ความคิดเห็นที่ 1 นี่คือผลของโปรแกรม จากคุณ : Geneticist - [ 14 มี.ค. 52 23:04:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ต่อครับ จากคุณ : Geneticist - [ 14 มี.ค. 52 23:04:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ต่ออีกครับครับ จากคุณ : Geneticist - [ 14 มี.ค. 52 23:06:17 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ใกล้แล้วครับ จากคุณ : Geneticist - [ 14 มี.ค. 52 23:08:29 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ชุดสุดท้าย จากคุณ : Geneticist - [ 14 มี.ค. 52 23:09:07 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตัวเลขใต้ภาพ คือ จำนวน loop ของโปรแกรม หรือคือ generation ของ วิวัฒนาการครับ natural selection ในที่นี้ คือรูปโมนาลิซ่าต้นฉบับที่เอามาเทียบครับ จากคุณ : Geneticist - [ 14 มี.ค. 52 23:12:04 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แปลส่วนที่เป็นภาษาen ฉันสร้างโปรแกรมเล็กๆที่ช่วยให้สตริงของดีเอ็นเอการแสดงผลสำหรับรูปเหลี่ยม. ขั้นตอนของโปรแกรมค่อนข้างง่าย: 0) ตั้งค่าเป็นสตริงสุ่มดีเอ็นเอ (เริ่มต้นแอปพลิเคชัน) 1) คัดลอกปัจจุบันลำดับดีเอ็นเอและมันกลายพันธุ์เล็กน้อย 2) ใช้ใหม่ดีเอ็นเอเพื่อแสดงบน polygons ที่ผ้าใบ 3) เปรียบเทียบผ้าใบไปยังรูปภาพต้นฉบับ 4) ถ้าใหม่จิตรกรรมลักษณะเพิ่มเติมเช่นแหล่งภาพกว่าจิตรกรรมได้แล้วแทนที่ปัจจุบันดีเอ็นเอกับดีเอ็นเอใหม่ 5) ทำซ้ำจาก 1 คุณทาสีที่จำลองของ Mona Lisa ใช้เพียง 50 กึ่งโปร่งใส polygons? จากคุณ : Lamelez - [ 14 มี.ค. 52 23:29:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คือผมยังไม่ค่อยเข้าใจนะครับ มันมีต้นแบบซึ่งก็คือ Monalisa นี่ครับ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 14 มี.ค. 52 23:48:44 A:124.120.217.68 X: TicketID:207007 ]

ความคิดเห็นที่ 9 #7 เ่อ่อ ขอโทษนะครับ google translate ใช่ไหมครับ จากคุณ : Chordate - [ 14 มี.ค. 52 23:52:00 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คห. 8 ก็เหมือนกับว่าหน้าตาสิ่งมีชีวิตออกมาแบบไหนดีไงครับ  มันมีสภาพ "สุดยอดเพอร์เฟค" สำหรับ "สิ่งแวดล้อมหนึ่งๆ" อยู่แล้ว เหมือนกับว่าเป็นเป้าหมาย โดยปกติแล้วเราจะเห็นคนเอา  GA มายกตัวอย่างการวิวัฒนาการว่า "ไม่ใช่สุ่มมั่วแบบไร้ทิศทาง" น่ะครับ แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 52 00:03:36 จากคุณ : Munch - [ 15 มี.ค. 52 00:01:44 ]

ความคิดเห็นที่ 11 #8 เหมือนโมนาลิซ่า = อยู่รอด ไม่เหมือน = ตาย จากคุณ : ชาลีฟ - [ 15 มี.ค. 52 00:05:16 ]

ความคิดเห็นที่ 12 "มันมีสภาพ "สุดยอดเพอร์เฟค" สำหรับ "สิ่งแวดล้อมหนึ่งๆ" อยู่แล้ว" ตรงนี้มันตอบคำถามได้ทั้งสองแนวเลยครับ ทั้งด้านวิวัฒนาการ และขั้วตรงข้าม จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 15 มี.ค. 52 00:06:21 A:192.168.0.17 X:124.120.217.68 TicketID:207007 ]

ความคิดเห็นที่ 13 GA นี่น่าสนใจนะครับ  เพื่อนผมทำอยู่เหมือนกัน หาสารที่มาจับ RNA tra.. อะไรซักอย่างใน aids แปล ผมได้เขียนโปรแกรมที่เก็บ DNA (ผมคิดว่าน่าจะหมายถึง chromosome นะ ใน GA คำว่า chromosome คือข้อมูลที่น่าจะเป็นคำตอบ) เป็น polygon สำหรับวาดภาพ I created a small program that keeps a string of DNA for polygon rendering. โดยขั้นตอนของโปรแกรมก็ง่ายๆ The procedure of the program is quite simple: 0) random DNA ขึ้นมา 0) Setup a random DNA string  (application start) 1) ก้อบปี้ DNA นั้นแล้วทำการ mutate ( random ข้อมูลให้เปลี่ยนจากเดิมเล็กน้อย) 1) Copy the current DNA sequence and mutate it slightly 2) วาดรูปขึ้นมาโดยใช้ข้อมูลจาก DNA 2) Use the new DNA to render polygons onto a canvas 3) เทียบกับภาพ (ในที่นี้จะเป็นภาพอะไรก็ได้ แต่ตัวอย่างเป็นโมนาลิซ่า 3) Compare the canvas to the source image 4) ถ้าเหมือนภาพตัวอย่างมากกว่าเดิมให้ ใช้ DNA ใหม่  ถ้าไม่ ก็ใช้ DNA เก่า 4) If the new painting looks more like the source image than the previous painting did, then overwrite the current DNA with the new DNA 5) ทำซ้ำ 5) repeat from 1 เป็นคุณ คุณจะเขียนภาพโมนาลิซ่าโดยใช้โพลิกอนห้าสิบอันได้หรือไม่ ? Could you paint a replica of the Mona Lisa using only 50 semi transparent polygons? จากคุณ : Munch - [ 15 มี.ค. 52 00:09:22 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คห. 12 อธิบายอีกนิดได้มั้ยครับ คุณอธิบายด้านตรงข้ามละกัน จากคุณ : Munch - [ 15 มี.ค. 52 00:09:57 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าไม่มีอะไรเป็นต้นแบบ แล้วก็สุ่มล่ะ? มันจะเป็นโมนาลิซ่าได้หรือไม่ ในเมื่อมีเป้าหมาย แล้วสุ่มให้เหมือน ผมจึงมองที่เป้าหมาย สรุป... ลีโอนาโด้ ดาวินชี่ วาดโมนาลิซ่าได้สวยงามจริง ๆ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 15 มี.ค. 52 00:16:47 A:124.120.217.68 X: TicketID:207007 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คห. 15 ก็ใช่ไงครับ โดยปกติแล้วฝั่ง inteligence design จะบอกว่าลักษณะที่ซับซ้อนนั้น ไม่สามารถเกิดได้จากการสุ่มครับ แต่ตัวอย่างอันนี้ไว้ใช้แย้งครับ ถ้าเทียบกับธรรมชาติแล้ว ก็เหมือนกับว่าสิ่งมีชีวิตพยายามปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม (เหมือนกับโพลีกอนปรับตัวให้เข้ากับโมนาลิซ่า) มากที่สุดครับ ตัวอย่างการแปลงร่างที่เห็นได้ชัดคือพืชผักที่กินกันในปัจจุบันครับ.  ลอง search หา wild banana สิครับ  แล้วเทียบกับกล้วยที่เราเลี้ยงดู จากคุณ : Munch - [ 15 มี.ค. 52 00:28:48 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ที่มองได้สองขั้วคือ มันมีอีกแขนงที่ว่า natural selection ก็คือหนึ่งในกระบวนการสร้างสิ่งมีชีวิตน่ะครับ กำหนดสิ่งแวดล้อมก่อน แล้วสร้างชีวิต จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 15 มี.ค. 52 00:38:18 A:124.120.217.68 X: TicketID:207007 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อาจแย้งได้ว่า "อัลกอริทึ่มไม่สุ่มนิ ถูกออกแบบไว้" ลองเอาชุดคำสั่งเท่าที่มีมาสุ่มด้วยสิ จากคุณ : ksk - [ 15 มี.ค. 52 00:39:50 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้ามีสิ่งที่ออกแบบและกำหนดกฎเกณฑ์ธรรมชาติ มันก็ไม่ได้ขัดอะไรกับทฤษฎีวิวัฒนาการหรือเรื่องผู้สร้างหรอกครับ แต่ที่มีปัญหาคือมันไปขัดคัมภีร์ของบางศาสนา จากคุณ : silverspider - [ 15 มี.ค. 52 02:22:27 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณ ksk ผมบอกแล้วบอกอีกว่า วิัวัฒนาการไม่สุ่มนะครับ mutation สุ่ม ซึ่ง คือข้อ 1 และ 2 selection ไม่สุ่ม ในที่นี้ เป้าหมายคือ ให้เหมือนรูปโมนาลิซ่าเดิม ซึ่งคือข้อ 3 และ 4 Algorithm ซึ่งเปรียบได้กับกระบวนการวิวัฒนาการถูกสุ่มไม่ได้ เพราะ ถ้า มีแต่การสุ่มมั่ว เราคงพยากรณ์อะไรไม่ได้ และดาร์วินคงไม่สามารถเขียน ทฤษฎีนี้ได้ แต่เพราะวิวัฒนาการมันมีขั้นตอนแบบแผนคล้ายๆ โปรแกรมข้างบน ดาร์วิน และวอลเลซจึงสังเกตุเห็นแบบแผนไงครับ ถึงได้เกิดทฤษฎี วิวัฒนาการขึ้นมา ถ้าแอปเปิ้ลตกลงพื้นด้วยความเร่งเท่าไหร่ก็ำได้ หรือแม้กระทั่งลอยขึ้นจนหลุดออก จากบรรยกาศโลกด้วยความเร็วเท่าไหร่ก็ได้ ค่าต่างๆ สุ่มเอา นิวตันก็คงไม่ค้นพบ ทฤษฎีแรงโน้มถ่วงหลอกครับ แม้แต่กลศาสตร์ควอนตัม จะดูเหมือนสุ่มแต่ก็ยังมีแบบแผนที่อธิบายได้ด้วยความน่าจะเป็น แต่ถ้าคุณยอมรับว่า Algorithm นี้ถูกออกแบบไว้ เหมือนวิวัฒนาการ ถูกออกแบบไว้ คุณเข้าข่าย Theist evolutionist ครับ เหมือน pope และ คาธอลิกส่วนใหญ่ จากคุณ : Geneticist - [ 15 มี.ค. 52 02:31:53 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมว่าอัลกอรึธึมที่เค้าแสดงยังไม่ค่อยดีหากสนใจพัฒนาให้ดี เพราะขาดความต่อเนื่อง และอื่นๆ ที่อาจนำมาพิจารณาร่วม เคยเห็นในหนัง เค้าทำได้ราบลื่นมาก แต่หากมองเป็นเอฟเฟกกราฟฟิกก็พอได้ อัลกอรึธึมที่ช่วยโพสต์มา จากคุณ : kongp (kongp) - [ 15 มี.ค. 52 03:49:11 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เข้ามางงครับ จากคุณ : คนที่ 9 นับจากทางซ้าย - [ 15 มี.ค. 52 06:07:22 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คห. 21 อันที่เจ้าของกระทู้แสดงเป็นแบบง่ายครับ คือประมาณว่าง่ายๆแค่นี้ยังทำได้ขนาดนี้ แต่ถ้าเรื่องประยุกต์ใช้งานนี่ ลองหาหนังสือพวก Evolutionary computation หรือไม่ก็เปเปอร์ใน ieee ดูครับ ถ้าอยากดูแบบใหม่ล่าสุด... จากคุณ : Munch - [ 15 มี.ค. 52 09:46:32 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แต่ถ้าคุณยอมรับว่า Algorithm นี้ถูกออกแบบไว้ เหมือนวิวัฒนาการ ถูกออกแบบไว้ คุณเข้าข่าย Theist evolutionist ครับ เหมือน pope และ คาธอลิกส่วนใหญ่ ผมแค่เห็นว่า "มันถูกออกแบบ" น่ะครับ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความมีวัตถุประสงค์ และผู้อยู่เบื้องหลัง ไม่ยังมองไม่เห็นว่าจะตีความให้สนับสนุน "การดำเนินไปเองโดยไม่มีผู้ออกแบบ" ได้อย่างไร จากคุณ : ksk - [ 15 มี.ค. 52 16:52:35 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ^ หมายความว่าการวิวัฒนาการมีคนออกแบบใช่รึเปล่าครับ   ก็ไม่็เห็นเป็นไรนี่ครับ  นักวิทยาศาสตร์หลายท่าน (ผมด้วย)  เชื่อว่าการวิวัฒนาการเป็นระบบที่สร้างขึ้นมา ตัวอย่างนี้แค่แสดงให้เห็นเฉยๆว่าการวิวัฒนาการเล็กๆน้อยๆ แบบมีทิศทางจะทำให้เกิดสิ่งใหญ่ๆได้ถ้าผ่านไปหลายรุ่น เพราะว่าหลายคนเหลือเกินอยากจะเห็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวกลายเป็นช้างภายในสิบปี...  ก็บอกแล้วว่ามัน ม่ายยยช่ายยย จากคุณ : Munch - [ 15 มี.ค. 52 17:40:07 ]

ความคิดเห็นที่ 26 #24 พวก evolutionist มี 2 แบบคือ Naturalist กับ Theist ครับ ฝ่าย Theist นี่เชื่อว่าพระเจ้าได้ออกแบบแนวทางวิวัฒนาการ ส่วน Naturalist อันนี้มีทั้งผู้ที่เชื่องในพระเจ้าและไม่เชื่อในพระเจ้านะครับ ผู้ที่เชื่อในพระเจ้านั้นเชื่อว่าพระเจ้าไม่มีส่วนยุ่งเกี่ยวในขั้นตอนวิวัฒนาการ แบบว่าออกแบบธรรมชาติเสร็จแล้วก็ไปนอนตีพุงหรือไปทำธุระอย่างอื่นได้ แต่ธรรมชาติที่ถูกออกแบบนั้นได้มาออกแบบแนวทางวิวัฒนาการอีกที เหมือนกับรถยนต์นี่มนุษย์ออกแบบหรือพระเจ้าออกแบบล่ะ จากคุณ : silverspider - [ 15 มี.ค. 52 19:10:49 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เจ๋งดีอ่ะ แต่น่ากลัวจัง โปรแกรมพวกนี้ถ้าก้าวหน้า วันนึงมันอาจจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตขึ้นมามั๊ยอ่ะ แล้วอีกหน่อยจะมีสิ่งมีชีวิตอิเลคโทรนิก อาศัยอยู่ในโลกอินเตอร์เนทมั๊ยเนี่ย ขึ้นชื่อว่าสิ่งมีชีวิต สิ่งสำคัญยิ่งยวดน่าจะเป็นการ มีชีวิต แล้วแนวทางการมีชีวิตอยู่ได้ของสิ่งมีชีวิตก้อไม่จำเพาะ เช่นสัตว์-พืช แล้วถ้า สิ่งมีชีวิตอิเลคโทรนิก เกิดขึ้นมา คนจะกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า พระเจ้าของสิ่งมีชีวิตอิเลคโทรนิก มั๊ยอ่ะ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า เราไม่ใช่สิ่งมีชีวิต(เล็กๆ)บางชนิดที่บังเอิญเกิดขึ้นมาจากการไหลอยู่ในข้อมูลจำนวนมหาศาล ที่เกิดขึ้นมาจากอะไรบางอย่าง(ที่น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน) ปวดหัวจัง จากคุณ : อุนทามะ - [ 16 มี.ค. 52 01:25:53 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แต่ธรรมชาติที่ถูกออกแบบนั้นได้มาออกแบบแนวทางวิวัฒนาการอีกที เหมือนกับรถยนต์นี่มนุษย์ออกแบบหรือพระเจ้าออกแบบล่ะ อันนี้ไม่มีความเห็นแย้งครับ ผมเคยบอกแล้วว่าผู้เชื่อในพระเจ้า ไม่ได้หัวชนฝา ขนาดบอกว่า วิวัฒนาการไม่มีอยู่จริง แต่เราเรียกกระบวนการนั้นว่า "การปรับตัว" และบอกว่า "มันมีขอบเขต" ซึ่งขอบเขตนี้ "แคบกว่า" ที่นักนิยมวิวัฒนาการกำลังนำเสนอ แบบนั้นครับ จากคุณ : ksk - [ 16 มี.ค. 52 09:47:55 ]

ความคิดเห็นที่ 29 #12 แต่เพราะ สิ่งแวดล้อมมันไม่เคยนิ่งไงครับ เลยไม่เคยหยุดที่จะเปลี่ยน จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 16 มี.ค. 52 09:57:17 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ ksk อะไรคือสิ่งที่กำหนด"ขอบเขต"ครับ บอกผมมาด้วย 1) ถ้าขอบเขตคือการห้ามเกิด Species ใหม่ (ซึ่ง Species ที่ต่างกันผสมพันธุ์ไม่ได้ หรือมีลูกหลานเป็นหมัน) นักวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่มี ลองไปหาคำว่า Speciation genes ดู 2) ถ้าคุณคิดว่า ลักษณะต่างๆ มีจำกัด ลองไปดูสุนัขสิครับ ชิวาว่า หรือเซนต์เบอร์นาดเป็นชนิดเดียวกัน สืบเชื้อสายมาจากสุนัขป่ากลุ่มเดียวกัน 3) การตัดต่อพันธุกรรมได้ แสดงว่า ไม่มีกลไกทางพันธุกรรมใดๆ ที่จำกัดขอบเขตของวิวัฒนาการ เราสามารถนำยีนจากชนิดหนึ่งไปใส่อีกชนิดได้ เราสามารถทำ ให้หนูเรืองแสงได้โดยใช้ยีนจากแมงกระพรุน คุณอาจจะคิดว่าเรื่องนี้มนุษย์เท่านั้นที่ทำได้ แต่กลไกทางธรรมชาติที่ตัดต่อยีนจาก species ไปอีก species มีอยู่ครับ แม้จะเกิดไม่บ่อย และสุ่ม เหมือน mutation เช่น  กระบวนการ transduction จากคุณ : Geneticist - [ 16 มี.ค. 52 10:21:49 ]

ความคิดเห็นที่ 31 #28 เราเรียกกระบวนการนั้นว่า "การปรับตัว" และบอกว่า "มันมีขอบเขต" นั้นมันเฉพาะพวกคุณเรียกไม่ใช่หรือครับ จะมาเหมาหมดก้คงไม่ถูกต้องนักนะครับ เพราะหลายคนไม่ได้เรียกว่า "การปรับตัว" อย่างที่คุณเรียกแต่เรียกว่า "วิวัฒนาการ" เลยครับ การปรับตัวเป็นแค่ส่วนหนึ่งของกระบวนการวิวัฒนาการเท่านั้น  อีกทั้งขอบเขตแต่ละคนก็ไม่เท่ากันอีก ที่บอกว่าขอบเขตนี้ "แคบกว่า" ที่นักนิยมวิวัฒนาการกำลังนำเสนอ ก็ต้องถามอีกว่านักนิยมวิวัฒนาการพวกไหน แต่ที่แน่ ๆ นักนิยมวิวัฒนาการที่เชื่อในพระเจ้ามีมากกว่าที่ไม่เชื่อในพระเจ้านะครับ จากคุณ : silverspider - [ 16 มี.ค. 52 10:26:21 ]

ความคิดเห็นที่ 32 #30 เรื่องตัดต่อยีนจากชนิดหนึ่งไปยังอีกชนิดหนึ่งนี่ก็มีกรณีทากทะเลที่มียีนของพืชนี่สิ ไม่รู้ใครไปตัดต่อไว้ เหมือนกรณีของมนุษย์ที่ไม่รู้ใครตัดต่อเอายีนของไวรัสมายัดใส่ไว้ ส่วนเรื่องชิวาว่ากับเซนต์เบอร์นาดนี่ผมก็อยากเห็นมันผสมพันธุ์กันนะ แต่ไม่เคยเห็นสักทีทั้ง ๆ ที่เป็นชนิดเดียวกันนะนั่น ใครมีคลิปช่วยเอามาโพสหน่อยก็ดี จากคุณ : silverspider - [ 16 มี.ค. 52 10:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 33 1) Horizontal gene transfer ของทากทะเลผมไม่รู้ว่าเกิดได้อย่างไร ทำไมถึงไม่เจอในสัตว์ชนิดอื่นๆ คนที่ค้นพบยังตอบไม่ได้ แต่เรื่องนี้เพิ่งได้ตีพิมพ์ไม่ถึงครึ่งปีเลยครับ ผมว่าต่อไปคงเจอว่ามันเข้าไปได้อย่างไร 2) ของคนนี้ง่ายกว่ามากๆ คุณคงรู้จัก HIV นะ ไวรัสพวกนี้จำเป็นต้องเอา DNA ของตัวเองตัดต่อใส่เข้าไปใน DNA ของคนก่อนที่จะสร้างไวรัสใหม่ได้ ซึ่ง HIV เป็นหนึ่งใน Retrovirus มากมายที่ทำเช่นเดียวกันได้ 3) ชิวาว่า เซนต์เบอร์นาดคงสืบพันธุ์แบบปกติไม่ได้ครับ เำหมือนผู้ชายสูงที่สุดในโลกคงไม่สามารถมีลูกกับผู้หญิงที่เตี้ยที่สุด แต่ก็ยังนับว่าเป็น species เดียวกันอยู่เพราะ ไข่กับอสุจิยังปฏิสนธิได้ แต่ถ้ามีใครเอาชิวาว่าไปเลี้ยงต่างหาก ไม่ให้มีโอกาสผสมพันธุ์กับสุนัขพันธุ์อื่นๆ เป็นเวลาร้ิอยปีพันปี ก็อาจจะเกิดสปีชี่ส์ใหม่ได้ เหมือนสุนัขบ้านที่แยกจากสุนัขป่า เมื่อหลายหมื่นปีก่อน จากคุณ : Geneticist - [ 16 มี.ค. 52 11:22:23 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เรียนคุณ Geneticist เรื่อง "ขอบเขต" นั้นคืออะไร ผมเองคงไม่มีความสามารถที่จะให้คำจำกัดความครับ ส่วนเรื่องที่แนะนำมานั้น ขอบคุณครับ ผมจะไปลองอ่านดู การตัดต่อพันธุกรรมได้ แสดงว่า ไม่มีกลไกทางพันธุกรรมใดๆ ที่จำกัดขอบเขตของวิวัฒนาการ "การตัดต่อพันธุกรรม" น่าจะสื่อได้ว่า ไม่ใช่กระบวนการที่เกิดขึ้นด้วยตัวเองหรือเปล่าครับ เรียนคุณ silverspider นั้นมันเฉพาะพวกคุณเรียกไม่ใช่หรือครับ จะมาเหมาหมดก้คงไม่ถูกต้องนักนะครับ เพราะหลายคนไม่ได้เรียกว่า "การปรับตัว" อย่างที่คุณเรียกแต่เรียกว่า "วิวัฒนาการ" เลยครับ จะบอกว่าเป็นการเรียกของผมเองก็ได้ครับ แต่ที่แน่ ๆ นักนิยมวิวัฒนาการที่เชื่อในพระเจ้ามีมากกว่าที่ไม่เชื่อในพระเจ้านะครับ อืม... เพิ่งรู้ครับ คิดว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ไม่ยอมรับการมีอยู่ของพระเจ้าเสียอีก จากคุณ : ksk - [ 16 มี.ค. 52 11:54:43 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ^ ^ เกิดเองได้ครับ ตัวอย่างคือ ไวรัสโรคเอดส์ hiv ที่ผมอธิบายข้างบน จากคุณ : Geneticist - [ 16 มี.ค. 52 12:30:44 ]

ความคิดเห็นที่ 36 #33 ถ้าเหตุผลที่นับเป็นชนิดเดียวกันอยู่เพียงเพราะว่าไข่กับอสุจิยังปฏิสนธิได้อันนี้คงต้องมีการยุบรวมชนิดของสัตว์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันแล้วล่ะครับ จริง ๆ มันเพราะมนุษย์เพาะพันธุ์ขึ้นไม่ใช่หรือครับ พวกสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์ทดลองแล้วเกิด incipient species ก็ไม่เห็นจะตั้งชื่อชนิดใหม่กัน จากคุณ : silverspider - [ 16 มี.ค. 52 13:33:08 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ความคิดเห็นที่ 29 #12 แต่เพราะ สิ่งแวดล้อมมันไม่เคยนิ่งไงครับ เลยไม่เคยหยุดที่จะเปลี่ยน จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน ******************************* ผมไม่ได้บอกว่าสิ่งแวดล้อมถูกกำหนดให้นิ่งนี่ครับ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 16 มี.ค. 52 13:34:58 A:119.63.85.82 X: TicketID:207007 ]

ความคิดเห็นที่ 38 คุณ silverspider จริงๆ ผมขี้เกียจอธิบาย จึงตัดปัญหาแค่ไข่อสุจิผสมกันได้ แต่เมื่อต้องการให้อธิบายละเอียดขึ้น ชิวาว่า กับ เซนต์เบอร์นาด เป็นสปีชี่ส์เดียวกันอยู่ครับ แม้อาจจะยังเป็น  incipient species และไม่ได้ผิด Definition of species ด้วย เพราะอะไรเหรอครับ สมมติว่ามีสุนัขพันธุ์ A ถึง Z โดยที่ A ใหญ่กว่าชิวาว่านิดนึง และ Z เล็กกว่า เซนต์เบอร์นาด นิดนึง และผสมกันได้ ชิวาว่า ผสมกับ A B C D E ได้ แต่ M อาจตัวใหญ่ไป เซนต์เบอร์นาด ผสม U V W X Y ได้ แต่ M อาจจะตัวเล็กไป แต่ E และ U ผสม M ได้ ดังนั้น Gene Pool ของ ชิวาว่า กับ เซนต์เบอร์นาด ยังรวมอยู่ในประชากรเดียวกันอยู่ แม้ผสมพันธุ์โดยตรงไม่ได้ แต่คำว่า Species เนี่ยสร้างความปวดหัวให้นักวิทยาศาสตร์มากนะครับ เพราะ เป็นสิ่งที่มนุษย์พยายามบันญัติ เพื่ออธิบายธรรมชาติ แต่ในธรรมชาติ Species มัันไม่ได้แยกกันอย่างสมบูรณ์แบบขนาดนั้นเสมอไป โดยเฉพาะพวกพืช ผมจำได้ตอนเรียน bio ตัวแรกๆ มีการกล่าวถึงกรณีหนูสองชนิดที่ผสมพันธุ์กันไม่ได้ เลยแยกเป็นสองสปีชี่ส์ แต่ดันมีหนูอีกกลุ่มที่ผสมพันธุ์ได้ทั้งสองสปีชีส์เป็นตัวเชื่อมกลางอยู่ คือ A ผสม C ไม่ได้ แต่ A ผสม B และ B ผสม C ได้ เลยทำให้เกิดกรณีถกเถียงกันว่าควรแบ่งเป็นสองสปีชี่ส์หรือไม่ (ถ้าจำไม่ผิดรายละเอียดอยู่ในหนังสือชีวะ ของ Campbell ) แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 52 22:33:02 จากคุณ : Geneticist - [ 16 มี.ค. 52 22:31:17 ]

ความคิดเห็นที่ 39 #38 มันก็เรื่องการแบ่งของแต่ล่ะคนว่าตรงจุดนี้ของสายวิวัฒนาการควรจะเป็นลำดับขั้นไหน เพราะที่คุณอธิบายมามันก็เรื่องวงเวียนประชากรทำให้มีปัญหาในการตัดสินชนิดบนพื้นฐานกลไกการป้องกันการสืบพันธุืข้าม สัตว์หลายชนิดโดนแบ่งเป็นคนละชนิดเพียงเพราะลักษณะทางสัณฐานวิทยาและถิ่นอาศัยต่างกันแต่พอจับมาผสมมันก็ผสมกันได้ หรือเกณฑ์การตัดสินของแต่ละคนว่าควรให้อยู่แค่ระดับ cline subspecies หรือ species มาตรฐานแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีก เรื่องการแบ่งชนิดมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของผู้ที่ใช้ทฤษฎีวิวัฒนาการหรอกครับ จะชนิดกันหรือต่างชนิดกันมันก็มีบรรพบุรุษร่วมกันอยู่ดี จะจับย้ายสัตว์ตัวนี้ไปไว้วงศ์นั้นวงศ์นี้ หรือสกุลนั้นสสกุลนี้ก็ไม่มีปัญหากับเรื่องวิวัฒนาการแต่อย่างไร แต่มันจะเกิดปัญหากับผู้ที่เชื่อว่าชนิดนั้นคงที่และสมบูรณ์ไม่เปลี่ยนแปลง อย่างสัตว์ที่ลินเนียสตั้งชื่อให้นี่ก็มีการเปลี่ยนชื่อชนิดหรือสกุลมากมาย แต่เรื่องพืชนี่คงต้องยกให้เขาเลย หรือสัตว์บางตัวที่มีการย้ายหรือเปลี่ยนลำดับขั้นทางอนุกรมธานทีก็มีคนสะดุ้งเฮือกที แค่จับใส่ใน Tribe Hominini นี่ก็รับไม่ได้กันแล้ว  ตอนนี้ยังดีที่นานทีจะเห้นคนที่จัดสัตว์ตัวนี้อยู่ในสกุล Homo จากคุณ : silverspider - [ 17 มี.ค. 52 04:53:35 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณสำหรับความรู้ใน คคห 38 39 ครับ จากคุณ : ksk - [ 17 มี.ค. 52 10:10:17 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เกิดเองได้ครับ ตัวอย่างคือ ไวรัสโรคเอดส์ hiv ที่ผมอธิบายข้างบน คุณ Gen ครับ ไม่ทราบว่า กรณีประมาณตัวอย่างนั้น ส่งผลในทางดีต่อ host บ้างหรือไม่ หรือส่งผลร้ายมากกว่า จากคุณ : ksk - [ 17 มี.ค. 52 10:11:47 ]