ความคิดเห็นที่ 1 วิชาคำนวณ จากคุณ : Hana* - [ 4 เม.ย. 52 09:18:02 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สุขอนามัยเเละพละศึกษา จากคุณ : Hana* - [ 4 เม.ย. 52 09:19:43 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ภาษาอังกฤษ จากคุณ : Hana* - [ 4 เม.ย. 52 09:20:33 ]

ความคิดเห็นที่ 4 น่าสนใจดี เเต่อ่านไม่ออก 555 จากคุณ : Hana* - [ 4 เม.ย. 52 09:21:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 วิชาที่ลูกชอบคือดนตรี มีสอนทั้งของตะวันตก(คลาสสิก)เเละของญี่ปุ่น จากคุณ : Hana* - [ 4 เม.ย. 52 09:24:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ห้องเรียนค่ะ ห้องหนึ่งมี34คน เป็นโรงเรียนใกล้บ้านเดินไม่ถึง10นาทีก็ถึงเเล้ว จากคุณ : Hana* - [ 4 เม.ย. 52 09:27:19 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ม.1ค่ะ เผื่อวันไหนไม่เข้าใจโจทย์วิชาคำนวณ อาจจะมาที่ห้องนี่นะคะ ^^ จากคุณ : Hana* - [ 4 เม.ย. 52 09:30:08 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 52 09:46:37 จากคุณ : Hana* - [ 4 เม.ย. 52 09:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สีสันน่าเรียนเน้อ นึกถึงของไทย เปิดมามีแต่สีกระดาษฟางเช็ดก้น กับหมึกพิมพ์สีดำ แถมยังต้องเสียตังค์ซื้ออีก เศร้า จากคุณ : ooh maple - [ 4 เม.ย. 52 09:33:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กระดาษดีมาก จากคุณ : ม้าไม้เมืองทรอย - [ 4 เม.ย. 52 09:47:33 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มอบตัวข้อหาอะไรครับ (ฮี่ๆ) ผมดูseries ญี่ปุ่นเยอะ อยาก เรียนญี่ปุ่นมั่งจัง แลมันเป็นสังคมที่กดดันดี จากคุณ : สายน้ำตะวันออก - [ 4 เม.ย. 52 09:54:52 ]

ความคิดเห็นที่ 12 หนังสือเขาน่าสนใจแฮะ อย่าว่าแต่เด็ก โตๆแล้วอย่างผมยังอยากเปิดดูเลย จากคุณ : ณปัณณ์ - [ 4 เม.ย. 52 10:12:28 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ดูจากภาพประกอบ เข้าใจว่าน่าจะเป็นหนังสือที่มีคุณภาพทางวิชาการในระดับไม่ธรรมดา จากคุณ : ksk - [ 4 เม.ย. 52 10:14:58 ]

ความคิดเห็นที่ 14 หนังสือน่าอ่านมาก อย่างกับพวกหนังสือที่ต้องไปซื้อเองเเพงๆ จากคุณ : rabbit sun - [ 4 เม.ย. 52 10:17:25 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นหนังสือที่เห็นแล้ว เกิดความอยากอ่านขึ้นมาจริงๆ ครับ จากคุณ : L'Oscar - [ 4 เม.ย. 52 10:35:05 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แค่เห็นหนังสือก็น่าอ่านแล้ว แค่เปิดๆดูรูป ก็พอเข้าใจบ้างแล้ว จากคุณ : วิญญานพเนจร_2 - [ 4 เม.ย. 52 10:36:26 A:202.62.105.155 X: TicketID:177078 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ดูมีสีสันน่าหยิบมาอ่านมากๆ  กระดาษก็ดูดี จากคุณ : ธันวา (Hokage) - [ 4 เม.ย. 52 10:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สำหรับเด็กประถม ก็ยังมี "โดเรมอน สอนหนังสือ" เลยนะครับ ของไทยยังเอามาแปลขายตามซีเอ็ดเลย ลองไปอ่านดู ก็สนุกดีเหมือนอ่านโดเรมอนธรรมดา แต่ได้ความรู้ตามที่เรียนไปด้วย เอามาให้พวกตัวป่วนอ่าน ตอนปิดเทอม ก็เหมือนทบทวนความรู้ไปในตัวได้เป็นอย่างดี ทำไมของไทยไม่ทำแบบนี้บ้างหว่า อย่างที่ดังๆ พวก 4 angies ก็น่าจะทำบ้าง มีประโยชน์สำหรับเด็กด้วย แต่ที่เห็นก็ดันคิดแต่ผลประโยชน์ จาก จะทิงจา ที่เด็กๆ ชอบ กลายเป็น เทพปัญญาอ่อน ไปซะแล้ว 666 จากคุณ : monsungja - [ 4 เม.ย. 52 10:40:38 ]

ความคิดเห็นที่ 19 หนังสือสวยงามน่าเรียนมากๆครับ เขาให้ความสำคัญจริงๆ จากคุณ : bigwores - [ 4 เม.ย. 52 11:03:05 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อย่างกับนิตยสาร น่าเรียนมากมาย จากคุณ : เป็นสมาชิกเพราะอยากสวย - [ 4 เม.ย. 52 11:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมยังอยากอ่านเลย จากคุณ : แก้วตะวัน - [ 4 เม.ย. 52 11:17:19 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ดูหนังสือบนโต๊ะของเด็กแต่ละคนสิ  ถึงว่าเด็กญี่ปุ่นจึงกดดันกันมาก  เครียดแทน จากคุณ : dodo123 - [ 4 เม.ย. 52 11:19:51 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ชอบจริงก็คือที่มีภาพประกอบด้วย บ้านเรามันไม่มี เวลาทำโจทย์อาจารย์จะต้องวาดภาพคร่าวบนกระดาน ซึ่งมันไม่รู้เรื่องอ่ะ จากคุณ : ว่างมากๆ - [ 4 เม.ย. 52 11:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 24 -*-.....จนถึงตอนนี้ ถ้าไม่ใช่หนังสือนิยาย   ถ้ามีแต่ตัวหนังสือไม่ค่อยมีรูป ผมก็ไม่ค่อยอยากอ่านเท่าไหร่ เลย รูปภาพมันเพิ่มความน่าอ่านได้เยอะมาก จากคุณ : ginosty - [ 4 เม.ย. 52 11:34:50 ]

ความคิดเห็นที่ 25 #22 วันแรกมั่งครับ ก็เลยเยอะ เห็นมีผู้ปกครองยืนข้างประตูด้วย จากคุณ : Ice-man - [ 4 เม.ย. 52 11:39:53 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แค่หนังสือก็กระตุ้นให้น่าสนใจแล้วครับ เห็นด้วยที่ว่า เปิดหนังสือไทยมาไม่น่าอ่านเท่าไหร่ ( ถึงจะบอกว่ากระดาษถนอมสายตาก็เหอะ ) ( แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้า เด็กไม่สนใจจะอ่านมัน ) จากคุณ : Pixzz - [ 4 เม.ย. 52 11:44:57 ]

ความคิดเห็นที่ 27 รูปแบบเหมือนพวกหนังสือสารานุกรมสำหรับเด็กแพง ๆ เลยอ่ะครับ น่าอ่านมากทั้งรูปและการนำเสนอ เห็นภาพได้ชัดเจนดี จากคุณ : Steyr Commando - [ 4 เม.ย. 52 11:54:10 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อ่อ.... เพราะอย่างนี้นี่เอง จากคุณ : นายสะพานหมอก - [ 4 เม.ย. 52 11:55:13 ]

ความคิดเห็นที่ 29 กระทรวงศึกษาธิการ น่าจะมาดู  เพื่อเอาไปปรับปรุงนะ จากคุณ : Pattamas - [ 4 เม.ย. 52 11:59:44 ]

ความคิดเห็นที่ 30 #22 แต่ผมสงสัยอยู่อย่าง เอามาวางๆ กันแบบนั้น ได้อ่านด้วยหรอ? หรือว่าแค่เอามาวางข่มกัน ผมก็เคยทำนะ แบบนี้น่ะ แต่รู้สึกว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย (หนักอีกต่างหาก) ก็เลยเปลี่ยนมานั่งฟังให้เข้าใจไปเลย หมดเรื่อง จากคุณ : oppertunity - [ 4 เม.ย. 52 12:01:41 ]

ความคิดเห็นที่ 31 สวยมากๆเลย อยากให้หนังสือเรียนบ้านเราทำสี่สี ทนๆ สวยๆ แบบนี้บ้างจัง ปกสวยสุดๆ การ์ตูนฉบับคลาสสิก T T (ชอบแนวนี้มาก) บ้านเรากระดาษน้ำตาลเทา  รูปขาวดำ นอกจากจะไม่สวยแล้วยังดูไม่ออกด้วย! ขาดง่าย และ ปก สิ้นคิด T T (หนังสือเตรียมสอบตามร้านนู้นแหละถึงจะสวย) เด็กญี่ปุ่นเริ่มเรียนอังกฤษตอน ป.1 แบบบ้านเรารึเปล่าคะ ถึงเด็กญี่ปุ่นจะหนังสือเยอะ เค้าคงจะมีล็อกเกอร์เป็นของตัวเอง ไม่ต้องทนแบก บ้านเรา เสนอเรื่องล็อคเกอร์ต่อโรงเรียนไปเกือบทุกรุ่้น ได้รับคำปฏิเสธมาทุกครั้ง บอกว่าค่าดูแลรักษาเยอะ นักเรียนก็แบกกันไป๊ จากคุณ : ฮ่าๆๆComeback (โฮ่งฮับตังเม) - [ 4 เม.ย. 52 12:06:32 ]

ความคิดเห็นที่ 32 หนังสือของเค้าน่าเรียนนะครับ สี่สีกระดาษอาบมัน... ที่สำคัญฟรี! อีกตะหาก เฮ้อ.... คิดถึงเมืองไทยแล้ว............... กระดาษสุดแสนจะบาง... นิดเดียวก็ขาด.... ตัวหนังสือเยอะจริงๆ ภาพนี่ดูไม่รู้เรื่องเลยเพราะเป็นขาวดำ.... ==" จากคุณ : nasaseria - [ 4 เม.ย. 52 12:06:47 ]

ความคิดเห็นที่ 33 #22   #30 ที่เห็นหนังสือเยอะ  เพระว่าวันนั้นเป็นวันมอบตัวนักเรียนค่ะ ก็เหมือนบ้านเราที่มีการไปซื้อหนังสือ  แล้วก็มีการปฐมนิเทศ บ้านเค้าก็เหมือนกานค่ะ เพียงแต่หนังสือเค้าไต้องซื้อ เค้าได้ฟรีค่ะ พูดง่ายๆ คื  หนังสือที่เราเห็นเค้าเพิ่งมารับอ่ะค่ะ  แล้วก็ปฐมนิเทศเลย  ก็เลยทำให้นักเรียน เอาหนังสือมาวางบนโต๊ะอย่างที่เห็นล่ะค่ะ  วันนั้นจะยังไม่มีการเรียนการสอนค่ะ จากคุณ : นู๋ขี้สงสัย - [ 4 เม.ย. 52 12:18:09 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เมืองไทยพัฒนาได้แล้วจ้า จากคุณ : มาดามชะนี - [ 4 เม.ย. 52 12:28:19 ]

ความคิดเห็นที่ 35 มีภาพประกอบสวยงาม น่าอ่านดีครับ จากคุณ : FlyingChicken - [ 4 เม.ย. 52 12:32:36 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ม.ปลายญี่ปุ่น โหดร้ายมาก ม.ต้นนี้นังชิลๆครับ จากคุณ : สมบัติดี - [ 4 เม.ย. 52 12:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ประเทศเขาให้ความสนใจรายละเอียดเล็ก-เล็ก น้อย-น้อย เสมอเลย.. ทำแพกเก็จจิ้งออกมา น่ารัก สวยงามเสมอ...แม้กระทั่งหนังสือเรียน ไม่แปลกใจเลยค่ะว่า ทำไมเขาก้าวไปได้เร็วและไกลขนาดนี้.. จากคุณ : primjang - [ 4 เม.ย. 52 12:47:09 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สวยงามน่าอ่าน สมเป็นประเทศพัฒนาแล้ว เขาให้ความสำคัญกับการศึกษามากๆ ไทยแลนด์ ทั้งกินทั้งโกง นมเน่า หนังสือเรียนปลอม ค่าแป๊ะเจี๊ย เดี๋ยวอาจมีโกงงบชุดนักเรียนฟรีอีก อนาถแท้ จากคุณ : Yippie - [ 4 เม.ย. 52 12:48:14 ]

ความคิดเห็นที่ 39 หนังสือบนโต๊ะที่เห็นเยอะๆนั้นเป็นหนังสือที่ต้องเรียนทั้งหมดในเทอมนี้ค่ะ วันเเรกก็เลยเห็นหลายเล่มเพราะเขาเเจกให้เเบกกลับบ้านค่ะ^^ เเต่ไม่ใช่เเค่นี่ค่ะ เพราะสนามสอบม.ปลายที่นี่โหด ต้องเรียนสะสมคะเเนนเก็บให้ดีด้วย ของลูกยังมีอีกชุดช่วยเสริม ชุดนี้ต้องซื้อเอง หมดไป2หมื่น5พันกว่าเยนค่ะ จากคุณ : Hana* - [ 4 เม.ย. 52 12:51:17 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ดีจังครับ  น่าสนใจดีจัง จากคุณ : NaTArT - [ 4 เม.ย. 52 13:00:03 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ประเทศไทยให้การลงทุนในเรื่องการศึกษาน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเห็นผลประโยชน์ของตนเอง มากกว่าผลประโยชน์ของเยาวชนที่จะโตมาเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต คนไทยมีนิสัยที่เเปลกอย่างนึงครับ เมื่อเทียบกับที่ญี่ปุ่น ที่นั่นเขาจะเอาความสะดวกในการเดินทางก่อนเสมอในการเลือกโรงเรียน บ้านใกล้โรงเรียนไหน ก็จะเรียนที่นั่น เเต่ประเทศไทยเอาชื่อเสียงโรงเรียนมาก่อน ต่อให้ไกลเเค่ไหนก็จะต้องไป บ้านใกล้โรงเรียนดีกว่าอย่างไร 1.เดินทางสะดวก ถ้าคุณใช้เวลาในการเดินทางไปโรงเรียนวันนึง1-2ชม. ปีนึง คุณใช้เวลาเท่าไหร การนั่งรถนาน คุณต้องเมื่อยใช่ไหม? เมื่อกลับบ้านคุณก็นอน เเล้วคุณก็ไม่ต้องทำงานบ้าน ล้างจาน รดนำต้นไม้ สารพัด คุณจะไม่มีเวลามาทำงานบ้านช่วยผู้ปกครองเเน่นอน 2.จิตสำนึกในความรักต่อสถาบันโรงเรียน มีผลนะครับ เนื่องจากความผูกพันต่อโรงเรียนจะน้อยลง เพราะว่าคุณคิดว่า คุณมีหน้าที่เพียงเพื่อมเรียนหนังสือ สิ่งอื่นคุณจึงคิดว่าไม่สำคัญ 3.ค่าเดินทาง ค่ารถ ค่านำมัน คุณจะสังเกตุได้ว่าทำไม ญี่ปุ่นจึงมีนักเรียนปั่นจักรยานไปเรียนหนังสือ ทั้งๆที่ประเทศเขาเจริญกว่าเรา ลองมองดูประเทศไทยครับ เมื่อเทียบกันเเล้วคนปั่นจักรยาน น้อยกว่าคนที่ขับรถจักรยานยนต์มากกว่ามาก ทำไมเราต้องเสียเงินค่านำมัน กันเร็วจังครับ สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมเราถึงเลือกโรงเรียนประจำจังหวัดก่อนที่จะเลือกโรงเรียนใกล้บ้านเสมอ ทำไมต้องเตรียมอุดม สาธิต  ทำไมต้องมีใต้โต๊ะ ทำไมต้องมีเส้น มีแป๊ะเจี๊ย ผมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันมีผลมาจากความขาดมาตรฐานทางการศึกษา ครู อาจารย์ ระดับความรู้ไม่เท่ากัน โอกาสที่มีเเต่ละโรงเรียนจึงไม่เท่ากัน โรงเรียนนี้ทำไมจึงติดมหาลัยดีๆ มากกว่าที่อื่นๆ ทำไมจึงสอบได้ทุนมากกว่าที่อื่นๆ ทำไมครูอาจารย์ที่สอนโรงเรียนนึงจึงต้องให้ลูกไปเรียนที่โรงเรียนนึง ขนาดสอนเองนะนี่ นี่ละครับคือผลสืบเนื่องจากการที่ผู้ใหญ่ไม่ลงทุนในการศึกษา ต่อเนื่องมาหลายสิบๆปีเเล้ว ทางเเก้ คือ  ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจทั้งหลาย ทั้งที่ผ่านมา ที่จะมา สารพัด พวกท่านเลิก----แ  ด  ก   เถอะครับข้อร้อง ตายไป ท่านก็เอาไปไม่ได้หรอกครับ เเล้วก็ไม่ต้องห่วงลูกหลานนะครับ ถ้าเขาหาเงินเองไม่ได้ก็ให้เขาตายเหอะ หามากเดี่ยวตายไปจะมีข่าว ---พี่ฆ่าน้องเเย่งสมบัติมูลค่าพันล้าน--- คนอื่นทำงานเป็นสิบปี ยังมีไม่ถึงสิบล้านเลย..................... แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 52 13:31:27 จากคุณ : จูล่งฝ่าทัพ_รับอาเต๊า - [ 4 เม.ย. 52 13:27:22 ]

ความคิดเห็นที่ 42 39...มองแค่สัน นึกว่าหนังสือการ์ตูน....สุดยอดจริงๆ...ผมว่ารูปภาพทำให้เด็กจำได้ง่ายขึ้น อ่านแล้วไม่น่าเบื่อ ตาไม่ลาย จากคุณ : วิญญานพเนจร_2 - [ 4 เม.ย. 52 13:38:01 A:202.62.105.155 X: TicketID:177078 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ตามมาดูหนังสือดีๆ ครับ สีสันน่าอ่านจริงๆ จากคุณ : Professor - [ 4 เม.ย. 52 13:48:25 ]

ความคิดเห็นที่ 44 สี่สีทั้งเล่ม สีสันสวยงาม เมืองไทยสงวนไว้ให้นิตยสาร Gossip ดารา เท่านั้น (แม้แต่หนังสือการ์ตูนยังไม่ค่อยมีสี่สีทั้งเล่มนะ) หนังสือเรียนก็ขาวดำต่อไป จากคุณ : ธัมมนันทิ - [ 4 เม.ย. 52 13:49:42 ]

ความคิดเห็นที่ 45 อิจฉาแทบจะเป็นลม ไอ้ที่เรียน ๆ อยู่ ถ้าสถานการณ์ไม่บีบบังคับให้อ่านเราก็ไม่อ่านอะ หน้าตาไม่ชวนอ่านแถมยังหนาอีก ยกเว้นวิชาที่ชอบก็อ่าน ถ้าเจอหนังสือแบบนี้วิชาที่เราไม่ชอบก็คงเปิดอ่านบ้าง สีสัน กระดาษน่าจับดี แต่ว่า ภาษาอังกฤษที่ญี่ปุ่นเค้ามีสอนมานานแล้วหรือว่าเพิ่งมีเหรอคะ วันก่อนมีคนญี่ปุ่นมาที่บ้าน เค้าพูดได้แต่ภาษาญี่ปุ่นกับไทยได้นิดหน่อยเอง เราพูดภาษาอังกฤษเค้าฟังไม่รู้เรื่องเลย แล้วเค้าถามอีกว่าทำไมคนไทยพูดภาษาอังกฤษได้ -*- จากคุณ : Berzelius - [ 4 เม.ย. 52 13:59:06 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ยังเริ่มเรียนกันตอนม.1ค่ะ จะมีบางโรงเรียนที่เริ่มตั้งเเต่ป.1(หายาก)หรือบางโรงเรียนเริ่มป.6ค่ะ จากคุณ : Hana* - [ 4 เม.ย. 52 14:04:42 ]

ความคิดเห็นที่ 47 หนังสือของเขาน่าเรียนจริงๆ แต่ผมว่านะหนังสือเรียนของไทยที่ทำให้ผมจดจำได้มากที่สุดคือ หนังสือเรียนภาษาไทย(มานี-ชูใจ) ถ้าเอามาทำให้ดีๆ สวยๆ ผมว่าไม่แพ้ญี่ปุ่นหรอก จากคุณ : Pigusto - [ 4 เม.ย. 52 14:09:50 ]

ความคิดเห็นที่ 48 รูปแบบการนำเสนอ แค่เห็นยังอยากจะเปิดอ่านเลย ปล เราคนนึง เลือก รร ใกล้บ้านไว้ก่อนนะ จากคุณ : Choco-Mix - [ 4 เม.ย. 52 14:13:06 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ถ้าให้คนวาดการ์ตูนญี่ปุ่นที่ดังๆจากมังงะ มาวาดภาพประกอบการเรียนเนี่ย จะสุดยอดมาก เป็นผมคงจะตั้งใจอ่านหนังสือมากกว่าเดิม เพราะมันน่าสนใจ จากคุณ : แค่ใจละเมอ - [ 4 เม.ย. 52 14:13:11 ]

ความคิดเห็นที่ 50 #41 จริงๆ นักเรียนไทยขี่จักรยานไปเรียนหนังสือก็มีนะครับ แต่ในเมือง คงจะเห็นยากหน่อย ขี่ไม่ดี พี่สิบล้อสอยไปก่อนแน่ๆ จากคุณ : oppertunity - [ 4 เม.ย. 52 14:32:13 ]

ความคิดเห็นที่ 51 หนังสือน่าเรียนมากๆเลยครับ แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 52 14:57:44 จากคุณ : Knipod - [ 4 เม.ย. 52 14:57:36 ]

ความคิดเห็นที่ 52 คห 50 เห็นด้วยครับ เเต่ยังน้อยครับเมื่อเทียบกับจักรยานยนต์ เนื่องจากเรามีรถขับจักรยานต์ไปเรียนกันเร็วไปอะครับบางคนพึ่งขึ้นมัธยม ก็ขอเงินพ่อเเม่ซื้อเเล้วครับ บางทีผู้ปกครองหาเช้ากินคำไม่มีเงินซื้อก็ไปดาวมาให้ลูก เป็นหนี้เป็นสินอีก บางครั้งก็ขับไม่สวมหมวกกันน็อกอีก ไม่มีใบขับขี่บ้าง พอตำรวจจับก็เเห่มาด่าอีก บางคนยังไม่มีความสามารถในการขับขี่บนท้องถนนที่ดีพอ เมื่อเจอเหตุการณ์เฉพาะหน้าตัดสินใจผิดพลาด ก็อาจเกิดอุบัติเหตุ อย่างที่คห 51 บอกได้ (จักรยานมีสถิติในการเกิดอุบัติเหตุน้อยมากครับในนเเต่ละปี) บางคนอยากได้เเต่ผู้ปกครองไม่ซื้อให้ก็ ตั้งกลุ่มกันออกขโมย หรือก่ออาชญากรรม เเละพอคนเรามีกลุ่มเเล้วก็อยากจะมีกิจกรรมในการโชวความสามารถ การเเข่งงรถ การต่อยตี สารพัด นี่ละครับเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ อาชญากรรมต่างๆ มันอาจไม่ใช่ประเด็นของกระทู้นะครับ เเต่อยากเเสดงความเห็นว่า มันเกี่ยวข้องกับ---------------การศึกษา---- ปล.ถ้ามีเด็กใช้จักรยานกันมากๆ รัฐก็น่าจะลงทุนสร้างเลนพิเศษให้กับจักรยานโดยเฉพาะ(เคยสร้างเเล้วในกทม) นี่ก็เป็นหนทางในการช่วยรัฐประหยัดการนำเข้าน้ำมัน อีกไม่น้อย แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 52 15:07:10 จากคุณ : จูล่งฝ่าทัพ_รับอาเต๊า - [ 4 เม.ย. 52 15:00:51 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ^ ^ ^ จากเท่าที่เคยไปสัมภาษเกษตรกรกับอาจารย์ ไอ้การซื้อมอเตอรไซด์ให้ลูกตอนมันขึ้นมัธยมเนี่ย กลายเป้นค่านิยมไปแล้วครับ มีเกษตรกรอยู่หลายรายที่เป้นหนี้เป็นสิน พอมีเงินก้อนหนึ่ง แทนที่จะเอาไปใช้หนี้ให้มันหมดๆไป กลับเอาไปซื้อมอเตอร์ไซด์ให้ลูก เหตุผล "มันเรียนมัธยมแล้วมันต้องใช้" -*- และตัวเด็กก็มีค่านิยมที่ว่า ตรูข้าเรียนมัธยมแล้ว ตรูข้าต้องมีมอเตอร์ไซด์ว้ขี่ไปเที่ยวกับเพื่อน จากคุณ : ซามาโนสุเกะ - [ 4 เม.ย. 52 15:45:18 ]

ความคิดเห็นที่ 54 อืม.. อิจฉาจัง จากคุณ : ศาลายา - [ 4 เม.ย. 52 16:24:15 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ผมจะไปหาหนังสือพวกนี้มาดูได้มั๊ยครับเนี่ย ในเมืองไทยมีที่ไหนขายมั่งครับ หรือสั่งจากที่ไหนได้บ้าง อยากได้หนังสือพวกนี้จากหลายๆประเทศมั่ง จากคุณ : NHs - [ 4 เม.ย. 52 17:54:10 ]

ความคิดเห็นที่ 56 หนังสือของเขาน่าอ่านดีนะครับ มามองหนังสือของไทยแล้ว  เฮ้อ  เห็นก็จะหลับแล้ว -*- จากคุณ : Mr.Whisper (wsteven) - [ 4 เม.ย. 52 18:25:55 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ^ ^ ลองไปดูที่kinokuniya ดู น่าจะมีหรือว่าสั่งจากร้านได้ ห้องสมุดโรงเรียนที่ทำงานอยู่มีหนังสือโคนันสอนเลขด้วย เด็กๆไม่สนคุณครูเลยสอยมาอ่านก่อน ดูรูปเฉยๆ ยังเข้าใจเลย (ภาษาญี่ปุ่นทั้งเล่ม -*-) จากคุณ : *+*ข น ม ผิ ง ข้ า ง เ ต า*+* - [ 4 เม.ย. 52 18:35:07 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เทียบกับหนังสือเรียนบ้านเรา เฮ้อ... ขาวดำทั้งเล่ม ชุดนักเรียนญี่ปุ่นน่ารักจังค่ะ จากคุณ : Pretty_Cute_Girl - [ 4 เม.ย. 52 18:40:26 ]

ความคิดเห็นที่ 59 หนังสือไทยยังจิ๊บๆ เมื่อเทียบกับผลงานวิทยฐานะของอาจารย์ 3 ทั้งหลาย..... แม่เจ้า.....แบบว่า.....ไม่รู้สิ.....คือมัน.....พิมพ์มาทำไมเห็นแล้วเสียดายเงินค่าหมึกค่ากระดาษ.... พอลองเปิดอ่านดู......อื่มมมมม.....อย่าอ่านเลยดีกว่า..... คือผมทำงานร้านถ่ายเอกสารน่ะครับ.....เลยเจอพวกนี้บ่อย..... แล้วมีแบบวิจัยค่าสถิติบอกว่าเด็กมีความพึงพอใจร้อยละ 80 ซะงั้น..... เออออออ.......เนอะ..... จากคุณ : Sakurachan (Tomoeda) - [ 4 เม.ย. 52 19:12:10 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ของไทยนี่ กระดาษโรเนียวก็มีมาเป็นชุดเสริม หนังสือกระดาษดีจริงจริ๊ง ดีจนไม่น่าอ่าน จากคุณ : Shineokung - [ 4 เม.ย. 52 19:52:41 ]

ความคิดเห็นที่ 61 น่าอ่านจังเลยอ่า ไม่เหมือนของไทย แค่เห็นหน้าปกก็หลับแล้ว จากคุณ : kenmaker - [ 4 เม.ย. 52 20:11:17 ]

ความคิดเห็นที่ 62 กราฟิกเขาดีจริงๆครับ หนังสือของญี่ปุ่น เอ่อ ม.1 ตอนผมเรียน จำได้ว่าเรียนเรื่องเรณูดอกไม้ไรพวกนั้นอยู่เลย หนังสือวิทย์ก็บางประติ๋วเดียว ==a เหอๆ เหนด้วยกับ คห ที่บอกว่า เด็กไทย มีความนิยมวัดกันที่ชื่อเสียง รร นะครับ เพราะ รร ที่ผมอยู่ เปน รร ประจำจังหวัดครับ เพื่อนบางคนอยู่ต่างอำเภอ นั่งรถมา รร ทีก็เปน ชม เฮ้อออ ทำไมถึงต้องวัดกันที่ชื่อเสียง รร หนอ ที่ผมเข้าที่นี่ ก็เพราะมันใกล้หรอกครับ งั้นผมคงไปอยุ่ รร อีกแห่งที่เรียนแบบชิวๆ แล้วหละ XD จากคุณ : Nanoดะ - [ 4 เม.ย. 52 20:27:35 ]

ความคิดเห็นที่ 63 สมควรแล้วล่ะ ว่าทำไมศักยภาพของนักเรียนญี่ปุ่นกับบ้านเรา เฉลี่ยแล้วมันต่างกันเยอะอย่างนี้ สิ่งเหล่านี้ มีผลในด้านจิตวิทยาสำหรับเด็ก ที่จะช่วยดึงดูดความสนใจจากเด็กได้มากขึ้น และยังทำให้เด็กได้มีจินตนาการด้วย อิจฉาทั้งเด็กญี่ปุ่นและ จขกท เลย ที่ได้สามีเป็น ชาว ญี่ปุ่น จากคุณ : Styer - [ 4 เม.ย. 52 21:06:04 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ถุงกระดาษใส่ปลาหมึกย่างก็สามารถให้ความรู้ได้ครับ ถ้าคนเรารู้จักอ่าน รู้จักค้นคว้า ไม่ว่าจะพิมพ์สีไหนก็ไม่ต่างกัน จากคุณ : system idle - [ 4 เม.ย. 52 22:05:18 ]

ความคิดเห็นที่ 65 โห ได้หนังสือแบบนี้มา ตั้งใจเรียนกว่านี้แน่ๆ ยังกะการ์ตูน จากคุณ : a dear - [ 4 เม.ย. 52 22:31:33 ]

ความคิดเห็นที่ 66 โอ้โห เห็นหนังสือของเค้าแล้ว ยังกะ นิตยสาร  ขนาดผมเห็นแล้วยังคิดเลย ให้นั่งอ่าน ก็ไม่เบื่อ เทียบกะของเรา แม่ม -*- ยัดเข้ามา ยังกะเด็กเป็น คอมฯ สักแต่ว่า  จะยัดๆท่าเดียว จำได้ว่าตอนเด็กๆ อ่านไปๆมาๆ อ้าว บรรทัดมะกี๊นี่หว่า -*- พวกคนแก่ๆลงพุง มันไม่สนหรอกครับ  เพราะมันไม่ได้เรียนเอง  อิอิ จากคุณ : hahesf (hahesfha) - [ 4 เม.ย. 52 22:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 67 คิดดูมันก็น่าแปลกนนะ ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ปีๆนึงก็เดินทางไปดูงานต่างประเทศกันตลอด ไปกันโครมๆเป็นแก๊ง แต่บ้านเมืองมีแต่ถอยหลัง เศร้า... จากคุณ : danni (Danni) - [ 4 เม.ย. 52 23:11:17 ]

ความคิดเห็นที่ 68 น่าอ่านมากก จากคุณ : darinfc - [ 4 เม.ย. 52 23:58:58 ]

ความคิดเห็นที่ 69 น่าเรียนสุดๆ แต่แบบว่าญี่ปุ่นการแข่งขันสูง * * น่าตื่นตา จากคุณ : The Gargoyle - [ 5 เม.ย. 52 00:17:15 ]

ความคิดเห็นที่ 70 #39 สีสันยังกะหนังสือการ์ตูน น่าอ่านมาก จากคุณ : ขอบตะวัน - [ 5 เม.ย. 52 00:26:49 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เรื่องหนังสือเนี่ย ญี่ปุ่นเค้าสร้างเสน่ห์ให้มันได้มากจริงๆ ทุกประเภทเลยอ่ะ ยิ่งพวกสารานุกรมอย่างเนี่ย อ่านไม่ออกแค่พลิกไปพลิกมาดูรูปก็สนุกแล้ว ไปหน้าด้านอ่านฟรีในคิโนะคุนิยะ นะผมอยู่ได้ทั้งวัน ~~ จากคุณ : ถั่วงอกเป็นฆาตกร - [ 5 เม.ย. 52 00:57:24 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ไม่มีใครสนใจเนื้อหาเลยแฮะ -_-' กำลังเพ่งดูว่าหนังสือภาษาอังกฤษเขาสอนอะไร ทำไมญี่ปุ่นแต่ละคนที่เจอนี่ ภาษาอังกฤษช่าง.... -_-' และอีกอันคือคณิตศาสตร์ จำได้ว่าข้อสอบเอนท์วิชาคณิตศาสตร์ ของญี่ปุ่น ยากมากๆเลย เมื่อก่อนหนังสือพิมพ์บ้านเมืองชอบเอาโจทย์คณิต มาลง ไม่เคยทำได้สักข้อเดียว แต่ไม่รู้หลักสูตร ม ต้นของไทยตอนนี้มีฟิสิกส์ เคมี ชีวะ หรือยัง แต่ม.ต้นญี่ปุ่นเรียนกันแล้ว จากคุณ : RebmemeR - [ 5 เม.ย. 52 01:20:01 ]

ความคิดเห็นที่ 73 คือ....ปีผมไม่ได้เรียนหนังสือครับ เรียนแต่ชีส หนังสือมาเทอม 2 ...กำลังคิดว่าตรูจะเสียตังค์ซื้อหนังสือเพื่อ? ในเมื่อซื้อมาก็ทิ้งไว้บ้านแล้วไปเรียนในชีสเอา=_= จากคุณ : NorsDavincy - [ 5 เม.ย. 52 01:55:01 ]

ความคิดเห็นที่ 74 น่าเรียนแฮะ ไปสมัครเรียน ม.1 ที่ญี่ปุ่นได้ไหมนี่ จากคุณ : AUDAC!TY - [ 5 เม.ย. 52 03:00:20 ]

ความคิดเห็นที่ 75 สีสันยังกับ TEXT ที่ผมใช้อยู่เลย สวยดีครับ คงทำให้น้องๆ สนใจเรียนมากขึ้น มีภาพสี มีการ์ตูน ทำให้ดึงความสนใจของเด็กได้มากขึ้น เยี่ยมๆ จากคุณ : Green Tablet - [ 5 เม.ย. 52 08:32:51 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการอ่านเป็นพิเศษ  สังเกตุว่าหนังสือบ้านเค้าจะถูกมาก (สำหรับค่าเงินของเค้าอ่ะค่ะ) ถูกมากจนถึงขนาดมีหนังสือเล่มเล็กๆ วางขายสำหรับอ่านระหว่างเดินทาง อ่านเสร็จแล้วทิ้งอ่ะค่ะ(เสียดายนะนั่น) แต่ญี่ปุ่นเองก็มีระบบการจัดการในการรีไซเคิลหนังสือพวกนี้ด้วยเช่นกัน ในขณะที่บ้านเราบอกว่าจะส่งเสริมการอ่าน แต่หนังสือยังแพงลิบ  เราก็เลยรู้สึกว่านโยบายกับการปฏิบัติมันคนละทางกันเลยอ่ะ เมื่อบ้านเราจะเป็นอย่างเค้าบ้างเราเองก็เป็นคนนึงที่ชอบอ่านหนังสือค่ะ แต่ไม่มีปัญญาซื้อหนังสือมาอ่านเองเพราะว่ามันแพงมากกกกกกกกกกกกกก เราว่านี่ก็คงเป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้เด็กไทยหลายคนไม่ได้อ่านหนังสือดีๆ เพราะว่าหนังสือมันแพงนั่นเอง ถ้ารัฐอยากให้เด็กไทยได้อ่านหนังสือมากๆ  ก็ช่วยทำราคาหนังสือให้มันถูกได้ไหมคะ  เด็กไทยอีกหลายคนที่ไม่มีโอกาสซื้อหนังสือมาอ่านเอง  จะได้มีโอกาสเพิ่มพูนความรู้กันซักที จะได้มีคนที่ไปพัฒนาชาติได้ซักที  ไม่ใช้พัฒนาแต่พวกเดียวกันเอง  แล้วคนอื่นก็ช่างหัวมานนนนน   -*- จากคุณ : นู๋ขี้สงสัย - [ 5 เม.ย. 52 09:27:39 ]

ความคิดเห็นที่ 77 คิดเหมือน #76 หนังสือบ้านเราแพง เพราะว่าคนซื้อน้อย เลยทำให้ยอดขายน้อย สำนักพิมพ์มีความเสี่ยงสูง เลยต้องมีราคาแพง แถม ส่วนใหญ่ที่คนชอบซื้อกันมาอ่าน เป็นพวกนิยาย อ่านเพื่อความบันเทิง น้อยคนที่จะซื้อเพื่อมาอ่านเสริมความรู้.... จากคุณ : locomotion - [ 5 เม.ย. 52 10:28:00 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ตอบ #72 หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้นของประเทศไทยไม่ได้แยกเป็นฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา แต่เราเรียนรวมกันเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ครับ ซึ่งผมคิดว่ามีเนื้อหาครอบคลุมทั้ง พื้นฐานของฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยาเข้าด้วยกันเลย และยังมีส่วนของปฏิบัติการด้วย แต่ที่แน่ๆ ภาษาอังกฤษมัธยมต้นของเมืองไทยยากกว่าของญี่ปุ่นมาก (ดูจากภาพเอา) ตอน ม.1 ก็มีข้อสอบ cloze test แล้ว แล้วตำราเรียนภาษาอังกฤษที่ใช้กันก็ไม่มีคำอธิบายภาษาไทยด้วย เป็นภาษาอังกฤษทั้งเล่ม จากคุณ : system idle - [ 5 เม.ย. 52 13:54:46 ]

ความคิดเห็นที่ 79 น่าจะส่งให้กระทรวงศึกษาฯ บ้านเราได้เห็นบ้างเนอะ จากคุณ : แพนด้าระเบิด (superujee) - [ 5 เม.ย. 52 22:51:21 ]

ความคิดเห็นที่ 80 คห 79 อย่าได้ฝันว่าเขาจะสนใจครับต่อให้เราส่งให้ทั้งชุดเลยก็เถอะ เพราะตอนนี้คงเข้าแดนสนทยาแห่งนมบูด เสื้อราคาแพง ละแป๊ะเจี้ยโรงเรียนดังอยู่ครับ จากคุณ : devil amature2 (devil amature2) - [ วันจักรี 12:08:53 ]

ความคิดเห็นที่ 81 หนังสือน่าอ่านมากเลยค่ะ ^^ ถึง นู๋ขี้สงสัย เดียเรียนอยู่ที่มาเลเซียอะค่ะ ราคาหนังสือที่นี่แพงกว่าเมืองไทยสองเท่าเลยค่ะ ตอนนี้ คิดถึงเมืองไทยมาก ๆ เพราะเป็นคนชอบอ่านหนังสือ จะให้หยิบหนังสือราคา 500 บาท อัพ ก็ไม่ไหวอ่ะค่ะ จนแน่ ๆ -*- มาอยู่ที่นี่ คิดถึงร้านหนังสือที่เมืองไทยสุด ๆ เลยค่ะ เฮ้อ ยังดีที่มี Kinokuniya ให้อ่านฟรีได้ แวะไปอ่านประจำค่ะ คิดถึงแกงเขียวหวานด้วย จากคุณ : kissaqua - [ วันจักรี 14:14:37 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ประเทศไทย มีอะไรแปลกๆที่อธิบายไม่ได้หลายอย่าง อย่างเช่น การจับฉลากเข้าโรงเรียน (ไม่รู้หัวสมองใครคิด) ไม่ต้องตั้งใจเรียนก็ได้ ขอแค่มีบ้านอยู่ใกล้โรงเรียน ลุ้นการจับฉลากได้ โดยมีสัดส่วนการสอบเข้า ประติ๋วเดียว แทนที่จะเป็นตะแกรงร่อนคนที่เหมาะเข้าไป ก็กลายเป็น เล่นเกมวัดดวงกันแทน นโยบายบ้านใกล้โรงเรียน... เมื่อโครงการใดๆมีลำดับพัฒนาการ เริ่มต้นจากการระบุปัญหา (ตาม scientific method) ปัญหาจราจรของ "กทม." เป็นหนึ่งที่ทำให้มีแนวคิด ให้เด็กเข้า รร ใกล้บ้านตัวเองจะได้ไม่ต้องเดินทางมาก แต่คนร่างนโยบายก็เบลอๆ คิดว่า ประเทศไทย = กทม. ดังนั้น ปัญหาของ กทม. ก็คงเหมือนๆกันกับที่อื่นๆทั้งหมดในไทย (ใครทำงานวิจัย แล้วใช้การให้เหตุผลแบบนี้ในมหาลัยฯ ต้องโดนไล่ไปแก้ชัวร์ๆ) โครงการนี้จึง implement และ testing พร้อมกันหมดทุกพื้นที่ในไทยพร้อมกัน.... (ทั้งๆที่ในแต่ละท้องที่ มี ปัญหา ที่แตกต่างกัน และหลายที่ การจราจร ไม่ใช่ปัญหาของเขา, แต่ปัญหาใหญ่ของเขาคือคุณภาพของแต่ละ ร.ร. ต่างกันแบบฟ้ากับเหว ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ต้องแย่งกันเข้าที่ๆดีๆซึ่งมีจำกัดก่อน ตามความสามารถที่ตนมีอยู่) และเรื่องแปลกๆอีกหลายอย่างมากมาย.... ปล. บาง คห. ลืมนึกไปว่า ระบบขนส่งมวลชน ของ ไทย กับ ญี่ปุ่น มีประสิทธิภาพ ต่างกันอย่าง "สิ้นเชิง" (ในไทย คนไม่มีรถส่วนตัว ก็เหมือนชนชั้นสองแล้ว...) ปล2. ในญี่ปุ่น ก็แย่งกันเข้า มหาลัยดีๆ เหมือนกัน , แม้แต่ในระดับก่อนมหาลัย แม้เขาจะคุมมาตรฐานได้ใกล้เคียงกัน แต่ก็มีจัดลำดับชั้น และมีความน่าเข้าเรียนต่างกันอยู่ดี (มันก็สะท้อนออกมาใน ซี่รี่ส์ญี่ปุ่น หลายๆเรื่องอยู่...) จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ วันจักรี 15:09:55 ]

ความคิดเห็นที่ 83 มองหนังสือเรียนเค้า แล้วหันกลับมามองหนังสือเรียนเรา   เฮ้อ..... จากคุณ : m-o-o-k-i - [ วันจักรี 15:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 84 จะเอาแบบนี้ๆๆๆๆ เมืองไทย ท่องช้อยส์ตามชีทที่ครูแจก ก็ได้เกรด4 แล้วล่ะ จากคุณ : ดารินฮา - [ 7 เม.ย. 52 15:00:13 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ครูในประเทศไทยเป็นคนที่เรียนปานกลาง อยากเป็นข้าราชการ หรือไม่ก็ไม่รู้จะทำงานอะไรดีครับ ไม่ค่อยมีคนที่ถ่ายทอดความรู้เก่งหรือว่ามีวิสัยทัศน์ในการสอนหรือให้คำแนะนำกับเด็กครับ อีกทั้งตำราเรียนก็ไม่ค่อยจะน่าสนใจที่จะใครเรียนสักเท่าไรนัก ที่สำคัญรายได้น้อย(มาก!!!) ในตอนที่เริ่มเป็นครูซะด้วยสิ และคนที่เรียนเก่ง ๆ ที่จะมาในสายการศึกษานั้นก็ไปเป็นอาจารย์ซะหมด จากคุณ : mooncha - [ 7 เม.ย. 52 15:41:11 ]