ความคิดเห็นที่ 1 ตอบคำถามเท่าที่ รู้เรื่องแบบสอบถาม ของฝ่ายบุคคล คือสามารถแบ่ง ได้คราวๆ เลยนะครับ ว่า คน คนนั้น มีลักษณะนิสัย โน้มเอียงไปทางใด เหมาะสมกับการทำงานในตำแหน่งนั้นๆ หรือไม่ ถ้าคนเคยทำ สังเกตุดีๆ จะมีคำถามคล้ายๆ กัน ซ้ำ แต่ คำตอบไม่เหมือนกันด้วยนะครับ ^^ จากคุณ : vn, man - [ 11 มี.ค. 52 09:50:55 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ามันวัดผลไม่ได้จริงๆ... ปีหน้าผมคงจะไม่ทำงานฝ่ายบุคคลแล้วหละครับ ผมจะไปขายเต้าฮวย เสียเวลาที่ร่ำเรียนจิตวิทยาอุตสาหกรรมมาแทบตาย แบบทดสอบที่คุณ จินหยง เห็นตามนิตยสารหนะ มันไม่ใช่แบบทดสอบทางจิตวิทยา แม้ว่าในนิตยสารมันจะเรียกแบบนั้นก็เถอะ แบบทดสอบทางจิตวิทยาที่ดีมันก็ต้องมีคุณสมบัติที่ดี เช่น ความเที่ยงตรง ความเชื่อถือได้ อำนาจจำแนก เป็นต้น นักจิตวิทยาหนะมีเยอะครับ แต่เก่งๆหนะมีไม่กี่คนหรอก นักจิตวิทยาที่เก่งๆสังเกตพฤติกรรม ดูบุคลิก เก่งมากนะครับ ผมไม่รู้ว่าคุณมีอคติกับนักจิตวิทยา หรือ แบบทดสอบทางจิตวิทยาหรือเปล่า แต่การที่ตั้งกระทู้แบบนี้ มันเหมือนการที่คุณตบหน้าคนเรียนจิตวิทยาอย่างผมจน "ชา" จากคุณ : หนุ่มตัวตัน - [ 11 มี.ค. 52 10:06:01 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แบบทดสอบทางจิตวิทยา หากผู้ตอบไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ยอมตอบตามความจริง มันก็ไม่มีทางวัดอะไรได้ เหมือนที่คุณไปทำแล้วไม่ยอมตอบตามความจริง ผลที่ได้ออกมาก็จะบอกว่าคุณกำลัง"โกหก"อยู่ แบบทดสอบทางจิตวิทยาที่ออกแบบมาอย่างดี จะทดสอบคุณอยู่ด้วยว่าคุณกำลังโกหกอยู่หรือไม่ ตอนผมเรียนวิทยาจิตวิทยาในมหาลัย ได้ทำแบบทดสอบครั้งหนึ่ง มี 500 ข้อ ทำเกือบ 3 ชม. มีเพื่อนผมคนหนึ่งทำแบบส่งๆไป พยายามตอบให้เป็นแบบ"พิมพ์นิยม" คือตอบในคำตอบที่สังคมอย่างได้ยิน ผลออกมาว่าเพื่อนคนนั้นต้องทำใหม่ เพราะผลทดสอบออกมาว่า กำลัง"โกหก"อยู่ จากคุณ : เกียงอุยศิษย์มังกรหลับ - [ 11 มี.ค. 52 10:26:49 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แหะๆ ขอคิดแบบเชิงวิชาการนะครับ อย่าไปคิดเรื่องวิชาชีพอะไร ไม่ได้ชวนทะเลาะ... ประเด็นแรก ..ผมมีอคติกับแบบทดสอบจริง แต่ไม่ได้มีอคติกับวิชาชีพนะครับ ขออภัยถ้าทำให้คิดอย่างนั้น ประเด็นสอง ก็แบบทดสอบบุคลิกภาพ ที่เคยทำตอนจัดสัมมนา (จ้างอาจารย์มหาวิทยาลัยรัฐ) ผมนั่งทำ ก็รู้แล้วว่าตอบยังไง ผลจะเป็นยังไง และได้ดูของเพื่อนที่นั่งข้างๆ ก็ยังคุยเล่นกันเลยว่าตอบอย่างนี้เดี๋ยวได้ยังไง มันก็เป็นอย่างนั้น  แล้วจะวัดผลคนที่พอจะคาดเดาผลได้  อย่างไร ประเด็นความเห็น 3 ...แบบทดสอบที่ดีจะมีการถามซ้ำๆ กัน และวัดผลการโกหกได้ในระดับนึง  แต่บางคนดูก็รู้ว่าจะต้องตอบอย่างไร จึงจะไม่ดูเหมือนการโกหก .และถึงจะไม่โกหก  คำตอบตามความเป็นจริง ก็อาจจะไม่สามารถวัดผลได้จริง เนื่องจากตัวแปรที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตัวผู้ถูกทดสอบ นะสิครับ ประเด็นสุดท้าย.. ไม่ได้บอกว่าแบบทดสอบตามนิตยสารคือแบบทดสอบจริง แต่บอกว่ามันวัดอะไรไม่ได้ .... แต่แบบทดสอบจริง ที่ไม่สามารถวัดผลได้จริง ก็ไม่ต่างอะไรกัน ผมคิดว่าแบบทดสอบจะได้ผลก็ต่อเมื่อควบคุมตัวแปรทั้งหมดได้ และคนตอบจะตอบตามความเป็นจริงโดยไม่ต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ และทำเป็นการเฉพาะบุคคล ที่จะต้องมีการรีเช็คด้วยว่าทำไมถึงตอบอย่างนั้น ..จึงไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ที่จะเอาแบบทดสอบมาวัดผลคนปกติทั่วไป จากคุณ : จินหยง - [ 11 มี.ค. 52 10:51:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอยกตัวอย่างนิดนึง เพื่อความเข้าใจ เช่น เคยเจอคำถามประมาณว่า คุณคิดเกี่ยวกับเรื่องความตาย หรือปล่าว (จำคำถามแน่นอนไม่ได้ แต่ความหมาย ประมาณนี้ ) ซึ่ง ผมชอบคิดบ่อยเหมือนกันนะครับ..  ว่า ความตายเป็นยังไง มีชาติหน้าจริงหรือปล่าว ความตายกับการหลุดพ้นเหมือนกันหรือปล่าว  ไอ้การไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดนี่มันดีจริงหรือ ฯลฯ (ไม่ใช่คิดแต่เรื่องนี้นะ) แล้วผมตอบแบบทดสอบไปว่า คิดบ่อยๆ  ...!!  ผมไม่ผ่านการตรวจจิตแน่ ผมก็ต้องตอบว่าไม่ได้คิด ประมาณนี้หละ  แต่จำคำถามไม่ค่อยได้    ท่านใดมีคำถามลองเอามาลงดูก็จะเข้าใจได้มากขึ้น จากคุณ : จินหยง - [ 11 มี.ค. 52 11:10:37 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แสดงว่าคุณไม่รู้เลยว่าแบบทดสอบทางจิตวิทยาเขาวัดผลกันยังไง(ซึ่งไม่แปลกเพราะคุณไม่ได้เรียนมาทางนี้) แต่คุณมาคิดเอาเองว่า ถ้าตอบแบบนี้ มันจะวัดผลได้หยั่งงี้ ตอบบอีกแบบมันจะวัดได้อย่างนั้น คุณคิดว่าแบบทดสอบมันวัดอะไรไม่ได้ เพราะคนตอบจะไม่ตอบตามจริง ผมขอบอกว่าการวัดว่าคนตอบโกหกอยู่หรือไม่ แบบทดสอบที่ได้รับการออกแบบมาดีจริงๆ คนทำจะไม่มีทางรู้เลยครับ เช่น ในแบบทดสอบของคุณ คำถามเกี่ยวกับความตาย มีแนวโน้มว่าจะเป็น 1 ในการทดสอบว่าคุณกำลังโกหกอยู่หรือไม่นะครับ(ผมเอามาเปิดเผยในเวปนี่จะผิดจรรยาบันไหมเนี่ย) หากคุณตอบว่าไม่เคยคิด เท่ากับว่าคุณกำลังโกหกอยู่แล้วครับ(แต่ต้องไปดูคำถามก่อนด้วยว่าถามแนวไหน) เพราะสัญชาติฐานที่เกี่ยวกับความตาย(ทานาทอส)ป็น 1 ใน 2 สัญชาติฐานพื้นฐานของมนุษย์ เทียบเท่ากับแรงขับของการมีชีวิต(อีรอส) หรือเซ็กนั่นแหละ หากคนธรรมดาคนหนึ่งบอกว่าเขาไม่เคยคิดเรื่องเซ็กเลย คุณว่าคนคนนั้นกำลังโกหกอยู่หรือไม่หล่ะครับ? แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 52 11:50:41 แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 52 11:46:12 จากคุณ : เกียงอุยศิษย์มังกรหลับ - [ 11 มี.ค. 52 11:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เค้าต้องมีการตรวจสอบกันทั้งการตรวจ reliability และการทดสอบ validity ของแบบสอบถามด้วยครับ จากคุณ : ชาเขียว - [ 11 มี.ค. 52 12:25:02 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่รู้จะพิมพ์อะไร คิดเหมือนคุณ เกียงอุยศิษย์มังกรหลับ ว่าสมควรจะพิมพ์ไหมนะ แต่แค่อยากบอกว่า เดี๋ยวนี้บทบาทของนักจิตวิทยามีหลายสายค่ะ ไม่ใช่แค่ต้องเดินไปเดินมาอยู่แต่ในโรงพยาบาล อย่างคุณ คห 2 ก็เป็นสายจิตอุตสาหกรรม เดี๋ยวนี้การที่บริษัทจะสัมภาษณ์พนักงานก็มักจะเชิญนักจิตวิทยา หรือ บุคคลากรทางด้านนี้ในบริษัทมาร่วมในการสัมภาษณ์ แบบสอบถามเป็นเพียงแค่ 1 ในด่านทดสอบหลายๆอย่าง บางทีการทดสอบเริ่มตั้งแต่ คุณก้าวเข้ามาในห้อง ก็ถูกจับตาถึงอิริยาบทต่างๆโดยนักจิตวิทยาที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้สัมภาษณ์แล้ว คุณ จินหยง ค่ะ บางอย่างตอบ A - A = B ก็ได้นะ ไม่ได้หมายถึง A เสมอไป จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ - [ 11 มี.ค. 52 13:00:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมก็ไม่ค่อยรู้หลักการจริงๆ นะครับ ยอมรับ แต่ผมเชื่อว่ามีคนทำแบบทดสอบ จำนวนไม่น้อยเลย ที่สามารถเลือกตอบแบบต้องการผลได้ ..สำหรับประเด็นตามตัวอย่างที่ยกมา ผมไม่กล้าตอบว่าคิดถึงความตายบ่อยๆ แน่นอน   ตามที่ท่านเกียงฯ อธิบาย ผมก็สงสัยอีกว่า ถ้ามีคนตอบว่า คิดถึงเรื่องความตายบ่อยๆ   ผู้ประเมินจะถือว่า ไม่ได้โกหก แล้วเป็นแบบทดสอบที่ปกติ ผมก็ว่าน่ากลัวเหมือนกันนะ ..เอ่อ เพิ่มเติมอีกนิด รู้สึกว่าจะมีแบบถามปุ๊ป ตอบปั๊บ ด้วย แบบให้ดูรูปแล้วตอบว่าคิดถึงอะไร อันนี้ไม่เคยทดสอบเอง   แบบนี้คนตอบไม่สามารถปั้นคำตอบได้อย่างแน่นอน  แต่สงสัยในเรื่องตัวแปรมากกว่า เช่นเมื่อคืนผมดูซีรี่ย์ csi ไป 5 ตอนรวด  วันนี้เลยคิดแต่เรื่องการสืบสวนและฆาตกรรม คำตอบจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ แต่ไม่เหมือนวันปกติแน่ จากคุณ : จินหยง - [ 11 มี.ค. 52 13:29:48 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แหะๆ ถามคุณขี้เหงา...ไม่ได้กวนนะครับ เพื่อความรู้ 1. คือ คำที่ว่า ไม่รู้ว่าสมควรจะพิมพ์ในที่สาธารณะไหม นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของวิธีการทดสอบด้วยแบบทดสอบแล้ว 2. อันนี้เห็นด้วยเลยครับ ถ้าจะใช้หลายๆ อย่างร่วมกัน   ประเด็นผมไม่ได้อยู่ที่สงสัยเรื่องการวิเคราะห์จิตวิทยานะครับ ประเด็นแค่แบบทดสอบ  ซึ่งหลายๆ ครั้งที่เจอ จะประเมินจากแบบเท่านั้นสิครับ 3. ก็ นั่นนะสิ เหมือนกัน ผมยอมรับในหลักการได้ว่า การตอบ A อาจจะหมายถึง B ก็ได้   คือ สมมติ logic ที่คุณบอกนะ ถ้าปกติเขาเป็นคน A ซึ่งตามหลักการเขาจะต้องตอบ B  ผู้ทดสอบจะได้รู่้ว่าเขา A ......แต่เนื่องจากเมื่อคืนและตอนเช้า เขาเจออะไรเกี่ยวกับ A มากๆ แล้วก็ตอบ A มันก็ไม่ได้ผลตามที่ควรเหมือนกัน จากคุณ : จินหยง - [ 11 มี.ค. 52 13:45:06 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ่านจนจบแล้ว สรุปตามความเห็นส่วนตัวว่า จขกท.มีอคติ ดังนั้นชี้แจงไปก็เท่านั้น เพราะคุณคอยแต่แย้งอย่างเดียว ตามประสบการณ์และโลกทัศน์ส่วนตัว แบบทดสอบทางจิตวิทยาเขาคิดค้น พัฒนาไม่ใช่ของง่าย ตรวจสอบความถูกต้อง ความแม่นยำ ความน่าเชื่อถือมาแล้วไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยขั้นตอน ไม่ใช่มา disprove ด้วยความคิดส่วนตัวของคุณเพียงคนเดียว แน่นอนว่ามันมีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้องตามที่คุณแย้งมา แต่เขาก็พยายามพัฒนาให้แบบทดสอบตัดเอาปัจจัยเหล่านั้นออกไป เป็นต้นว่า ไม่ถามแต่หัวข้อหรือประเด็นเดิมๆซ้ำๆกัน มีคำถามหลอก มีคำถามจับผิดการโกหก เป็นต้น และเกณฑ์การตัดสินก็กำหนดเป็นช่วง เผื่อความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากทดสอบ ไม่ใช่ได้ 9 โรคจิต ได้ 10 ปกติ ส่วนใหญ่จะช่วงคะแนนที่เป็นค่าสงสัยอยู่ คือใครได้คะแนนระหว่างช่วงดังกล่าวต้องเขยิบไปทำการทดสอบที่ซับซ้อนขึ้นเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตรวจวัด ส่วนแบบทดสอบตามนิตยสารอ่านเล่นนั้น คงเอามาเทียบกันไม่ได้ มันกระดูกคนละเบอร์ หากตอบกระทู้ด้วยข้อความล่วงเกิน ไม่ชวนฟังไปหน่อย ขออภัย จขกท.มาณ ที่นี้ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 11 มี.ค. 52 13:47:16 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เอ่อ แล้วคุณไม่รู้จริงๆเหรอครับว่า ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงไม่ควรพิมพ์ในที่สาธารณะ อย่างนี้ผมพิมพ์ขนาดยานอนหลับที่ทำให้ตายได้ แม้ไปส่งรพ.ก็ยากที่จะช่วยชีวิตได้ทัน และวิธีได้มาซึ่งยานอนหลับนั้นโดยไม่ผิดกม. อย่างนี้สมควรหรือเปล่าครับ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 11 มี.ค. 52 13:50:41 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เพิ่มเติมอีก เดี๋ยวจะหาว่าพูดอะไรเว่อร์ๆ ไม่มีแบบทดสอบไหนที่แม่นยำ 100% ไม่อย่างนั้น ชีวิตคงง่ายขึ้น พอขึ้นป.4 จับทดสอบตามแบบทดสอบให้หมด ใครได้คะแนนผิดปกติก็จับส่งโรงพยาบาลบ้า ดีจัง ช่วยลดปัญหาสังคมไปได้เยอะ แบบทดสอบส่วนใหญ่เป็นการคัดกรองเบื้องต้น ไม่ใช่การวินิจฉัย การวินิจฉัยต้องกระทำโดยจิตแพทย์ เช่นเดียวกันกับแบบทดสอบบุคลิกภาพ ทำเสร็จแล้ว ไม่มีใครมาตราหน้าคุณว่าคุณเป็นคนแบบนี้แบบนั้น มนุษย์เราหลากหลายเกินกว่าจะเอาแบบทดสอบ 100 ข้อมาประเมินคุณค่าทั้งชีวิต บริษัทต่างๆก็ใช้เป็นหนึ่งในเกณฑ์ในการคัดเลือกคนเข้าทำงาน ประกอบกับเกณฑ์อื่นๆเช่น การสัมภาษณ์ ประวัติส่วนตัว เป็นแค่การจัดกลุ่มหยาบๆคร่าวๆ หากต้องการพิสูจน์บุคลิกจริงๆเช่นกันคงต้องอาศัยจิตแพทย์หรือนักจิตวิเคราะห์ครับ ซึ่งไม่ได้หมายความว่า แบบทดสอบเหล่านั้นไร้ประสิทธิภาพแต่อย่างไหน ก่อนที่จะใช้เครื่องมือใดๆต้องดูวัตถุประสงค์ในการใช้เสียก่อนครับ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 11 มี.ค. 52 14:03:55 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เอ่อ... ผมก็บอกแล้วว่ามี อคติ ...ผมอยากได้คำอธิบายแบบเหตุผลดีๆ ที่ทำให้ผมหายอคติ   คือประเด็นมันเหมือนกวน ผมก็กลัวๆ จะออกมาในรูปนี้เหมือนกัน  แต่ถ้าอ่าน ดีๆ จะเข้าใจความหมายของผมน๊า......... แล้วเรื่องนี้ มันอาจไปกระทบกับวิชาชีพ ทำให้อาจจะพูดกันด้วยเหตุผลยากนิดนึง ส่วน # 12 นี่ logic ผิดนะครับ คนละเรื่องกัน ขอปิดกระทู้ดีกว่าครับ  ขออภัยจากใจจริงๆ ครับ จากคุณ : จินหยง - [ 11 มี.ค. 52 14:11:21 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าพูดกันขนาดนี้แล้วยังไม่สามารถทำให้จขกท.คลายอคติได้ ก็ขอบาย สงสัยว่าตัวเองไม่มีความสามารถในการอธิบายมากพอ คงต้องเรียนเชิญคห.อื่นมาชี้แจงแทน และไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเราพูดนอกเรื่องตรงไหน ในเมื่อจขกท.บอกว่า แบบทดสอบทางจิตวิทยาโกงได้ หรือไม่ก็แปลผลผิดได้จากปัจจัยอื่นๆ ก็พยายามชี้แจงว่าเขาพัฒนาแบบทดสอบให้ลดปัจจัยตรงนั้นได้ หรือใช้การทดสอบอีกขั้นหนึ่งในกรณีที่สงสัยผล แต่จขกท.บอกว่าเราพูดนอกเรื่อง ก็ไม่รู้เหมือนกัน...สงสัยจะไม่มีความสามารถในการอธิบายจริงๆ อ้อ แล้วจขกท.ยังบอกอีกว่า ...แล้วเรื่องนี้ มันอาจไปกระทบกับวิชาชีพ ทำให้อาจจะพูดกันด้วยเหตุผลยากนิดนึง อืม...คนที่ออกมาโต้แย้งสิ่งซึ่งเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิชาชีพของตนเองเป็นพวกไร้เหตุผล จะสื่ออย่างนี้หรือเปล่า...อืมๆ อนึ่ง...ผมไม่ได้อยู่ในวิชาชีพนักจิตวิทยา หากแต่มีความสนใจเรื่องจิตวิทยาเป็นการส่วนตัว จากคุณ : Cryptomnesia - [ 11 มี.ค. 52 14:25:56 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มาแก้ไขความเข้าใจผิดค่ะ ที่บอก ไม่รู้สมควรจะพิมพ์ไหม คือ ลึกลงไปขนาดนั้น มันเป็นข้อมูลทางสายอาชีพมากกว่าความรู้ทั่วไป ถ้าเป็นพวกจิตวิทยาทั่วไป หรือ การเรียนรู้ มันก็ยังบอกเล่าอธิบายได้ แม้แต่ นศ.สายจิตวิทยาคลินิก ถ้าหากยังไม่ถึงเวลาที่สมควรเรียน ก็ยังไม่ได้รับการเรียนในระดับขั้นนี้เลย เหมือนที่กระทู้ก่อน ก็มีนักจิตวิทยาหลายท่านบอกมาก่อนแล้วว่า test ทั้งหลายค่อนข้างเป็นความลับพอสมควร ถ้ามันเป็นสิ่งที่เผยแพร่ได้ง่ายๆและสมควรรู้ ก็คงบรรจุเรียนกันในวิชาหลักตั้งแต่ ปี1-2 แล้วล่ะ ไม่ใช่ว่าต้องมาขึ้นปี 3-4 ถึงจะได้เรียน ขนาดเราเองอีก 1 ปีจะจบแล้ว ตอนนี้ยังได้แค่เรียนรู้และทำความเข้าใจกับ test เบื้องต้นเอง แค่เรียนรู้ test แต่ละประเภท รูปแบบ การทำความเข้าใจกับ test การตีความจากตัวเรา การอาศัยประสบการณ์ ตัวอย่างกรณีศึกษา ฯลฯ แต่การที่เรียนลงไปลึกกว่านี้ ต้องเกือบจะออกฝึกงานโน้นแน่ะ แบบว่า ยื่นขอจบ จะทำงานทางสายอาชีพนี้เกือบแน่นอน ถึงจะได้ฝึกขั้นลึก นี่ขนาด นศ.ในสายงานจิตคลินิก ยังคัดกรองกันขนาดนี้ และ test ก็ยังเป็นความลับห้ามนำออกไปข้างนอก มันคงไม่สมควรหากนำข้อมูลที่ใช้ในสายอาชีพออกมาเผยแผ่ เหมือนอย่างที่คุณ Cryptomnesia อธิบายซึ่งนั่นก็เป็นความรู้อีกสายอาชีพ แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 52 14:41:05 จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ - [ 11 มี.ค. 52 14:39:37 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบ # 15 นะครับ เอ่อ.. ยิ่งผมอธิบาย ยิ่งไปกันใหญ่ .....ปกติผมกับเพื่อนชอบถกกันแรงๆ อาจจะไม่เหมาะสมกับกระดานสาธารณะที่ไม่ได้เห็นหน้าและกริยากัน  นี่ผมพูดแบบจ๋อยๆ นะครับ ไม่ได้ประชดประชัน ถ้าพูดถึงประเด็นในวิชาชีพผม บางเรื่องผมก็ยากจะอธิบายเหตุผลด้วยเหมือนกัน แล้วส่วนตัวผมเห็นว่าบางเรื่องศรัทธา ก็อยุ่เหนือเหตุผลด้วย ที่กล่าวมา ไม่ได้มีประสงค์จะว่ากล่าวใครเลยนะครับ..ผมสื่อความหมายไม่ดีเอง ขออภัยคร้าบ แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 52 14:58:07 จากคุณ : จินหยง - [ 11 มี.ค. 52 14:45:14 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อ้าว เจ้าของกระทู้ปิดกระทู้ซะงั้น อืม ถ้าจะให้อธิบายถึงความแตกต่างก็คงจะรวมๆจากความเห็นข้างต้นนะครับ ว่าแบบทดสอบทางจิตวิทยาที่ใช้จริงๆนั้นส่วนใหญ่ได้มีการคิด ทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างและหาค่า reliability และ validity จนมีความน่าเชื่อถือตามหลักสถิติ แต่ถึงกระนั้นบางครั้งตัวแบบทดสอบที่จัดทำในต่างประเทศ หากนำมาแปลเป็นภาษาไทยก็ต้องมีการทดสอบอีกครั้งว่า เมื่อแปลมาแล้วนั้นดี ไม่ดี หรือมีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด แบบทดสอบที่เจ้าของกระทู้เคยพบเจอ ผมขอเดาว่าน่าจะเป็นประเภทแบบเลือกตอบ ซึ่งเจ้าของกระทู้ก็สามารถคิดหรือใช้ common sense ตอบได้ว่าควรตอบอย่างไร แต่ในบางแบบทดสอบนั้น ก็จะมีในส่วนของข้อคำถามที่ดูถึงแง่ของการจริงใจในการตอบ (โกหกหรือไม่ ตอบให้ดูดีหรือดูแย่กว่าความเป็นจริงหรือเปล่า) ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ทำให้สังเกตได้ครับ ว่าคนตอบตั้งใจหรือจริงใจในการทำหรือเปล่า ส่วนอีกประเภทหนึ่ง นั้นจะไม่เหมือนอันแรก คือไม่มีข้อให้เลือกตอบ  (ดังกระทู้ที่แล้วเป็นต้น) แต่จะดูแนวคิดของเรามากกว่า อาจจะด้วยการพูดคุย หรือใช้กิจกรรมต่างๆ ซึ่งในส้วนนี้ผู้รับการทดสอบส่วนใหญ่จะไม่ทราบถึงกระบวนการ และแนวทางที่ว่า เราควรจะทำแบบทดสอบนี้ให้ออกมารูปแบบใด ซึ่งแบบทดสอบนี้จะมีความน่าเชื่อถือ เพราะการแปลผลนั้นต้องอาศัยความรู้เฉพาะวิชาชีพจริงๆ ซึ่งหากเจ้าของกระทู้เคยทำก็อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างของแบบทดสอบทางจิตวิทยามากขึ้นนะครับ และที่สำคัญคือ ในปัจจุบัน ดังที่หลายๆท่านด้านบนได้กล่าวว่า ไม่ใช่เพียงแบบทดสอบอบ่างเดียวที่เป็นตัวชี้วัดคนๆหนึ่ง ต้องอาศัยเทคนิดอื่นๆ รวมถึงการประชุมเพื่อให้ผลออกมา มีความถูกต้องและน่าเชื่อถือที่สุดครับ อืมม ท่านใดมีความรู้ หรือเห็นว่าผมเปิดเผย ในความเป็นวิชาชีพเกินไป ก็ทักท้วงได้นะครับ แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 52 15:28:35 จากคุณ : หมาป่าสีเงิน - [ 11 มี.ค. 52 15:27:54 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แบบทดสอบทางจิตวิทยาเค้ามีวิธีที่ออกมาเพื่อจับโกหกอยู่แล้วค่ะ แต่คงไม่ขออธิบายรายละเอียดนะคะ เพราะเป็นความลับทางวิชาชีพค่ะ ถ้าจะถามว่ามันวัดผลได้จริงๆไหม ในกรณีที่คุณไม่จริงใจในการทำแบบทดสอบ มันก็คงจะไม่ได้ผลค่ะ นักจิตวิทยาเค้าถึงจะต้องพยายามสร้างสัมพันธภาพกับผู้ทดสอบให้มีเจตคติที่ดีกับการทำแบบทดสอบยังไงล่ะคะ เพราะผลที่ได้จากแบบทดสอบนั้นก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเอง อย่างไรก็ดีเค้าก็ไม่ได้นำผลที่ได้จากแบบทดสอบเป็นตัวตัดสินคุณอย่างเดียวค่ะ แค่เป็นส่วนหนึ่งในการประเมินเท่านั้น การใช้การสัมภาษณ์ ได้พูดคุยกับคุณย่อมสามารถบอกอะไรได้มากกว่าการใช้แบบทดสอบแน่นอน จากคุณ : ปีกน้อยที่ไม่อาจโบยบิน - [ 11 มี.ค. 52 16:02:06 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เดือด จากคุณ : -APEM - [ 11 มี.ค. 52 16:03:15 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ แฮ่  คงไม่เดือดแล้วมั้งคร้าบ ขอบคุณทุกท่านที่พยายามจะอธิบายผม ถ้ามีการตอบเพิ่มกันผมขอต่อนิดนึงนะครับ คือพอมานั่งคิดแยกแยะดี การตั้งกระทู้ผมมันผสมกันไปหลายประเด็น เลยทำให้มั่วไปหน่อย ผมผิดเอง ตอนนี้ประเด็นเรื่องเกี่ยวกับจิตทางการแพทย์ ผมไม่ค่อยข้องใจแล้วครับ เพราะปกติมันต้องมีการประเมินอย่างอื่นประกอบอยู่แล้ว ...... ขอเหลือประเด็นเดียวแคบๆ ทางการบริหารแล้วกัน อย่างที่ทำงานผมมีการสอบเลื่อนระดับ ข้อสอบ 100 ข้อ เป็นข้อสอบเกี่ยวกับด้านจิตวิทยา 5 ข้อ ผมไม่ได้สอบเอง แต่มีคนจำข้อสอบออกมา พอดูแล้วก็รู้ได้เลยว่าจะต้องตอบอย่างไรให้ได้คะแนน ..แล้วเฉลยมามันก็ตามนั้น กลายเป็นว่าใครรู้วิธีตอบก็ได้คะแนน ใครไม่รู้ก็เสียคะแนนในส่วนนี้ไปอย่างไม่เป็นธรรม จากคุณ : จินหยง - [ 11 มี.ค. 52 16:31:42 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ชักมัน........ ผมเชื่อว่าวัดได้ แต่ไม่ทั้งหมด คล้ายๆกับเป็นขั้นตอนการเกณฑ์ให้หัวข้อแคบลงมา อะไรแบบนี้ แล้วที่ จขกท ว่า ตอบแบบให้ได้ผลตามต้องการ แล้วทำแบบทดสอบนี่ยังต้องโกหกตัวเองด้วยเหรอ จากคุณ : . (Antornz) - [ 11 มี.ค. 52 16:35:06 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตอบ คห.21 ผมว่านั้นมันเป็นข้อบกพร่องของระบบบริหารจัดการบริษัทคุณไม่ใช่หรือครับ....???   ยิ่งสามารถรู้ว่าข้อไหน มีคะแนนเท่าไร........สำหรับผม ถ้าแบบคำถามนี้ม่ผลต่อการทำงานจริงๆ  บอกได้เลยว่า แผนกบุคคลห่วย.......(หรือนี่เป็นคำตอบที่คุณอยากฟัง...) ...หรือว่าผมเข้าใจผิด ตามความเห็นผม 5 ข้อนั้นก็ไม่น่าใช่ แบบคำถามเกี่ยวกับทางด้านจิตวิทยาด้วยครับ  น่าจะเป็นเกี่ยวกับความเหมาะสมมากกว่า....... จากคุณ : Mine_Knight - [ 11 มี.ค. 52 16:59:38 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เอาง่ายๆ ละกัน แบบทดสอบในนิตยสารผู้หญิงทั่วไปน่ะ เชื่อถือไม่ได้ หากเอามาหาค่าทางสถิติ จะได้ค่าที่ ต่ำ มากๆ คือ วัดอะไรไม่ได้เลย ส่วนตัวคิดว่า จขกท อ่านแบบทดสอบตามหนังสือพวกนั้น แล้วตอบไปตาม common sense ตัวเอง เช่น คุณคิดว่าเป็นคนอย่างไรในสายตาของเพื่อน? หากอ่านดีๆ ในแต่ละข้อก็จะเห็นเลยว่า ตัวเลือกแต่ละตัวในทุกๆ ข้อ มันจะมีแนวโน้มว่าตอบข้อนี้ๆๆ จะได้คะแนนค่อนข้างสูง หรือมีลักษณะคล้ายๆ กัน ซึ่งตัวเลือกมันก็ค่อนข้างจะฟันธงอยู่ แล้วตัวแปลผลก็จะหว่านกว้างๆ เป็นเรื่องทั่วๆ ไปมากกว่า แล้วแบบทดสอบที่คัดเลือกเข้าทำงานในบางที่ เค้าก็ไม่ได้ใช้แบบทดสอบที่ซื้อมาและได้มาตรฐานจริง แต่เป็นแบบทดสอบที่ "พัฒนา" ขึ้นมาเพื่อใช้เองในองค์กร ซึ่งไม่ได้ใช้วิธีการวัดค่าทางสถิติ แต่คิดว่าแบบทดสอบนี้น่าจะใช้วัดได้ ดังนั้น ก็เลยมีคนตอบที่ตอบไปตามความคาดหวังของสังคมไป เช่น จะคัดเลือกพนักงานบัญชี คนที่จะเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ ควรจะมีทักษะ ความรู้หรือบุคลิกภาพอะไรบ้าง (เป็นความคาดหวังของสังคมว่าคนที่จบบัญชีมาก็ควรจะทำบัญชีได้ หรือมีบุคลิกภาพอย่างไร) ซึ่งมันก็ต่างกันไปในแต่ละบุคคลอยู่แล้ว บางคนตอบได้ (เพราะฟลุค บังเอิญว่ารู้มา เช่น แนวข้อสอบ) แต่บางคนตอบไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าคนที่ตอบไม่ได้จะไม่มีความรู้เลย บางที่ถึงต้องให้มีทดสอบงาน 3เดือน 6เดือนก็ว่ากันไป... ไม่แปลกที่มันจะรั่วออกมาข้างนอก (ก็บางที่เล่นใช้เป็น 10 ปี) มันเลยวัดอะไรไม่ได้ไง แล้วการที่ข้อสอบรั่วมันก็เป็นความผิดพลาดขององค์กรด้วย ถ้ามันวัดอะไรไม่ได้แล้วก็ควรจะเปลี่ยนให้มีมาตรฐานมากกว่านี้ แถมส่วนมากแบบวัดในองค์กรก็เป็นแบบวัดรายกลุ่ม ค่าความเที่ยงมันก็น้อยกว่าแบบวัดรายบุคคล ส่วนแบบทดสอบทางจิตวิทยาที่ใช้กันจริงๆ เค้าพัฒนากันมาเยอะ ใช่ว่าสร้างแล้วก็หยุดเลย อย่างบางแบบทดสอบก็มีหลาย edition เพื่อให้สอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ กว่าจะได้แบบทดสอบที่เชื่อถือได้ว่าสามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการทดสอบบุคคลได้ แล้วราคาก็แพงมหาศาล และคนที่ใช้ได้ต้องมีความเชี่ยวชาญจริงๆ ไม่ใช่ใครๆ ก็หยิบมาใช้ได้ ไม่งั้นแบบทดสอบพวกนี้คนก็ใช้กันทั่วแล้ว เขียนไปเขียนมาชักยาว... แต่ในฐานะที่เรียนจิตวิทยาอยู่ ก็อยากจะบอกว่า จิตกับพฤติกรรมมนุษย์เป็นสิ่งที่เข้าใจยากมากๆ มีตัวแปร มีปัจจัยเป็นร้อยเป็นพัน ซึ่งการที่จะทำแบบทดสอบแล้วฟันธงว่าคนๆ นี้เป็นอย่างนี้ๆ มันก็ไม่ใช่ว่าจะได้ผล 100% ต้องดูอย่างอื่นประกอบด้วย ทั้งพันธุกรรม การเลี้ยงดู สังคม สิ่งแวดล้อม ทุกอย่างมีผลต่อการทดสอบทั้งนั้น อีกอย่าง ประเทศไทย ตอนนี้ยังไม่ค่อยเข้าใจศาสตร์ จิตวิทยา มากเท่าไหร่ เท่าที่เจอมา ส่วนมากยังบอกว่า เรียนจิตวิทยา บ้ารึเปล่า? อยู่เลย [สงสัยจะจริง บางทีพูดกับคนอื่นๆ เค้ายังไม่ค่อยเข้าใจเราเลยอ่ะ] แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 52 17:36:00 จากคุณ : Mac_ximum - [ 11 มี.ค. 52 17:25:37 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ^ตอบ 23 ครับ ^ ^ เป็นจิตวิทยาเกี่ยวกับความเป็นผู้นำครับ ข้อสอบจ้างอาจารย์มหาวิทยาลัยรัฐ แห่งหนึ่งออกให้ เสียดายจำไม่ได้ ประมาณว่า ..ถ้าเพื่อนทำอย่างนี้ คุณจะทำอย่างไร   ..หรือระหว่างเข้าไปในงานเลี้ยง คุณจะทำยังไง ถ้าตอบแบบหงอๆ จะไม่ได้คะแนนครับ ..คุณชอบเวลาไหน หรือชอบวันอะไร.... คำตอบจะดูว่าเป็นคนขี้เกียจหรือปล่าว ตอบ 24 ครับ ประเด็นนั้นไม่ค่อยสงสัยแล้ว .... ผมโมเมสรุปเอาว่าทุกท่านเห็นตรงกันว่า แบบทดสอบอย่างเดียววัดผลไม่ได้  เพียงแต่ผมเคยไปเจอการวัดผลด้วยแบบทดสอบอย่างเดียวมา ก็เอามาเขียนปนๆ กันไป ทำให้ประเด็นสับสนกันครับ ........................... ขออนุญาต แจก give นะครับ สำหรับทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาตอบ.. มีเหลืออยู่เพียบ ยังไม่รู้เลยว่ามีไว้ทำไม แหะๆ ............................ แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 52 17:41:11 แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 52 17:35:56 จากคุณ : จินหยง - [ 11 มี.ค. 52 17:30:33 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ^ ^ ถ้า จขกท สนใจเรื่องการวัดทางจิตวิทยาจริงๆ ลองหาหนังสือมาอ่านดูก็ได้ Psychological testing  ยิ่งเป็น text ของเมืองนอกจะละเอียดมาก จากคุณ : Mac_ximum - [ 11 มี.ค. 52 17:39:05 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เห็นด้วยกับหลายๆ ความเห็นด้านบนครับ ไม่มีแบบทดสอบไหนดี 100% อันนี้ถูกต้องเลยครับ การจะได้แบบทดสอบ จะต้องมีการวิจัย มีการทดลองหาค่าต่างๆ ทางสถิติ แล้วทดลองกับกลุ่มตัวอย่างดูว่าได้ผลตามที่ต้องการวัดหรือไม่ และพยายามให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด บางครั้งแบบทดสอบเหมือนกัน แต่ถ้าใช้ทดสอบคนต่างกลุ่มต่างแบบกั สมมติเคยวิจัยว่าใช้ได้กับนักศึกษา แต่ตอนนี้ต้องการวัดพนักงานบริษัทฝ่าย... ก็ต้องมีการรื้อมาลองทดสอบใหม่อีกอ่าครับ ที่บอกว่า ดูคำตอบแล้วเดาได้ อันนี้ขึ้นกับคนทำแบบทดสอบ จะต้องให้ความร่วมมือ ตอบตามความเป็นจริง บวกกับคนออกแบบทดสอบจะต้องหาวิธีการหลายๆ อย่างมาวัด เช่น อาจมีหลายๆ ข้อที่วัดในหัวข้อเดียวกัน แต่เนื้อหาต่างกันมาหาค่าเฉลี่ย หรืออาจมีข้อลวงปนๆ ไป ฯลฯ ส่วนแบบทดสอบตามนิตยสาร บอกได้แค่ว่าเล่นขำๆ อย่าไปคิดอะไรมาก เอาสนุกๆ เถอะครับ จากคุณ : DJ BrYaN - [ 11 มี.ค. 52 17:52:21 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ตอบเพิ่มอีกนิดครับ แบบทดสอบเป็นเหมือนปราการด่านหนึ่งที่ใช้คัดกรองคัดเลือก ซึ่งอาจดูร่วมกับการสังเกตพฤติกรรม การสัมภาษณ์ และอื่นๆ อย่างที่ความเห็นบนๆ บอกกันมา คืออาจเริ่มทดสอบด้วยแบบทดสอบแยกความปกติกับอปกติ ถ้าเจอว่ามีแนวโน้มว่าอปกติ ต้องมาทดสอบในแบบทดสอบที่ซับซ้อเพื่อคัดกรองว่ามีอาการกลุ่มใด อปกติจริงไหม แล้วมาเจาะลึกอีกทีครับ จากคุณ : DJ BrYaN - [ 11 มี.ค. 52 17:55:42 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ปกติ จะไม่ตรง ...อ่านะ จากคุณ : BlackpicK - [ 11 มี.ค. 52 18:51:10 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านดู จขกท.เค้าถามเพราะสงสัยจริงๆมากกว่ามากวนนะ นักจิตวิทยาแท้ๆในกระทู้นี้น่าจะสังเกตุออก ว่าใครเป็นอะไร ที่จริงวิชาชีพนี้สำคัญมากนะ อ่านแล้วก็เข้าใจจนอยากกำหนดให้ อาชีพ สส. สว. ก่อนลงรับสมัครเป็นตัวแทนประชาชน ต้องทำแบบทดสอบทางจิตวิทยาเบื้องต้นก่อนลงสมัคร จะได้คัดกรองคนที่มาหาผลประโยชน์ส่วนตัวออกไปเยอะๆหน่อย จากคุณ : หลับตา - [ 11 มี.ค. 52 19:47:28 A:58.64.67.148 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เข้าใจดี เพราะคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ศึกษาจิตวิทยาก็มักคิดแบบนี้บ่อยไป แต่ก็อย่างที่บอกว่า เรื่องบางเรื่อง เขามีไว้ใช้ทำงาน ไว้ศึกษาข้อมูล และเก็บข้อมูลพฤติกรรม หรือการวัดผลที่เที่ยงตรง ไปเล่าก็เหมือนข้อสอบรั่ว กลายเป็นทำให้รู้มาก หรือคิดว่ารู้มากก็มี สายจิตวิทยาวิเคราะห์ในด้านนี้ แม้จะเข้าใจดีว่ามันมีองค์ประกอบอะไรบ้างเขาก็ไม่เอามาอธิบายกัน อยากให้ จขกท. อุ่นใจ ว่า ถ้าองค์ประกอบการทดสอบเป็นไปตามที่นักจิตวิทยากำหนด ไม่ว่าจะคิดว่าตอบดียังไงมันก็จะมีร่องรอยให้นักจิตวิทยาประเมินได้ ไม่อย่างนั้นระบบวิเคราะห์ วิจัย จะไม่สามารถนำมาอ้างอิง หรือใช้ประเมินผลได้เลยครับ ในกรณีนอกเหนือจากปัจจัยควบคุม อันเกิดจากผู้ที่นำแบบทดสอบมาใช้ อาจเกิดขึ้นในบางที่ แต่มันก็ไม่ได้หมายรวมไปถึงแบบทดสอบของจริงที่ใช้อย่างถูกต้องตามรูปแบบในการศึกษาจะเป็นเรื่องเหลวไหลไปด้วย แต่การมาอธิบายมากๆก็จะเป็นสาเหตุจูงใจให้หลายๆคนที่รู้บางส่วนที่เล่าไป คิดไปต่างๆนาได้อีก เล่าไว้เท่านี้แหละครับ..555 จากคุณ : granun - [ 12 มี.ค. 52 04:36:56 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ผมคิดว่าเป็นแค่ส่วนหนึ่งแค่นั้นครับ ภาษากายต่างหากที่บอกว่าคุณคิดอะไร ผมตกใจมากๆ ที่พบว่ามีจิตวิทยาบางแขนงอธิบายมนุษย์ได้อย่างที่เจ้าตัว ก็ยังไม่รู้มาก่อนว่าตัวเองคิดอย่างนี้ ตอนนี้ความรู้อยู่กับตัวแล้ว ค่อนข้างจะเข้าใจ บอกไม่ถูก เรียนรู้มาก็จริง แต่ต้องใช้วิธีฝึกสังเกตจากชีวิตจริงๆ ยอมรับความเป็นเขาจริงๆ จึงจะวิเคราะห์ได้ใกล้เคียงครับ จากคุณ : AVSystem - [ 12 มี.ค. 52 23:31:03 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 14 มี.ค. 52 21:20:29 ]