ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าแม่เหล็กดูดติดง่าย แสดงว่ามี Carbon อยู่พอสมควร จากประสบการณ์ที่เจอ พวกนี้จะเป็นสนิมได้ง่าย(เช่น 440C) กว่าที่ดูดไม่ติด เช่น 300 ซีรี่ย์ จากคุณ : น้าเก๋...เอง - [ 2 มี.ค. 52 18:53:15 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สมัยก่อนอาจจะใช่ครับ เนื่องจากสมัยก่อน สเตนเลสออสเตนิติกซึ่งมีโครงสร้างเป็น FCC (แม่เหล็กดูดไม่ติด) จะใช้นิกเกิลเติมลงไปในการปรับโครงสร้าง โดยนิกเกิลจะทำให้สเตนเลสทนต่อการกัดกร่อนมากขึ้น และช่วยเพิ่มคุณสมบัติการขึ้นรูป แต่ในปัจจุบัน สเตนเลสออสเตนิติก มีทั้งซี่รี่ย์ 2 ซึ่งใช้แมงกานีสเติมลงไปในการปรับโครงสร้างให้เป็น FCC แทนนิกเกิล แต่ว่าตัวแมงกานีสเองไม่ได้ช่วยให้คุณสมบัติความต้านทานการกัดกร่อนเหมือนนิกเกิล ดังนั้นปัจจุบันจึงแยกลำบาก นอกจากนี้ สเตนเลสกลุ่ม ดูเพล็กซ์ (Duplex Stainless Steel) ซึ่งมีโครงสร้างผสมระหว่าง BCC และ FCC ก็เป็นสเตนเลสอีกกลุ่มที่แม่เหล็กดูดติด แต่มีคุณสมบัติการกัดกร่อนที่ดีกว่า สเตนเลสออสเตนิติกปกติ (304,316) จากคุณ : gazz away - [ 3 มี.ค. 52 23:50:08 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณทั้ง 2 ท่านครับ หมายความว่าการที่ใช้แมงกานีสเติมลงไปเพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างนั้นทำให้คุณสมบัติในการต้านทานการกัดกร่อนแย่ลง (หรือเป็นสนิมได้ง่าย) ใช่ไหมครับ และการดูดติดของแม่เหล็กนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวกับเกิดสนิม(ตามคห.3)ใช่ไหมครับ แล้วผมเคยได้ยินมาว่า ลองทดลองโดยซื้อเกรด 304 ที่ดูดไม่ติดหรือติดน้อยมากๆ แล้วทุบด้วยค้อนแรงๆและลองใช้แม่เหล็กดูดดูอีกทีรับรองว่าติดชัวส์ เพราะโครงสร้างเปลี่ยนจาก FCC เป็น BCC นี่มันยังไงครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : PON - [ 4 มี.ค. 52 13:38:25 A:203.156.191.220 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 การเติมแมงกานีสลงไปทำให้การกัดกร่อนแย่ลงครับ และการดูดแม่เหล็กไม่เกี่ยวกับการเกิดสนิมแต่อยู่ที่โครงสร้างของเหล็กกล้าไร้สนิมครับ สำหรับการที่สเตนเลสเกรด 304 ดูดแม่เหล็กมากขึ้นภายหลังจากการถูกทุบ นั้นเกิดจากการที่เหล็กกล้าไร้สนิมเกิดการเปลี่ยนโครงสร้างบางส่วนครับ เนื่องจากเหล็กกล้าไร้สนิมเกรด 304 จัดเป็นเหล็กกลุ่ม เซมิออสเตนิติก ซึ่งหมายถึงเป็นเหล็กกล้าไร้สนิมออสเตนิติกที่ไม่มีสเถียรภาพมากนัก ลองซื้อซี่รีย์ 2 มาลองทุบก็จะได้ผลเช่นเดียวกันครับ หรือภายหลังการเชื่อมเหล็กเกรด 304 บริเวณเนื้อเชื่อมก็สามารถดูดแม่เหล็กติดได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเกิดการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้าง จากคุณ : gazz away - [ 5 มี.ค. 52 02:09:00 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แสดงว่าการเปลี่ยนโครงสร้างของสเตนเลสไม่ได้เทำให้คุณสมบัติการต้านทานการกัดกร่อนของสเตนเลสเสื่อมลงแต่อยู่ที่ธาตุที่นำมาผสมในสเตนเลส ผมเข้าใจถูกไหมครับ แล้วปัจจัยการเปลี่ยนโครงสร้างจาก FCC เป็น BCC มีอะไรบ้างอ่ะครับ ขอบคุณ คุณ gazz away มากเลยครับ ช่วยปลดล็อคผมได้เยอะเลย รบกวนอีกทีนะครับ จากคุณ : PON (shekina) - [ 5 มี.ค. 52 10:05:47 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ครับ โดยทั่วไปสมบัติความต้านทานการกัดกร่อนและโครงสร้างของสเตนเลสขึ้นอยู่กับส่วนผสมทางเคมีเป็นหลัก  แต่ตัวโครงสร้างของสเตนเลสจะเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติทางกล   ในกรณีที่ต้องการเปรียบเทียบความต้านทานการกัดกร่อนแบบคร่าวๆ ก็สามารถทำได้โดยการใช้ ดัชนี PREN (Pitting Equivalent Number) ซึ่งใช้เปอร์เซ็นต์ส่วนผสมทางเคมีของสเตนเลสมาคำนวน ) PREN= %Cr+3(%Mo)+1/2(%W)+16,30(%N) โดยค่า PREN สามารถใช้ในการเปรียบเทียบเหล็กกล้าไร้สนิมชนิดเดียวกันได้เป็นอย่างดี (เช่น เทียบกลุ่มเฟอริติกกับเฟอริติก) สำหรับปัจจัยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างจาก FCC เป็น BCC ของสเตนเลสกลุ่มเซมิออสเตนิกติกได้แก่ 1) แรงกระทำทางกล 2) อุณหภูมิ - ที่อุณหภูมิสูงเกินกว่า 800 องศา สเตนเลสกลุ่มนี้จะมีการเปลี่ยนโครงสร้างบางส่วนจาก FCC เป็น BCC ซึ่งถ้าสเตนเลสเย็นตัวอย่างรวดเร็วเช่นการเชื่อม โครงสร้าง BCC ที่เกิดที่อุณหภูมิสูงอาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเป็น FCC ไม่ทัน จากคุณ : gazz away - [ 5 มี.ค. 52 22:51:06 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เข้าใจเคลียร์แล้วครับ ต้องขอบคุณมากครับ อธิบายได้เคลียร์มากครับ จากคุณ : PON (shekina) - [ 6 มี.ค. 52 09:55:16 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณมากครับ มีประโยชน์กับผมมากเลยครับ จากคุณ : PON (shekina) - [ 16 มี.ค. 52 09:38:45 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมมีข้อสงสัยครับ แล้วเราจะมีวิธีพิสูจน์โดยไม่ต้องส่งทดสอบ ได้อย่างไรบ้างครับ ว่าสเตนเลสที่ใช้เป็นเกรดที่ไร้สนิมจริงหรือไม่ การใช้แม่เหล็กดูดทดสอบก็ใช้พิสูจน์ไม่ได้ใช่มั้ยครับ จากคุณ : kit99 - [ 26 มี.ค. 52 11:26:53 A:58.9.155.17 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าเกรด 202 กับ 304 ก็มีชุดน้ำยาทดสอบขายอยู่นะครับ โดยน้ำยาจะมีอินดิเคเตอร์ซึ่งสามารถวัดปริมาณแมงการนีส (Mn) ที่อยู่ในสเตนเลสได้ครับ นอกจากนี้เวลาเจียร์ประกายไฟก็จะแตกต่างกัน และสเตนเลสที่ผสม Mn จะแข็งกว่าเกรด 304 จากคุณ : gazz away - [ 30 มี.ค. 52 20:02:01 ]