ความคิดเห็นที่ 1 ผมว่าแล้วแต่สาขาวิชา  แม่ผม(เกษียณแล้ว) สอนภาษาอังกฤษ ซึ่งต้องสอนตั้งแต่ ปี 1-4 ไปจนถึง ป.โท วิชาพื้นฐานเช่นนี้ต้องรับหน้าที่สอนมากกว่าอีกหลายสาขา  ซึ่งถ้าจำนวนอาจารย์ในภาคไม่สมดุลย์กับนักศึกษา ก็ไม่ค่อยมีเวลาทำผลงานหรือทำวิจัยนะครับ จากคุณ : azurite - [ 1 มี.ค. 52 13:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เสริมอีกนิด อาจารย์หลายท่านยังเอาเวลามาเล่น pantip.com ด้วย หรือว่าทำวิจัยไม่ต้องใช้เวลามาก ทำเรื่อยๆก็ได้ ^^ จากคุณ : มิ่งกลิ้ง - [ 1 มี.ค. 52 13:31:32 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ใช่ครับ จำนวนรายงานวิจัยที่ต้องส่งขึ้นกับทุนที่ขอมาได้ อย่างในกรณีของ ผมมีส่งแทบทุกเดือน เวลาทำวิจัยขึ้นกับการจัดการ แบ่งให้ทั้งนักศึกษา ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ทยอยทำกันครับ จากคุณ : Practical x 2 - [ 1 มี.ค. 52 13:35:16 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ^ นิสิตนักศึกษาไงครับ แรงงานในการทำวิจัยชั้นดีเลยของอาจารย์ ไม่ต้องเสียค่าจ้างด้วย ส่วนอาจารย์ก็ทำหน้าที่เป็น "โค้ช" คอยดูแลการทำงานของเด็กอีกที ไม่ต้องลงมือทำด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้น ไม่มีทางที่อาจารย์จะมีผลงานวิจัยปีละ 3-4 เรื่องแบบนี้ได้หรอก ถ้าต้องลงมือทำแล็บด้วยตัวเอง แค่เรื่องเดียวก็แทบตายแล้วครับ จากคุณ : เกียรตินำ - [ 1 มี.ค. 52 13:35:46 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ยกตัวอย่างให้ดู(อ่าน)หน่อยได้มั้ยครับ ว่างานวิจัยของอาจารย์ สามารถใช้ นักศึกษาทั้ง3ระดับทำได้ยังไง scope ของคำว่าวิจัย ต่างจากพวกทำ วิทยานิพนธ์อะไรพวกนั้นขนาดไหนครับ เพราะผมเข้าใจว่า วิจัย ก็น่าจะเป็นงานระดับที่ยากและใช้ความรู้ระดับสูงพอสมควร จากคุณ : มิ่งกลิ้ง - [ 1 มี.ค. 52 13:39:40 ]

ความคิดเห็นที่ 6 #2 กรณีของผมที่ทำอย่างนี้ได้ เพราะไม่มีครอบครัวครับ ไม่มีลูก หวานใจ ก็อยู่ไกล งานในส่วนห้องปฏิบัติการเป็นสิ่งที่นักศึกษาทำหลังจากมาปรึกษา และสอนวิธีการทำไปให้ งานในส่วนการเขียนรายงาน บทความวิชาการ ประมวลผล หาข้อมูล สร้างโปรแกรม ควบคุมเรื่องการเงิน เป็นหน้าที่หลักที อาจารย์ทำ และส่วนใหญ่ก็ทำในเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่มี access internet ด้วย จึงแว่บมาตอบใน pantip กันได้ แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 52 13:44:51 จากคุณ : Practical x 2 - [ 1 มี.ค. 52 13:43:07 ]

ความคิดเห็นที่ 7 #5 งานวิจัยที่ผมทำอยู่ เป็นการต่อยอดองค์ความรู้ที่ได้ศึกษามาในระดับ ปริญญาเอกครับ ขั้ันตอนกรรมวิธีการทำรวบรวมเอาไว้ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ก่อนจะหางบประมาณมาให้นักศึกษาทำได้ ก็ต้องมีเงินทุนวิจัยก่อน ซึ่งครั้งแรกสุดที่จบกลับมา ไม่มีทุนวิจัยใดๆ ต้องเขียนไปขอเงินทุนวิจัยจาก แหล่งทุนต่างๆ แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 52 13:48:58 จากคุณ : Practical x 2 - [ 1 มี.ค. 52 13:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตัวอย่างครับ 1) ทุกปีทาง สกว. ฝ่ายอุตสาหกรรม จะให้โอกาสทีมงานนักศึกษาและ อาจารย์ทำเรื่องขอทุนวิจัย เพื่อขอรับงบประมาณวิจัย ในโครงการ IRPUS ซึ่งทีมงานวิจัยของผมได้รับมา 8 ทุน แล้ว ในช่วงระยะเวลา 3 ปี ทุนละ 10,300 บาท (ในกรณีของ RPUS) เงินทุนก้อนนี้เอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการ ลงทะเบียนเรียนวิชาโครงงานวิจัยของนักศึกษา รวมถึงค่าทำรูปเล่มโครงการ วิจัยเมื่องานเสร็จ รวมถึงค่าตอบแทนให้นักศึกษาด้วย เงื่อนไขของการรับทุน RPUS คืออาจารย์ต้องมีงบประมาณวิจัยอยู่แล้ว นั่น คือ ในปีก่อนหน้าที่จะเสนอขอทุนนี้ให้นักศึกษา ผมต้องไปหาเงินทุนงบประ- มาณจากแหล่งอื่นมาก่อน จากนั้นนำมาแบ่งหัวข้อย่อยให้นักศึกษาทำ อย่าง ในปีที่แล้วและปีที่ผ่านมา แบ่งเป็น 3 หัวข้อย่อย แต่ไม่ใช่ว่าให้หัวข้อเสร็จแล้วโยนให้ไปทำครับ ถ้าเป็นแบบนั้นงานจะออกมา คุณภาพไม่ดี จึงต้องกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด และมีการจ้างผู้ช่วยวิจัยมาช่วย ด้วยอีกแรงหนึ่ง เมื่อได้ผลข้อมูลดิบมา ก็ต้องมาช่วยกันวิเคราะห์ ผมจึงมัก นัดนักศึกษามาทำแล็บและวิเคราะห์ผลข้อมูลกันในช่วงหยุดเสาร์ อาทิตย์ แต่ต้องวางแผนกันเป็นอย่างดี ทำกันแต่เนิ่นๆ อย่างโครงการ RPUS ที่ใกล้ จะเสร็จและต้องส่งโครงการก่อนวันที่ 25 มีนาคมนี้ มีการวางแผนและลงมือ ทำมา 1 ปีการศึกษาเต็มๆ ครับ นักศึกษามีรูปเล่มโครงการวิจัยจบ ปี 4 ส่วนอาจารย์ก็มีเนื้อหารายงานส่ง แหล่งทุนวิจัย ตามกำหนดเวลา ซึ่งมีการระบุชื่อนักศึกษาในรูปเล่มรายงาน ฉบับสมบูรณ์ด้วย ว่าพวกเขามีส่วนร่วมในการทำวิจัย จากคุณ : Practical x 2 - [ 1 มี.ค. 52 13:58:52 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ^ เห็นภาพขึ้นมากเลย ขอบคุณ อาจารย์ Practical x 2  มากครับ จากคุณ : มิ่งกลิ้ง - [ 1 มี.ค. 52 14:03:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 2) โครงการเทคโนโลยีสะอาด (Cleaner Technology - CT) เป็นอีกแหล่ง ทุนวิจัยหนึ่ง ทีมงานวิจัยของผมได้รับงบประมาณสนับสนุนมา 3 ครั้งแล้ว ครั้งละ 5 - 7 หมื่นบาท ทุนวิจัยนี้ก็ต้องวางแผนแต่เนิ่นๆ เหมือนกัน เพราะ แบ่งเป็นสองช่วง ช่วงแรกเรียกว่า CT-ฝึกงาน อาจารย์ต้องหานักศึกษาใน ระดับชั้นปีที่ 3 หรือระดับปริญญาโท เพื่อไปฝึกงานในโรงงานอุตสาหกรรม และทำการประเมินโรงงาน ตามหลักสูตรของโครงการ CT ภายในระยะเวลา 3 เดือน ภายใต้การกำกับดูแลของอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการย่อย และ การกำกับดูแลของอาจารย์ที่ปรึกษากลาง จากนั้นภายหลัง 3 เดือน ก็ต้อง ทำการนำเสนอหัวข้อวิจัย CT และเสนอขอทุนทำวิจัย ช่วงที่สองนี้จะเรียกว่า CT-วิจัย มีค่าตอบแทนให้นักศึกษาและอาจารย์คนละ 5,000 บาท พร้อม เงินทุนวิจัย เงินทุนค่าเดินทางไปนำเสนอผลงานวิชาการ และเงินทุนสำหรับ ตีพิมพ์บทความ ในบางกรณีนักศึกษาที่เข้าร่วม CT-ฝึกงาน ได้รับทุนวิจัย จากอาจารย์ท่านอื่น จึงมาทำ CT-วิจัย ไม่ได้ ก็ต้องหานักศึกษาระดับ ปริญญาโท ให้เขาทำเป็นหัวข้อวิทยานิพนธ์เป็นต้น จากคุณ : Practical x 2 - [ 1 มี.ค. 52 14:05:59 ]

ความคิดเห็นที่ 11 3) งานวิจัยประจำปีงบประมาณของสภาวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นแหล่งทุน วิจัยที่ให้โอกาสอาจารย์เขียนข้อเสนอโครงการวิจัย โดยต้องเป็นไปตาม แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศของรัฐบาล โดยแบ่งเป็นสองประเภท คือ โครงงานวิจัย งบประมาณไม่เกิน 1 ล้านบาท และแผนงานวิจัย งบประ- มาณไม่เกิน 2 ล้านบาท ถ้าเขียนโครงการดี มีที่มาและความสำคัญของปัญ- หาชัดเจน รวมถึงองค์ประกอบในหัวข้ออื่นๆ ครบถ้วนสมบูรณ์ โอกาสการได้ รับจัดสรรงบประมาณก็สูง โดยจะมีการจัดงบประมาณในส่วนค่าจ้างผู้วิจัย ไว้ด้วย จะ 1 คน หรือ 2 คนก็แล้วแต่ โดยทั่วไปงบประมาณในส่วนค่าจ้าง ผู้ช่วยวิจัยจะประมาณ 100,000 บาทต่อปี นอกจากนี้แล้วยังมีแหล่งทุนวิจัย อื่นๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็น   ในระดับคณะ (1-2 หมื่นบ้าง 5 หมื่นบ้าง สำหรับอาจารย์ระดับปริญญาโทเท่านั้น บ้าง บางคณะก็ให้ระดับปริญญาเอกด้วย  ขึ้นกับงบประมาณในคณะว่ามีมากน้อย แค่ไหน) ในระดับมหาวิทยาลัย (1 แสน หรือ 2 แสน 5 หมื่น ขึ้นกับมหาวิทยาลัย) สวทช.-YSTP  สวทช.-ภูมิภาค  สวทช.-TGIST สวทช.-ITAP สวทช.-ศนวท.(นักเรียนทุนกระทรวงวิทย์ฯ) สกว.-นักวิจัยใหม่ สกว.-MOST สกอ.-ทุนศูนย์ความเป็นเลิศ  สกอ.-ทุนกาญจนาภิเษก สวก. วช.-ทุนต่างประเทศ ฯลฯ ที่มีเงื่อนไขในการขอรับทุน และเงินงบประมาณที่ ได้รับแตกต่างกันไป นี่ยังไม่นับรวมทุนวิจัยในระดับจังหวัดจากผู้ว่าราชการ จังหวัด ฯลฯ ด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 52 14:21:31 แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 52 14:16:04 จากคุณ : Practical x 2 - [ 1 มี.ค. 52 14:12:15 ]

ความคิดเห็นที่ 12 งานวิจัยงานหนึ่ง ทั่วๆไปที่เห็น ไม่ได้มีผู้ทำคนเดียวครับ จะมีนิสิต (ผุ้ทำหลัก อาจมีเกินหนึ่งคนก็ได้) อาจารย์ทีปรึกษาหลัก (ช่วยคิด ช่วยตรวจสอบ) อาจารย์ที่ปรึกษารอง (ช่วยคิด ช่วยตรวจสอบเช่นกัน บางทีถนัดคนละด้าน) อาจมีอื่นๆ อีก เวลาดูชื่อผู้เขียน จะเห็ฯว่า มีหลายคน ลำดับก็เรียงตามๆ นี้ครับ ชื่อแรกๆ คือ ผู้ทำหลัก ก็คือนิสิต คนหลังๆ ก็จะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา เราจึงมักเห็นว่า ถ้าคนเปเปอร์แนวๆ เดียวกัน จะได้ชื่อคนหลังๆ คล้ายๆ กันมากพอควร แล้วแต่ว่า อาจารย์คนนั้น ทำงานด้านนี้มานานแค่ไหน จากคุณ : GreenEyes - [ 1 มี.ค. 52 14:25:44 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตามอาจารย์แพรกนั่นเลยครับ (เห็นจารย์ได้ทุนมาเยอะเลยนะครับ เร่งทำผลงานเรื่อยๆ อีกหน่อยคงได้โปรเจ็กค์ใหญ่เจ็ดหลัก <ตามมาด้วยงานมหาโหด> แน่ๆ เลยครับจารย์) เพิ่มเติมอีกหน่อยว่า ปกติอาจารย์ระดับเก่งๆ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ลงมือเองทั้งหมดหรอกครับ ส่วนมากแรงงานจะเป็น นศ. ป.โท ป.เอก เสียมากกว่า (ป.ตรีก็อาจจะมีบ้าง แต่ส่วนมากมักไม่ค่อยให้ทำ เพราะ ป.ตรี ไม่ได้วิจัยเป็นงานหลัก รวมทั้งความรู้ประสบการณ์ยังน้อย ผลที่ได้อาจจะมีความผิดพลาดอยู่มาก) โดยอาจารย์จะเป็นคนคิดไอเดีย (ส่วนใหญ่งานที่ทำก็ขึ้นกับทุนที่ได้รับมา) แล้วให้ นศ. ไปทำ อาจจะให้วิธีการ หรือไม่ก็ให้ นศ. หาแนวทางแบบคิดเอง โดยอาจารย์จะเป็นคนดูแลอย่างใกล้ชิด คอยดูผล สอบถามปัญหา แนะนำวิธีแก้ไข เพื่อให้งานสำเร็จ ก็จะได้เป็นงานวิจัยชิ้นหนึ่งๆ ครับ อาจารย์ที่เก่งๆ มักจะแบ่งโครงการวิจัยใหญ่เป็นส่วนๆ แต่ละส่วนก็จะให้แต่ละคนทำ แล้วมารวมกัน เพราะถ้าทำเองคนเดียวทั้งหมด คงเป็นลมตายเสียก่อน จากคุณ : ปั๊ปโปะจัง - [ 1 มี.ค. 52 14:31:02 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมเขาไม่ได้มีกฎให้อาจารย์ในมหาวิทยาลัยทุกคนต้องทำวิจัยหรอกครับ แต่พยามผลักดันให้ทำ เพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถของตัวอาจารย์เอง แล้วนำผลงานนั้นมาสอนศิษย์ต่อได้ และถ้าเหล่าอาจารย์ทั้งหลายในมหาลัย มีตำแหน่งทางวิชาการกันเยอะๆ มันก็เป็นที่เชิดหน้าชูตาด้วย และอาจจะเป็น ดัชนีีชี้วัดในการประเมินคุณภาพมหาวิทยาลัยด้วย แต่..ถ้าหากมหาวิทยาลัยนั้น ไม่มีทุนสนับสนุนของตัวเองหรือมีแต่น้อย  อาจารย์ก็ต้องไปขอทุนจากหน่วย งานอื่นที่สนับสนุนทุนให้ทั้งรัฐและเอกชน ซึ่งก็ต้องใช้ความพยามในการขอ และทั้งนี้การทำวิจัยอาจารย์เองก็ต้องพร้อมในเรื่องภาระงานสอนและเรื่อง และเรื่องส่วนตัวที่จะมีเวลามาทำวิจัย ถ้าสอนเยอะมากจนไม่มีเวลาว่าง ก็อาจจะไม่อยากคิดมาทำวิจัยก็ได้ แล้วแต่ปัจจัยหลายอย่าง จากคุณ : -=เหมือนจะใช่=- - [ 1 มี.ค. 52 14:53:46 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าเป็นของมหาวิทยาลัยผม จะมีการกำหนดในภาระงานเลยครับว่าต่อภาค การศึกษาต้องทำวิจัยเท่าไหร่ (ดูตัวอย่างการกรอก TOR ด้านล่าง) ยิ่งตอน นี้ออกนอกระบบด้วยแล้ว การประเมินยิ่งเข้มข้น จริงๆ ถ้าเป็นมหาวิทยาลัย ในต่างประเทศจะให้เลือกได้ว่าจะเน้นงานสอน หรือเน้นงานวิจัย เพราะแต่ละ คนถนัดไม่เหมือนกัน แต่แนวโน้มบ้านเรา ณ ตอนนี้ ดูเหมือนจะให้ทำ ทุกอย่าง จากคุณ : Practical x 2 - [ 1 มี.ค. 52 15:05:49 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หมายถึงต้องมีผลงานวิชาการละก็ใช่ครับผมเคยได้ยินมา แต่งานวิจัยเท่าที่เห็นมีข้อจำกัดอยู่ เช่น ด้านพลังงาน และการแพทย์ ที่ไม่สามารถทำได้เต็มรูปแบบ จากคุณ : kongp (kongp) - [ 1 มี.ค. 52 16:57:56 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 2 มี.ค. 52 13:26:35 ]

ความคิดเห็นที่ 18 -.-* เรียนเศรษฐศาสตร์ แต่ต้องไปช่วยอาจารย์เคมีทำวิจัยกะปิ พิมพ์ผิดครับ แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 52 14:21:47 แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 52 14:21:23 จากคุณ : yinyos2530 - [ 2 มี.ค. 52 14:20:59 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แม่เราก็เปนอ.มหาวิทยาลัย ตอนเด็กๆเคยไปนั่งประชุมด้วย (ติดแม่) กว่างานจะลงตัวก็ยุ่งยากพอควร โดยเฉาะงานใหญ่ๆอะ ประชุมแล้วประชุมอีก แต่แม่เรามีสอนน้อย (มั้งนะ เพราะไม่ค่อยรู้หรอก ไม่ได้สอนป.ตรี) ก็ทำวิจัยเยอะมากๆ วิจัยตลอด เขียนpaperตลอด เขียนบทความตลอด เขียนตำราตลอด (อยากเป็นอาจารย์มหาลัยเหมือนแม่มั่งจัง ) จากคุณ : AsMean - [ 2 มี.ค. 52 17:09:16 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ทำวิจัยๆๆๆๆๆๆๆ ขอทุนๆๆๆๆๆๆๆ รู้ไหมคะว่านักศึกษาเซงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก (ขอบ่นหน่อย) จากคุณ : มุตุ๊ - [ 2 มี.ค. 52 22:19:22 ]

ความคิดเห็นที่ 21 #20 กลุ่มวิจัยของผมนักศึกษาจะมาแจ้งความจำนงเองครับว่าต้องการร่วม ทำวิจัยด้วย ไม่ได้บังคับให้ใครมาทำวิจัยแต่อย่างใด เพราะถ้าต้องทำ ด้วยความฝืนใจ คุณภาพงานจะออกมาไม่ดี จากคุณ : Practical x 2 - [ 3 มี.ค. 52 02:11:16 ]