ความคิดเห็นที่ 1 อ่าาาาาาา รอดูเจ้าของกระทู้โดนถล่ม... แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 52 20:29:38 จากคุณ : ๛กอล์ฟ - [ 11 มี.ค. 52 20:03:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คิดว่าคงจะเพราะกิเลสหนาครับ จากคุณ : rdo - [ 11 มี.ค. 52 20:16:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมเชื่อครับ ของแค่นี้ท่านจะโกหกไปได้อะไร??? ถ้าไฟไหม้ป่าแล้วมาโกหกว่าไม่ได้จุดไม่ได้ทำ อันนี้ยังมีเหตุผลให้โกหกมากกว่า ปล.คำตอบที่คุณตอบมันสะท้อนจากตัวคุณเองนั้นแหละ จากคุณ : หลับตา - [ 11 มี.ค. 52 20:16:22 A:58.64.67.148 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อนุโมทนา หมายถึง การแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ ริษยา หมายถึง อาการที่ไม่อยากให้คนอื่นได้ดี, เห็นเขาได้ดีแล้วทนนิ่งอยู่ไม่ได้ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 11 มี.ค. 52 20:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอโทษ คุณไม่ได้นับถือพุทธใช่ไหมครับ? จากคุณ : sc24 Naresuan U. - [ 11 มี.ค. 52 20:36:17 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ยำ ยำ นายสีเสียด หมูฉับ จากคุณ : Artaria EpisodeII - [ 11 มี.ค. 52 20:36:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สุภาษิตจีนมีไว้ว่า  อย่าใช้จิตใจคนหยาบช้า  ไปวัดวิญญูชน เราคงบอกไม่ได้ว่า เรื่องจริงคืออะไร  เพราะเราไม่ใช่พระสงฆ์ทั้งสองรูปนั่น   ดังนั้น  เราไม่กล้าวิจารณ์หรอกค่ะ   จำไว้นะคะ  เรื่องพวกนี้ ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเจ้าตัว   หากวิพากษ์วิจารณ์ไป เขาจะเรียกว่า ริษยา ค่ะ จากคุณ : วันนี้รักเธอที่สุด - [ 11 มี.ค. 52 20:41:48 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เป็นผมก็ไม่จุดอะ ผม 1 ชีวิต สัตว์ป่า แมว เสือ ลิง อีกนับ 100 จะตายเพราะผมเหรอ? จากคุณ : คนรักแมวมาก - [ 11 มี.ค. 52 20:41:56 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นเรื่องปกติสำหรับพระโยคาวจรผู้มีศรัทธาแรงกล้า แสวงหาหนทางดับทุกข์ หาที่สงบปฏิบัติธรรมบำเพ็ญในขั้นอุกฤษฏ์แล้ว  แม้ชีวิตก็ยอมเข้าแลกหากจะต้องอาบัติหนักข้อใดข้อหนึ่ง อย่าเห็นว่าเป็นความดีเพียงน้อยนิดแล้วไม่ทำ และอย่าเห็นว่าเป็นความชั่วเพียงน้อยนิดแล้วจึงทำ ลองเอาจิตเอาตัวเข้ามาสัมผัสในแวดวงธรรมบ้างครับ แล้วจะเข้าใจ จากคุณ : Lanoz - [ 11 มี.ค. 52 20:43:08 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เปนเราเราก้อไม่จุด จากคุณ : i love my boss - [ 11 มี.ค. 52 20:44:42 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มันไม่ได้จุดง่ายขนาดนั้นนะ -"- จากคุณ : Mr.Odwa - [ 11 มี.ค. 52 20:47:08 ]

ความคิดเห็นที่ 13 พระนะท่าน จากคุณ : ปิดบริการ - [ 11 มี.ค. 52 20:47:31 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อันนี้  เจ้าของกระทู้ฟังเอาไว้ประกอบการพิจารณานะครับ เณรที่ออกจากป่ามาได้ก่อน  ให้สัมภาษณ์ถึงพระทั้ง 2 รุปนั้น ก่อนที่จะหาท่านเจอ ว่าท่านเคร่งมาก  ของที่ไม่ถวาย  ท่านไม่ฉัน เวลาท่านออกธุดงค์ในป่า  ท่านไม่เก็บผลไม้ในป่าฉัน ท่านฉันแต่ของที่ได้รับถวาย ติดตัวท่านไปครับ เจ้าของกระทู้  ลองเอาข้อมูลนี้ไปตรองดู เผื่อจะทำให้จิตใจสบายขึ้นสักนิดครับ ว่ามีเหตุอันควรให้เชื่อได้หรือไม่ ว่าเป็นจริงอย่างที่ท่านพูด จากคุณ : specimen - [ 11 มี.ค. 52 20:47:43 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จะให้นั่งคิด เราก็คิดได้แบบเจ้าของกระทู้เหมอืนกัน ความเป็นไปได้มันมีอยู่ แต่เจ้าของกระทู้น่าจะคิดต่อไปอีกว่า คนเราได้รับการการอบรมสั่งสอนมาแต่ละทางไม่เหมือนกัน การ shape ความคิดมาไม่เหมอืนกัน พระเท่านถูก shape ไปทางนั้น ความคิดเรื่องเวรกรรม เรื่องการเบียดเบียนสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ก็ต้องมีเยอะกว่าฆราวาสเป็นธรรมดา ก็ท่องก็จำ ก็ร่ำก็เรียนอยู่ทุกวัน (ถ้าตั้งใจเรียนอะนะ) เทียบกะเราๆท่านๆ ที่ตบยุงเอาฮา บี้แมงสาปเอาขำอยู่ทุกวัน ความคิดก็ไม่น่าจะเหมอืนกันทุกอย่างนะคุณ ลองคิดถึงบริบทด้วยนะคะ ปล. จริงๆแค่พระท่านหลุดออกมาได้นี่ เราก็ควรจะดีใจกันแล้วไม่ใช่รึท่าน -"- จากคุณ : PADAPA--DOO - [ 11 มี.ค. 52 20:50:24 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จขกท อย่าเอาความคิดที่สังคมรังเกียจแบบนี้มาเผื่อแผ่ให้คนอื่นได้รับรู้เลยครับ .........  พระสงฆ์ที่ท่านเข้าไปจาริกในป่า ก็ได้มีการปวรณาตัวไว้ก่อนแล้ว ย่อมไม่คิดเบียดเบียนสัตว์ร่วมโลกหรอก .............. จากคุณ : ปลาทองน้องปลาทู - [ 11 มี.ค. 52 20:52:17 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ปูเสื่อนั่งดู จากคุณ : oppertunity - [ 11 มี.ค. 52 20:53:04 ]

ความคิดเห็นที่ 18 งั้นเปลี่ยนจากจุดไฟเป็นจุดธูปดีมั้ย  เผื่อเจ้าหน้าที่ใด้กลิ่นธูปแล้วมาช่วย จากคุณ : Lamelez - [ 11 มี.ค. 52 20:53:07 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ห้ามทำลายต้นไม้  ห้ามติดไฟเพื่อผิง  ห้ามฆ่าสัตว์  ถือเป็นอาบัติปาจิตตีย์ อาจจะดูไม่หนักหนา  แต่ลองคิดซะว่ากว่าจะมีซักชีวิตหนึ่งมานั้น มันยากแค่ไหน ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน   ก็เหมือนสมัยหนึ่งที่คุณต้องแข่งขันกับเพื่อน ๆ  แย่งกันไปหาไข่นั่นแหละ จากคุณ : Lanoz - [ 11 มี.ค. 52 20:54:43 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แค่ท่านมีความคิดเข้าป่าเพื่อธุดง ก็คิดว่าท่านมีความตั้งใจปฏิบัติธรรมจริงๆแล้วล่ะ ท่านน่าจะมีความเมตตาและตัดกิเลสได้พอควรแล้ว ดังนั้นผมเชื่อท่าน จากคุณ : Salted Egg - [ 11 มี.ค. 52 21:04:07 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ทำเป็นเล่นไปครับ ไฟป่าที่เกิดขึ้นมาน่ะ สาเหตุบางส่วน ก็เพราะจากจุดเริ่มต้นเล็กๆนี่แหละ จากคุณ : Shift Tech. - [ 11 มี.ค. 52 21:25:39 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เรื่องที่พระท่านไม่จุดไฟ ท่านอาจจะรักชีวิตก็เป็นไปได้ แต่แล้วคำถามคือ ถ้ามันเพราะสาเหตุนี้จริงแล้วจะทำไมครับ คุณจะหาเรื่องไปแฉออกทีวีรึไง ท่านรอดชีวิตกลับมาได้อย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องมานั่งคิดหรอกครับว่าทำไมท่าไม่จุดไฟ ท่านไม่จุดไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ดีแล้วครับ เป็นผมผมก็ไม่จุด เพราะผมก็ไม่อยากทำไฟไหม้ป่าด้วย ผมห่วงชีวิตสัตว์ด้วย จากคุณ : ว่างมากๆ - [ 11 มี.ค. 52 21:28:01 ]

ความคิดเห็นที่ 23 #14 (specimen) ถามด้วยความเคารพ>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> พระสงฆ์นี้เวลาธุดงค์ในป่าเค้าห้ามกิน(ฉัน)ผลไม้ในป่าหรือครับ( อยากรู้ครับ มันจริงหรือนี้)   ผลไม้ในป่าไม่มีเจ้าของนิ  ก็ไม่ได้หมายความว่าไปขโมยเขามานิ  มันจะผิดศีล ตรงใหนหรือครับ   แล้วพวกที่เค้าธุดงค์ในป่าใครจะมาตักบาตรให้ครับ ถ้าใม่กิน(ฉัน)ชผลไม้ในป่า (น่าจะเป็นพวกกล้วยป่า พบได้ทั่วไป เม็ดกล้วยเยาะโครตไม่อร่อยหรอกดีกว่าปล่อยให้หิว ) แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 52 21:39:44 จากคุณ : Lamelez - [ 11 มี.ค. 52 21:29:20 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ชีวิตสัตว์หรือชีวิตท่านก็สำคัญทั้งนั้นในศีลข้อปาณาติบาต จากคุณ : llvll - [ 11 มี.ค. 52 21:38:35 A:58.9.147.157 X: TicketID:115608 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 11 มี.ค. 52 21:43:31 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ จขกท. เป็นผู้ชาย หรือ ผู้หญิงคะ ถ้าเป็นผู้ชาย คุณคงไม่เคยบวชล่ะมั้งคะ เหอๆๆ คุณนั่นแล่ะทำไมคิดได้แค่นี้? ถ้าเป็นผู้หญิง คุณไม่เข้าใจคำที่พระท่านกล่าวเลยหรอคะ? จากคุณ : St.Kyo - [ 11 มี.ค. 52 21:45:31 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ไปแขว่ะ ห้องเค้าทำไม จขกท.นี้เป็นพวกฉันอยู่ห้องนี้ ห้องฉันดีที่สุด คนห้องอื่นมันโง่ คงเป็นแบบนั้นสินะคะ แย่! จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 11 มี.ค. 52 21:50:11 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ความเห็น 23 ครับ อันนี้  ไม่ทราบครับ ที่เอามาบอก  มาจากข่าวครับ  ทีวีสัมภาษณ์พระที่ออกมาได้ก่อนทางโทรศัพท์ครับ ไม่ทราบในรายละเอียดครับ รอผู้รู้มายืนยันเรื่องพระวินัยอีกทีครับ จากคุณ : specimen - [ 11 มี.ค. 52 21:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 29 #23 พอคุ้นๆว่ามีกฏสำหรับสงฆ์ ห้ามเด็ด ถอน ตัด ทำลาย ฯลฯ พวกต้นไม้ต่างๆครับ จากคุณ : Poonoi - [ 11 มี.ค. 52 21:50:42 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ถึงPoonoi ทำใมถึงห้ามครับ ( อยากรู้) พระสงฆ์นี้เวลาธุดงค์ในป่าเค้าห้ามกิน(ฉัน)ผลไม้ในป่าหรือครับ( อยากรู้ครับ มันจริงหรือนี้)   ผลไม้ในป่าไม่มีเจ้าของนิ  ก็ไม่ได้หมายความว่าไปขโมยเขามานิ  มันจะผิดศีล ตรงใหนหรือครับ   แล้วพวกที่เค้าธุดงค์ในป่าใครจะมาตักบาตรให้ครับ ถ้าใม่กิน(ฉัน)ชผลไม้ในป่า (น่าจะเป็นพวกกล้วยป่า พบได้ทั่วไป เม็ดกล้วยเยาะโครตไม่อร่อยหรอกดีกว่าปล่อยให้หิว ) จากคุณ : Lamelez - [ 11 มี.ค. 52 21:53:36 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ความคิดเห็นที่ 23 ท่านว่าอันผลไม้ในป่านั้นเป็นของรุกขเทวดาประจำต้นนั้น การเก็บเอามาก็เป็นการขโมยของเทวดานั่นเอง อันนี้ผมพิมพ์จากความทรงจำ กรุณาตรวจสอบกับท่านผู้รู้อีกครั้ง จากคุณ : 0vvaynar0 - [ 11 มี.ค. 52 21:54:26 ]

ความคิดเห็นที่ 32 23 ครับ เท่าที่หาข้อมูลได้  เป็นไปตามนี้ครับ http://www.geocities.com/TMCHOTE/Thumma/Sila/sl003.htm http://www.dhammajak.net/phrapa/2.html รอท่านอื่นมาเสริม จากคุณ : specimen - [ 11 มี.ค. 52 22:13:45 ]

ความคิดเห็นที่ 33 จขกท. ถูกในแนวนักวิทยาศาสตร์คือไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้  เพราะไม่รู้ว่าพระธุดงค์ท่านมีแนวปฏิบัติอย่างไร  มีศีล มีวินัยอย่างไร กรณีนี้ไม่เชื่อก็ไม่ผิดหรอกค่ะและไม่ใช่กิเลสหนาอย่างที่ จขกท. ออกตัว  แต่เป็นเพราะว่าไม่รู้ในสาระในข้อเท็จจริงทั้งหมด เหมือนคนในศาสนาหนึ่งก็ย่อมไม่เข้าใจวิถีปฏิบัติหรือแนวคิดของคนต่างศาสนา   หรือคนในประเทศหนึ่งก็ย่อมไม่เข้าใจภาษาของคนอีกประเทศหนึ่ง   : คนไม่รู้จึงไม่เรียกว่าผิด จากคุณ : ป้าทุยบ้านทุ่ง - [ 11 มี.ค. 52 22:14:53 ]

ความคิดเห็นที่ 34 พระสงฆ์นี้เวลาธุดงค์ในป่าเค้าห้ามกิน(ฉัน)ผลไม้ในป่า เพราะต้นใม้ในป่าเป็นของรุกขเทวดา   งั้นพระสงฆ์เวลาธุดงค์ในป่าต้องเตรียมเสบียงอาหารไปเองหรือครับ  ถ้าเตรียมสเบียงไปเองแล้วจะอยู่ในป่านานๆได้หรือครับ จากคุณ : Lamelez - [ 11 มี.ค. 52 22:29:59 ]

ความคิดเห็นที่ 35 จุดไฟไม่ให้ไฟไหม้ป่าก็ได้นิ จากคุณ : เบื่อโลกจัง - [ 11 มี.ค. 52 22:31:55 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ดื่มน้ำยังไม่กรองยังไม่ได้เลยมั้ง กลัว สัตว์เล็กสัตว์น้อย ติดเข้าไปด้วย นับประสาอะไรกับไฟป่า จากคุณ : ~รักความรุนแรง~โดนแบน - [ 11 มี.ค. 52 22:42:35 A:222.123.18.200 X: TicketID:205580 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ฮะๆ  โดนยำจริงๆด้วย จากคุณ : lolonoar - [ 11 มี.ค. 52 22:44:13 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ในป่านอกจากจะเจออันตรายจากสัตว์ป่า  และอันตรายจากมนุษย์ด้วยกันอีก  เจอสัตว์ป่าอาจรอด  ถ้าเจอพวกตัดไม้พวกนี้อาวุธครบมือนะ อาวุธสงครามด้วย  ถ้าเจอในป่าซวยกว่าเจอเสืออีก แถวบ้าน ที่ต่างจังหวัด ญาติผมบ้านเขาอยู่ใกล้ป่าพวกมอดไม้ตัดกัน ขนกันเป็นว่าเล่น เบิ้ลเลื่อยยนต์ 2 -3 ทีชาวบ้าน ได้ยินกันทั่ว  พวกเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ไดยินกันเลยหรือ จากคุณ : Lamelez - [ 11 มี.ค. 52 22:48:42 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ใจคนเรามันแตกต่างกัน คนที่ใจหยาบมากมาก ทำยังไงก็คงไม่ทำให้เค้าเข้าใจจิตใจของคนที่จิตใจดีได้หรอก เสียเวลาเปล่าที่จะอธิบาย จากคุณ : sUnTaO - [ 11 มี.ค. 52 22:59:25 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ความคิดเค้า ไปบังคับพระไม่ได้ ความคิดคนอื่นต่อพระ...ควรคิดอกุศลงั้นเหรอ จากคุณ : mohicann - [ 11 มี.ค. 52 22:59:58 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ถ้าเป็นผม ผมจุดนะ(แต่จุดไม่เป็นนี้ซิ 55) แต่ท่านเป็นพระ นะครับ คงเคร่งกว่าพวกเราๆเยอะ(ศีลห้า ผมยังถือได้ไม่ครบเลย) ตอนแรกก็คิดเหมือน จขกท แต่นึกได้ เอ๊ะท่านเป็นพระที่เคร่งนิน่า จากคุณ : WaZK - [ 11 มี.ค. 52 23:03:35 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ถึงจขกท   ภิกษุไม่สามารถจุดไฟได้ จะเป็นอาบัติครับ ภิกษุได้รับอนุญาตให้จุดไฟได้ ด้วยเหตุผล 2 ประการเท่านั้น คือ ภิกษุนั้นอาพาธ หรือจุดไฟเพื่อรับไฟป่าครับ ดังนี้ "ภิกษุใด มิใช่ผู้อาพาธ มุ่งการผิง ติดก็ดี ให้ติดก็ดี ซึ่งไฟ เป็นปาจิตตีย์" ส่วนนี่คือเหตุผลครับ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=02&A=12198&Z=12274 http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=07&A=1296&Z=1314 คุณ Lamelez ครับ   ที่พระไม่สามารถเด็ดต้นไม้ (พรากของเขียวได้นั้น) มีเหตุผลดังนี้ครับ "พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉน พวกเธอจึงได้ตัดเองบ้าง ให้คนอื่นตัดบ้าง ซึ่งต้นไม้? เพราะคนทั้งหลายสำคัญในต้นไม้ว่ามีชีวะ การกระทำของพวกเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว" นี่ที่มาครับ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_line.php?B=2&A=8542 อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่แน่ใจว่าการเด็ดผลไม้ออกจากต้น นับว่าเป็นการพรากองเขียวหรือไม่นะครับ หาข้อมูลไม่เจอครับ   ส่วนการที่พระจะเตรียมเสบียงพกติดตัวไปก็เป็นอาบัติเช่นกันนะครับ พระพุทธองค์ทรงห้ามครับ ดังนี้ "ภิกษุใด เคี้ยวก็ดี ฉันก็ดี ซึ่งของเคี้ยวก็ดี ซึ่งของฉันก็ดี ที่ทำ การสั่งสม เป็นปาจิตตีย์" ส่วนนี่คือเหตุผลครับ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=02&A=10932&Z=10988   เท่าที่ผมรู้มานะครับ เวลาพระภิกษุไปธุดงค์ในป่าที่ไม่สามารถหาอาหารได้ ท่านจะต้องรู้ระยะห่างระหว่างป่านั้นกับละแวกที่มีย่านคน เพื่อที่จะสามารถเดินมาบิณฑบาตรได้ครับ โดยเว้นระยะอย่างน้อยที่สุดช่วงเสียงไก่ขัน คืออยู่ในป่าในระยะที่ไม่ได้ยินเสียงไก่ชาวบ้านครับ ไม่อย่างนั้นยังนับว่าเป็นย่านชุมชน ไม่ใช่ป่าครับ จากคุณ : FREE_OFFICER - [ 11 มี.ค. 52 23:24:18 ]

ความคิดเห็นที่ 43 #23,  #34 เอ่อ ถ้าไม่เคยบวชกันจริงๆ ไม่เคยศึกษาศีลของพระจริงๆ จะไม่เข้าใจนะครับ ข้อที่พระผิดพลาดมากที่สุด ง่ายที่สุด ร้ายแรงที่สุด  คือ ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย) ข้อนี้แหละครับ ร้ายแรงขนาดว่า ปรับเป็นปาราชิก  (คือ ขาดจากความเป็นพระไปเลย)   ผิดง่ายๆ ด้วย   ดังนั้น  จึงต้องให้พระรับประเคนก่อนไงครับ  ถึงจะฉันอาหารได้   (ถ้าเคยนิมนต์พระ ไปทำบุญบ้านน่าจะเคยเ็ห็นนะครับ) พระที่เคร่งมากๆ นี้   เรื่องไปหยิบของป่ากิน รึหยิบอะไรมั่วๆ นี่ไม่มีแน่ๆ ครับ   ไอ้เรื่องฉันนี้   พระที่ฉันวันละมื้อก็มีอยู่แล้วนี่ครับ   มื้อนึงก็ไม่ได้เยอะแยะอะไรมากมายนะครับ จากคุณ : goddance - [ 11 มี.ค. 52 23:35:15 ]

ความคิดเห็นที่ 44 จะไม่เข้าไปห้องนั้นเด็ดขาดดด ....... จากคุณ : Hollow - [ 11 มี.ค. 52 23:36:24 A:192.168.0.17 X:58.9.95.238 ]

ความคิดเห็นที่ 45 งันผมขอสรุปว่า 1) พระห้ามเด็ดผลไม้ในป่ามาฉัน  ตอนอยู่ในป่า 2)พระห้ามนำเสบียงอาหารติดตัว ตอนอยู่ในป่า 3) พระห้ามจุดไฟ ตอนอยู่ในป่า ยกเว้นป่วย แล้วต้องผิงไฟ งั้นสรุปว่าพระอยู่ในป่า หาอาหารมาฉันเองไม่ได้ แล้วจะเข้าป่านานๆ แบบฝึกสมาธิ นานๆ ได้หรือครับ ( ป่าที่ว่า คือป่าจริงๆ นะ แบบที่ทั้งสองท่านหลงไปนะ แบบว่าไม่มีคนอยู่เลย  ) แล้วถ้าผลไม้ที่หล่นเองเพราะสุก ละ เก็บเอาใต้โคนต้นเลย( ไม่ได้เด็ดนินะ รุกขเทวดาคงไม่หวงหรอกนะ ถวายให้พระฉันคงเสริมบารมีเทวดา ) พระฉันได้ปะ หรือพระต้องไปบิณทบาตรเทวดา ( เก๋good มั๊กๆ ) คือ ประมาณเอ่ยปาก(พูดลอยๆ ว่ารับบิณทบาตรรุกขเทวดา ) ได้ปะ แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 52 23:53:08 แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 52 23:49:06 จากคุณ : Lamelez - [ 11 มี.ค. 52 23:47:20 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ผมไม่รู้สึกศรัธทาพระสองรูปนี้ตั้งแต่โทรไปขอความช่วยเหลือแล้ว ออกธุดง ก็ต้องรู้ว่าจะเจอสภาพแบบไหน โทรขอความช่วยเหลือหมายถึง ? จากคุณ : CuteCool - [ 11 มี.ค. 52 23:51:29 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ตอบ 45 ก็อย่างที่ว่าแหละครับ ว่าท่านต้องรู้ระยะ ว่าท่านสามารถเดินเข้าสู่ชุมชนในเวลาเช้าเพื่อบิณฑบาตรได้ ไม่ไกลเกินความสามารถท่านน่ะครับ ซึ่งก็แล้วแต่จะเชื่อหรือไม่ ก็คือถ้าภิกษุนั้นได้อภิญญา ก็สามารถไปอยู่ในป่าไกลมากๆได้ เพราะสามารถเข้ามาสู่ชุมชนได้ในเวลาไม่นาน ในพระไตรปิฏกก็มีกล่าวถึงพระพุทธเจ้าที่เสด็จไปทวีปอื่นด้วยฤทธิ์เพื่อบิณฑบาตรอยู่บ้าง (กล่าวตามที่ได้ฟังได้อ่านมานะครับ ไม่ต้องเชื่อก็ได้) นอกจากนี้ก็มีอีกเหตุหนึ่งคือ สัตว์บางอย่างที่แสนรู้ ก็รู้จักนำอาหารให้พระนะครับ อย่างพระโกณฑัญญะ ที่เราๆรู้จักท่านในฐานะพระสาวกองค์แรก แต่หลังจากนั้น ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอ่านเจอประวัติท่านอีก ทั้งนี้เป็นเพราะตามที่ระบุในพระไตรปิฏก ท่านไปอยู่ถาวรในป่าลึก แล้วมีพวกช้างคอยนำอาหารถวายท่านครับ เคยได้ยินประวัติหลวงปู่ท่านหนึ่ง จำนามท่านไม่ได้ ท่านว่าท่านอยู่ในป่า มีคราวนึงท่านหิวจนแทบจะตายอยู่แล้ว แล้วท่านเห็นลิงทำผลไม้ตกจากต้นไม้ ท่านก็ไม่สนใจ จากนั้นท่านก็สละตายแล้ว จึงนำจีวรมาพันรอบๆตัว เพื่อไม่ให้กายพองออกมากจนน่าเกลียดแก่ผู้มาพบเห็น เมื่อท่านตายแล้ว จากนั้นลิงนั้นก็กลับเอาผลไม้ที่ทำตกพื้นนั้นโยนมาที่ท่าน ท่านจึงเข้าใจว่าจริงๆแล้วลิงนั้นต้องการถวายผลไม้ท่าน ท่านจึงรับฉัน คห.นี้อาจดูไม่ค่อยเป็นวิทยาศาสตร์ ใครจะไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อก็ได้นะครับ จากคุณ : FREE_OFFICER - [ 12 มี.ค. 52 00:08:40 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ส่วนเรื่องเก็บผลไม้ที่หล่นเอง อาจจะไม่ได้ ถ้าพิจารณาประโยคนี้ "อนึ่ง ภิกษุใด กลืนอาหารที่เขายังไม่ได้ให้ ล่วงช่องปาก เป็นปาจิตตี" นี่ที่มาครับ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=02&A=11073&Z=11139 จากคุณ : FREE_OFFICER - [ 12 มี.ค. 52 00:12:33 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ตอบ คห.45 ผลไม้ที่สามารถ เจริญเป็นต้นได้ ฉันไม่ได้ครับ ถึงจะหล่นอยู่ โคนต้นก็ตาม เหตุผล คือ เป็นการทำลายชีวิตครับ แล้วที่เราเห็นพระฉันผลไม้ที่คนถวายได้ ก็ต้องทำให้อยู่ในสภาพที่งอกเป็น ต้นไม้ ไม่ได้ เช่น ปอกเปลือก หรือหั่น อันนี้รวมถึงผักด้วยนะครับ พระสายวัดป่า จะมี พิธีที่เรียก กัปปิ คือจะถามโยมที่ถวาย พืช ผัก หรือผล ไม้ที่มีลักษณะเป็น ผลที่ดูแล้ว จะเจริญเติบโตต่อไปได้ เป็นภาษาบาลีนะ ครับ (จากความทรงจำอันลางเลือน) อิมัง กับปิ ยัง กะโรมิ แปลได้ประมาณ ว่า ไอ้เจ้าสิ่งนี้ จะเจริญเป็นต้นไม้ได้ไหม โยมก็จะตอบว่า (จากความทรงจำ อันลางเลือนอีก) กัปปิยะภันเต หมายความประมาณว่า ไม่ได้แล้วเจ้าข้า พร้อม ใช้มีด หัน หรือมือ จิกให้เปลือกแตกออก (จะได้โตไม่ได้) แล้วถวาย (ข้างบนผมเขียนจากความทรงจำสมัยบวชอยู่วัดป่าที่จังหวัดเลยนะครับ เชื่อว่าต้องมีผิดพลาดบ้างแน่ๆ ถ้าท่านใดมีข้อมูลที่ มั้นใจมาช่วยเสริมก็ดีนะครับ) จากการศึกษาจากหนังสือสมัยบวช ศีลทั้ง227 ข้อ มีที่มาที่ไปครับ มีเหตมีผลทั้งสิ้น  โดยมากจะเป็นการห้าม สิ่งที่เป็นการเบียดเบียนผู้อื่น และ อันตรายต่อ ความบริสุทธิ(ทางธรรม) ของพระ ไม่ใช้ห้ามในเรื่องเหลวไหลเลยซักข้อ แต่คนที่ไม่ได้ศึกษา อาจเคยได้ยินอะไรที่ ผิดเพี้ยนไปบ้าง ก็จะ ฟังดูแล้วแปลกๆ น่าสงสัย เหมือนในกระทู้นี้แหละครับ แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 52 00:29:28 แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 52 00:27:52 จากคุณ : หมาสายตาสั้น - [ 12 มี.ค. 52 00:17:27 ]

ความคิดเห็นที่ 50 งันผมขอสรุปว่า 1) พระห้ามเด็ดผลไม้ในป่ามาฉัน  ตอนอยู่ในป่า 2)พระห้ามนำเสบียงอาหารติดตัว ตอนอยู่ในป่า 3) พระห้ามจุดไฟ ตอนอยู่ในป่า ยกเว้นป่วย แล้วต้องผิงไฟ 4) ผลไม้หล่นเองก็ห้ามฉัน สรุปได้ว่า พระต้องรับของทีชาวบ้านประเคนให้อย่างเดียว เท่านั้นเลยไช่มั้ยครับ   งั้นพระก็ควรอยู่ในวัดหรือที่ชุมชนอย่างเดียว  งั้นพระสงฆ์ที่อยู่ในป่าธรรมชาตินานๆก็ไม่มีนะสิครับ   หากเราเจอแสดงว่าท่นหลงป่าใช่มั้ยครับ แล้วพระที่อยู่ในป่านานๆ  ก็ไม่มีใช่มั้ยครับ  ( เพราะมีกฎที่เข้มงวดแบบนี้ ) นานๆ หมายถึง1สัปดาห์ขึ้นไป แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 52 00:28:44 จากคุณ : Lamelez - [ 12 มี.ค. 52 00:25:53 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอชื่นชม ที่ท่านไม่ทานแม้กระทั่งผลไม้ ไม่กล้าจุดไฟเพราะกลัวว่าจะทำลายสิ่งมีชีวิต แต่ติดอยู่นิดนึง ทำไมท่านถึงมีมือถือ ทำไมเอามือถือไปด้วยอ่ะ ไม่ผิดศีลเหรอ เหมือนกับยังตัดทางโลกไม่ได้นะ (หมายถึงถ้าจะปฎิบัติจริงๆอะ) มันมีหลายๆอย่างที่ขัดๆ อยู่ในหัวในทางปฏิบัติ แต่ก็ไม่สามารถพูดได้ จากคุณ : Hollow - [ 12 มี.ค. 52 00:32:23 A:58.9.95.238 X: ]

ความคิดเห็นที่ 52 จากความเห็นที่ 49 ที่คุณ หมาสายตาสั้น กล่าวว่า ผลไม้ที่สามารถ เจริญเป็นต้นได้ ฉันไม่ได้ครับ ถึงจะหล่นอยู่ โคนต้นก็ตาม เหตุผล คือ เป็นการทำลายชีวิตครับ พระสงฆ์ ถ้าเคร่งขนาดนี้ การกินเนี้อสัตว์ไม่บาปหรือ ขนาดพืชผักผลไม้ยังบาปเลย( กรณีที่ เจริญเป็นต้นได้ ) เพราะของที่เอาใส่บาตรนั้น มีหลากหลาย  ตั้งแต่ พืชผักยันเนื้อสัตว์  พระเองก็เป็นต้นเหตูของการฆ่าสัตว์  ใครเคยฟังเรื่องกำเนิดดาวลูกไก่ คงจำได้ที่พระธุดงค์มาปักกลด     ไกล้บ้านสองตายาย  แล้วสองตายายเกรงว่าตอนเข้าพระสงฆ์จะหิวเพราะไม่มีอะไรจะฉัน เลยฆ่าแม่ไก่ไปแกงถวายให้พระฉัน  แล้วลูกไก่เห็นแม่ตายเลยกระโดดใส่กองไฟตายทั้ง7ตัวไปเกิดเป็นดาวลูกไก่ พระที่เป็นต้นเหตูให้เกิดการทำลายชีวิต แบบนี้จะบาปมั้ยครับ คงไม่มีใครคิดตั้งแต่ต้นหรอก ว่าจะเอา ของเหลือ ไปถวายพระ จริงมั้ยครับ แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 52 00:44:55 จากคุณ : Lamelez - [ 12 มี.ค. 52 00:43:23 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ไม่ผิดครับ พระวินัยไม่หามพระมีมือถือ เพราะสมัยพุธกาลยังไม่มี แต่ท่านว่าให้ดูตามความเหมาะสมครับ เช่นพระขี่มอเตอร์ไซด์ พระวินัยก็ไม่ ห้าม แต่ไม่เหมาะสมกับสมเพศ ส่วนตัวผมว่า อยู่ที่คนใช้มากกว่าครับ ถ้าใช้เท่าที่จำเป็น ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร อย่างน้อยทั้งสองรูปก็รอดได้เพราะมือถือ ส่วนเรื่อง ตัดทางโลก ถ้าไม่คิดจะตัด ไม่มีพระรูปไหนออกธุดงค์หรอกครับ เหนื่อยรากเลือด จากคุณ : หมาสายตาสั้น - [ 12 มี.ค. 52 00:51:46 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ตอบ 52 นะครับ ฉันเนื้อสัตว์บาปหรือเปล่า เคยอ่านเจอ ว่ามีคนถามอยูเหมือนกัน จากความทรงจำอันลางเลือน(อีกแล้ว) -____-" ประมาณว่า ภิกษุแปลว่าผู้ขอ ครับ ขอมาเพือแค่ดำรงชีพ ครับ ฉันแค่มีชิวิตอยู่ได้ ดังนั้นเค้าให้อะไรมา ก็ต้องฉันครับ เลือกไม่ได้ สิ่งที่ฉันก็เป็นสิ่งเดียวกับที่ฆราวาสกินทุกวันแหละ ครับ เพื่อความสะดวกของ ผู้ให้ ต้องเข้าใจว่าสมัยพุทธกาล ศาสนาพุทธไม่เป็นที่นับถือของคน แพร่หลาย เหมือนสมัยนี้นะครับ และคนส่วนใหญ่ก็ยากจน ถึงขนาดผ้าเป็นของมีค่า คนจนๆไม่มีผ้าจะนุ่งนะครับ จีวรพระก็เอาจากผ้าห่อศพ มาย้อมฝาด ดังนั้น ถ้าผู้ขอจะมามากเรื่อง ไม่ฉันนั้น ไม่ฉันนี้ ก็คงไม่ได้ละครับ จากคุณ : หมาสายตาสั้น - [ 12 มี.ค. 52 01:05:03 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ^ ^ แต่มือถือเป็นเครื่องสื่อสาร เป็นเครื่องอำนวยความสะดวก เป็นของมีค่านะ ขนาดรองเท้า นอนบนเตียงหรือมีอะไรรองนุ่มๆ ก็ทำไม่ได้ไม่ใช่เหรอ จากคุณ : Hollow - [ 12 มี.ค. 52 01:08:10 A:58.9.95.238 X: ]

ความคิดเห็นที่ 56 บาปจะตกที่ผู้ให้อย่างเดียวใช้มั้ยครับ  คุณ : หมาสายตาสั้น เพราะผู้รับไม่มีสิทธเลือกใช้มั้ยครับ จากคุณ : Lamelez - [ 12 มี.ค. 52 01:10:45 ]

ความคิดเห็นที่ 57 จขกท แรงมาก เราตามมาจากห้องโน้นนะเนี่ย... จากคุณ : Peclet - [ 12 มี.ค. 52 01:16:04 ]

ความคิดเห็นที่ 58 # 57 55+ จากคุณ : sky-911 - [ 12 มี.ค. 52 01:32:20 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ช่อง 3 รายงานข่าวว่า เจอจีวรตากไว้กลางป่า จึงนำ ฮ.ลงจอด แล้วเดินตามหาพระธุดงค์ แต่หาไม่เจอ จึงกลับมาที่ ฮ. พบว่า พระธุดงค์ ทั้งหมดนั่งอยู่บน ฮ.เรียบร้อยแล้ว 555+++ แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 52 01:37:28 จากคุณ : โปรแตสเซียม - [ 12 มี.ค. 52 01:36:43 ]

ความคิดเห็นที่ 60 แปลกใจในตัวพระท่านบ้าง แต่ไม่มากเท่า คือสมาชิกในห้องนั้นพากันอนุโมทนาสาธุกันนี่ละ จากคุณ : มันใช่เรื่องที่ไหนละ (ไม่ได้มีสิบมือ) - [ 12 มี.ค. 52 01:44:05 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ตอบใครก่อนดี เอา คห.55 ก่อนละกัน เรื่องมือถือนี้ถามผม ผมว่า มันเทาๆนะครับ ไม่มีก็ดี มีก็ได้ อยู่ที่ความจำเป็น ครับ หลักๆแล้ว มีเท่าที่จำเป็นครับ เราไม่ทราบว่าพระองค์ที่เป็นข่าว ท่านมี จำเป็นต้องมีหรือเปล่า วัดป่าตามต่างจังหวดบางวัด บางวัด โทรศัพท์เข้าไม่ถึงนะครับ น้ำประปายัง ไม่มีเลย ใช้น้ำบาดาลเอา ยังดีที่ส่วนใหญ่มีไฟฟ้าแล้ว สมัยผมบวช ผมไม่ใช้ครับ รองเท้าใส่ครับ ถอดเฉพาะตอนบิณทบาตร นอนที่นอนนุ่มๆ มีข้อห้ามในพระวินัยครับ จริงๆห้ามตั่งแต่ศีลแปดแล้วครับ พระที่เราเห็นๆ จริงๆเป็นแค่ผู้ที่พยายามเอาชนะกิเลศครับ ซึ่งแต่ละท่านกี่มี ความเพียรพยายามแตกต่างกัน ไม่เท่ากันทุกคนแน่นอน พระสายวัดป่าอาจจะเคร่งพระวินัยมากหน่อย สายวัดบ้านอาจจะน้อยหน่อย ก็ตามแต่บุคคลไป ไม่นับถือก็ไม่เป็นไรครับ ไม่บาป แต่ถ้าจะดูถูกแบบเหมารวม ก็ขอเถอะครับ ไม่ได้อะไรขึ้นมา นอกจากทะเลาะกัน แต่ พระที่ออกธุดงค์แล้วสำหรับผม ถือว่ามีความเพียรสูงมากนะครับ ของติดตัวเท่าที่จำเป็น อาหารไม่มี มีแค่กระติกน้ำ บาตร กลด เครื่องใช้ไม่กี่ อย่าง เดินเท้าเข้าป่า เพื่อเอาชนะกิเลศในใจตนเอง ศรัทธาไม่มากจริง ทำไม่ได้หรอกครับ อย่าไปเหมาแค่มีมือถือ แล้วไม่เหมาะสมเลยครับ จากคุณ : หมาสายตาสั้น - [ 12 มี.ค. 52 02:15:42 ]

ความคิดเห็นที่ 62 แวะมาตอบก่อนไปดูแมนยู ตอบคุณLamelez ให้ด้วยความบริสุทธิใจไม่บาปนิครับ เรื่องฆ่าสัตว์ถวายพระ บาปหรือไม่ เคยอ่านมาบ้างครับ จากวามทรงจำอันลางเลือน ปรากฏว่า จำไม่ได้แล้วครับ (-___-" คือผมเป็นประเภท ความจำสั้น แต่สัันหลังฉันยาวอะครับ ^____^ ที่ตอบๆ ก็จากประสบการณ์ เคยบวชเรียบมาบ้างเท่านั้นเอง จะเอาละเอียดถึงแก่น ว่าทำอย่างนี้บาป หรือไม่บาป ก็ต้องไปห้องศาสนา โน่นละครับ ดีใจที่ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันนะครับ ฝากให้ลอง ศึกษา ศาสนาของเราเองบ้างก็ดีนะครับ ก่อนจะเลือกว่า จะนับถือหรือไม่ และถ้าจะศึกษาแล้ว ลองศึกษาแแบบนักวิทยาศาสตร์ ก็จะพบว่า ศาสนาพุทธ ก็เจ๋งไม่ใช้น้อยเลยนะ ลองเริ่มจากคูมือมนุษย์ ของท่านพุทธทาส ดูนะครับ แนะนำ ครับ ขอตัวไปเชียร์บอลก่อนนะครับ จากคุณ : หมาสายตาสั้น - [ 12 มี.ค. 52 02:37:03 ]

ความคิดเห็นที่ 63 อ่านที่คุณ FREE_OFFICER และคุณ หมาสายตาสั้น ตอบเพลินไปเลยค่ะ จากคุณ : คิน * คาเนะ - [ 12 มี.ค. 52 02:52:30 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อย่าทะเลาะกานนนนน ถูกทุกคนค่า.....ถูกทุกคน จากคุณ : Mrs.Reda - [ 12 มี.ค. 52 03:39:08 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ผมดู ช่อง 3 มีช่วงนึงนักข่าวบอกว่า - พระรูปนึงเห็นพระอีกรูปท่านไม่สบายก็เลยจำเป็นต้องโทรขอความช่วยเหลือ - พระท่านพยายามจุดไฟแล้วแต่ไม่ติด ? จากคุณ : THE_AR - [ 12 มี.ค. 52 03:48:33 ]

ความคิดเห็นที่ 66 อ่านแล้วก็แค่ถอนหายใจ... คนไม่รู้พยายามจะออกความเห็นในสิ่งที่ไม่รู้ จะบอกว่าไม่รู้ไม่ผิดก็ได้ จะบอกว่าแล้วแต่จะคิดก็ได้ จะบอกว่าจะคิดอะไรก็คิดไปเหอะ(ช่างแก)ก็ได้   555 ................ เป็นการวิจารณ์เพราะอยากแสดงความคิดเห็นเท่านั้นเอง ไม่ได้อยากรู้ หรืออยากทำความเข้าใจ แค่ถามว่าห้องหว้ากอเชื่อคนง่ายหรือเปล่าก็รู้แล้ว รู้ว่า ไม่รู้อะไรเลย จึงถาม ถามเพราะไม่รู้อะไร จริงๆ... จากคุณ : granun - [ 12 มี.ค. 52 04:51:42 ]

ความคิดเห็นที่ 67 อย่าเอาความคิดตัวเองมาเป็นหลักสำหรับผู้เจริญแล้ว จากคุณ : @Server ! maN@ - [ 12 มี.ค. 52 06:18:12 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ตอบ 52 การเลือกไม่ฉันเนื้อสัตว์ สำหรับพระจัดเป็นอัตตกิลมถานุโยค (การประพฤติสุดโต่งไปข้างหนึ่ง) ครับ ไม่ใช่ทางสายกลางที่ควรดำเนิน ทั้งนี้ ก่อนฉันอาหารนั้น พระจะต้องพิจารณาอาหารนั้นก่อน หนึ่งในข้อที่ต้องพิจารณาคือ เนื้อนี่เขาจงใจฆ่าเพื่อนำมาถวายท่านเป็นการเฉพาะหรือไม่ ถ้าแม้แต่เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าเขาเจาะจงฆ่าเพื่อท่านเป็นการเฉพาะ ห้ามฉันครับ การพิจารณาอาหารก่อนฉันนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก พระพุทธเจ้าถึงกับทรงเคยคิดจะให้ภิกษุที่ไม่พิจารณาก่อนบริโภค เป็นอาบัติปาราชิกเลย แต่ไม่สามารถทรงทำได้ "               พระองค์ได้ทรงเห็นกุลบุตรบางพวกผู้บวชใหม่ ผู้ไม่พิจารณาแล้วบริโภคอาหาร ครั้นพระองค์ทรง เห็นแล้วทรงพระดำริว่า เราบำเพ็ญบารมีสิ้น ๔ อสงไขยกำไรแสนกัป จะได้บำเพ็ญเพราะเหตุแห่งปัจจัยจีวรเป็นต้นก็หาไม่แต่ ที่แท้บำเพ็ญเพื่อประโยชน์แก่พระอรหัตอันเป็นผลสูงสุด. ภิกษุแม้เหล่านี้บวชในสำนักเรา มิได้บวชเพราะเหตุแห่งปัจจัยมีจีวรเป็นต้น แต่บวชเพื่อประโยชน์แก่พระอรหัตนั่นเอง. บัดนี้ ภิกษุเหล่านั้นกระทำสิ่งที่ไม่เป็นสาระนั่นว่าเป็นสาระ และสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์นั่นแลว่าเป็นประโยชน์. ธรรมสังเวชเกิดขึ้นแก่พระองค์ด้วยประการฉะนี้.               ลำดับนั้น พระองค์ทรงพระดำริว่า ถ้าจักสามารถบัญญัติปัญจมปาราชิกขึ้นได้ไซร้ เราก็จะพึงบัญญัติการบริโภคอาหารโดยไม่พิจารณาให้เป็นปัญจมปาราชิก แต่ไม่อาจทรงทำอย่างนี้ได้ เพราะว่าอาหารนั้นเป็นที่ส้องเสพประจำของสัตว์ทั้งหลาย แต่เมื่อเราตรัสไว้ ภิกษุเหล่านั้นก็จักเห็นข้อนั้นเหมือนปัญจมปาราชิก เมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็จักตั้งการบริโภคอาหารที่ไม่พิจารณานั้นว่า เป็นกระจกธรรม เป็นข้อสังวร เป็นขอบเขต ซึ่งเหล่าภิกษุในอนาคตรำลึกแล้ว จักพิจารณาปัจจัย ๔ เสียก่อน แล้วบริโภค" ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=16&i=240 จากคุณ : FREE_OFFICER - [ 12 มี.ค. 52 07:24:00 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เรียน จขกท ใจมุนษย์ ยากแท้ยั่งถึง แต่เราไม่มีทางที่จะเข้าใจความคิดคนอื่นได้หมดหรอกครับ เราควรดูที่ เจตนาขอเค้าดีกว่าครับ แล้วก็สั้น ๆนะครับเราไม่ควรเอาความคิดตัวเองไปตัดสินคนอื่นว่าดีหรือไม่ดีนะครับ จากคุณ : เดินผ่านมาแล้วก็เดินผ่านไป (เดินมาเดินไป) - [ 12 มี.ค. 52 07:48:53 ]

ความคิดเห็นที่ 70 แปลกอะไร ใน camfrog ยังเจอพระ เพราะมันมีเรื่องให้สงสัย เลยมีคนสงสัย...ก็แค่นั้น จากคุณ : Calypsol_Red - [ 12 มี.ค. 52 07:58:03 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ไม่น่าเชื่อ คนห้องหว้ากอผมคิดว่า มีวิธีคิดที่ ซับซ้อนกว่า ห้องอื่นๆแล้วนา    ยังซับซ้อนได้แค่นี้เอง     อ่ะมาฟังคำอธิบาย         ประเด็นว่ากลัวไฟจะไหม้ป่า    ก็ทำไมไม่หาทำเลโล่งๆหน่อย แล้วหากิ่งไม้แห้งมาจุดเป็นกองไฟ   แล้วคน2คนไม่มีปัญญาควบคุมไฟกองนี้ไม่ให้ลามไปที่อื่นเลยหรือ   2คนช่วยกันเคลียร์พื้นที่ไม่ให้ไฟลามได้ แล้วคอยช่วยกันเอากิ่งไม้แห้งเติมเป็นระยะๆ  รักษาขนาดของกองไฟนี้ไม่ให้ใหญ่ไม่ให้ดับ  ไม่ได้หรือ       ตอนกลางคืน จะมืดสนิท ไม่คิดกลัวสัตว์ร้ายเลยหรือ    ถามจริงๆไม่คิดอยากจะมีกองไฟซักกองนึงเลยหรือ              อ่ะ     คุณลองจุดไฟ ซักกองนึงโดยไม่ใช้ไม้ขีดหรือไฟแช๊คดูซิ  อ่ะ  ลองดูได้เลย   มีไม่กี่คนหรอกที่ทำได้   พระ2รูปนี้ผมว่าน่าจะลองพยายามแล้ว  แต่จุดไม่ได้มากกว่า    พอมีคนช่วยออกมาได้เลยคุยส่งซะเลย  ว่า ที่ไม่จุดไฟเพราะกลัวไฟไหม้สัตว์ป่า    กลายเป็นฮีโร่ไปเลย55555             ประเด็นที่ผมว่า   จุดไฟโดยไม่ใช้ไม้ขีด ไม่ใช้ไฟแช็คน่ะ    ลองดูได้เลยครับ  ลองเอาไม้มาถูๆๆๆๆๆๆๆๆๆกันแล้วให้ไฟติดแบบในหนังน่ะเหรอ    5555555  ลองดูเดี๋ยวนี้เลยครับ           ส่วนประเด็นว่าพระเคร่งๆ ไม่เก็บผลไม้ในป่ามาฉันเพราะเป็นการขโมยของรุกเทวดา   5555555555           20กว่าปีที่แล้วมีผมคนเดียวในตระกูล ที่ไม่โดนพระยันตระ พระภาวนาพุทธโธแหกตา55555555555       คนไทยทำไมเชื่อคนง่ายจังเน๊อะ     คนไทยเลยต้องเข้าคิวรอเบี้ยยังชีพ 500 บาท จากคุณ : นายสีเสียด - [ 12 มี.ค. 52 08:06:26 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ^ ^ ไม่ใช่เป็นการขโมยของรุกขเทวดานะครับ แต่เป็นเพราะผลนั้นสามารถแตกต้นใหม่ได้ต่างหากครับ ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องก่อนครับ ถ้าตัดสินอะไรจากพื้นฐานความเข้าใจที่ผิด ผลนั้นก็ไม่ถูกหรอกนะครับ จากคุณ : FREE_OFFICER - [ 12 มี.ค. 52 08:18:15 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ก็ไม่แปลกหรอกครับ ที่ จขกท จะสงสัย เพราะจิตใจมืดบอดมองแต่แง่ร้ายอย่างนี้ ชาตินี้คงไม่ได้เจอหมอดีๆ หรือคนดีๆ ง่ายนักหรอกครับ เพราะใครก็คงไม่ดีพอสำหรับ จขกท "20กว่าปีที่แล้วมีผมคนเดียวในตระกูล ที่ไม่โดนพระยันตระ พระภาวนาพุทธโธแหกตา" << น่าสงสารนะครับ ที่โง่กันทั้งตระกูล จากคุณ : [STYX] โดนแบน - [ 12 มี.ค. 52 08:24:14 A:116.14.85.229 X:220.255.7.199 TicketID:197734 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เรื่องพระพกมือถือ    แค่นี้ก็ไม่เข้าท่าแล้วครับ   ถ้าบวชมาออกธุดงค์เพื่อปลีกวิเวกหาความสงบ  ไม่ควรพกมือถือหรอกเพราะมือถือมีคนโทรมาก็มีแต่เรื่องไม่สงบ  ถ้าจะปลีกวิเวกหาความสงบต้องตัดโลกภายนอกซีครับ ขนาดคนกิเลสหนาอย่างผมวันพักผ่อนผมยังปิดมือถือเลยตัดขาดจากความวุ่นวายทั้งปวง             เออ   เรื่องศาสนานี่ผมก็งงตัวเองเหมือนกัน  ผมเชื่อเรื่องเวรกรรม ผมกลัวบาปผมเชื่อในเรื่องนิพพาน   แต่ผมไม่นับถือพระสงฆ์ส่วนใหญ่  นับถือแค่บางองค์   ( ไม่น่าเกิน 4-5องค์)   อย่างพระที่ผมเห็นในร้านก๊วยเตี๋ยวกำลังจะฉันก๊วยเตี๋ยวอยู่ถ้าผมเห็นพระกำลังปรุงรส   เติมพริก เติมน้ำตาล เติมนู่นเติมนี่    แค่นี้ผมก็ไม่ศรัทธาแล้ว เพราะอะไรรู้มั๊ย        เพราะผมคิดว่า ที่พระออกบวชน่ะ   น่าจะเพื่อฝึกฝนตนเองให้ตัดกิเลศ  รูป     รส      กลิ่น     เสียง     แต่นี่แค่เรื่องง่ายๆ ยังไม่พยายามลด ละ ยังจะปรุงแต่งอาหาร ให้เกิด รสชาดอร่อย  ยังจะติดในรส โดยไม่พยายามละ        เออถ้าพยายามละแล้วแต่ยังฝึกไม่สำเร็จผมจะไม่ว่าเลยแต่นี่  ไม่ได้พยายามเลย      เรื่องนี้เดี๋ยวต้องมีคนออกมาว่าผม     ก็มาตรฐานคนเรามันต่างกันครับ จากคุณ : นายสีเสียด - [ 12 มี.ค. 52 08:27:13 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เลือกข้อที่น่าจะใกล้เคียงกับข้อที่สงสัย  เอามาให้อ่านกันครับ เกี่ยวกับเรื่องการฉัน โภชนวรรคที่ ๔ มี ๑๐ สิกขาบท ๑.อาหารในโรงทานที่ทั่วไปไม่นิยมบุคคล ภิกษุไม่เจ็บไข้ ฉันได้แต่เฉเพาะวันเดียวแล้ว ต้องหยุดเสียในระหว่าง ต่อไปจึงฉันได้อีก ถ้าฉันติด ๆ กันตั้งแต่สองวันขึ้นไป ต้องปาจิตตีย์. ๒.ถ้าทายกเขามานิมนต์ ออกชื่อโภชนะทั้ง ๕ อย่าง คือ ข้าวสุก ขนมสด ขนมแห้ง ปลา เนื้อ อย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าไปรับของนั้นมาหรือฉันของนั้นพร้อมกันตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ต้องปาจิตตีย์ เว้นไว้แต่สมัย คือ เป็นไข้อย่าง ๑ หน้าจีวรกาลอย่าง ๑ เวลาทำจีวรอย่าง ๑ เดินทางไกลอย่าง ๑ ไปทางเรืออย่าง ๑ อยู่มากด้วยกันบิณฑบาตไม่พอฉันอย่าง ๑ โภชนะเป็นของสมณะอย่าง ๑. ๓.ภิกษุรับนิมนต์แห่งหนึ่ง ด้วยโภชนะทั้ง ๕ อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ไม่ไปฉันในที่นิมนต์นั้น ไปฉันเสียที่อื่น ต้องปาจิตตีย์ เว้นไว้แต่ยกส่วนที่รับนิมนต์ไว้ก่อนนั้นให้แก่ภิกษุอื่นเสีย หรือหน้าจีวรกาลและเวลาทำจีวร. ๕.ภิกษุฉันค้างอยู่ มีผู้เอาโภชนะทั้ง ๕ อย่างใดอย่างหนึ่งเข้า มาประเคน ห้ามเสียแล้ว ลุกจากที่นั่งนั้นแล้ว ฉันของเคี้ยวของฉันซึ่งไม่เป็นเดนภิกษุไข้ หรือไม่ได้ทำวินัยกรรม ต้องปาจิตตีย์. ๖.ภิกษุรู้อยู่ว่า ภิกษุอื่นห้ามข้าวแล้ว [ตามสิกขาบทหลัง] คิดจะยกโทษเธอ แกล้งเอาของเคี้ยวของฉันที่ไม่เป็นเดนภิกษุไข้ ไปล่อให้เธอฉัน ถ้าเธอฉันแล้ว ต้องปาจิตตีย์. ๗.ภิกษุฉันของเคี้ยวของฉันที่เป็นอาหารในเวลาวิกาล คือตั้งแต่เที่ยงแล้วไปจนถึงวันใหม่ ต้องปาจิตตีย์. ๘.ภิกษุฉันของเคี้ยวของฉันที่เป็นอาหารซึ่งรับประเคนไว้ค้างคืน ต้องปาจิตตีย์. ๙.ภิกษุขอโภชนะอันประณีต คือ ข้าวสุก ระคนด้วยเนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย ปลา เนื้อ นมสด นมส้ม ต่อคฤหัสถ์ที่ไม่ใช่ปวารณา เอามาฉัน ต้องปาจิตตีย์. ๑๐.ภิกษุกลืนกินอาหารที่ไม่มีผู้ให้ คือยังไม่ได้รับประเคน ให้ล่วงทวารปากเข้าไป ต้องปาจิตตีย์. เว้นไว้แต่น้ำและไม้สีฟัน. ปาฏิเทสนียะ ๔ ข้อ ๔. ภิกษุอยู่ในเสนาสนะป่าเป็นที่เปลี่ยว ไม่เป็นไข้ รับของเคี้ยวของฉัน ที่ทายกไม่ได้แจ้งความให้ทราบก่อน ด้วยมือของตนมาบริโภค ต้องปาฏิเทสนียะ. ภูตคามวรรคที่ ๒ ข้อ ๑. ภิกษุพรากของเขียวเกิดอยู่กับที่ ให้หลุดจากที่ ต้องปาจิตตีย์ ปัตตวรรคที่ ๓ ข้อ ๓. ภิกษุรับประเคนเภสัชทั้ง ๕ คือ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย แล้วเก็บไว้ฉันได้เพียง ๗ วันเป็นอย่างยิ่ง ถ้าให้ล่วง ๗ วันไป ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์. เรื่องทั่วๆไป ปกิณณกะที่ ๔ มี ๓ สิกขาบท ๑.  ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราไม่เป็นไข้ จักไม่ยืนถ่ายอุจจาระถ่ายปัสสาวะ. ๒. ฯลฯ เราไม่เป็นไข้ จักไม่ถ่ายอุจจาระ ถ่ายปัสสาวะบ้วนเขฬะ ลงในของเขียว. ๓. ฯลฯ เราไม่เป็นไข้ จักไม่ถ่ายอุจจาระ ถ่ายปัสสาวะ บ้วนเขฬะ ลงในน้ำ. จากคุณ : Ilovedriving - [ 12 มี.ค. 52 08:29:32 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เอาเถอะแล้วแต่จะคิดนะ เจ้าของกระทู้ จากคุณ : รุกฆาต - [ 12 มี.ค. 52 08:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ในเมื่อเชื่อเองอย่างนั้นแล้ว จะตั้งกระทู้ถามทำไมล่ะครับ จากคุณ : mr.wisdom - [ 12 มี.ค. 52 08:38:19 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เรื่องการจุดไฟ   สุราปานวรรคที่ ๖ มี ๑๐ สิกขาบท ข้อ๖. ภิกษุไม่เป็นไข้ ติดไฟให้เป็นเปลวเองก็ดี ใช้ให้ผู้อื่นติดก็ดีเพื่อจะผิง ต้องปาจิตตีย์. ติดเพื่อเหตุอื่น ไม่เป็นอาบัติ. จากคุณ : Ilovedriving - [ 12 มี.ค. 52 08:39:36 ]

ความคิดเห็นที่ 79 พระพุทธภาษิตบทหนึ่งกล่าวว่า “บัณฑิตย่อมไม่เพ่งโทษผู้อื่น” อัญเชิญพระพุทธภาษิตนี้มาช่วยประเทศชาติของเราเถิด ถึงเวลาแล้วอย่าปล่อยให้สายเกินไป รู้อยู่แก่ใจ ว่าบ้านเมืองกำลังวุ่น กำลังร้อน อย่าไปมัวเพ่งโทษคนนั้นคนนี้ว่าไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ ควรทำอย่างนั้น ควรทำอย่างนี้ โดยมิได้นึกถึงตนเองเลยว่าต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้ ที่เป็นบุญกุศล ไม่เป็นบาปไม่เป็นอกุศล แล้วทำตามที่คิดในทันที การมัวไปเพ่งโทษคนอื่นว่าทำผิดอย่างนั้น ทำไม่ดีอย่างนี้ นอกจากไม่ให้คุณแก่ใครแล้ว ไม่ช่วยประเทศชาติให้ร่มเย็นเป็นสุข มีพระพุทธภาษิตเตือนไว้ว่า “บัณฑิตย่อมไม่เพ่งโทษผู้อื่น” เพราะไม่มีคุณสมบัติ มีแต่โทษสถานเดียว ทุกคนน่าจะพยายามอยากเป็นบัณฑิตตามพระพุทธพจน์ พร้อมกับไม่ลืมนึกไปพร้อมกันด้วยว่า “บัณฑิตย่อมไม่เพ่งโทษผู้อื่น” และขณะนี้กำลังอ่านหนังสืออบรมจิตใจ เรียกว่าหนังสือธัมมะก็ไม่ผิด เมื่อกล่าวถึงบัณฑิตจึงเป็นบัณฑิตทางธรรมด้วย คือเป็นคนดีมีปัญญา ไม่มีการศึกษาระดับปริญญาเอกโท ตรี เลยก็เป็นบัณฑิตในพระพุทธศาสนาได้ แม้เป็นคนดีมีปัญญา แต่แม้มีปริญญาเอก โท ตรี แต่ไม่มีความดีไม่มีปัญญา คือไม่ใช่คนดีมีปัญญา ก็ไม่ใช่บัณฑิตในทางธรรมในพระพุทธศาสนา เมื่อนึกเช่นนี้ขึ้นมา ก็ทำให้นึกเลยไปจนได้ความคิดมาฝากให้เป็นประโยชน์แก่พวกเราทั้งหลาย นั่นก็คือเกิดความคิดเพ่งโทษผู้อื่นเมื่อใด ให้มีสติรับรู้ความจริง และบอกความจริงนั้นแก่ตนว่า ตนไม่ใช่บัณฑิต เพราะถ้าตนเป็นบัณฑิตก็คงไม่ไปเพ่งโทษคนนั้นคนนี้ ต้องเพ่งโทษตัวเองเท่านั้น ก็ขอฝากไว้ให้พยายามมีสติระลึกรู้ความจริงนี้ไว้เสมอ ว่าตนเป็นบัณฑิตหรือไม่ใช่บัณฑิต อายตัวเองหรือไม่อาย เมื่อรู้แก่ใจว่าตนไม่ใช่คนดีมีปัญญา มีบุญได้เกิดเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา ยังไม่ปฏิบัติตามที่สมเด็จพระบรมครูทรงสอน : แสงส่องใจ อาสาฬหบูชา ๒๕๔๗ : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ธรรมะสวัสดี จากคุณ : Ilovedriving - [ 12 มี.ค. 52 08:42:42 ]

ความคิดเห็นที่ 80 คนตั้งกระทู้ ไม่ได้นับถือศาสนา พุทธ แน่เลย เพราะอย่างนั้น จะไม่ดูหมิ่นพระที่เคร่งปฎิบัติ อย่างนี้ เขาถือว่าบาปหนัก หรือนับถือศาสนาพุทธ แต่ไม่เคยเข้าวัด ไม่เคยบวชเรียน เลยไม่รู้ จากคุณ : สำราญ บานบุรี - [ 12 มี.ค. 52 08:56:08 ]

ความคิดเห็นที่ 81 พระ....สมัยก่อนนี่พอเชื่อได้ แต่สมัยนี้เห็นแล้ว หมดศัทราไปไม่น้อย เห็นแล้วก็เฉยๆ....พระสมัยก่อนเป็นศูยน์รวมจิตใจในหมู่บ้าน ชุมชน...เป็นสถานที่อบรม...ให้การศึกษา....แต่สมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว รองมองดูรอบๆตัวเรา มองความเป็นจริง แล้วก็ปลงแทนพุทธศาสนา..... จากคุณ : วิญญานพเนจร_2 - [ 12 มี.ค. 52 08:56:23 A:202.62.105.155 X: TicketID:177078 ]

ความคิดเห็นที่ 82 จขกท.เพี้ยนไปแล้ว ถ้าท่านไม่คิดทิ้งกิเลสอยากต่อสู้ดูจิตดูใจ จะไปธุดงค์ทำไม??? อยู่วัดเสพเงินเสพทองลาภสักการะไม่ง่ายกว่าเหรอ ดันเอาพระดีๆแม้ท่านยังตัดกิเลสไม่ได้ แต่ท่านปฏิบัติตามพระศาสดา เข้าป่ารุกขมูลเพื่อพิสูจน์จิตใจดับกิเลส ไปเทียบกับพวกคนห่มเหลืองที่เป็นข่าวไม่ดี แทนที่จะแยกแยะว่าพวกไม่ดีก็คือพวกไม่ดี ดันจับข้อมูลมาปะปนสับสน ว่างๆจขกท.ลองหยิบประวัติหลวงปู่มั่นมาอ่านก็ได้ สมัยก่อนป่าเป็นป่า จะไปไหนก็เดินๆๆ ข้ามประเทศลาวพม่า ตายก็ตาย ไม่มีก็อด เป็นไข้อาพาธก็ภาวนาสู้ มีเพื่อนเสียชีวิตก็ปลงศพกันในป่า แต่ข้อมูลในหัวคุณดันมีแต่พวกคนห่มเหลืองที่ทำให้ศาสนาหมองหม่น มาบวชแล้วพอกกิเลส พอมีข่าวพระดีๆแทนที่จิตจะโมทนา เพราะมีพระแบบนี้แหละ พุทธศาสนาแท้ๆถึงจะรอด ดันเอาไปปะปนกับพวกมารห่มเหลืองตามหน้าหนังสือพิมพ์ แล้วก็มาเกิดอคติ จากคุณ : หลับตา - [ 12 มี.ค. 52 08:57:16 A:192.168.0.17 X:58.64.67.148 TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 83 คุณ Lamelez เป็นอิสลาม ไม่ได้นับถือพุทธ คุณน่าจะเข้าใจว่าแต่ละศาสนามีเหตุผล ตรรกะ ปรัชญาเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง หากมีคนตั้งสงสัยว่า ทำไมศาสนาของคุณบัญญัติห้ามทานเนื้อหมู และคุณพยายามตอบด้วยหลักเหตุผลของศาสนาคุณเท่าไรๆ เขาก็ไม่เข้าใจ นั่นเป็นกรณีเดียวกัน มนุษย์เรานอกจากจะมีกำแพงทางภาษาแล้ว ยังมีพรมแดนทางศาสนาอีกด้วย ปล. ผมเป็น Athiest/Secular Humanism ไม่ได้แก้ต่างแทนศาสนาพุทธ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 12 มี.ค. 52 09:04:29 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ถามผมว่าผมเบื่อเรื่องมารผ้าเหลืองมั้ย ผมก็เบื่อ ขายยาบ้าในวัด เสพเมถุนสีกา สะสมเงินทอง แต่ผมไม่เอาเรื่องมาปะปนกับเรื่องพระที่ต้องการตัดกิเลสแบบที่คุณคิด มุมมองคุณเลยมีแต่ไม่เชื่อๆๆๆเต็มหัว ก็เข้าใจดี เพราะสมองคุณไม่มีข้อมูลพระดีๆในหัวขึ้นมาให้เทียบเวลาอ่านข่าว ก็น่าสงสารนะ จากคุณ : หลับตา - [ 12 มี.ค. 52 09:04:50 A:192.168.0.17 X:58.64.67.148 TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 85 อันที่จริง ไม่ต้องนับถือพุทธ (อย่างเช่นผม) ก็เข้าใจกระทู้ได้ไม่ยาก คนจะคิดอกุศลซะอย่าง...ใครจะทำไม กับใครๆก็คงคิดในแง่ลบทั้งนั้น คราวก่อนด่าวิชาชีพแพทย์ไม่หนำใจไง วันนี้ขอเปลี่ยนแนวมาด่าพระบ้าง คนซวยคือพระสองรูปนั้น อยู่ดีๆมีคนปากดีเอา...มาโยนใส่ อ้อ...การเอาพฤติกรรมของพระรูปอื่นมาเปรียบเทียบ นี่เป็นงงนะครับ มันเกี่ยวอย่างไร เรากำลังพูดถึงพระสองรูปที่ธุดงค์หลงป่ามิใช่หรือ??? จากคุณ : Cryptomnesia - [ 12 มี.ค. 52 09:08:46 ]

ความคิดเห็นที่ 86 คนมันอยากดังเลยตั้งกระทู้ล่อเป้า... ป่านนี้นั่งหัวเราะดูคนทะเลาะกัน...มันส์ไปซะ เขาเรียกคนจำพวกนี้ว่าพวกขาดความอบอุ่น พ่อแม่ไม่รักหรือพ่อแม่ไม่สนใจ.. ก็เลยมาเรียกร้องความสนใจในนี้.. จากคุณ : สมหุ่น - [ 12 มี.ค. 52 09:18:18 ]

ความคิดเห็นที่ 87 อย่าเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง คิดว่าทุกคนจะต้องเลวร้ายเหมือนคุณสิครับ ผมอยากเสนอให้แบนล็อกอินนี้จริงๆ จากคุณ : น้องหยิก - [ 12 มี.ค. 52 09:18:59 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เท่าที่เคยได้บวช และสนทนากับหลวงพี่ที่เคยเดินป่า (ผมได้แค่เดินข้างถนนด้วยเท้าเปล่าไปสำนักสงฆ์บนดอย - แค่นั้นก็เท้าระบมไปหลายวันแล้วครับ) ท่านบอกผมว่า - พกอาหารแห้งไปเป็นหลัก - ถ้าหมดจริงๆ เก็บผลไม้ที่หล่นตามพื้นมาฉันได้ โดยมีข้อแม้ว่า ไม่ทำลายชีวิต ---- นั่นคือ เมื่อผลไม้บางชนิดที่เราทานเนื้อหล่นกับพื้น เอามาฉันได้ เช่น มะม่วง ฉันเนื้อแล้วทิ้งเม็ดไว้ ก็ยังขึ้นต่อได้ ---- แต่ผลไม้บางชนิด ที่เราทานส่วนในของเมล็ด เช่น มะพร้าว อันนี้ฉันแล้วมันไม่สามารถงอกได้ ก็ห้ามฉันครับ ตกลง จขกท.หาหมอดีดีได้สักคนหรือยังครับ ประเทศนี้อาจหาหมอหรือพระที่ดีพอสำหรับคุณยากสักนิดนะครับ ขอให้พยายามต่อไป... http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7531732/X7531732.html จากคุณ : หมอเถื่อน - [ 12 มี.ค. 52 09:19:37 ]

ความคิดเห็นที่ 89 อ่านต้นกระทู้ละยังเฉยๆ แต่พออ่านความเห็ฯหลังๆที่เจ้าของกระทู้มาตอบถึงได้คุ้นๆ ลักษณะความคิด การมองปัญหา และการตอบกระทู้นี่มันเป็ฯเอกลักษณ์จริงๆ หมอเป็นอาชีพ ที่ "จำเป็น" ต้องมี Service Mind หรือเปล่าครับ ? http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7531732/X7531732.html จากคุณ : PADAPA--DOO - [ 12 มี.ค. 52 09:31:32 ]

ความคิดเห็นที่ 90 กรณีที่1 20ที่แล้วผมเจอพระที่... กรณีที่2 20ที่แล้วผมเจอพระที่... กรณีที่3 20ที่แล้วผมเจอพระที่... กรณีที่4 20ที่แล้วผมเจอพระที่... แล้วจะให้ผมเชื่อได้อย่างไรว่ามีพระดีๆจริงๆ . . . . . . แซวเล่นนะ ดูโลกของจขกท.ดูไม่น่าอยู่ยังไงก็ไม่รู้เนอะ มีแต่คนเลวๆ จากคุณ : Ponyo - [ 12 มี.ค. 52 09:57:06 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ยังไม่มีใครตอบในประเด็นของผมเลยว่า...  1.   ถ้าจะก่อกองไฟโดยที่ไม่ให้ไฟลามไหม้ป่าน่ะ  ทำได้โดยเลือกพื้นที่และเคลียร์พื้นที่ที่จะก่อ  ไม่ให้ไฟลามไปที่อื่น         ทำได้หรือไม่         2.    ที่ไฟไหม้ป่าเพราะฝีมือมนุษย์เป็นเพราะ  ก่อกองไฟแล้ว  ไม่ยอมดับ      ก่อเสร็จ  พอจะไปก็ไปเลย ไม่ยอมดับให้สนิท ไฟมันยังคุกรุ่นอยู่พอลมพัดเศษไม้เศษหญ้ามาโนก็ติดไฟ  แต่ถ้าคนตั้ง2คนคอยดูแลไฟกองนี้ไม่ให้ลาม     ถามจริงๆ  ไม่มีปัญญาหรือ  3.   คุณคิดว่า ตัวคุณมีความสามารถ   จุดไฟ  โดยไม่ใช้ไม้ขีด ไม่ใช้ไฟแชค ไม๊     จะเอาแบบในหนัง ใช้กิ่งไม้มาถูๆๆๆกัน   หรือเอาหิน2ก้อนมาทุบกันก็แล้วแต่ใจคุณ  แต่คุณคิดว่าคุณสามารถจุดได้หรือไม่          พระ2รูปนี่ก็เช่นกัน    ถ้าบอกว่าที่ไม่ก่อไฟเพราะพยายามแล้วแต่ก่อไม่สำเร็จ       เออ  อย่างนี้ผมเห็นด้วยครับ     ไม่ใช่บอกว่าที่ไม่ก่อเพราะกลัวสัตว์จะได้รับอันตราย            ระดับการรู้เท่าทันคน    ของแต่ละคนมันต่างกันครับ    ไม่งั้นมุขตกทอง       " อุ๊ยเจอทองตกอยู่   เรามาแบ่งกันดีกว่าเธอถอดทองของเธอออกมาแล้วเอาเส้นใหญ่กว่านี้ไป"     มุขนี้มีมากว่า50ปีแล้วก็ใช้ได้อยู่ทุกวันๆๆๆๆๆๆๆๆ แม้ในยุคที่ทุกคนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารแล้วก็ตาม       มุข  น้ำยาทำแบ๊งค์ดอลล่า   มีกระดาษสีดำ พอเอาน้ำยานี้ใส่เข้าไปกลายเป็นแบงค์ดอลล่าห์   มุขนี้ก็มีมา20ปีแล้ว   คนโดนหลอกก็ชนชั้นกลางทั้งนั้นเพราะโดนทีเป็นแสนบาท       มุข  ถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่1   แต่ไม่รู้จะไปขึ้นเงินที่ไหน    อ่ะขายรางวัลที่1ให้   ไม่กี่หมื่น   มุขนี้ก็ มีมาไม่ต่ำกว่า40 ปี    ก็เห็นโดนกันประจำ       พระที่ลงหน้า1นสพ.  เสพเมถุนกับเด็กกับสีกา  จำนวนไม่น้อยเลยที่มียศเจ้าคณะ  พวกนี้มีเงินเดือนกินด้วยจะบอกให้  คนกราบไหว้กันทั้งจังหวัด      ยังมีอีกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆที่คนไทยโดนหลอก      ผมรู้ตัวว่าเป็นชนส่วนน้อยในสังคมไทยจริงๆ         จริงๆแล้วผมก็ประหลาดใจในความคิดความเห็นของคนส่วนใหญ่ที่คิดสวนทางกับผมแทบทุกเรื่อง  แต่.....       "     ที่ผมเป็นผมอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะผมมีวิธีคิดแบบของผม    ที่คุณเป็นคุณแบบทุกวันนี้เพราะคุณมีวิธีคิดแบบของคุณ  "          "  ที่เค้าต้องเข้าคิวรอเงินยังชีพเดือนละ500บาท   ก็เพราะเค้ามีวิธีคิดแบบของเค้า  "                  วิธีคิดแบบของผม  เป็นส่วนน้อยมากๆๆๆๆๆๆๆในสังคมไทยจริงๆ จากคุณ : นายสีเสียด - [ 12 มี.ค. 52 09:59:27 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ตั้งธงไว้อยู่แล้วเข้ามาถามทำไม จากคุณ : sukyone - [ 12 มี.ค. 52 10:08:35 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ถามเพื่ออยากรู้ว่าคนห้องหว้ากอเชื่อคนง่าย    ต่างจากคนห้องอื่นหรือเปล่า   เพราะคนห้องหว้ากอโดยมากคิดแบบวิทยาศาสตร์  ใช้ตรรกะ ใช้เหตุผล น่าจะมีวิธีคิด  ต่างจากห้องอื่นๆที่คิดแบบชาวบ้าน จากคุณ : นายสีเสียด - [ 12 มี.ค. 52 10:13:39 ]

ความคิดเห็นที่ 94 คืออยากให้คนอื่นคิด/เชื่อเหมือนคุณว่างั้นเหอะ จากคุณ : Ponyo - [ 12 มี.ค. 52 10:17:12 ]

ความคิดเห็นที่ 96 โดนแค่นี้ยังน้อยครับ  55555  เมื่อก่อนซัก 3-4ปีที่แล้วตอนนั้น  "ปู่เย็น"  ดังมากๆ มีคนเอามาตั้งกระทู้ที่ราชดำเนินมั๊ง  มีแต่คนแสดงความเห็นชื่นชม    ผมก็เอามั่ง  ผมเข้าไปโพสว่า       "  ถ้าคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ  ใช้ชีวิตแบบปู่เย็นประเทศเรา  จะเจริญมากๆ เรามาดำเนินรอยตามปู่เย็นกันเถอะ "     แค่นี้ละคุณเอ๊ย     มาจากไหนไม่รู้เป็นร้อย  รุมโทรมผมเละเลย 55555      เลยถือโอกาสนี้ถามคนห้องหว้ากอว่า  ประโยคที่ผมโพสเรื่องปู่เย็นน่ะ  ผมผิดตรงไหน      มีประโยคไหนเป็นเท็จ   ( คิดแบบใช้ตรรกะนะ )   แยกออกมาเป็นวรรค เป็นคำเลยก็ได้ จากคุณ : นายสีเสียด - [ 12 มี.ค. 52 10:25:42 ]

ความคิดเห็นที่ 97 คนที่เขาคิดไม่เหมือนคุณคือโง่/งมงายงั้นสิ จากคุณ : Ponyo - [ 12 มี.ค. 52 10:35:52 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เรียนคุณ ponyo        ไม่ได้หวังให้คนอื่นมาคิเหมือนผมเลยครับ   ผมรู้อยู่แล้วว่า วิธีคิดของผมไม่เหมือนใคร    และจริงๆแล้วก็ไม่ได้อยากให้คนส่วนใหญ่มาคิดวิธีเดียวกับผม   ซึ่งนั่นจะทำให้ลูกหลานผมต้องเจอกับคู่แข่งมากเกินไป    เป็นแบบทุกวันนี้แหละดีแล้ว   ลูกหลานผมจะได้สบาย จากคุณ : นายสีเสียด - [ 12 มี.ค. 52 10:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 99 81 อย่าคิดอย่างนั้นครับ พระดีที่ปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นทุกวันนี้ก็ยังเยอะอยู่มากนะครับ จะว่าพระไม่ดีแต่ก่อนมีน้อยก็ไม่ใช่นะครับ ไม่อย่างนั้นพระวินัยมีขึ้นไม่ถึง 227 ข้อหรอกครับ เพราะพระวินัยทุกข้อจะทรงบัญญัติขึ้นหลังจากมีเหตุเกิดขึ้นแล้ว เช่น หลังจากมีเหตุที่มีพระไม่ดี (ที่พระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า โมฆบุรุษ) ไปมีสัมพันธ์กับผู้หญิง พระพุทธองค์ทรงบัญญัติพระวินัยข้อนี้ห้ามแล้ว ก็ยังมีพระไม่ดีไปมีสัมพันธ์กับกระเทยหรือสัตว์หรืออมนุษย์ โดยหมายเอาว่าพระพุทธองค์ยังไม่ได้ทรงบัญญัติพระวินัยข้อนี้อีก หลังทรงบัญญัติแล้ว ก็ยังมีไปมีสัมพันธ์กับศพอีก หลังทรงบัญญัติแล้ว ก็ยังมีพระเจ้าเล่ห์สุดๆ คือเห็นศพผู้หญิงมีแผลอยู่ใกล้อวัยวะเพศ แล้วสอดใส่เข้าไปในแผลนั้นแทน หรือบางรูป ยังเห็นกองกระดูก แล้วจินตนาการเอาเองอีกก็มี ถ้าอ่านพระวินัยปิฏก จะเห็นเลยครับ ว่าพระไม่ดีไม่ได้มีแต่สมัยนี้นะครับ ผมเคยได้ฟังหลวงพ่อท่านนึงสอนว่า "กิเลศคนเมื่อ 2500 ปีก่อน กับกิเลศคนทุกวันนี้ หรือกิเลศคนสมัยไหนๆ มันก็เหมือนกันหมดนะครับ คือ โลภะ โทสะ โมหะ อันมีฐานมาจากอวิชชาเหมือนกันนี่เอง ในเมื่อมันเหมือนกัน ก็ยังใช้ธรรมของเดิมเมื่อ 2500 ปีก่อนนี่แหละ จัดการกับมันได้ ทางหลุดพ้นก็เลยเป็นไปได้ ยังมีอยู่ ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ตามสมัย" พระดีๆ สมัยนี้ก็ยังมีอยู่มากนะครับ จากคุณ : FREE_OFFICER - [ 12 มี.ค. 52 10:39:15 ]

ความคิดเห็นที่ 100 คุณบอกเองว่าอยากรู้ว่าคนหว้ากอส่วนใหญ่คิดต่างจากคนห้องอื่นหรือไม่ แสดงว่าในสายตาคุณคือคนที่คิดไม่เหมือนคุณคือโง่/งมงาย ตัวคุณดูเหมือนจะคิดว่าการคิดต่างจากคนอื่น แปลว่าคนนั้นฉลาดกว่า ใช่หรือ? จริงหรือ? จำนวนคนที่เชื่อไม่ได้บอกอะไร การที่มีคนเชื่อสิ่งนึงมากเป็นจำนวนมากไม่ได้แปลว่าสิ่งนั้นถูก การเป็นคนส่วนน้อยที่เชื่อในสิ่งที่แตกต่างก็ดูมั่นใจในตัวเองดี แต่ก็ไม่ได้พิสูจน์อะไรว่าสิ่งนั้นจะถูกจริงอีกเช่นกัน นอกจากนี้แนวความคิดของแต่ละคนมันมีปัจจัยหลายอย่าง สติปัญญาก็เป็นแค่ส่วนนึง... วิธีมองโลก ประสบการณ์ สิ่งที่ยึดถือ วิธีการให้คุณค่า ค่านิยม ฯลฯ กระทู้คุณก็พิสูจน์แล้วว่าคนส่วนใหญ่ในหว้ากอยังคงคิดต่างจากคุณ แล้วคุณจะยังดึงดันให้คนอื่นคิดเหมือนคุณหาพระแสงอะไรไม่ทราบคะ? แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 52 10:51:43 จากคุณ : Ponyo - [ 12 มี.ค. 52 10:45:18 ]

ความคิดเห็นที่ 101 อย่าบอกว่าคุณไม่ได้พยายามจะให้คนส่วนใหญ่คิดเหมือนคุณเลยค่ะ ถ้าคุณไม่ได้พยายามอย่างนั้นจริงคงไม่มี#71,#74และ#94หรอก คุณพยายามพิสูจน์ว่าตัวเองถูกให้ได้ เพื่ออะไรล่ะ? เพื่อให้คนเห็นว่าคุณถูก ถ้าคุณทำให้คนเห็นได้ว่าคุณถูก ก็เท่ากับทำให้คนคล้อยตามคุณได้ ซึ่งก็คือคุณพยายามทำให้คนอื่นเชื่อเหมือนคุณ อย่ามาพูดสร้างภาพเลยค่ะว่าไม่ได้พยายามเปลี่ยนความคิดใคร แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 52 10:53:48 จากคุณ : Ponyo - [ 12 มี.ค. 52 10:49:29 ]

ความคิดเห็นที่ 102 พระไม่ได้คิดแบบคุณนี่ครับ จากคุณ : Jump.Jr - [ 12 มี.ค. 52 10:52:13 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ตอบคุณ หมาตาสั้น คห.61 ที่ถามไปนั่นไม่ได้มีเจตนาที่จะดูถูกครับ แต่สงสัยเพราะไม่รู้ถ้าเกิดผมบวชแล้วไปเจอสถานการณ์แบบนั้น และสิ่งคุณตอบมาก็ตรงกับที่ผมที่ต้องการจะบอกคือ ในเมื่อคุณบอกว่า อยู่ที่ความจำเป็น ดังนั้น ในสถานการณ์แบบนั้น ก็น่าจะยืดหยุ่นได้บ้างนะครับ (จะไม่คิดถึงในกรณีของพระที่เป็นข่าว แต่คิดถึงถ้าเป็นพระที่ออกธุงดงค์แล้วเจอสถานการณ์หลงป่าแบบนั้น) ก็ในเมื่อไหนๆแล้วก็ใช้มือถือโทรไปบอกแล้ว ก็น่าจะ อย่างน้อยก่อไฟให้ตามเจอได้ง่ายๆจะได้ไม่เปลืองน้ำมัน ลดโลกร้อน สิ่งมีชิวิตอื่นๆก็จะได้ไม่ได้เดือดร้อน เอ้ย! ไม่ใช่อย่างนั้นๆ ชีวิตๆของพระครับ (เศษไม้ใบไม้แห้งๆที่มันตายแล้วก็กวาดบริเวณรอบๆหน่อย) หรือท่านอาจจะจุดไฟไม่เป็นหรือเป็นแต่ไม่ติด อย่างน้อยก็น่าจะทานอะไรเพื่อประทังชีวิตหน่อย เพราะอีกท่านอาการก็แย่แล้ว ถ้าผมเป็นพระอีกคนผมจะยอมปาบ เด็ดผลไม้หรือพืชอะไรที่พอทานได้ถวายพระที่กำลังแย่แทน เพราะมันจำเป็นนี่ครับและก็ไม่ได้มีเจตนาจะทำลายสิ่งมีชีวิต แต่ต้องการจะช่วยเหลือพระอีกรูป และรักษาชีวิตของตนเองด้วย ถ้าเกิดว่าทีมค้นหา ไปหาไม่เจอหรือช้ากว่านี้เข้าจะทำยังไง ไม่แย่หรอกหรือ จากคุณ : Hollow - [ 12 มี.ค. 52 10:56:14 A:192.168.0.17 X:58.9.95.138 ]

ความคิดเห็นที่ 104 พิมพ์ไปหัวเราะไป ดูเหมือนประเภท สะใจโรคจิตยังไงก็ไม่รู้ ดูเหมือนคุณพยายามที่จะไม่เข้าใจ และพยายามจะบอกว่าพระ2รูปนั้นเสแสร้งโกหก ที่เขาตอบๆกันข้างบนก็ใช้หลักคิดตามวิทยาศาสตร์ เหตุผลทั้งนั้น แล้วยังจะไม่เข้าใจอะไรอีก หลายๆท่านก็อธิบายกันยืดยาว อ่านมั่งมั๊ย? ผมถามจริงๆเถอะถ้าท่านไปอยู่ในสถานการณ์แบบพระ2รูปนั้น ท่านจะทำยังไง ร้องไห้หาแม่ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองหลงป่าแล้วมั๊ง จากคุณ : ณปัณณ์ - [ 12 มี.ค. 52 11:02:31 ]

ความคิดเห็นที่ 105 จขกท. กล้าเสนอความคิดดีนะ ผมคิดเหมือน จขกท. ไม่มีอุปกรณ์กับกลัวจะควบคุมไฟไม่ได้ แต่ต่างกับ จขกท. ตรงที่ ผมคิดว่าพระน่าจะห่วงชีวิตสัตว์ด้วย การกระทำด้วยการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจจะทำให้ชีวิตอื่นต้องตาย ปล. ในอนาคตมั่นใจว่า จขกท. คงจะตั้งกระทู้แนวนี้อีก จะรออ่านครับ อิอิ จากคุณ : Desolation Angel - [ 12 มี.ค. 52 11:07:55 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เรื่องหลายๆเรื่องคิดได้แต่ไม่สมควรพูด โดยเฉพาะเมื่อพูดแล้วเป็นการให้ร้ายผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐาน เป็นแค่ข้อสันนิฐานจากความรู้สึกของเราคนเดียวแล้วเอามาขยายความในเชิงเสียดสี   นี่ผมไม่ได้เจาะจงเฉพาะกับพระนะครับ กับบุคคลทั่วไปก็ไม่สมควร ฝากไว้ให้คิดครับ จากคุณ : หวังดี (ลิงจุ่น) - [ 12 มี.ค. 52 11:29:34 ]

ความคิดเห็นที่ 107 มาอ่านครับ :) จากคุณ : cookiecompany - [ 12 มี.ค. 52 11:30:09 ]

ความคิดเห็นที่ 108 เจ้าของกระทู้นับถือเทพมังกรใช่มั๊ยครับ จากคุณ : yatiko - [ 12 มี.ค. 52 11:30:11 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ผมก็ไม่จุดไฟ เพราะว่า ถ้ามันไหม้ป่าขึ้นมาล่ะ ทำไงทีนี้ ไฟกองนิดเดียวเผาป่าราบได้ทั้งป่า ไม่ต้องคิดแง่ผิดศีล เอาแค่นี้ก็พอ จากคุณ : NaCl - [ 12 มี.ค. 52 11:39:40 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ตอบคุณ Hollow   ผมไม่แม่นเรื่องพระวินัยนักนะครับ แต่เชื่อว่า ถ้าหลงป่าแล้วจะอดตาย จำเป็นต้องฉันผลไม้ เพื่อเอาชีวิตรอด ก็เป็นสิ่งที่ทำได้นะครับ พระพุทธเจ้า ท่านยึดทางสายกลางครับ เห็นได้ว่าหลายๆข้อ ยกเว้นได้ในกรณี ฉุกเฉินทั้งสิ้น ยกตัวอย่าง ในพระวินัยมีกำหนดว่า พระห้ามว่ายน้ำ แต่ก็จะยกเว้น ในกรณี ต้องข้ามแม่น้ำเพื่อเดินทาง หรือ หนีอันตราย ดังนั้นในกรณีธุดงค์แล้วหาอาหารไม่ได้ การฉันผลไม้ที่หล่นเอง และงอกเป็นต้นไม่ได้ เช่น เปลือกแตก โดนนก หรือ สัตว์อื่นกินไปบางส่วน แล้วเท่าที่จำได้ ท่านว่าฉันได้นะครับ ผมเข้าใจว่าภิกษุทั้งสองรูป คงหาผลไม้ ไม่ได้มากกว่า ในป่าหาของกินยากมากนะครับ คนไม่ชำนาญ แค่น้ำประทังชีวิตยังหาไม่ได้เลย จากคุณ : หมาสายตาสั้น - [ 12 มี.ค. 52 11:46:29 ]

ความคิดเห็นที่ 111 พระท่านจะไปธุดงค์ก็ต้องมีไฟ มีเทียนไปอยู่แล้วหละค่ะ จขกท. ไม่น่าบ้องตื้น คิดรึเปล่าคะ  ก่อนสำรากออกมา จากคุณ : รัก_ประจำทาง - [ 12 มี.ค. 52 11:59:49 ]

ความคิดเห็นที่ 112 พระสงฆ์ ครับ ไม่ใช่พระเอกหนังฮอลลีวู๊ดที่จะเผาทั้งป่าเพื่อให้ข้ารอดตาย และประเด็นที่ว่า ไปธุดงค์ในป่า ไม่มีใครมาใส่บาตร ทำไมไม่เก็บผลไม้มาฉัน นั้น ต้องขอตอบว่า พระท่านไม่ปัญญาอ่อน ย่อมต้องวางแผนการธุดงค์ไว้แล้วว่าจะไปกี่วันจึงจะพอเหมาะกับเสบียงอาหารที่เตรียมไป เพื่อจะไม่เบียดเบียนธรรมชาติ ไม่เด็ดพรากผลไม้ แต่กรณีหลงป่านั้นเป็นความผิดพลาดทางเทคนิค แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 52 12:12:33 จากคุณ : karawara - [ 12 มี.ค. 52 12:08:49 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ถ้าจำเป็นจุดขอความช่วยเหลือได้รึเปล่านะ จริงๆต้องรู้เส้นทาง ไม่ใช่เดินดุ่ยๆเข้าป่า ไป พระดีๆ มีอีกเยอะครับ แต่ท่านไม่ได้เป็นข่าว เท่านั้นเอง เคร่งจริง คงไม่พกมือถือหรอก ดี ชั่ว ตัดสินที่เจตนา ครับ ดูถูก ผู้อื่น คิดว่าตัวเองวิเศษกว่าผู้อื่น เรียกว่า คิดชั่ว ครับ จากคุณ : semplice - [ 12 มี.ค. 52 12:12:44 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ต่างคนต่างความคิด ต่างคนต่างที่มา ต่างคนต่างการเลี้ยงดู ความคิดสื่อออกมาเช่นไร ย่อมส่อถึงสันดานที่มีอยู่ จขกท ไม่ต้องพยายามหาเหตุผลใดๆหรอก เพราะเชื่อแน่ว่าคุณมีคำตอบอยุ่ในใจแล้ว จากคุณ : ฟ้าจาง (ฟ้าจาง) - [ 12 มี.ค. 52 12:14:22 ]

ความคิดเห็นที่ 115 เข้าประเด็นกระทู้ คุณพี่สีเสียดครับ หลายๆอย่างที่พี่คิด ต่างจากคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่เรื่องผิด ผมเชื่อว่าพี่ก็คิดว่าพี่ไม่ผิด แต่การเขียนโดยมีนัยยะ ดูถูก สำหรับคนมี วุฒิภาวะอย่างพี่ ควรทำหรือ เรื่องพระ คนหัวโล้น หมผ้าเหลืองที่พี่เห็น ก็เหมือนนักเรียนและครับ แต่เค้าศึกษา เรื่องการหลุดพ้นจากกิเลส แต่ละคนมีความเพียรไม่เท่ากัน จะหวังให้ทุกรูป เคร่งเท่าหลวงปู่มั่น เป็นไปไม่ได้ครับ บางท่านหย่อนๆไปบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา จะใหพระทุกรูปฉันในภาชนะเดียวผสมกัน แบบพระวัดป่า เคร่งๆก็คงลำบาก พี่จะมองว่า พระมีมือถือ พระปรุงกวยเตี๋ยว เป็นพระที่ใช้ ไม่ได้ไม่น่านับถือ ก็แล้วแต่พี่ แต่อย่างน้อย เค้าเบียดเบียนโลก และมนุษย์ น้อยกว่าพี่ และผมแน่ๆ นักเรียนทางโลกในห้องเรียนยังตั้งใจเรียนไม่เท่ากันเลย พระก็เหมือนกัน และครับ ตราบใดที่ยังอยู่ในพระวินัย ก็โอเคแล้วไม่ใช้หรือ ตึงมากบางคน อยู่ไม่ได้กต้องสึก น่าเสียดาย หย่อนไปก็อยู่ไม่ได้ นรกจะถามหา ใครไหวแค่ไหนก็ทำแค่นั้้น แต่มีกรอบ 227ข้อที่พึงยึด (ว่าแต่พี่ทราบหรือเปล่าว่า ศีล227ข้อมีอะไรบ้าง) การที่พี่เล่นเอาอุดมคติมาวัดพระทุกรูปที่พี่เห็น ก็คงเกินไปหน่อย ด้วยความเคารพนะครับ แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 52 12:26:35 จากคุณ : หมาสายตาสั้น - [ 12 มี.ค. 52 12:24:27 ]

ความคิดเห็นที่ 116 เจ้าของกระทู้ออกแนวโรคจิตครับคนอย่างนี้อย่าใปสนใจมันเลยคงจะใม่มีใครคบเอ๊ะหรือว่าเป็นอีแอบ จากคุณ : โรนัลโด้ โด๊สซานโต๊ส อเวโร่ - [ 12 มี.ค. 52 12:30:10 ]

ความคิดเห็นที่ 117 nah..... yue shuo yue mei yi si lah.... จากคุณ : PADAPA--DOO - [ 12 มี.ค. 52 12:36:59 ]

ความคิดเห็นที่ 118 RI SA RA จากคุณ : high_voltage_XL - [ 12 มี.ค. 52 12:38:33 ]

ความคิดเห็นที่ 119 จขกท เป็นไรมากป่ะเนี่ย คราวที่แล้ว หมอก็ไม่ดี มาคราวนี้ พระ วันๆ เคยคิดด้านดีกับใครบ้างป่ะครับ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7531732/X7531732.html จากคุณ : mohicann - [ 12 มี.ค. 52 12:46:03 ]

ความคิดเห็นที่ 120 กรี๊ดดดดดดด จขกท.ยังคิดจะมีลูกหลานอีกหรอคะ โฮ................... มีคนแบบนี้แค่คนเดียวก็พอแล้วนะ ขอเหอะ จากคุณ : เด็กหญิงเขียบ ณ บ้านนา - [ 12 มี.ค. 52 12:50:56 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ตอบ คห. 110 คุณ หมาสายตาสั้น ........................................................ อ่อ โอเคครับ ขอบคุณที่อธิบายให้เข้าใจ ผมนึกว่าแม้ในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นก็ทำไม่ได้้เอาซะเลย อย่างน้อยกระทู้นี้ก็ทำให้รู้อะไรที่สงสัยไม่เคยรู้หละ จากคุณ : Hollow - [ 12 มี.ค. 52 12:52:23 A:192.168.0.17 X:58.9.95.138 ]

ความคิดเห็นที่ 122 คงคิดว่าโลกในกะลาของตัวเองมันกว้างใหญ่มั๊ง จากคุณ : โรนัลโด้ โด๊สซานโต๊ส อเวโร่ - [ 12 มี.ค. 52 13:02:23 ]

ความคิดเห็นที่ 123 นอกกรอบ.... หรือ นอกรีต แยกแยะให้ออกนะครับ จากคุณ : เพนกวินเอาท้องสไลด์ไปกับพื้น (Obojamaza) - [ 12 มี.ค. 52 13:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 124 จ.ข.ก.ท.ใปใหนแล้วล่ะ จากคุณ : โรนัลโด้ โด๊สซานโต๊ส อเวโร่ - [ 12 มี.ค. 52 13:28:20 ]

ความคิดเห็นที่ 125 งงตั้งแต่เอาเรื่องดาวลูกไก่มาเกี่ยวแล้วครับ อันนั้นมันเป็นเรื่องเล่าขานโดยใครก็ไม่รู้ มาเปรียบเทียบกับเรื่องศาสนา งงวุ้ย จากคุณ : Lennon50 - [ 12 มี.ค. 52 13:44:53 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ขอบคุณ คุณ FREE_OFFICER และคุณ หมาสายตาสั้น สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการธุดงค่ะ จากคุณ : ข้าวปั้นตัวอ้วนกลม - [ 12 มี.ค. 52 14:06:14 ]

ความคิดเห็นที่ 127 จ้าๆๆๆ พอคนคิดนอกกรอบ มันเป็นกลไกการป้องกันตัวเองอย่างหนึ่งอะนะ ไอ้การเหยียบคนอื่นให้ต่ำลง เพื่อจะให้ตัวเองดูสูงขึ้นเนี่ย แกจะโชว์เหนือว่าเฮ้ย กุรุ็ทันชาวบ้านไปหมด กุเหนือ กุเทพ กุเก่งที่สุดในตระกูล ในโลกหล้านี้ไม่มีใครปัญญาดีเท่ากุ5555+ บอกตรงๆนะ ผมดูข่าวแล้วก็สงสัยเหมือนๆคุณนั่นแหละ ต่างแค่ว่า ผมไม่ได้เอาการมองโลกในมุมที่แปลกแตกต่างของผม มาเหยียบชาวบ้านให้ตัวเองดูดีขึนเท่านั้นเอง ยิ่งเราใส่ใจแต่เรื่องชาวบ้านชาวช่องข่าวสารประเด็นกระแสสังคมมากไปมันเป็นตัวชี้วัดอย่งยิ่งว่าชีวิตเราว่างเปล่าไม่เป็นแก่นสารมากขึ้นเท่านั้น(ไม่มีเรื่องตัวเองให้คิด คิดแต่เรื่องคนอื่น) ผมน่ะพอสงสัยในประเด็นที่คุณว่า ก็อนุมานว่าทางพระเขาก็มีระเบียบวินัยมากมายที่เรายังไม่เข้าใจนะ และมีแนวทางที่ลึกล้ำซึ่งต้องพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติเอง แค่นั้นก็จบแล้ว ผมไม่ได้เอาความสงสัยของผมมายกหางโชว์ว่าตัวเองคิดนอกกรอบหรอกครับ มันเปล่าประโยชน์ ถ้าคุณจริงใจกับข้อสงสัยนั่นจริง พิสูจน์สิครับกับความลวงโลกของภิกษุเหล่าั้นั้นเอาให้กระจ่างเอาความจริงมาเผย ถึงตอนนั้นผมจะยอมรับว่าคณเหนือ คุณเทพจิง ปล.ตอนเด็กๆแม่ให้นมคุณด้วยตัวเองหรือเปล่าคับ หรือว่าทานแ่ต่นมผง จากคุณ : นะ - [ 12 มี.ค. 52 14:08:32 A:125.24.214.56 X: TicketID:179472 ]

ความคิดเห็นที่ 128 อ่านกระทู้ตั้งแต่ต้นจนจบ (ณ ช่วงเวลาที่พิมพ์อยู่นี้) ผมพบว่าชาวหว้ากอไม่ได้เชื่อคนอย่าง จขกท. ง่าย ๆ หรอกนะครับ อย่าพยายามแถ หรือลากคนอื่นเค้าลงคลองไปด้วยเลยครับ ด้วยความเคารพ จากคุณ : กระทิงเดียวดาย - [ 12 มี.ค. 52 14:44:58 ]

ความคิดเห็นที่ 129 เราชอบคำตอบของคุณ FREE_OFFICER จัง ท่าทางเป็นคนใจดีและใจเย็นมากๆด้วย ไม่โต้ตอบด้วยอารมณ์ ส่วนเจ้าของกระทู้ เรา no comment ทุกๆคนมีสิทธิ์จะคิดในแบบที่ตัวเองอยากจะคิดได้ จากคุณ : jinny_coolgirl - [ 12 มี.ค. 52 14:47:53 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ปูเสื่อรอดู... ไม่รู้ข้อมูลแท้จริง ก็ไม่กล่าวหาผู้อื่นดีที่สุด **กระทู้นี้แล้วแต่จิตจะคิดไปจริงๆ** จากคุณ : _The Enjoy_ - [ 12 มี.ค. 52 15:22:08 ]

ความคิดเห็นที่ 131 อ่ะอ่านดู     ผมไปดูนสพ.ข่าวสดแล้ว   พระองค์นึงบอกเองว่าที่ไม่ก่อไฟเพราะไม่มีไฟแช๊ค   ครับ      แต่อีกองค์บอกกลัวสัตว์ป่าจะเป็นอันตราย   http://www.rssthai.com/reader.php?t=local&r=13509          ใครเชื่อ องค์ไหน   ก็ลองใช้วิจารณญาณกันเองแล้วกัน จากคุณ : นายสีเสียด - [ 12 มี.ค. 52 15:34:43 ]

ความคิดเห็นที่ 132 " เท่าที่ผมรู้มานะครับ เวลาพระภิกษุไปธุดงค์ในป่าที่ไม่สามารถหาอาหารได้ ท่านจะต้องรู้ระยะห่างระหว่างป่านั้นกับละแวกที่มีย่านคน เพื่อที่จะสามารถเดินมาบิณฑบาตรได้ครับ โดยเว้นระยะอย่างน้อยที่สุดช่วงเสียงไก่ขัน คืออยู่ในป่าในระยะที่ไม่ได้ยินเสียงไก่ชาวบ้านครับ ไม่อย่างนั้นยังนับว่าเป็นย่านชุมชน ไม่ใช่ป่าครับ จากคุณ : FREE_OFFICER .." ชอบวรรคนี้ครับ   เพราะเท่าๆ ที่เคยทราบ   พระธุดงค์ท่าน  บางที  บางสถานที่ต้องเดินไป - กลับ  เกือบ 4-5  ชม.  เพื่อรับบาตร  แล้วค่อยขึ้นเขา เข้าถ้ำ  เพื่อปลีกวิเวกนะครับ. (ลองๆ หาชีวะประวัติ  พระสายธุดงค์  อ่านดูบ้างก็ได้ครับ  มีเรื่องราวมากมาย ในทุกๆ รายละเอียด ของพระธุดงค์) ปล. ถกเถียงกันแล้ว  ก็อย่าลืมทำนุ บำรุง ดูแล  ศาสนา นะครับ. จากคุณ : คนบ้านสามขา101ฯ. - [ 12 มี.ค. 52 16:06:07 ]

ความคิดเห็นที่ 133 รู้แล้วได้อะไรขึ้นมา พระรอดชีวิตมาได้ก็น่าจะดีใจไปกับท่าน จะหาเรื่องทำไม ไม่เข้าใจ จากคุณ : หมึกปิ้งสีชัง - [ 12 มี.ค. 52 16:07:41 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ....ทำไมต้องคิดแล้วเอาคนอื่นมาเป็นเกณฑ์ด้วย ห้องบลูเชื่อคนง่ายแล้วไง นายเทพนักเรอะ เห็นแต่มองโลกในแง่ร้าย เกือบทุกกระทู้ที่ตั้งขึ้น รู้จักมองโลกในแง่ดีมั่ง จะได้ไม่แก่เร็ว... จากคุณ : Sugarbean - [ 12 มี.ค. 52 16:14:09 ]

ความคิดเห็นที่ 135 นายสีเสียด พ่อแม่เคยสั่สอนให้มีความเป็นคนบ้างไหมครับ สันดาน ทรามจริงๆ จากคุณ : สำราญ บานบุรี - [ 12 มี.ค. 52 16:20:53 ]

ความคิดเห็นที่ 136 หมายความว่า คุณนายสีเสียด  จะบอกว่า ถ้าพระมีไฟแชก ... พระจะจุดไฟนั้นใช่ไหม ... นี่เหรอตรรกะ ... ที่เยี่ยมยอดที่คุณมี แล้วไม่คิดบ้างล่ะว่า ทำไมพระไม่พกไฟแชก ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะไปธุดงในป่า ... เห้อ ... ผมสงสารคุณนะคุณนายสีเสียด ... ทั้งชีวิตคุณเจอแต่คนเลวๆ ----------- เจ้าข้าเอ๊ยย... ถ้าชาตินี้ผมมีบุญเหลือพอ ท่านช่วยแบ่งบุญที่ผมมีให้กับคุณสีเสียดหน่อย ... ขอให้คุณสีเสียด พบเจอคนดีๆ บ้างเถอะท่าน... จากคุณ : BO Lovely - [ 12 มี.ค. 52 16:44:32 ]

ความคิดเห็นที่ 137 ตามมาจากห้องนู้นเหมือนกัน เสียอารมณ์สุดๆ หมั่นไส้สุดๆ เกรียนจริงๆ จากคุณ : น.ส.แสงแก้ว - [ 12 มี.ค. 52 17:07:58 ]

ความคิดเห็นที่ 138 นายสีเสียด   ผมอนาจใจกับคุณเหลือเกิน ชีวิตคงมีปัญหาตั้งแต่เด็กจนโต เลยนะ ทำให้กดดัน เลยมองโลกในแง่ร้ายไปหน่อย พระก็ไม่เว้น ชาติหน้าเกิดมา ( ถ้าได้เกิดนะ ) ขอให้เจอกับชีวิตที่มีความสุขกว่านี้ เดี๋ยว คืนนี้จะแผ่เมตตาให้ จากคุณ : สำราญ บานบุรี - [ 12 มี.ค. 52 17:16:41 ]

ความคิดเห็นที่ 139 ว่าจะไม่ตอบแต่อ่านเจอความเห็นที่ 88 คุณหมอเถื่อน "ท่านบอกผมว่า - พกอาหารแห้งไปเป็นหลัก - ถ้าหมดจริงๆ เก็บผลไม้ที่หล่นตามพื้นมาฉันได้ โดยมีข้อแม้ว่า ไม่ทำลายชีวิต ---- นั่นคือ เมื่อผลไม้บางชนิดที่เราทานเนื้อหล่นกับพื้น เอามาฉันได้ เช่น มะม่วง ฉันเนื้อแล้วทิ้งเม็ดไว้ ก็ยังขึ้นต่อได้" ผิดศีลทุกกรณีครับ หลอกใครก็ได้แต่ไม่ควรหลอกพระพุทธเจ้าครับ ถ้าอ่านประวัติหลวงปู่มั่นจะพบว่า พระธุดงค์ทุกองค์ที่ทำอย่างนี้มักได้รับผลที่ไม่ดีนัก การปฏิบัติภาวนาในป่าซึ่งมีอันตรายรอบด้านทั้งนอกและใน ศีลจะเป็นเหมือนเหมือนเกราะป้องกันเหตุภายนอกและภายใน การภาวนาก็เหมือนเหมือนเราอยู่ในถ้ำมืดกำลังหาทางออก ศีลก็เป็นเสมือนเชือกนำทางให้เราออกจากถ้ำ (หลวงปู่คำดี ท่านว่าไว้) ศีลสมบูรณ์ทำให้การปฏิบัติปลอดภัย โดยปกติ การไปธุดงค์พระท่านจะสำรวจคร่าวๆอยู่แล้วครับ ว่ามีชุมชนหรือกระท่อมน้อยปลายนาอยุ่ในละแวกใกล้เคียงที่พอจะออกบิณฑบาตรได้ การเด็ดพืชหรือพรากของเขียว ผิดศีลครับ อย่างเวลาเราถวายอาหารพระ (พระป่ากรรมฐาน) ถ้ามีผัก หรือผลไม้ที่อยู่ในข่ายที่จะขยายพันธ์ได้ ท่านจะถามว่า "กัปปิยัง กโรหิ" ประมาณว่า ท่านเห็นควรแล้วหรือ โยมผู้ถวายก็จะตอบ "กัปปิยะ ภันเต" เห็นควรแล้วครับ พร้อมกับเด็ดหรือตัด อาหารที่เป็นพืชนั้น ส่วนเนื้อหาในกระทู้ ไม่ออกความเห็นครับ จากคุณ : AnotherPractitioner - [ 12 มี.ค. 52 18:13:36 ]

ความคิดเห็นที่ 140 กรรมๆ  จิงๆ  ผมถามเพราะผมอยากรู้ ความคิดพวกคุณมันแคบผมไม่ได้บอกว่าศาสนาใครดีกว่าใคร  พวกคุณนะร้อนตัวไปเอง ก็แค่งงว่าทำใมผลไม้ป่าพระกินไม่ได้  พระกินผลไม้ที่เจริญเป็นต้นไม้ไม่ได้  พวกคุณเองบอกมาทั้งนั้นว่ากินไม่ได้  ผมก็ถามต่อว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น  แค่อยากรู้ใจ  แคบกันจริง  พวกที่ไม่รู้ก๋ไม่ต้องมาเกรียน ผมแค่รอคนที่รู้ มาตอบ  ไม่ต้องเอาความใจแคบมาทับถมศาสนาอื่น ถ้าคุณอยากรู้ ว่าทำไมอิสลามห้ามกินหมู เพราะศาสนาอิสลาม ถือกันว่าเป็นสัตว์ที่สกปรกไม่ควรนำมาบริโภค ถามว่าสกปรกยังไง  ก็บอกได้ว่ามันเป็นความเชื่ออย่างหนึ่ง  เหมือนเนี้อหมา หรือ เนี้อของสัตว์บางจำพวกที่บางคนในห้องนี้ไม่กล้ากิน เช่น สัตว์เลื้อยคลานบางชนิด   สาเหตุที่ไม่กล้าเพราะเค้าเชื่อว่ามันสกปรก เลยไม่กิน ( ถ้าคุณเชื่อว่าอะไรสกปรก ศาสนาคุณห้าม คุณจะกินสิ่งนั้นมั้ย  ) ผมถามดีๆ นะครับ  ถามด้วยความสงสัย จากคุณ : Lamelez - [ 12 มี.ค. 52 22:39:52 ]

ความคิดเห็นที่ 141 ^ อ้าวว ... ซะงั้น จากคุณ : Hollow - [ 12 มี.ค. 52 23:08:09 A:58.9.95.138 X: ]

ความคิดเห็นที่ 142 แวะมาขอบพระคุณ ท่าน AnotherPractitioner ที่ให้ความกระจ่าง ครับ แสดงว่าที่ผมเขียนผิดไปเยอะเลย เกี่ยวกับเรื่องกัปปิ ชัดเจนมากครับ จากคุณ : หมาสายตาสั้น - [ 12 มี.ค. 52 23:16:35 ]

ความคิดเห็นที่ 143 140ครับ ผมไม่เห็นว่าใครเกรียนเลย เค้าก็อธิบายว่า "ความเชื่อ ความศรัทธา" จึงไม่ทำแบบนั้น แล้วก็บอกว่าคล้ายกับศาสนาอื่น...ไม่ก้าวก่าย ไม่ดูถูกกัน ถ้าผมบอกว่า CPเลี้ยงสุกร ถูกสุขลักษณะ  ทำไมจึงยังไม่กินกัน...จะตอบอย่างไร จากคุณ : mohicann - [ 12 มี.ค. 52 23:35:09 ]

ความคิดเห็นที่ 144 คุณ : mohicann ทีคุณไม่เห็นว่าใครเกรียนคุณลองไปอ่านที่ผมตอบแรกๆ ผมแค่งงว่าพระกินผลไม้ป่าไม่ได้ ( อ่านจากคนที่ตอบแรกเค้าบอกมา ) ผมเลยถามว่าทำกินไม่ได้ ก็ไม่ได้ขโมยนิ คนไม่รู้มันผิดอะไร ถามแค่เนี้ย จะมาว่าผมอะไรนักหนา>>>>>>>>>> ที่คุณ : mohicann ผมบอกแล้วไงว่าเป็นความเชื่อ  ถ้าคุณรังเกียจสัตว์บางอย่างในแง่การที่เอามาเป็นอาหาร  เหมือนคุณไม่กินหมา  แล้วเค้าบอกว่าหมาเค้าเลี้ยงในห้องแอร์ กินอาหารที่ได้ อ ย  คุณจะกินลงมั้ย มันคือความเชื่อ  ( เชื่อว่าพระเจ้าห้าม  เชื่อว่ามันสกปรก ) คุณไม่เชื่อคุณก็กินไป เหมือนหมาที่ผมยกตัวอย่างนั้นละ มันคือความเชื่อ ( ถ้าคุณถามแค่ต้องการคำตอบนี้คื่อคำตอบ  แค่ตอบนะตอบได้ แต่ผมไม่สามารถทำให้คุณเกิดความเชื่อได้  ผมจนปัญญา ) ผมโดนถามตั้งแต่เรียนอนุบาลแล้ว แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 52 23:57:58 จากคุณ : ถามได้ดีคุณ : mohicann (Lamelez) - [ 12 มี.ค. 52 23:43:25 ]

ความคิดเห็นที่ 145 เมื่อวานเห็นในข่าว 2 ช่อง พูดไม่เหมือนกัน ฟังแล้วยังสงสัยว่าตกลงยังไงแน่ ช่องหนึ่งพูดว่า ไม่ได้จุดไฟเพราะกลัวไฟลาม อีกช่องว่า พยายามแล้วแต่จุดไม่ติด แต่จำช่องไม่ได้แน่นอน ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าอันหลังจะเป็นช่อง 3 ซึ่งผู้สื่อข่าวอยู่ใน ฮ. ที่ไปรับพระมา จากคุณ : ยังข้องใจ - [ 13 มี.ค. 52 00:28:46 A:58.8.89.117 X: TicketID:192807 ]

ความคิดเห็นที่ 146 แบบนี้เค้าไม่เรียกว่ามีวิธีคิดไม่เหมือนคนอื่นหรอกครับ เค้าเรียกว่า "คิดว่าคนอื่นจะชั่ว แต่ไม่ดูตัวเอง" เท่านั้นเองครับ จากคุณ : ผีเสื้อสมุทรประเภท2 - [ 13 มี.ค. 52 01:04:56 ]

ความคิดเห็นที่ 147 ความไม่รู้เป็นบาป เพราะไม่รู้จึงทำบาป ทำบาปจึงต้องรับผลกรรม คนไม่รู้มักทำบาปหนากว่าเพราะไม่เล็งเห็นผลที่ตามมา คนที่ไม่รู้ว่าอาหารในจานค้างคืนก็สวาปามเข้าไปทันทีขณะที่คนที่รู้แล้วเลียดเคียงหรือหลีกเลี่ยง คนจึงต้องพยายามใฝ่รู้ เป็นกฏธรรมชาติไม่มีใครเปลี่ยน ฟ้าดินไม่มีใจ คนไม่รู้ย่อมไม่ผิดแต่ต้องรับผลสะท้อนจากการกระทำจากความไม่รู้ พระพุทธเจ้าสอนให้เล็งเห็นผลจากการกระทำเป็นนิจ ไม่ใช่ฉันจะทำอะไรฉันจะคิดจะพูดอะไรก็จะทำจะคิดจะพูดเพราะฉันมีสิทธิ์ ท่านว่าเพ้อเจ้อ ใครคิดดีไม่ดีอย่างไรพระท่านก็ไม่เดือดได้ร้อน แต่คนคิดกำลังจุดไฟเผาตัวเองให้เดือดให้ร้อนด้วยไฟของตัวเอง คิดดีก็เย็นชื่น คิดร้ายก็ร้อนรุ่ม แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 52 02:30:35 จากคุณ : ตุ้บตั้บ - [ 13 มี.ค. 52 02:26:13 ]

ความคิดเห็นที่ 148 การที่ได้เข้ามาเล่นเวปบอร์ดทำให้ข้อสงสัยหลายๆรื่องของผมหมดไป เช่น  ทำไม จตุคามทำออกมาขายได้เป็นหมื่นล้านบาท        ทำไม  มุขที่มิจฉาชีพหลอกลวงที่มีมา50ปีแล้วยังคงใช้ได้ทุกวันๆๆๆๆๆ        ทำไม  นักการเมืองที่ใครๆก็รู้กันทั้งเมืองว่าขี้โกง  ยังได้รับเลือกทุกสมัย        ทำไมประเทศไทยจัดว่าเป็นประเทศกำลังพัฒนา  (มาตั้ง50ปีแล้ว)       ทำไมบ้าน50ตารางวาต้องผ่อนกัน20ปี       ทำไมรถเก๋งญี่ปุ่นต้องผ่อนกัน6ปี  (มีไม่น้อยผ่อนไม่หมดโดนยึดซะก่อน)       ทำไมมอไซด์คันนึงผ่อนกัน3ปี   ( ยึดมากกว่าครึ่ง)       ทำไมยาบ้าปราบไม่หมดซักที  กินเข้าไปทำไม       ทำไมครอบครัวแตกแยก ผัวไปทาง เมียไปทางลูกไปทาง       ทำไมต้องไปกู้นอกระบบดอกแพงๆ       ทำไมต้องรอเบี้ยยังชีพเดือนละ500       ทำไมชีวิตล้มเหลว       ทำไมเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง       ทำไมต้องไปเข้าคิวรักษา30บาท       ทำไมถึงโดนฉ้อโกง   โดนหลอกจนหมดตรูด       ทำไมพระยันตระ  พระนิกร  พระภาวนาพุทธโธ 9ล9  ถึงมีคนกราบไหว้ทั่วประเทศ       ทำไมถึงต้องขายตัว ขายบริการทางเพศ       ทำไมไปหลงนับถือคนเลว       ทำไมโดนหลอกไปรุมโทรม  ( ก็เค้าบอกว่าจะไปส่งบ้าน ดันพาไปให้พวกรุมโทรม)       ทำไมต้องเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว       ทำไมท้องไม่มีพ่อ ต้องเอาลูกไปทิ้งถังขยะ       ทำไมไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน       ทำไมเป็นพยาธิใบไม้ตับ       ทำไมต้องคอยหลบเจ้าหนี้       ทำไมมารศาสนายังอยู่ได้เต็มบ้านเต็มเมือง       ทำไมหาเงินไม่พอค่าใช้จ่าย       ทำไมต้องชีวิตล้มเหลวจนต้องฆ่าตัวตาย    เป็นเพราะ    "วิธีคิด"   แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 52 09:37:42 แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 52 08:18:13 จากคุณ : นายสีเสียด - [ 13 มี.ค. 52 08:16:06 ]

ความคิดเห็นที่ 149 #140 ผมอยากให้คุณชี้แจงแถลงไขด้วยได้หรือไม่ ว่าข้อความไหนของผมทำให้คุณเข้าใจว่า ผมกำลังต่อว่าคุณ ยกมาทั้งข้อความและอธิบายมาเลย ถ้าผมต่อว่าคุณจริง ไม่ใช่ว่าคุณไปปรุงแต่งข้อความของผมด้วยความคิดแง่ลบของตัวเอง ทำไมไม่มีคนทักท้วงผมล่ะ แถมยังมีเห็นด้วยถูกใจให้กิฟ คุณคิดว่าใครๆจะพากันรุมศาสนาของคุณหรือครับ มองโลกในแง่ร้ายไปหน่อยไหมครับ คุณมีสิทธิสงสัยในหลักการของศาสนาอื่น ทำไมผมจะไม่มีสิทธิออกความเห็นในความสงสัยของคุณ และการที่ผมยกตัวอย่างความเชื่อของศาสนาคุณ มันเป็นการก้าวล่วงศาสนาของคุณมากเลยเหรอ หรือมันจี้จุดปมอะไรในใจของคุณ ทำให้คุณต้องออกมาต่อว่าผมขนาดนี้ ผมมีสิทธิที่จะรู้ เมื่อคุณกล้าเริ่มต้นด่า คุณก็ควรกล้าอธิบาย ปกติผมไม่ใช่คนที่ตอบโต้เรื่องอะไรแบบนี้ แต่ครั้งนี้ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองอยู่ดีดีถึงถูกด่า ปล.ผมทราบว่าคุณไม่กินเนื้อหมู แต่ผมไม่ได้ถามว่าทำไมคุณไม่กินเนื้อหมู แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 52 09:08:02 แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 52 09:07:14 จากคุณ : Cryptomnesia - [ 13 มี.ค. 52 08:54:12 ]

ความคิดเห็นที่ 150 ^ ^ ชี้ไป 2 คห.บน เรื่องของวิธีคิดนั้น ผมเคยได้ยินพระท่านสอนว่า เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ เพราะคนนั้นเอง คิดอย่างไร โลกก็ย่อมเป็นเช่นนั้น เพราะนิยามของคำว่า โลก ในศาสนาพุทธ จะแปลว่า สิ่งภายนอกที่ตัวเรารับรู้ ก็ได้ คนที่จิตขุ่นมัว หงุดหงิด ร้อนรุ่ม ย่อมมองเห็นโลกภายนอกเป็นภพเดรัจฉาน อสุรกาย นรก ไปหมด ทั้งๆที่โลกมันก็เป็นของมันอยู่อย่างนี้ คนที่จิตผ่องใส สงบ ย่อมมองเห็นโลกภายนอกเป็นสวรรค์ พรหมโลกไปหมด ทั้งๆที่โลกมันก็เป็นของมันอยู่อย่างนี้ ศาสนาพุทธจริงๆ สามารถชี้แจงด้วยเหตุผลได้เสมอ ส่วนตรรกที่บอกว่าพระยันตระกับภาวนาพุทโธเป็นพระไม่ดี แสดงว่าพระทั้งหมดเป็นพระไม่ดีนั้นสมควรหรือไม่นั้น ต้องลองพิจารณาดังต่อไปนี้ เช่น สมมติว่า มีคนเห็นข่าวนร.โรคจิตในอเมริกา พกปืนไปโรงเรียน ยิงครูและเพื่อนนร.บาดเจ็บและเสียชีวิต คนผู้นั้นก็ใช้ตรรกของตน ตีขลุมไปทั้งหมดว่า "แสดงว่า นักเรียน ในโลกนี้เลวทั้งหมด ไม่ว่าจะอายุเท่าไร ชาติอะไร เกิดจากครอบครัวไหน ขึ้นชื่อว่าเป็น นักเรียน แล้วเลวเท่ากันหมด นักเรียนทุกคนชอบพกปืนไปโรงเรียน นักเรียนทุกคนชอบยิงเพื่อนๆ และครูให้บาดเจ็บล้มตาย" ขอถามว่าตรรกนี้ถูกต้องหรือไม่ครับ ดูจากที่เขียนมาจขกทก็น่าจะอายุไม่ใช่เด็กๆ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องพ้นวัยรุ่นไปแล้ว น่าจะพิจารณาดูว่า ณ ขณะนี้ตนเองมีความทุกข์มากน้อยขนาดไหน เอามือไปจับกองไฟขึ้นมามันก็ร้อน ก็เพียงแต่ปล่อยเสียเท่านั้น พึงพิจารณาด้วยปัญญาครับ แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 52 09:08:00 จากคุณ : FREE_OFFICER - [ 13 มี.ค. 52 09:05:45 ]

ความคิดเห็นที่ 151 จากการอ่านกระทู้นี้ทำให้ค้นพบว่านายสีเสียดมีวิธีคิดว่าตัวเองวิเศษที่สุดในสากลโลก จากคุณ : Ponyo - [ 13 มี.ค. 52 09:45:25 ]

ความคิดเห็นที่ 152 ปกติผมเชื่อคนง่ายนะ แต่ยกเว้นคนอย่าง จขกท ครับ ผมว่าบางสิ่งบางอย่างเราเชื่อแล้วไม่เดือดร้อนใคร ถึงมันจะจริงๆไม่จริงก็ไม่เป็นไรนี่ครับ ระแวงนะดีครับแต่ไม่ใช่มันทุกเรื่อง จากคุณ : ขอชื่อที่รักจ๋า ณ พันทิป - [ 13 มี.ค. 52 09:50:38 ]

ความคิดเห็นที่ 153 ถึงคุณ : Cryptomnesia ก็อย่างที่บอกนะถ้าคุณอ่านตั้งแต่ต้นก็จะรู้ว่า  ผมถามระบุคนผมถามคุณ หมาสายตาสั้น และคนอื่นๆ คนที่ผมถามนะ ผมจะระบุชื่อไว้ ลองอ่านดูนะ แล้วสิ่งที่คุณทำ เรียกว่าอะไร แบบว่าผมไม่ได่เชิญคุณมาตอบแล้วคุณมาตอบเองเรียกว่าอะไรดีนะ ( โตๆกันแล้วน่าจะรู้ว่าการกระทำแบบนี้ภาษาไทยเรียกว่าอะไร ) แล้วยังมาเกรียน ต่ออีก >>>>>>>>>>>>>>> โดยมาอ้างว่ามีคนหนุน คนเห็นด้วยเยอะ  ( คิดได้แค่นี้หรือ ) คุณอยากตอบก็ตอบเรื่องที่คุณสีเสียดเค้าถามดิ มีให้ตอบตั้งสองข้อ มาตอบอะไรกับผม คุณต้องรู้มรรยาทบ้าง ต้องให้ผมถามก่อน แล้วถึงจะแสดงว่าผมอยากรู้จากคุณ ผมตอบเป็นข้อๆ เลยละกัน 1)คุณ : Cryptomnesiaไม่ได้รับเชิญจากผมในการถามตอบ  ตามมรรยาทแล้วคุณควรตอบนายสีเสียด จขกท ที่ตั้งกระทู้ถามถึงสองข้อ 2)ที่ผมถามเพราะผมอยากรู้ ผมเลยถามคุณหมาสายตาสั้น และผู้รู้อื่นๆ โดยผมถามแบบสุภาพ ( ไม่เคยบอกว่า ไม่เชื่อ ไม่จริง คุณเอาอะไรมาพิสูจน์ หรือบอกว่าเหลวใหล ผมเคารพพวกผู้รู้ทุกท่าน แตกต่าง แต่ไม่แตกแยกครับ)  ดังนั้นผมไม่ได้เข้าข่ายที่คุณกล่าวมาว่า ผมสร้างพรมแดนศาสนา ปิดกันความเห็นของพวกเค้า และที่สำคัญย้ำ  ไม่ได้ถามคุณ : Cryptomnesia  อย่ามาเกรียนดีกว่านะ ไม่อยากเปิดประเด็นว่า ศาสนาใดถูกต้อง ศาสนาใดไม่ถูกต้อง แค่อยากรู้เรื่องที่ผู้รู้เค้ากล่าวมา เรื่องที่อยากรู้ผู้รู้เค้าบอกผมให้หายสงสัยแล้วไม่ได้ต้องการเกรียนอย่างคุณมา เปิดประเด็นให้เถียงกันเรื่องศาสนา จริงๆ ก็ไม่ได้ถามคุณนิ คุณ : Cryptomnesia คุณน่าเข้าใจ  >>>>>> คุณ : Cryptomnesia  คุณมันเกรียนในสายตาผม  >>>>>>>> แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 52 13:14:54 จากคุณ : เทพยุทธปราบเกรียน (Lamelez) - [ 13 มี.ค. 52 12:14:26 ]

ความคิดเห็นที่ 154 จั๊งซี่มันต้องถอนนนนน จากคุณ : โรนัลโด้ โด๊สซานโต๊ส อเวโร่ - [ 13 มี.ค. 52 12:31:07 ]

ความคิดเห็นที่ 155 คือตั้งทั้งสองห้อง ก็พบว่าความคิดคนส่วนใหญ่ตรงกัน และไม่ตรงกับ จขกท. แต่ จขกท ก็ยังพยายาบแขวะ เสียดสี (เข้าใจที่มาของ log in ละ ตอนแรกนึกว่าจะเภสัชเหมือนกันเพราะรู้จักต้นสีเสียด แต่ท่าทางอาจจะไม่ใช่) และพยายามจะบอกคนอื่นๆว่า "ที่ชั้นคิดน่ะมันถูกต้อง พวกแกน่ะผิด พวกแกเชื่อคนง่าย ต้องคิดฉลาดๆแบบชั้นสิ" คนเราไม่มีสิทธิ์คิดต่าง เชื่อต่างหรือคะ จากคุณ : Queen_of_Rain - [ 13 มี.ค. 52 13:17:45 ]

ความคิดเห็นที่ 156 บอร์ดพันทิพย์ น่าจะมีระบบอ้างอิงได้นะ บอกชื่อข้ามไปข้ามมาคนมาอ่านดูทีหลัง มันก็อาจจะสับสนนิดหน่อยเพราะอาจจะมาจับเอาอันสุดท้าย จากคุณ : Hollow - [ 13 มี.ค. 52 14:11:18 A:192.168.0.17 X:58.9.102.33 ]

ความคิดเห็นที่ 157 นายสีเสียด ผมอ่านกระทู้คุณแรกๆ ก็รู้สึกน่าสนใจดี วิธีคิดของนายคนนี้ เพราะคล้ายๆผม แต่อ่านไปอ่านมาชักเริ่มไม่แน่ใจ ผมว่าคุณไม่มีโอกาสได้เจอคนที่มีทักษะในการใช้ชีวิต และวิธีคิดที่คุณพยายามอยากจะเป็น สารภาพว่าตอนเด็กๆผมก็เคยเป็นเหมือนคุณนี่แหล่ะ แต่โตมาผมได้เจอ คนมากมาย ได้เรียนรู้อะไรต่างๆมากมาย วิธีคิดของผมก็เปลี่ยนไป จากที่เคยเป็นเด็กที่ทนง หยิ่ง เชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง ก็เริ่มเปลี่ยนไป เข้าใจโลกมากขึ้น ประเทศไทยมีคนเป็นสิบๆล้านคนครับ ที่ผมเจอมา คนเหนือกว่าคุณมีเยอะมาก สิ่งที่เขาต่างกับคุณโดยสิ้นเชิงเลย คือ พวกเขาไม่เคยมีความคิดที่ดูถูกเหยียดหยามคนอื่นครับ ประสบการณ์สอนผมมาแล้ว หวังว่าจะสอนคุณด้วยเช่นกัน จากคุณ : คุณริค - [ 13 มี.ค. 52 14:38:18 A:117.47.162.69 X: TicketID:196013 ]

ความคิดเห็นที่ 158 มาตอบครับ      อ่านดูดีๆ  จับประเด็นให้ถูก    จากกรณีพระหลงป่า   จนในที่สุด เจ้าหน้าที่ช่วยออกมาได้    พอมีคนถามว่าทำไม พระไม่จุดไฟให้สัญญาณ    พระบอก กลัวสัตว์ได้รับอันตรายจากไฟ        คนที่ได้ยินพากันอนุโมทนา    แต่ผมฟังดู ไม่น่าเชื่อ  เพราะมีเหตุผล  คือ    1.  พระ2คน  ถ้าจะก่อกองไฟเพื่อให้สัญญาณ  น่าจะมีความสามารถควบคุมไม่ให้ไฟลามได้    2.  ตามสามัญสำนึกของ  " ปุถุชน"         ผมว่า "ปุถุชน"   เมื่อถึงคราวคับขัน  น่าจะห่วงชีวิตตนเองมากกว่าสัตว์ป่า          ดังนั้น  ที่พระไม่ก่อกองไฟน่าจะเพราะ   ไม่มีไม้ขีดมากกว่า     ข้อสัณฺนิษฐานของผมเป็นอย่างนี้              แล้วต่อมาผมก็เอาข้อความในนสพ. ฉบับนึง ที่พระองค์นึงให้สัมภาสน์ว่า     เห็นเฮลิคอปเตอร์บินผ่านเพื่อค้นหาตนเองอยู่ตลอด แต่ไม่มีไฟแช็คจะก่อกองไฟ       และพยายามจุดไฟแล้วแต่ไม่ติด     ส่วนพระอีกองค์ บอกว่าที่ไม่จุดเพราะกลัวสัตว์ป่าได้รับอันตราย          ถ้าลองคิดแบบมีเหตุผล   คุณจะเชื่อคำพูดองค์ไหน   แค่นี้เองเรื่องของเรือง มีแค่นี้เองไม่ทราบว่าทำไมมีพวก    "ชนชั้นขี้ครอก"   เข้ามาด่าแบบไม่มีเหตุผล ด่าถึงพ่อถึงแม่  แทนที่จะมาวิเคราะห์หาเหตุผล       จะบอกให้  ชนชั้นขี้ครอก นี่แหละสร้างปัญหาให้สังคมมากที่สุด  พวกนี้มีจำนวนมากเพราะมันผสมพันธ์กันตั้งแต่อายุน้อยๆ  12-13 14- มันก็ผสมกันแล้ว  ออกลูกมาก็โยนภาระให้สังคมดูแลลูกของมัน     อ่ะ วกเข้าเรื่องต่อ      จำเรื่อง      สมพงษ์ เลือดทหาร   โชเฟอร์แท๊กซี่ฮ๊โร่ฮีลวง  ได้มั๊ยที่สร้างข่าวว่าเก็บเงินบนรถที่ผู้โดยสารลืมไว้ได้  จำนวนหลายแสนบาท  ทั้งวิทยุโทรทัศน์ ประโคมข่าวใหญ่โต   รายการโทรทัศน์ต่างๆจองตัวไปออกรายการ  เป็นฮีโร่ของประเทศอยู่ซักอาทิตย์นึง  ก็มีคนช่างสังเกตุ  ( คนชนชั้นขี้ครอกจะเรียกคนช่างสังเกตุที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆว่า   คนขี้อิจฉา)            คนช่างสังเกตุคนนี้ สังเกตุว่า   คำพูดที่นายสมพงษ์พูดผิด  เป็นคำเดียวกับคนที่โทรเข้ามาแจ้งว่าเป็นคนทำเงินหาย       จึงสัณณิษฐานว่านายสมพงษ์อาจจะเป็นคนโทรเข้าไปเอง     จึงตั้งข้อสังเกตุในประเด็นนี้ จนสุดท้ายมีการพิสูจน์ รู้สึกว่าจะเข้าเครื่องจับเท็จ     ความจริงจึงถูกเปิดเผย     ฮีโร่จึงกลายเป็นฮีลวง   ติดคุกอยู่ระยะนึง จากคุณ : นายสีเสียด - [ 13 มี.ค. 52 15:40:18 ]

ความคิดเห็นที่ 159 กรณีพระชื่อดังหลายๆองค์ที่ประพฤติผิด     ก่อนที่จะมีหลักฐานจนชัดแจ้งแดงแจ๋ออกสู้สาธารณะชน    ก็ต้องมีคน  ช่างสังเกตุ  จับผิดและรู้ทัน จนหาความจริงออกมาในที่สุด   ถ้าไม่มีคนๆนั้นป่านนี้คนไทยทั้งประเทศยังต้องมากราบไหว้พระยันดะ  พระนิกร  ภาวนาพุทธโธอยู่เลย จากคุณ : นายสีเสียด - [ 13 มี.ค. 52 15:51:06 ]

ความคิดเห็นที่ 160 และไม่มีใครซักคนเดียวคุยกันแบบมีเหตุผลในประเด็นที่ผมนำเสนอว่า       ที่พระองค์นึงบอกว่า    " ที่ไม่จุดไฟเพราะกลัวไฟไหม้ป่าสัตว์จะได้รับอันตราย"          ผมเสนอว่า      คุณคิดว่า  พระ2องค์จะไม่สามารถควบคุมกองไฟกองนี้ไม่ให้ลามไปที่อื่นได้เลยหรือ     ก่อนจะก่อกองไฟ  ถ้ากลัวว่าไฟจะลาม   ก็ต้องเลือกพื้นที่  ปรับปรุงพื้นที่  ก่อน        ประเด็นสำคัญนี้ ทำไม๊ทำไมไม่มีใครยอม  มาคุยในประเด็นนี้       ก็เพราะทุกคนรู้ดีว่า  มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะคน2คนจะควบคุมไฟกองนึงไม่ให้ลามไปที่อื่น      ดังนั้น  คำพูดของพระองค์นึงที่ว่า    ที่ไม่ก่อกองไฟเพราะกลัวไฟจะไปทำอันตรายสัตว์ป่า    จึงเป็นเรื่อง    ไม่จริง         ซึ่งก็สอดคล้องกับคำพูดของพระอีกองค์นึงที่ว่า    " มองเห็นเฮลิคอบเตอร์บินค้นหาตลอดเวลา แต่ไม่มีไฟแช็คจะก่อไฟ"           ก็เห็นอยู่ทีมกู้ภัยบินอยู่เหนือหัว    ถ้ามีไฟแช็คจุดไฟแป๊บนึงควันไฟก็ลอยไปให้ทีมค้นหาเห็นแล้ว  ก็เอาฮอลงแล้ว   ทำไม๊ทำไมจะไปกลัวไฟไหม้สัตว์ป่า จากคุณ : นายสีเสียด - [ 13 มี.ค. 52 16:07:34 ]

ความคิดเห็นที่ 161 เข้าใจแล้วครับ สรุปว่าผมยุ่งเอง จบ แต่ไม่ขอรับคำด่านะ ไม่มีประโยชน์ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 13 มี.ค. 52 16:14:42 ]

ความคิดเห็นที่ 162 อ้อ ถามอีกนิดนึง เราจะคุยกันดีๆไม่ได้ใช่ไหมครับ สงสัยคุณจะเกลียดผมมาก (ทั้งที่ผมไม่มีเจตนาให้เป็นอย่างนั้นแม้แต่น้อย) กระทู้หน้า หากคนอื่นตั้ง/คุณตั้งกระทู้ ผมจะไม่ได้ไม่เข้าไปตอบ ไม่พาดพิงถึงคุณอีกไม่ว่ากรณีใดๆ เพราะผมเข้าใจแล้วคุณไม่ญาติดีกับผม จะได้ไม่หมองใจกันทั้งสองฝ่าย ผมหมายความตามนั้นจริง ไม่ได้ประชดประชัน แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 52 16:19:52 จากคุณ : Cryptomnesia - [ 13 มี.ค. 52 16:19:21 ]

ความคิดเห็นที่ 163 ขอโทษครับคุณ : Cryptomnesia ( ขออภัยอย่างสูงครับ) ผมไม่ได้เกลียดคุณหรอก ผมขอโทษละกัน เรื่องของเรื่อง มันมาจากการที่คุณยั่วยุผม หาว่าผมไปจับผิดศาสนาของคุณนะ  ( ประมาณนั้น  ตอนนั้นเข้าใจอย่างนั้นจริงๆ  ) ถ้าคุณไม่ได้มีเจตนาแบบนี้ ผมก็ขอโทษคุณด้วยละกัน ผมปกติเป็นคนที่รับฟังคนอื่นนะ แต่ผมไม่ชอบการยั่วยุครับ อภัยให้ผมนะ คุณ : Cryptomnesia   ผมขอโทษ ( ผมหมายความตามนั้นจริง ไม่ได้ประชดประชัน  เหมือนกัน ) ผมขอโทษ  ดีกันนะครับ คุณ : Cryptomnesia  ( เรื่องระหว่างเราให้ถือว่าเป็นเรื่องเพียงข้ามคืนนะ  อย่าได้เอาไปคิดเป็นจริงเป็นจัง ) แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 52 16:51:44 แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 52 16:50:49 จากคุณ : Lamelez - [ 13 มี.ค. 52 16:47:43 ]