ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าเ้ป็นจริงตามข่าวที่ได้มาคุณหมอก็ไม่ได้ทำผิดจรรยาแพทย์ครับ แค่ทำผิดตามหลักตรรกะของการใช้ชีวิต จากคุณ : Mr.Odwa - [ 14 มี.ค. 52 16:09:11 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นหมอ รับจ๊อบเอาซองไปส่งไปรษณีย์ ได้ค่าจ้างซองละร้อยบาท อืม เข้าใจเจ้าของกระทู้นะ แล้วก็คิดว่าหลายท่านในห้องนี้ ก็เข้าใจ จากคุณ : หุหุ - [ 14 มี.ค. 52 16:18:16 A:203.153.174.116 X: TicketID:151048 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เข้าใจจขกท.ครับ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 14 มี.ค. 52 16:19:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มา : เดลินิวส์ ภาพประกอบ : เดลินิวส์        นศ.สาวถูกแพทย์ขืนใจรายนี้เปิดเผยเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 เม.ย. นางปุ๋ย (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี อาชีพขายกล้วยแขก ได้นำพา น.ส.ลี (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ลูกสาวเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.สืบสกุล สรสิริ สว.เวร สภ.อ. พระพุทธบาท จ.สระบุรี ว่า ลูกสาวได้ถูกนาย แพทย์คนหนึ่งประจำ รพ.พระพุทธบาท หลอกลวงให้ไปเป็นลูกจ้างประจำคลินิกใน จ.สระบุรี หลังจากนั้นวางแผนพาไปข่มขืนใจจนสำเร็จความใคร่        น.ส.ลี ได้ให้การถึงรายละเอียดที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่า เป็นนักศึกษาปี 1 วิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ช่วงปิดเทอมได้มาหารายได้ช่วยน้าขายน้ำอัดลม ต่อมามีโอกาสรู้จักกับนายแพทย์คนดังกล่าว ชักชวนไปทำงานพิเศษเป็นลูกน้องในคลินิกวันละไม่กี่ชั่วโมง ให้ค่าจ้างเดือนละ 3 พันบาท โดยหมอเป็นคนรับส่งไปกลับบ้านทุกวัน พอทำงานได้เพียง 2 อาทิตย์ หมอก็อ้างว่ายังโสดไม่มีภรรยา หากแต่งงานด้วยจะโอนที่ดินให้ 6 ไร่ รถยนต์มือสอง 1 คัน และเตรียมปลูกบ้านให้ อีก 1 หลัง แต่ตนยังไม่ตอบตกลง        กระทั่งคืนเกิดเหตุ ตนนอนในบ้าน หมอแอบมาหาที่บ้านอ้างว่าที่ห้องพักไฟเสีย พอเห็นว่าตนนอนคนเดียวลำพังจึงใช้กำลังปลุกปล้ำขืนใจจนสำเร็จความใคร่ แม้ตนจะอ้อนวอนว่ามีประจำเดือน หมอก็ยังบอกว่า ไม่เป็นไรเรียนมารู้ดีถ้าร่วมเพศขณะมีประจำเดือนจะทำให้ฝ่ายชายแข็งแรง ส่วนผู้หญิงก็มีผิวพรรณเปล่งปลั่ง        น.ส.ลี ให้การต่อว่า ตอนแรกไม่กล้า นำเรื่องไปบอกใคร กระทั่งวันที่ 13 เม.ย. ที่ผ่านมา ขณะนั่งในรถแวะเติมน้ำมันก่อนจะไปคลินิก มีหญิงสาวคนหนึ่งขับรถเก๋งมาจอดใกล้ ๆ แล้ว เข้ามาหาต่อว่าและทำร้ายตนพร้อมกับบอกว่าเป็น ภรรยาหมอ หลังเกิดเหตุตนโทรศัพท์ให้มารดามารับแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง มารดาจึงพาไปพบผู้บังคับบัญชาของหมอเพื่อให้จัดการเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เบื้องต้นหมอ  / อมรับว่ามีภรรยาแล้ว ส่วนเรื่องข่มขืนนั้นไม่เป็นความจริง พร้อมยังหาว่า ตนต้องการแบล็กเมล์ถ้าต้องการเอาเรื่องก็ไปฟ้องร้องเอาเอง ล่าสุดวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา หมอโทรฯ นัดไปเจรจาปัญหา แต่สุดท้ายลวงตนไปขืนใจอีกครั้งจึงตัดสินใจมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีถึงที่สุด        เบื้องต้นทาง พ.ต.ต.สืบสกุล รับแจ้งความเอาไว้ พร้อมส่งตัว น.ส.ลี ไปตรวจหาร่องรอยการข่มขืนที่ รพ.พระพุทธบาท โดยจะออกหมายเรียกตัวหมอที่ถูกกล่าวหามาพบในวันที่ 25 เม.ย. หากไม่มาก็จะออกหมายเรียกใหม่ ถ้ายังไม่มาอีกก็จะออกหมายจับต่อไป.    http://www.icygang.com/hothilights/view.php?news_id=1847&category_id=8              นี่ก็โดนใส่ความอีกรายครับ      คนเป็นหมอ รับรองไม่ทำเรื่องแบบนี้แน่นอน   นังผู้หญิงคนนี้มันเลวมากที่มาใส่ความคนเป็นหมอ         ขอเชิญชวนชาวหว้ากอร่วมลงชื่อให้กำลังใจคุณหมอท่านนี้และร่วมประนาม หญิงที่ใส่ร้ายหาว่าหมอขืนใจ        ถึงคุณหมอ      คุณหมอสู้ๆครับ  ชาวหว้ากอเป็นกำลังใจให้ครับ         ถึงนางลี         นางลี แกนี่เลวมาก  ชีวิตแกทำไมไม่เจอหมอดีๆวะไปเจอหมอที่ชอบข่มขืนสงสัยชาติก่อนแกทำกรรมไว้มาก    โสน้าน่า อิอิ จากคุณ : นายสีเสียด - [ 14 มี.ค. 52 16:23:41 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอาอีกๆ ได้อีกๆ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 14 มี.ค. 52 16:27:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แจ้งจับผู้บริหารโรงพยาบาลอำเภอตั้งกล้องถ่ายใต้กระโปรงหมอสาว --------------------------------------------------------------------------------       หมอสาวแจ้งจับผู้บริหาร รพ.ประจำอำเภอ จ.ชัยภูมิ หลังตกเป็นเหยื่อถูกซ่อนกล้องแอบถ่ายใต้โต๊ะทำงาน เพิ่งรู้ตัวเมื่อก้มเก็บปากกา สังเกตเห็นไฟสีแดงใต้โต๊ะ ตำรวจยึดคอมพิวเตอร์ตรวจสอบ ตะลึงพบภาพใต้กระโปรงอื้อ ลอบถ่ายนานร่วมเดือน แจ้งข้อหาถ้ำมองสร้างความเดือดร้อนรำคาญก่อนตรวจสอบนำไปเผยแพร่ทางเน็ตหรือไม่ สสจ.ตั้งกรรมการสอบสวน เจ้าตัวยังปิดปากเงียบ เหตุผู้บริหารโรงพยาบาลแอบถ่ายคลิปใต้กระโปรงแพทย์สาว เปิดเผยเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 3 ธันวาคม พ.ต.อ.สมศักดิ์ ฤกษ์พุฒิ ผกก.สภ.เนินสง่า จ.ชัยภูมิ เข้าตรวจค้นหลักฐานการลักลอบถ่ายคลิปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังจาก พญ.บี (นามสมมติ) อายุ 25 ปี แพทย์ประจำโรงพยาบาล เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.วิหาร นวลงาม พนักงานสอบสวน ว่า มีผู้ลักลอบตั้งกล้องถ่ายภาพใต้กระโปรง ซึ่งไม่ทราบว่าทำมานานเท่าใด แต่เพิ่งรู้ตัวและเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา       เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณชั้นหนึ่งของโรงพยาบาล พบว่ามีห้องขนาด 2.5 เมตร กั้นเป็นสัดส่วน 3 ห้อง สำหรับใช้เป็นห้องทำงานของผู้บริหารและแพทย์ โดยผู้เสียหายระบุว่า เชื่อว่าถูกลักลอบต่อสายเชื่อมโยงถ่ายจากห้องผู้บริหารที่อยู่ห้องแรก เชื่อมมาถึงห้องของ พญ.บี ที่อยู่ห้องสุดท้าย จึงเข้าตรวจสอบ เบื้องต้นพบเพียงสายโทรศัพท์สีเหลืองเชื่อมโยงต่อระหว่างห้องเท่านั้น แต่ไม่พบสายเชื่อมโยงสัญญาณแต่อย่างใด จึงยึดมาเป็นหลักฐานและได้นำยึดเครื่องคอมพิวเตอร์-อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของห้องผู้บริหารมาตรวจสอบด้วย       พ.ต.อ.สมศักดิ์กล่าวว่า จากการนำเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้บริหารโรงพยาบาลรายนี้ มาตรวจสอบ พบว่ามีการลักลอบบันทึกภาพใต้กระโปรงของแพทย์หญิงผู้เสียหายจริง มีหลักฐานบันทึกไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีวันเวลาที่บันทึกตั้งแต่วันที่ 6, 17 และ 27 พฤศจิกายน เมื่อผู้เสียหายดูภาพก็ยืนยันว่าเป็นภาพของตนเองจริง เพราะจำกระโปรงและกางเกงชั้นในที่ใส่ได้       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งยังให้การปฏิเสธ แต่จากพยานหลักฐานทั้งหมดเชื่อว่ามีการกระทำผิดจริง จึงแจ้งข้อกล่าวหาถ้ำมอง สร้างความเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งเป็นความผิดทางคดีอาญา ส่วนจะเกี่ยวข้องหรือเข้าข่ายการกระทำผิดละเมิดสิทธิเด็กและสตรีด้วยหรือไม่นั้น ทางหน่วยงานต้นสังกัดคือหน่วยงานสาธารณสุขจะเป็นผู้พิจารณา โดยระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งเครื่องคอมพิวเตอร์ไปตรวจพิสูจน์หาหลักฐานเพิ่มเติมอีกครั้งว่ามีการบันทึกภาพไว้มากแค่ไหน และมีการนำไปจำหน่ายจ่ายแจก เผยแพร่ผ่านทางอินเทอร์เน็ตด้วยหรือไม่ หากตรวจพบก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มต่อไป       พญ.บี ผู้เสียหาย กล่าวว่า ไม่ทราบมาก่อนว่าตกเป็นเหยื่อถูกลักลอบถ่ายคลิปใต้กระโปรง กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ขณะนั่งทำงานที่โต๊ะภายในห้อง บังเอิญทำปากกาตก เมื่อก้มลงหยิบก็สังเกตเห็นไฟสีแดงอยู่ใต้โต๊ะ ด้วยความสงสัยจึงเรียกเพื่อนร่วมงานมาดู ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นไฟจากกล้องวิดีโอที่มาติดตั้งไว้ เพื่อถ่ายคลิปใต้กระโปรงของตน ด้วยความสงสัยว่าเป็นฝีมือใคร จึงวางแผนร่วมกับเพื่อนเฝ้าสังเกตดูคนต้องสงสัยที่เข้ามาในห้องโต๊ะทำงานในช่วงเที่ยง ประกอบกับจากการหาหลักฐานเบื้องต้นพบว่ามีสายของกล้องวิดีโอเชื่อมโยงมาจากด้านบนห้องผู้บริหารรายนี้ แต่ภายหลังจากระแคะระคายรู้ตัวแล้วว่าถูกแอบถ่าย สายเส้นนี้ก็ถูกเปลี่ยนเป็นสายโทรศัพท์สีเหลืองแทน        ผู้เสียหายกล่าวต่อว่า ช่วงเที่ยงวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พบว่าผู้บริหารรายนี้เดินเข้ามาดูในห้องอย่างมีพิรุธ วันรุ่งขึ้นจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อตำรวจทันที เพราะกลัวว่าจะมีการนำภาพไปเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ได้เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ นายชูรัตน์ คูสกุลรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ อีกทางหนึ่งด้วย       นายชูรัตน์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ เนื่องจากติดราชการที่ต่างจังหวัดว่า ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้บริหารรายนี้แล้ว โดยจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ทราบว่าตำรวจยังไม่ได้ตั้งข้อหาอะไร แต่ถ้ามีการแจ้งข้อหา หรือผู้เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็จะพิจารณาย้ายผู้บริหารรายนี้ออกจากพื้นที่ไว้ก่อน       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อขอทราบข้อเท็จจริงจากผู้บริหาร ซึ่งถูกกล่าวหารายนี้ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อเข้าไปติดต่อที่โรงพยาบาลก็ได้รับแจ้งเพียงว่าไม่อนุญาตให้เข้าพบ       ล่าสุด พ.ต.อ.สมศักดิ์ ฤกษ์พุฒิ  กล่าวว่า จากการตรวจสอบสันนิษฐานว่า วิธีการลักลอบถ่ายรายนี้ น่าจะลักลอบนำกล้องขนาดเล็กไปติดใต้โต๊ะผู้เสียหาย จากนั้นได้ต่อสายยูเอสบี เข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายเอง เนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์ในโรงพยาบาล มีการเชื่อมโยงระบบภายใน หากคนรู้ไอพีก็สามารถแฮ็ฏ สั่งงานจากเครื่องอื่น เพื่อสั่งให้กล้องบันทึกภาพได้ โดยเจ้าของเครื่องที่ถูกติดตั้งกล้องไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติที่หน้าจอ หรือความผิดปกติขณะเครื่องทำงาน จึงถูกถ่ายภาพโดยไม่รู้ตัว ที่มา :   วันที่ 4 ธ.ค. 2551 http://www.backtohome.org/autopagev4/show_page.php?topic_id=2153&auto_id=4&TopicPk=                  โดนใส่ร้ายอีกแล้วครับท่าน  คนเป็นถึงหมอเป็นถึง ผู้อำนวยการร.พ. จะมาทำเรื่องแบบนี้ชาวหว้ากอไม่เชื่อเด็ดขาด   ใส่ร้ายครับ  ฟันธง จากคุณ : นายสีเสียด - [ 14 มี.ค. 52 16:33:57 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จ้างส่ง 100 นี่อะนะ ?? ยังไงก็ไปตัดสินใจศาลครับ ส่วนเครื่องให้กำลังใจก็ว่ากันอีกเรื่อง จากคุณ : โอพ่อพระ - [ 14 มี.ค. 52 16:39:36 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แจ้งจับหมอ! ทำคลอดลูกดับ ใช้"ประกันสังคม"ไม่สนไล่กลับหลายหน tag:ประกันสังคม,หมอ,คนท้อง,คลอดลูก,ไม่สนใจ,   แจ้งจับหมอ! ทำคลอดลูกดับ ใช้"ประกันสังคม"ไม่สนไล่กลับหลายหน แจ้งตำรวจเอาผิด “หมอ” โรงพยาบาลดัง คุณพ่อมือใหม่ใจสลายพาเมียฝากท้องใช้สิทธิประกันสังคม ไม่สนใจดูแลยังไม่พอไล่กลับบ้านไปหลายรอบจนท้องแก่ปวดสุดขีดทนไม่ไหวพามาใหม่ คราวนี้ให้นอนรอนานหลาย ชม. สุดท้ายผ่าเอาเด็กออก ได้ลูกสาวสุดดีใจตั้งชื่อ “น้องโซดา” มีชีวิตแค่1วันก็สิ้นใจอนาถ เชื่อเลินเล่อ โวยเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ผู้บริหารโผล่แจง ยันจะเรียกหมอมาคุยเคลียร์กัน2ฝ่ายเพื่อความสบายใจ ส่วนการช่วยเหลือขอหารือก่อน เอาเรื่องหมอทำคลอดเด็กตายรายนี้ เปิด เผยเมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 4 ม.ค. ร.ต.ต.ฐิติวัฒน์ ฤชานุกูล ร้อยเวร สภ.เมืองนครนายก รับแจ้งจาก นายวีระชัย ธรรมเสมา อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/1 หมู่ 2 ต.ดงละคร อ.เมือง จ.นครนายก พร้อมญาติพี่น้องว่าก่อนหน้านั้น น.ส.ศันสนีย์ ดีกล้า อายุ 21 ปี ภรรยาได้ไป คลอดบุตรที่โรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง มีชีวิตอยู่ได้เพียง 1 วันก็หมดลมหายใจ ท่ามกลางความ เศร้าโศกของทุกคน โดยแพทย์เวรระบุว่าเสียชีวิตจากการคลอดเกินกำหนดหรือศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า “สำลักขี้เถ้า” สร้างความเคลือบแคลงใจให้เป็นอย่างมาก สงสัยว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ โดยประมาทเลินเล่อมากกว่า ตัดสินใจแจ้งความตำรวจเอาเรื่องกับแพทย์ผู้รับผิดชอบให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ นายวีระชัย ให้การว่า หลังจากภรรยาตั้งครรภ์ก็พาไปฝากท้องที่โรงพยาบาล โดยใช้สิทธิบัตรประกันสังคม แพทย์ทำท่าไม่สนใจ แจ้งเพียงว่ากำหนดคลอดคือวันที่ 17 ธ.ค. 50 ให้มาใหม่ ถึงวันนัดก็พาภรรยาไป แต่แพทย์ให้กลับไปก่อน ยังไม่เจ็บท้อง จนวันที่ 26 ธ.ค. 50 ภรรยาปวดท้องก็ไปโรงพยาบาลอีกครั้ง แพทย์คนเดิมก็ให้กลับบ้านไปอีก บอกว่าต้องรอให้น้ำคร่ำไหลก่อน   กระทั่งวันที่ 2 ม.ค. 51 ภรรยาเจ็บท้องทนไม่ไหวก็พาไปโรงพยาบาล คราวนี้แพทย์ให้นอนในห้องสูตินรีเวชหลายชั่วโมงก็ไม่มีวี่แววจะคลอด ต้องผ่าตัดนำเด็กออกมาเป็นลูกสาว ไม่แข็งแรงและไม่ร้องไห้เหมือนเด็กอื่น ๆ ตอนนั้นไม่คิดอะไร ตั้งชื่อว่า ด.ญ.ศรันรัชน์ หรือน้องโซดา ปรากฏว่ามีชีวิตอยู่เพียง 1 วันก็สิ้นใจ ทำให้ครอบครัวตนเสียใจมาก คิดว่าเป็นความบกพร่องของแพทย์ ตัดสินใจเอาเรื่องและอยากให้ทางโรงพยาบาลอบรมบุคลากรให้ใส่ใจผู้ป่วยมากกว่านี้ ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาลคนหนึ่ง ได้ออกมาชี้แจงภายหลังทราบว่าบิดาของเด็กหญิงที่เสียชีวิตแจ้งความตำรวจให้ดำเนินคดีกับแพทย์ผู้รับผิดชอบ โดยระบุว่า ผู้อำนวยการโรงพยาบาลติดภารกิจด่วนไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ขอชี้แจงในฐานะเป็นตัวแทนโรงพยาบาลว่าผู้บริหารทุกคนได้ทราบเรื่องนี้แล้ว จะเรียกแพทย์คนดังกล่าวไปสอบถามข้อเท็จจริงและให้มาคุยกับญาติเพื่อความสบายใจกันทุกฝ่าย ในส่วนของการรับผิดชอบในทุก ๆ ด้านคงต้องขอเวลาผู้บริหารหารือกันก่อนว่าจะสรุปช่วยเหลืออะไรได้บ้าง.              ไอ้คนนี้อีกชาติก่อนสร้างกรรมไว้มาก เจอหมอแบบนี้ ลูกเลยตายเลย จากคุณ : นายสีเสียด - [ 14 มี.ค. 52 16:40:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่ทราบเป็นไงนะ แต่ผมอ่านกระทู้นี้แล้วผมขำ 5555 จากคุณ : ArcAz (SLaYe|2 ArcA) - [ 14 มี.ค. 52 16:43:02 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หนูฝากชีวิตไว้กับ  "หมอชุ่ย" ..!! .. อย่างนี้หรือ ค่ะ หนูชื่อ ด.ญ. ณ.พรสรวง  ประคุณวงศ์ อายุ 1 ปี  5 เดือน เป็นเด็ก"พิการทางสมอง" แขนขวาไม่ขยับเส้นประสาท คอ และ แขนข้างขวาเสีย ต้องผ่าตัดเอาเส้นประสาทขาขวามาใส่แทน ปอดติดเชื้ออยางรุนแรง ปัญหาทั้งหมด เกิดจากการ "ทำคลอด" และ การผิดพลาดทางการแพทย์ น้อง ณ.พรสรวง ต้องติดที่ช่องคลอดนาน 30 นาที่ ขาดอากาศหายใจ10นาที เพราะว่า หมอ ไม่อยู่ แล้วโทรมา สั่งให้พยาบาลฉีดยาแร่งคลอด และ....ติดตามจากปาก แม่ เธอ ในคลิป ครับ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=392605              ใส่ร้ายกันชัดๆครับ    สงสัยโรคจิตแหงๆมาใส่ร้ายหมอด้ายยยย    หรือไม่ก็ชาติก่อนทำเวรกรรมไว้เยอะถึงได้เจอหมอเช่นนี้ จากคุณ : นายสีเสียด - [ 14 มี.ค. 52 16:53:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 (http://www.thairath.co.th/2552/hotnews/Jan/library/22/pic_5.jpg) เมื่อเวลา  13.30  น.  วันที่ 21 ม.ค. นางน้อย (นามสมมติ) อายุ 45 ปี ชาวบ้านใน อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้พา ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี ลูกชาย เข้าร้องทุกข์กับผู้ดำเนินรายการที่สถานี วิทยุพิทักษ์สินติราษฎร์ สวพ. FM 91 ถนนพหลโยธิน แขวง ลาดยาว เขตจตุจักร กทม. กล่าวว่า ถูกแพทย์ประจำคลินิก เวชกรรม มหาชน ตั้งอยู่เลขที่ 305-306/1 ใกล้วัดพญาปราบปัจจามิตร ถนนนครเขื่อนขันธ์ ต.ตลาด อ.พระประแดง  จ.สมุทรปราการ รักษาโรคผิดวัตถุประสงค์ของผู้ป่วย โดย นางน้อยให้รายละเอียดว่า ปัจจุบัน ด.ช.เอ เรียนอยู่ชั้น ป.6 โรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่งใน อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนสังเกตลูกชายมีเม็ดแข็งๆคล้ายสิวขึ้น ที่ริมฝีปากด้านในมุมซ้าย 1 เม็ด มีอาการเจ็บไม่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ จึงตัดสินใจพาไปพบแพทย์ ที่คลินิกดังกล่าว เป็นคลินิกหน่วยบริการปฐมภูมิ บริการรับส่งต่อ รพ.เมืองสมุทรปู่เจ้า ในสังกัดหลักประกันสุขภาพ ถ้วนหน้า โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่มีสิทธิอยู่ เมื่อ เวลา  17.00  น.  ของวันที่  19  ม.ค.ที่ผ่านมา นางน้อยให้รายละเอียดด้วยความคับแค้นใจอีกว่า เมื่อไปถึงพบกับ นพ.ศิริพงศ์ ถมสุวรรณ เจ้าของคลินิก เป็นผู้ตรวจ ซึ่งภายหลังการตรวจวินิจฉัยแล้ว นพ.ศิริพงศ์ นัดให้พา ด.ช.เอ มารับการผ่าตัดในเวลา 22.00 น. ของ วันเดียวกัน  จึงได้พาลูกชายไปตามนัด  พบแพทย์อีกคนและพยาบาล 2 คน ไม่ทราบชื่อ รออยู่ พา ด.ช.เอ เข้าห้อง ผ่าตัด โดยแพทย์ให้ตน และนายหนุ่ย (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ลูกชายคนโต รออยู่ข้างนอก ระหว่างนั้นได้ยินเสียง ด.ช.เอร้องบอกแพทย์ด้วยน้ำเสียงคล้ายคนตกใจอยู่ตลอดเวลาว่า  เจ็บที่ปาก  โดยที่ตนไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งเวลาผ่านไปราว 30 นาที ตนกับนายหนุ่ย ลูกชาย คนโต เกิดความสงสัยเปิดม่านบังตาออกโผล่หน้าเข้าไปดู ปรากฏว่าแทบช็อกเมื่อพบว่าแพทย์และพยาบาลกำลัง นำสำลีช่วยกับซับเลือดบริเวณอวัยวะเพศของลูกชาย ซึ่งขณะนั้น ด.ช.เอนั่งร้องไห้ตัวสั่นอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความตกใจกลัว   สอบถามแพทย์ที่ผ่าตัดว่า  ทำไมไม่ผ่าตัดที่ปากตามที่ นพ.ศิริพงศ์ วินิจฉัย มาขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ ทำไม แต่แพทย์คนดังกล่าวไม่ยอมตอบ และพยายามบ่ายเบี่ยง ที่จะผ่าตัดเม็ดที่ปากให้ เมื่อตนยืนยันจะเอาเรื่องในที่สุด แพทย์จึงยอมผ่าตัดเม็ดที่ปากออกให้ หลังพาลูกชายกลับ ถึงบ้านแล้ว ปรึกษากับญาติพี่น้องเห็นว่า การกระทำของ แพทย์ผิดวัตถุประสงค์ของคนไข้  จึงได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้กับ ร.ต.ต.สายัณต์ ภูพรรณา ร้อยเวร สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. จากนั้น เข้าพบ นพ.ศิริพงศ์ เจ้าของคลินิกเพื่อสอบถามถึงสาเหตุความผิดพลาด และความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ แต่กลับได้รับคำตอบจาก นพ.ศิริพงศ์ว่า ผิดพลาดไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ และยังพยายามปิดบังชื่อแพทย์ และพยาบาลที่ผ่าตัดด้วย  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้จะไม่มีผลข้างเคียงกับผู้ป่วย แต่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ตนจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดกับผู้ป่วยรายอื่นต่อไป   ในขณะที่ ด.ช.เอกล่าวว่า หลังแพทย์พาเข้าห้อง ผ่าตัด ได้สั่งให้ขึ้นไปนอนบนเตียง พร้อมกับถอดกางเกงออก  ทำให้รู้สึกตกใจ  พยายามทักท้วงบอกแพทย์ว่าเจ็บที่ปากไม่ใช่อวัยวะเพศ แต่แพทย์ไม่ยอมฟังเสียง นำยาชา ฉีดที่อวัยวะเพศ แล้วขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศออก โดยที่แพทย์และพยาบาลไม่ยอมฟังเสียงทักท้วงแต่อย่างใด กระทั่งแม่และพี่ชายโผล่ไปเห็น แต่ก็ไม่ทันกาลปลายหนัง หุ้มอวัยวะเพศถูกขริบไปเรียบร้อยแล้ว ต่อมาช่วงเย็นวันเดียวกันนางน้อย พา ด.ช.เอ เข้าพบ นพ.ศิริพงศ์ ถมสุวรรณ เจ้าของคลินิกเวชกรรมมหาชน เพื่อขอให้ชี้แจงรวมทั้งรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น โดย นพ.ศิริพงศ์กล่าวว่าขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งหมดเป็นความผิดพลาดจากการสื่อสารภายในคลินิก หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดผ่าตัดเกิดความเครียดหนักขอหยุดงานไป 1 คน ตนในฐานะเจ้าของคลินิกจะขอรับผิดชอบค่าเสียหายทุกอย่าง สร้างความพอใจให้กับนางน้อยก่อนที่จะพาลูกชายกลับไป โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะนัดเจรจาตกลงกันอีกครั้งหนึ่ง http://forum.khonkaenlink.info/index.php?action=printpage;topic=45571.0     คนสมัยนี้จิตใจมันทำด้วยอะไรนะทำไมชอบใส่ความหมอนักก็ไม่รู้ จากคุณ : นายสีเสียด - [ 14 มี.ค. 52 16:57:56 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมก็เข้าใจจขกท ครับ จากคุณ : mr.wisdom - [ 14 มี.ค. 52 16:58:31 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จขกท เขาประชด นะครับ 555555555555555555 จากคุณ : vierzig - [ 14 มี.ค. 52 17:00:48 ]

ความคิดเห็นที่ 14 รวบ"หมอไพศาล" ไบโอคลินิก คดีฆ่าสาวจอมแฉ ถือหมายบุกจับ ที่สาขาพัทยา! โดนมือยิงซัด เป็นผู้จ้างวาน จนมุมแล้ว- ตำรวจจับกุมตัวน.พ.ไพศาล เฮงสวัสดิ์ อายุ 42 ปี เจ้าของไบโอคลินิก ผู้ต้องหาจ้างวานฆ่าคนไข้ที่มาทำศัลยกรรมจนหน้าพัง โดยไปจนมุมที่คลินิกสาขาพัทยา ก่อนคุมตัวมาดำเนินคดีที่สน.ลาดพร้าว เมื่อคืนวันที่ 12 พ.ย. ตร.บุกรวบ"หมอไพศาล"เจ้าของไบโอคลินิกย่านดอนเมือง ขณะประจำอยู่ที่สาขาพัทยา โดนแจ้งข้อหาหนัก ใช้จ้างวานฆ่าสาวจอมแฉ คนไข้ที่มาทำศัลย กรรมจนหน้าพัง เผยมือปืนที่ตร.จับกุมได้ก่อนหน้านี้ซัดทอดน้องชายหมอคนดัง ก่อนที่ตร.นครบาล 4 จะขยายผลขออนุมัติหมายจับคนบงการ เบื้องต้นยังปากแข็งให้การปฏิเสธ ตร.คุมตัวมาสอบสวนที่กรุงเทพฯ พร้อมยื่นคัดค้านประกันตัว จากกรณีคนร้ายดักยิงนางอภัสนันท์ ธิติโชติชัยปรีชา หรือนางรวีวรรณ เสตะรัต อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 295 ม.ฉัตรแก้ว ซ.11 ถ.แฮปปี้แลนด์ สาย 1 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 13 ก.ย.2550 เบื้องต้นตำรวจตั้งปมสังหารไว้ 2 ประเด็น คือเรื่องธุรกิจก่อสร้างที่ จ.ราช บุรี และเรื่องฟ้องร้องกับนายแพทย์เจ้าของไบโอคลินิกย่านดอนเมือง โดยผู้ตายออกมาเปิดโปงคลินิกศัลยกรรมหน้าเด้ง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าคดีนี้ เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 12 พ.ย. พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รอง ผบก.น.4 พ.ต.ท.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส รองผกก.(ป) สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.ภาสกร ไพจิตต์ สว.สป. พ.ต.ท.เอกศิษฎ์ สุมานัส พ.ต.ต.อดิศร เลิศอมรศักดิ์ สว.กก.สส.น.4 พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ยุทธพันธ์ศิริกุล สว.สส.สน.ลาดพร้าว ร.ต.อ.อรรถพร กลั่นเรืองแสง ร.ต.อ.ปริญญา เดชธรรมฤทธิ์ รอง สวป.สภ.เมืองพัทยา ร.ต.อ.สถาพร ศิริวัฒน์ ร.ต.ท.ธีรวุธ ดั่งเกษี รอง สว.กก.สส.น.4 ร่วมกันจับกุมนายกวีวัธน์ หรือนายไพศาล หรือไกรวิชญ์ เฮงสวัสดิ์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 261/91 ม.4 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร เจ้าของสถาบันเสริมความงามไบโอคลินิก หรือคลินิกหมอไพศาลศัลยกรรม ย่านดอนเมือง ตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 3101/51 ลงวันที่ 11 ก.ย. 51 ในข้อหาใช้จ้างวานก่อเหตุให้ผู้อื่นกระทำความผิดในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนพกติดตัวหรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร โดยจับกุมได้ที่หน้าสถานเสริมความงามไบโอคลินิก ซอยสุขุมวิท 38 ถนนสุขุมวิท หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ. บางละมุง จ.ชลบุรี จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการจับกุมครั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว ยื่นสำนวนต่อศาลอาญาเพื่อพิจารณาในการออกหมายจับน.พ.กวีวัธน์ หรือนายไพศาล หรือไกรวิชญ์ หลังมีพยานยืนยันเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนางอภัสนันท์ ธิติโชติชัยปรีชา หรือนางรวีวรรณ เสตะรัต ที่ถูกคนร้ายบุกยิงเสียชีวิตที่หน้าบ้าน เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 13 ก.ย.2550 หลังศาลพิเคราะห์พิจารณาจากสำนวนการสอบสวนและพยานหลักฐานที่ยื่นเสนอ ศาลจึงอนุมัติตามที่พนักงานสอบสวนออกหมายจับ ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.ลาดพร้าว กก.สส.น.4 และ สภ.เมืองพัทยา นำหมายศาลดังกล่าวเข้าตรวจสอบ พบว่าผู้ต้องหาเดินทางมาอยู่ที่สถานเสริมความงามไบโอคลินิก สาขาพัทยา จ.ชลบุรี จึงนำหมายจับแสดงให้ดูและอ่านให้ฟัง เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ จึงนำตัวมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานในการจับกุมที่ สภ.เมืองพัทยา จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวส่งให้พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น.4 สอบปากคำที่ สน.ลาดพร้าว พ.ต.อ.อาณัติกล่าวว่า คดีนี้หลังจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล 4 สน.ลาดพร้าว และ สภ.เมืองพัทยา ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าของไบโอคลินิกแล้ว หากเจ้าตัวให้การปฏิเสธและขอยื่นประกันตัว ทางพนักงานสอบสวนจะทำเรื่องขอคัดค้านการประกันตัว และจะนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังต่อไป รายงานข่าวแจ้งว่า หลังมือปืนบุกเข้าไปยิงนางอภัสนันท์ ที่หน้าบ้านย่านแฮปปี้แลนด์แล้ว ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ติดตามสืบสวนและสามารถจับกุมนายจตุรงค์ หรือตึ๋ง เบญจกูล และนายประกอบ หรือกอบ ศรีนาค และนายพรชัย หรือเต้ย กสิกร และนำตัวมาสอบเค้นจนทั้ง 3 ให้การซัดทอดไปยังนายศักดา เฮงสวัสดิ์ น้องชายน.พ.กวีวัธน์ หรือไพศาล ที่ยังหลบหนี และจากการรวบรวมพยานหลักฐานพยานต่างๆ พบว่าน.พ.กวีวัธน์มีความเชื่อมโยงทางคดี จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนจะนำสำนวนการสอบสวนและพยานหลักฐานเสนอต่อศาลเพื่อออกหมายจับ ส่วนคดีที่ก่อเหตุยิงแท็กซี่ และฆ่ากะเทยนำไปทิ้งในพื้นที่ จ.สระบุรี พบว่ามีความเชื่อมโยงกัน หน้า 1 ข่าวสดออนไลน์    http://www.goosiam.com/news/news1/html/0013691.html       นี่ก็ใส่ร้ายกันปรักปรำกันเห็นๆเลยครับ     ขนาดมีคนบอกว่า  หมอตะคอกคนไข้   ชาวหว้ากอยังไม่เชื่อเลย   มีคนบอกหมอตะคอกคนไข้ชาวหว้ากอบอก  "หมอพูดเร็ว"        แล้วนี่หมอจ้างคนฆ่าคนไข้ ศาลไม่เชื่อหรอกครับ   คุณหมอสู้ๆ     เอาคห.ในหว้ากอไปเป็นพยานศาลเลยครับ   คุณหมอไม่ผิด  คุณหมอสู้ๆ  ชาวหว้ากอไม่เชื่อว่าหมอผิด   สู้ๆๆๆ จากคุณ : นายสีเสียด - [ 14 มี.ค. 52 17:08:19 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมก็ประชด คร้าบ... ผมก็รู้นิสัย จขกท. ดี เหอๆๆ แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 52 17:15:18 จากคุณ : mr.wisdom - [ 14 มี.ค. 52 17:14:32 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สำหรับคนที่อ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกแปลกๆ ลองหาอ่านกระทู้ของนายสีเสียดดูแล้วจะเข้าใจ เค้ามากขึ้น ทำลิ้งค์ไม่ได้ค่ะ แต่รู้สึกสงสารนายสีเสียดเหมือนกันนะ โธ่...ไม่น่าเลย จากคุณ : ขาวฟู - [ 14 มี.ค. 52 17:35:33 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อืม...เข้าใจค่ะ ^^" จากคุณ : โมเช่หมาแก่ๆ - [ 14 มี.ค. 52 17:40:21 ]

ความคิดเห็นที่ 18 บ่าเข้าใจ๋!!!    -*- จากคุณ : หน้าบ่าแดง แฮงบ่ามี - [ 14 มี.ค. 52 17:47:25 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ร่วมให้กำลังใจหมอถูกใส่ร้าย ต้องการอย่างนี้ใช่ไหมครับ-จัดให้ การกระทำอย่างนี้ (prejudice) มันก็ไม่แตกต่างจากพวก Zealot ทั้งหลายที่มองเห็นว่าตนเองเท่านั้นที่ถูก คนที่มีวิจารณญาณเขาต้องพิจารณาเป็นกรณีๆไปว่าแต่ละเรื่องมีข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร จากคุณ : Nexus - [ 14 มี.ค. 52 17:56:59 ]

ความคิดเห็นที่ 20 งานนี้....หมอกระเด็นเลย จากคุณ : บีเค01 - [ 14 มี.ค. 52 18:10:46 ]

ความคิดเห็นที่ 21 โรคอคติที่จขกท.เป็น ผมก็เป็นเมื่อก่อน แต่เป็นเรื่องตำรวจ แต่หลังๆผมแยกแยะได้แล้วว่า ตำรวจไม่ดีก็คือไม่ดี ตำรวจธรรมดาแพ้ระบบก็คือธรรมดา ตำรวจน้ำดีก็คือน้ำดี ไม่คิดแบบเหมาเข่ง แบบหมอมีคนเดียวบนโลก พระมีองค์เดียว ตำรวจมีคนเดียว คนไทยมีคนเดียว ขนาดตัวผมเองในวันเดียวยังมีดีไม่ดีสลับไปมาเลย ไม่กล้าคิดไปเหมาคนอื่น แถมเราก็ไม่รู้ด้วยว่าเค้าทำไปเพราะอะไร ทั้งทำดีและไม่ดี จากคุณ : หลับตา - [ 14 มี.ค. 52 18:30:38 A:58.64.67.170 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เอ่อ - -" จากคุณ : aGGro - [ 14 มี.ค. 52 18:32:11 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จริงไม่จริงไม่รู้แต่..ดูหมอตอบซิ ...นพ.อังกูรให้การปฏิเสธอ้างเพียงว่า เพื่อนคนหนึ่งจ้างให้นำซองจดหมายไปส่งที่ไปรษณีย์ได้ค่าจ้างซองละ 100 บาท ... จากคุณ : เรือแจว - [ 14 มี.ค. 52 18:34:58 ]

ความคิดเห็นที่ 24 จขกท   ตกลงนี้คุณประชดหรือเนี้ย  โห   คุณที่เข้าใจยาก คุณเหมือนกับโจโฉเลย  จริงคือลวง  ลวงคือจริง คุณเข้าถึงได้ยากจริง  ช่างน่าค้นหาจริงๆ อ่านแล้วทำให้ลืมเรื่องเครียดๆเลย  มานั่งขำแทน แต่ชอบอ่านสำนวณคุณจริง พูดจริงๆ ไม่ได้ประชด   ออกแนวมุทะลุดุดัน  ทะลุทะลวง บาดลึก ซาบซ่าน เร้าอารมณ์ เป็นกำลังใจให้คุณสีเสียด  ผมอ่านเอามันส์อย่างเดียว ผมชอบบทความคุณจริง บอกคำเดียวว่าโดน  ( dorn = long time ago ) แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 52 19:11:53 จากคุณ : Lamelez - [ 14 มี.ค. 52 19:05:15 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผมสงสารหมอจริงๆ   เดี่ยวมาอ่านคงปรี๊ดแตกน่าดู จากคุณ : Lamelez - [ 14 มี.ค. 52 19:09:06 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ห้องนี้หมอก็เยอะนะ จองที่ไว้ก่อนดีกว่า น่าจะยาว จากคุณ : Buff_Power - [ 14 มี.ค. 52 19:17:45 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เกินไปหน่อยมั้ง จากคุณ : ๛กอล์ฟ - [ 14 มี.ค. 52 19:23:06 ]

ความคิดเห็นที่ 28 หมอก็คน ฉะนั้นไม่แปลกที่ในสังคมจะมีทั้งคนดีและคนไม่ดี    น้องหนูเป็นกำลังใจให้คุณหมอที่อยู่ในจรรยาบรรณเสมอค่ะ   . จากคุณ : suttimon - [ 14 มี.ค. 52 19:33:14 ]

ความคิดเห็นที่ 29 หมอก็คนครับ..มีดีมีชั่ว...พระ...ทหาร ตำรวจ..หรือแม้แต่เจ้าคนนายคน...ต่างก็มีดีมีชั่วทั้งนั้น...จะต่างอะไรกัน... คนยิ่งอยู่ในอาชีพที่ยั่วยวนต่อกิเลศก็ยิ่งต้องมีศักยภาพในการสกัดกั้นกิเลศให้ได้มากกว่าผู้อื่น........ สรุป...หมอ นักโทษ นักการเมือง ตำรวจ ทหาร จขกท. ผมเอง  ก็ไม่ได้แต่กันในศีลธรรมเลย.... จากคุณ : Night Claw - [ 14 มี.ค. 52 19:35:16 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ช่างสรรหา ข่าวมาลงได้เยอะดีแท้นะครับ สำหรับคำสรรเสริญหมอแสนประเสริฐเหล่านั้น ผมสรรเสริญไปในใจแล้ว แต่ไม่อยากเขียนบอกมาในเว็บ เกรงว่าจะสรรเสริญเยินยอกันออกนอกหน้าเกินไป :) จากคุณ : Pixzz - [ 14 มี.ค. 52 19:44:19 ]

ความคิดเห็นที่ 31 #28 :) "...ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้...." พระราชดำรัส สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 14 มี.ค. 52 19:55:14 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ไม่เป็นไรเรียนมารู้ดีถ้าร่วมเพศขณะมีประจำเดือนจะทำให้ฝ่ายชายแข็งแรง ส่วนผู้หญิงก็มีผิวพรรณเปล่งปลั่ง จากคุณ : ปืนเถื่อน - [ 14 มี.ค. 52 19:55:28 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ถึงหมอห้องนี้มีเยอะแต่ หมอห้องนี้ไม่สนับสนุนหมอไม่ดีแน่ๆ ผมเชียร์จขกท.เกาะติดกัดเจ็บใส่เต็มที่เลย พวกไม่ดีทั้งหลายทุกอย่างทุกอาชีพทั้งหมอ ตำรวจ ทหาร ครู อาจารย์ พระปลอม นักการเมือง พ่อค้า นักธุรกิจ ให้พวกนี้มีพื้นที่ในสังคมน้อยๆ แต่อย่าไปเหมารวมเหมือนกระทู้พระหลงป่า จากคุณ : หลับตา - [ 14 มี.ค. 52 20:14:32 A:58.64.67.170 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มันเป็นเหตุสุดวิสัย(ทั้งปี) รอหมอมายืนยันอีกที แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 52 20:49:29 จากคุณ : ผู้ครอบครองจักรยาน - [ 14 มี.ค. 52 20:43:18 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เฮ่อ... ผมเข้าใจนะ... แต่... เราก็ไม่มีหน้าที่พิพากษาใคร.. จากคุณ : granun - [ 14 มี.ค. 52 20:54:56 ]

ความคิดเห็นที่ 36 555+ อ่านตอนแรก แอบงง พอไล่อ่านลงมาเรื่อยๆ ก๊าก (สงสัยเราจะความรู้สึกช้าแฮะ) จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 14 มี.ค. 52 21:02:03 ]

ความคิดเห็นที่ 37 จริงๆอ่านแล้วรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณสีเสียดจะเขียนอะไร เฉยๆแล้วครับ ปกติเดี๋ยวนี้กระบวนการพิพากษาก็อยู่ที่หน้าหนังสือพิมพ์อยู่แล้ว คนจะอาชีพไหนทำไม่ดีหรืออย่างไรก็ต้องพิสูจน์กันไป ขอเพียงแต่ว่าคนอ่านข่าวอย่าไปเชื่อข่าวทั้งหมด ไตร่ตรองและใช้สมองส่วนที่อยู่บริเวณศีรษะ แล้วก็พิจารณาด้วยใจเป็นกลาง สุดท้ายเวลาตัดสินใครก็ให้ตัดสินเป็นคนๆและเป็นกรณีๆ แล้วสังคมจะมีความสุข จากคุณ : หมอแมว - [ 14 มี.ค. 52 21:36:46 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ทีหลังเอาอาชีพอื่นบ้างนะ ชอบบบบบ จากคุณ : มือปราบหน้าใส - [ 14 มี.ค. 52 21:43:09 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่มีใครเหมารวมหมอทุกคนครับ เพียงแต่อย่าปกป้องกันเองอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทำให้คนรู้สึกว่าหมอก็เหมือนกันหมดทุกคน จากคุณ : ผู้ครอบครองจักรยาน - [ 14 มี.ค. 52 21:59:14 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เห็นชื่อคนตั้งกระทู้ ก็รู้แล้ว จากคุณ : maxijojo123 - [ 14 มี.ค. 52 22:00:33 ]

ความคิดเห็นที่ 41 สงสัยเก็บกดจมาจากกระทู้ที่แล้วเห็นมีคนไปว่าเรื่องหมอ 55 แต่เรียกเรทติ้งดีแหะ จากคุณ : Hollow - [ 14 มี.ค. 52 22:59:23 A:58.9.98.182 X: ]

ความคิดเห็นที่ 42 จขกท. อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว สิ่งที่คุณทำ รู้มั้ย กำลังส่งผลกระทบต่อสังคมแค่ไหน เกิดมีหมอ 10 คน อ่านกระทู้นี้ 1 คน ลาออก ไม่เป็นหมอแล้ว ดังนั้น ชาวบ้านอีก 100 คน อาจจะลำบากได้ บางข่าว โอเค หมอผิด ก็คือผิด บางข่าว หมอไม่ผิด แต่ นสพ. ลงแล้ว ว่าหมอชุ่ย บางข่าว ยังไม่มีการสอบสวนข้อเท็จจริงใดๆ คุณก็เอามาสอดไส้จนได้ ในขณะที่คุณเอง ก็ไม่ได้รู้ หรือมีหลักฐานข้อเท็จจริงในบางเรื่องเลย อย่างเรื่องขลิบ คนที่ทำขลิบเขาไม่ใช่แพทย์(แต่สามารถทำได้อย่างถูกต้อง/และคุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าใคร) ไม่ได้จะโบ้ยนะ แพทย์เองก็มีส่วนผิดด้วย แต่จะแสดงให้เห็นถึงการที่ นสพ. ลงข่าวได้ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง (และก็มีคนเชื่อ) ปล.จขกท. เกรียนมากๆ แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 52 23:51:11 จากคุณ : Mdiic~* - [ 14 มี.ค. 52 23:49:27 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ศาลสั่งจำคุกหมอซี 5 เทศบาลบางประมุง เมืองโกรกพระนครสวรรค์ ลวงน.ร.หญิงม.2 ข่มขืนยับ เผยออกอุบายพาเหยื่อไปเที่ยว กลับพาเลี้ยวเข้าไปปู้ยี่ปู้ยำในรีสอร์ต เหยื่อไม่ยอมจึงย้ายไปที่เปลี่ยวหน้าวัดแล้วบังคับขืนใจจนสำเร็จความใคร่ก่อนพาส่งบ้าน ผู้ปกครองทราบเรื่องพาแจ้งความจับกุม ศาลสั่งลงโทษจำคุก 9 ปีไม่รอลงอาญา เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 เม.ย. ที่บัลลังก์ 6 ศาลจังหวัดนครสวรรค์ ศาลขึ้นพิจารณาตัดสินคดีข่มขืนกระทำชำเรา เด็กหญิงที่มีอายุไม่ถึง 15 ปี จำเลยคือนายประธาน หรือหมอแดง อันชูฤทธิ์ อายุ 34 ปี นักวิชาการสุขาภิบาล 5 เทศบาลตำบลบางประมุง อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ ที่ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในจ.นครสวรรค์ คดีดังกล่าวพนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายประธาน หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าหมอแดง คำบรรยายฟ้องระบุว่า เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 28 ก.ค. 2550 นายประธานล่อลวงเด็กหญิงผู้เสียหาย บ้านอยู่ ต.บางประมุง อ.โกรกพระ ซึ่งรู้จักกันมาก่อน ออกไปจากบ้าน โดยออกอุบายว่าจะพาไปนั่งรถเที่ยว ซึ่งผู้ปกครองไม่ทราบเรื่อง จากนั้นพาขึ้นรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า ทะเบียน บจ 6285 อุทัยธานี นำเด็กหญิงไปที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง เพื่อจะข่มขืนแต่ผู้เสียหายไม่ยอม จากนั้นนายประธานจึงพาขับรถยนต์มาที่บริเวณหน้าวัดสามัคคีราษฎร์ ต.บางประมุง ซึ่งเป็นที่เปลี่ยวและลงมือบังคับข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ ก่อนจะพาผู้เสียหายไปส่งบ้านเวลาประมาณ 03.00 น. คืนวันเดียวกัน ต่อมาวันที่ 4 ส.ค. ผู้ปกครองพาเด็กหญิงผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.โชติฐกร สมบูรณ์กิตติกร ร้อยเวร สภ.โกรกพระ กระทั่งพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนส่งอัยการสั่งฟ้องนายประธานเป็นจำเลยดังกล่าว ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำความผิด ตามฟ้องจริง พิจารณาพิพากษาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 12 ปี พร้อมทั้งให้จำเลยจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายเป็นเงิน 100,000 บาท ส่วนโทษจำคุกพิจารณาลดเหลือ 9 ปี โดยไม่รอการลงอาญา หลัง พิพากษานายประธานได้ให้ทนายความยื่นคำร้องขออุทธรณ์ และไม่ยอมให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด http://www.cmprice.com/forum/?content=detail&wb_type_id=20&topic_id=26590                    คนสมัยนี้จิตใจมันทำด้วยอะไรทำไมชอบใส่ร้ายหมอกันจัง   ดูดูใส่ร้ายจนหมอดีๆต้องติดคุกติดตะราง    เฮ้อ   นี่หรือเมืองพุทธ        ขนาดว่าหมอตวาดคนไข้ชาวหว้ากอยังไม่เชื่อเลย   บอก"หมอเค้าพูดเร็ว"      นี่หมอข่มขืนเด็ก  จ้างให้ผมก็ไม่เชื่อ จากคุณ : นายสีเสียด - [ 15 มี.ค. 52 08:32:06 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ศาลอุทธรณ์พิพากษา "หมอชาลี" ดูดไขมันนักเรียน ม.5 เสียชีวิตคาคลินิก ยืนตามศาลชั้นต้นจำคุก 4 ปี แถมบวกโทษเพิ่มอีก 3 เดือน ฐานใช้ยาหมดอายุ ทนายฝ่ายจำเลยเตรียมยื่นสู้ในชั้นฎีกา หวังให้ศาลกรุณา ฝ่ายโจทก์ยันหลังตัดสินคดีในชั้นฎีกา จะยื่นฟ้องคดีแพ่ง เรียกค่าเสียหาย 13 ล้านบาท เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ห้องพิจารณาคดี 14  ชั้น 2 ศาลแขวงเชียงใหม่ ศาลอุทธรณ์ได้อ่านคำพิพากษาตัดสินคดีอาญาตามหมายเลขบัญชีดำ เลขที่ 271/2547 ซึ่งอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อจำเลย คือ นพ.ชาลี กาญจนรักษ์ เจ้าของชาลีคลินิก ถนนราชเชียงแสน ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หลังทำศัลยกรรมดูดไขมันให้แก่ น.ส.ศิริภรณ์ มุ่ยมา หรือน้องกุ้ง อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ จ.เชียงใหม่ แล้วเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2545 การเข้ารับฟังศาลตัดสิน มีนายกมล และนางบังเอิญ มุ่ยมา บิดาและมารดาของน้องกุ้งเดินทางมารับฟังคำตัดสินพร้อมกับทนาย  ส่วน นพ.ชาลี เดินทางมาพร้อมกับนายวิชิต มัครสุนทร ทนาย  โดย นพ.ชาลี มีสีหน้าที่เคร่งเครียดตั้งแต่ก่อนเข้าห้องพิจารณาคดี ผู้พิพากษาใช้เวลาอ่านคำตัดสินนานกว่า 30 นาที และพิพากษายืนตามการตัดสินของศาลชั้นต้น คือ จำเลยมีความผิด ต้องถูกลงโทษจำคุก 4 ปี  นอกจากนี้ศาลยังพิพากษาลงโทษจำคุก นพ.ชาลี เพิ่มอีก 3 เดือน เนื่องจากใช้ยาที่หมดอายุ หลังศาลอ่านคำพิพากษา นพ.ชาลี มีสีหน้าที่เคร่งเครียดและถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลทันที ส่วนพ่อและแม่ของน้องกุ้งมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มโอบกอดกันอย่างยินดี นายวิชิต กล่าวว่า ในการต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์นี้ทนายฝ่ายจำเลยได้ขอสู้ในเรื่องของกระทำโดยเหตุสุดวิสัย ซึ่งในชั้นศาลและคนทั่วไปคงจะรับฟังประเด็นนี้ได้ยาก ทำให้แพ้คดี อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจำเลยยืนยันที่จะยื่นต่อสู้คดีในชั้นฎีกาต่อ ซึ่งตามกฎหมายกำหนดให้ยื่นภายในเดือนนี้ ซึ่งกว่าจะถึงขั้นตอนสิ้นสุดการตัดสินชั้นฎีกาคงจะใช้ระยะเวลาอีก 2-3 ปี หากถึงตรงนั้นประเด็นที่ทนายฝ่ายจำเลยจะยื่นต่อศาล อาจจะเป็นประเด็นที่ขอให้ศาลกรุณา นพ.ชาลี เพราะที่ผ่านมาขณะเป็นแพทย์ได้ปฏิบัติคุณงามความดีในวิชาชีพ คือการคิดค้นทำหูเทียมช่วยเหลือประชาชนมาหลายราย เชื่อว่าศาลอาจเมตตา "สำหรับลูกความของตนยังมีสุขภาพจิตใจดี ที่ผ่านมาได้แนะนำให้เขานั่งสมาธิ เพื่อลดความเครียด ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดี หลังฟังคำตัดสินได้ใช้หลักทรัพย์เป็นสมุดเงินฝากธนาคารกรุงเทพ 4 แสนบาท ยื่นประกันตัว นพ.ชาลี แล้ว ซึ่งเป็นหลักทรัพย์เดียวกันกับที่เคยใช้ยื่นประกันตัวในศาลชั้นต้นที่ผ่านมา" นายวิชิต กล่าว นายกมล กล่าวว่า พอใจกับคำตัดสินของศาลอย่างมาก เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาเคยได้ประสานกับ นพ.ชาลี เพื่อประนีประนอมกันแล้ว แต่ทางหมอปฏิเสธและยืนยันว่าให้ไปสู้กันในชั้นศาล หาก นพ.ชาลี จะยื่นสู้ฎีกาทางครอบครัวก็พร้อม ส่วนการยื่นฟ้อง นพ.ชาลี ในทางแพ่งนั้นต้องรอให้กระบวนการตัดสินคดีในชั้นฎีกาเสร็จสิ้นก่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างปรึกษาทนายเพื่อเตรียมยื่นฟ้องในวงเงิน 13 ล้านบาท     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นได้ตัดสินจำคุก นพ.ชาลี เป็นเวลา 4 ปี ตามบัญชีดำเลขที่ 1703/2546 ไปเมื่อ 4 ปีก่อน  กระทั่งล่าสุดศาลอุทธรณ์ตัดสินยืนตามศาลชั้นต้นและเพิ่มโทษจำคุกอีก 3 เดือน http://www.rmutlclub.com/forum/hot-news/t6124/                      เรื่องนี้ผมว่าหมอไม่ผิดนะครับ    เด็กผิดที่ใจเสาะเอง  แค่ยาที่ฉีดหมดอายุนิดหน่อยไม่น่าใจเสาะตายเลย หรือไม่ก็เด็กนี่ชาติก่อนทำกรรมไว้เยอะ   คลีนิคอื่นยาไม่หมดอายุดันไม่ไปรักษาดั๊นนนมารักษากับคลีนิคที่ยาหมดอายุ      หมอไม่ผิดครับ     เด็กผิดเองที่เลือกคลีนิคไม่ดีเอง    หรือถ้าเด็กมารักษาเร็วกว่านี้ซัก5ปี   ยาก็คงยังไม่หมดอายุ   ก็ไม่มีเรื่องแล้ว ชาวหว้ากอเห็นด้วยเน๊อะๆๆ แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 52 09:56:54 จากคุณ : นายสีเสียด - [ 15 มี.ค. 52 08:37:48 ]

ความคิดเห็นที่ 45 สั่งออกราชการ?หมอตำรวจ?เปิดคลินิกเถื่อน       22 เม.ย. 2008 - 09:36:52 น. : ผู้อ่าน 64 คน - ตอบ 0 คน         สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ “พ.ต.อ.นพ.สมชัย” เจ้าของคลินิกทำแท้งที่หาดใหญ่ ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมสั่งตั้งกรรมการสอบสวน เผยมีคลินิกอีกแห่งที่ขอนแก่น แต่ยังไม่ทราบจะเกี่ยวกับการทำแท้งหรือไม่         เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันที่ 21 เมษายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก. ในฐานะรองโฆษกตำรวจ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมยศ ดีมาก รองแพทย์ใหญ่ รพ.ตร. โฆษก รพ.ตร. และ พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ เสาวคนธ์ ผบก.นต. แถลงข่าวกรณีตำรวจ สภ.หาดใหญ่ จับกุม พ.ต.อ.นพ.สมชัย ตรีมธุรกุล นายแพทย์ (สบ 4) กลุ่มงานนิติพยาธิ โรงพยาบาลตำรวจ ได้ที่คลินิกทำแท้งเถื่อน และเป็นสถานที่ประกอบการของตนเอง ซึ่งมีชื่อว่า “ภัทรเวชคลินิก” เลขที่ 27/1-2 ถนนชีวานุสรณ์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยพบหญิงสาวกำลังนอนรอเพื่อทำแท้ง และพร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆ ในการทำแท้งจำนวนมากภายในคลินิก     พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ได้รับรายงานจากตำรวจ สภ.หาดใหญ่ ที่ได้เข้าจับกุมว่า คลินิกดังกล่าวนั้นเป็นสถานพยาบาลที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยไม่ได้ต่อใบอนุญาตตั้งแต่ปี 2545 และเป็นคลินิกร้าง ซึ่งก็จะเป็นที่รู้กันในหมู่วัยรุ่นในย่านดังกล่าวที่ต้องการทำแท้ง ก็จะมารับบริการที่คลินิกแห่งนี้ ซึ่งได้ทำการเปิดมาเป็นระยะเวลานานพอสมควรแล้ว         จากการสืบสวนพบว่า พ.ต.อ.นพ.สมชัย จะไปทำงานที่ จ.สงขลา ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง โดยจะตรวจสอบอีกครั้งว่าลงไปตั้งแต่เมื่อไร แต่จากข้อมูลยังพบว่า พ.ต.อ.นพ.สมชัย ยังเปิดคลินิกสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย (สวท.) ใน จ.ขอนแก่น อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งจะตรวจสอบด้วยว่าทำผิดกฎหมายอีกหรือไม่            พล.ต.ต.สมยศ กล่าวว่า จากข่าวตามสื่อที่ออกมานั้น พบว่าในสถานที่เกิดเหตุมีหลักฐานชัดเจนว่า พ.ต.อ.นพ.สมชัย เปิดคลินิกเพื่อทำแท้ง และมีชื่อ “ภัทรเวชคลินิก” ซึ่งทางโรงพยาบาลตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในปัญหาเรื่องนี้ จึงได้ทำการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลตำรวจทันที        โดยการประชุมครั้งนี้มีมติว่า ให้จัดตั้งคณะกรรมการสืบสวนซึ่ง พล.ต.ต.สมยศ จะเป็นประธานคณะกรรมการ และมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.นพ.สมชัย ตรีมธุรกุล นายแพทย์ สบ 4 กลุ่มงานนิติพยาธิ โรงพยาบาลตำรวจ เข้ามารายงานตัวต่อนายแพทย์ใหญ่ภายใน 3 วัน ซึ่งเบื้องต้นได้ให้ พ.ต.อ.นพ.สมชัย ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว           “หมอสมชัยเข้ารับราชการตำรวจมาตั้งแต่ปี 2521 ปัจจุบันทำงานอยู่ในส่วนของนิติเวช โดยส่วนตัวแล้วก็มีความเชี่ยวชาญ มีความรับผิดชอบต่องาน และเป็นผู้ที่มีนิสัยดีคนหนึ่ง แต่ที่ไปทำอย่างนี้ผมก็ไม่ทราบมาก่อน โดยปกติแล้วแพทย์ที่ไม่ได้เปิดคลินิกก็จะได้รับเงินประจำตำแหน่งอีกคนละ 1 หมื่นบาท ซึ่งก็ถือว่าน่าจะพอเพียง แต่ผมก็ไม่ทราบสาเหตุที่หมอสมชัยไปทำเช่นนี้ คงจะต้องมีการสืบสวนสอบสวนว่าทำผิดอีกหรือไม่ แต่จากหลักฐานเท่าที่เรามีขณะนี้ก็ถือว่าแน่นหนา คาดว่าผลการสอบสวนน่าจะทราบผลภายใน 2 สัปดาห์” พล.ต.ต.สมยศ กล่าว            พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ได้ทราบรายละเอียดในเรื่องนี้จากสื่อเท่านั้น แต่ในข้อเท็จจริงนั้นคงจะต้องรอการสืบสวนสวนจากคณะกรรมการที่โรงพยาบาลตำรวจตั้งขึ้น และถ้าหากทาง สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีทางอาญาจริง ก็คงจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยร้ายแรงอีกทีด้วย      แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจาก พ.ต.อ.นพ.สมชัย แต่คาดว่าไม่น่าที่จะเกินในวันพรุ่งนี้ พ.ต.อ.นพ.สมชัย น่าจะเดินทางเข้ามารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหากไม่มาก็จะถูกเอาผิดวินัยอีกข้อหนึ่ง ในเรื่องที่ไม่รู้ระเบียบราชการด้วย http://www.prachatouch.com/content.php?id=3954         ทำไมหนอบ้านนี้เมืองนี้คนมันช่างมีอคติกับหมอจริงๆ  ช่างใส่ร้ายหมอดีๆได้ มันไม่กลัวบาปกรรมกันมั่งเลย      นี่หรือเมืองพุทธ จากคุณ : นายสีเสียด - [ 15 มี.ค. 52 08:48:23 ]

ความคิดเห็นที่ 46 จับหมอเปิดคลินิก แท้งเถื่อน ผงะชื่อลูกค้านับพัน ที่อุดรฯ-ทำมานาน20ปี รถส้วมดูดเดือนละ2หน จับหมอ- ตำรวจบุกทลายคลินิกหมอเลอพงษ์ เลขที่ 119/2 ถ.หมากแข้ง ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี พร้อมจับกุมน.พ.เลอพงษ์ วัฒนจินดา อายุ 55 ปี และพนักงานอีก 4 คน ลักลอบทำแท้งให้วัยรุ่นมาเป็นเวลานาน ตามข่าว ตำรวจภาค 4 บุกทลายคลินิกทำแท้งเถื่อนกลางเมืองอุดรฯ จับหมอเจ้าของคลินิกได้คาหนังคาเขา เปิดคลินิกรับทำแท้งมานานกว่า 20 ปี มีลูกค้าเฉลี่ยวันละกว่า 20 ราย ตะลึงพบสมุดบัญชีรายชื่อลูกค้า แค่ 3 เดือนมีมาใช้บริการมากกว่าพันราย ระหว่างเข้าจับกุมพบสาววัยรุ่นนักเรียน-นักศึกษา 4 คน อายุ 16-22 ปี กำลังเข้าคิวรอตรวจ สารภาพมาหาหมอเพื่อทำแท้งเพราะกำลังเรียนและไม่อยากให้ทางบ้านรู้เรื่อง เพื่อนบ้านแฉคลินิกทำแท้งทิ้งก้อนเลือดลงชักโครก ต้องให้รถมาดูดส้วมถึงเดือนละ 2 ครั้ง เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ก.ค. พล.ต.ท.บุญชอบ คงน้อย ผบช.ภ.4 สั่งการพ.ต.อ.จตุพล ปานรักษา รอง ผบก.ศสส.ภ.4 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยรรยง เวชโอสถ ผกก.ศสส.ภ.4 พ.ต.ท.ดิเรก ยศนันท์ รองผกก.ศสส.ภ.4 พ.ต.ท.ไพโรจน์ แสงอรุณ สว.ศสส.ภ.4 ร.ต.ท.ณัฐพล มุงคำภา รอง สว.ศสส.ภ.4 และกำลังชุดสืบสวนภาค 4 นำหมายค้นของศาลจังหวัดอุดรธานีที่ 164/2550 เข้าตรวจค้น คลินิกหมอเลอพงษ์ เลขที่ 119/2 ถ.หมากแข้ง ต.หมากแข้ง อ.เมือง อุดรธานี หลังสืบทราบมาว่ามีการลักลอบทำแท้งเถื่อนให้กับหญิงสาว เมื่อไปถึงที่คลินิกดังกล่าวเป็นตึกแถว 3 ชั้น บริเวณชั้น 2 แบ่งเป็นห้องตรวจรักษาโรค 2 ห้อง และห้องสำหรับคนป่วยนอนพักผ่อนอีก 1 ห้อง มีพนักงานผู้หญิงอายุ 20 ปี นั่งจดรายชื่อคนไข้และทำบัญชีอยู่หน้าห้อง ที่เก้าอี้นั่งรอด้านข้างมีหญิงสาววัยรุ่น 4 คน นั่งรอทำแท้งอยู่ ภายในห้องพบน.พ.เลอพงษ์ วัฒนจินดา อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 640 หมู่บ้านจามจุรี หมู่ 1 ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี เจ้าของคลินิกกำลังทำความสะอาดเครื่องมือแพทย์ภายหลังการทำแท้งให้คนไข้ จึงคุมตัวมาสอบสวน จากการตรวจสอบภายในห้องพบโต๊ะขาหยั่ง 1 ตัว และเครื่องมือสำหรับตรวจภายใน ที่ถังขยะมีเศษสำลีเปื้อนเลือดส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วห้อง ที่ห้องน้ำมีคราบเลือดติดตามพื้น เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดเตียงขาหยั่ง 1 ตัว, ผ้าถุงผลัดเปลี่ยน 4 ผืน, เข็มฉีดยาที่ใช้ดูดเลือดจากมดลูก จำนวน 16 อัน, เข็มฉีดยา 65 อัน, ผ้าอนามัย 10 กล่อง, เข็มฉีดยานอนหลับ 30 ชุด, ยา CALYPDL ขนาด 50 ม.ล. จำนวน 2 ขวด, สมุดรายชื่อคนไข้ที่มาตรวจรักษาตั้งแต่เดือนพ.ค.-ก.ค.จำนวน 2 เล่ม, เครื่องมือตรวจมดลูก 1 ชุด, เหล็กขูดมดลูก, ถังใส่สำลีซับเลือด, แผ่นบันทึกการตรวจอัลตราซาวด์ 114 แผ่น นอกจากนี้ยังมียานอนหลับ ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ และอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ สายยาง กรรไกร เป็นต้น จึงรวบรวมทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน สอบถามหญิงสาววัยรุ่น 4 คน ทราบว่ามีอายุ 22 ปี 20 ปี 18 ปี และ 16 ปี ทั้งหมดกำลังเรียนหนังสือในระดับมัธยมปลายและปวช. ในสถานศึกษามีชื่อของจ.อุดรธานี สารภาพว่าเนื่องจากประจำเดือนขาด และซื้อเครื่องตรวจตามร้านขายยามาตรวจก็พบว่าตั้งครรภ์ จึงมาหาหมอเพื่อทำแท้งเพราะกำลังเรียนและไม่อยากให้ทางบ้านรู้เรื่อง ด้านพ.ต.อ.ยรรยง เวชโอสถ ผกก.ศสส.ภ.4 เปิดเผยว่า สอบสวนน.พ.เลอพงษ์รับสารภาพว่า จบแพทยศาสตร์บัณฑิต จากจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย เมื่อปี 2519 แล้วเข้าทำงานที่ศูนย์แม่และเด็ก ที่กรุงเทพฯ เป็นเวลา 3 ปี ต่อมาปี 2522 ย้ายมาอยู่โรงพยาบาลอำเภอบ้านผือ จ.อุดรธานี และเปิดคลินิกรักษาโรคทั่วไปด้วย ต่อมาปี 2527 ได้มาเปิดคลินิกที่ตัวเมืองอุดรธานี และได้ย้ายมาอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี กระทั่งถึงปี 2540 จึงลาออกจากราชการมาเปิดคลินิกรับทำแท้ง และยังทำธุรกิจบ้านจัดสรรควบคู่ไปด้วย โดยเป็นเจ้าของโครงการหมู่บ้านจามจุรี นอกจากนี้ น.พ.เลอพงษ์ยังให้การด้วยว่า เกี่ยวกับการทำแท้งให้หญิงสาวทั่วไปนั้น เริ่มมาตั้งแต่ยังรับราชการเป็นหมอรับรักษาโรคทั่วไปอยู่ โดยจะทำหน้าที่ตรวจรักษาโรคทั่วไปให้กับหญิงสาว รวมทั้งหญิงขายบริการ และพวกที่จะไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งต่อมามีหญิงสาวหลายคนที่ยังไม่พร้อมจะมีลูกได้มาขอให้ช่วยทำแท้งให้ ซึ่งก็มีมาเรื่อยจนถึงปัจจุบันนี้ ส่วนที่เป็นเด็กสาววัยรุ่นก็มีมาเรื่อยๆ สำหรับคนที่มาทำแท้งนั้น จะต้องตั้งครรภ์ได้ไม่เกิน 9-10 สัปดาห์ หรือไม่เกิน 2 เดือนครึ่ง เพราะถ้าเกินจากนี้จะเป็นอันตรายแก่ตัวผู้หญิงเอง พ.ต.อ.ยรรยงกล่าวต่อไปว่า น.พ.เลอพงษ์ได้ทำแท้งให้กับหญิงทั่วไปมาแล้วถึง 20 ปีเศษ ตรวจสอบสมุดบันทึกพบว่ามีการบันทึกรายชื่อผู้มาตรวจร่างกายเฉลี่ยวันละ 20 ราย เฉพาะวันนี้มีผู้มาตรวจถึง 23 ราย และจากหลักฐานบัญชีรายชื่อคนเข้ารับการตรวจรักษาเพียงแค่ 2 เดือนเศษมีมากถึงพันกว่าคน ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน-นักศึกษา และเฉพาะวันนี้ทำแท้งให้คนไข้ไปแล้ว 5 รายด้วยกัน พอดีเกิดเครื่องมือชำรุดและเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาตรวจค้นจับกุมเสียก่อน รายสุดท้ายขณะเจ้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจพบว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนการทำแท้งพอดี เหลืออีก 4 คนกำลังรอ ซึ่งน.พ.เลอพงษ์ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่าต้องการช่วยเหลือหญิงสาวที่มีปัญหาเรื่องตั้งครรภ์ และคิดราคาประมาณ 1,200 บาทต่อคน ส่วนหญิงสาว 4 คน อายุ 16-22 ปี กำลังอยู่ในวัยเรียน รับสารภาพว่าตั้งท้องกับแฟนหนุ่มต้องการเอาเด็กออก และไม่อยากให้ทางบ้านรู้เรื่อง ทั้งนี้ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้คลินิกแห่งนี้เล่าว่า หลังจากน.พ.เลอพงษ์ทำแท้งให้คนไข้แล้วก็จะนำก้อนเลือดทิ้งลงโถส้วม โดยต้องใช้บริการรถดูดส้วมถึงเดือนละ 2 ครั้งเพื่อป้องกันการเน่าเหม็น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายแพทย์เลอพงษ์ไว้ดำเนินคดีในข้อหาทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอมต่อไป หน้า 1 http://news.buddyjob.com/crime/show_news-4370-4.html         ชาวหว้ากอต้องไม่เชื่อนะครับ   อย่าไปเชื่อสื่อโดยไม่ลืมหูลืมตานะครับ พวกเราต้องยึดมั่นในหลักความเชื่อที่ว่า   หมอเป็นคนดีทุกคน หมอไม่เคยเห็นแก่เงินหมอป็นอาชีพที่จริยธรรมสูงกว่าทุกอาชีพในโลกใครมากล่าวหาหมอเป็นคนไม่ดี  คนนั้นเป็นคนชั่วสมควรโดนประนาม  เพราะพวกเรามีตรรกะว่ากว่าหมอจะเรียนจบต้องใช้เวลาตั้ง6ปี  และต้องทำงานหนักมาก  ดังนั้นหมอต้องเป็นคนดี  ไม่มีทางที่หมอจะทำเรื่องไม่ดี จากคุณ : นายสีเสียด - [ 15 มี.ค. 52 08:55:58 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ป้าวัย 65 เข้าแจ้งตำรวจใช้สิทธิบัตรทองกลับถูกหมอด่า       เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 12 ก.พ.52 ในขณะที่ พ.ต.ท.ประสาทพร ศรีสุขสม สารวัตรเวร สภ.บางพลี สมุทรปราการ กำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก นาง วิพาภร นาคจัน อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 656 / 22 หมู่ 4 แขวง-เขต ลาดกระบัง กทม. ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ โดยนางวิภาพร ได้แจ้งว่า เมื่อช่วงเของวันนี้ตนเองพร้อม นางสาว มนฤทัย นามาบ อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นหลานสาวได้เดินทางไปหาหมอที่โรงพยาบาลปิยะมินทร์ เนื่องจากมีอาการปวดหัว และเจ็บหน้าอก โดยใช้สิทธิ์บัตรทอง 30 บาท       ตนและหลานสาวนั่งจนกระทั้งถึงคิวตนพยาบาลได้เรียกตนเข้าไปพบหมอ ซึ่งเป็นหมอผู้ชายหลังจากสอบถามอาการเสร็จหมอก็ได้เขียนใบสั่งจ่ายยา ตนจึงได้ขอยาโรคกระเพาะด้วยเพราะหมดมา 2-3 วันแล้ว แต่หมอกลับถามตนว่ารู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเป็นโรคกระเพาะ ตนจึงตอบก่อนหน้านี้ตนมารักษาอยู่เป็นประจำแต่เป็นหมออีกคนหนึ่งที่จะจ่ายยาโรคกระเพาะให้อยู่ทุกเดือน แต่พอออกรับยาจริง ๆ กลับได้ยานอนหลับมา 20 เม็ด และยาคลายเครียด ตนจึงกลับมาถามหมออีกครั้งว่ายาอีก 2 ตัวไม่ให้ด้วยหรือ แต่กลับถูกหมอคนเดิมตะคอกใส่ว่า ให้แค่นั้นแหละไปเหอะ แต่ตนก็ยังใจดีสู้เสือ ถามหมอต่อว่าอยากจะได้ยาอีก 2 ตัว เพราะเป็นโรคซึมเศร้าและใจสั่น แต่หมอคนดังกล่าวกลับแสดงอาการฉุนเฉียวไม่พอใจลุกขึ้นยืนตะคอกใส่หน้าตนว่า คุณจะเอายังไงกับผม พร้อมทั้งไล่ตนให้ออกไปเลย ต่อหน้าพยาบาลและประชาชนที่มารอรับการรักษาจำนวนมาก ต่างมองมาที่ตนเป็นตาเดียวกัน ด้วยความตกใจตนถึงกับร้องไห้โฮออกมา พร้อมทั้งบอกว่าตนไม่ต้องการอะไรต้องการเพียงยาเท่านั้น ไม่เป็นอะไรก็ไม่อยากมาหรอกโรงพยาบาล       หลังจากนั้นได้มีพนักงานของโรงพยาบาลที่สวมใส่ชุดสีกรมท่า 3-4 คน เดินเข้ามาลากตนออกมาจากห้อง ซึ่งตนมาทราบภายหลังว่าหมอคนดังกล่าวชื่อนายแพทย์วีระเดช ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าทำไมเขาทำกับคนไข้แบบนี้ ตนจึงได้เดินทางมาลงบันทึกประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐาน และจะเดินทางไปร้องขอความเป็นธรรมต่อสำนักงานสาธารณะสุขจังหวัดสมุทรปราการ องค์กรคุ้มครองผู้บริโภค       ส่วนทางด้าน พ.ต.ท.ประสาทพร สารวัตรเวรเจ้าของคดี หลังลงบันทึกประจำวันแล้วเสร็จได้โทรศัพท์ติดต่อไปทางโรงพยาบาล กลับได้รับคำตอบจากพนักงานว่า นายแพทย์ วีระเดช ไม่อยู่ พร้อมทั้งรับวางสายทันที       ขณะเดียวกันทางด้านนายแพทย์ วีรพล นิธิพงศ์ นายแพทย์สาธารณะสุขจังหวัดสมุทรปราการ ได้เปิดเผยว่าโรงพยาบาลดังกล่าวเป็นโรงพยาบาลเอกชน ที่มาเข้าร่วมโครงการบัตรทอง 30 บาทเท่านั้น ซึ่งผู้เสียหายต้องมาร้องเรียนที่สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ส่วนในเรื่องที่เกิดขึ้นทางสาธารณะสุขจะได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย http://76.nationchannel.com/playvideo.php?id=26411               โถ  คุณป้า   หมอเค้าไม่ได้ด่า ไม่ได้ตะคอกอะไรทั้งนั้น  แบบนี้น่ะ  ชาวหว้ากอเค้าเรียก      "คุณหมอเค้าพูดเร็ว"                คุณป้านี่ชาติก่อนคงทำเวรกรรมไว้เยอะนะ   หมอส่วนใหญ่เค้าพูดช้าๆ ตั้งเยอะตั้งแยะไม่ไปเจอ    ดั๊น มาเจอหมอ"พูดเร็ว" จากคุณ : นายสีเสียด - [ 15 มี.ค. 52 09:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ^   ^   ^    หรือไม่ก็ คุณป้าเสริชข้อมูลโรคจากGoogle  แล้วไปอวดรู้ดีกว่าหมอหรือเปล่า   หมอเค้าเลย  "พูดเร็วๆ"  ใส่น่ะ   ที่หลังป้าก็อย่าอวดรู้ดีกว่าหมอ  นะ กลับไปขอโทษคุณหมอซะ  แล้ว ครั้งนี้ชาวหว้ากอจะยกโทษให้ซักครั้งนึง จากคุณ : นายสีเสียด - [ 15 มี.ค. 52 09:05:47 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ผมก็ไม่ได้ว่าว่าหมอไม่ผิด แต่ผมสงสัยว่า จขกท. คุณมีอะไรดีบ้างครับ จากคุณ : mr.wisdom - [ 15 มี.ค. 52 09:40:16 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เหอๆ จากคุณ : ใจตัวเองห้ามยากที่สุด - [ 15 มี.ค. 52 09:41:26 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ถ้าอ่านข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือหนังสือพิมพ์ออนไลน์ต่าง ๆ แล้วเชื่อว่าข้อมูลที่ได้เป็นจริงไปเสียหมด แสดงว่าวิชาการอ่านเชิงวิพากษ์-วิจารณ์ (Critical Reading) ที่มีสอนกันอยู่ในบ้านเรา...ล้มเหลว คนดีคนเลวมีปนกันอยู่ในทุกสังคม อย่าเหมารวมว่าคนเลวที่เห็นตามสือต่าง ๆ เป็นตัวแทนความเลวของทุกคนในวิชาชีพเดียวกันไปเสียหมด การเสียดสีประชดประชันของจขกท. โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่สร้างสรรค์เลยค่ะ จากคุณ : ลูกไก่พองลม - [ 15 มี.ค. 52 10:03:59 ]

ความคิดเห็นที่ 52 คุณ  Mr.wisdom    คุณกล้าว่าหมอผิดเชียวหรือ   คุณเอาสมองส่วนไหนคิดว่าหมอผิด   คุณยังเป็นชาวหว้ากออยู่หรือเปล่า    หมอน่ะกว่าจะเรียนจบหมอมา  ใช้เวลาตั้ง6ปีเชียวนะ   แล้ววันนึงทำงานตั้งหลายช.ม.   หมอจะผิดได้ไง   ใช้เหตุผลหน่อยครับอย่ามาปรักปรำหมอ    เดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อย555555555555       ปล. ที่ถามผมว่ามีอะไรดี           แหะๆ   นึกๆดูก็ไม่มีอะไรหรอกครับ    แค่     "  ไม่เป็นภาระสังคม  "  คือผมเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียด้วยเงินที่หามาเอง   ไม่ไปรอเบี้ยยังชีพ500บาท ครับ      และรับผิดชอบลูกไม่ผลักภาระเลี้ยงดูลูกไปให้สังคมครับ   ส่งลูกเรียนผมก็เอาเงินตัวเองส่งเค้าเรียน ไม่ต้องไปกู้ทุนเรียน   เสร็จแล้วชักดาบเหมือนอีกหลายๆคนครับ         เจ็บไข้ได้ป่วยผมก็ไปร.พเอกชน จ่ายค่ารักษาตามความเป็นจริง ป่วยพันก็จ่ายพันป่วยหมื่นก็จ่ายหมื่น ไม่ไปเบียดเบียน30บาทครับ    ( อันนั้นป่วยพันป่วยหมื่นก็จ่ายแค่30บาท   แล้วส่วนที่เกินใครออกล่ะครับ)       ความเห็นของผมถ้าคนส่วนใหญ่   ไม่ต้องมีคุณงามความดีอะไรมาก  แค่  ทำตัว   ไม่ให้ต้องเป็นภาระสังคม     ประเทศก็เจริญกว่านี้แล้วครับ จากคุณ : นายสีเสียด - [ 15 มี.ค. 52 10:10:43 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ม.6 ร้องหมอ ข่มขืนในรถ               “อมพระมาพูด ก็ไม่เชื่อ.. หน้าเนื้อใจเสือเชื่อไม่ได้ ..” บทเพลงของพี่เสกโลโซ ก็คงเป็นอีกมุมหนึ่งที่สะท้อนให้เราเห็นภาพอีกมุมมองหนึ่งของสังคมเราทุกวันนี้ ที่คนมัวแต่ยึดติดอยู่กับวัตถุภายนอกมากกว่าที่จะคิดอยู่กับความนึกคิดของตัวเอง..จิตใจของตนเอง .               คนเราทุกวันนี้จะดูกันเฉพาะที่หน้าตา หรือหน้าที่การงานนั้นคงจะไม่ได้แล้วล่ะครับ เพราะมันต้องดูกันให้ลึกถึงขั้วหัวใจกันเลยทีเดียว เพราะอะไรๆ ต่างๆ ทุกวันนี้มันชอบกับกันเหมือนหน้ามือกับหลังมือ อย่างข่าวที่จะนำมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านนี้ครับ ด้วยหน้าที่การงาน และการศึกษาของเขาผู้นี้แล้ว เขาดูน่าจะเป็นคนดีเป็นที่พึ่งพาอาศัยของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้ แต่เหตุการณ์นี้มันไม่ใช่ครับ ..               ข่าวหนังสือพิมพ์รายงานว่า เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 3 พ.ค. น.ส.ฟ้า (นามสมมติ) อายุ 18 ปี บ้านอยู่ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ พร้อมกับผู้ปกครองเข้าพบ พ.ต.ท.เชวงศักดิ์ สายสุนทร สวส.สภ.อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา แจ้งว่า โดนนายแพทย์ระดับรองผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเขต จ.นครราชสีมา ปลุกปล้ำข่มขืน น.ส.ฟ้าร่ำเล่ารายละเอียดว่าเพิ่งเรียนจบชั้น ม.6 จากโรงเรียนมีชื่อของจังหวัด เมื่อกลางเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาเพื่อนชื่อ น.ส.เก๋ได้ชวนไปเที่ยวที่ จ.นครราชสีมา และแนะนำให้รู้จักกับ นายแพทย์เรืองศักดิ์ ใจโพธิ์ อายุ 35 ปี รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลครบุรี จ.นครราชสีมา ให้เบอร์โทรศัพท์ มือถือไว้ พร้อมกับขอเบอร์โทรศัพท์มือถือของตนไป หลังจากนั้น เมื่อกลับมาบ้านที่ จ.บุรีรัมย์ นายแพทย์เรืองศักดิ์ได้ โทรศัพท์มาหา บอกว่าจะส่งเสียให้เรียนต่อจนจบปริญญาตรี               ต่อมาเมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้โทรศัพท์มาหาแต่เช้าขอให้ตนไปพบ โดยให้นั่งรถ บขส.ไปลงที่สถานีขนส่ง อำเภอโชคชัย จึงไปตามนัด ถึงที่สถานีเวลา 10.30 น. รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลขับรถปิกอัพสีเทามารับและพาไปที่บ้านพักหลังโรงพยาบาล ชวนให้เข้าไปนั่งในบ้าน บอกว่าจะคุยเรื่องการศึกษาต่อ แต่ด้วยความกลัว ตนไม่ยอมลงไปด้วย               นายแพทย์เรืองศักดิ์จึงขับรถพาไปบริเวณโบราณ สถานชื่อปรางค์พระโค ถนนสายโชคชัย-ครบุรี ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว และขับรถไปจอดในดงไม้ห่างจากโบราณสถานพอสมควร ก่อนจะปลุกปล้ำข่มขืนในรถจนสำเร็จความใคร่ จากนั้นพามาส่งที่สถานี บขส. ให้ขึ้นรถโดยสารกลับบ้าน และบอกจะโทรศัพท์มาหา แต่ไม่ได้ โทร.มา เมื่อพยายามติดต่อกลับไปก็ติดต่อไม่ได้ จึงเล่าให้ญาติพี่น้องฟังก่อนมาแจ้งความ โดยก่อนหน้านี้ได้ไปร้องเรียนกับสื่อมวลชนมาแล้ว               พร้อมกันนั้น น.ส.ฟ้านำเสื้อผ้าและกางเกงชั้นในที่ใส่วันโดนข่มขืนมอบให้เป็นหลักฐานด้วย หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่ง น.ส.ฟ้าไปที่โรงพยาบาลโชคชัยตรวจร่างกาย ขณะเดียวกันพยายามติดต่อกับนายแพทย์ ผู้ถูกกล่าวหา แต่ติดต่อไม่ได้ จึงส่งหมายเรียกไปยังโรงพยาบาลให้มาให้ปากคำในวันที่ 7 พ.ค. นี้. แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ / 4 พ.ค. 2547http://www.fpmconsultant.com/htm/news02.php?id=231          ใส่ร้ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   ชาวหว้ากอไม่เชื่อ ไม่เชื่อๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : นายสีเสียด - [ 15 มี.ค. 52 10:18:27 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เรียนคุณลูกไก่พองลม    มีกระทู้นึงที่ผมเล่าว่าผมโดนหมอกระทำ มายังไงบ้าง   ดันมีแต่คนเข้ามาด่าผมว่าผมเลวชาติก่อนผมคงทำเวรกรรมไว้มาก  บ้างก็ไม่เชื่อว่าที่ผมเล่าเป็นความจริง   โดยเหตุผลของเค้าคือ   หมอทำงานหนัก   หมอใช้เวลาเรียน6ปี    หมอไม่ผิดคนไข้ต่างหากผิดเอง   คือทุกกรณีที่ผมเล่า ชาวหว้ากอจะไม่เชื่อเลยว่าหมอเป็นฝ่ายผิด     ทีนี้พอผมอ่านมากๆเข้าๆๆ  ผมก็เลยคล้อยตามความเห็นของชาวหว้ากอว่า      อาชีพหมอเป็นอาชีพที่มีจรรยาบรรณสูงกว่าทุกอาชีพดังนั้น  ทุกเรื่องทุกกรณีที่มีคนกล่าวหาว่าหมอทำไม่ดี    พวกเราจะไม่เชื่อเด็ดขาด ครับ แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 52 10:33:03 จากคุณ : นายสีเสียด - [ 15 มี.ค. 52 10:30:23 ]

ความคิดเห็นที่ 55 แจ้งจับหมอร.พ.ลำพูน   เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 24 ก.ย. ร.ต.อ.สมาน ทองน้อย ร้อยเวร สภ.อ.เมืองลำพูน รับแจ้งจากนางพรรณี มูลกาศ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 ม.7 ต.ทากาศ อ.แม่ทา จ.ลำพูน ว่าถูกนายแพทย์คนหนึ่ง สังกัดโรงพยาบาลลำพูนตบและใช้วาจาหยาบคาย โดยให้การว่าเมื่อตอนเช้าวันเดียวกันนี้ได้พาด.ช.ศราวุธ มูลกาศ อายุ 3 ขวบ ลูกชาย มาให้แพทย์ตรวจรักษาอาการเจ็บหู เนื่องจากหูอักเสบจากการที่ตนแคะหูให้เมื่อ 2 วันก่อน http://www.cmprice.com/forum/?content=detail&wb_type_id=18&topic_id=17795    ) . หลังจากที่พาลูกชายเข้าห้องตรวจและขณะที่ทำการตรวจอาการอยู่นั้น เด็กร้องไห้และดิ้นไม่หยุด แพทย์คนดังกล่าวจึงให้ตนจับขาลูกไว้ ตนจับขาลูกชายไว้ทั้ง 2 ข้าง แต่เด็กดิ้นแรงมากจนมือหลุดจากขา และเท้าของเด็กไปถูกร่างของหมอผู้รักษา ซึ่งหมอโกรธมาก จึงหันมาด่าพร้อมกับอ้าแขนตบมาที่หน้า ตนจึงโยกตัวหลบฝ่ามือของแพทย์มาถูกไหล่ถึงกับถลา จากนั้นหมอคนดังกล่าวด่าตนด้วยวาจาเสียๆ หายๆ จนผู้ที่มารอการตรวจไข้และหมอคนอื่นๆ เหลียวมาดูกว่า 100 คน ทำให้ตนอับอายและได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จึงเข้าแจ้งความเอาเรื่องดำเนินคดีกับแพทย์คนดังกล่าว ที่มา : ข่าวสด เข้าใจผิดหรือเปล่า   ผมว่าหมอเค้าไม่ได้ตบ  นะ   หมอเค้าแค่ใช้มือลูบผ่านกกหูเร็วๆ    (อ่ะ ลองทำท่าดูซิ เอามือลูบผ่านหูเร็วๆ  ต้องเร็วๆนะ ถึงจะเห็นภาพ   แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 52 10:45:31 แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 52 10:44:28 จากคุณ : นายสีเสียด - [ 15 มี.ค. 52 10:42:43 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ที่มา : ข่าวสด ภาพประกอบ : ข่าวสด       หมอชี้ ท้องอืด  ที่แท้ไส้ติ่งแตกเด็กชายดับอนาถ        ด.ต.แจ้งความเอาผิดร.พ.วชิระภูเก็ต วินิจฉัยโรคผิดทำให้ลูกชายเสียชีวิต เผยลูกชายวัย 9 ขวบ นักเรียนชั้นป.3 ปวดท้องอย่างรุนแรง พาส่งร.พ.หมอเอกซเรย์แล้วบอกกับญาติว่าเป็นโรคท้องอืด-ท้องผูกธรรมดา สั่งยาสวนทวารมาให้ เมื่อมาถึงบ้านก็ทำตามที่หมอสั่ง แต่ลูกก็ไม่หาย กระทั่งปวดท้องอย่างหนัก จึงพาไปหาหมอที่ร.พ.เดิม แต่คราวนี้หมอคนใหม่นำเข้าห้องผ่าตัดด่วน ระบุว่าไส้ติ่งแตก กระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา พ่อโวยหมอวินิจฉัยโรคผิด แจ้งตร.ดำเนินคดี ส่วนผู้บริหารร.พ.วชิระภูเก็ต อ้างกำลังสอบสวนหาสาเหตุอยู่        เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ด.ต.วิญญู บุญมี อายุ 43 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.อ.เมืองภูเก็ต อยู่บ้านเลขที่ 323/171 ถนนเยาวราช อ.เมือง จ.ภูเก็ต เข้าแจ้งความกับร.ต.ท.อภิชาติ เรนชนะ ร้อยเวรสภ.อ.เมืองภูเก็ต ให้ดำเนินคดีกับร.พ.วชิระภูเก็ต ว่ากระทำการโดยประมาท ทำให้ด.ช.กัมปนาท บุญมี อายุ 9 ขวบ นักเรียนชั้นประถม 3 ลูกชายของตนเสียชีวิต        ด.ต.วิญญูกล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ด.ช.กัมปนาทมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง นางสายหยุด ภรรยาของตนจึงนำตัวเข้ารักษาที่ร.พ.มิชชั่นภูเก็ต ในเบื้องต้นแพทย์ระบุว่ลำไส้อักเสบและให้ยากลับมารับประทานที่บ้าน แต่ด.ช.กัมปนาทยังคงปวดท้องอยู่ ต่อมาวันที่ 9 ก.พ ก็ปวดหนักกว่าเดิม พวกตนจึงนำตัวส่งร.พ.วชิระภูเก็ต เมื่อเวลา 23.00 น. แพทย์ได้ส่งตัวเข้าห้องเอกซเรย์ ซึ่งแพทย์หญิงที่รับตัวไว้บอกกับญาติว่าเป็นโรคท้องอืดหรือท้องผูก และสั่งยาสวนทวารให้มาเมื่อกลับมาถึงบ้านญาติได้สวนทวารมีอุจจาระไหลออกมาเพียงเล็กน้อยและให้นอนหลับพักผ่อน        ด.ต.วิญญูกล่าวว่า ต่อมาวันที่ 10 ก.พ. ภรรยาโทรศัพท์ไปบอกว่า ด.ช.กัมปนาทปวดท้องอย่างหนัก จนเวลาประมาณ 23.00 น. ก็นอนหมดเรี่ยวแรงอยู่บนเตียง ตนเอะใจจึงนำตัวไปร.พ.วชิระภูเก็ตอีกครั้ง ซึ่งแพทย์เวรคนใหม่ส่งตัวเข้าห้องพิเศษ โดยด.ช.กัมปนาทมีอาการปวดท้องทั้งคืน จนรุ่งเช้าวันที่ 11 ก.พ. แพทย์มาบอกว่าต้องเข้าห้องผ่าตัดด่วนเพราะมีแผลในกระเพาะอาหาร โดยเข้ารับการผ่าตัดเมื่อเวลา 14.00 น. ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หลังผ่าตัดแพทย์มาบอกว่า ดช.กัมปนาทไส้ติ่งแตก และส่งตัวเข้ารักษาที่ห้องไอซียู แต่อาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลา 20.00 น. ก็เสียชีวิต        ด.ต.วิญญูกล่าวว่า หลังจากลูกชายเสียชีวิต ทำให้ทางญาติๆ ไม่พอใจ ถือว่าเป็นความผิดพลาดของแพทย์ที่วินิจฉัยอาการผิดตั้งแต่ต้นจึงให้ตนเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับร.พ.วชิระภูเก็ต เพราะหากวินิจฉัยว่าปวดท้องเพราะไส้ติ่งตั้งแต่แรกคงรักษาทันไม่ใช่ปล่อยให้ไส้ติ่งแตกตายเช่นนี้        ภายหลังรับแจ้งความเจ้าหน้าที่เดินทางไปชันสูตรพลิกศพ ด.ช.กัมปนาท ที่ร.พ.วชิระภูเก็ต พบว่าในบันทึกแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจากอาการไส้ติ่งแตก เมื่อตำรวจสอบถามหารายชื่อแพทย์ที่รักษาตัว เจ้าหน้าที่ร.พ.พยายามบ่ายเบี่ยงบอกให้ติดต่อผู้บริหารเอง ซึ่งต่อมาได้มีผู้บริหารร.พ.คนหนึ่งมาพูดคุยกับญาติ โดยกล่าวว่ายังอยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุว่าการเสียชีวิตของด.ช.กัมปนาท เป็นเพราะความบกพร่องของแพทย์หรือไม่ แล้วจะเข้าให้ปากคำต่อไป http://www.icygang.com/hothilights/view.php?news_id=1638&category_id=8           กรณีนี้หมอไม่ผิดครับ    เด็กมันถึงคราวจะตายเอย  เรียกว่าทำบุญมาเพียงเท่านี้    คนเราถึงคราวจะตายไม้จิ้มฟันแทงเหงือกยังเสือกตาย        ดังนั้นหมอไม่ผิดครับ    ฟันธง จากคุณ : นายสีเสียด - [ 15 มี.ค. 52 10:56:46 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เรียนคุณสีเสียด ไม่ทราบกระทู้นั้นยังอยู่หรือเปล่าคะ ถ้ามีขอลิงค์ด้วย เผอิญไม่ได้อ่าน จึงไม่ทราบว่าคุณโดนหมอและชาวหว้ากอกระทำอย่างไรมาบ้าง ถึงได้เหมารวมไปอย่างนั้น จากคุณ : ลูกไก่พองลม - [ 15 มี.ค. 52 11:00:25 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เมียผู้ใหญ่บ้านโวยถูกหมอตรวจโรคตบหน้า โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 สิงหาคม 2551 10:30 น. คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น นางบุญมี เคนสุข อายุ 57 ปี พักอยู่บ้านเลขที่ 155 บ้านทรัพย์เจริญ หมู่ 17 ต.โพธิ์ไทร อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี พร้อมนายพูน เคนสุข สามีผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านดังกล่าว ได้ร้องขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดอุบลราชธานี กรณีถูกนายแพทย์ประจำโรงพยาบาลพิบูลมังสาหารคนหนึ่ง ใช้ถ้อยคำด่าและใช้มือตบปากนางบุญมีในห้องตรวจโรค โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา    อุบลราชธานี-เมียผู้ใหญ่บ้านทรัพย์เจริญ ต.โพธิ์ไทร อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ไปพบหมอโรงพยาบาลประจำอำเภอหาสาเหตุการเจ็บท้อง จู่ๆก็ไล่ให้ไปตายซะ พร้อมใช้มือตบเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงข้อหาพูดมาก คนไข้สุดทนเดินร้องไห้ออกจากห้องตรวจ ก่อนสามีนำเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับหมอ แต่คดีไม่คืบจึงร้องขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าว             นางบุญมี เคนสุข อายุ 57 ปี พักอยู่บ้านเลขที่ 155 บ้านทรัพย์เจริญ หมู่ 17 ต.โพธิ์ไทร อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี พร้อมนายพูน เคนสุข สามีผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านดังกล่าว ได้ร้องขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดอุบลราชธานี กรณีถูกนายแพทย์ประจำโรงพยาบาลพิบูลมังสาหารคนหนึ่ง ใช้ถ้อยคำด่าและใช้มือตบปากนางบุญมีในห้องตรวจโรค โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา             หลังเกิดเรื่องได้นำความไปปรึกษาสามีและญาติก่อนตัดสินใจเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 1 ส.ค. แต่พนักงานสอบสวนไม่ทำอะไร จึงเข้าร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าว             นางบุญมี เล่าว่ามีการปวดท้อง จึงนั่งรถโดยสารประจำทางไปหาแพทย์ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ และพยาบาลให้นั่งรอตรวจตามคิว จนกระทั่งพยาบาลเรียกคนไข้ที่มีลำดับก่อนนางบุญมีเข้าไปตรวจที่ห้องตรวจโรคหมายเลข 3 ซึ่งมีนายแพทย์คนก่อเหตุเป็นเจ้าของห้อง คนไข้รายนั้นแจ้งแก่นางบุญมีไม่ขอเข้ารับการตรวจกับนายแพทย์รายนี้ เพราะด่าเก่ง นางบุญมีจึงขอเข้าไปรับการตรวจแทน เพราะมีอาการเจ็บท้องมาก             คนไข้โชคร้ายรายนี้เล่าต่อว่า เมื่อเข้าไปในห้องตรวจและได้พบกับนายแพทย์คนดังกล่าว ก็ได้สอบถามอาการป่วย เมื่อนางบุญมีเล่าอาการให้ฟัง นายแพทย์รายนี้ก็บอกว่า "ถ้าปวดมากก็ไปตายซะ" แต่นางบุญมีไม่สนใจคำด่า จึงพยายามเล่าอาการให้นายแพทย์คนนี้ฟังต่อไป             แต่จู่ๆไม่พูดพล่ามทำเพลงนายแพทย์คนดังกล่าว ก็ใช้มือขวาเอื้อมมาตบที่ใบหน้าและปากอย่างแรง 1 ครั้ง พร้อมกล่าวว่า "พูดมาก" จากนั้นก็โยนใบสั่งยาให้ตน พร้อมไล่ให้ออกไปรับยาตามแพทย์สั่ง             ด้วยความอายที่ถูกนายแพทย์คนนี้ตบหน้าอย่างไม่มีเหตุผล จึงเดินร้องไห้ออกมาจากห้องตรวจ โดยมีคนไข้ที่รอตรวจอยู่หน้าห้องและพยาบาลหลายคนเห็นเหตุการณ์ที่นางบุญมีเดินร้องไห้ออกมา จึงเข้ามาปลอบและพยาบาลรีบไปเอายามาให้ เมื่อได้สติจึงขอร้องให้พยาบาลพาเข้าร้องเรียนกับ นพ.พัฒนา ตันสกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่เกิดเหตุ ซึ่ง นพ.พัฒนาได้พูดจาขอร้องไม่ให้ตนเอาเรื่อง เพราะจะทำให้โรงพยาบาลเสื่อมเสียชื่อเสียง             จากนั้นจึงกลับมาปรึกษากับสามีและญาติ ซึ่งเห็นว่านายแพทย์คนดังกล่าวเคยทำพฤติกรรมเช่นเดียวกับนางบุญมีกับคนไข้รายอื่นมาก่อน หากไม่ดำเนินการใดๆก็จะไม่มีการแก้ไขให้ดีขึ้น จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.ไสว พรหมเคน พงส.(สบ.2) สภ.พิบูลมังสาหาร แต่ถึงวันนี้ยังไม่มีการเรียกไปสอบปากคำเพิ่มเติม จึงเข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว             ต่อมานางบุญมีและญาติได้นำผู้สื่อข่าวไปดูห้องตรวจโรคที่เกิดเหตุ และพบกับ นพ.พัฒนา ตันสกุล ผอ.โรงพยาบาลพิบูลมังสาหาร ซึ่งกล่าวว่าจากการสอบถามนายแพทย์ที่ถูกนางบุญมีกล่าวหา ได้ให้การปฏิเสธไม่ได้ตบหน้านางบุญมี และเรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องส่วนตัว จึงให้นางบุญมีไปดำเนินการกับนายแพทย์คู่กรณีเอง             โดยโรงพยาบาลจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ทำให้นางบุญมีไม่พอใจอย่างมาก เนื่องจากวันแรก นพ.พัฒนา ได้ขอร้องไม่ให้เอาเรื่อง แต่พอเกิดเรื่องขึ้นก็เข้าข้างพวกเดียวกันเอง โดยไม่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบข้อเท็จจริง จึงจะทำเรื่องร้องเรียนไปยังกระทรวงสาธารณสุขต่อไป             ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้เข้าพบ พ.ต.ต.ไสว พรหมเคน พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อขอทราบความคืบหน้า แต่ได้รับการปฏิเสธไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยอ้างว่าเป็นความลับทางสำนวนการสอบสวน แต่บอกว่านายแพทย์ที่ถูกกล่าวหาได้เดินทางมาแสดงตน พร้อมให้การปฏิเสธกับพนักงานสอบสวนแล้ว             จากนั้นได้ปล่อยตัวไปตามระเบียบ ส่วนจะเรียกคู่กรณีมาสอบเพิ่มเติมอีกเมื่อไหร่ยังบอกไม่ได้ ต้องดูเป็นกรณีไป   http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000093420    เมียผู้ใหญ่คงเข้าใจผิดมั๊งครับ    หมอเค้าคงใช้ฝ่ามือลูบผ่านใบหน้าเร็วๆ มั๊ง  คงเป็นการตรวจสอบปฎิกริยาตอบสนองของผิวหน้า  จะได้วินิจฉัยให้ถูกต้อง     และที่หมอบอก ปวดมากให้ไปตายซะ     นั่นหมอเค้ามีอารมณ์ขัน    เค้าหยอกเล่นน่ะครับ        เค้าเรียนหมอมาตั้ง6ปี  เค้าจะไปทำแบบนั้นได้ไง จากคุณ : นายสีเสียด - [ 15 มี.ค. 52 11:02:55 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ^    ^    ^     และคนไข้รายที่ขอ บาย เพราะบอกว่าแพทย์คนนี้ด่าเก่งยอมให้เมียผู้ใหญ่เข้าไปรักษากับแพทย์คนนี้แทน    แสดงว่าเคยเจออารมณ์ขันของหมอคนนี้มาแล้ว   แต่คนไข้คงตามมุกไม่ทันเลยนึกว่าหมอเค้า ด่าเก่ง   ไม่ได้ด่ามั๊งครับ   หมอคงปล่อยมุขตลกแต่คนไข้ไม่เก็ท เอง จากคุณ : นายสีเสียด - [ 15 มี.ค. 52 11:07:20 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ถอนฟันคนไข้ผิด3ซี่ หมอจุฬาฯเลินเล่อ รพ.ปลดออกทันที ข้อความ : สาวดวงซวยไปรักษาขากรรไกร กลับถูกถอนฟันผิดไป 3 ซี่ เหตุเพราะหมอลืมดูแฟ้มคนไข้ พอรู้ว่าพลาดจับฟันยัดใส่ใช้ยางอุดกลับเข้ามาใหม่ เกลี้ยกล่อมไม่ให้คนไข้เอาเรื่อง ตามไปเคลียร์ถึงคอนโดฯ ฝ่ายคนไข้ดวงซวยโดนรุกหนักกลัวถูกคุกคาม วิ่งโร่แจ้งความ ด้านรพ.จุฬาฯ ทราบเรื่องเลิกจ้างหมอฟันทันที พร้อมส่งเรื่องให้ทันตแพทยสภา เจ้าตัวยืนยันจะฟ้องเอาผิดหมอเพื่อเป็นอุทาหรณ์ เรื่องราวความโชคร้ายของคนไข้รายนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. เมื่อ น.ส.จิรวรรณ สว่างแวว อายุ 29 ปี ได้โทรศัพท์ไปเล่าเรื่องราวของเธอผ่านทางสถานีวิทยุจส.100 ว่าทันตแพทย์ที่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ไม่ได้ดูแฟ้มคนไข้ ทำให้ถอนฟันของเธอผิดไป 3 ซี่ ทั้งๆ ที่จริงแล้ว เธอต้องถอนเพียงซี่เดียว และเมื่อถอนแล้วหมอกลับไปดูแฟ้มรู้ตัวว่าถอนผิด จึงเอาฟันทั้ง 3 ซี่ที่ถอนไปแล้วใส่กลับเข้ามาใหม่ แล้วเอายางอุดไว้ ก่อนจะถอนซี่ที่ถูกต้องออกไปอีกซี่ เป็นซี่ที่ 4 น.ส.จิรวรรณ เล่าเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นว่า เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเธอไปปรึกษาแพทย์ที่คณะทันตแพทย์ รพ.จุฬาฯ เนื่องจากขากรรไกรผิดปกติทำให้คางค่อยๆ ยื่นออกมาเรื่อยๆ ซึ่งเมื่อแพทย์ตรวจดูแล้วลงความเห็นว่าต้องผ่าตัดขากรรไกร จึงให้เธอกลับไปตัดสินใจว่าจะรักษาตามที่วินิจฉัยหรือไม่ เมื่อถึงวันที่ 9 มิ.ย.2546 แพทย์ได้นัดให้มาพบอีกครั้ง ซึ่งเธอให้คำตอบว่าตกลงรักษาตามที่แพทย์วินิจฉัย แพทย์จึงให้เธอไปถอนฟันซี่หลังสุดออก เพื่อเตรียมใส่เครื่องมือจัดฟัน โดยได้ส่งเธอไปให้ทันตแพทย์หญิงอีกคนหนึ่งถอนฟันให้ น.ส.จิรวรรณเล่าว่า เธอถือแฟ้มเอกซเรย์ของตัวเองไปพบทันตแพทย์หญิงคนดังกล่าว ซึ่งพอเธอเข้าไปในห้องแพทย์ ก็ได้รับแจ้งทันทีว่าเธอต้องถอนฟัน 3 ซี่ ด้วยความที่คิดว่าแพทย์ทั้งสองคนต้องมีการพูดคุยรายละเอียดกันมาก่อนแล้ว เธอจึงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร จน น.ส.จิรวรรณถูกถอนฟันออกไปแล้ว 3 ซี่ เป็นฟันบน 2 ซี่ และฟันล่างอีก 1 ซี่ เธอก็ลุกจากเตียงจะกลับ แต่ทันตแพทย์หญิงรายนี้ได้หันกลับไปดูแฟ้มคนไข้แล้วหันมาถามเธอว่า เธอชื่ออะไร เมื่อรู้ว่าเธอชื่อจิรวรรณ ทันตแพทย์หญิงรายนี้ก็หันไปบอกนางพยาบาลว่า อย่าเพิ่งทิ้งฟันที่เพิ่งถอนออกมาทั้ง 3 ซี่ หลังจากนั้นได้บอกให้เธอนอนลงอีกครั้ง และบอกว่าขากรรไกรเธอผิดปกติ ดังนั้น ต้องถอนฟันซี่สุดท้ายอีก 1 ซี่ "ตอนนั้นดิฉันไม่รู้อะไรเลย ปากชาไปหมด หมอเอาผ้ามาปิดหน้าดิฉัน ดิฉันจึงไม่รู้ว่าหมอทำอะไรกับปากดิฉันบ้าง รู้แต่ว่าฟันถูกถอนออกไปเป็นซี่ที่ 4 ส่วน 3 ซี่ที่ถอนออกไปก่อนหน้านี้ผ้ากอซที่กัดไว้หายไป กลายเป็นยางอุดอยู่แทน ดิฉันไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่สังเกตได้คือ หมอพูดจากับดิฉันดีมาก ผิดกับทีแรกหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะตอนแรกที่ดิฉันก้าวเข้ามาในห้อง หมอดุมาก แม้กระทั่งดิฉันขอวางกระเป๋าบนเก้าอี้ยังไม่ให้วาง บอกให้ดิฉันถือไว้ แต่หลังจากดูแฟ้ม หมอพูดสุภาพและบอกว่าให้ดิฉันออกไปรอข้างนอกและหมอจะออกไปคุยด้วย" น.ส.จิรวรรณ กล่าว น.ส.จิรวรรณ เล่าต่อไปว่าเมื่อเธอออกมาจากห้องหมอ เธอไม่สามารถควบคุมปากตัวเองได้ เธอรู้สึกว่าปากเบี้ยวจากฤทธิ์ยาชาและควบคุมน้ำลายไม่ได้ สักพักทันตแพทย์ก็ออกมาเรียกเธอเข้าไปดูแผลอีกครั้ง แล้วนัดให้มาใหม่ในวันรุ่งขึ้น คืนนั้นเธอนอนไม่หลับเพราะเจ็บแผลและกินอะไรไม่ได้เลย รวมทั้งยังคงคาใจว่าอะไรเกิดขึ้นกับฟันของเธอ วันต่อมาทันตแพทย์หญิงคนดังกล่าว พยายามติดต่อเธอตลอดเพื่อไถ่ถามอาการ ในที่สุดเธอทนกับความผิดปกติไม่ไหวจึงไปหาแพทย์ที่คลินิกแถวบ้าน ซึ่งแพทย์ฟังเรื่องราวแล้วบอกว่า วินิจฉัยให้ไม่ได้ แต่สันนิษฐานว่าน่าจะมีความผิดปกติเกิดขึ้น ทำให้ น.ส.จิรวรรณมั่นใจมากขึ้นว่าเธอได้รับการรักษาไม่ถูกต้อง "พอแพทย์หญิงที่ถอนฟันให้ดิฉันโทรมาอีกครั้ง ดิฉันจึงคาดคั้นถามไปว่า หมอทำผิดพลาดใช่ไหม หมอถอนผิดแล้วเอาฟันใส่กลับเข้ามาใช่ไหม จนในที่สุดหมอก็ยอมรับว่าเกิดความผิดพลาดขึ้น หมอไม่ทันเห็นโน้ตที่ติดมากับแฟ้ม โดยน้ำเสียงของหมอดูตื่นตระหนกพอสมควร จากนั้นหมอก็บอกว่าหมอเสียใจ ดิฉันจึงตอบไปว่า คำว่าเสียใจไม่มีประโยชน์ เพราะฟันดิฉันไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้" น.ส.จิรวรรณ กล่าว น.ส.จิรวรรณ กล่าวว่า ตอนนั้นเธอโกรธมาก และสภาพจิตใจก็ย่ำแย่ แต่ขณะเดียวกันทันตแพทย์หญิงคนดังกล่าวก็พยายามโทรศัพท์หาเธอไม่หยุด แต่เธอหลีกเลี่ยงไม่ยอมรับโทรศัพท์ จนคืนวันที่ 11 มิ.ย.ทันตแพทย์หญิงรายนี้มาหาเธอถึงที่พักซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม แต่เธอหลับไปแล้วจึงไม่ได้พบ แต่รุ่งเช้าเมื่อเธอเห็นโน้ตข่อความจากพนักงานคอนโดฯ ว่าทันตแพทย์ตามมาถึงบ้าน เธอจึงรู้สึกกลัวมาก หลังจากนั้น น.ส.จิรวรรณ รีบไปแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง เพราะไม่รู้วัตถุประสงค์ที่ทันตแพทย์พยายามตามมาหาเธอถึงบ้าน จากนั้นก็ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ปทุมวัน แล้วโทรศัพท์เข้าไปเล่าเหตุการณ์ออกอากาศทาง จส.100 หลังจากเรื่องราวของเธอออกอากาศไป สักพักก็มีโทรศัพท์จาก รศ.ท.ญ.วาสนา พัฒนพีระเดช รองคณบดีคณะทันตแพทย์ จุฬาฯ มาหาเธอ "รองคณบดีท่านนี้บอกว่าเพิ่งทราบเรื่อง และยินดีที่จะรับผิดชอบ เธอพยายามเกลี้ยกล่อมให้ดิฉันกลับไปรักษาที่ รพ.จุฬาฯ แต่ดิฉันปฏิเสธ เพราะไม่กล้าและไม่มั่นใจที่จะกลับไปแล้ว ดิฉันจึงไปหาหมอที่ รพ.ธรรมศาสตร์รังสิตแทน แต่เมื่อหมอได้ฟังเรื่องราวของดิฉัน หมอก็บอกว่าเต็มใจช่วย แต่รักษาให้ไม่ได้จริงๆ เพราะเป็นจรรยาแพทย์ที่ไม่สามารถรักษาต่อจากหมอคนอื่นโดยไม่มีข้อมูลคนไข้ส่งต่อมาจากหมอเดิม" น.ส.จิรวรรณ กล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ทาง รพ.จุฬาฯ ได้ติดต่อให้น.ส.จิรวรรณ ไปรับการรักษาเพิ่ม ซึ่ง น.ส.จิรวรรณ เล่าว่า มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมารักษาให้ ซึ่งเมื่อทุกคนเห็นยางที่อุดฟันที่ถูกถอนไปทั้ง 3 ซี่ ก็ตกใจและยอมรับว่าไม่เคยเห็นการรักษาแบบนี้มาก่อน และได้แก้ไขโดยการใส่เฝือกเป็นเหล็กดามที่ฟัน และรองคณบดีฯได้แจ้งว่า ทางคณะได้สั่งพักงานทันตแพทย์หญิงลักษณา ลิ่มปิยะพงษ์ ทันตแพทย์ที่ถอนฟันผิดพลาดไปแล้ว และจะส่งเรื่องไปที่ทันตแพทยสภาเพื่อพิจารณาต่อไป "ตอนนี้รู้สึกพอใจ แต่ก็จะฟ้องหมอคนนี้ต่อไป เพราะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุทาหรณ์" น.ส.จิรวรรณ กล่าว ด้าน รศ.ท.ญ.วาสนา พัฒนพีระเดช รองคณบดีคณะทันตแพทย์จุฬาฯ ยอมรับว่า น.ส.จิรวรรณได้กลับมารักษาที่ รพ.จุฬาฯ แล้ว โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรายงานว่า แผลที่ตัดเย็บใหม่เรียบร้อยดี ซึ่งแผลดังกล่าวนั้นเป็นแผลที่แก้ไขได้ แต่อาจทำให้แผนการจัดฟันของหมอเจ้าของไข้เดิม ล่าช้าไปบ้าง แต่ก็ไม่มีผลกระทบด้านสุขภาพฟัน และการจัดฟันในอนาคต แต่อย่างใด ทั้งนี้ รองคณบดีทันตแพทย์จุฬาฯ ระบุว่า รพ.จุฬาฯ ได้ทำความเข้าใจกับน.ส.จิรวรรณเรียบร้อยแล้วโดยร.พ.จุฬาฯ จะรับผิดชอบทุกอย่าง ตลอดจนจะให้ผู้เชี่ยวชาญมาดูแลอาการจนหายขาด รวมทั้งได้เลิกจ้างทันตแพทย์ที่ก่อปัญหาเรียบร้อยแล้ว "ขณะนี้เราได้ให้หมอลักษณาหยุดทำงานกับทางคณะ และได้มีการสอบปากคำ ดำเนินเรื่องไว้แล้ว และเราก็พร้อมจะส่งให้กับทางทันตแพทยสภา ซึ่งดูแลการประกอบวิชาชีพทันตแพทย์อยู่แล้ว ทั้งนี้เราจะจัดการอย่างเต็มที่ไม่ว่าคุณจิรวรรณจะฟ้องร้องดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่ก็ตาม" เธอ กล่าว อย่างไรก็ตามรองคณบดีกล่าวเพิ่มเติมว่า ทันตแพทย์หญิงรายนี้ได้ทำงานให้ รพ.จุฬาฯ มาหลายปี แต่ไม่ได้เป็นแพทย์ประจำ ซึ่งการทำงานในคลินิกนอกเวลาต่อสัญญาปีต่อปี ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร ฝีมือจัดอยู่ในเกณฑ์ดีพอสมควร แต่พอเกิดปัญหาครั้งนี้โรงพยาบาลจึงยกเลิกสัญญาการว่าจ้างทันที เกี่ยวกับกรณีนี้ ทันตแพทย์ศิริชัย ชูประธาน เลขาธิการทันตแพทยสภา ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า หากคณบดีคณะทันตแพทย์จุฬาฯ จะส่งเรื่องนี้ให้ทันตแพทยสภาพิจารณา การปฏิบัติหน้าที่ของทันตแพทย์รายนี้ก็พร้อมนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการทันตแพทยสภาได้ทันที แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับเรื่องดังกล่าว "ผมยอมรับว่า ทันตแพทยสภาไม่เคยได้รับเรื่องร้องเรียนจากคนไข้ที่ถูกถอนฟันผิดซี่มาก่อน นับว่ากรณีนี้เป็นรายแรกในประวัติศาสตร์วิชาชีพทันตแพทย์ ในเบื้องต้นคงวินิจฉัยว่าปฏิบัติหน้าที่ผิดจรรยาทันตแพทย์ แต่บทลงโทษเป็นเรื่องต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของทันตแพทยสภา เพราะไม่เคยมีบรรทัดฐานในเรื่องนี้มาก่อน" เลขาธิการทันตแพทยสภาฯ กล่าว อย่างไรก็ตาม "คม ชัด ลึก" ได้พยายามติดต่อ ทันตแพทย์ลักษณา แพทย์ผู้ให้การรักษาน.ส.จิรวรรณ เพื่อขอทราบข้อเท็จจริง และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ http://board.dserver.org/d/dekf8/00000150.html          ไอ้ซี่ที่ถอนผิดหมอเค้าไม่ได้คิดเงินนะครับ   เค้าแถมให้ครับแบบซื้อ1แถม2ไง    ไม่เคยได้ยินเหรอ         หรือไม่ก็    ชาติก่อนไม่เคยทำความดีไว้เลยคงทำกรรมไว้เยอะ    เหมือนผม  555555 จากคุณ : นายสีเสียด - [ 15 มี.ค. 52 11:13:23 ]

ความคิดเห็นที่ 61 รวบหมอรักษาสิว ลามนกเขา อนาจารแล้วถ่ายรูป ดช.14แจ้งปดส.บุกจับดูดสิวเสร็จให้แก้ผ้า ในคลีนิกห้างดังกรุงแพทยสภาเอาผิดซ้ำ หมอนกเขา- ตำรวจปดส.คุมตัวน.พ.สาร์ยุต บุญกล่อม แพทย์โรคผิวหนังประจำคลินิกชื่อดังในห้างฯแห่งหนึ่ง ดำเนินคดีอนาจารเด็กชายวัย 14 ปี ที่มารับการรักษาสิว โดยหลอกว่าจะตรวจร่างกายก่อนลูบคลำอวัยวะเพศ แถมถ่ายคลิปเก็บไว้ด้วย จับ'หมอนกเขา'อนาจารด.ช.วัย 14 ในคลินิกรักษาสิว เซ็นทรัลรามอินทรา เหยื่อน.ร.ม.3 เข้าไปรักษาสิวใบหน้าตามนัด แต่หมอประจำไม่อยู่หมออีกคนเลยรักษาแทน หลังตรวจสิวเสร็จสั่งเหยื่อขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วกระทำอนาจารกับอวัยวะเพศ ตอนแรกนึกว่าตรวจร่างกายต่อเนื่องเลยไม่เอะใจ แต่หมอนกเขากลับหยิบมือถือมาถ่ายรูปเก็บไว้ จึงแน่ใจว่าถูกอนาจารแน่ๆ กลับบ้านเล่าเรื่องให้ผู้ปกครองฟังก่อนเข้าแจ้งความปดส. รวบรวมพยานหลักฐานนำหมายจับไปรวบตัวได้คาลานจอดรถห้าง รวบ 'หมอนกเขา' กระทำอนาจารด.ช.วัย 14 ในคลินิกครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 9 ก.ค. ที่บก.ปดส. พ.ต.อ.นรศักดิ์ เหมนิธิ รองผบก.ปดส. พ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผกก.1 บก.ปดส. พ.ต.ท.ปัญญา ชะเอมเทศ สว.กก.1 บก.ปดส. และร.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ รองสว.กก.1 บก. ปดส. นำกำลังเข้าจับกุมน.พ.สาร์ยุต บุญกล่อม อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58/92 ซอยโชคชัยร่วมมิตร แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2065/2550 ลงวันที่ 5 ก.ค. 50 ข้อหาเจตนากระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ที่ลานจอดรถชั้น 2 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขารามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้ปกครองของด.ช.ข้าวกล้อง (นามสมมติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 3 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านดอนเมือง เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.ปดส. ว่า ด.ช.ข้าวกล้อง บุตรชายถูก น.พ.สาร์ยุต กระทำอนาจารขณะเข้ารับรักษาสิว ที่คลินิกรักษาผิวหน้าภายในเซ็นทรัล สาขารามอินทรา จากการสอบสวนเด็กผู้เสียหายให้การว่า เข้ารักษาสิวที่ใบหน้ากับแพทย์คลินิกแห่งนี้มาตั้งแต่ปลายเดือนพ.ค. ส่วนเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยวันนั้นไปตรวจรักษาครั้งที่ 4 แต่ไม่ได้พบแพทย์ที่รักษาประจำ น.พ.สาร์ยุตเป็นแพทย์ผู้ตรวจรักษาแทน เมื่อขั้นตอนรักษาสิวเสร็จแล้ว น.พ.สาร์ยุตเรียกให้ขึ้นไปนอนบนเตียงคนไข้ แล้วกระทำอนาจารกับอวัยวะเพศ ตอนแรกคิดว่าตรวจร่างกายต่อเนื่อง จึงไม่ได้โวยวาย แต่จากนั้นเห็น น.พ.สาร์ยุตหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพอวัยวะเพศไว้หลายภาพ จึงแน่ใจว่าถูกทำอนาจาร แต่ยังไม่ทันถามอะไรน.พ.สาร์ยุตก็บอกให้ออกจากห้อง นอกจากนี้เด็กผู้เสียหายยังให้การเพิ่มเติมด้วยว่า วันเกิดเหตุชักชวนเพื่อนไปรักษาผิวหน้าด้วย โดยก่อนถึงคิวของเพื่อนยังได้กระซิบบอกกับเพื่อนว่าให้ระวังหมอจับอวัยวะเพศ แต่เมื่อเพื่อนออกมาจากห้องตรวจแล้ว สอบถามปรากฏว่าเพื่อนไม่ได้ถูกล่วงเกินแต่อย่างใด เมื่อกลับบ้านตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ผู้ปกครองทราบ ก่อนเข้าแจ้งความตำรวจปดส.ในที่สุด ภายหลังรับแจ้งพล.ต.ต.วิมลสั่งการ พ.ต.อ.นรศักดิ์นำกำลังเข้าจับกุมน.พ.สาร์ยุตได้โดยละม่อม พล.ต.ต.วิมลเปิดเผยภายหลังจับกุมน.พ.สาร์ยุตว่า คดีนี้หลังจากรับร้องทุกข์จากผู้เสียหายแล้ว ได้สอบปากคำเด็กโดยมีนักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ร่วมสอบสวนด้วย จากนั้นรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ กระทั่งขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาติดตามจับกุมน.พ.สาร์ยุตได้ในที่สุด เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่า กระทำอนาจารด.ช.ข้าวกล้องจริงตามที่ถูกกล่าวหา เนื่องจากมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายของเด็กผู้เสียหายในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา แต่อ้างว่าเพิ่งกระทำเป็นครั้งแรก ผบก.ปดส.เปิดเผยอีกว่า ญาติผู้ต้องหายื่นขอประกันตัววงเงิน 150,000 บาท ซึ่งพนักงานสอบสวนคงพิจารณาอนุญาตให้ประกัน ส่วนอัตราโทษสำหรับคดีนี้มีโทษจำคุกไม่เกิน 15 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากถูกจับกุมน.พ.สาร์ยุต เริ่มมีอาการเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด พนักงานสอบสวนเกรงว่าผู้ต้องหาอาจทำร้ายตนเอง จึงประ สานนักจิตวิทยาเข้าไปพูดคุยในห้องควบคุมเป็นระยะๆ และแนะนำญาติดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย ทางด้านน.พ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา เปิดเผยว่า แพทยสภาจะตั้งคณะกรรมการเอาผิดกับนายแพทย์คนดังกล่าว ส่วนระดับการลงโทษจะมากน้อยแค่ไหน อย่างไร ขึ้นกับคณะกรรมการ ซึ่งโทษมีตั้งแต่ตักเตือนจนถึงเพิกถอนใบอนุญาต ที่มาของข่าว  ข่าวสด (10 ก.ค 50) http://bkkonline.com/scripts/news/popup.aspx?contentid=6268         เด็กนี่ใส่ร้ายหมอครับ    หมอเค้าดูดสิวที่หน้าเสร็จเค้าก็มีน้ำใจจะแถม ดูดสิวที่อื่นให้ด้วย   และที่ต้องถ่ายรูปไว้เพราะเก็บไว้เป็นกรณีศึกษา หรือเพื่อทำประวัติคนไข้ล่ะมั๊ง  ว่าอายุ14  ความยาวเท่านี้  ถ้าอายุ15 จะยาวเพิ่มเป็นเท่าไหร่      คงไม่มีเจตนาอนาจารอะไรหรอกครับ  เพราะหมอเค้าทำงานหนัก และเรียนมาตั้ง6ปี จากคุณ : นายสีเสียด - [ 15 มี.ค. 52 11:19:31 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เมียซี7แจ้งความรพ.กรุงไทย หมอฉีดยาเป็นเจ้าชายนิทรา เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 12 กุมภาพันธ์ นางลีนา จังจรรจา อดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พานางศิรนรัตน์ เทียมประเสริฐ อายุ 30 ปี และนายพัธรศักดิ์ เทียมประเสริฐ อายุ 27 ปี หรือ "ดีเจเก่ง" คลื่น 89.5 สวีตเอฟเอ็ม น้องชาย เข้าแจ้งความ ร.ต.ท.ณรงค์ชัย เอกฉันท์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับผู้อำนวยการโรงพยาบาล (ผอ.รพ.) กรุงไทย และแพทย์ผู้รักษาว่า ที่ ร.ต.นครินทร์ พรายมี อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่นโยบายและแผน 7 ว. สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สามีของนางศิรนรัตน์ จนมีอาการเป็นเจ้าชายนิทรา ในข้อหาร่วมกันกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายสาหัส นางศิรนรัตน์ให้การว่า สามีเกิดอาการปวดท้องเมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา จึงรีบพาไปรักษาที่ รพ.กรุงไทย อ.ปาดเกร็ด จ.นนทบุรี เนื่องจากใกล้บ้านพัก แต่เมื่อไปถึงกลับไม่พบแพทย์ กระทั่งสามีปวดท้องมากขึ้น จึงมีแพทย์โทรศัพท์มาสั่งพยาบาลนำยาแก้วปวดมาฉีดให้สามี 3 เข็มติดต่อกัน ต่อมาสามีมีอาการช็อคหมดสติคาเข็มและหัวใจหยุดเต้น กว่าแพทย์จะมาปั๊มหัวใจเป็นเวลานานนับสิบนาที เมื่อปั๊มหัวใจได้สามีไม่มีอาการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น นางศิรนรัตน์กล่าวต่อไปว่า รพ.กรุงไทยบอกให้นำเงินค่ารักษา 75,000 บาท ไปชำระก่อนถึงจะปล่อยตัวสามีไปรักษาต่อที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า แพทย์ตรวจอาการอย่างละเอียดพบว่าสามีมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด และสมองขาดออกซิเจนจนเป็นเจ้าชายนิทรา เมื่อสอบถามกลับไปที่ รพ.กรุงไทย ได้รับคำตอบว่ารักษาอย่างดีที่สุดแล้ว พร้อมกับปฏิเสธความรับผิดชอบ เมื่อบอกว่าจะร้องขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชน ทาง ผอ.รพ.กรุงไทยกลับบอกว่าเชิญเลยตามสบาย แถมยังสำทับมาว่า "รู้ไหมว่า รพ.นี้มี ส.ส.และ ส.ว.เป็นเจ้าของ" ด้านนางลีน่า จัง กล่าวว่า เบื้องต้นจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก รพ.กรุงไทย เป็นเงิน 20 ล้านบาท เนื่องจากผู้เสียหายมีภาระครอบครัว มีบุตรชาย 2 คน ที่ยังเล็ก และในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ จะพานางศิรนรัตน์ร้องทุกข์ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธารา ชินะกาญจน์ ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่ไปตรวจสอบแล้ว ทาง ผอ.รพ.ในฐานะผู้ร่วมวินิจฉัยโรค ชี้แจงเองว่าวินิจฉัยว่ามีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด จึงได้รักษาไปตามกระบวนการ และตามพยาธิสภาพ ตนจะนำข้อมูลส่งไปยังแพทยสภาตรวจสอบต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้โทรศัพท์ไปยัง รพ.กรุงไทยเพื่อขอสัมภาษณ์ผู้บริหาร แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่สามารถติดต่อผู้บริหารได้ http://breakingnews.quickze.com/readnews-48438-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%8B%E0%B8%B57%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%9E.%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2+%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%89%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2.html        หมอเค้าคงต้องการให้คนไข้ได้พักผ่อนมั๊งครับ จากคุณ : นายสีเสียด - [ 15 มี.ค. 52 11:22:22 ]

ความคิดเห็นที่ 63 พออ่านกระทู้นี้เสร็จก็ลองไปเสริซหาการตอบกระทู้ต่างๆของจขกท. ปรากฎว่ามีแต่คำต่าคนโน่น คนนี้ว่า โง่ ๆๆๆ  และมีคำอวยตัวเองว่าฉลาด ลูก หลาน ฉลาดจะได้ใช้ชีวิตในโลกนี้สบาย เพราะมีแต่คนโง่ๆ เฮ่อ...คนแก่โลกแคบ จากคุณ : ขาวฟู - [ 15 มี.ค. 52 13:46:20 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ^ ^ ^   รบกวนเอามาโชว์หน่อยครับ และช่วยยกเอาข้อความที่มีคนโต้ตอบกับผมก่อนที่ผมจะตอบแบบนั้นนะครับ   (เพราะผมคงไม่ได้พูดคนเดียวพูดเองเออเอง   คืออยากดูบทสนทนาว่าเค้าพูดอะไรมาก่อนผมถึงได้ตอบแบบนั้น) จากคุณ : นายสีเสียด - [ 15 มี.ค. 52 15:42:14 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ผมถามก่อน คุณสามารถรับผิดชอบการกระทำของคุณกับกรณีที่อาจจะเกิดขึ้น ใน คห. 42 ได้มั้ย ปล. มีลูกแล้วเหรอเนี่ย สงสารลูกหวะ จากคุณ : Mdiic~* - [ 15 มี.ค. 52 18:23:33 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ^ ^ ^ แต่เขาก็ทำให้ผมอารมณดี ยิ้มได้  ชอบสำนวนการเขียนของคุณจังเล คุณ : นายสีเสียด รออ่านต่อ  ข่าวผมไม่อ่านหรอก ลากยาวมาอ่านข้อความของคุณทีเดียว เหตุผลคุณคือต้องการสร้างรอยยิ้มของคนในห้องนี้  ครับ จากคุณ : Lamelez - [ 15 มี.ค. 52 18:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 67 โห...จขกท.ยังอุตส่าห์มีลูกมีเมียอีกเหรอคะ ..ไม่น่าเชื่อเนาะ เจอหมอเลวเยอะจริงๆ อีกหน่อยลงต้มยากินดูเองนะคะ จะได้ไม่เดือดร้อนหมอ จากคุณ : Bongiovi - [ 15 มี.ค. 52 21:37:51 ]

ความคิดเห็นที่ 68 พี่สีเสียดดูจะมีเวลาว่างมากนะครับ รบกวนทำอย่างนี้นะครับ ตั้งกระทู้แบบนี้ 1. เมดเลย์พระ (จะต่อจากกระทู้พระหลงป่าที่คุณสีเสียดตั้งไว้ก็ได้) 2. กระทู้เมดเลย์อาชีพอะไรสักอย่างที่คุณสีเสียดคิดว่า เป็นอาชีพที่ดี ผู้ประกอบวิชาชีพนั้นเต็มไปด้วยคุณธรรม เมตตาธรรม วจีกรรม กายกรรม เลิศเลอเพอร์เฟ็คท์ 3. กระทู้รวบรวมความดีที่คุณสีเสียดได้กระทำไว้ในชีวิตนี้ จะรออ่านนะครับ จากคุณ : หมอเถื่อน - [ 16 มี.ค. 52 07:42:35 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เดินริมถนนเจอแมวสีดำผ่านไป100ตัว แล้วมาสรุปว่า...แมวทั้งโลกมีสีดำ แน่ใจได้อย่างไรว่าคุณไม่ได้แกล้งทำมองไม่เห็นแมวสีขาวอีกหลายตัวที่ผ่านไป ถ้าเราเป็นคนที่เปิดตาเปิดใจมองโลก เราย่อมสามารถเห็นและเข้าใจได้ว่าทุกสาขาอาชีพจะมีคนดีคนเลวปะปนอยู่ทั้งสิ้น การที่คนๆหนึ่งมองเห็นแต่สิ่งเลวๆเพียงด้านเดียวเป็นเรื่องผิดปกติ แสดงให้เห็นมุมมองที่คับแคบ มีอคติ มุ่งที่จะโจมตีให้ร้ายโดยไม่รู้จักแยกแยะ มันจะต่างอะไรกับเด็กช่างกลที่รุมทำร้ายคนที่ไม่รู้จักเพียงเพราะเขาใส่เครื่องแบบของอีกสถาบันหนึ่ง คุณสีเสียดไม่เอะใจกับกระแสตอบรับของคนทั่วไปต่อทัศนคติของคุณบ้างเลยหรือครับ (หรือคิดว่าคนทั้งโลกมันโง่ ..คิดไม่เหมือนเรา) แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 52 13:22:35 จากคุณ : หวังดี (ลิงจุ่น) - [ 16 มี.ค. 52 11:19:20 ]

ความคิดเห็นที่ 70 สุดยอดเลยอ่า จขกท. สงสัยจะรักหมอมาก จากคุณ : บางนรา - [ 16 มี.ค. 52 14:36:49 ]

ความคิดเห็นที่ 71 จากคุณ : ZoRtA - [ 16 มี.ค. 52 17:47:45 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ช่วยทำกระทู้ หมอดี ด้วยนะครับ จะได้สมดุล... และไม่โดนด่า ปล.แต่ท่าทางว่าผมคนนึงล่ะที่น่าจะเบื่อกระทู้หมอดี :D (ได้ยินมาบ่อยเกินแล้วมันเลื่ยนน่ะ ::D) จากคุณ : yathorn - [ 16 มี.ค. 52 22:19:06 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เพิ่งลงมาจาก ward เหนื่อยสุดๆ แต่พออ่านกระทู้นี้แล้วไม่รู้ทำไมผมรู้สึกขำจัง คลายเครียดได้ดีจริงๆเลยนะเนี่ย จากคุณ : Abshit - [ 16 มี.ค. 52 22:35:58 ]

ความคิดเห็นที่ 74 รอมาอ่านต่อ เขียนต่อสิครับ นายสีเสียด จากคุณ : Lamelez - [ 16 มี.ค. 52 23:18:01 ]

ความคิดเห็นที่ 75 อ่านแล้วไม่มั่นใจว่า จขกท ต้องการให้คนอ่านหัวเราะเฉยๆ หรือต้องการประชดอะไรหรือเปล่า น่าสงสารพวกหมอจัง หมอดีๆมีเป็นพันเป็นหมื่น ไม่มีใครพูดถึง หมอที่อยู่ตามบ้านนอก ทำงานหนักทั้งวันทั้งคืน รับเงินเดือนแปดเก้าพัน กับเศษๆค่าเวร ไม่มีใครพูดถึงเลย เคยเห็นหมอคนนึงทางอีสาน รักษาจนคนไข้เอาส้มสูกลูกไม้ไปให้บ่อยมาก เพราะหมอดูแลดี ไม่เก็บเงินแพง บางรายนิดๆหน่อยๆหมอก็ไม่คิดตัง แต่ไม่มีใครเอามาตั้งกระทู้เลย จากคุณ : จอมยุทธสุดอึ๋มส์ - [ 17 มี.ค. 52 03:36:06 ]

ความคิดเห็นที่ 76 คุณลูกไก่ฯ คคห57ครับ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7531732/X7531732.html เพิ่มเติม http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7616424/X7616424.html คิดเอาเองนะครับ ไม่กล้าชี้นำ จขกท ในกระทู้เก่าบอกหมอไม่ดี แต่ในนี้บอกดี เออ คุณคิดอะไรกันแน่ครับ ตอบด้วย #52 คุณป่วย ทำไมคุณถึงพาไปหาหมอ ทำไมไม่ซื้อยากินเอง หรือถามหมอผีแถวบ้านครับ ตอบด้วย ในนี้ยังไม่มีใครบอกว่า หมอดีทุกคน หรือหมอเลวทุกคนครับ โดยเฉพาะกระทู้เก่านั้น ถ้าจขกท คิดเองก็คิดใหม่ซะนะ หรือไปเจอกระทู้ที่บอกว่าดีทุกคนก็บอกด้วย อยากเข้าไปอ่านจริงๆ จาก#52 อืม ตรงจริงๆ แค่ไม่ทำตัวให้เป็นภาระสังคม ไม่ถ่วงความเจริญ ประเทศก็เจริญแล้วครับ ป.ล. ผมมิอาจไปฟ้องว่าอาชีพนั้นเลว อาชีพนี้เลว ตราบเท่าที่ผมยังทำตัวไม่สมบูรณ์หรอกครับ สุดท้าย คือจขกท อยากจะบอกว่าหมอดีทั้งหมด หรือเลวทั้งหมด ว่างั้นเหอะ อ่ะ สมใจแล้วนะ แล้วไงต่อ???..แล้วพระละครับ ว่าไง เลวหมดหรือดีหมดเปล่า อยากรู้ ตอบด้วย จากคุณ : mohicann - [ 17 มี.ค. 52 23:40:22 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ไม่รู้จะมีใครมาอ่านต่อหรือเปล่า แต่ยังไงก็จะขอตอบนะครับ         คือผมกำลังจะบอกสังคมในนี้ว่า    คนที่เป็นหมอน่ะ  ก็คือ ปุถุชนคนหนึ่ง  ไม่ใช่เทพ  ไม่ใช่พระอรหันต์   ที่จะทำผิดไม่ได้   ซึงในความเป็นจริงแล้ว  คนเป็นหมอน่ะ  มีลักษณธอีโก้สูงกว่าคนในอาชีพอื่นด้วยซ้ำไป  (เหตุผลผมบอกไว้แล้ว)       แค่นี้แหละที่ผมต้องการจะสื่อ       ไม่ใช่ผมบอกว่าคนเป็นหมอต้องเลวทุกคน   ไม่ใช่ครับ  ผมไม่ได้คิดเช่นนั้น   หมอมีทั้งดีและเลว  เคล้าคละกันไปก็เหมือนทุกอาชีพที่มีทั้งคนดีคนเลว ปนๆกันไป        แต่คนในนี้ส่วนใหญ่  มีความเชื่อว่า  1.  หมอเป็นอาชีพที่จริยธรรม สูงกว่าอาชีพอื่น    2.   ถ้ามีข้อพิพาทกันสันนิษฐานไว้ก่อนว่าคนไข้เป็นฝ่ายผิด        ผมจึงแสดงให้เห็นว่า   ความเชื่อ 2ข้อนี้  ผิดครับ จากคุณ : นายสีเสียด - [ 18 มี.ค. 52 15:06:44 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เหตุที่คนเป็นหมอมีอีโก้สูงกว่าคนอื่น 1.  เป็นคนเรียนเก่งกว่าเพื่อนๆตั้งแต่เด็กๆแล้ว  ทำให้เชื่อมั่นในตนเองสูงว่าฉลาดกว่าคนอื่น 2.  ได้รับการพินอบพิเทาจากสังคม   เริ่มตั้งแต่ที่ทำงาน ในรพ. ตั้งแต่ยาม    คนเฝ้าประตู   พยาบาล  คนขับรถ ภารโรง คนไข้ คือทุกคนในรพ. ต้องพินอบพิเทา   หมอ  เปรียบเหมือน ปูชนียบุคคล  เหมือนเทพ 3.  เป็น1ในไม่กี่อาชีพที่ไม่ง้อลูกค้า     คือจำนวนแพทย์ต่อจำนวนคนไข้มันเกือบจะ1 ต่อ 10000     ดังนั้นคนไข้เป็นฝ่ายต้องง้อหมอ   (ส่วนนึงเพราะเห็นว่าชีวิตตนเองอยู่ในกำมือหมอ) 4.   คนไข้ที่ไปหาหมอทุกคน    พอเข้าไปหาปุ๊บ   100ทั้ง100 จะยกมือไหว้หมอก่อน  แม้ว่าตนเองจะวัยวุฒิมากกว่าก็ตาม      (  ทุกวันเข้าๆๆหมอก็เลยเคยตัวนึกว่าตนเองสูงส่งกว่าคนอื่น) 5.  สังคมยกย่องให้เกียรติหมอมากกว่าอาชีพอื่น  ( ดูง่ายๆจากการให้สินเชื่อ  ซื้อสินค้า   กู้แบ๊งค์  ทำบัตรเครดิต      อาชีพหมอจะได้รับความเชื่อถือมากกว่าอาชีพอื่นๆ  (  เพราะรายได้ดี   และงานมั่นคง กว่าอาชีพอื่นเค้าน่ะ  )           ทั้งหมดรวมๆกันจึงเกิดเป็นอีโก้ขึ้น  ซึ่งอีโก้น่ะมีกันทุกคน มากบ้างน้อยบ้าง   แล้วแต่สถานะภาพทางสังคม       อ่ะเพื่อให้เห็นง่ายๆ    นายพลคนนึง ตอนเป็นเด็กๆ เป็นเด็กวัดเรียนโรงเรียนวัด  ฐานะทางบ้านยากจน   คุณว่า  อีโก้สูงมั๊ย      ยัง  ยังครับ   ยังไม่สูง       แต่พอ  ไต่เต้าระดับชั้นขึ้นมาเรื่อยๆๆๆๆจากนายสิบเป็นนายร้อยเป็นนายพัน   จนเป็นนายพล  มีแต่คนพินอบพิเทาทั้งกรมทั้งกระทรวง   ทีนี้แหละครับ   อีโก้  สูงแล้วครับ      คืออีโก้น่ะขึ้นสูงหรือลงต่ำมันขึ้นกับสิ่งแวดล้อม  ครับ ไม่ใช่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด      ดังนั้นผมจึงบอกว่า คนเป็นหมอ อีโก้สูงกว่าอาชีพอื่น      อ่ะ คิดดูง่ายๆลองจินตนาการถึง   คนขับสามล้อถีบคนนึงซิครับ    นึกภาพออกรึยังครับ   เห็นไม๊  แบบนั้น ด้วยสถานะภาพทางสังคมเลยทำให้      อีโก้  ไม่สูงไงครับ     เข้าใจมั๊ยไม่รู้ จากคุณ : นายสีเสียด - [ 18 มี.ค. 52 15:38:12 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ผมเคยไปหาทันตแพทย์คนนึงเพื่อขูดหินปูน    หมอเป็นผู้หญิง(มาจากรากหญ้า)  ผมเข้าไปในห้องทำฟัน    ผมแค่กล่าวสวัสดี  โดยไม่ได้ยกมือไหว้เพราะผมเห็นว่าผมอายุมากกว่า  และผมเป็นผู้ชายด้วย       รู้สึกได้ทันทีเลยว่าหมอไม่ค่อยพอใจ สังเกตุจากน้ำเสียง   และก็จริงตามคาด   เพราะตอนรักษา หมอทำแบบกระแทกกระทั้น  คือรู้สึกได้เลยครับเพราะผมไม่ใช่เด็กๆและผมไม่โง่ด้วย             ผมจึงบอกไง หมอที่มาจากรากหญ้าอีโก้จะสูงกว่าหมอปกติ       (  คนที่ปกติไม่มีอำนาจวาสนา และค่อนข้างจะต่ำต้อยในสังคม อยู่ๆมาวันนึง มีสถานะภาพที่มีแต่คนพินอบพิเทาเอาอกเอาใจ กราบไหว้ ก็จะเกิดการหลงอำนาจบารมี   หยิ่งผยอง   เหมือนคนยากจนอยู่ๆเกิดถูกหวย10ล้าน เป็นเศรษฐีใหม่  ก็จะเกิดอาการหยิ่งผยอง ว่า  กรูซะล่ะ  )    ปล.  เดี๋ยวจะมีคนสงสัยว่ารู้ได้ไงว่าหมอมาจากรากหญ้า   ก็ผมดูจากผิวพรรณ   หน้าตาครับ   และผมไม่ได้ดูถูกอะไรทั้งสิ้น แค่กล่าวสวัสดีโดยไม่ได้ยกมือไหว้  เพราะผมเป็นผู้ชายและอายุมากกว่า    แต่หมอคนนี้คงเกิดการหลงบารมีที่คน  เข้าไปหาต้องยกมือไหว้ก่อน    พอมาเจอผมไม่ยกมือไหว้แกก่อน  ก็เลย  เกิดความขุ่นมัว ในใจ  แล้วมันมาออกอาการที่มือที่กำลังขูดหินปูนให้ผม   รวมทั้งน้ำเสียงที่พูดออกมาด้วยก็แสดงความขุ่นมัวด้วย  ปล.2    ไม่ต้องมาสันนิษฐานเลยว่าผมจะไปทำอะไรนอกจากนี้ที่ทำให้หมอท่านนี้ไม่พอใจ      เป็นคุณกำลังจะอ้าปากให้หมอทำฟันคุณอยากจะทำอะไรให้หมอฟันไม่พอใจมั๊ยล่ะ   ผมยืนยันเลยว่า แค่ผมไม่ยกมือไหว้ก่อน ประเด็นนี้ประเด็นเดียวเลยที่ทำให้หล่อนขุ่นมัว     (  ผม43   หล่อนน่าจะ30) จากคุณ : นายสีเสียด - [ 18 มี.ค. 52 15:58:45 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ระวังผลจากปฏิกิริยาสะท้อนกลับทางใจนะครับ คุณสีเสียด คุณยิ้มให้โลก โลกก็ยิ้มให้คุณ คุณยี้ให้โลกโลกก็ยี้ให้คุณ มันเป็นปฏิกิริยาอัติโนมัติ เหมือนๆกับ แสงสะท้อนสี ที่คุณเห็นสีแดง เพราะวัตถุมันไม่เอาสีแดงเลยสะท้อนกลับมา ใจคุณก็เช่นกัน นานเข้าอีโก้จะมีทั้งวัน จากคุณ : หลับตา - [ 18 มี.ค. 52 19:04:15 A:58.64.63.231 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ผมก็เชื่อเรื่อง Ego  มันจะถูกหักล้างด้วย Super Ego อีกทีนึงที่เราเรียกว่าศีลธรรมครับ  ซึ่งจะมีหักไปมากน้อยขึ้นอยู่กับบุคคลครับ ผมเป็นแฟนคลับกระทู้คุณคนนึงละ  ติดตามมาหลายกระทู้แล้ว ชอบ ฮาดี  ( แม้จะออกแนวตลกร้าย ) เป็นกำลังใจให้เขียนต่อครับ จากคุณ : Lamelez - [ 18 มี.ค. 52 19:14:30 ]

ความคิดเห็นที่ 82 http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7588534/X7588534.html#5 http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7591157/X7591157.html#22 มาแปะให้สำหรับ #63 ครับ ตอนแรกผมไม่รู้จักคุณสีเสียด พออ่านๆมาหลายๆกระทู้เริ่มเข้าใจแล้วครับ คุณสีเสียดมีความคิดดีครับ มองนอกกรอบ คิดในมุมที่แตกต่างจากคนอื่นได้เป็นเรื่องดีครับ ผมชอบ  แต่คุณสีเสียดติดตรงที่ไม่ยอมรับความคิดเห็นจากคนอื่นครับ   ที่คุณบอกคนนู่น คนนี่อีโก้สูง  ผมว่าลองมองกลับตัวเองก่อนจะดีที่สุดครับ ด้วยความนับถือ แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 52 02:19:36 จากคุณ : darkjunk - [ 19 มี.ค. 52 02:18:10 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เข้าใจ นายสีเสียด นะ ว่าตั้งกระทู้ เพื่อประชดหมอหลายๆคนที่ทำผิด แต่ถ้าคุณอยากประชด ก็น่าประชดไปที่ตัวหมออย่างเดียวพอ ไม่น่าต้องไปพาดพิงถึง ผู้เคราะห์ร้าย หรือผู้ถูกกระทำในข่าว และคำที่คุณใช้พาดพิงมันแรงมาก แม้กระทั่ง พูดกันเล่นๆในหมู่เพื่อนฝูง ก็แรงแล้ว แต่นี่คุณมาใช้คำพวกนี้ เหมือนซ้ำเติมผู้เคราะห์ร้าย ขออย่าให้ผู้เคราะห์ร้าย หรือญาติของเธอคนนี้ ได้มาอ่านข้อความของคุณเลย เราว่าคุณเล่นเกินขอบเขตเกินไป จากความคิดเห็นที่ 5 ==========  นี่ก็โดนใส่ความอีกรายครับ      คนเป็นหมอ รับรองไม่ทำเรื่องแบบนี้แน่นอน นังผู้หญิงคนนี้มันเลวมากที่มาใส่ความคนเป็นหมอ        ขอเชิญชวนชาวหว้ากอร่วมลงชื่อให้กำลังใจคุณหมอท่านนี้ และร่วมประนาม หญิงที่ใส่ร้ายหาว่าหมอขืนใจ       ถึงนางลี         นางลี แกนี่เลวมาก  ชีวิตแกทำไมไม่เจอหมอดีๆวะ ไปเจอหมอที่ชอบข่มขืนสงสัยชาติก่อนแกทำกรรมไว้มาก    โสน้าน่า อิอิ จากคุณ : HowtoMake ScannerDarkly teaser - [ 19 มี.ค. 52 22:43:14 ]

ความคิดเห็นที่ 84 อืม อีโก้สูงจริงๆ เชื่อแล้ว แต่จริงๆมันก็แค่ข้อมูลบอกกล่าวในเน็ท ตัวจริงก็อาจจะคนละโลกกับเน็ทก็ได้ (สักวันผมคงเจอ หมออีโก้สูงบ้าง กับตัวเอง ไม่รู้ชีวิตนี้จะเจอมั้ย) จากคุณ : mohicann - [ 23 มี.ค. 52 19:39:51 ]