างที่เราคุมได้ เช่นการอ่านตำรา การทำงาน แต่ปัจจัยอื่นเช่นอาจารย์ที่สอน อาจารย์ที่ปรึกษา แหล่งข้อมูลที่พร้อมพรั่งนี่ "ส่วนมาก" มหาวิทยาลัยเมืองนอกจะเอื้อ หรือสนับสนุนให้นักศึกษาได้เรียนรู้มากกว่า เมืองไทย แหล่งข้อมูลที่มหาวิทยาลัย "บางแห่ง" จัดหาไว้ยังไม่พอเพียง และนักศึกษาเองก็จ่ายเงินค่าเทอมถูก มหาวิทยาลัยก็อาจไม่มีงบพอ นอกจากนี้เรื่องของอาจารย์ "บางคน" ก็มีลักษณะที่ไม่เอื้อต่อการเรียน และการทำงานอย่างสร้างสรรค์ ปอ ลอ ที่บอกว่าเมืองไทยมีเงิน เข้าเรียนครบก็จบได้นี่ ขอไม่เห็นด้วยนะคะ เพราะเพื่อนหลายคนก็ไม่จบ มหาวิทยาลัยบ้านนอกด้วยค่ะ แต่การเรียนการสอน หลักสูตรนี่สู้เมืองนอกได้สบายๆ สอนเป็นภาษาอังกฤษด้วยค่ะ อิอิ จากคุณ : Nogkrajib - [ 28 ก.พ. 52 22:48:25 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แล้วแต่หลักสูตร แล้วแต่มหาลัย และที่สำคัญแล้วแต่อาจารย์ที่ปรึกษา ของผม สาขาเศรษฐศาสตร์การเงินและสิ่งแวดล้อม model ของงานที่ทำต้องสามารถนำไปใช้งานได้จริงๆ เพราะฉะนั้น เน้นใช้งานมากกว่าแน่ๆ จากคุณ : คุณฉงน - [ 3 มี.ค. 52 15:04:49 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อันนี้เรื่องจริง จากคุณ : ยาริสขาว 2833 - [ 8 มี.ค. 52 13:54:21 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เราว่าแล้วแต่สาขานะ อย่าง MBA Marketing เรียนเมืองนอกจะมารู้ลึกเท่าเมืองไทยได้ไง แต่เทคนิคอาจจะมีการนำมาปรับใช้กันบ้าง จากคุณ : Mrs.Reda - [ 11 มี.ค. 52 11:58:47 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่มีใคร สามารถตอบได้ครับ คนฉลาดจริงๆจะไม่ตอบว่าอันไหนยากกว่าครับ เพราะว่า สมมิต คุณเรียนเมืองนอก ไปเรียน havard ได้อาจารย์ใจดี คุณก็บอกง่ายๆ บางทีคุณไปเรียน Michigan ได้อาจารย์โหดก็จบยาก เมืองไทยเหมือนกัน ผมเรียนโท ที่จุฬา อาจารย์ใจดีมาก สบายๆ แต่ผมเองก็ได้งานตีพิมพ์ระดับนานาชาติ 2 article นี่ยังอยากเรียนกับอาจารย์เค้าต่ออยู่เลยสบายใจ แต่พอดีสอบได้ทุนไปนอก เลยจะไปปีนี้ ส่วนเพื่อนอีกคนเรียนจุฬา โดนอาจารย์เขี้ยวๆๆ เรียนจบแล้ว มันบอก หนักมาก สารพัด ที่ผมพูดพูดในแง่ป.โท- เอกนะครับ ขึ้นอยู่ที่อาจารย์ที่ปรึกษาครับ ส่วน ป. ตรีนี่ ผมเชื่อว่า มหาลัยระดับ TOP5 ของแต่ะละประเทศในโลก มีมาตรฐานการเรียนการสอนไม่ต่างกันแน่นอนตับ ยกเว้น USA ผมอาจจะให้ TOP 20 แล้ว UK ให้ TOP 10 มันพูดยากครับ สมมิตคุณเรียนมหาลัยอันดับหนึ่งของลาว ผมเชื่อว่าเก่งครับ เรียน มหาลัย TOP 5 ในเมืองไทยผมถือว่ามาตรฐานใช้ได้ครับ อย่าเปรียบเทียบว่าอันไหนจบยากง่าย เสียเวลา งี่เง่าครับ เอาตัวเองให้จบให้รอด จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมเรียนตรี ที่วิศวะจุฬา หนักมากสาหัส ไม่เคยเจออะไรที่เหนื่อยขนาดนี้ ในขณะที่เพื่อนเรียน คณะอื่นบอกเรื่อยๆ การเปรียบเทียบอันไหนจบยากง่ายกว่า นอกจาก ชื่อมหาลัย กับสาขาด้วย อย่างคนเรียน วิศวะ ม.อุบลราชธานี ผมว่าเรียนหนักกว่าคน เรียนแผนศิลป์ในมหาลัย TOP ๆ ด้วยซ้ำ หรือคนไปต่อเอกสาขาวิทยาศาสตร์มหาลัยในไทย ผมว่าก็ยังเรียนหนักกว่าจบ รัฐศาสตร์ที่ oxford มันเปรียบเทียบกันยาก จากคุณ : เจ - [ 19 มี.ค. 52 05:58:07 A:58.64.52.153 X: TicketID:191546 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ที่บอกวิศวจุฬา ป.ตรี สาหัสมาก กล้าพูดว่าพูดจาก การไม่ได้ยกยอว่า คณะตัวเองเรียนยาก แต่คือเรือ่งจิรงๆ เนื่องจากไม่มีใคร โง่ และไม่ขยัน และด้วยตัววิชาที่ไม่ใช่ท่องๆเหนือ่ยมากมาย แต่พอเรียนโท สบายมากครับ ไม่เคยสบายอะไรมากกว่านี้มาก่อน อย่างที่บอก เรียนโทเอก มันเปรียบเทียบกับ ตรียาก การเรียนที่เข้มข้นสุด ผมว่า ป.ตรี ส่วนโทเอก มันเชิง apply วิจัย จากคุณ : เจ - [ 19 มี.ค. 52 06:00:45 A:58.64.52.153 X: TicketID:191546 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นด้วยกับคุณ Sir.ขงเบ้ง ที่สุดครับ เสียเวลามาเปรียบเทียบ นี่ยังเปรียบเทียบ ไทยกับนอก พวกเมืองนอก ก็ เปรียบเทียบ USA กับ UK japan เสียเวลาครับ พวกบ้าเปรียบเทียบแบบนี้ ไม่เห็นจะไปถึงจุดสุดยอดสักคน จากคุณ : เจ - [ 19 มี.ค. 52 06:04:00 A:58.64.52.153 X: TicketID:191546 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เราจบปริญญาโท 2 ใบ ทั้งจากมหาวิทยาลัยของรัฐในเมืองไทยและ ออสเตรเลีย วิธีการจัดการเรียนการสอนของเมืองไทยและต่างประเทศไม่แตกต่างกันมาก ตอนเรียนโทที่ มศว อาจารย์ก็จะให้ discussion กันใน class ไม่ค่อยเรียนทฤษฎีมาก เพราะว่าให้ค้นคว้ากันเอาเอง และมาแลกเปลี่ยนความคิด ถ้าใครไม่ค่อยมีความคิด หคือไม่พูด ก็จะไม่ได้คะแนน เวลาเรียนที่ Australia อาจารย์ฝรั่งไม่สอนทฤษฎีในห้อง ให้ ดู้ topci จากในcourse introductory guidebook ของวิชานั้นว่าจะเรียนเรื่องอะไรในครั้งต่อไป นักเรียนก็ต้องอ่านหนังสือล่วงหน้า ถ้าไม่อ่านหรือไปอ่านในห้อง จะไม่รู้เรื่องเลย เพราะเค้าจะไม่สอนในหนังสือง อาจารย์เค้าให้ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันเลย อันนี้ก็แตกต่างเล็กน้อยกับเรียนที่ เมืองไทย เราว่าอาจารย์ที่มศวสอนแบบวิธีของฝรั่ง มันทำให้รู้สึกว่าไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ไอ้ที่ว่าที่ไหนเรียนยากว่า หรือ ง่ายกว่า ก็ต้องเป็นต่างประเทศ สำหนับคนที่ไม่เก่งการอ่านเเละ เขียน เรียนงความหรือ รายงาน เป็นภาษาอังกฤษ ก็ต้องคิดว่ายากกว่า เรีบนเมืองไทยใช้ภาษาไทย ก็ต้องเรียนง่ายกว่า แต่จะจบง่ายหรือยาก มันขึ้นอยู่กับความขยันและพยายาม นะ จากคุณ : จบโท 2 ทีทั้งใน เมืองไทยและนอก - [ 4 เม.ย. 52 10:38:45 A:124.122.152.56 X: ]