ความคิดเห็นที่ 1 1. ม้วนเดียวจบ (1-3 วันก่อนสอบ) ความหวัง: สมมุติว่าทั้งเทอม มีเวลา 15 สัปดาห์  อาจารย์ใช้เวลาเฉลี่ย 2 ชั่วโมง  ในการเตรียมตัวสอน ดังนั้น 2 ถ้า 3 วันสุดท้ายคุณอ่าน วันละ 10 ชั่วโมง ก้อน่าจะเท่าๆ กับที่ อาจารย์ อ่านคือ 30 ชั่วโมงดังนั้นคุณน่าจะสอบได้ ความจริง: เวลา 15 สัปดาห์คือการเพิ่มพูนประสบการณ์และความสามารถ ในการทำโจทย์ต่างๆ ไม่ว่า จะเป็นโปรแกรมมิ่ง หรือดาต้าเบส ต่อให้คุณจำ SQL Syntax ได้ทั้งหมดก้อไม่ได้หมายความว่า คุณจะทำข้อสอบวิชา Database ได้อยู่ดี ดังนั้นการเรียนอย่างต่อเนื่อง พยายามทำความเข้าใจ ทุกๆ อย่างๆ สัปดาห์ต่อสัปดาห์ดีกว่าเยอะ จากคุณ : กาแฟและเพนกวิน (Anna_NSW) - [ 2 มี.ค. 52 23:27:02 ]

ความคิดเห็นที่ 2 2. รวมกันเราอยู่ อันนี้พบได้กับ น.ศ. เก๋าๆ เช่นพวกรุ่นพี่เรียนซ้ำ หรือคณะกรรมการสโมสรนักศึกษา พวกนี้จะกว้างขวาง จะมีคนเก่งๆ เป็นพวกเสมอ ดังนั้น คะแนน เก็บจะหรูมาก assignment เต็ม term project เกือบเต็ม แต่พอคะแนน สอบออกมา เป็นหนังคนละม้วน เพราะวันสอบคุณไม่มีเพื่อนคนเก่งมาช่วยอีกต่อไป จากคุณ : ผู้พยากรณ์ (Anna_NSW) - [ 2 มี.ค. 52 23:27:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 3. Reverse Engineering ความหวัง: ไหนๆ เราก็มีทั้งอินเตอร์ เน็ต ตัวอย่างๆ จากหนังสือ หรือเวป ของอาจารย์ ดังนั้นเราจะทำการบ้าน หรือเทอมโปรเจคให้เหนื่อยทำไม เราก้อเอางานที่มีอยู่ ดาษดื่นเหล่านี้ มาปรับนิด แก้หน่อย ก็มีงานส่งแล้ว ความจริง: โอกาสที่คุณจะหางานที่ตรงกับ คำสั่งของ อาจารย์ 100 เปอร์เซ็นแทบไม่มี เวลาที่ใช้ค้นกูเกิ้ล + เวลาที่มาแก้โปรแกรม อาจจะเยอะกว่าเวลานั่งทำการบ้านเอง เสียอีก บางคนสิ้นคิดขนาดเอาตัวอย่างที่ อ. สอนให้ห้องมาแก้นิดหน่อยแล้วส่ง  ซึ่งถ้าเจอ อาจารย์ใจดีอาจรอด แต่ถ้าเจอ อาจารย์เขี้ยวๆ หน่อย ก็ 0สถานเดียว ถ้าอยู่เมืองนอก คุณจะโดน ข้หา Plagiarism แล้วโดนยึด Visa กลับเมืองไทยสถานเดียว แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 52 23:29:00 จากคุณ : โลมา (Anna_NSW) - [ 2 มี.ค. 52 23:28:24 ]

ความคิดเห็นที่ 4 4. ใช้โควต้าให้หมด ยังขาดเรียนได้อีกหลายครั้ง จะรีบเข้าห้องไปทำไม โดดเรียนดีกว่า เหนือหาในแต่ละคลาสนั้น สุดท้ายแล้วมันก็ต้อง ไปออกข้อสอบอยู่ดี การขาดเรียน แต่ละครั้ง มันก็เหมือนโยนคะแนน ทิ้งนั้นละ หรือถ้าคุณเก่งพอที่จะอ่าน Text Book เองได้ก็เป็นอีกเรื่องนึง โดยเฉพาะวิชาที่ เป็น องค์รวมอย่างโปรแกรมมิ่งหรือ application ต่างๆ การโดดเรียนแล้วไม่ตามเลย ไม่ผิดอะไรกับการ เปลี่ยนยางรถยนต์ แล้วไม่ขันน้อต (อิ๊บอ๋าย อย่างเดียว) จากคุณ : สุริยัน (Anna_NSW) - [ 2 มี.ค. 52 23:30:26 ]

ความคิดเห็นที่ 5 5. ตายดาบหน้า ทั้งๆ ที่รู้ว่า term project หรือ assignment นั้นเผาส่งมา ก็ยังใจกล้า(หน้าด้าน)ส่งมาอีก เพราะมองโลกในแง่ดีว่า อาจารย์ อาจจะไม่รู้ หรือ อาจารย์อาจจะใจดี ปล่อยๆ คะแนนก็ได้ ทั้งๆ ที่ งานมันฟ้องอยู่ทนโท่ว่า ดูดมาจาก อินเตอร์เน็ต โต้งๆ หรือทำแต่หน้าจอสวย ข้างใน"เละ" อีกกรณีหนึ่งก็คือ การเข้าห้องสอบทั้งๆ ที่ Blank อยู่ในหัว กะว่าจะมี "ปาติหาน" ช่วย ส่วนใหญ่ น.ศ. พวกนนี้จะสมใจ คืออยาก "ตายดาบหน้า" ก็ตายจริงๆ (ติด F) จากคุณ : พื้นฐานการเห็น (Anna_NSW) - [ 2 มี.ค. 52 23:31:08 ]

ความคิดเห็นที่ 6 6. นักบริหาร ความคิด: ผมจะจบไปทำงานบริหาร ไม่ใช่ Programmer , SA หรือ DBA สักหน่อย ดังนั้นผมจะเรียน เชิงเทคนิค ไปทำไม ผมต้องการแค่พอผ่านก็พอ ความจริง:   ยกเว้นเสียแต่ว่า 1. คุณเปิดบริษัทเอง 2. พ่อแม่หรือคนในครอบครัวเป็นเจ้าของ/ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัทขนาดใหญ่ 3. คุณมีนามสกุลที่ทุกคนในประเทศรู้จัก 4. คุณเป็นนักเรียนเกียรตินิยม เกรด 3.8x ขึ้นไป (คุณไม่จำเป็นต้องอ่านบทความนี้) ไม่มีบริษัทไหน หน้ามืด จ้างเด็กจบใหม่ไปเป็น Project Manager หรือผู้บริหารแน่นอน หรือถ้าจำเป็นต้องมีตำแหน่ง ที่ไม่ต้องการความรู้ทางเทคนิคมากนัก เช่น Sales ของสินค้า IT เค้าก็จะมองหา คนที่จบ Market หรือ Management ที่มีความรู้เรื่องของ Management มากกว่าอยู่ดี ดังนั้น ถ้าอยากเป็นนักบริหาร ควรจะตั้งใจเรียน ณ เวลาปัจจุบันให้ดีแล้วไปต่อโทเอาดีกว่า จากคุณ : ค บวก บวก (Anna_NSW) - [ 2 มี.ค. 52 23:32:33 ]

ความคิดเห็นที่ 7 7. Rotaion อันนี้พบได้บ่อยใน วิชา/คณะที่อาจารย์ใช้วิธีซอย Assignment เป็นข้อเล็กๆ ข้อละ 1 หรือ 2 คะแนน แล้วมีงานทุกสัปดาห์ น.ศ. จะใช้เวลาในห้องเรียนเพื่อทำ assignment วิชาอื่นเสมอ ภาพที่เห็นก้อคือ  1. วิชา programming I แอบมุดอยู่หลังห้อง ทำ assignment วิชา system design (ที่ต้องส่งคาบถัดไป) หรือ  2. วิชา system design นั่งท่อง SQL เพราะอาจารย์มี quiz ในวิชา database ตอนบ่ายนี้  3. อีก 3 วันต่อมา assignment วิชา programming I ต้องส่งก็ต้องหาของเพื่อนมาเป็นต้นแบบ หรือไม่ก็ต้องอ่านเองเพราะ ตอนเรียนไม่ได้เรียน  4. บางทีเข้า Lab ทำงานกลุ่ม ปล่อยให้คนที่เก่งที่สุดในกลุ่มทำ แล้วตัวเอง ปั่นงานตัวเองที่ต้องส่งวิชาถัดไป (ไอ้พวกนี้เลวมาก) การกระทำแบบนี้ไม่ได้แตกต่างกับการโดดเรียนเลย เพียงแต่มีชื่อตอนเช็คชื่อเท่านั้น ในที่สุดแล้ว ตอนวันสอบไล่ก็จะพบว่า ตัวเองไม่มีความรู้อะไรเลย เพราะเวลาใน Class เอาไปทำ Assignment หมด จากคุณ : อาคารกรีซโบราณ (Anna_NSW) - [ 2 มี.ค. 52 23:33:58 ]

ความคิดเห็นที่ 8 8. สามัคคีคือพลัง (ใช่ไม่ใช่พี่น้อง) จริงอยู่ว่า การคิดคะแนนแบบอิงกลุ่ม (Curve) จะใช้คะแนน เฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็นตัวตั้ง ฉะนั้นถ้าทั้งห้องคะแนนห่วยกันหมด คุณก็น่าจะได้เกรดสวยได้ แต่คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่า จะไม่มีใครได้คะแนนแบบโดดขึ้นไปเลย เช่นมีอัจฉริยะ อยู่คนได้เกือบเต็ม 20 ในขณะที่คะแนนเฉลี่ย อยู่ที่ 5 ด้วยระบบ คะแนนแบบนี้ คนแรกจะได้ A ส่วนที่เหลือก็ C C- D F หรือถ้าบางวิชา มีการ Set คะแนนผ่านเป็น standard ไว้ อาจจะได้สามัคคีเรียนใหม่กันเทอมหน้ายกแผง จากคุณ : มืออาชีพบ้านแผ่น (Anna_NSW) - [ 2 มี.ค. 52 23:36:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 9. เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก "อาจารย์ครับ ผมเรียนมา 5 รอบ แล้ว" "อาจารย์ผมกำลังจะจบ พ่อแม่ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมอีก" "อาจารย์ ผมจะไปเรียนต่อเมืองนอก จ่ายค่าเทอม ไปเรียบร้อยแล้ว" สารพัดข้ออ้าง ทีตอนเข้า Lab เห็นเล่นแต่ Hi5 ไม่มีมหาลัยไหนในโลกนี้เค้าเช็ค ประวัตินักศึกษาหรอกนะ ว่าคนนี้เรียนมากี่ที แล้ว คนนี้เหลือหน่วยกิจเท่าไหร่ คนนี้ลูกใคร (เอ๊ะ หรือว่ามี) ถ้ายังงั้นก็ไม่ต้องตรวจ ข้อสอบให้เมื่อยตุ้ม เอานามสกุลมาดู แล้วให้คะแนนดีกว่า ดังนั้นหากต้องการจะได้เกรด ได้คะแนนล่ะก็ จำไว้ว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" เท่านั้น จากคุณ : ผลไม้เเมืองหนาว (Anna_NSW) - [ 2 มี.ค. 52 23:37:23 ]

ความคิดเห็นที่ 10 10. ลองของ ความคิด: ไหนๆ ก็ทำ Assignment/ Term project มาแล้วส่งช้าไปสัก 2 ชั่วโมง (หรือ 2-3 วัน) อาจารย์เค้าไม่ว่าหรอกน่า หรือ การบ้านโหดขนาดเทพเท่านั้นที่ทำได้อย่างนี้ เรามารวมตัวกันประท้วงโดยการยึดห้องอธิการบดี เอ้ยไม่ใช่ โดยการ Boycott ไม่ยอมส่งทั้งห้องดู ความจริง: บังเอิญมหา'ลัยไม่มีม็อบกู้ชาติ อันนี้ทำให้ผมนึกถึงบัณฑิตใหม่ที่มาสายแล้วเค้าปิดห้อง ไม่ให้เข้าพิธีรับปริญญา อันนี้เหมือนกันตรงที่ ความคิดว่า อาจารย์เค้าไม่ทำหรอก หรืออาจารย์เค้าไม่ใจร้ายหรอก ในความเป็นจริง เป็นสิทธ์ขาดของอาจารย์ ที่จะให้คะแนนใดๆ ก็ได้ ในแต่ะละ Assignment หรือ TP เช่นถ้า Assignment นั้น มี 5 คะแนน ถ้าเลยเวลาส่ง อาจารย์เค้าก็สามารถใส่ 0 ได้ใน ช่องคะแนนนั้นโดยไม่ลังเล จากคุณ : โทรศัพท์ข้าพเจ้า (Anna_NSW) - [ 2 มี.ค. 52 23:38:29 ]

ความคิดเห็นที่ 11 9. Recycle วิธีนี้ใช้ได้กับการดูแลสภาพแวดล้อม แต่ใช้กับการเรียนไม่เวิร์ค เอาโค้ดเพื่อนมาลอก แก้ตัวแปร สลับบรรทัด เปลี่ยนชื่อ class หรืออะไรทำนองนั้น มุขนี้ ใช้กันมาตั้งแต่อาจารย์ยังเป็นนักศึกษาโน่นแล้ว ไม่รอดแน่ อาจารย์รู้ตั้งแต่เห็นชื่อโฟลเดอร์แล้วมั้ง จากคุณ : abarat cat - [ 2 มี.ค. 52 23:42:01 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ abarat cat ---------------------------------------------------------------------- 9. Recycle วิธีนี้ใช้ได้กับการดูแลสภาพแวดล้อม แต่ใช้กับการเรียนไม่เวิร์ค เอาโค้ดเพื่อนมาลอก แก้ตัวแปร สลับบรรทัด เปลี่ยนชื่อ class หรืออะไรทำนองนั้น มุขนี้ ใช้กันมาตั้งแต่อาจารย์ยังเป็นนักศึกษาโน่นแล้ว ไม่รอดแน่ อาจารย์รู้ตั้งแต่เห็นชื่อโฟลเดอร์แล้วมั้ง ---------------------------------------------------------------------- บางที แม้แต่ Comment หรือชื่อ Variable Name มันยังไม่เปลี่ยนเลยครับ จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 2 มี.ค. 52 23:49:36 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ู^ ^ ^ มาไม่ทันอะ... โดนปาดเลย เกิน 10 แล้ว ส่งการบ้านไม่ทัน ...ตก... จากคุณ : abarat cat - [ 2 มี.ค. 52 23:50:49 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มีใครแกะโค้ด ชื่อใน replpy 1 -10 ได้มั่งครับ จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 2 มี.ค. 52 23:51:03 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เวง... เพิ่งเห็นอะ จนกท เค้ายังโพสไม่เส็ดอ่า... เป็นเรานั้นเองที่ไปปาดเค้า ... ขอโทษนะค้า.... ครู จากคุณ : abarat cat - [ 2 มี.ค. 52 23:53:54 ]

ความคิดเห็นที่ 16 1. .. ยังคิดไม่ออก 2. Oracle 3. ... 4. Sun 5. Sybase จากคุณ : abarat cat - [ 2 มี.ค. 52 23:56:57 ]

ความคิดเห็นที่ 17 6. C++ 7. 8. 9. Apple 10. iPhone จากคุณ : abarat cat - [ 2 มี.ค. 52 23:58:17 ]

ความคิดเห็นที่ 18 น่าจะมี "จิ๋วนิ่ม" ด้วยนะคะ จากคุณ : abarat cat - [ 2 มี.ค. 52 23:59:46 ]

ความคิดเห็นที่ 19 กาแฟและเพนกวิน  = Java และ Linux ผู้พยากรณ์ = Oracle โลมา = MySQL สุริยัน = Sun Microsystem พื้นฐานการเห็น = ค บวก บวก = C++ อาคารกรีซโบราณ = มืออาชีพบ้านแผ่น = ผลไม้เเมืองหนาว = Apple โทรศัพท์ข้าพเจ้า = iPhone นึกไม่ออกจริงๆแหะ ที่เหลือเนี่ย - -! จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ 3 มี.ค. 52 00:02:11 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ข้อ 5 ยังไม่ถูกครับ จากคุณ : จขกท (Anna_NSW) - [ 3 มี.ค. 52 00:02:32 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แก้ค่ะ แก้ 5. พื้นฐานการเห็น = Visual Basic จากคุณ : abarat cat - [ 3 มี.ค. 52 00:03:43 ]

ความคิดเห็นที่ 22 นอนละ พรุ่งนี้มาเฉลยน้า ใครมี"หนทางสู่ความตาย"อื่นๆ มาช่วยปะต่อหน่อยครับ จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 3 มี.ค. 52 00:04:55 ]

ความคิดเห็นที่ 23 #5 Visual Basic จากคุณ : เชื่อผมเหอะ แล้วดีเอง - [ 3 มี.ค. 52 00:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 24 5. พื้นฐานการเห็น = Visual Basic   ถ ถ ถ ถูกต้องนะครับ จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 3 มี.ค. 52 00:05:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 7. อาคารกรีซโบราณ = Delphi ถูกมั้ยน้อ... จากคุณ : abarat cat - [ 3 มี.ค. 52 00:08:31 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เดาอีกอัน 8. มืออาชีพบ้านแผ่น = Homepage Pro ครบและ... ไปนอนมั่งดีก่า จากคุณ : abarat cat - [ 3 มี.ค. 52 00:11:05 ]

ความคิดเห็นที่ 27 น่าจะประมาณนี้นะครับ 1. Java 2. Oracle 3. MySQL 4. Sun 5. ... 6. C++ 7. Delphi หรือไม่ก้อ Kylic 8. ... 9. Apple 10. IPhone จากคุณ : Meow-Meow (piggy_and_kitty) - [ 3 มี.ค. 52 00:12:00 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ตอบเพิ่ม อาคารกรีซโบราณ = Delphi (ฮือ ... เกิดไม่ทัน โดนคนแก่กว่าตอบก่อนเลย T,T ) แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 52 00:16:59 จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ 3 มี.ค. 52 00:14:20 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ู^ ^ ^ ทำไม #3 โลมา = MySQL อะคะ ? จากคุณ : abarat cat - [ 3 มี.ค. 52 00:14:53 ]

ความคิดเห็นที่ 30 #29 Logo ของ mysql คือปลาโลมาครับ ลองเข้าไปดูที่ mysql.com ได้ครับ จากคุณ : Meow-Meow (piggy_and_kitty) - [ 3 มี.ค. 52 00:18:14 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ตอบ #29 จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ 3 มี.ค. 52 00:18:28 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ^ ลองเข้า mysql.org สิครับ จากคุณ : เล็ก มหึมา (^oio^) - [ 3 มี.ค. 52 00:20:51 ]

ความคิดเห็นที่ 33 1. Java & Linux 2. Oracle 3. MySQL 4. Sun 5. VisualBasic 6. C++ 7. Delphi 8. PHP 9. Apple 10. iPhone จากคุณ : Wizard. - [ 3 มี.ค. 52 00:27:47 ]

ความคิดเห็นที่ 34 Delphi นี่ Windows IDE ตัวแรกผมเลยนะ (พวกโตมากะปาสคาล) :D แต่หลังๆอับเฉาลงทุกวัน จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 3 มี.ค. 52 00:28:23 ]

ความคิดเห็นที่ 35 งานด่วนมาก่อนงานใหญ่ บ้านตัวเองไม่แข๊ง อย่าริไปตีบ้านคนอื่น เรียนไม่เก่ง อย่าริทำกิจกรรมมาก (- -'') เจอมากะตัวเอง ในห้องสอบ กิจกรรมที่รุ่นพี่ให้้ซ้อม ๑ ทุ่ม ถึง ๓ ทุ่ม ทุกวันไม่ช่วยอะไรเลย (ยกเว้นคนที่ เก่งทัั้งเรียนและทำกิจกรรม) ถ้าไม่แข๊งจริง เอาเวลาไปหาความรู้ดีกว่า ไม่มีใครจะรักเราเท่าตัวเราเอง ถ้ามั่นใจว่าเรียนเก่งแล้ว พิ้นฐานแน่น ที่บ้านมีกิจการ  ไม่สนเกรด ทำกิจกรรมได้เต็มที่เลย จากคุณ : ๛กอล์ฟ - [ 3 มี.ค. 52 00:53:19 ]

ความคิดเห็นที่ 36 . . . มีตรงบ้าง . . . จากคุณ : MIG-ON-THE-WAY - [ 3 มี.ค. 52 01:01:04 ]

ความคิดเห็นที่ 37 พอใกล้ช่วงสอบแล้วจะรุว่า ไอ้ที่ไปประชุมเชียร์ไปรับน้องน่ะ .. มันไม่ได้ช่วยให้เกรดดีขึ้น หรือว่าสอบผ่านเลย จากคุณ : Meow-Meow (piggy_and_kitty) - [ 3 มี.ค. 52 01:11:58 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ตั้งใจเรียนก็ตายได้เช่นกัน ถามคุณ ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ ดูครับ TT จากคุณ : Mr.Odwa - [ 3 มี.ค. 52 01:31:05 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เอิกๆๆ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ....(บัดซบจริงๆๆ เวลาเร็วจริงๆๆ (นั่งเล่นเกมส์จนเช้า เอิกๆๆ)) จากคุณ : กระรอกไฟ - [ 3 มี.ค. 52 01:39:49 ]

ความคิดเห็นที่ 40 รู้สึก....จะเป็น 1 ใน 10 ข้อนี้ (โอ้ว..ไฟนอล !!) จากคุณ : MYVROCKS - [ 3 มี.ค. 52 02:38:32 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณ abarat cat ---------------------------------------------------------------------- 9. Recycle วิธีนี้ใช้ได้กับการดูแลสภาพแวดล้อม แต่ใช้กับการเรียนไม่เวิร์ค เอาโค้ดเพื่อนมาลอก แก้ตัวแปร สลับบรรทัด เปลี่ยนชื่อ class หรืออะไรทำนองนั้น มุขนี้ ใช้กันมาตั้งแต่อาจารย์ยังเป็นนักศึกษาโน่นแล้ว ไม่รอดแน่ อาจารย์รู้ตั้งแต่เห็นชื่อโฟลเดอร์แล้วมั้ง ---------------------------------------------------------------------- บางที แม้แต่ Comment หรือชื่อ Variable Name มันยังไม่เปลี่ยนเลยครับ ---ตอนที่ผมเรียน ปี4  มีคนทำ อีคอมเมิช phpแล้วไปลอกเค้าแล้วมาแก้ มา อย่างอื่นเปลี่ยนหมด แต่หน้า contact us ดันไม่เปลี่ยน มีรูปคนทำติดหน้าหลาซะงั้น ผมหล่ะฮากลิ้ง อาจารย์ยังใจดีให้ผ่านไปเพราะอธิบาย code ได้ จากคุณ : loveluff - [ 3 มี.ค. 52 04:57:28 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ผมเคยตรวจการบ้านนักศึกษาวิศวกรรม ภาคภาษาอังกฤษ ปี 1 การบ้านคือ ไปค้นคว้า เขียนบทความอธิบายเกี่ยวกับวิศวกรรมสาขาที่ตนเองไม่รู้จักมาก่อน ออกมา รู้เลยว่า ก็อปเน็ตมาทั้งดุ้น เพราะไอ้ที่ส่งมา มันเป็นภาษาเยอรมัน!!!! จากคุณ : powerconduit - [ 3 มี.ค. 52 07:21:26 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ตอนแรกก็สงสัยตั้งนานว่า ทำไมจขกท. ตั้งชื่อแปลกๆมากมาย จากคุณ : Bassism - [ 3 มี.ค. 52 08:09:31 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อาคารกรีซโบราณ  ....ผมนึกถึง พาเธนอน น่ะครับ เพราะเป็นรูปแบบโครงสร้างอาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดของกรีซแล้ว ถ้า เดลฟาย จะนึกถึงเมืองในประเทศกรีซโบราณ ที่บูชาเทพอพอลโล จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 3 มี.ค. 52 08:23:32 ]

ความคิดเห็นที่ 45 นึกถึงสมัยเรียน แฮะ สอบติด คนเดียว จากกลุ่มเพื่อน ปวส (เด็ก ตจว. ก็เงี้ยะ) เข้าไปเรียน วิศวะ หนังสือก็หายาก(ไปเดินหาซื้อซะขาลากเลย) ซื้อมาแล้วก็อ่านไม่ออก (ตกภาษาอังกฤษ ตั้งกะ ป5 ยัน ปตรี เลยตรู) ตอนเรียน ตั้งใจมาก (แต่หลับห้นาห้องทุกวัน ไม่รู้ทำไม เวลาเรียนต้องหลับด้วย T_T) ไอ้ที่เรียนก็พอรู้เรื่อง(แต่ไหงหลับ) แต่กลับมาอ่านเอง อ่านไม่ออกเลย T_T ผ่านไป 2 เดือน ติดเกมส์ งอมแงม ใกล้สอบเพื่อนใจดี ส่งโน๊ต ให้อ่าน (รอดมาได้เพราะเพื่อนนี่แหละ โน๊ตเป็นภาษไทยให้) ปล. ตอนจบออกมา ก็รู้ตัวเลย ว่า อ. ช่วย ไม่งั้น ตก ภาษาอังกฤษ 2 รอบ แหง๋ๆ แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 52 08:43:03 จากคุณ : Humandroy - [ 3 มี.ค. 52 08:42:24 ]

ความคิดเห็นที่ 46 น้าผมเรียน กศป.วิทย์คอมนี่แหละ..... คราวนี้ต้องทำโปรเจคจบไงครับ เขียน VB คลังสินค้า...... ก็ทำไม่เป็นกัน ไปจ้างคนอื่นทำก็พอกระเทิน ส่งก็ไม่ผ่าน...... คราวนี้มีพี่คนนึงเรียนด้วยกันในห้องนี่แหละ เทพ VB ครับ เหมาหมดห้องเลยครับ.... โปรแกรมแกผ่านเป็นคนแรกครับ ทำเป็นคู่นี่แหละ คู่หูแกไม่เก่งเลย อาศัยเกาะแกทั้งปีจนจบครับ (แกเป็นฝ่ายเสบียงอย่างเดียว+ชวนกินเหล้าตลอด) พอแกจบ......ชื่อเสียงกระจายไปทั่ว คราวนี้ก็เพื่อนในห้องก็จ้างแกทำโปรเจคจบจนจบกันจะหมดห้องแล้วครับ...... เลยได้จบกันหมดห้อง ก็รอดตัวกันไป..... จากคุณ : Sakurachan (Tomoeda) - [ 3 มี.ค. 52 10:00:48 ]

ความคิดเห็นที่ 47 11.OPEN SOURCE ความคิด:อาจจะใช้ได้ผลในเวลา LAB ดังนั้นเวลาสอบ การ Open Source ให้คนอื่นนั้น ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนัก ความจริง:ทุจริตปรับตกทุกรายวิชา จากคุณ : พหุบรรชร (L96A1) - [ 3 มี.ค. 52 10:35:27 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อ้าว ซวยและกรู... จากคุณ : เทาทองวอร์ริเออร์ - [ 3 มี.ค. 52 10:37:38 ]

ความคิดเห็นที่ 49 #19 พื้นฐานการเห็น = ผมคิดว่า Visual Basic จากคุณ : npn - [ 3 มี.ค. 52 10:45:39 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ฟังพี่ๆละนึกถึงสมัยเรียนจังครับ อาจารย์ชอบโน๊ตไว้ท้ายข้อสอบว่า  "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" จากคุณ : ฟลุ๊ก (dybydx) - [ 3 มี.ค. 52 12:19:40 ]

ความคิดเห็นที่ 51 12. ดองโปรเจคจบ ผ่านจนครบตามหลักสูตร เหลือแต่โปรเจตจบ ไม่ยอมทำ ดองเอาไว้ แล้วไปหางานทำ เลยไม่มีเวลาทำโปรเจค ผลคือ แทบไม่จบ ไปกราบกรานรุ่นพี่ให้มาช่วย ถึงจบได้แบบฉิวเฉียด ลป. ไม่ใช่ผมนะ ^^' จากคุณ : nutxnut - [ 3 มี.ค. 52 12:45:13 ]

ความคิดเห็นที่ 52 คิดถึงตอนทำโปรเจคจบ..บังคับให้ใช้ภาษาปาสคาลเขียน.. อยากจะบ้า...คือเข้าใจนะว่ามันเป็นพื้นฐาน.. แต่อยากทำอะไรที่มันทันสมัยกว่านี้..ใช้ในงานปัจจุบันได้.. ปาสคาลมันโบราณเกิน แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 52 13:01:49 จากคุณ : จิ้งจอกสาวฝึกหัด - [ 3 มี.ค. 52 12:58:08 ]

ความคิดเห็นที่ 53 สมัยเรียนจารย์ชอบใช้คำว่า กรรมเก่า -0- จากคุณ : StVaIkyrie - [ 3 มี.ค. 52 13:31:05 ]

ความคิดเห็นที่ 54 13. เกลียดภาษาอังกฤษ ความคิด : ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่, กลัว ความจริง : ก็เทคโนโลยีมันมาจากฝรั่ง จะให้ resource มันเป็นภาษาไทยทั้งหมดได้ยังไง แค่นั่งอ่าน text ก็ตามก้นฝรั่งเป็นสิบปี นี่ขืนต้องมารอให้แปลไทยด้วยเนี่ย ไปขายเต้าฮวยเหอะ อย่ามาเรียนให้เสียเวลา จากคุณ : oppertunity - [ 3 มี.ค. 52 13:39:40 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เข้าเป็นตัวอย่างที่ไม่ไดี ผมไม่ได้เรียนทางด้านคอมนะ แต่ตอนเรียนป.ตรีนี่ไม่เคยมีวิชาไหนเลยที่ผมอ่านก่อนล่วงหน้าสามวัน ส่วนใหญ่จะอ่านวันวันสองวันก่อนสอบ จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 3 มี.ค. 52 14:05:56 ]

ความคิดเห็นที่ 56 อาคารกรีกโบราณ ผมดันนึกถึง Adobe มากกว่าแฮะ Delphi มันชื่อเมืองที่ตั้ง Oracle จากคุณ : โกฏิดารา (เทราสเฟียร์) - [ 3 มี.ค. 52 14:51:03 ]

ความคิดเห็นที่ 57 1x. การพยายามเก็งข้อสอบ โดยทิ้งส่วนที่ไม่ได้เก็งไว้ไป การเก็งข้อสอบก็เหมือนการซื้อล็อตเตอรี่ แม่นแค่ไหน มันก็เป็นแค่ความน่าจะเป็น ถ้าเป็นไปได้ อ่านให้ครบสักนิดดีกว่า (แต่มันยากกับเวลาอันน้อยนิดที่เหลือ ที่ต้องพยายามจัดแบ่ง พลาดมาแล้วกับตัว อ่านไม่ทัน ดันออกข้อสอบส่วนที่ทิ้งไป ทั้งๆที่อ่านก็ตอบได้แล้ว) ---------------------------------------- โดน !! ทำหลายข้อมากๆ แต่ก็จบมาได้ด้วยดีนะ ๕๕๕ assignment จะสมองไวมาก ตอนใกล้ส่ง ถ้าเป็นงานลอกไม่ได้ และ เพื่อนในกลุ่มก็ไม่สามารถ จะแปลงร่างเป็น superman ได้ในเวลาข้ามคืน อยู่ๆก็เขียนเป็น ทั้งๆที่ไม่เคยจะเป็น หนังสือสอบ ถ้าวิชาไหนอ่านล่วงหน้าเป็นอาทิตย์ได้จริงๆ เตรียมหวัง A ได้เลย เพราะปกติ ไม่เคยทำได้  เอิ๊ก จากคุณ : angpang - [ 3 มี.ค. 52 14:51:14 ]

ความคิดเห็นที่ 58 กาแฟและเพนกวิน  = Java, Linux ผู้พยากรณ์ = Oracle โลมา = MySQL สุริยัน = Sun Microsystem พื้นฐานการเห็น = VB ค บวก บวก = C++ อาคารกรีซโบราณ = Adobe, BAG (มั่ว ๆ เดา ๆ เอา อิอิ^^) มืออาชีพบ้านแผ่น = PHP ผลไม้เเมืองหนาว = Apple โทรศัพท์ข้าพเจ้า = iPhone แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 52 15:33:34 แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 52 15:27:49 จากคุณ : balahala - [ 3 มี.ค. 52 15:26:56 ]

ความคิดเห็นที่ 59 #57 ตอนเรียนวิชาที่ไม่ถนัด ผมก็ใช้วิธีเก็งข้อสอบนี่ล่ะครับ และได้ผลดีมากซะด้วย แต่วิธีเก็งของผมคือ จะให้เพื่อน weight ว่า เรื่องไหนยาก-ง่าย เพื่อที่จะตัด "เรื่องยากๆ" ออกไป แล้วตะลุยอ่านเฉพาะง่ายๆ และถ้ามีเวลาเหลือพอ ค่อยอ่านเรื่องที่ยากขึ้นไปอีกหน่อย ผลลัพธ์ก็คือ ผมได้ 10 คะแนนจาก 40 คะแนนนี้เป็นอันดับ 2 รองจากคนแรก ได้เยอะกว่าไอ้พวกที่ตะบี้ตะบันอ่านกันทั้งเล่มอีก (แถมมีเวลาเหลือไปสอยคะแนนวิชาอื่นด้วย) จากคุณ : oppertunity - [ 3 มี.ค. 52 15:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขอติงนิดนึงครับ "ก้อ" และ "ก็" ครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ผีผ้าห่ม - [ 3 มี.ค. 52 17:21:31 ]

ความคิดเห็นที่ 61 อ่านมารู้ได้เลยว่าจขกท. เป็นอาจารย์สอนเอง จากคุณ : กฤตยฎีกา - [ 3 มี.ค. 52 17:36:25 ]

ความคิดเห็นที่ 62 #60 ก็ ก้อ ใช้ได้ทั้งสองอย่างไม่ใช่เหรอ (ยังสับสนอยู่) แบบว่าเคยอ่านในนิยายนักเขียนมีชื่อ(จำไม่ได้ว่าใคร) เค้ายังใช้ "ก้อ" เลยอ่ะ จากคุณ : ชนวนกลาง - [ 3 มี.ค. 52 17:57:49 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เห็นด้วย ทุกข้อ ครับ (ที่จริง ก็ใช้ได้กับทุกวิชา อย่าว่าแต่ คอมฯ) ปล.1 จขกท. ออกทะเลเอง ปล.1.5 ว่าแต่โค้ด โอมี ใน #14 แปลว่าอะไร ปล.1.9 เอ้า มาทายของผมบ้าง จากคุณ : ราชาที่คนเกลียด (Prof.Sirius) - [ 3 มี.ค. 52 19:54:30 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อูยยยยยยย โดนข้าพเจ้า หมดเลย จากคุณ : A.R.T. - [ 3 มี.ค. 52 20:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ไม่มีความจำเป็นต้องอ่านกระทู้นี้ จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 3 มี.ค. 52 20:35:01 ]

ความคิดเห็นที่ 66 60# นักเขียนหน้าใหม่สมัยนี้ตัวเค้าเองยังเขียนผิดเลยครับ "ก็" ครับ ไม่ใช่ "ก้อ"  หรือว่าคุณพูดเล่นผมก็ไม่ได้ว่าอะไร : ) ตรงเยอะแหะ เพื่อนผมที่เรียนช้ากว่าผมตัวนึง เอาแลปผมที่เคยทำไว้ไปส่งอาจาร์ย ตัวแปรก็ไม่เปลี่ยน อาจาร์ยยังให้เต็ม 100 เลยครับ : P ขอถามหน่อยครับ มหา'ลัยอื่นเหมือนกับมหาลัยผมไหม ถ้าจับคนลอกแลปได้ทั้งต้นฉบับและคนลอก -50 (ลบจาก 0 นะครับ) เพื่อนผมเอาแลปไปส่ง อยู่ดีๆวันคืนแลปโดนหักคะแนน เพราะไม่รู้ใครมันเอาไปลอก ฮ่วย !! จากคุณ : กระดาษไม่มีเยื่อ - [ 3 มี.ค. 52 20:36:54 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เจอมาหลายแบบหลายวิธีครับ ทั้งทำเอง ท้งจับนักเรียนได้ หลายอย่างบอกนักเรียน อย่าทำเลยนะ สิ่งที่ทำหน่ะ ครูทำมาหมดแล้ว ก็ยังมีมาให้เห็น ผมให้เขียนโปรแกรม พอลอกของเพื่อนมา จากการคำนวณง่าย ๆ ว่าให้ลองเปลี่ยนค่าเช่น ตัวแปรของ ภาษีชื่อ VAT ให้ลองเปลี่ยนเป็นชื่ออื่น (ทำไม่ได้) กำหนดให้ค่าคงที่เป็นเลขประจำตัว นศ. หลายคนเลขประจำตัวเดียวกับเพื่อน อีกหลาย ๆ อย่างครับ นึกย้อนไปสมัยเราทำแล้วส่งครู ที่ครูไม่พูดแต่คงรู้แหละ ดังนั้นคิดได้ตอนมาเป็นครูเองว่า คิดจะตบตาครูนั้นมันยากเสมอ ผมเคยกล่าวเตื่อนนักเรียนเรื่องส่งงาน ทำไมไม่ทำในช่วงเวลาที่กำหนดให้ ชอบมาทำในตอนที่จะถึงกำหนดส่งแล้ว งานจะมีคุณภาพได้อย่างไร พูดเสร็จออกมานอกห้อง มาเจออาจารย์ผมเองแอบยืนฟังอยู่แล้วท่านถามมาว่า "สมัยพวกแกเรียนหล่ะ ทำตัวแบบนี้ไหม ไม่ต่างกันเลย ผมเองด่าพวกคุณมา ยังจำได้ไหม" จากคุณ : @Server ! maN@ - [ 3 มี.ค. 52 21:04:44 ]

ความคิดเห็นที่ 68 63. เนโร รึเปล่า? มั่วนะ แหะๆ จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 3 มี.ค. 52 21:18:16 ]

ความคิดเห็นที่ 69 นึกแล้วก็ขำ มีครั้งหนึ่ง นศ.มาส่งรายงานให้ผม โดยถ่ายเอกสารของเพื่อนแล้วใส่ปก ส่งเลย ผมอึ้ง แต่ก็ตรวจและให้คะแนน ตามคุณภาพของรายงานฉบับนั้น แต่.... ผมให้คะแนนติดลบ รายงานเล่มนั้นควรได้ 8/10  ผมก็กรอกคะแนนลงไปเป็น -8/10 ซะ เพราะถือเป็ฯการใช้เทคโนโลยีไปในทางที่ผิด เหอๆๆๆ จากคุณ : JEA - [ 3 มี.ค. 52 22:21:28 ]

ความคิดเห็นที่ 70 กลับมาบ้าน เปิดดู ปรากฏว่า โอ้ว เป็นกระทู้แนะนำ ไม่ได้เขียนขึ้นกระทู้แนะนำมากี่ปีแล้วเนี่ย จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 3 มี.ค. 52 22:26:20 ]

ความคิดเห็นที่ 71 กาแฟและเพนกวิน  = Java, Linux ผู้พยากรณ์ = Oracle โลมา = MySQL สุริยัน = Sun Microsystem พื้นฐานการเห็น = VB ค บวก บวก = C++ อาคารกรีซโบราณ = Adobe, BAG (มั่ว ๆ เดา ๆ เอา อิอิ^^) มืออาชีพบ้านแผ่น = PHP ผลไม้เเมืองหนาว = Apple โทรศัพท์ข้าพเจ้า = iPhone แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 52 15:33:34 แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 52 15:27:49 จากคุณ : balahala - [ 3 มี.ค. 52 15:26:56 ] ถูกเกือบหมดครับ จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 3 มี.ค. 52 22:30:05 ]

ความคิดเห็นที่ 72 จบมา 2ปีแล้ว ครับ ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปเอาเล่มโปรเจค.... สะเทือนใจ เข้าตัวเกือบทุกข้อเลย... จากคุณ : Mirio_Boat - [ 3 มี.ค. 52 22:33:10 ]

ความคิดเห็นที่ 73 อาคารกรีซโบราณ  ....ผมนึกถึง พาเธนอน น่ะครับ เพราะเป็นรูปแบบโครงสร้างอาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดของกรีซแล้ว ถ้า เดลฟาย จะนึกถึงเมืองในประเทศกรีซโบราณ ที่บูชาเทพอพอลโล ---------------------------------------- อาคารกรีกโบราณ ผมดันนึกถึง Adobe มากกว่าแฮะ Delphi มันชื่อเมืองที่ตั้ง Oracle ---------------------------------------- ที่เฉลย Delphi พวกเวลา Compile เสร็จ Icon จะเป็นรูปตึกกรีกโบราณ (ที่มีสัดส่วนเป็น phi) น่ะครับ จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 3 มี.ค. 52 22:34:03 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เพื่มไม่ให้กระทู้ออกทะเลไปมากกว่านี้ ข้าพเจ้าขอเล่นเกมต่อในกระทู้ใหม่ครับ จากคุณ : Anna_NSW - [ 3 มี.ค. 52 22:58:54 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เห็นด้วย ทุกข้อ ครับ (ที่จริง ก็ใช้ได้กับทุกวิชา อย่าว่าแต่ คอมฯ) ปล.1 จขกท. ออกทะเลเอง ปล.1.5 ว่าแต่โค้ด โอมี ใน #14 แปลว่าอะไร ปล.1.9 เอ้า มาทายของผมบ้าง ----------------------------------- โอมีเป็นชื่อครับ ทายไม่ถูกอ่ะครับ แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 52 23:00:22 จากคุณ : Anna_NSW - [ 3 มี.ค. 52 23:00:07 ]

ความคิดเห็นที่ 76 คิดถึงตอนทำโปรเจคจบ..บังคับให้ใช้ภาษาปาสคาลเขียน.. อยากจะบ้า...คือเข้าใจนะว่ามันเป็นพื้นฐาน.. แต่อยากทำอะไรที่มันทันสมัยกว่านี้..ใช้ในงานปัจจุบันได้.. ปาสคาลมันโบราณเกิน แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 52 13:01:49 --------------- เสียดายน่าจะให้ใช้ Delphi ได้ เพราะ DElphi ใช้ Object-Oriented Pascal ครับ จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 3 มี.ค. 52 23:03:34 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ขอติงนิดนึงครับ "ก้อ" และ "ก็" ครับ ขอบคุณมากครับ ---------------------------------- ส่วนตัวผมใช้แบ่งโทนเสียงครับ ใช้ "ก็" คือจริงจัง "ก้อ" คือบอกเฉยๆ จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 3 มี.ค. 52 23:05:36 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เห็นด้วย ทุกข้อ ครับ (ที่จริง ก็ใช้ได้กับทุกวิชา อย่าว่าแต่ คอมฯ) ปล.1 จขกท. ออกทะเลเอง ปล.1.5 ว่าแต่โค้ด โอมี ใน #14 แปลว่าอะไร ปล.1.9 เอ้า มาทายของผมบ้าง จากคุณ : ราชาที่คนเกลียด (Prof.Sirius) King Philip หรือเปล่าครับ จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 3 มี.ค. 52 23:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 79 อ่านมารู้ได้เลยว่าจขกท. เป็นอาจารย์สอนเอง ฮ่าฮ่าฮ่า จากคุณ : กฤตยฎีกา ใช่แล้วครับ ดูจากสีหน้าเด็กตอนสอบแล้ว เทอมนี้น่าจะทำสถิติใหม่ (ตกเยอะสุดในรอบหลายปี) จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 3 มี.ค. 52 23:21:56 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เห็นประสบการณ์ของ อ. หลายท่านในนี้แล้วน่าเห็นใจครับ ตัวผมเอง ก้อลองใช้เทคโนโลยี เข้าสู้เช่น ให้ส่งงานใน Web มี Timestamp รู้ว่าใครส่งก่อนได้ จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 3 มี.ค. 52 23:31:21 ]

ความคิดเห็นที่ 81 จาน สุพจน์ ป่าวเนี่ย จากคุณ : ขยะสังคม - [ 3 มี.ค. 52 23:36:39 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เข้าไปแล้ว 5 ข้อ..... จากคุณ : บ้านอยู่ kokat (บ้านอยู่ korat) - [ 3 มี.ค. 52 23:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 83 Oracle ต้อง แม่เฒ่าพยากรณ์สิ  ทำเป็นไม่เคยดู matrix ไปได้ จากคุณ : boat (boatiso9002) - [ 4 มี.ค. 52 01:06:14 ]

ความคิดเห็นที่ 84 oppertunity : แล้วจบมาแล้วเป็นไงหรอครับ ทำงานได้ดีแค่ไหน ? ถ้าต้องทำอะไรยากๆ หระ ? ถ้าตอ้งทำงานกับคนอื่นมั่นใจว่าไม่เป็นตัวถ่วงหรอครับ ? ถึงคนตะบี้ตะบันอ่านจะได้คะแนนน้อยกว่าแต่เค้าก็รู้อะไรเพิ่มขึ้น(นั่นแหละเหตุผลของการไปเรียน ไม่ใช่เกรดในกระดาษ) ปล. ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมเกลียดไอ้ความคิดเรืองการเรียนเพือเอาเกรดเป็นที่ตั้งมากกว่าเรียนเพือให้ได้รู้อะไร จากคุณ : boat (boatiso9002) - [ 4 มี.ค. 52 01:10:21 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ห้า ห้า ห้า  ได้ เจ็ดเต็มสิบ กร๊ากกกกกก จากคุณ : aGGro - [ 4 มี.ค. 52 01:15:32 ]

ความคิดเห็นที่ 86 84# อย่างน้อยเกรดมันก็สามารถพิสูจน์ความ มานะ อดทน ของตัวนักศึกษาได้หนิครับ : ) จากคุณ : กระดาษไม่มีเยื่อ - [ 4 มี.ค. 52 01:33:44 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 4 มี.ค. 52 02:09:44 ]

ความคิดเห็นที่ 88 อาคารกรีซโบราณ python ป่ะครับ จากคุณ : nuupar20 - [ 4 มี.ค. 52 02:26:54 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ^ ^ ผมว่าถูก จากคุณ : Prof.Sirius - [ 4 มี.ค. 52 02:42:38 ]

ความคิดเห็นที่ 90 รุ่นผมไม่มีเรียนพวกนี้...555 แต่ดีจังที่มีพวกนี้ให้เราได้เล่น จากคุณ : granun - [ 4 มี.ค. 52 03:30:43 ]

ความคิดเห็นที่ 91 เคยเจอ อ.กำหนดส่งงานก่อน 9 โมงเช้า แต่ไม่รู้ยังไงตัวเองฟังเป็นก่อนเที่ยง ก็เลยไปส่งซะใกล้ๆเที่ยง ปรากฏว่า อ.ไม่ยอมรับงาน ทั้งๆที่เป็นงานที่ตั้งใจทำสุดๆ(หวังจะได้คะแนนมากสุด) แต่ก็กลับเป็นงานชิ้นที่ไม่ได้คะแนนเลย เจ็บใจมาก อ้อนวอน อ.แค่ไหนก็ไม่ยอม (โชคดีที่ตอนนั้นมีเพื่อน 2-3 คนที่โดนเหมือนกัน ก็เลยมีเพื่อนร่วมชะตากรรมไปด้วย) แต่อันนี้ก็โทษหูตัวเองล่ะนะ ที่ดันฟังไม่ดีเอง จากคุณ : kkm (กุ้งมังกรน้อย) - [ 4 มี.ค. 52 10:44:18 ]

ความคิดเห็นที่ 92 เรื่องจริงทั้งนั้นเลย ฮาดีครับ แฝงข้อคิดดีด้วย ชอบๆๆ จากคุณ : แสงเรืองรองของฟ้าหลังฝน - [ 4 มี.ค. 52 11:05:14 ]

ความคิดเห็นที่ 93 นึกถึงตัวเองตอนเรียนเลยแฮะ จากคุณ : babu_radio - [ 4 มี.ค. 52 11:11:58 ]

ความคิดเห็นที่ 94 อาจารย์ที่มหาลัยผม แกเขียนโปรแกรมไล่โฟลว์ชาร์ตโปรแกรมอีกทีครับ ถ้านักศึกษาคนไหน แค่เปลี่ยนชื่อตัวแปร จัดลูปใหม่นิดหน่อย อะไรพวกนี้ ไม่รอดแน่ๆ แทรคเห็นกันชัดๆเลยว่าเหมือนกันเด๊ะ โหดมาก T_T จากคุณ : robbiepit - [ 4 มี.ค. 52 11:13:42 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ครับ ก็จริงนะครับ 10 ข้อ ใช้ได้กับทุกสาขาด้วย เพียงแต่ว่าถ้าพูดในกระทู้นี้ skill computer มันมีกว้างมากเลย บางคนชอบ network มากๆ แต่เกลียด database เกลียด programming ก็มีนะครับ รุ่นพี่ผมบางคนสอบ ccdp แล้ว แต่ไม่เคยจับ mysql หรือ oracle เลย เวลาเรียนดาต้าเบสนั่งหลับหลังห้อง (ผมเรียนกับพี่เขาด้วยเพราะว่าพี่เขาตกรอบแรก)ข้อสอบภาษาไทย เกรดออก ได้ D คะแนนได้ 50 แต่วิชา Advance Network คะแนนได้ 98 ข้อสอบภาษาอังกฤษ ความเห็นส่วนตัวนะครับ ..... ผมไม่ชอบวิธีการเรียนเพื่อสอบ แต่ผมชอบวิธีการที่ฝึกฝนทุกๆวันจนชำนาญมากกว่า เช่น ตอนนี้ความรู้ช่วงที่ผมมีตอนปี 1 มันก็หายไปหมดแล้ว เพราะสอบเสร็จ เกรดออก...... ผมก็พร้อมจะลืมเนื้อหาที่ไม่ชอบทันที ......ผมว่าคงเป็นแบบนี้กันเยอะแหละ สอบเสร็จก็ลืม ก็ไม่ได้หมายถึงทุกคนหรอกนะครับ แต่ส่วนใหญ่ที่เจอจะเป็นแบบนั้น เด็กๆที่เรียนทุกๆคนเขาก็อยากทำงานด้วยตัวเองอยากเก่งด้วยตัวเองทั้งนั้นแหละครับ แต่การวัดผลแบบนี้ ทำให้เด็กต้องวิ่งไปหาผลของมัน นั่นก็คือ เกรด A ย้ำครับ ความคิดเห็นส่วนตัว จากคุณ : sillygang - [ 4 มี.ค. 52 11:58:49 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ..ผมเป็นแบบความคิดเห็นที่ 95 ครับ วิชาไหนไม่ชอบ สอบเสร็จมันไม่เหลืออยู่ในหัวอีกเลย.... จากคุณ : Rancrosider - [ 4 มี.ค. 52 12:38:05 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ยืนยันเฉลยครับ เสร็จแล้วกลับเข้าเนื้อหาหลัก กาแฟและเพนกวิน  = Java, Linux ผู้พยากรณ์ = Oracle โลมา = MySQL สุริยัน = Sun Microsystem พื้นฐานการเห็น = Visual Basic ค บวก บวก = C++ อาคารกรีซโบราณ = Delphi มืออาชีพบ้านแผ่น = PHP ผลไม้เมืองหนาว = Apple โทรศัพท์ข้าพเจ้า = iPhone จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 4 มี.ค. 52 13:24:34 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ประเด็นที่ว่า ชอบ network แต่ไม่เขียนโปรแกรมเลย ไม่น่าจะยุติธรรมนัก เพราะคนที่เรียนเขียนโปรแกรม เค้าก้อต้องเรียน Network ด้วยอยู่ดีอ่ะครับ ใจไม่รักไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยๆ ต้องรู้บ้าง เค้าถึงกำหนดว่าให้คะแนนผ่านอยู่ที่ 50% +- ไงครับ การเรียนที่แท้จริง ไม่ได้หวังให้จบไปเป็นโปรแกรมเมอร์หรือ DBA แต่อยากให้เรียนวิธีคิด อย่างเป็นระบบ วิธีการทำงานที่มีขั้นตอน และ ตรรก ต่างหากล่ะครับ เช่นตอนเรียน MIS ก็เกือบตายเหมือนกัน ท่องกันทั้งเล่ม พวก Geek โปรแกรมมิ่งแทบดับ แต่ยังไงก้อต้องเรียน เผื่ออีก 10 ปีได้เป็นผู้บริหาร จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 4 มี.ค. 52 13:34:39 ]

ความคิดเห็นที่ 99 รวบรวม ------------------------------------------------------------------ 9. Recycle วิธีนี้ใช้ได้กับการดูแลสภาพแวดล้อม แต่ใช้กับการเรียนไม่เวิร์ค เอาโค้ดเพื่อนมาลอก แก้ตัวแปร สลับบรรทัด เปลี่ยนชื่อ class หรืออะไรทำนองนั้น มุขนี้ ใช้กันมาตั้งแต่อาจารย์ยังเป็นนักศึกษาโน่นแล้ว ไม่รอดแน่ อาจารย์รู้ตั้งแต่เห็นชื่อโฟลเดอร์แล้วมั้ง ขออนุญาต ไปรวมกับข้อ 3 นะครับ --------------------------------------------------------------------- 11.งานด่วนมาก่อนงานใหญ่ บ้านตัวเองไม่แข๊ง อย่าริไปตีบ้านคนอื่น เรียน ไม่เก่ง อย่าริทำกิจกรรมมาก (- -'') เจอมากะตัวเอง ในห้องสอบ กิจกรรมที่รุ่นพี่ให้้ซ้อม ๑ ทุ่ม ถึง ๓ ทุ่ม ทุกวันไม่ช่วยอะไรเลย (ยกเว้นคนที่ เก่งทัั้งเรียนและทำกิจกรรม) ถ้าไม่แข๊งจริง เอาเวลาไปหาความรู้ดีกว่า ไม่มีใครจะรักเราเท่าตัวเราเอง ถ้ามั่นใจว่าเรียนเก่งแล้ว พิ้นฐานแน่น ที่บ้านมีกิจการ  ไม่สนเกรด ทำกิจกรรมได้เต็มที่เลย ผมเองก้อนักกิจกรรมครับ สนับสนุนให้ทำแต่ไม่ใช่ทุ่มสุดตัว การเรียนคือมื้อใหญ่ส่วน กิจกรรมคือของว่างครับ ทานแต่ของว่าง จะโตได้อย่างไร --------------------------------------------------------------------- 12.OPEN SOURCE ความคิด:อาจจะใช้ได้ผลในเวลา LAB ดังนั้นเวลาสอบ การ Open Source ให้คนอื่นนั้น ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนัก ความจริง:ทุจริตปรับตกทุกรายวิชา #### เวลาทุจริตคนลอกกับคนให้ลอก โดนเท่ากันครับ  #### --------------------------------------------------------------------- 12. ดองโปรเจคจบ ผ่านจนครบตามหลักสูตร เหลือแต่โปรเจตจบ ไม่ยอมทำ ดองเอาไว้ แล้วไปหางานทำ เลยไม่มีเวลาทำโปรเจค ผลคือ แทบไม่จบ ไปกราบกรานรุ่นพี่ให้มาช่วย ถึงจบได้แบบฉิวเฉียด #### เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถ้ารุ่นพี่ไม่ช่วยอาจจะได้รับปริญญาปีหน้าแทน  #### --------------------------------------------------------------------- 13. เกลียดภาษาอังกฤษ ความคิด : ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่, กลัว ความ จริง : ก็เทคโนโลยีมันมาจากฝรั่ง จะให้ resource มันเป็นภาษาไทยทั้งหมดได้ยังไง แค่นั่งอ่าน text ก็ตามก้นฝรั่งเป็นสิบปี นี่ขืนต้องมารอให้แปลไทยด้วยเนี่ย ไปขายเต้าฮวยเหอะ อย่ามาเรียนให้เสียเวลา #### เห็นด้วยที่สุดครับ #### --------------------------------------------------------------------------- 14. การพยายามเก็งข้อสอบ โดยทิ้งส่วนที่ไม่ได้เก็งไว้ไป การเก็งข้อสอบก็เหมือนการซื้อล็อตเตอรี่ แม่นแค่ไหน มันก็เป็นแค่ความน่าจะเป็น ถ้าเป็นไปได้ อ่านให้ครบสักนิดดีกว่า (แต่มันยากกับเวลาอันน้อยนิดที่เหลือ ที่ต้องพยายามจัดแบ่ง พลาดมาแล้วกับตัว อ่านไม่ทัน ดันออกข้อสอบส่วนที่ทิ้งไป ทั้งๆที่อ่านก็ตอบได้แล้ว) กว่าค่อนของข้อสอบวิชา Computer เป็นคำถาม Apply ครับ ดังนั้น คำตอบจะไม่ชัดเจน ว่า ถามเรื่องอะไรบทไหน แต่ถามหา Solution แทน ดังนั้น การไม่รู้บาง Topic เช่น การเขียน Code เปิด Connection สู่ Database ถ้าไม่รู้ ในห้องสอบก้อศพไม่สวยแหง ---------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : รวบรวม (Anna_NSW) - [ 4 มี.ค. 52 13:59:02 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ครับผม ก็เพราะความไม่ชอบนั่นแหละครับ มันเลยเกิด กรณี 1-10 อย่างที่อาจารย์พิมพ์มาไงครับ....... สาเหตุมันมาจากการ ฝืนใจ ทั้งนั้นแหละครับ ฝืนใจที่จะอ่าน ที่จะทำการบ้าน เพราะมันไม่ใช่ skill ที่รัก ฝืนใจที่จะเข้ามาถามอาจารย์ (เพราะรู้สึกเหมือนว่า อาจารย์คือคนที่เข้ามาเล่าเนื้อหาเฉยๆไม่ได้พิเศษอะไรไม่อยากถาม google มี) ลูกศิษย์บางคนเก่งกว่าอาจารย์ อาจารย์รู้เฉพาะในคลาส ในสิ่งที่เขาสอน ลูกศิษย์ไปเจอของจริงมาแล้ว รับเทคโนโลยีทุกวัน หรือบางคนอคติแบบไร้เหตุผล(เช่นเห็นอาจารย์สวยกว่าแล้วดันปากร้าย) ก็กลายเป็นว่าไม่มีอารมณ์ฟิลลิ่งที่ดี กับวิชานั้นๆไปหมดทุกอย่าง ...... สุดท้าย..... จุดหมายปลายทางมีอยู่แล้ว คือทำข้อสอบให้ได้ .....เพื่อจะได้ไม่ตก.... ก็แค่นั้น ทุกคนรู้ตรงจุดนี้ดี...... .........(จริงๆมันไม่เลวร้ายขนาดที่ผมเล่าหรอกนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ)...... พี่ผมที่เล่าให้ฟัง อาจารเขาก็ assign งานกลุ่มให้ แต่เขาทำไม่ได้เลย แล้วคนในกลุ่ม(เพื่อนๆผมที่อยู่กลุ่มกับพี่) เขาก็ไม่ไว้ใจให้พี่เขาทำงานด้านนี้ครับ(ดาต้าเบส) เพราะอะไรก็รู้ๆกัน  กลับกันวิชา network มีแต่คนอยากเข้ากลุ่มกับพี่เขา..... ที่ผมโพสให้อาจารย์อ่าน จากมุมมอง นศ ก็เป็นความเห็นส่วนตัว+ประสบการณ์ ที่อยากให้เห็นถึงสาเหตุที่มีผลให้เกิด 1-10 นี่แหละครับว่ามันเกิดมาจากอะไร (ในมุมมองของผม หรือ นศ นะครับ) ถ้า นศ เขารัก skill ด้านไหน นศ เขาก็ไปหาความรู้ "ลองของจริง" ด้านนั้นเองทั้งนั้นแหละครับ ตัวอาจารย์เองก็แทบไม่ต้องฝืนสั่งงานที่ นศ ไม่ชอบเลย ......แต่ก็ไม่ใช่หมายถึง นศ ทุกคนที่จะไป ลองของจริง ด้วยตัวเองนะครับ ข้อจำกัดแต่ละคนไม่เหมือนกัน .................. ส่วนวิธีแก้ปัญหา ผมคิดว่าไม่มีหรอกครับ นศ ต้องฝืนใจเรียนเท่านั้น เพราะคนอื่นๆก็เรียนกันได้...... ทุกคณะสาขาภาควิชา นศ ต้องเจอวิชาที่ไม่ชอบกันหมด เพราะ.......เราเรียนหนังสือกันแบบนี้ครับ คลุมๆเอาไว้เยอะๆ.... จริงๆมันก็เป็นสัจธรรมแหละ เรียนจะให้ถูกใจ คนเรียนหมดเลย มันเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องมีอะไรแย่ๆหรือเกลียดๆบ้าง ปนๆกันไป รสชาติของการเรียน ....... เหมือนพวกศิลปกรรม ที่เขาต้องเรียน stat คิดว่ายังไงครับลองเดาดู..... จะมีสักกี่คนที่จะอ่านหนังสือ stat ทุกวัน(ศิลปกรรม) เพื่อเตรียมสอบ (เหมือนปัญหาข้อ 1) ก็คงไปอ่านกันท้ายๆ ใกล้วันสอบโน่นแหละครับ ถ้าเป็นข้อสอบช๊อยบางคนไม่อ่านเลยด้วยซ้ำ พอสอบเสร็จปุ๊บ ก็พร้อมจะลืมปั๊บ.... และจะไม่มีการไปถามอะไรเกี่ยวกับ stat กับเด็กศิลปกรรมได้เลย .... ไม่ได้ดูถูกหรือมองในแง่ร้ายนะครับ อันนี้เจอมากับตัวแล้วประสบการณ์เลย กลับกัน เราจะเห็นพวกเขานั่งทำ โฟโต้ชอป นั่งปั้นดินอยู่ด้วยซ้ำ ในกิจกรรมของเขาทุกๆวัน ....บางครั้งอาจารย์ก็ไม่ได้สั่ง แต่มันทำเพราะใจรักจะทำ.............. แต่ปัญหาส่วนหนึ่งก็มาจากเทคโนโลยีมันเข้าถึงด้วย อะไรก็ง่ายไปหมด นศ ก็เลยมักง่ายกันครับ.....สมัยก่อนมันคงจะหาความรู้ได้ยากกว่านี้ นศเลยมีความพยายามสูงกว่า สมัยนี้ google ครับ จากคุณ : sillygang - [ 4 มี.ค. 52 14:23:36 ]

ความคิดเห็นที่ 101 จิงๆผมก็คิดแบบ sillygang นะครับ แต่การเรียนหลายๆด้านเนี่ย อย่างน้อยมันก็จะย้ำตัวเราว่า จริงๆแล้วเราชอบอะไร ถนัดอะไร ถ้ามันทำให้ผมรู้ได้ว่าผมชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ละจะเลือกเดินทางไหน การติด F ในวิชาที่ไม่ชอบ ผมก็ยอมครับ หุหุ คิดซะว่าเป็นเรื่องขำขำ เผื่อเรียนซ้ำๆ ละจะติดใจอะไรทำนองนั้น จากคุณ : ฟลุ๊ก (dybydx) - [ 4 มี.ค. 52 14:38:50 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ^ ^ ^ ^ อันนี้เข้าใจ และสนับสนุน ถ้ามีงานที่ชอบที่เป็นเรื่องเป็นราว แต่บางคน(ส่วใหญ่)มันไม่เอาอะไรเลย วันๆ เอาแต่เที่ยวผับ, Hi5, วินนิ่ง, Couter Strike, Panya ถ้ามีวิชา IT Consumer มันคงได้ A+ จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 4 มี.ค. 52 14:41:16 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ^ ^ ^ ^ D หรือ C ก้อพอแล้ว จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 4 มี.ค. 52 14:42:39 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ถ้าเป็นอย่าง #102 อย่างที่ อาจารย์ว่า ผมก็เห็นด้วยครับ บางคนเรียนคอมพิวเตอร์ แต่ ลงโปรแกรมไม่เป้นก็มีนะครับ แ้ล้วก็จะให้ผมสอนอยู่นั่นแหละ (มึ...เรียนคอมนะเว้ย) - -' แต่เรื่องแต่งรถนี่ขอให้บอก เทพเชียว ล้อทองลงยังไง เครื่องผ่ายังไง โอ้โห... ถามมัน แล้วมึ...มาเรียนคอมทำไม ที่บ้านให้เรียนมั่งละ เห็นบอกว่าทำงานคอมเงินเดือนดี มั่งละ ฯลฯ เซ็งครับ เซ็งๆๆๆ จากคุณ : sillygang - [ 4 มี.ค. 52 15:21:17 ]

ความคิดเห็นที่ 105 555+ ได้ ความรู้ไม่พอ ได้ใช้ ขมองเสื่อมๆ ทายชื่อ จขกท. อีก จากคุณ : ก้นกบ - [ 4 มี.ค. 52 15:45:55 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เคยเจอมาตั้งแต่สมัยเรียนเลย โดนขโมยโค้ดไป แล้วยังหน้าด้านมาถามวิธีแก้ไขโค้ด (เพราะเอาไปโมฯแล้วบั๊กบาน) เนียนซะว่าเจ้าของโค้ดไม่รู้ (ตรูจะไม่รู้ได้ไงฟะ) อันนี้ย่ำแย่มาก ส่วนความสามารถต่อให้จบได้มักเห็นผลตอนมาสมัครงานเสมอ ข้อสอบที่ให้ทำมันง่ายแสนจะง่าย พื้นฐาน logic กับ data structure แค่นั้น แต่ 60% ของผู้สมัครส่วนใหญ่ทำถูกไม่ถึงครึ่งเฮ้อ... ถ้าน้องๆคนไหนได้อ่านความเห็นของพี่นะคะ จำไว้เลยว่าเวลาเรียนอย่าเข้าข้างตัวเอง อย่าคิดว่าไม่ชอบวิชาไหนแ้ล้วไม่เรียน แล้วก็บอกว่าจบไปไม่ทำหรอกเรื่องพวกนี้ หรือไม่ก็มาโทษว่าแผนการเรียนจะมีวิชานี้ไว้ทำไม โดยมากในวิชาที่อยู่ในสายคอมฯ พี่เชื่อว่าส่วนใหญ่จะวางหลักสูตรไว้ค่อนข้างครบถ้วน ยากง่ายก็คงตามความถนัดของตนเอง การเรียนสายวิชานี้ให้ประสบความสำเร็จมันอยู่ที่ประสบการณ์ ประสบการณ์ได้จากการฝึกฝน การฝึกฝนก็มาจากความพยายาม และประโยชน์ก็ไม่ได้อยู่ที่ใคร อยู่ที่เราทั้งนั้น จริงไหมคะ ^_^ จากคุณ : setsu-chin - [ 4 มี.ค. 52 16:12:40 ]

ความคิดเห็นที่ 107 สมัยผมเรียน ไม่ค่อยเข้าห้องเรียนก็จริง แต่นั่งอยู่ข้างๆห้องเรียนนั่นแหละ ก็มันเป็นห้องคอมของคณะ เขียนเว็บมั่ง ลงโปรแกรมมั่ง Install อะไรเล่นไปเรื่อย จากคุณ : NATSKI13 - [ 4 มี.ค. 52 16:35:51 ]

ความคิดเห็นที่ 108 1.Java&Linux : กาแฟและเพนกวิน 2.Oracle : ผู้พยากรณ์ 3.MySQL : โลมา 4.Sun Microsystems || Solaris : สุริยัน 5.Visual Basic : พื้นฐานการเห็น 6.C++ : ค บวก บวก 7.Delphi : อาคารกรีซโบราณ 8.PHP (Personal Home Page) : มืออาชีพบ้านแผ่น 9.Apple : ผลไม้เเมืองหนาว 10.IPhone : โทรศัพท์ข้าพเจ้า to คห 88 Python แปลว่างู ค่ะ สมัยเรียนเคยเป็นแบบนี้เหมือนกันช่วงเอ๊นทรานซ์ติดใหม่ๆ แต่พอเกรดเทอมแรกแย่ ก็ฟิตๆ เห็นเกรดตัวเองปัจจุบันยังเสียดาย ไ่ม่น่าโดนเกรดเทอมแรกฉุดเร้ยย T^T อายเร้ย  ตอบไม่ทัน จขกท เฉลยไปแหล่ว -///- แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 52 16:39:13 แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 52 16:38:20 จากคุณ : Rumbles - [ 4 มี.ค. 52 16:37:18 ]

ความคิดเห็นที่ 109 กว่าจะจบมานี่ทรมาน ไม่ได้เปนสายการเรียนที่ชอบ แต่ต้องเรียน เคยทำงานดึกแบบติดๆกันเปนอาทิตย์ นั่งทำงานแบบว่าหันมามองเพื่อนๆ นอนกันเปนปลาเค็มตากแห้งเต็มห้องไปหมด อาจารย์ยังบอกว่าทำไปเหอะ ผมยังไม่เคยเหนใครตายเพราะนอนดึก T_T เรียนไม่เก่ง ไม่ขยันมาก แค่ไม่สบายใจถ้างานไม่เสร็จ อยากจบมาทำงานไวๆ เพราะไม่มีใครเลี้ยง ไม่มีใครส่งเรียน วันนี้ทำงานสมใจแล้วค่ะ วิชาที่หวาดกลัวแหละ ทำมันอยู่ทุกวันเนี่ย แต่ก้อขอบคุณความมานะของตัวเอง เมื่อเห็นเงิน จากคุณ : maikeet - [ 4 มี.ค. 52 16:40:24 ]

ความคิดเห็นที่ 110 อยากจะบอกว่าทำมาทุกข้อแล้วแหละ จากคุณ : ก้านดอกบัว - [ 4 มี.ค. 52 19:11:39 ]

ความคิดเห็นที่ 111 8.PHP (Personal Home Page) : มืออาชีพบ้านแผ่น ====== มืออาชีพมาจากไหน? จากคุณ : สะบัดหน้า - [ 4 มี.ค. 52 19:20:58 ]

ความคิดเห็นที่ 112 #111 Professional Home Page ไงครับ มันเป็นได้ทั้ง สองอันแหละ จากคุณ : sillygang - [ 4 มี.ค. 52 19:47:25 ]

ความคิดเห็นที่ 113 วันก่อนผมเจอข้อสอบปราบเซียนตอนไฟนอล ข้อเดียว 100 แต้ม โจทย์ประมาณ 4-5หน้า กระดาษเปล่าอีก 6 แผ่น จุกเลยครับ -*- จากคุณ : PaND@_BIG - [ 4 มี.ค. 52 20:36:29 ]

ความคิดเห็นที่ 114 NSW นี่ที่ sydney ป่าวคับ จบวิดวะคอม ตอนนี้ขับรถส่งข้าว   จะจบมาทำไม่วะเนี่ยกรู จากคุณ : apadechi - [ 4 มี.ค. 52 22:05:23 ]

ความคิดเห็นที่ 115 NSW นี่ที่ sydney ป่าวคับ จบวิดวะคอม ตอนนี้ขับรถส่งข้าว   จะจบมาทำไม่วะเนี่ยกรู ------------------------------------------------- ไม่ใช่ 2 แต่เป็น 3 ครับ จากคุณ : ทายสิว่าผมจบที่ไหน (Anna_NSW) - [ 4 มี.ค. 52 22:54:47 ]

ความคิดเห็นที่ 116 เค้าถามดี กรูจะตอบเป็น Code ทำไมฟะเนี่ย จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 4 มี.ค. 52 22:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 117 แสดงว่าผมเป็นคนค่อนข้างชอบวิชาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เลยนะเนี่ย เพราะวิชาที่เรียนกว่า 85% นี่ผมชอบนะ และกว่า 65% ผมเอามา apply ใช้ทำงานทุกวันนี้อยู่เลยนะ ไม่ว่าจะเรื่องตั้งแต่ดิจิตอลพื้นฐาน โครงสร้างข้อมูล Database OOP OOAD Network Algorithm Security Web OS จากคุณ : rsquare (rungwiroon) - [ 4 มี.ค. 52 23:17:58 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ^ ^ ^ บางที สิ่งที่เรียนมา ไม่คิดว่าจะได้ใช้ ก้อได้ใช้ครับ เช่น ผมเคยทำ Term Project เป็น Binary file (โปรแกรม บันทึก Stock อย่างง่าย) ยังคิดอยู่เลย ว่าเรามี Database แล้ว จะทำไปทำไม ปรากฏว่า จบมาเป็นสิบปี ได้ใช้ตอนที่ต้องแกะฐานข้อมูลลูกค้า จากโปรแกรมบัญชี (ที่เก็บเป็น Binary) นั่นละ จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 5 มี.ค. 52 00:29:31 ]

ความคิดเห็นที่ 119 #117 ดีแล้วครับ ถือว่าประสบความสำเร็จในการเรียนครับ เอามาใช้เยอะขนาดนั้นจริง ทำงานเมืองนอกได้สบายเลยครับ งานพวก core base พวกนี้ใช้พัฒนา system ที่เป็นสเกลใหญ่ๆได้ครับ ขอชื่นชมนะครับถือว่าประสบความสำเร็จในการเรียนและได้เรียนในสิ่งที่ชอบและตรงใจ แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 52 03:32:00 จากคุณ : sillygang - [ 5 มี.ค. 52 03:12:16 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ทำมาแล้วทุกข้อ ผมจบมาได้ไงเนี่ย จากคุณ : AW Milan - [ 5 มี.ค. 52 09:21:14 ]

ความคิดเห็นที่ 121 แว้กก ... เหมือนคุ้นๆ ว่าเคยประสบกับตัวเองทุกข้อ 55++ จากคุณ : KinkyVans - [ 5 มี.ค. 52 10:08:06 ]

ความคิดเห็นที่ 122 #119 ไม่ได้เก่งอะไรมากมายหรอกครับ ตอนทำงานแรกๆ ที่เขียนเกี่ยวกับกราฟิก 2D ที่โหลดไฟล์จากจากฟอร์แมตที่สร้างขึ้น ก็ต้องใช้ Graphics กับ Data structure ล่ะ หลังจากนั้นเขียนโปรแกรมทั่วๆไป เก็บข้อมูลออกรายงาน ก็ต้อง Analysis & Design requirement ของ user ออกมาเป็น object oriented และต่อกับ Database พอหลังจากนั้นก็ต้องเขียนโปรแกรมดึงข้อมูลจากเซอร์เวอร์ซึ่งต้องทำงานได้บน network   หลายๆรูปแบบ ก็ต้องไปดูเรื่อง Network ตอนนี้ก็ต้องทำเว็บอีก ยังไม่ได้เริ่มทำเลย อิๆ ซึ่งก็จะเห็นว่ามันต้องเอามาใช้ตั้งหลายวิชาแน่ะครับ แต่ล่ะอันกว่าจะเสร็จก็ต้องศึกษาเพิ่มพอสมควรเหมือนกันล่ะ ผมเพิ่งจบต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีกเยอะล่ะครับ จากคุณ : rungwiroon - [ 5 มี.ค. 52 10:46:06 ]

ความคิดเห็นที่ 123 อ่านไปอ่านมา รู้สึกตัวเองโง่จังเลยสำหรับการเรียนด้านนี้ แม่บอกว่าลองเรียนไปก่อนไม่ไหวเปลี่ยนได้ ก็เลยเรียนตามใจแม่มา ไปๆมาๆอีกปีก็จะจบแล้วด้วย เกรดก็ดีอีก แต่ถามว่าชอบมั้ย บอกได้เลยว่าไม่ชอบเท่าไร อยากเรียนด้านกราฟฟิคดีไซน์ มากกว่า ในห้องเรียนวาดการ์ตูนบ้างเรียนบ้าง ถึงเวลาก็อ่านไปสอบ เพื่อนติวให้บ้าง บางทีคะแนนก็ดีกว่าคนที่ติวให้อีก ตอนเรียนสถิติ กลางภาคมีแต่คนบอกไม่รู้เรื่อง ผมดันท๊อป รู้สึกชอบ ทำโจทย์แล้วสนุก พอปลายภาคเริ่มมีการใช้ฟังชั่นเข้ามา ซึ่งผมเกลียดมาก ปลายภาคเลยทำไม่ได้เลย ในห้องแลป โค้ดเขียนบ้างไม่เขียนบ้าง ... ก่อนสอบดูโค้ดของพวกที่เก่งๆ เข้าห้องสอบดันไปประยุกต์ใช้ได้อีก แต่ถ้าให้ติวคนอื่นละก็ทำไม่ได้ ชอบพวกวิชาออกแบบซอฟแวร์ออกแบบระบบ ตามความต้องการของลูกค้ามากกว่าเขียนโค้ดเอง เฮ้อ... จบไปจะทำงานได้ไหมเนี่ย จากคุณ : Kyo3 - [ 5 มี.ค. 52 12:53:04 ]

ความคิดเห็นที่ 124 อ่านแล้วให้ความคิดแน่ใจขึ้นมาอย่างน้อยหนึ่งอย่างคือถึงจบดร.ก็จะไม่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ^^" (ไม่ได้เรียนมาสายคอมฯ แต่อ่านแล้วก็สะท้อนน่าจะชวนสำนึกกันได้ไม่มากก็น้อยสำหรับนศ.) แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 52 13:23:23 แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 52 13:22:26 จากคุณ : Case Closed - [ 5 มี.ค. 52 13:22:08 ]

ความคิดเห็นที่ 125 อ่านไปอ่านมา รู้สึกตัวเองโง่จังเลยสำหรับการเรียนด้านนี้ แม่บอกว่าลองเรียนไปก่อนไม่ไหวเปลี่ยนได้ ก็เลยเรียนตามใจแม่มา ไปๆมาๆอีกปีก็จะจบแล้วด้วย เกรดก็ดีอีก แต่ถามว่าชอบมั้ย บอกได้เลยว่าไม่ชอบเท่าไร อยาก เรียนด้านกราฟฟิคดีไซน์ มากกว่า ในห้องเรียนวาดการ์ตูนบ้างเรียนบ้าง ถึงเวลาก็อ่านไปสอบ เพื่อนติวให้บ้าง บางทีคะแนนก็ดีกว่าคนที่ติวให้อีก ตอน เรียนสถิติ กลางภาคมีแต่คนบอกไม่รู้เรื่อง ผมดันท๊อป รู้สึกชอบ ทำโจทย์แล้วสนุก พอปลายภาคเริ่มมีการใช้ฟังชั่นเข้ามา ซึ่งผมเกลียดมาก ปลายภาคเลยทำไม่ได้เลย ในห้องแลป โค้ดเขียนบ้างไม่เขียนบ้าง ... ก่อนสอบดูโค้ดของพวกที่เก่งๆ เข้าห้องสอบดันไปประยุกต์ใช้ได้อีก แต่ถ้าให้ติวคนอื่นละก็ทำไม่ได้ ชอบพวกวิชาออกแบบซอฟแวร์ออกแบบระบบ ตามความต้องการของลูกค้ามากกว่าเขียนโค้ดเอง เฮ้อ... จบไปจะทำงานได้ไหมเนี่ย ---------------------------------------------------------------------------------- ความถนัดไม่เหมือนกันครับ ไม่จำเป็นต้องเขียน Code เก่งก้อได้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเค้าตัดผ่านที่ 50% ถ้าทุกคนเขียน Code หมด ใครจะคุยกับลูกค้า + ผู้ถือหุ้นล่ะครับ จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 6 มี.ค. 52 10:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ไม่ได้เก่งอะไรมากมายหรอกครับ ตอนทำงานแรกๆ ที่เขียนเกี่ยวกับกราฟิก 2D ที่โหลดไฟล์จากจากฟอร์แมตที่สร้างขึ้น ก็ต้องใช้ Graphics กับ Data structure ล่ะ หลัง จากนั้นเขียนโปรแกรมทั่วๆไป เก็บข้อมูลออกรายงาน ก็ต้อง Analysis & Design requirement ของ user ออกมาเป็น object oriented และต่อกับ Database พอหลังจากนั้นก็ต้องเขียนโปรแกรมดึงข้อมูลจากเซอร์เวอร์ซึ่งต้องทำงานได้บน network   หลายๆรูปแบบ ก็ต้องไปดูเรื่อง Network ตอนนี้ก็ต้องทำเว็บอีก ยังไม่ได้เริ่มทำเลย อิๆ ซึ่งก็จะเห็นว่ามันต้องเอามาใช้ตั้งหลายวิชาแน่ะครับ แต่ล่ะอันกว่าจะเสร็จก็ต้องศึกษาเพิ่มพอสมควรเหมือนกันล่ะ ผมเพิ่งจบต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีกเยอะล่ะครับ -------------------------------------------------------------- ท้ายสุดแล้ว หนทางสำคัญกว่าจุดหมายครับ(ในรั้วมหา'ลัย) ตอนเรียนโปรแกรมมิ่งถ้าหากว่า คุณสามารถเขียนโปรแกรมเล็กๆ ได้ จาก - การอ่านหนังสือ(ภาษาอังกฤษ) - เขียนจนจำ Logic และการทำงานของคอมพิวเตอร์ ได้ - ค้นคว้าใน Internet แล้วนำมาประยุกต์กับ Solution ของเราได้ - ปรึกษา อ. หรือรุ่นพี่(ปรึกษา ไม่ได้ให้ทำให้) ถ้าคุณทำได้ ต่อไปจะทำ Network หรือสร้าง Solution อื่นๆ ไม่ใช่เรื่องยากเลย คุณอาจจะมองในภาพรวม แล้วให้เด็กๆ หรือคนที่ Nerd หน่อย เขียน Code ได้ แต่ส่วนใหญที่เห็นจะเป็น เขียนโปรแกรมได้ แต่จากวิธีเหล่านี้ - ดูโค้ดเพื่อน - ดูไม่รู้เรื่อง งั้นเอาตัวอย่างใน ห้องหรือในหนังสือ แล้วมา Modify เอา - Copy มาจาก Internet เฮ้ยทำไมมัน Compile ไม่ได้ฟะ - ให้รุ่นพี่ทำให้ (หรือจ้างมืออาชีพทำ) ดังนั้น คุณจะจบไปโดยไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย นอกจากการใช้ ปาก+เงิน แก้ปัญหา จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 6 มี.ค. 52 10:35:48 ]

ความคิดเห็นที่ 127 มาระบายด้วยครับ การบ้าน JAVA เพื่อนขอไปลอก ก็บอกมันว่า กรุณาอย่าแก้โง่ ๆ หรือลอกโง่ ๆ ปรากฏว่าไอ่ที่มันทำมาใหม่อ่ะ ก็คือเปลี่ยนแต่ชื่อตัวแปร แล้วจบ ซึ่งบรรทัด ข้อมูล ตัวอักษรที่เหลือเหมือนเดิม ตอนนั้นก็เขม่นมันเล็ก ๆ แล้วปรากฏว่าคะแนนออกมา โดนหาร 2 แล้วก็ไปหามัน คุยกับมัน เรื่องลอกโง่ ๆ ประมาณว่าด่ามันเล็กน้อย มันก็บอกว่า ทำไมหว่ะ คะแนนโดนหาร 2 (ซึ่งหายไป 5 จาก 10 ซึ่ง 10 จาก 100 % เต็ม ๆ) มันหายไปไม่เยอะหรอกนะ ------- มันเลวมั้ยครับ ? คำขอโทษตั้งแต่วันนั้น ยังไม่เคยเจอ เจอแต่มันพูดว่า เฮ้ยระวังนะ ๆ งานนี้ห้ามลอกนะ เฮ้ยระวังนะ ทำอย่างนี้โดนตัดคะแนนนะ เฮ้ยระวังนะ คะแนนหายนะ ทำใหม่ดีกว่า ซึ่งเป็นคำพูดที่ประชดประชันมาก สุดท้ายกลายเป็นเราผิด ตัวเงินตัวทองมากครับ ! จากคุณ : [:Rexagon:] - [ 6 มี.ค. 52 13:05:32 ]

ความคิดเห็นที่ 128 เคยต้องทำโปรเจคภาษาซี 3 คน คนนึงดรอป แล้วก็ไม่ช่วยเลย(พอเข้าใจ) อีกคนไม่ทำอะไรเลย(ไม่ได้ดรอป) สุดท้ายเราต้องทำคนเดียวทั้งที่ไม่ได้เก่งเลย(เพราะไม่ถนัดเอามากๆ) ตอนส่งบอกอาจารย์ว่า มีอีกคนไม่ทำ อาจารย์ถามว่าจะใส่ชื่อเค้าไหม เราเลือกที่จะใส่ชื่อเค้าไป (ไม่ใส่คาดว่าเค้าคงจะF ไปเลย ไม่อยากใ้ห้เค้าตก) เค้าผ่านภาษาซีมาได้ทั้งๆที่ไม่ได้ทำโปรเจคเลย การบ้านลอกเพื่อนตลอด และเค้าก็เกลียดเราอยู่ตอนนี้ แต่หลังจากงานนั้นไม่เคยมีแม้แต่คำขอบคุณ ถามเราแม้แต่น้อย ก็เลย คนๆนี่ คนเพื่อนแค่หวังผลประโยชน์ ตอนนี้ขอให้เค้าโชคดีทำจุลนิพนธ์ให้ได้ด้วยตัวเองละกัน เพราะเค้าทำอย่างนี้ทุกวิชา จากคุณ : nutchanunu - [ 6 มี.ค. 52 15:55:34 ]

ความคิดเห็นที่ 129 บางที เพื่อนก็ชอบแย่งไปลอก จะให้ปฏิเสธเพื่อนอย่างไร บางทีลอกกันเป็นกลุ่ม รู้ว่ามันไม่ดี เดี๋ยวเพื่อนจะไม่รู้เรื่องด้วยตัวเอง พยายามจะช่วยสอนเพื่อน แต่สอนอย่างไรเพื่อนก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไร ผลสุดท้าย วิชา คอมพิวเตอร์ ที่ผมกับเพื่อนอีกคนคิดว่าทำถูกหมดแล้ว ได้ B+ ซะงั้น   ทั้งห้องได้ B+ กันอยู่สองคน ผมกับเพื่อน เพื่อนกับผมก็ งง ว่า  A   มันหายไปไหนหว่า (ข้อสอบไม่ได้ยากนะ เป็นแค่ความรู้เบี้องต้นเรื่องคอมฯ ผมก็ไม่ได้เก่งอะไรหรอก) แต่ก็ไม่อยากให้อาจารย์ตัดคะแนนคนต้นแบบไปด้วยเลยนะครับ บางทีผมเห็นบางวิชา  เื่พื่อนผู้หญิงมาคุยกับผม เครียดเรื่องอาจารย์จะมาตัดคะแนนคนต้นแบบ รายงานภาษาอังกฤษด้วย แล้วทีนี้ เพื่อนอีกคนก็ขอมายืมดูไปเป็นตัวอย่างเฉยๆ บอกว่าจะไม่หลอก (ไปหลอกนั้นละ)  เพื่อนผู้หญิงก็ปฏิเสธไ่ม่ได้ ผลสุดท้ายเพื่อนผู้หญิงผม โดนหักคะแนน -5 คะแนน เพื่อนรู้สึกเสียใจมากที่โดนหักคะแนนทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย คนที่ผิดเป็นเพื่อนผู้ชายอีกคนที่ขอมายืมไปดูเป็นตัวอย่าง จะให้ปฏิเสธไป เพื่อนก็จะหาว่า "งก"   "หวงวิชา"  "จะเก็บ A ไว้ได้คนเดียวเหรอ" ควรจะหักคะแนนคนไหนก็ควรพิจารณาด้วยนะครับ ผมก็สงสารเพื่อนผู้หญิงคนนั้นละ เธอก็ได้ B+ ในวิชาภาษาอังกฤษไป เพราะ 5 คะแนน ที่หาย เลยไม่ได้ A ถ้าพยายามจะสอนเพื่อนให้เข้าใจ จนให้เขาทำเองเป็นได้ก็จะทำ.... จากคุณ : จน เครียด กิน หนอนปอก (แง่มๆ น้องหมา 2 ปี) - [ 6 มี.ค. 52 16:16:28 ]

ความคิดเห็นที่ 130 #115 เกี่ยวอะไรกะ CU รึป่าวอะ จากคุณ : ดีกันนะ - [ 6 มี.ค. 52 20:15:41 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ที่เคยเจอแบบแปลกที่สุดในโลกคือ - ขอรายงานเพื่อนคนละ 2-3 แผ่น โดยมีกระดาษต่างกัน ฟ๊อนท์ต่างกัน ขนาดอักษรไม่เท่ากัน เอาไปส่งอาจารย์ - อาจารย์เห็นแล้วเปิดอ่าน โมโหสุดขีด ฉีกทิ้งขาด 2 ท่อน จากคุณ : วมแย์ราจาอ - [ 6 มี.ค. 52 21:21:48 A:125.27.29.75 X: TicketID:199878 ]

ความคิดเห็นที่ 132 นี่เลยครับ เพื่อนๆ ผมเิ่พิ่งโดนมา คืออาจารย์คนนี้เค้าสตริกเรื่องลอกมากครับ อยู่ใกล้สอบไฟนอล ออกมาเลย assignment ครั้งก่อนสุดท้าย ว่า ใครเหมือนใคร กี่เปอร์เซน(พี่ๆเขาบอกว่าอาจารย์มีโปรแกรมตรวจ) (อาจารย์มีคะแนนตอบคำถามในห้องด้วย ตอบผิดลบ 1 ตอบถูก ไม่ได้อะไรเลย นอกเรื่องครับ แหะๆ) ลุ้นระทึกมากครับบ ผมก็ยอมรับว่าเอามาโมครับ แต่ไม่โดน ดวงหรือเพราะอะไร เพราะผมเอาโค้ดเพื่อนคนนึงมาโม เสร็จแล้วเหลือคลาสสุดท้าย มันทำไม่เสร็จซักที เลยขี้เกียจรอ ขอดูจากเพื่อนอีกคนนึง คิดไม่ออกแล้ว โมไปนิดเดียว เอามารวมกัน Compile ก็ไ่ม่ผ่าน แต่กำหนดส่งแล้วก็เลยส่งไป ปรากฎว่ารอดมาได้ ขอบคุณสวรรค์ครับ ผมสัญญาว่าจะทำเป็นครั้งสุดท้ายครับบบ จากคุณ : สวรรค์เบ่ง - [ 6 มี.ค. 52 23:20:06 A:192.168.0.17 X:10.7.1.61, 202.44.8.100 ]

ความคิดเห็นที่ 133 วิชาไหนสอบตอนเช้า ตอนจะเริ่มอ่านตอนบ่ายของวันก่อนหน้าครับ หุๆๆ ยังเอาตัวรอดมาได้ถึงทุกวันนี้เพราะพยายามตั้งใจเรียนในห้อง แต่ไม่มีเวลามาอ่านทบทวนเพราะมัวแต่ปั่น assignment จากคุณ : Avexiouz - [ 7 มี.ค. 52 00:02:15 ]

ความคิดเห็นที่ 134 เอาจริงๆถ้ามันถูกเหมือนกัน แต่นศ ไม่ลอกจริงๆ...... อาจารย์จะรู้ได้ยังไงละครับ (ไม่ได้ดูถูกอาจารย์นะ) ทางที่ถูก มันก็มีทางเดียวทั้งนั้นแหละครับ ส่วนมาก ไหนๆก็ไหนๆผมก็เลยคิดว่า อยากให้วัดผลแบบอื่น เยอะๆมากกว่าอะครับ เช่น - ลง lab แล้ว ก็ต้อง present solving problems ได้ด้วย - สอบปากเปล่า เดี่ยว ถามตอบเป็นภาษาอังกฤษ (เคี่ยวสุดๆ) - lab แบบจำกัดเวลา - lab ที่เป็น การแก้ปัญหาของจริง กับการทำงานจริงๆ.....ที่มันนอกเหนือตำรา ที่มันคือปัญหาของจริงๆๆๆๆ วัดกันแบบเดี่ยวๆ - ความถี่ในการวัดผล ต้องถี่ยิบ วัดกันทุกวัน แบบเขี้ยวลากดิน ผมว่า.. คงเป็นไปได้ยาก....ถ้าทำได้ เมืองไทยคงพัฒนาไปไกลสุดลูกหูลูกตา ตอนนี้การวัดผล มีสโคปที่แคบกว่านั้น ... คือ อิงเกณฑ์ และ อิงกลุ่ม..... อาจจะมีเยอะกว่านี้ แต่ผมไม่รู้....... แล้วก็ ไหนๆก็โพสแล้วผมขอถาม อาจารย์ทุกท่านหน่อยครับ ทำไม อาจารย์ไม่โชว์คะแนน นศ ให้เห็นกันทุกวันครับ เช่น นาย สมชาย เข้าเรียนวันที่ 1 มีคะแนน 1 คะแนน อาทิตย์หน้า เข้าเรียน มี 2 คะแนน วันนี้สมชายส่งงาน แต่ดูแล้วเนื้องาน สมชายทำไม่เวิร์กเลย 1. อาจารย์บอกสมชาย ว่า ให้ได้ 6 เต็ม 10 ถ้าคุณส่ง สมชายก็กลับไปแก้งานใหม่ เพื่อจะให้คะแนนได้เต็ม...... 2.  เหมือนข้อ 1 แต่สมชายไม่กลับไปแก้ แต่ว่าส่งงานไปเลย เพราะต้องการแค่ผ่าน ตามเป้าหมายคะแนน.... ผมอยากเห็นความเคลื่อนไหวของคะแนน แม้บางทีมันอาจจะเดาง่าย แต่มันเป็นการไซโคเพื่อนๆ นศ ในห้องได้ดีมากๆเลยนะครับ.......... มึ.......ได้เยอะกว่ากรู กรูได้น้อยกว่ามึ...... :-)คะแนนเท่านั้น กรูคะแนนเท่าีนี้ บลาๆๆๆ........... เหมือนแข่งรถอะครับ ให้มันตื่นเต้นหน่อย ทุกวันนี้ผมก็คิดว่า "เข้าไปถามได้ คะแนนกับอาจารย์น่ะ" แต่ฟิลลิ่งมันไม่เหมือนกันครับ ถ้า อาจารย์ บอกคะแนน นศ ทุกๆวัน หรือ มีเว็บที่คอย อัพเดตคะแนน นศ เร่ือยๆ..... ลุ้นกันมันอะครับ แบบนี้......บ้ากันทำคะแนนตลอด ....... ทำแบบนี้กับทุกคนในห้อง ให้เพื่อนๆแต่ละคน มันได้เห็นคะแนนของเพื่อนกันหมด ให้มันแข่งกัน แย่งที่จะทำคะแนน เป็นจิตวิทยาการเอาชนะเพื่อน ........... ผมกลับไม่เคยเจอแบบนี้เลยฮะ ที่ผมเจอ คะแนนเนี่ย จะบอกช่วงเดียวคือ "หลังสอบ มิดเทอม" ว่าทำข้อสอบได้คะแนนเท่าไร ที่เหลือ นศ ไปเดาเอง ย้ำว่า "เดา"  เช่น " โห เนี่ย กรู เข้าเรียนครบ คะแนนเก็บเต็ม " " เนี่ย กรูส่งงานครบ คะแนนเก็บ เต็ม" " ก็ส่งงานผ่านไปแล้วไง ก็ได้เต็มไง " " ตอนนี้คะแนนกรูน่าจะประมาณนี้ ทำข้อสอบอีกไม่กี่ข้อ ผ่านแล้ว " ฯลฯ อืม อยากทราบเหตุผล ของการปกปิดคะแนนครับ ? แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 52 00:36:55 จากคุณ : sillygang - [ 7 มี.ค. 52 00:31:06 ]

ความคิดเห็นที่ 135 อุอุ สงสัยไม่ใช่ระดับนักเรียนมาตั้งกระทู้ แทงใจดำๆ programmer จัง ผมชอบเขียนแบบจินตนาการมากว่าจะ กว่าโปรแกรมจะเสร็จ ก็หลายเดือน มันมาจากสามาญสำนึกเลย ทุก code ทุกความรู้ใส่เข้าไปโปรแกรม ก็แสดงตัวตนของผู้ทำออกมา ส่งไปทำไมอาจาร์ยจะไม่รู้ อารมณ์ของโปรแกรมเป็นศิลปินสุดๆ แล้วสุดท้ายก็รู้ว่าตัวเองชอบอะไรถนัดด้านไหนมากที่สุด และสิ่งรองลงมาก็ได้ list up เป็นแถบๆ เก็บไว้เป็นแผนที่ชีวิตสบายๆ จากคุณ : Ken - [ 7 มี.ค. 52 10:45:41 ]

ความคิดเห็นที่ 136 #134 วิธีการนี้ กำลังเจอแบบคล้ายๆกันอยู่เลยค่ะ เราว่าได้ผลสุดยอดไปเลยอ่ะ ไม่ได้เรียนคอมนะ เจอวิชา managerial accounting อาจารย์ fix ที่นั่งเรียน ทุกคนจะมีป้ายชื่อ (name tent) เป็นของตัวเอง แต่ละแถวก็แบ่งทีม เป็นสีๆ ในห้องถ้าใครตอบคำถามถูกอาจารย์จะติ๊กชื่อไว้ แล้วคราวต่อไปก็จะมีสติ๊กเกอร์รูปดาว แปะให้ที่ name tent แล้วถ้าใครโดดเด่นในแต่ละคลาสมากๆ คลาสต่อไปจะได้ name tent พิเศษ ว่าเป็น 'rock star' ของคลาส 5555 แล้วถ้าใครพูดมากจะได้สติ๊กเกอร์หัวกะโหลกแทน - -" แล้วก็ตอนตัดเกรด ถ้าใครได้ดาวเยอะก็จะได้ % เยอะ (จาก 10% participation) แต่ถ้าใครได้กะโหลกเกินสามกะโหลกนี่ ก็มีสิทธิว่าเกรดจะตกไปหนึ่งเกรดเลย (แต่เคยมีเพื่อนที่ได้สามกะโหลก,, แต่ก็ได้ดาวมาบ้างพอสมควร ก็ยังได้ A ไปนะ) อาจจะดูเด็กไปหน่อย แต่ทำให้นักศึกษาที่ปกติก็นอนกันครึ่งห้องน่ะแหละ มาแข่งกันยกมือตอบคำถามได้อย่างเหลือเชื่อ 55 กลายเป็นว่าต้องตั้งใจเรียนตลอดเวลา จะได้แข่งกันเอาดาว - -" แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 52 10:32:09 จากคุณ : A MeloDy - [ 7 มี.ค. 52 12:03:11 ]

ความคิดเห็นที่ 137 อ่านเสร็จแล้วเหมือนมีมีดที่มองไม่เห็น แทงๆๆๆๆ อยู่ข้างหลังค่ะ จากคุณ : ขนมฮ่าๆ* - [ 7 มี.ค. 52 14:05:25 ]

ความคิดเห็นที่ 138 อ่านไปกระอักหลายข้อเหมือนกัน แต่..อาศัยตั้งใจเรียนในห้อง ถึงแม้จะหลุดบ้างก็เหอะ   แล็บ .. ทำเองบ้าง ลอกบ้าง - -" จากคุณ : neaq - [ 7 มี.ค. 52 16:58:02 ]

ความคิดเห็นที่ 139 # 129 เป็นเหตุผลที่ทำให้ผม ต้องใช้ Web ในการส่งงานครับ (ไม่รับ Hard Copy + Email) การส่งใน Web จะมี Timestamp ซึ่งแก้ย้อนหลังไม่ได้ แถมเรียงลำดับ ก่อนหลังอีกต่างหาก ดังนั้นผมจะไม่ตัดคะแนนคนช่วยเพื่อน (มองในแง่ดีว่า เค้าพยายามสอนการบ้านเพื่อนแล้ว แต่คนมันจะลอกจะให้ทำไง) ในยุคปัจจุบันนี้การหาอินเตอร์เน็ตมาส่งงานไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้อีกต่อไป ความคิดเห็นที่ 130 #115 NSW นี่ที่ sydney ป่าวคับ จบวิดวะคอม ตอนนี้ขับรถส่งข้าว   จะจบมาทำไม่วะเนี่ยกรู ------------------------------------------------- ไม่ใช่ 2 แต่เป็น 3 ครับ จากคุณ : ทายสิว่าผมจบที่ไหน (Anna_NSW) เกี่ยวอะไรกะ CU รึป่าวอะ จากคุณ : ดีกันนะ ไม่เกี่ยวครับ จากคุณ : Fv,u (Anna_NSW) - [ 7 มี.ค. 52 23:02:59 ]

ความคิดเห็นที่ 140 # 134 ตอบคุณ sillygang สำหรับประเด็นว่า อ. รู้ได้อย่างไร ว่า น.ศ. ไม่ลอกจริงๆ อยู่ที่ลักษณะของวิชา เมเจอร์ และมหาลัยครับ ถ้าในสายคอม หรือสายวิทยศาสตร์ การบ้านที่เป็น Appplication การบ้านที่เป็น Case Study การบ้านที่เป็น Problem Solving ส่วนการบ้านที่เป็นเปิดหนังสือตอบ ไม่ถามครับ เสียเวลา ไม่มีทางที่คำตอบจะเหมือนกัน 100% เด็ดขาดครับ เปอร์เซ็นทำได้ น้อยกว่าถูกหวยติดกัน 10 งวดอีก อย่างการเขียนโปรแกรมนั้น แต่ละคนจะมี Signature หรือ "สำเนียง" ครับ ถึงแม้ อ. จะสอนละเอียดขนาดไหน ก้อเป็นไปไม่ได้ ที่จะใช้ Variable ชื่อเดียวกัน เว้นวรรคเท่ากัน ตั้งชื่อ  Method เหมือนกัน โดยเฉพาะถ้าผิดหลัก Coding Convention เหมือนๆ กันด้วย อย่างนี้ลอกแน่นอน ส่วนการบ้านที่เป็น System Design หรือ Solution ต่างๆ นี่ยิ่งง่ายครับ Database มีกี่ Table ชื่อ Field ต่างๆ ใครที่ทำระบบเป็น อ่าน Diagram 5 วินาทีก้อรู้แล้วลอกไม่ลอก จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 7 มี.ค. 52 23:12:54 ]

ความคิดเห็นที่ 141 # 134 สำหรับประเด็นที่ว่า ทำไมไม่โชว์คะแนนทุกวัน แล้วให้เด็กแก้ตัว อันนี้ขอตอบโดยใช้ Scenario ของมหา'ลัย ผมละกันเพราะที่อื่นไม่รู้ คณะ/มหา'ลัย มีกฎเหล็ก 2 ข้อ 1. เปิดเผยคะแนน ได้เฉพาะ 50% แรก เท่านั้น 50% หลังจะไม่เปิดเผย จะออกเป็นเกรดเลย 2. ยกเว้นวิชา Elective ทุกวิชาต้องมีคะแนน Final 50% หรือมากกว่า โดยที่ อ. จะแบ่งสอบยังไงก้อได้เช่น Written Lab Presentation (ไม่นับการ Present ในห้องระหว่างเรียน) สำหรับเหตุผล ของ 2 ข้อนี้ผมคงตอบไม่ได้เพราะนี่ไม่ใช่ทางเลือก หากแต่เป็น "กฎ" ที่คนสอนต้องทำ เอาละ ที่นี้มาดูเรื่องคะแนนเก็บกันบ้าง ผมจะประกาศคะแนนเก็บทั้งหมด ประมาณ1-2 สัปดาห์ก่อนปิด Class (ถ้ามีคะแนนออกหลังจากนี้ จะบอกตอนส่งเลยเช่นการ Present term project) ถาม : ทำไม ไม่บอกคะแนนทุกๆ สัปดาห์ ตอบ : อ.บางคนก้อทำ อ.บางคนไม่ทำเพราะ ไม่ได้ตรวจงานตลอดเวลาครับ เช่นผมเป็นต้น เพราะต้องให้มีเวลานานพอ (เช่น 2 ชั่วโมงต่องาน) ไม่งั้นอาจจะเกิดการให้คะแนน ไม่เท่ากัน ถ้าแยกตรวจ เลยตรวจให้เสร็จและบอกทีเดียวเลย ถาม : ถ้างานห่วย ขอทำใหม่แล้ว ส่งใหม่ได้ไหม แล้ว อ. แก้คะแนนให้ ตอบ : ไม่ได้ครับ เพราะไม่งั้นมันจะไม่จบ พอคนนึงทำใหม่มาส่งได้ ทุกคนก้อจะมีเงื่อนไข ทำใหม่กันหมดสุดท้ายได้เต็มทุกคน นี่ไม่ใช่การวัดผลแน่ๆ การแก้คะแนนจะมีขึ้นเมื่อ - อ.กรอกคะแนนผิด - อ.ตรวจผิด ถาม: ทำไมต้อง "เดา" คะแนนเก็บ ตอบ: ไม่จำเป็นต้องเดา เป็นสิทธ์ ของ น.ศ. ทุกคนที่จะรู้คะแนนของตนเอง ยกเว้นกฎ 2 ข้อ ข้างต้น จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 7 มี.ค. 52 23:35:01 ]

ความคิดเห็นที่ 142 #136 คุณโชคดีมากครับ จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 7 มี.ค. 52 23:35:36 ]

ความคิดเห็นที่ 143 อ่านแล้วคิดถึงสมัยเรียนจัง จากคุณ : anurak_jun - [ 8 มี.ค. 52 11:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ขอบคุณนะครับ อืม.... ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย ว่ามันเป็น กฏ ผู้ใหญ่เขาคงมีเหตุผลของเขาแหละ ใช่มั้ย ? .. ถึงออกกฏมาแบบนี้ ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากมายขนาดนั้นนะครับ... แค่สงสัยคลางแคลงใจเล็กน้อยเท่านั้นเองครับ ขนาดอาจารย์ออกมาบอกว่าเป็น กฏเหล็ก อืม...... มันก็คงมีอะไรสักอย่างแหละนะ ถึงขนาดนั้นเลย...... อันนี้ขออธิบายในมุมมองของผมนะครับ เสนอความเห็นให้ฟัง คือเจตนาผมอะ ที่อยากให้เห็นคะแนน.......เพื่อจะเป็นจิตวิทยาในการแข่งขันกันทำคะแนน ยิ่งมีการรายงานคะแนนแบบทุกๆวัน.. มันจะยิ่งกดดันเพื่อนๆในห้องได้เป็นอย่างมากกกก.......เจตนาผมมีแค่นี้แหละครับ เพราะทุกวันนี้ที่ นศ ไม่ตั้งใจเรียน........เพราะเหตุผลร้อยแปดมากมาย และไม่มีแรงจูงใจ ไม่รู้สึกว่ามีการชนะ หรือตื่นเต้น....... แต่ถ้ามีไอ้เรื่องเปิดคะแนน อย่างที่ผมอธิบายไป .... ผมคิดว่า.....นศ  จะมีจุดหมายในการเรียนทุกๆวันครับ .... วันนี้ทำคะแนนได้เท่านี้เว้ย พรุ่งนี้ต้องไม่เสียคะแนนเว้ย........... ไม่ใช่ไปเรียน แล้วเตรียมไปหลับ ไม่ใช่ไปเรียน แล้วเตรียมนั่งคุยกับเพื่อน .........อย่างน้อยๆก็มีจุดหมาย คือแข่งกันทำแต้มทำคะแนนไป...... ส่วนผลกระทบทางด้านไม่ดีของการเปิดคะแนนให้เห็นแบบนี้ บอกตามตรงว่า "ผมไม่รู้ครับ"  ฮ่าๆๆ เพราะผมไม่ใช่อาจารย์ ไม่ใช่ผู้ใหญ่ในระดับมหาวิทยาลัย ผมก็เลยมองภาพไม่ออกเหมือนพวกเขา....... ผมก็แค่เสนอวิธีการอะไรก็ได้ ที่ทำให้ นศ มันตั้งใจเรียนกว่านี้..... เรื่องแก้คะแนน ที่ผมเสนอไป มันเป็นอีกมุมมองนึงนะครับ ผมมองว่า (ส่วนตัว) ถ้าผมทำงานผิด ผมเอางานไปส่ง โอเค งานมันอาจจะไม่เรียบร้อย โดนติตรงนั้น ตรงนี้....... ผมขอต่อรองกับลูกค้า หรือขอต่อรองกับหัวหน้า..... ว่าเนี่ย จะให้ผมกลับไปแก้ไหม ? ยังมีเวลาเหลืออยู่ยังไม่ครบกำหนดส่ง ผมจะทำให้เนี้ยบกว่าเดิมก็ได้ งานมีสโคปที่ 10 ผมทำส่ง ให้ 10 แต่ในความเป็นจริงลูกค้าจะพอใจไหม ลูกค้าจะเกรียนไหม โอเคถ้าไม่พอใจผมกลับไปทำให้ดีกว่าเดิมได้นะ ให้เกินมาตรฐานได้  หรือจะ fix เวลามา ผมก็พร้อมส่งด้วยคุณภาพงานที่เท่านี้ การแก้คะแนนในมุมมองที่ผมเสนอ คือการสร้างประสิทธิภาพการทำงานออกมาให้ดีที่สุด (ย้ำว่าในมุมมองที่ผมเสนอ เพราะงั้นมันไม่ได้วัดผลถึงทั้งหมด น่าจะพิจารณาเป็นงานๆไป) เพราะบางทีงานกลุ่ม........ทำงานกันทุกคนแต่ performance ไม่เท่ากัน สมชายเก่งกว่าสมปองมาก โค๊ดดิ้งอย่างเทพ แต่สมปองก็อยากช่วยสมชาย สมชาย ทำไป 90 โค๊ดดิ้งหมดเลย งานทั้งหมด สมปอง ทำไป 10 ทำพรีเซ้น พาวเวอร์พอย คะแนนออกมา........แบบไหนจึงจะยุติธรรมที่สุดละครับ - ให้เต็ม .........สมชายเก่งมาก โอเคไม่แปลก แต่สมปองละ ได้คะแนนเต็มทั้งๆที่ทำอะไรช่วยเพื่อนได้ไม่มากเลย อานิสงฆ์แบบนี้เหมาะสมมั้ย ? - ให้เกือบเต็ม ......สมชายจะผิดหวังมั้ยละ ? เค้าทำซะมากมายขนาดนี้ เค้าทำตั้งเยอะคงหวังเต็มแน่นอน เพราะเพื่อนมาถ่วงรึเปล่า เพราะเพื่อนไม่เก่งเท่าเค้า แต่เค้าต้องยอมรับสมปองเข้ากลุ่ม.........เพราะอะไร ? - ให้ต่ำกว่ามาตรฐานเช่น จาก 10 ให้ 4 เพราะอาจารย์รู้ว่าคนที่รับผิดชอบเนื้องาน คือสมชายคนเดียว ..... แบบนี้ยิ่งแย่เลยครับเพราะศักยภาพสมชายเขาสูงมากเขาน่าจะได้รับสิ่งตอบแทนที่ยุติธรรมจริงมั้ย ? - ให้คะแนนสมชายมาก สมปองน้อย ........... ทำไมงานกลุ่มให้คะแนนไม่เท่ากัน ถ้าแบ่งให้คะแนนแบบนี้ทำไมไม่ทำเดี่ยว ? เนี่ยครับมันเป็นแบบนี้แหละ มันก็ไม่เชิงว่าเกี่ยวกับการแก้คะแนนหรอกนะครับ แต่เหมือนกับอยากให้เคลียเรื่องคะแนน ทั้งก่อนสั่งงาน สั่งงาน แล้วก็ส่งงาน อะไรแบบนี้ ...... นศ สมัยนี้ ไม่ได้มาเรียนเพราะชอบคอมทุกคนหรอกครับ บางคนมีกิจการที่บ้านอยู่แล้ว บางคนชอบแต่งรถแต่ที่บ้านให้เรียนคอม บางคนเล่นดนตรีเก่ง แ่ต่ก็ชอบคอมเหมือนกันเรียนเอาชิวๆ เยอะแยะมากมายทุกรูปแบบ เราจะเห็นได้เวลาเรียนจบไป จะมีพวกเทพไม่เกิน 10 คน ที่เหลือก็พอหากินได้ กับอีกพวกคือ เรียนจบมาได้ยังไง ? กลับเข้าเรื่องเมื่อกี้ต่อ เวลามีงานกลุ่ม ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนี้ - เก่งอยู่กลุ่มเก่ง : กั๊กเพื่อน ขี้งก ไม่กระจายอะไรไปให้เพื่อนมั่งเลย - โง่อยู่กลุ่มโง่ : ตาย - เก่งอยู่กับโง่ : เกิดกรณีความยุติธรรมเรื่องคะแนนที่ผมชี้แจงไปด้านบน ..... แน่นอน มันหมดกำลังใจจะเรียนครับ...... ถามว่า......ทำไมคนที่ไม่เก่ง ไม่เข้ามาหาอาจารย์ ไม่หาความรู้ พัฒนา skill ทำไมสมปองไม่ทำแบบนั้นบ้าง ? ก็เพราะสมปองเ็ป็นกลุ่มที่ผมบอกไป คือ บ้านมีกิจการอยู่แล้ว ไม่ได้ชอบคอม มาเรียนชิวๆ ฯลฯ บลาๆๆๆ แล้วสิ่งที่มันเกิดขึ้น มันก็คือการ "ฝืนใจ" เพราะมันฝืนใจทำนั่นแหละครับบบบ ฝืนใจแล้วงานจะออกมาดีได้ไงละครับ แต่คนที่ฝืนใจ ก็อยากได้คะแนนเยอะๆ ? อืม..................เป็นงั้นไป.... นศ สมัยนี้ภูมิคุ้มกันความลำบากต่ำแล้วครับ ทนอะไรนิดหน่อยไม่ได้หรอก ผมจึงเกิดความคิดเรื่องคะแนนขึ้นมามากมาย มุมมองของ อาจารย์เป็นยังไงผมไม่รู้อะครับ เพราะผมเป็น นักศึกษา เรื่องแก้คะแนน ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดีแล้วครับ ผมมองโลกในแง่ดีไว้แล้วว่า ผู้ใหญ่คงมีเหตุผลของเขา (ถึงตอนนี้ผมก็ยังอยากรู้) อย่าง #136 แบบนั้นก็ใกล้เคียงกับสิ่งที่ผมเคยเสนอมากเลยครับ บางที....ถ้าผมเป็น นศ เหล่านั้น ผมอาจจะไม่สนใจด้วยซ้ำ ว่าเรียนไปแล้วจะเอาไปทำไม จะสอบออกอะไร จะได้ความรู้มากมาก หรือ กลางๆ แค่ไหน ..... แต่มีอย่างนึงที่ผมจะทำคือ ผมอยากเอาชนะเพื่อน ผมอยากแขวะเพื่อน อยากสนุก ตื่นเต้นไปกับเพื่อนๆ ตื่นเต้นไปใน class ผมอยากทำคะแนนทิ้งห่างเพื่อนๆ ไม่ใช่มาเรียน แล้วมาเจอเืพื่อนๆหลับ ไม่ใช่มาเรียนแล้วมานั่งเบื่อ อาจารย์เข้าใจอยู่คนเดียว ไม่ใช่มาเรียนแล้วยกมือถามอาจารย์ใน class แต่พอออกจาก class ดันโดนเพื่อนเกลียดเพราะ "รำคาญ จะถามทำไม สุดท้ายก็ไปอ่านเอง เสียเวลา บลาๆ".......... สุดท้ายพอผมตั้งใจทำคะแนน ด้วยวิธีการแข่งขันกัน ความรู้มันคงเข้ามาในหัวโดยไม่ต้องฝืนใจ เพราะใจมันมุ่งไปกับการบ้าทำคะแนนมากกว่า การได้ความรู้คือกำไร การได้ดาว ได้คะแนน คือเท่าทุ่น ขอบคุณ #136 ครับ ผมพิมพ์แบบด้นสดนะครับ คงเรียบเรียงได้ไม่ดีเท่าไรนัก แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 52 15:39:50 จากคุณ : sillygang - [ 8 มี.ค. 52 15:34:42 ]

ความคิดเห็นที่ 145 ในระดับมหาวิทยาลัย เพื่อน มีผลมากเหลือเกินนะครับ (มากแบบมากๆจริงๆครับ) ช่วยกันเรียน ช่วยกันทำงาน ช่วยกันทำกิจกรรม บางทีกินนอนด้วยกันอยู่ด้วยกัน ถ้าอาจารย์สามารถทำให้ นศ  ที่จะ แข่งกันเรียน ได้ โดยใช้ ความเป็นเพื่อน ของพวกเขามาเป็นเครื่องมือ (ฟังดูชั่วร้าย แต่จริงๆไม่ใช่ร้ายแบบนั้น) มันจะได้ผล(อย่าง #136 บรรยายมาผมยังรู้สึกได้เลยว่ามันจะเร้าใจขนาดไหน) เพราะมันไปกระทบจิตใจ ของ นศ โดยตรง (ก็วันๆมึ.....อยู่แต่กับเพื่อน - -') ทุกๆคนไม่อยากแตกต่างจากเพื่อน เ้ข้ามาพร้อมกัน ก็อยากจะเรียนจบไปพร้อมๆกัน นั่นแหละครับ.....ไม่ว่าอะไรกรูส์ก็อยากจะทำให้เหมือนเพื่อนๆ ก็เราเป็นเมเจอร์เดียวกัน เราเป็นภาควิชาเดียวกัน เราเป็นเพื่อนกัน..... เ็ห็นเพื่อนส่งงาน เอ๊าาาาาาา ส่งมั่งซี๊ เพื่อนเค้าส่งกันหมด - -' เห็นเพื่อนได้ดาว เอ๊าาาาาาา จะยอมมั้ยละ ปั่นดาวมั่งเซ๊ เห็นเพื่อนได้คะแนน เอ๊าาาา จะยอมมั้ย ปั่นคะแนนมั่ง ......... แต่คะแนนที่จะแสดงอะ มันถี่แค่ไหนกัน ......... ความเร้าใจมันตกไปแล้ว ก็คิดขำๆนะครับนี่ ขอบคุณ #136 อีกที จ้ะ ปล.สุดท้าย เรื่องกฏเหล็ก การปกปิดคะแนน ไม่รู้ครับ.......ไม่รู้จะให้ความเห็นยังไง เอาเป็นว่าเชื่อใจผู้ใหญ่แล้วกันว่าเขาคงคิดมากันดีแล้ว.......ส่วนผมก็ยังอยากเสนอแนวทางต่อไป ถ้าอาจารย์เห็นปัญหา ผมก็พอจะบอกถึงที่มาของปัญหาให้ได้ พร้อมทั้งวิธีแก้ (ตามสไตล์ของผมนะ) แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 52 15:59:53 แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 52 15:57:23 จากคุณ : sillygang - [ 8 มี.ค. 52 15:56:09 ]

ความคิดเห็นที่ 146 ไหว้พระอธิษฐานให้รอด จากคุณ : อิทธิบาทสี่ - [ 8 มี.ค. 52 18:19:53 ]

ความคิดเห็นที่ 147 ขอสอบถามนิดนึงคับ ^^ ตอนนี้ผมอยู่ ม.5 อยากเป็น โปรแกรมเมอร์ อ่ะคับ จะต้องเข้าคณะไหนอ่าา า แล้วแบบว่า มหาลัย อะไรดีอ่ะคับ บ ^^ จากคุณ : Reduce - [ 8 มี.ค. 52 19:46:27 ]

ความคิดเห็นที่ 148 ^ Computer Science เลยครับ แล้วเดี๋ยวเรียนๆ ไปความอยากมันจะลดลง เรื่อยๆ ฮ่าๆๆ จากคุณ : natapolsri - [ 9 มี.ค. 52 00:31:33 ]

ความคิดเห็นที่ 149 Computer Science มอบูเลยครับ เพราะว่าจะได้ฝึกใช้ Unix นะ จากคุณ : thelock - [ 10 มี.ค. 52 07:12:51 A:125.25.192.103 X: ]

ความคิดเห็นที่ 150 คณะ Computer Science ครับ ส่วนมหาลัย ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับคะแนนที่ใช้ Admission น่ะครับ ที่ไหนก้อยากเหมือนกันหมดครับ จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) - [ 10 มี.ค. 52 23:15:17 ]

ความคิดเห็นที่ 151 ที่เอแบคก็มีนะ ไม่ใช้ Admission เป็นอีกหนึ่งทางเลือกครับ จากคุณ : natapolsri - [ 14 มี.ค. 52 07:35:36 ]