Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    อธิบายอาเทศนาปาฏิหาริย์ของพุทธด้วยวิทยาศาสตร์

    ****ผมยังโพสกระทู้ไม่จบโดนไฟแดงซะแล้ว ขอความกรุณาผีไฟแดงทั้งหลายอ่านให้จบก่อนกดลบนะครับ กระทู้ว่ากันด้วยวิทยาศาสตร์ ไม่เกี่ยวกับเรื่องลึกลับ หรือศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น*****

    เกริ่นเรื่อง

    1) ก่อนอื่นผมขอบอกก่อนว่าตั้งใจให้กระทู้นี้อยู่ในหมวดวิทย์ ไม่ใช่เรื่องลึกลับครับ เพราะสิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์
    แม้อาจจะเกี่ยวกับจิตวิทยาบ้าง แต่ก็ยังถือเป็นแขนงหนึ่งของวิทยาศาสตร์

    2) อาเทศนาปาฏิหาริย์คืออะไร แปลง่ายๆ คือการล่วงรู้จิตใจผู้อื่นครับ

    ถ้าขยายความละเอียดขึ้นตามพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๓ ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค
    _______________________________________________

    [๗๒๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อาเทศนาปาฏิหาริย์เป็นไฉน ฯ
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ ย่อมทายใจได้ตามเหตุ
    ที่กำหนดว่า ใจของท่านเป็นอย่างนี้ ใจของท่านเป็นประการนี้ จิตของท่าน
    เป็นดังนี้ ถึงแม้ภิกษุนั้นจะทายใจเป็นอันมาก การทายใจนั้นก็คงเป็นอย่างนั้น
    ไม่เป็นอย่างอื่น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ ไม่ทายใจ
    ตามเหตุที่กำหนดเลย แต่เมื่อได้ฟังเสียงของมนุษย์ก็ดี ของอมนุษย์ก็ดี หรือ
    ของเทวดาก็ดี ก็ทายใจได้ว่า ใจของท่านเป็นอย่างนี้ ใจของท่านเป็นประการนี้
    จิตของท่านเป็นดังนี้ ถึงแม้ภิกษุนั้นจะทายใจเป็นอันมาก การทายใจนั้นก็คง
    เป็นอย่างนั้น ไม่เป็นอย่างอื่น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้
    ไม่ทายใจตามเหตุที่กำหนดเลย และหาได้ฟังเสียงของมนุษย์ ของอมนุษย์ หรือ
    ของเทวดาแล้วทายใจไม่ แต่เมื่อได้ฟังเสียงตรึกตรองของผู้กำลังตรึกตรองอยู่ ก็ทาย
    ใจได้ว่า ใจของท่านเป็นอย่างนี้ ใจของท่านเป็นประการนี้ จิตของท่านเป็นดังนี้
    ถึงแม้ภิกษุนั้นจะทายใจเป็นอันมาก การทายใจนั้นก็คงเป็นอย่างนั้น ไม่เป็นอย่างอื่น
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ ไม่ทายใจตามเหตุที่กำหนดเลย
    หาได้ฟังเสียงของมนุษย์ ของอมนุษย์ หรือของเทวดาแล้วทายใจไม่ และหา
    ได้ฟังเสียงตรึกตรองของผู้กำลังตรึกตรองแล้วทายใจไม่ แต่เมื่อกำหนดใจของ
    ผู้เข้าสมาธิอันไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร ด้วยใจของตนแล้วก็รู้ได้ว่า ท่านผู้นี้ตั้งมโน
    สังขารไว้อย่างใด ก็จักตรึกถึงวิตกชื่อโน้นในระหว่างจิตนี้อย่างนั้น ถึงแม้ภิกษุนั้น
    จะทายใจเป็นอันมาก การทายใจนั้นก็คงเป็นอย่างนั้น ไม่เป็นอย่างอื่น ดูกรภิกษุ
    ทั้งหลาย นี้เรียกว่าอาเทศนาปาฏิหาริย์ ฯ
    ________________________________________________

    3) กระทู้ถือว่าเป็นกระทู้หนึ่งใน Series พุทธศาสนา vs. วิทยาศาสตร์ ที่โผล่มาบ่อยๆ ในช่วงนี้ ผมต้องการชี้ว่ายังมีบางแง่มุมของศาสนาพุทธ
    ที่วิทยาศาสตร์สนใจจริงจัง และกำลังศึกษาอยู่ ส่วนนี้นั่นเองที่อาจเรียกได้ว่าพุทธกับวิทย์มาเจอกัน

    ผมรู้สึกอึดอัดใจทุกทีเวลามีคนพูดว่า ศาสนาพุทธเป็นวิทยาศาสตร์โดยยกตัวอย่างที่ไม่ได้เรื่องเช่น

    - กฎแห่งกรรมเป็นวิทยาศาสตร์ เพราะไปเหมือน กฎแรงกิริยาเท่าแรงปฎิกิริยาของนิวตัน

    - พระพุทธเจ้าอธิบายเวลานรกสวรรค์เร็วช้าต่างจากโลกมนุษย์ ดังนั้นพระองค์ต้องรู้ ทฤษฎีสัมพัทธภาพก่อนไอน์สไตน์

    - ศาสนาพุทธเป็นวิทยาศาสตร์ เพราะขนาด ไอน์สไตน์ยังพูดเลยว่าศาสนาพุทธเป็นวิทยาศาสตร์ (ซึ่งผมยังยืนยันอยู่ว่า
    ไม่หลักฐานอะไรเลยที่บอกว่าไอน์สไตน์เคยพูดข้อความนี้ มีแต่พูดว่าศาสนาพุทธมีความเป็น cosmic religion เท่านั้น)

    เอาละครับผมจะเริ่ม ณ บัดนี้

    แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 52 11:58:36

    จากคุณ : Geneticist - [ 19 มี.ค. 52 11:07:06 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป


Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com