ความคิดเห็นที่ 1

ปี 1941 วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม ได้เกิดการปะทะกันระหว่างกองเรือของอังกฤษ ซึ่งถือได้ว่าเป็นมหาอำนาจทางทะเลในสมัยนั้น กับกองเรือนาซี ที่ช่องแคบเดนมาร์ก
โดยกองเรือนาซีประกอบไปด้วย เรือบิสมาร์ค ซึ่งเป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดของกองทัพเรือนาซีในสมัยนั้น
โดย มีระวางขับน้ำ 41,700 ตัน ทำความเร็วได้สูงสุด 30.1 น็อต ระยะทำการที่ 8,525 ไมล์ทะเล ที่ความเร็ว 19 น็อต
ยาว 251 เมตร กำลัง 150,170 แรงม้า ลูกเรือทั้งหมด 2,092 คน
เขี้ยวเล็บของบิสมาร์คประกอบไปด้วย
8x380 mm/L47 SK-C/34 (4x2) 12x152 mm/L55 SK-C/28 16x105 mm/L65 SK-C/37 / SK-C/33 16x37 mm/L83 SK-C/30 12x20 mm/L65 MG C/30 (Single) 8x20 mm/L65 MG C/32 (Quadruple
ซึ่ง ปืนใหญ่หลักของบิสมาร์คนั้น ถือว่าอยู่ในระดับใหญ่มากเลยทีเดียวในสมัยนั้น เดี๋ยวแปะรูปให้ดู
โดย บิสมาร์ค และเรือ พริ๊นซ์ อูเก้น ได้พบกับกองเรืออังกฤษ เมื่อเวลาประมาณ 05.45 ของวันที่ 24 พฤษภาคม
กองเรือของอังกฤษตอนนั้น มีเรือปริ๊นซ์ ออฟ เวลส์ และเรือชั้นแบทเทิลครุยเซอร์ ฮู้ด ซึ่งเป็นเรือธงของอังกฤษเสียด้วย
กองเรือเยอรมันเองไม่ได้ประหลาดใจเลยที่ได้พบกับกองเรืออังกฤษ แต่ที่เกินคาดคือไม่คิดว่าจะได้พบกับเรือธงของอังกฤษเลย
จากนั้นพลเรือเอก ลานเซลอต ฮอลแลนด์ ผู้การเรือฮู้ดของอังกฤษ ได้สั่งให้พุ่งเขาหาเรือปริ๊นซ์อู้เก้น ของเยอรมัน โดยเขาคิดว่าเป็นเรือบิสมาร์ค
แต่อังกฤษก็ยังโชคดีที่ผู้การเรือปริ๊น ออฟ เวลส์ สังเกตได้ถึงความผิดพลาดนี้ จึงได้แจ้งไปยังพลฯเอกฮอลแลนด์ เขาจึงเปลี่ยนคำสั่ง แต่ว่านั่นก็หลังจากที่เรือฮู้ดได้ยิงปืนใหญ่นัดแรกออกไปแล้ว
ระยะห่างตอนนั้นระหว่างเรือฮู้ด กับปริ๊นซ์ อูเก้น อยู่ที่ 12.5 ไมล์ โดยกระสุนตกใกล้ๆ กับเรือปริ๊นซ์อูเก้น ได้รับความเสียหายเล็กน้อยใกล้กับป้อมปืนท้าย
เกินกว่า 2 นาทีผ่านไปโดยไม่มีการยิงตอบโต้จากกองเรือเยอรมัน ก่อนที่ผู้การลินเดอมันของบิสมาร์คจะสั่งให้ยิงไปที่เรือธงของอังกฤษ
ทั้งบิสมาร์คและปริ๊นซ์ อูเก้น ยิงใส่เรือฮู้ด ที่ระยะประมาณ 11 ไมล์ (18กิโลฯ) โดยการยิงของเรือเยอรมันนั้นแม่นยำมาก และภายใน 2 นาที เรือฮู้ดก็โดนกระสุนที่มีขนาดอย่างน้อย 8" จากเรือปริ๊นซ์ อูเก้น, โดยปริ๊นซ์ อูเก้น ยิงโดนเรือฮู้ดถึง 3 ครั้ง โดยกระสุนกระทบเข้าใกล้ๆ บริเวณเสากระโดงใหญ่ และทำให้เกิดเปลวไฟขนาดมหึมา ซึ่งลูกเรือฮู้ดก็พยายามควบคุมเพลิง
อย่างไรก็ดี บิสมาร์ค ก็โดนกระสุนของเรือปริ๊นซ์ ออฟ เวลส์ เช่นกัน ทำให้ถังน้ำมันด้านหน้ารั่ว ซึ่งก็ทำให้ผู้การเรือบิสมาร์คสั่งให้เปลี่ยนเป้าเล็งไปที่เรือปริ๊นซ์ ออฟ เวลส์, ซึ่ง ปืนใหญ่รองก็เป็นตัวทำหน้าที่
เมื่อเวลา 5.54 ระยะลดลงเหลือ 22,000 หลา (20กิโลฯ) และเมื่อ 5.57 เหลือ 19,000 (17กิโลฯ) บิสมาร์ครีบฉวยโอกาสยิงใส่เรือฮู้ด แต่กระสุนเลยเลยฮู้ดไปเล็กน้อย ในขณะเดียวกันผู้การฮอลแลนด์ของเรือฮู้ด ก็สั่ง "2 Blue" นั่นก็คำสั่งกลับท่าเรือ โดยก่อนหันหัวเรือกลับ ฮู้ดได้ยิงครั้งที่ 5 ของตัวเองเมือเวลา 5.59.30
6.00 เรือธงของราชนาวีอังกฤษ ฮู้ด ที่เสียหายอย่างหนัก พยายามที่จะกลับท่าให้ได้ เพื่อที่จะจัดการรับมือกับบิสมาร์ค ถูกยิงเข้าที่กลางลำเรือ อย่างน้อยหนึ่งนัดในการยิงครั้งที่ 5 ของเรือบิสมาร์ค ที่ระยะน้อยกว่า 9 ไมล์
หลังจากนั้นเพียงเล็กน้อย ผู้สังเกตการของทั้งสองฝั่งราชนาวี เห็นเปลวไฟขนาดยักษ์พวยพุ่งสู่ท้องฟ้า และเสียงระเบิด ก่อนที่เรือลำยักษ์จะหักออกเป็น 2 ท่อน เศษเล็กเศษน้อยกระจายตกลงบนเรือปริ๊นซ์ ออฟ เวลส์ ที่อยู่ห่างออกไป 400 หลา (370 เมตร)
ส่วนท้ายของเรือฮู้ดจมลง ก่อนหัวเรือจะจมตามลงไป ทั้งหมดกินเวลาเพียง 3 นาที พลเรือเอกลานเซล็อต ฮอลแลนด์ และลูกเรือ 1,415 จมลงไปพร้อมกับเรือฮู้ด
มีลูกเรือเพียง 3 คนเท่านั้นที่รอดชีวิต (เท็ด บริ๊กส์, บ็อบ ทิลเบิร์น, และ บิล ดันดาส) โดยพวกเขาได้รับการช่วยในอีก 2 ชม.ครึ่งถัดมา โดยเรือพิฆาต อีเล็กตร้า ของราชนาวีอังกฤษ โดยหน่วยงานทางกองทัพเรือของอังกฤษสรุปว่า เรือฮู้ดจมเพราะการถูกเจาะทะลวงของห้องคลังแสง ด้วยกระสุนขนาด 15" ของเรือบิสมาร์ค
เรือปริ๊นซ์ ออฟ เวลส์ ได้เดินหน้าไปทางกองเรือเยอรมันเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงสเก็ดระเบิดจากเรือธง ฮู้ด ทำให้โดนยิงหลายครั้งจากเรือเยอรมันทั้ง 2 ลำ กระนั้น, การยิงตอบโต้ก็ยังสร้างความเสียหายตอบโต้ให้กับบิสมาร์คได้ จากนั้นเรือปริ๊นซ์ ออฟ เวลส์ ก็บ่ายหน้าหนี โดยป้อมปืนใหญ่ด้านหลังต้องคอยยิงด้วยคน เรือถูกยิงถึง 7 ครั้ง(3 จากเรือปริ๊นซ์ อูเก้น) แต่ระบบต่างๆ ยังใช้การได้หมดยกเว้นปืนใหญ่หลักที่เสียหายไม่สามารถใช้การได้อีก
รูป: เรือธง ฮู้ด ของอังกฤษที่ถูกบิสมาร์คจม
แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 52 09:41:57
แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 52 09:16:19
แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 52 08:45:06
จากคุณ :
art_sarawut
- [
2 เม.ย. 52 08:44:12
]
|
|
|