ความคิดเห็นที่ 1 วิหารอาบูซิมเบล ( Abu Simbel Temple ) เป็นผลงานของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ( Ramesess II ) ในราชวงศ์ที่ 19 มีอายุนับถึงปัจจุบันกว่า 3,299 ปี ( 1290-1224 B.C. ) ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบนาสเซอร์ทางตอนใต้สุดของประเทศ ติดชายแดนประเทศซูดาน จากคุณ : อนาคต - [ 4 เม.ย. 52 16:12:58 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ทางใต้ของประเทศชาวอียิปต์เรียกว่า Upper Egypt สาเหตุก็เพราะว่ามีพื้นที่ภูมิประเทศสูงกว่าทางด้านเหนือและเป็นแหล่งกำเนิด แม่น้ำไนล์ สายน้ำมหัศจรรย์ที่มีต้นน้ำมาจากประเทศตอนกลางของทวีปแอฟริกามาบรรจบกันที่ ประเทศซูดาน ก่อนไหลผ่านประเทศอียิปต์เป็นประเทศอกแตกตั้งแต่ทางด้านใต้ไปจรดเหนือสุดลง สู้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน บริเวณทิศเหนือหรือตอนบนเป็นที่ราบลุ่มมีพื้นที่ต่ำกว่า ชาวอียิปต์จึงเรียกบริเวณนี้ว่า Upper Egypt ทางเข้าสู่วิหารอาบูซิมเบลปูด้วยอิฐบล็อกเป็นระเบียบ เส้นทางเลียบทะเลสาบ และมีท่าเรือเทียบหน้าวิหารพอดี เป็นสถาปัตยกรรมของฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่หลังจากเว้นว่างจากศึกสงครามปกป้อง ประเทศแล้ว การสร้างเทวสถานเพื่อสักการะและบูชาเทพเจ้าให้มากที่สุด และสร้างสุสานให้กับตัวเองไปพร้อม ๆ กันด้วย และดูเหมือนว่าฟาโรห์รามเสสที่ 2 ( Ramesess II ) ทรงมีปรีชาสามารถทั้งการรบและสร้างเทวสถานทำนุบำรุงมากกว่าฟาโรห์องค์ใด ๆ พระองค์จึงทรงได้รับการขนานนามต่อท้ายว่า “มหาราช ” จากคุณ : อนาคต - [ 4 เม.ย. 52 16:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 3 รามเสสที่ 2 มีเหตุผลในการสร้างเทวสถานขึ้นบริเวณนี้ เพราะพระองค์ต้องการแสดงอำนาจเหนือ อาณาจักรคูช ( Kush ) ของชาวนูเบียน ซึ่งมีอิทธิพลมากทางอียิปต์ตอนบน Upper Egypt และต้องการให้ผู้คนได้เห็นว่า พระองค์มีบารมีเพราะได้รับการปกป้องจากสุริยเทพที่ผู้คนกราบไหว้ วิหารแห่งนี้จึงสร้างถวายแด่เทพเจ้ารา-ฮอรัคตี้ ( Ra-Jprakhty ) ดังรูปแกะสลักเหนือทางเข้าวิหารแห่งรามเสส และอีกประการเพื่อแสดงความรักต่อองค์มเหสีผู้เป็นราชินี จึงได้สร้างวิหารอีกหลังแก่พระนางเนฟเฟอร์ตารี ( Nefertari ) เพื่อถวายสักการะแด่เทวีฮาเธอร์ ( Hathor ) พระมารดาแห่งจักรวาลอันเป็นสุริยเทวี แต่เทวสถานแห่งนี้ได้ถูกโยกย้ายมาประกอบขึ้นใหม่ และโดยเฉพาะภูเขาทั้งสองลูกที่สร้างครอบเทวสถานทั้งสองหลังนี้คือภูเขาเทียม แต่ความยิ่งใหญ่กลับสร้างความตื่นตา และกลับยิ่งทึ่งในความสามารถของมนุษย์ที่สามารถแก้ปัญหาอันยิ่งใหญ่ได้ใน เวลาอันรวดเร็วแก่เทวสถานแห่งนี้ จากคุณ : อนาคต - [ 4 เม.ย. 52 16:14:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เดิมทีวิหารแห่งนี้จมอยู่ในโคลนตมและทรายนานหลายศตวรรษ ถูกค้นพบโดยบังเอิญโดยชาวสวิส ชื่อ Johann Ludwig Burckhardt  ในปี ค.ศ. 1813 ต่อมา Giovanni Battista Belzoni ชาวอิตาเลียนมาสำรวจจนพบทางเข้าในปีค.ศ. 1817 และได้มีการนำทรายในวิหารออกจนหมด จนกระทั่งปีค.ศ. 1960 องค์การยูเนสโก ( Unesco ) ได้เข้ามาช่วยเหลือ รวมถึงประเทศต่างๆ ด้วย เพื่อกู้เทวสถานและโบราณวัตถุบริเวณใกล้ทะเลสาบนาสเซอร์ที่มีถึง 10 แห่ง หนีน้ำจากการสร้างเขื่อนอัสวานแห่งใหม่ ( Hight Dam ) ถ้าไม่รีบย้ายหนีรับรองเราคงต้องได้ชมวิหารแห่งนี้ใต้น้ำอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงมีเสียงตอบรับช่วยเหลือด้านเงินมากจาก 51 ประเทศ และดำเนินการกู้เทวสถานอาบูซิมเบลโดยทีมงานจากนักโบราณคดีประเทศต่าง ๆ มีอียิปต์ อิตาลี สวีเดน เยอรมนี และฝรั่งเศส โดยเริ่มทันทีเมื่อปีค.ศ. 1964 จากคุณ : อนาคต - [ 4 เม.ย. 52 16:15:57 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตัววิหารอาบูซิมเบลและรูปสลักลอยตัวของฟาโรห์รามเสสที่ 2 อันใหญ่โตมหึมาถูกตัดออกเป็นชิ้น เหมือนกำแพงหนา ๆ โดยเฉพาะชิ้นส่วนบริเวณในหน้าของรูปสลักจะถูกเลื่อยมาทั้งใบหน้า โดยมีเดือยทางแผ่นหลังของใบหน้ายื่นออกเพื่อสอดเข้ากับชิ้นส่วนช่วงหัวอีกที ชิ้นส่วนต่าง ๆ มีมากกว่า 2,000 ชิ้น น้ำหนักของชิ้นส่วนแต่ละชิ้นเฉลี่ยประมาณ 10-40 ตัน ทุกชิ้นถูกกำกับด้วยหมายเลขเพื่อการประกอบที่ถูกต้อง หลังจากนั้นจึงได้ขนย้ายชิ้นส่วนดังกล่าวมาก่อสร้างขึ้นใหม่บริเวณที่อยู่ใน ปัจจุบัน จากคุณ : อนาคต - [ 4 เม.ย. 52 16:16:39 ]

ความคิดเห็นที่ 6 การเริ่มสร้างประกอบขึ้นใหม่เริ่มจากการสร้างวิหารและวางรูปสลักรามเสสที่ 2 ให้เสร็จสิ้นก่อน แล้วค่อยสร้างภูเขาเทียมครอบทับทีหลังในลักษณะเป็นโดม ( Dome ) ตัววิหารทั้งสองหลังหันหน้าออกไปทางทะเลสอบนาสเซอร์ อยู่ห่างจากพื้นที่เดิมประมาณ 210 เมตร และบริเวณนี้มีความสูงกว่าพื้นที่เดิมกว่า 65 เมตร ทุกอย่างทางทีมงานนักโบราณคดีพยายามให้อยู่ในสภาพเดิมมากที่สุด เพื่อความยิ่งใหญ่ของโบราณสถานแห่งนี้ และโครงการนี้ก็เสร็จสมบูรณ์เปิดให้เข้าชมอีกครั้งใน ค.ศ. 1968 รวมเวลาการกู้และบูรณะยาวนานถึง 4 ปี เสียค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ประมาณ 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากคุณ : อนาคต - [ 4 เม.ย. 52 16:17:18 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มหาวิหารแห่งฟาโรห์รามเสสที่ 2 เดิมก่อสร้างโดยเจาะภูเขาหินทรายลึกเข้าไป ด้านหน้ามีขนาดความกว้าง 35 เมตร เหมือนหน้าผา สูง 30 เมตรมีรูปสลักประทับนั่งของฟาโรห์รามเสสที่ 2 เองถึง 4 รูปเพื่อเฝ้าด้านหน้าวิหารแห่งนี้ มีความสูงถึง 20 เมตร รูปสลัก 2 องค์ จากซ้ายส่วนหัวแตกหักหล่นลงอยู่เบื้องล่าง และรูปสลักฟาโรห์ทั้ง 4 จะปรากฏรูปสลักเล็ก ๆ เป็นผู้หญิงยืนระหว่างขาของรูปคือ รูปสลักของพระมารดา มเหสี โอรสและธิดาของฟาโรห์ อันมีความหมายว่า พระองค์คือผู้ปกป้องนั่นเอง มีวิธีสังเกตดังนี้ เช่น รูปของฟาโรห์รามเสสที่ 2 จะมีชื่อของท่านแกะสลักร่องลึกอยู่ที่ต้นแขน ช่องที่แกะชื่อด้วยอักษรอียิปต์โบราณ (Hieroglyphic) นั้น เขาเรียกว่าคาร์ทูช (Cartouche) ตัวคาร์ทูชนี่แหละคือตัวบ่งบอกอธิบายหลักฐานต่าง ๆ ในอียิปต์ให้เราเข้าใจ จากคุณ : อนาคต - [ 4 เม.ย. 52 16:18:12 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ด้านบนสุดด้านหน้าวิหารจะถูกประดับด้วยรูปสลักลิงนั่งเรียงเป็นแถวยาวตาม ความยาวของหน้าวิหารนับได้ 22 ตัว ตัวเลข 22 ดังกล่าวนี้ หมายถึง ช่วงเวลาของแต่ละวันมันจะหมุนไปตลอดเวลา เปรียบเหมือนอากัปกริยาของลิง อันหมายถึงใน 1 วันมีแค่ 24 ชั่วโมง ฟาโรห์รามเสสคงสร้างไว้เป็นคติสอนใจพวกที่ไม่รู้คุณค่าของเวลา แต่หนังสือบางเล่มเขียนว่ามีลิง 23 ตัวด้วย ลิงบาบูนจะเป็นสัญลักษณ์ของการสักการบูชาและการทำความเคารพดวงอาทิตย์ เนื่องจากแสงอาทิตย์แรกจะส่องไปยังลิงพวกนี้ก่อน แล้วค่อยเลื่อนลงมาจับรูปปั้นทั้ง 4 ของ Ramses II ซึ่งน่าจะเกี่ยวกับการแสดงความเคารพต่อดวงอาทิตย์นอกเหนือจากการบ่งบอกช่วง เวลา จากคุณ : อนาคต - [ 4 เม.ย. 52 16:19:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เหนือประตูทางเข้าวิหารคือ รูปสลักเทพเจ้ารา –ฮอรัคตี้ ประทับยืนโผล่ออกมาจากช่องเหนือประตูหน้าวิหาร ด้านข้างคือภาพแกะสลักร่องลึกรูปของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ทั้งสองด้านกำลังบูชา โดยในมือยื่นถวายเทวีมาอัต ( Maat ) แด่เทพเจ้ารา – ฮอรัคตี้ ห้องโถงแรกภายในวิหารเรียกว่า ( Great Pillared Hall) จุดเด่นอยู่ที่เสาทั้ง 8 ต้นถูกประดับด้วยรูปสลักของรามเสสที่ 2 เองโดยทรงเครื่องแบบเทพโอซิริส ช่วยยืนค้ำภายในวิหาร เป็นสไตล์คล้ายศิลปะกรีก ที่นิยมนำรูปปั้นคนมาตกแต่งหัวเสา แต่เป็นภายนอกอาคาร จากคุณ : อนาคต - [ 4 เม.ย. 52 16:20:37 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผนังภายในวิหารถูกแกะสลักร่องลึกลงสีรูปเรื่องราวต่าง ๆ พร้อมคาร์ทูชอธิบายเหตุการณ์มากมาย ภาพส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับภารกิจด้านสงครามของรามเสสที่ 2 เป็นภาพที่สำคัญยิ่งที่พระองค์ได้รับชัยชนะราวปาฏิหาริย์ เพราะพระองค์ได้รับพรและความช่วยเหลือจากเทพเจ้าอะมอนรา คือครั้งการสู้รบกับพวกฮิตไทต์ (Hittites) ที่เมืองคาเดช ( Kadesh ) ในปี 1300 B.C. ตามประวัติศาสตร์อ้างว่ารามเสสที่ 2 สามารถสนองความประสงค์ของผู้เป็นพ่อคือฟาโรห์ เซติที่ 1 ( Seti I ) ที่ทรงต้องการปราบพวกฮิตไทต์เป็นหนักหนา แต่ชัยชนะที่รามเสสที่ 2 ได้รับก็ไม่ใช่ชัยชนะที่ยั่งยืนหรือถาวรเพราะกองทัพฮิตไทต์ฉลาดในการรบยิ่ง รามเสสที่ 2 จึงใช้วิธีทำสัญญาสงบศึกจนมีความสัมพันธ์แนบแน่นเมื่อพระองค์ได้เจ้าหญิง แห่งฮิตไทต์มาเป็นพระสนมถึง 2 องค์ เลยเพิ่มสถิติจำนวนมเหสีและนางสนมทั้งสิ้น รวม 60 พระองค์แก่รามเสสที่ 2 ส่วนโอรสและธิดานั้นนับร้อย แถมพระองค์ยังอายุยืนอีกต่างหากถึง 92 พรรษา ในที่สุดก็มาถึงห้องที่สำคัญที่สุดซะที ห้องสำคัญที่ว่าคือ ห้องขนาดเล็กอยู่ลึกสุดภายในวิหารก่อนผ่านพิลลาร์ฮออล์ ( Pillared Hall) ขนาดเล็กไป ห้องนี้ลึกถึง 47 เมตร จากปากทางเข้า ตรงกลางห้องมีแท่นบูชาสำหรับวางเรือศักดิ์สิทธิ์ของเทพอะมอนรา (Sacred Braque) จากคุณ : อนาคต - [ 4 เม.ย. 52 16:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ติดผนังด้านหลังสุดของห้องเล็ก ๆ นี้มีรูปสลักลอยตัว 4 รูปประทับนั่งอยู่ มองเข้าไปนับจากด้านขวามือของเราเองคือเทพ รา-ฮอรัคตี้ (มีแผ่นสุริยวงกลมบนศีรษะ) ถัดมาคือ ฟาโรห์รามเสสที่ 2 รูปที่ 3 คือเทพอะมอนราและเทพพทาห์องค์ซ้ายสุด มือสองข้างกุมคฑา ภาพฝาผนังด้านข้างเป็นภาพการบูชาเทพอะมอนราพร้อมรูปเรือโซลาร์โบ๊ต ที่เทพเจ้าใช้เป็นพาหนะเดินทางท่องจักรวาล เทพเจ้าทั้ง 3 รูปล้วนมีความสำคัญยิ่งในดินแดนไอยคุปต์ ฟาโรห์รามเสสที่ 2 จึงอัญเชิญมาประทับรวม ณ วิหารแห่งนี้ เทพรา-ฮอรัคตี้เป็นสุริยเทพแห่งเมืองเฮลิโอโปลิสที่เคยเป็นเมืองหลวง เทพพทาห์เป็นเทพประจำเมืองเมมฟิสอดีตเมืองหลวงเช่นกัน และเทพอะมอนรา เทพประจำเมืองหลวงธีบส์ในสมัยรามเสสที่ 2 เอง ภายในห้องนี้ยังมีปรากฏการณ์สำคัญอีกอย่างด้วย แต่เป็นที่น่าแปลกใจตรงที่เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นก่อนที่จะย้ายวิหารมายัง ที่ปัจจุบันเสียอีก แต่เมื่อย้ายมาอยู่ที่นี้ก็ยังเกิดปรากฏการเช่นเดิมอีก เพียงแต่วันที่จะปรากฏการณ์เปลี่ยนไปเท่านั้นคือ ทุก ๆ ปีในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ และ 22 ตุลาคม เพียง 2 ครั้งใน 1 ปี จะมีลำแสงของดวงอาทิตย์ตั้งแต่เช้าตรู่จากทางตะวันออก พุ่งกระทบแผ่นน้ำในทะเลสาบ มาทะลุผ่านวิหารลอดเข้าสู่ภายในห้องบูชาแห่งนี้ จากคุณ : อนาคต - [ 4 เม.ย. 52 16:22:24 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ที่เหลือสามารถอ่านต่อได้ที่ http://iyakoop.exteen.com/20081210/abu-simbel-temple  นะครับ เพราะไม่เกี่ยวกับที่อยากถามแล้ว แต่อยากจะถามว่า แล้วเราสามารถย้ายปราสาทหิน เหมือนแบบนี้ได้ไหมครับ? จากคุณ : อนาคต - [ 4 เม.ย. 52 16:24:44 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถึงจะไม่มีปราสาทฯ ก็มีกรณีพิพาทระหว่างดินแดนอยู่แล้วขอรับ โดยเฉพาะแผ่นที่ ที่ต่างคนต่างถือคนละฉบับ และถ้าข้าน้อยจำไม่ผิด รู้สึกแถวๆ รอยต่อชายแดนของทั้งสองประเทศ มีการสำรวจว่า น่าจะมีปริมาณของก๊าซธรรมชาติอยู่ไม่น้อยทีเดียว จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 4 เม.ย. 52 16:48:05 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ก็น่าจะได้ ถ้าทุนหนา แต่ผมอยากให้กลับคืนสู่พื้นดินมากกว่า ระเบิดพันปอนด์น่าจะเอาอยู่ จากคุณ : Phantom thief - [ 4 เม.ย. 52 16:52:38 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สำรวจกันไปเลย ว่า ก๊าซธรรมชาติมีอยู่จริงไหม ถ้ามีก็แบ่งกันคนละครึ่ง หารเท่ากันเด๊ะๆ ไปเลย จากคุณ : คาถาป้องกันแห้ว - [ 4 เม.ย. 52 16:58:43 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ย้ายได้ แต่แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะปัญหามันเรื่องดินแดน ไม่ใช่เรื่องปราสาท ศาลโลกตัดสินว่าอธิปไตยเหนือปราสาทเป็นของกัมพูชา ไทยเราแปลเอาเองว่าอธิปไตยเหนือปราสาทไม่รวมที่ดินด้วย กัมพูชาคงไม่คิดอย่างงั้น ดังนั้นแก้ปัญหาไม่ได้ จากคุณ : vision - [ 4 เม.ย. 52 17:01:27 ]

ความคิดเห็นที่ 17 พื้นดินใต้ปราสาทก็เป็นของเขมรครับ อย่าไปเชื่อคนที่บอกว่าตัวปราสาทเป้นของเขมรแต่พื้นดินเป็นของเรา เพราะถ้าศาลโลกตัดสินอย่างนั้นมันยิ่งวุ่นวายหนักไปอีก ศาลโลกคงไม่คิดตื้นๆแบบนั้นหรอก จากคุณ : gure - [ 4 เม.ย. 52 17:05:16 A:125.27.207.83 X: TicketID:111025 ]

ความคิดเห็นที่ 18 พื้นดินใต้ปราสาทเป็นของเขมรน่ะใช่ แต่ที่มีปัญหากันอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่พื้นที่ใต้ปราสาทซะหน่อย มันเป็นพื้นที่รอบๆ ปราสาทประมาณ 4.5 ตร.กม.ไม่ใช่เหรอที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ เพราะตอนศาลโลกตัดสินเค้าตัดสินที่ตัวปราสาท ไม่ได้ตัดสินพื้นที่รอบๆ ด้วยซะหน่อย จากคุณ : Aristolochia - [ 4 เม.ย. 52 17:12:19 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ย้ายได้ เงินไม่มี -*- จากคุณ : ธารวรี - [ 4 เม.ย. 52 17:13:06 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ค่าย้ายกับค่ากระสุนปืนใหญ่อันใหนจะประหยัดเงินกว่ากันครับ อิอิ จากคุณ : จอมยุทธตะเกียบคู่ - [ 4 เม.ย. 52 17:31:55 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าให้ยกออกไปจริง ระวังมันจะทวงพิมาย พนมรุ้ง ปรางค์สามยอดไปด้วยนะ ปราสาทหินในยุคนั้นมันจะย้ายกลับหมดน่ะซิ     ที่บอกว่าตัดสินเฉพาะตัวปราสาทน่ะ มันเกินไปหน่อยครับ  โบราณสถานมันบ่องบอกอดีตได้หลายอย่างตำแหน่งที่ตั้งก็บอกเรื่องราวในอดีตได้ครับ  ส่วนตัวเป็นการพูดที่เข้าข้างตัวเองไปหน่อยครับ คิดแบบศรีธนนชัยในประเทศคิดได้ครับ แต่ต่างชาติเขาคงไม่คิดแบบเรา  ยอมรับเถอะครับว่าตัวปราสาทอาณาเขตบนดินบนอากาศน่ะเป็นของเขาไปแล้ว ที่ยิงกันอยู่เนี่ยพื้นที่รอบๆที่เป็นปัญหา  ตัวปราสาทพื้นที่ปราสาทนี่ผมยังมองไม่เห็นหนทางที่จะได้คืนมาเลย  นอกจากทำสงครามแบบอีรักยึดคูเวตชนะมาก็ได้ครอง จากคุณ : waphoo - [ 4 เม.ย. 52 17:33:30 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ตอบเฉพาะคำถามน่ะครับ ย้ายได้สบายมากครับ จากคุณ : kanoomtan - [ 4 เม.ย. 52 17:42:00 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ไปจำขี้ปากใครมาครับ ว่าศาลโลกพิพากษาให้ตัวปราสาทเป็นของกัมพูชา พื้นดินที่ตั้งปราสาทเป็นของไทย ? เคยอ่านคำพิพากษากันบ้างหรือไม่ ? "...In its Judgment on the merits the Court, by nine votes to three, found that the Temple of Preah Vihear was situated in territory under the sovereignty of Cambodia and, in consequence, that Thailand was under an obligation to withdraw any military or police forces, or other guards or keepers, stationed by her at the Temple, or in its vicinity on Cambodian territory..." Judgment of 15 June 1962 http://www.icj-cij.org/docket/index.php?sum=284&code=ct&p1=3&p2=3&case=45&k=46&p3=5 เอาท่อน "the Temple of Preah Vihear was situated in territory under the sovereignty of Cambodia" ไปให้เด็ก ม.1 ที่พอจะอ่านภาษาอังกฤษออก ก็แปลได้ครับ ว่า หมายความว่าอย่างไร ? ลป. ขนาดโปรแกรม sub นรก ของ Google ยังแปลให้งี้เลยครับ "...ในการตอบแทนในประมาณตนศาลโดยคะแนนเสียงเก้าสามพบที่วัด Preah Vihear ถูกตั้งอยู่ในพื้นที่ใต้อธิปไตยของกัมพูชาและในการพิจารณาที่ประเทศไทยถูกภายใต้การบังคับให้ถอนทหารหรือตำรวจใดๆที่บังคับ, หรืออื่นๆ guards หรือ keepers, ประจำโดยเธอที่วัดหรือปริมณฑลในพื้นที่กัมพูชา. แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 52 17:57:28 แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 52 17:52:57 จากคุณ : บุญชิตฯ (Players) - [ 4 เม.ย. 52 17:52:10 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตอบ จขกท. ก่อนว่าด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันน่าจะทำได้ครับ แต่ในทางปฏิบัติ การย้ายหรือปรับปรุงแก้ไขมรดกโลก ไม่น่าจะทำได้ ส่วนเรื่องของคำตัดสิน ก็เป็นอย่าง #23 ว่านั่นแหละครับ คือทั้งปราสาทและดินแดนที่ปราสาทตั้งอยู่เป็นของกัมพูชา แต่บริเวณทับซ้อนนั้น ไม่ได้มีการพิจารณาตัดสินจากศาลโลก จึงกลายเป็นปัญหาถึงทุกวันนี้ ถ้าในบริเวณนั้นมีก๊าวธรรมชาติหรือน้ำมันอยู่จริง ผมเห็นว่า การเจรจาแบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน เหมือนก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด จากคุณ : ปั๊ปโปะจัง - [ 4 เม.ย. 52 18:08:59 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ^ ^ ^ ^ นั้นสิครับ แต่งานนี้ผมชักจะเห็นด้วยกับ #20 ซะแล้วสิ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 4 เม.ย. 52 18:09:03 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เคยได้ยินว่าบริเวณสถานฑูตของแต่ละชาติ ก็ถือว่าเป็นเขตดินแดนของประเทศนั้นๆ อย่างสถานฑูตสหรัฐที่ถนนวิทยุ ก็ถือว่าเป็นแผ่นดินของสหรัฐ ใช่หรือไม่ครับ? ถ้าใช่ ตรงสถานฑูตสหรัฐก็ไม่เห็นมีบริเวณทับซ้อนให้เป็นปัญหาเลย เราใช้หลักการเดียวกันนี้กับปราสาทหินไม่ได้เหรอครับ? ทำไมเขมรถึงสามารถมีดินแดนทับซ้อนข้างไหล่ภูเขามาได้? จากคุณ : อนาคต - [ 4 เม.ย. 52 18:24:48 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เอาบูโดเซอร์ ไถ่:-)ให้ราบ........... หมดเรื่องหมดราว................ จากคุณ : ป๋าชาร์ป - [ 4 เม.ย. 52 18:34:11 ]

ความคิดเห็นที่ 28 จะว่าไปแล้ว บ้านเรามีพื้นที่แปลก ๆ แบบนี้หลายแห่งนะ อย่างยอดภูชี้ฟ้าก็แปลก ตะกายขึ้นไปแทบตาย ที่ยอด กลายเป็นเขตลาวเฉยเลย มีหมุดโชว์เป็นหลักฐาน โชคดีที่ไม่มีศาสนสถานบนนั้น มีแต่พระอาทิตย์ขึ้น ทิวทัศน์ และหมอก By the way, ด้วยเทคโนโลยีสมัยปัจจุบัน ย้ายปราสาทหินได้ไหม ได้แน่ ๆ เพราะเวลาอนัสติโลสิสปราสาทหินในบ้านเรา ก็ต้องรื้อลงหมด ทำฐานใหม่ ก็เหมือนสร้างใหม่ แต่พยายามให้เหมือนของเดิม เสริมให้แข็งแรงกว่าเดิมอยู่แล้ว แต่คิดว่าเรื่องนี้น่าจะซับซ้อน และละเอียดอ่อน เกินกว่าที่จะแก้ได้ด้วยการย้ายปราสาทน่ะ แล้วถ้าเราแก้ปัญหาปราสาทพระวิหารได้สำเร็จ เดี๋ยวก็มีที่ต่อไป มาอีกแหละ จากคุณ : พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว - [ 4 เม.ย. 52 18:46:38 A:58.8.127.236 X: TicketID:183970 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาบสมุทรมลายู ใครควบคุมได้ ก็จะมีอิทธิพลคุมสองมหาสมุทร แล้วยิ่งเห็นข่าวในโทรทัศน์ เรื่องความฝันในอนาคต จะให้อาเซียนเป็นแบบอียู ไว้ต่อรองการค้า โน่น ไปถึงเรื่องใช้สกุลเงินเดียวกัน ใครจะยอมง่าย ๆ แล้วยังโครงการหกเหลี่ยมเศรษฐกิจแม่น้ำโขงนั่นอีก ถ้าสำเร็จ จีนจะยิ่งแข็ง ฝรั่งก็ยิ่งประสาทเสีย แล้วถ้าเรื่องนี้ไปศาลโลก ยิ่งน่ากังวล เพราะเราไม่ได้มีปัญหาแค่กับกัมพูชา แต่กลายเป็น เรากำลังมีปัญหากับกัมพูชา และประเทศที่ลงทุนในกัมพูชา ถ้าโหวตในฐานะลูกขุน โอย ไทยแลนด์หนาวมาก จากคุณ : พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว - [ 4 เม.ย. 52 19:02:06 A:58.8.127.236 X: TicketID:183970 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อยากให้ Mr. Terran เล่าเรื่องลึกลับของสถาปัตยกรรมอินเดียจังเลย เพราะถ้าปราสาทพระวิหาร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของศูนย์กลาง ซึ่งน่าจะเป็นอังกอร์วัด (นครวัด) ใช่ทิศที่มองเห็นดาวเหนือหรือเปล่า ถ้าใช่ นั่นน่ะ ทางออกจักรวาลเลยเชียว แล้วถ้าปราสาทพระวิหารถูกเลือกมา ให้เป็นจุดปัญหาล่ะ หนอยแน่ ไทยแลนด์ มายุ่งกับทางออกจักรวาลของเรา ตามแกนดาวเหนือน่ะ โอ้ สู้ตายพวกเรา มาถึงตรงนี้ ไม่ว่าจะย้ายปราสาท หรือถล่มปราสาท หรือไปศาลโลก ก็ไม่น่าใช่ตัวเลือกของทั้งสองประเทศอยู่ดี ทำอย่างไรดีนะ จากคุณ : พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว - [ 4 เม.ย. 52 19:16:48 A:58.8.127.236 X: TicketID:183970 ]

ความคิดเห็นที่ 31 #26 เพราัะนั่นเป็นบริเวณที่ตกลงกันเรียบร้อยตามวิธีทางการทูต สำหรับพื้นที่ตรงนั้น ข้่อสรุปง่ายๆคือ ไทยอ้างว่าของไทย กัมพูชา อ้างว่าของกัมพูชา ส่วนปราสาท ศาลโลกตัดสินไปแล้ว ส่วนที่เหลือไม่มีใครตัดสิน ศาลให้คุยกันเอง ถ้าเราคุยกันจบเมื่อไหร่ ก็ไม่มีคำว่าพื้นที่ทับซ้อนอีก(ทับซ้อนในที่นี้ คือ อ้างสิทธิซ้อนกัน) จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 4 เม.ย. 52 19:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ย้ายตัวปราสาทนั้น ย้ายได้ครับ แต่ย้ายแล้ว จะเอาไปไว้ที่ไหน ? เพราะตัวปราสาทเป็นของกัมพูชา ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวปราสาท แต่อยู่กับบริเวณพื้นที่ทับซ้อนมากกว่า ตราบใดที่ยังมีภาพกองกำลังทหารทั้งสองประเทศพร้อมอาวุธหนักตั้งคุมเชิงกันแบบนี้  คงคุยกันยากครับ จากคุณ : owl2 - [ 4 เม.ย. 52 20:09:47 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ปกติเวลาซ่อมปราสาทหินก็ใช้วิธีมาร์คตำแหน่งแล้วย้ายออกเพื่อทำฐานรากอยู่แล้ว(อนัสไตโลซิซ) จากคุณ : ตุ้บตั้บ - [ 4 เม.ย. 52 20:22:15 ]

ความคิดเห็นที่ 34 #26 สถานทูตต่างประเทศในไทย เป็นดินแดนไทยครับ คุณไปยิงคนตายในสถานทูตอเมริกา รับโทษตามกฎหมายไทยครับ แต่จะมีเอกสิทธิ์คุ้มครองสถานทูตอยู่ ทำให้ตำรวจเข้าไปตรวจค้นด้วยวิธีการธรรมดาไม่ได้ครับ จากคุณ : เชื่อผมเหอะ แล้วดีเอง - [ 4 เม.ย. 52 21:22:51 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผมว่าค่ากระสุนปืนใหญ่ มันถูกกว่าค่าขนย้ายนะ จากคุณ : ซายูบิ - [ 4 เม.ย. 52 21:34:43 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เสร็จจากเขาพระวิหาร..ต่อไปเราจะโดนอีก และแพ้อีก คือ ปราส่าท ตาควาย/ ปราสาท ตาเมียนธม /ปราสาท สะด๊อกก๊อกธม...ที่เพิ่งไป ดูมา เมื่อไม่กี่วัน..จะพบว่ามีทั้งทหารไทย กับ ทหารเขมร.ยืนดุ คู่กัน..เพื้อแสดงสิทธิ์ ทั้ง สองประเทศ..ถ้าเอาแผนที่ที่ ฝรั่งเศสวางยาไข้นศาลโลก..ไทยก็แพ้อีก เพราะลูกขุนเลือกข้างเรียบร้อยแล้ว จากคุณ : น้ำบนใบบอน - [ 4 เม.ย. 52 21:50:57 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คนห้องนี้ก็แปลก ก็ปราสาทมันเป็นของเค้า แทนที่จะบอกว่ายอมรับความจริงเหอะว่าเป็นของเขา กลับบอกให้ทุบให้ยิงทิ้ง น่ะ ยอมรับความจริงซะบ้างเถิด จากคุณ : Artaria EpisodeII - [ 4 เม.ย. 52 22:27:35 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ^ ^ ^ คุณนี่ก็แปลก ก็เพราะรู้ว่าเป็นของเค้าที่มาอยู่ในที่ของเราเลยจะส่งคืน จากคุณ : Mr.Pollen - [ 4 เม.ย. 52 22:42:10 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ดินแดนนั้นก็ยกให้โรฮิงยาสิครับ เขายิ่งพยายามหาประเทศอยู่นะ จากคุณ : powerconduit - [ 4 เม.ย. 52 22:47:12 ]

ความคิดเห็นที่ 40 สมัยก่อนปืนใหญ่ของไทยใช้ 105-155 มม เป็นหลัก ของรอบบ้านจะเป็น 130 มม กระสุนคนละขนาด พิสูจน์ได้ไม่ยาก แต่ตอนนี้ไทยก็มี 130 มม เหมือนกัน รบเมื่อไหร่ ตั้งองศายิงให้สูงเข้าไว้ ตูมลงมากลางประสาท พิสูจน์ยากเหมือนกันว่า ลูกปืนเป็นของใคร ..... จากคุณ : monsungja - [ 4 เม.ย. 52 23:02:43 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อยากรู้ว่าถ้าเขมรตั้งฐานปืนใหญ่บริเวณปราสาทแล้วยิงใส่ไทย ถ้าเราตอบโต้ไปจนทำให้ตัวปราสาทเสียหายจะเป็นไรมั้ย จากคุณ : Aristolochia - [ 5 เม.ย. 52 02:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คุณนี่ก็แปลก ก็เพราะรู้ว่าเป็นของเค้าที่มาอยู่ในที่ของเราเลยจะส่งคืน ^ ^ ^ ที่ตั้งปราสาทก็ของเขมรครับ คุณคงเข้าใจผิดแล้ว ที่มีปัญหาเถียงกันไม่จบนี่คือบริเวรรอบๆปราสาทครับ เขมรกับไทยถือแผนที่คนละฉบับกัน ฝั่งไทยก็ว่าของไทย ฝั่งเขมรก็ว่าเป็นของเขมร ปล.แผนที่ไทยทำขึ้นมาหลังจากไทยแพ้คดีที่ศาลโลก ไทยพยายามจะรักษาพื้นที่ไว้ให้มากที่สุด รู้สึกอังกฤษจะรับรองแผนที่ฉบับนี้ให้ แผนที่เขมรเป็นแผนที่ที่ฝรั่งเศสทำขึ้น ซึ่งเป็นแผนที่ที่ศาลโลกใช้ตัดสินให้ปราสาทเป็นของเขมร แผนที่ฝั่งไทยบอกว่าปราสาทและ พื้นที่ใต้ปราสาทเป็นของเขมร แต่บริเวรรอบๆเป็นของไทย แผนที่ฝั่งเขมรบอกว่า ยอดภูเขาทั้งยอดนั่นแหละเป็นของเขมร จากคุณ : เกียงอุยศิษย์มังกรหลับ - [ 5 เม.ย. 52 03:22:54 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อยากให้ give "พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว"   #28,#29 ผมคิดว่าท่านคงได้ศึกษาการเมืองระหว่างประเทศมาไม่มากก็น้อย  โดดเด่นและแตกต่าง   ทำให้ผมเห็นความแตกต่างระหว่าง ยอดกุญซือและทหารเลว  อย่างชัดเจน ถ้าผมเป็นโจโฉ(เป็นความชอบส่วนตัว)  ผมจะรับท่านเป็นที่ปรึกษา  ขอคาราวะท่านเป็นอาจารย์  อยากทราบนามท่านนัก ไยต้องปิดบังตัวตน  เป็นมังกรหลับละท่าน   ---- ข้าน้อยขอคาราวะท่านก่อน  1 จอก จากคุณ : tikstt (tikstt) - [ 5 เม.ย. 52 05:29:10 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ตามหลัก Game theory มีประเทศที่คำนวนผลลัพธ์ที่เขาจะได้รับ จากความสัมพันธ์ของกลุ่มประเทศต่างๆ อยู่ และจะสนับสนุนกลุ่มปกครองประเทศต่างๆ ที่จะเอื้อประโยชน์ต่อเขา ทั้งโดยตรงและอย่างลับๆ (โดยมีเงื่อนไข หรือสัญญาใจบางประการ) สัมพันธ์ภาพของบางประเทศ ระบอบการปกครองของบางประเทศ ถ้าเป็นตัวขัดขวางประโยชน์ และถ้าทางเลือกไหนที่เป็นประโยชน์มากกว่า ที่ถูกประเมินไว้แล้ว มักจะมีการเคลื่อนไหวหลากหลายรูปแบบอย่างไม่เปิดเผย ซึ่งเป็นทั้งเรื่องการฑูต ไปจนถึงการแทรกแซงอย่างลับๆ หรือการสนับสนุนขั้วในประเทศนั้นๆ ที่กำลังเคลื่อนไหว และมีแนวโน้มเป็นประโยชน์ต่อตนเอง ลองอ่าน ตาม คห.คุณพรุ่งนี้ก็เช้าแล้วดูอีกรอบแล้วกัน อาจจะเห็นภาพอะไรมากขึ้น จากคุณ : granun - [ 5 เม.ย. 52 12:10:05 ]

ความคิดเห็นที่ 46 I'm your :p จากคุณ : anakod - [ 5 เม.ย. 52 16:02:54 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ความคิดเห็นที่ 40 บอกว่า "สมัยก่อนปืนใหญ่ของไทยใช้ 105-155 มม เป็นหลัก ของรอบบ้านจะเป็น 130 มม กระสุนคนละขนาด พิสูจน์ได้ไม่ยาก แต่ตอนนี้ไทยก็มี 130 มม เหมือนกัน รบเมื่อไหร่ ตั้งองศายิงให้สูงเข้าไว้ ตูมลงมากลางประสาท พิสูจน์ยากเหมือนกันว่า ลูกปืนเป็นของใคร ..... " เลยอยากทราบว่า ปืนใหญ่ขนาด 130 มม. ถ้ายิงต่างทิศทางกัน จะพิสูจน์ได้ไหมว่ากระสุนเป็นของกระบอกไหน จากคุณ : npn - [ 8 เม.ย. 52 00:03:03 ]

ความคิดเห็นที่ 48 คนแก้ปัญหานี้ต้องใช้คนที่เล่นการเมืองระดับประเทศเก่งๆยังไม่พอ ต้องขั้นเทพเลยทีเดียว เขาพระวิหารนี้เป็น Series เรื่องยาวครับ ตอนจบ จะเป็นหนังสงคราม หนังดราม่า หรือหนังชีวิต ก็ยังเดายาก แถมไม่รู้ว่าตอนจบ เราๆท่านๆจะได้ดูกันหรือเปล่าด้วยซ้ำ ประเทศไทยนี่ก็แปลก จีนก็ไม่ค่อยรัก อเมริกาก็ไม่จริงใจ รัสเซียก็ไม่สนิท ฝรั่งเศสก็ออกจะรังเกียจ เหมือนโดดเดี่ยวตัวคนเดียว แต่ตอนซื้ออาวุธนี่มากันเพียบ ทุกชาติที่ขายอาวุธเลยก็ว่าได้ ถ้าปล่อยไปแบบนี้สงสัยจะแย่ครับ มีแต่เพื่อนกิน ไม่มีเพื่อนตาย เป็นพันธมิตรนาโต้ แต่เวลาจะมีเรื่อง เจือกกลายเป็นจะโดนนาโต้รุมสกรัม ถ้าต้องเสียดินแดนจริงๆ น่าจะลองปิดประเทศดูสัก 10-20 ปี เป็นการประท้วง ดูว่าผลผลิตทางการเกษตรบ้านเรา จะทำให้โลกสะเทือนได้แค่ไหน แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 52 12:12:16 จากคุณ : NATSKI13 - [ 8 เม.ย. 52 12:10:39 ]

ความคิดเห็นที่ 49 สนับสนุนความเห็น #45 คุณ granun อีกคนครับ เอ...แต่ผมอ่านไปอ่านมา  เหมือนว่า....ความเห็นหลังๆตอบไม่ตรงคำถามกันละครับ - -. จากคุณ : tikstt (tikstt) - [ 9 เม.ย. 52 19:33:15 ]