ความคิดเห็นที่ 1 เคยคิดอยู่เหมือนกันครับว่าเราเองน่าจะเป็นอัจฉริยะเหมือนกัน แต่พอโตขึ้นถึงได้เข้าใจว่า อัจฉริยะไม่ได้หมายความว่าะอยู่รอดในสังคมได้ คนเราต้องเก่งในแต่ละด้านแล้วพึ่งพาอาศัยกัน อัจฉริยะแต่หาอาหารไม่ได้ = ตาย จากคุณ : ว่างมากๆ - [ 11 เม.ย. 52 15:13:47 ]

ความคิดเห็นที่ 2 บอกไม่ถูกครับว่าเป็นอัจฉริยะหรือเปล่า ต้องดูหลายอย่างครับ มีบุคลิกบางประการที่เป็นแนวทางการดูว่าเป็นอัจริยะ (ตัวอย่างเช่น ไอน์ไสตน์) ดังนี้ครับ 1. ไม่ชอบเข้าสังคม 2. ชอบทำอะไรลึกซึ้ง เฉพาะเจาะจงเป็นเรื่อง ๆ ไป 3. วิธีแก้ปัญหา จะรวบรวมข้อมูล ไม่ตัดออก 4. ชอบที่ตัวเองเป็นกลาง คิดว่าตนเองฉลาดกว่าคนอื่น 5. กลางคืนมักนอนไม่ค่อยหลับ 6. ไม่มีเพื่อนก็ไม่มี มีแล้วสนิทเลย (กับคนที่ถูกคอ) 7. ... จากคุณ : AVSystem - [ 11 เม.ย. 52 15:17:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Narcisisitic หลงตัวเองอย่างนี้แม่ไม่ปลื้ม Narcisisitic (นาซิซีติส) คำนี้สำหรับในประเทศไทยนั้น ถ้าคุณไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับจิตวิทยามนุษย์ เช่น เป็นจิตแพทย์ หรือนักบำบัดจิต ก็คงไม่ค่อยที่จะได้ยินและรู้จักคำคำนี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าลองแยกคำ ตามวิธีการทางภาษาของฝ่ายตะวันตกจะพบว่า คำนี้มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก ซึ่งหมายถึง เทพองค์หนึ่งของชาวกรีก ที่มาชื่อ Narcissus (นาซีซัส) ก่อนที่จะเล่าเรื่องของนาซีซัส ก็ขอเล่าเรื่องของเทพนาซีซัส ไว้เป็นวิทยาทานเสียก่อนเพื่อประกอบความเข้าใจ ซึ่งถ้าได้รู้ประวัติของเทพนาซีซัสนี้แล้ว เรื่องของนาซีซัสก็น่าจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น Narcissus (นาซีซัส) เป็นเทพที่มาจากสายเลือดของเทพทั้งฝ่ายพ่อและฝ่ายแม่ เป็นบุตรของวีนัสเทพีแห่งความงาม กับอพอลโล เทพแห่งการทำนายและการรักษาโรค และด้วยเพราะเทพีวีนัสนี้มีรูปโฉมงดงามเป็นที่ต้องตาต้องใจเทพหลากหลายองค์ บนสรวงสวรรค์ ซึ่งเมื่อให้กำเนิดนาซีซัส ก็ส่งผลให้นาซีซัสกลายเป็นบุรุษที่มีรูปโฉมงดงามหาใครเทียบเทียม และประจวบกับเทพอพอลโล ที่ถือได้ว่าเป็นเทพที่มีความลุ่มหลงและความมั่นใจในตัวเองสูง ก็ทำให้นาซีซัสกลายเป็นเทพที่มีนิสัยเช่นนั้นตามไปด้วย นาซีซัสจึงได้ชื่อว่าเป็นเทพที่มีความงดงามแต่ก็หลงตัวเองเป็นที่สุด เขาไม่สนใจสิ่งอื่นเลยนอกจากตัวเอง และมีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อเขามองหน้าตัวเองในสระน้ำ ก็เกิดหลงรักตัวเองขึ้นมา และจากวันนั้น ทุกวันเขาก็จะไปมองตัวเองในสระน้ำ โดยไม่กระทำการสิ่งใดเลย เป็นที่เอือมระอาให้กับเหล่าเทพองค์อื่นเป็นจำนวนมาก สุดท้ายในที่สุดนาซีซัสก็ถูกสาปให้มีรากงอก และกลายเป็นดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ริมน้ำชนิดหนึ่ง ซึ่งก็มีการเรียกชื่อดอกไม้นั้นตลอดมาว่า “ดอกนาซีซัส” นี้คือประวัติบางส่วนของเทพนาซีซัสอย่างคร่าว ๆ ซึ่งหลายคน ก็มักที่จะจินตนาการไปว่า เทพนาซีซัส นั้นคือ เทพแห่งความเป็นกระเทยหรือเกย์ (คำที่ใช้เรียกกลุ่มชายรักร่วมเพศ) ซึ่งบางครั้งอาจไม่ใช่เช่นนั้น เพราะเทพนาซีซัสนั้นไม่ได้หลงรักผู้ชายด้วยกัน เพียงแต่หลงรักตัวเองมากเกินไปเท่านั้นเอง และจากเทพ Narcissus (นาซีซัส) ก็มาสู่ Narcisisitic (นาซิซีติส) กันเสียที ซึ่งถ้าดูจากประวัติของเทพนาซีซัสแล้ว ก็น่าจะเดาได้ไม่ยากว่านาซิซีติสคืออะไร Narcisisitic (นาซิซีติส) คือ โรคทางจิตชนิดหนึ่ง ที่น่าจะแปลเป็นไทยได้ว่า “โรคหลงตัวเอง” ซึ่งก็มาจากนิสัยของนาซีซัสที่เป็นคนหลงตัวเอง จึงได้เป็นที่มาของการนำชื่อนี้มาใช้เรียกโรคนี้ โรคนาซิซีติสนี้ ในประเทศไทยอาจไม่ใช่โรคที่เป็นจุดสังเกตมากนัก แต่ผมเชื่ออย่างแน่นอนว่าอย่างน้อยในแต่ละหน่วยงานก็ต้องมีคนเป็นโรคนี้บ้าง ไม่มากก็น้อย แต่ว่าจะรู้หรือไม่รู้เท่านั้นเอง มี คนรู้จักของคุณบ้างไหมที่ชอบอิจฉาคนอื่น ชอบทำตัวเป็นจุดเด่น หรือชอบทับถมคนใกล้ชิดหรือคนใต้บังคับบัญชา ถ้ามีก็อาจสันนิษฐานได้ว่า คนเหล่านั้นกำลังเป็นโรคนาซิซีติส โรคหลงตัวเองนั่นเอง ภายในบุคลิกภาพของแต่ละคนนั้นมีส่วนผสมกันระหว่างพันธุกรรมและสภาพแวดล้อมใน การเลี้ยงดู ซึ่งทำให้เกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในบุคลิกภาพของแต่ละคนขึ้นมา ซึ่งอาการของโรคหลงตัวเองนั้น ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดกันมาด้วยจากรุ่นสู่รุ่น อาการของโรค "หลงตัวเอง" นี้ ถือเป็นอาการของบุคลิกภาพที่ผิดปกติอย่างหนึ่ง ซึ่ง ผล การสำรวจและวิจัยพบว่า โดยเฉลี่ยจะมีคนกลุ่มหนึ่งกว่า 15% ของประชากรทั่วไป มีบุคลิกภาพผิดปกติ ซึ่งส่งผลให้อยู่ร่วมกับบุคคลอื่นได้ลำบาก อ้างอิงข้อมูลจาก รศ.นพ.รณชัย คงสกนธ์ (จิตแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี)โดยหนึ่งในนั้น เป็นไปได้ว่าจะเป็นโรคหลงตัวเอง คน ที่เป็นโรคหลงตัวเอง ถ้าเป็นคนที่มีอำนาจก็จะแสดงกิริยากดขี่ผู้น้อย แต่ถ้าไม่ใช่ผู้มีอำนาจ ก็มักที่จะแสดงออกให้คนอื่นเห็นถึงความเก่งกาจของตัวเอง ซึ่งสำหรับพวกที่มีอาการรุนแรง ก็จะพยายามแสดงออกโดยไม่สนว่าจะต้องใช้วิธีการเช่นไร ซึ่งเคยมีข่าวที่เกิดในสหรัฐเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับเด็กวัยรุ่นที่ใช้เงินพ่อแม่จองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยว ตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับแฟนสาว ก่อนที่จะถูกพ่อแม่จับได้ ซึ่งภายหลังก็ได้ทำร้ายพ่อแม่จนเสียชีวิต ก่อนที่จะนำเงินของพ่อแม่ออกไปเที่ยวกับเพื่อนสาวในทันทีโดนไม่สนใจที่จะ จัดการกับเหตุการณ์ที่ตนได้ก่อขึ้น ราวกับว่ามันไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย ความจริง อาการของการหลงตัวเองนี้ เราทุกคนต่างก็ล้วนมีอาการเหล่านี้อยู่กับตัว ซึ่งข้อดีของมันก็คือสร้างให้เรามีความมั่นใจในตัวเอง และมีความทะเยอทะยาน แต่ถ้ามันมีมากจนเกินกว่าที่จะควบคุม มันก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ การ เกิดอาการหลงตัวเองนี้ นอกจากพันธุกรรมแล้ว การเลี้ยงดูก็มีส่วนอย่างมากที่ก่อให้เกิดอาการหลงตัวเอง เพราะในครอบครัวที่มักจะถือดีถือเด่น ก็จะส่งผลให้เด็กมีอาการเช่นนั้นตามไปด้วย ซึ่งเราสามารถเห็นการแสดงออกของการหลงตัวเองได้ง่าย ๆ ตามละครหลังข่าวต่าง ๆ ซึ่งพฤติกรรมการชอบดูแคลนคนอื่น การแสดงออกให้เห็นว่าตัวเองอยู่สูงกว่า รวมไปถึงการอิจฉาผู้อื่นที่ดีกว่าตน และพร้อมที่จะทำลายคนนั้นให้เสียหาย สิ่งเหล่านี้คืออาการของโรคหลงตัวเองแทบทั้งสิ้น คนที่เป็นโรคหลงตัวเอง หรือที่เรียกว่า “นาซิซีติส” นี้ มักที่จะมีความเครียดตลอดเวลา และเกรงกลัวที่ตนเองต้องขายหน้า จึงพยายามทำให้ตัวเองดูเด่นและมีความมั่นใจในตนเองในระดับที่สูงมาก ซึ่งถ้าได้รับการตอบสนองที่ดีก็จะเป็นการกระตุ้นให้อาการหนักขึ้น แต่ในทางตรงข้ามกัน ถ้าไม่ได้การตอบสนอง ก็จะเกิดความผิดพลาดอย่างหนัก จนอาจจะทำให้เกิดการซึมเศร้า หรืออาจเกิดเหตุร้ายแรงตามข่าวที่ได้ยกมาขั้นต้นได้ การบำบัดคนที่มีอาการของการหลงตัวเองนี้ จำเป็นที่จะต้องใช้เวลา เพื่อเยียวยาและลดพฤติกรรมในอาการหลงตัวเองลง แต่ก็ต้องดูด้วยว่าคน ๆ นั้นมีอาการหลงตัวเองที่มากเกินไปหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่กลวิธานป้องกันตัวเองของเขา ซึ่งความจริงการอวดอ้างตัวเองถือเป็นกลวิธานป้องกันตัวเองอย่างหนึ่งของ มนุษย์ ที่มีขึ้นเพื่อควบคุมสภาวะจิตให้อยู่ในระดับที่สมดุล หลายคนใช้การอวดอ้างเพื่อลดปมด้อยหรือความผิดพลาดให้กับตัวเอง ซึ่งบางทีเราอาจต้องแบ่งแยกระหว่างคนหลงตัวเอง กับคนที่กำลังใช้กลวิธานป้องกันตัวเองรูปแบบนี้ และนอกจากนี้คนที่อยู่ใกล้ชิดก็ต้องมีความเข้าใจว่า โรคหลงตัวเองนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนเห็นว่า เป็นนิสัยติดตัว บางครั้งคนที่เป็นก็อาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้ จึงควรที่จะเห็นใจและพยายามปรับตัวให้ใช้ชีวิตร่วมกับคนเช่นนี้ได้อย่าง เหมาะสม และสำหรับการเลี้ยงดูเด็กให้ห่างไกลจากอาการหลงตัวเองนั้น คือ การให้เด็กรู้จักกับการใช้ชีวิตในสังคมเพื่อนฝูงในหลากหลายระดับ ซึ่งมีพ่อแม่หลายคนมองว่าการแยกเด็กออกมาจากเพื่อน ๆ นั้น จะเป็นการดี แต่ถ้ามองในเรื่องของพัฒนาการในสังคมแล้ว นับเป็นเรื่องไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการยอมรับในระดับเพื่อนฝูงเท่านั้นที่ช่วยสร้างความมั่นใจของวัยเด็ก ที่ต้องการเพื่อน ซึ่งการยอมรับนั้นก็ทำให้ปัญหาทางพฤติกรรมหลาย ๆ ปัญหาจางหายไปจากตัวเด็กได้ไม่ยาก ซึ่งพ่อแม่ก็อาจช่วยลูกได้ในการสอนให้เด็กรู้จักเลือกคบเพื่อนอย่างเหมาะสม ปัญหา ของโรค Narcisisitic (นาซิซีติส) นี้ แม้จะดูใหม่สำหรับสังคมไทย แต่ถ้ามองกันโดยทั่วไปแล้ว ประเทศไทยก็มีปัญหากับคนที่มีอาการของโรคหลงตัวเองอยู่บ้างเช่นกัน แต่ถ้าเราเข้าใจและรู้จักที่จะดูแลป้องกัน ปัญหาต่าง ๆ ก็จะลดทอนลงไปได้มาก เรื่องแบบว่า “รู้ไหมว่า...ลูกใคร” ก็คงจะน้อยลงไปด้วยก็เป็นได้ จากคุณ : 007 - [ 11 เม.ย. 52 15:22:28 A:113.53.20.72 X: TicketID:202689 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โรคหลงตัวเอง เขาเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมากใน ขณะที่ยังเป็นนักศึกษา เขาก็ใช้พรสวรรค์ในตัวที่มีในเรื่องการพูดเป็นเครื่องมือสร้างจุดเด่นให้ตน เองในเวทีการโต้วาที ซึ่งคนที่มีพรสวรรค์ในด้านนี้ก็ต้องเป็นคนที่ชอบรักการอ่านด้วย คนที่ชอบอ่านก็มักจะเขียนได้ในที่สุด ดังนั้นนอกจากชอบพูดแล้ว เขาก็ยังชอบเขียนด้วย แต่อุปนิสัยใจคอของเขาที่อยู่บนพื้น ฐานของอีโก้ที่สูงนั้น มันทำให้ทั้งการพูดและการเขียนของเขาหนักไปในทางโจมตีผู้อื่น เพราะมันจะทำให้เขาดูเหนือกว่าอีกฝ่ายที่เขาโจมตี ยิ่งการทำร้ายผู้อื่นด้วยคำพูดหรือการเขียนนั้นได้ผล คืออีกฝ่ายไม่ได้ออกมาตอบโต้ หรือออกมาแก้ข่าวแต่ประการใด มันก็ยิ่งทำให้เขาเกิดความฮึกเหิมยิ่งนัก และเจ้าความฮึกเหิมนี้ก็ค่อยๆ กัดกินนิสัยจนกลายเป็นสันดานประจำตัว เกิดความเชื่อถือในตัวเองมากขึ้นๆ ไปพร้อมกับอายุ ยิ่งนานวันมันยิ่งมากจนกลายเป็นโรคชนิดหนึ่งที่รักษาเยียวยากันไม่ได้อีกต่อ ไป โรคนั้นคือโรคหลงตัวเอง โรคนี้คนที่เป็นจะมีอาการรู้สึกว่า ตัวเองฉลาดกว่าใครๆ ไปหมด หรือนัยหนึ่งคนอื่นโง่กว่าตนเอง ยิ่งคนอื่นที่มีอายุหรือ ประสบการณ์น้อยกว่า ยิ่งไม่อยู่ในสายตาของเขาเลย เมื่อรู้สึกอย่างนั้นมันก็จะออกมา ทางอาการภายนอกที่แสดงออก คือการไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นคนอื่น ในเมื่อคิดว่าตนเองฉลาดล้ำเหนือคนอื่นไปหมดแล้วจะไปฟังความเห็นที่โง่ๆ เหล่านั้นทำไม นอกจากไม่ยอมรับฟังแล้ว ยังตอบโต้กลับแบบดูถูกดูแคลนในสติปัญญาของ อีกฝ่าย ตามความอักเสบรุนแรงของโรคที่เกาะกินตัวตนเขาอยู่ ด้วยอาการเหล่านี้ มันจึงทำให้เขามีศัตรู หรือมีผู้ที่ไม่ชอบหน้าเขามากมายไปพร้อมๆ กับการมีผู้นิยมชมชอบในวาจาและลีลาที่ก้าวร้าวเช่นกัน ด้วยความทะเยอทะยานของเขา วิถีทางชีวิตก็ได้ไต่เต้าขึ้นมาจนสามารถเป็นผู้นำขององค์กรหนึ่งได้ด้วยมี ผู้รู้ ผู้ทรงคุณวุฒิที่หลงคารมถูกหลอกเข้ามาร่วมงาน ช่วยงานเขา ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จได้ในระยะแรก แต่นิสัยหรือสันดานที่ติดตัวเขา อย่าง ล้ำลึกนั้น มันไม่สามารถเก็บกดปิดบังไว้ได้นาน มันจึงค่อยๆ เผยออกมาทีละนิดๆ กับผู้ร่วมงาน ผู้ที่ช่วยสนับสนุนค้ำจุนองค์กรกันมาในลีลาเดิมที่เคยชิน คือการไม่ค่อยจะรับฟังใครหน้าไหน ยิ่งอายุมากขึ้นแก้พรรษาเท่าไร การยึดมั่นในตัวตนเป็นใหญ่ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ไม่มีลูกน้องคนไหนกล้าแสดงความคิด เห็นที่ไม่ตรงกับของหัวหน้า ไม่มีนักวิชาการคนไหนกล้าที่จะเตือนด้วยทฤษฎีและหลักการ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญผ่านงานที่เขาทำไม่เป็นด้วยซ้ำ พูดจาเสนอแนะให้ เขาก็ไม่ฟัง ทุกอย่างมันต้องเป็นไปตามที่เขาคิดเขาเชื่อ ดังนั้น ในการประชุมทุกครั้งจึงไม่ใช่ การปรึกษาหารือ ไม่ใช่การระดมสมอง การถกเถียง การแสดงเหตุผลและแง่มุมต่างๆ เพื่อหาบทสรุปที่ดีที่สุดออกมา แต่ส่วนใหญ่มันคือการเข้ามาร่วมรับฟัง สิ่งที่เขาคิด ที่เขาพูด มารับรู้ในความฉลาดปราชญ์เปรื่องของเขา ถ้าจะให้ได้บรรยากาศดีๆ ในการประชุม ก็ควรที่จะมีใครช่วยกันสรรเสริญเยินยอ ในความล้ำลึกทางสติปัญญา และความรอบรู้ของเขา มันจะทำให้เขาดูมีความสุขเอามากๆ บรรดาลูกน้องที่เคยอยู่กับเขามานาน ซึ่งยังคงความชื่นชมในตัวเขาบางส่วนบางด้าน โดยที่ทำใจและเคยชินกับด้านไม่น่าชื่นชมของเขาได้ เมื่อบวกลบกันแล้วก็ยังรับใช้เขาได้ต่อไป เพราะตัวเองก็ยังต้องอาศัยใบบุญบางลักษณะอยู่ เมื่อเขาเริ่ม เกรี้ยวกราด และอาการหลงตัวเองกำเริบ หนักขึ้น ก็ค่อยๆ ชิ่งออกห่างและแยกทางกับเขาไปในที่สุด องค์กรของเขาต้องล้มลงอย่างไม่เป็น ท่า ในเมื่อคำสั่งและการตัดสินใจ ในรูปแบบเผด็จการของเขาได้สร้างความเสียหาย และต้องตกเป็นจำเลยในหลายๆ ความโอหังบังอาจของเขาที่มีต่อผู้อื่น แม้เขาต้องตกอยู่ในภาวะโดดเดี่ยว แต่การที่หลงใหลในความนิยมชมชอบที่ผู้อื่นจะพึงมีต่อเขาได้นั้น มันรุนแรงจนเขาถอยกลับไปนั่งทบทวนตัวเองไม่ได้ อย่างน้อยๆ ก็จะต้องมีคนจำนวนหนึ่งที่เชื่อในคารมคมคายของเขา คนพวกนี้แหละจะทำให้เกิดน้ำเลี้ยงในกมลสันดานที่หลงตัวเองของเขาให้ยังคง ชีวิตชีวาและโลดแล่นอยู่บนหน้าสังคมได้ การจะทำให้ตนเองกลับมาอยู่ใน สปอตไลต์บนเวทีแห่งสังคมนี้ ไม่ได้ยากเย็นอะไร เขาประชาสัมพันธ์ตัวเองจนชาวบ้านส่วนหนึ่งเชื่อว่าเขาเป็นคนดีคนเก่ง สัตย์ซื่อมือสะอาด ทำไมเขาจะพาตัวเองที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าให้กลับมาดูดีอีกหนไม่ได้ แค่เพียงโจมตีคนที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ เคารพและเชื่อถือ แค่พูดจาแบบเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น แค่ไปจดจำเอาสิ่งที่ดีๆ จากคำพูดและความคิดของคนอื่นมา แอบอ้างว่าเป็นของตัวเอง แค่พูดจาเอาใจและเข้าข้างคนที่ให้ผลประโยชน์แก่เขา เกมง่ายๆ แค่นี้เขาก็ทำสำเร็จ แต่ก็มีคนบางส่วนที่สงสารและอยากให้ โอกาสสุดท้ายในบั้นปลายชีวิตกับเขา จากการออดอ้อนขอความเมตตาสงสารของเขาด้วยการมอบหมายให้เขาทำงานเป็นพ่อบ้าน ดูแลบ้านช่องให้สะอาดเรียบร้อย ให้ผู้คนอยู่กันอย่างมีความสุขพอเพียง พอได้โอกาสนั้น แทนที่จะรักษาคำมั่นสัญญากับคนที่ให้โอกาสเขา เขาก็งัดเอาสันดานเดิมขึ้นมา ไม่ฟังเสียงใคร ถือเอาความคิดตนเองเป็นใหญ่ แถมยังใช้อำนาจหน้าที่หาประโยนช์ใส่ตนด้วยเล่ห์เหลี่ยมที่แยบยล คือให้คนข้างตัวทำเรื่องเหล่านี้แทนในขณะที่แสดงตนเป็นคนขาวสะอาดอย่างหาที่ เปรียบมิได้ เมื่อหมดวาระบนความผิดหวังและ สาปแช่งของคนที่หยิบยื่นโอกาสให้แก่เขา จะต้องกลับไปอยู่กับสันดานที่รักของเขา แต่เพียงตามลำพัง ด้วยคดีความอันเนื่องจากวาจาสามหาวของเขานั่นเองโชคชะตาวาสนาส่งทำให้เขา เป็นตัวเลือกตัวเดียวที่มีอยู่ แถมยังเหมาะสมกับเงื่อนไขของสถานการณ์สำหรับคนที่ให้ผลประโยชน์ แก่เขามาในการที่จะมาเป็นผู้คั่นเวลา เป็นเครื่องมือในการแก้และคลี่คลายสถานการณ์เลวร้ายของผู้อยู่ เบื้องหลัง เขาจึงได้ตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดที่ มิได้ มีอำนาจสั่งการ หรืออนุมัติในเชิงการบริหารอย่างแท้จริง นอกเสียจากงานรูทีนปกติธรรมดาเท่านั้น แต่เพียงแค่นี้ก็สามารถสนองตัญหาของ เขาเกินคาดหมายในชีวิตแล้ว เพราะบนตำแหน่งนี้เขายิ่งสามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ทางความฉลาดเฉลียว ทางความเก่งกาจสามารถ ทางการเป็นคนดี เสียสละ และสารพัดภาพลักษณ์ที่อยากสร้างให้ตัวเอง วิธีเดิมที่เชี่ยวชาญคือการประกาศ ตัวย่ำยีกับสื่อมวลชน ท้าทายและกร้าวใส่ ทุกผู้ทุกนาม ยกตนข่มท่าน ด่าทอเหยียดหยาม เขาทำมันหมด ให้ตัวเองได้อยู่ในความสนใจเพื่อสนองความใคร่ของตนเองในใจได้ แค่ชั่วข้ามคืนเขาก็ทำได้สำเร็จ เวลาผ่านไปไม่นาน อาการหลงตัวเองของเขาก็กำเริบขึ้นมาอีก ของขึ้นจากเก้าอี้ที่เขานั่งมันอยู่ ทำให้เกิดสถานการณ์เลวร้ายขึ้นมา ซ้ำแบบเดิมอีกไม่มีผิด และวันของเขาก็ใกล้จะสิ้นสุดเข้ามาทุกที มันจะสิ้นสุดแบบไม่สวยเสียด้วยสำหรับทั้งตัวเขาและวงศ์ตระกูล ไม่ใช่เขาจะไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะ อะไร โชคชะตาที่เกิดขึ้นกับเขาแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่เขาแก้ไขอะไรไม่ได้ในเมื่อมันคือสันดานของเขาเอง มิใช่นิสัยตามปกติ โรคประจำตัวโรคนี้เป็นโรคร้ายพอๆ กับโรคเอดส์ เป็นโรคที่รักษาไม่หาย รักษาไม่ได้ โรคนี้ก็คือโรคหลงตัวเอง ใครที่ทำงานแล้วมีนายแบบนี้ รีบหางานใหม่ได้แล้ว อยู่ไปก็ไม่มีสิทธิ์เจริญก้าวหน้า แถมอาจซวยเอาด้วยที่บริษัทเจ๊งเมื่อไรก็ไม่รู้ตัว คอลัมน์ โรคแห่งการบริหาร โดย สุจินต์ จันทร์นวล ----------------------------------------------------------------------------- Narcisisitic (นาซิซีติส) โรคหลงตัวเอง [โรคนี้เป็นโรคทางจิตเวช] Narcisisitic (นาซิซีติส) มาจากคำว่า Narcissus (นาซีซัส) ทำไมถึงใช้คำนี้ เพราะว่า Narcissus เป็นชื่อของเทพเจ้ากรีกองค์หนึ่งซึ่งได้เป็นบุตรของเทพวีนัสและเทพอพอลโล เทพวีนัสเป็นเทพที่ได้ชื่อว่ามีรูปโฉมที่งดงามยิ่งนัก เป็นที่หมายปองของเทพทั้งหลาย ส่วนเทพอพอลโลเป็นเทพแห่งการทำนายและการรักษาโรค แล้วเมื่อทั้งสองได้ให้กำเนิด Narcissus จึงทำให้Narcissus (นาซีซัส) มีความงาม(หล่อ)ดั่งผู้เป็นแม่ จึงทำให้เป็นบุรุษที่มีรูปโฉมงดงามหาใครเทียบเทียม และประจวบกับเทพอพอลโล ที่ถือได้ว่าเป็นเทพที่มีความลุ่มหลงและความมั่นใจในตัวเองสูง เนื่องจากพันธุกรรมของพ่อของแม่เป็นเช่นนี้ ทำให้ลูกอย่างNarcissus (นาซีซัส)ได้รับอิทธิพลมาเต็มๆ นาซีซัสจึงได้ชื่อว่าเป็นเทพที่มีความงดงามแต่ก็หลงตัวเองเป็นที่สุด เขาไม่สนใจสิ่งอื่นเลยนอกจากตัวเอง อยู่มาวันหนึงเขาได้เห็นเงาตัวเองในหนองน้ำทำให้หลงรักตัวเอง ทุกวันๆเขาจะมานั่งมอง นอนมองเงาของตนในหนองน้ำนั้น จนผู้เป็นปู่ทนพฤติกรรมของหลานไม่ไหวจึงสาปให้มีรากงอกและกลายเป็นดอกไม่ อยู่ข้างหนองน้ำ ดอกไม้นั้นข้างหนองน้ำถูกเรียกขานมาตลอดว่าดอกนาซีซัส อาการของโรค ถ้าเป็นคนที่มีอำนาจก็จะแสดงกิริยากดขี่ผู้น้อย แต่ถ้าไม่ใช่ผู้มีอำนาจ ก็มักที่จะแสดงออกให้คนอื่นเห็นถึงความเก่งกาจของตัวเอง ซึ่งสำหรับพวกที่มีอาการรุนแรง ก็จะพยายามแสดงออกโดยไม่สนว่าจะต้องใช้วิธีการเช่นไร การเกิดอาการหลงตัวเองนี้ นอกจากพันธุกรรมแล้ว การเลี้ยงดูก็มีส่วนอย่างมากที่ก่อให้เกิดอาการหลงตัวเอง เพราะในครอบครัวที่มักจะถือดีถือเด่น ก็จะส่งผลให้เด็กมีอาการเช่นนั้นตามไปด้วย ซึ่งเราสามารถเห็นการแสดงออกของการหลงตัวเองได้ง่าย ๆ ตามละครหลังข่าวต่าง ๆ ซึ่งพฤติกรรมการชอบดูแคลนคนอื่น การแสดงออกให้เห็นว่าตัวเองอยู่สูงกว่า รวมไปถึงการอิจฉาผู้อื่นที่ดีกว่าตน และพร้อมที่จะทำลายคนนั้นให้เสียหาย สิ่งเหล่านี้คืออาการของโรคหลงตัวเองแทบทั้งสิ้น คนที่เป็นโรคหลงตัวเอง หรือที่เรียกว่า “นาซิซีติส” นี้ มักที่จะมีความเครียดตลอดเวลา และเกรงกลัวที่ตนเองต้องขายหน้า จึงพยายามทำให้ตัวเองดูเด่นและมีความมั่นใจในตนเองในระดับที่สูงมาก ซึ่งถ้าได้รับการตอบสนองที่ดีก็จะเป็นการกระตุ้นให้อาการหนักขึ้น แต่ในทางตรงข้ามกัน ถ้าไม่ได้การตอบสนอง ก็จะเกิดความผิดพลาดอย่างหนัก จนอาจจะทำให้เกิดการซึมเศร้า ----------------------------------------------------------------------------- http://www.ffc.or.th/ffc_scoop/2551/scoop_2551_02_06.php http://www.wiseknow.com/blog/2008/08/18/690/ http://writer.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=379212&chapter=33 จากคุณ : 007 - [ 11 เม.ย. 52 15:22:56 A:113.53.20.72 X: TicketID:202689 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่าอย่างคุณจขกท.ยังไม่ขั้นอัจฉริยะหรอกครับ คนอย่างคุณจขกท.ยังหาพบได้ทั่วไปครับ จากคุณ : lets_kick_off - [ 11 เม.ย. 52 15:25:08 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ระดับ 6 "คนขวางโลก" http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7719404/X7719404.html#15 ระดับ 7 - 9 ตัวประหลาด คนหลุดโลก http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7719404/X7719404.html#16 John Nash http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7719404/X7719404.html#14 จากคุณ : สุดหล่อ - [ 11 เม.ย. 52 15:28:11 A:113.53.20.72 X: TicketID:202689 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มีอะไรวัดว่าคนนั้นๆคืออัจฉริยะ จากคุณ : Plamany - [ 11 เม.ย. 52 15:34:06 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เพิ่มเติมให้ครับ .. 1 ก้อไม่ค่อยชอบเข้าสังคม จริงๆ โลกส่วนตัวสูงมากถึงมากที่สุด เพราะพี่บอก    อย่างไปงานแต่ง งานเลี้ยง แบบนี้ รู้สึกไม่มีความสุขเลย มาทำอะไร      อยู่บ้าน แหกปากร้องเพลง ดีกว่า 2 สมัยเรียน เพื่อนสนิทๆ จริงๆ มีไม่กี่คน เพื่อนคนอื่น ในห้องมักมองเราว่า   เป็นเด็กเรียนเก่ง ตอนม.ปลาย  แต่ เราก้อกลายเป็นตัวเรียกเสียงฮาให่เพื่อน    เสมอๆ ไม่รู้ทำไม แบบปล่อยมุขอะไรไป ในห้องเื่พื่อนฮามาก 3 ไม่ค่อยชอบพูด พูดน้อย สนิทกับคนยากมากๆๆๆๆ แต่สนิทแล้ว สนิทเลย    บางครั้งตอนเรียน มีคนอยากเป็นเพื่อนกับข้าพเจ้า แต่คุยๆ กันไปๆ มัน    เหมือนจูนคลิ่นไม่แมชกัน เลยไม่สนิท เป็นแบบเพื่อน ห่างๆ ไม่ชอบการ    นินทาคนอื่น   4 ชอบอ่านหนังสือ ซ้ำๆ หลายๆ รอบ ดูหนัง ที่ชอบ ซ้ำๆ หลายๆ รอบ ทั้งๆที่   พี่ๆ ดูรอบเดียว ก้อพอ แถม จิกข้าพเจ้าอีกต่างหากว่า ทำไมต้องดูซ้ำ  5 เวลาทำงาน งานต้องออกมา เนี้ยบทีสุด แม้ว่าจะต้องรอ นานแค่ไหน ทั้งๆ   ที่ รู้ก้อรู้อยู่ว่า จะทำแบบธรมดา ผ่าน หรือ แบบ เนี้ยบ ค่าตอบแทยก้อ เหมือน   กัน แต่ก้อชอบดันทุรัง ทำแบบดีๆ เคยบอกกับตัวเอง    ซึ่งการทำงานแบบ ปราณีต อย่างนี้ เราว่า ไม่ดี เลย งั้นๆ แหละ  บางคนที่ได้    ดีกว่า งานขเ้าทำออกมา กลางๆ ไม่ต้อง ซีเรียสมาก เอาแค่ผ่านๆ    เกลียดตัวเองตรงจุดนี้มากๆๆ   6 เวลาเดินออกไปดูดาว ตอนกลางคืน แล้ว ชอบร้องไห้ ทุกที ทำไมน๊า ??   7 เป็นคนนอนหลัยตอนกลางคืนยากมาก  แต่ถ้าตอนกลางวัน หัวถึง หมอน    ก้อ สลบเลย   8 เป็นคนไม่สนิทกับใครเลย ตอนนี้ แต่สมัยเรียน มีเพื่อนสนิท 3-4 คน   แต่ตอนนี้ ไม่รู้เค้าไปไหนแล้ว ไม่ได้ติดต่อ มา หลายปี    9 ไม่ฟังเพลงไทย ฟังแต่เพลงฝรั่ง มาตั้งแต่อายุ 14 ปี     10 สมัยเด็กๆ คิดว่าตัวเองน่าจะไปได้ไกลๆ แต่ จากประสบการณืที่ผ่านมา    ความผิดหวัง ทำให้เรียนรู้ว่า .. คิดว่าตัวเอง ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย ซักกะติส    ไม่เชิงว่า คิดว่าตัวเองฉลาดที่สุด คิดแต่ว่า จะต้องได้ดีกว่านี้  ไม่เคยเปรียบ    เทียบกับใครว่าต้องดีกว่าคนอื่น อะไรนองนี้    11 เวลาดูหนัง จะดูกับคนอื่นที่บ้านไม่ได้  เพราะ ตัวเองดูแต่ซาวแทรก ที่้บ้าน   เค้าไม่ดู ซาวน์แทรกกัน เพราะปวดสมอง แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 52 15:46:24 จากคุณ : davish1980 - [ 11 เม.ย. 52 15:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แบบนี้ เรียกว่า เป็น อัจฉริยะ รึป่าว ??? >> ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงหละ เพราะเรียนไม่จบแต่มีงานทำ ... นายแน่มาก 1. เข้าอนุบาลตอน 3 ขวบ เพราะอยากไปเรียน >> จินตนาการเกินอายุ 2. IQ อยู่ระหว่าง 100 - 140 >> ฉลาดกว่าเด็กวัยเดียวกันแน่นอน 3. ชอบหลบสายตาคน >> ปกติเด็กอัจริยะมักขี้อาย ... เข้าเค้า 4. ตอน ม.ปลายเรียนดีมากเกรดสูงสุด 3.80 >> อยู่ในระดับ ดีมาก แต่ผมเคยเห็นเกรดเฉลี่ย 4.00 แบบ เต็ม 100 ทุกวิชามาแล้วนะ ... ข้อนี้ยังดูไม่ชัดเท่าไหร่? 5. ไม่ชอบเรียน เลข ฟิสิกส์ แต่ชอบ เคมี ชีววิทยา >> สมองคุณชอบจำมากกว่า คำนวณ ... แต่ ดาร์วินซี ก็ชอบชีวะนะ ... ยังพอไปได้ 6. เอ็นติดวิศวะคอมฯ ไม่ชอบแต่ทู่ซี้เรียน ไม่จบเพราะป่วย >> ออกแนวไม่สร้างสรรค์ ... แต่คงมีอะไรซ่อนอยู่ละน่า... 7. แต่ตอนนี้เริ่มสนใจ เรียนดนตรี มากกว่า วิทยาศาสตร์แล้ว ทำงานอิสระ ไปเรื่อยๆ  บ้าๆ บอๆ เงินเดือนชนเดือน ไมรวย ไม่มีเงินฝากในบัญชีเป็นแสนๆ ล้านๆ  ไม่มีรถยนต์ราคาแพง แต่ตอนนี้ มีชีวิตสบายๆ ชิลด์ เรียบๆ ง่าย และที่สำคัญ ไม่มีหนี้สิน ... >> ตรงนี้แหละ.. โป๊ะเชะเลย .. จีเนียสจริง ๆ ทู่ซี้เรียนสายวิทย์อยู่ตั้งนานได้อย่างไร? แต่พอรู้ว่าตัวเองชอบสายศิลป์ .. คุณก็ทำสำเร็จ .. ขอแสดงความยินดีที่ได้เริ่มต้นกับตัวตนที่แท้จริงของคุณ จากคุณ : ศาลายา - [ 11 เม.ย. 52 15:42:28 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ดูท่าทางจะเป็นคนชอบเก็บตัว Isolated เป็น OCD ด้วยรึเปล่า? จากคุณ : Plamany - [ 11 เม.ย. 52 15:43:23 ]

ความคิดเห็นที่ 11 หึหึ... จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 11 เม.ย. 52 15:48:06 ]

ความคิดเห็นที่ 12 oknation หลงตัวเอง .... นิสัยประจำชาติไทย วันนี้ ไปประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนลูก ได้รับวารสารที่มีบทความน่าสนใจเชียวค่ะ ผู้เขียนคือคุณครูผกายมาศ เชวงชุติรัตน์ โดยท่านได้ข้อมูลจากนายแพทย์ สุกมล วิภาวีพลกุลอีกที ชื่อบทความว่า “ รักตัวเอง กับ หลงตัวเอง ” ความว่านิสัยหลงตัวเองนี้เป็นนิสัยประจำชาติไทย ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา เพราะความที่สังคมมีคนหลงตัวเองมากกว่าคนรักตัวเอง เลยทำให้การทำงานแบบทีมไปไม่รอด กลายเป็นวัฒนธรรมต่างคนต่างทำ ขาดการรวมพลังของคนที่มีความสามารถ นิสัยดูถูกคน โดยเฉพาะชาวบ้านที่การศึกษาต่ำกว่า ทำให้เราละเลยการเรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้าน และเมื่อพบคนที่เก่งกว่าเรา แทนที่จะมองว่าคนเราเก่งกันคนละด้าน กลับมองว่าตนเองด้อยค่ะ เลยต้องพยายามหาข้อด้อยของคนนั้นเพื่อมา “ ลบ ” ความเหนือกว่านี้ ในที่สุด ก็พัฒนาตน องค์กร ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะรักตัวเองไม่เป็น เป็นแต่หลงตัวเอง ส่วนที่ว่า รักตัวเอง คืออย่างไรนั้น ท่านให้คุณสมบัติของคนรักตัวเองไว้ ๔ ข้อ ๑) มีความหวังดีต่อตนเอง พยายามพัฒนาตนให้เก่งขึ้น ไม่ทำตัวเสื่อมเสีย ๒) มีความยับยั้งชั่งใจ ไม่ประพฤติในสิ่งผิด ไม่ทำให้ตนและผู้อื่นเดือดร้อน ๓) รู้จักปล่อยวาง คือยอมรับผลที่เกิดจากการกระทำ หลังจากที่เราได้พยายามทำดีที่สุดแล้ว ๔) ให้อภัยตนเองได้ เมื่อดำเนินชีวิตผิดพลาด และเรียนรู้ที่จะไม่ทำผิดในครั้งต่อไป ส่วนทัศนคติที่แสดงถึงรักตัวเองกับหลงตัวเองนั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การหลงตัวเองนั้นเป็นการรักตัวเองอย่างปลอมๆ เพราะลึกๆแล้วยังรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า แต่ปกปิดไว้ด้วยภาพลักษณ์ที่สร้างขึ้น โดยการ “รัก” และ “หลง” ตัวเองนี้ มีข้อแตกต่างอย่างชัดเจนดังนี้ คนรักตัวเองรู้มาก แต่พูดน้อยเท่าที่จำเป็น คนหลงตัวเอง รู้น้อย แต่ชอบคุยโม้เพื่อกลบเกลื่อน คนรักตัวเอง เห็นความดีของตนเองและผู้อื่น พูดชื่นชมผู้อื่นได้ทั้งต่อหน้าและลับหลัง คนหลงตัวเอง ชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น หยิบยกความผิดของผู้อื่นมาบดบังความผิดตน คนรักตัวเอง เห็นความบกพร่องของตัวเองและพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไข คนหลงตัวเอง มองข้ามความบกพร่องของตัวเองแต่เชี่ยวชาญการจับผิดผู้อื่น คนรักตัวเอง มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นที่ด้อยกว่าและอยากช่วยเหลือ คนหลงตัวเอง ถนัดซ้ำเติมความผิดผู้อื่น ชอบเอาปมด้อยผู้อื่นมาล้อเลียน คนรักตัวเอง มีมุทิตาจิต เมื่อเห็นผู้อื่นประสบความสำเร็จก็ชื่นชมยินดี คนหลงตัวเอง ช่างอิจฉา ริษยา เห็นผู้อื่นได้ดี ตนจะเจ็บปวด คนรักตัวเอง อ่อนน้อม ถ่อมตน สุภาพ ให้เกียรติผู้อื่น คนหลงตัวเอง มักก้าวร้าว เย่อหยิ่ง พูดจาขวานผ่าซาก ไม่รักษาน้ำใจคน คนรักตัวเอง อยากเรียนรู้จากผู้อื่นในเรื่องที่ตนยังไม่รู้ เปิดใจรับฟัง คนหลงตัวเอง ชอบทำตัวเหนือผู้อื่น รับไม่ได้ว่าผู้อื่นเก่งกว่า คนรักตัวเอง จะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีสันติ คนหลงตัวเอง มักใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา คนรักตัวเอง มีความเสียสละ คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง คนหลงตัวเอง เห็นแก่ตัว เอาเปรียบผู้อื่นเมื่อมีโอกาส คนรักตัวเอง เป็นแหล่งกำเนิดความสุขเมื่อผู้อื่นเข้าใกล้ คนหลงตัวเอง เป็นมลพิษของคนรอบข้าง ใครอยู่ใกล้มักอึดดัด รำคาญใจ เพราะได้ยินแต่เรื่องร้ายๆ คนรักตัวเอง มีรังสีความเมตตา คนหลงตัวเอง มีรังสีอำมหิต น่าสนใจนะคะ สำหรับข้อที่ใช้ประเมินความ “รัก” หรือ “หลง” ตนเอง แต่ที่ไม่น่าเชื่อคือ ส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศเราไม่พัฒนาเท่าที่ควร ก็เพราะความหลงชนิดนี้ http://72.14.235.132/search?q=cache:hvP88SDwt1EJ:www.oknation.net/blog/print.php%3Fid%3D417996+%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87+%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95&cd=32&hl=th&ct=clnk&gl=th&client=firefox-a จากคุณ : เทพบุตร - [ 11 เม.ย. 52 15:51:41 A:113.53.20.72 X: TicketID:202689 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถูกหวย แล้ว จริงๆ ...   ทำใจไว้แล้ว ว่าต้องมี คุณๆ ท่านๆ ออกมา หมั่นไส้ กันบ้าง ..   แต่ที่เขียนไปล้วนเป็นความสัตย์จริงๆ จากคุณ : davish1980 - [ 11 เม.ย. 52 15:51:54 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คนมีหลายแบบครับ ที่คุณพดมานั้นผมก็เป็นคล้ายๆคุณ ก็ไม่ได้รู้สึกตัวเองพิเศษอะไร.. ประเทศนี้ไม่ต้องการคนฉลาดหรืออัจฉริยะ แต่ประเทศนี้กำลังขาดคนดี จากคุณ : Plamany - [ 11 เม.ย. 52 15:57:47 ]

ความคิดเห็นที่ 15 TicketID:202689     1 ข้าพเจ้่าไม่ได้หลงตัวเองหรอกนะ แต่ถ้าข้าพเจ้าหลง ก้อคง ไปสะกิดต่อม  ความหมั่นไส้ของคุณเข้า รู้ว่าเจตนาของคุณคืออะไร ....   2 เรื่องของเรื่อง คือ วันก่อน ไปเจอเพืื่อน อย่างที่เล่าข้างบนเท่านั้น   3 จุดประสงค์ของคุณคือ ... ????   4 ที่คุณ ลากๆ มา แล้ว copy ลงนี่ ได้อ่านเองบ้างไหม ??   5 แนะนำว่าให้ไปตั้งกระทู้ของคุณเอง เพราะถ้าเจตนาคุณล้ำเส้นกว่าีืที่เป็นอยู่      อาจมีการีเทิรน์ กลับไป ได้   รับรอง   6 มีเด็กมากมายที่เป็นอัจฉริยะ แต่ ชีวิตความเป็นอยู่ไมไ่ด้สวยงาม ไม่ได้     หมายความว่า อัจฉริยะ จะต้อง เพอร์เฟค จากคุณ : davish1980 - [ 11 เม.ย. 52 16:00:07 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มันอาจไม่สำคัญก็ได้ว่าคุณเป็นหรือไม่เป็นอัจฉริยะ เพราะตอนนี้ คุณอาจจะไปได้ดีกับสิ่งที่คุณทำอยู่ก็ได้ แต่คุณคงเสียใจว่าที่ผ่านมา คุณน่าจะทำอะไรได้ดีกว่านี้ ประสบความสำเร็จ หรือ รวย .. อย่างที่คุณบอก ผมว่า คุณต้องการให้ใครสักคนบอกว่าคุณ เป็นอย่างที่คุณคิดรึป่าว เพื่อที่จะได้รู้สึกว่า อย่างน้อยที่ผ่านมา คุณก็มีสิ่งดีๆ .. คุณอาจเป็นคนเก่ง แต่อัจฉริยะ มันเป็นกันไม่ได้ทุกคนหรอกครับ เรื่องทำคะแนนเต็มวิชาเคมี .. มันก็ดูเข้าเค้านะครับ แต่ว่า คนที่เค้าได้เต็มตลอดล่ะ หรือคนที่เค้าทำได้ดีกว่าคุณมีเยอะแยะไป .. อยู่กับปัจจุบันครับ . . เอาใจช่วย จากคุณ : Green Tablet - [ 11 เม.ย. 52 16:03:56 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เอ่อ... ผมไม่ได้คิดอะไรเลยนะ ผมแค่ ให้ข้อมูล เพิ่มเติมเท่านั้น เผื่อว่ามันอาจจะมีประโยชน์ต่อ จขกท หรือผู้อ่าน บ้าง จากคุณ : Man - [ 11 เม.ย. 52 16:11:55 A:113.53.20.72 X: TicketID:202689 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าอยากรวย แต่ตอนนี้ไม่รวย ก็ไม่ใช่อัจฉริยะสิครับ อิอิ จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ 11 เม.ย. 52 16:17:01 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่มีใครรู้ว่าความคิดของอัจฉริยะเป็นยังไง แม้แต่ตัวเขาเอง งั้นผมบอกว่า ผมสอบเข้ามหาลัยที่ดีระดับแนวหน้าได้ โดยเล่นแต่เกมส์ก่อนสอบ(ไม่อ่านหนังสือ  ไม่กวดวิชา)    คงเป็นอัจฉริยะ^^ แต่ผมว่าเป็นคนธรรมดาดีกว่า จากคุณ : Doctrine - [ 11 เม.ย. 52 16:18:42 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่า"อัจฉริยะ"จริงๆเค้าคงไม่มามัวถามคนอื่นหรอกครับ ว่าต้วเองเป็นอัจฉริยะหรือเปล่า เพราะมันก็แค่ลมปาก แล้วก็คงไม่มามัวดีอกดีใจหรือปลื้มใจที่คนอื่นเรียกตัวเองว่าอัจฉริยะหรอก แค่นี้ก็น่าจะได้คำตอบแล้วว่าคุณเป็นอัจฉริยะหรือเปล่า จากคุณ : Rasengan - [ 11 เม.ย. 52 16:19:11 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมว่าคุณเป็นคนไม่ประสบความสำเร็จกับชีวิตเท่าไร ไม่ว่าเรื่องงาน เรื่องเรียน จากคุณ : หนา - [ 11 เม.ย. 52 16:21:29 A:210.203.191.207 X: TicketID:207223 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่เป็นครับ จากคุณ : pla2 - [ 11 เม.ย. 52 16:22:33 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่หรอก ... จากคุณ : Walking in the Sunshine - [ 11 เม.ย. 52 16:23:03 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ยังอีกไกล จากคุณ : axquest - [ 11 เม.ย. 52 16:29:43 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คิดอะไรนอกกรอบมาแข่งกับ เก๋งสองล้อถ่วง กับเครื่องกำเนิดอัคคีเวหาของผมให้ได้ก่อน แล้วผมจะบอกว่าคุณเป็นอัจฉริยะ จริงๆนะ.. จากคุณ : อิ่มบุญครับ (กัปตันสมหมาย) - [ 11 เม.ย. 52 16:31:27 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ ยังขาดอีกข้อ นึงนะ คือ คุณต้องดื่มแบรนด์ -*- จากคุณ : bankpakim - [ 11 เม.ย. 52 16:32:06 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ความคิดเห็นที่ 21 ผมว่าคุณเป็นคนไม่ประสบความสำเร็จกับชีวิตเท่าไร ไม่ว่าเรื่องงาน เรื่องเรียน จากคุณ : หนา - [ 11 เม.ย. 52 16:21:29 A:210.203.191.207 X: TicketID:207223 ] *********************************************** กระทู้นี้ไม่ได้ เพ่งประเด็นเรื่องประสบความสำเร็จ แต่ถาม เรื่องอัจฉริยะเท่าั้นั้น เจตนาใจจิตของคุณแปลความหมายผิด อีกแล้ว เจตนาใจจิตคุณ แปลข้อมูล ว่า อัจฉริยะ ต้อง เท่ากับ ประสบควาสำเร็จ หรืออะไรที่ดีมากๆ    เอาไว้ให้คุรโพสรูปกับบัตรผ่านได้เมื่อไหร่ .. ข้าพเจ้าจะเชื่อคุณ จากคุณ : davish1980 - [ 11 เม.ย. 52 16:33:14 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คำว่า อัจฉริยะ มีความหมายอะไรกับคุณ ??? จากคุณ : ต้ากงอ้วง - [ 11 เม.ย. 52 16:43:21 ]

ความคิดเห็นที่ 29 .ไม่. จากคุณ : iMOst - [ 11 เม.ย. 52 16:44:54 ]

ความคิดเห็นที่ 30 IQ.         Classifications    %Included 130+          Very Superior       2.2 120-129     Superior               6.7 110-119     Bright Normal       16.1 90-109       Average               50.0 80- 89       Dull Normal           16.1 70- 79       Borderline             6.7 69 -          Mental Defective     2.2 - ของ จขกท. บอกมาว่า 100กว่าๆ แต่บอก "กว่าๆ" นี่กว้างมากเลยครับ (ถึงจะว่าไม่เกิน 140 ก็เหอะ) เพราะปรกติมันก็100กว่าๆกันทั้งนั้นแหละครับ แต่เท่าที่ดู(ให้สุดๆแล้ว) สรุปก็คือ ก็นับว่าดีทั่วๆไปครับ ยังมีกันเกลื่อนเมือง ยังห่างไกลจากอัจฉริยะอีกเยอะครับ - อนุบาล 1 เริ่มที่ 4 ขวบครับ ไม่ใช่ 5 ขวบนะ (แต่เห็นบางรร.จะมีแค่ 2 อนุบาล ของจขกท.อาจเป็นแบบ 5ขวบขึ้น อ.1  แล้ว 6 ขวบขึ้น 2 พอ7ขวบก็ขึ้นป.1 เลยรึเปล่า) (ขอเล่าเรื่องผมเทียบนิดนึง ของผมปีแรกเรียนอนุบาล1 ปีต่อมาอ.2 เรียนได้เทอมเดียว อาจารย์ใหญ่เรียกให้ไปทำข้อสอบพิเศษ เรียกผมคนเดียว ผมทำได้เลยได้ขึ้น อ.3 เลย คือได้เรียนอนุบาล 1-3 ใช้เวลา 2 ปี ครับ ไม่มีต้องมาซ้ำด้วย) - อาการหลบสายตาก็เป็นเรื่องของบุคคลิกภาพทั่วๆไปที่เป็นกันได้ครับ แถมพวกมีอาการทางจิตเวชก็มักเป็นกันด้วยนะ - เกรดสูงสุด 3.80 อันนี้ก็ธรรมดาครับ ยังมีออกเยอะนะครับ (และอาจจะมีบางท่านสงสัยด้วยว่า เรียนที่ไหน) - ชอบเรียนเคมีวิชาเดียว เคยได้เต็ม(ครั้งเดียว? แล้วได้คะแนนสูงสุดรายวิชานั้นมั๊ย?) คนครึ่งห้องซ่อม อันนี้ก็ไม่แปลกนะ - เรื่องเรียนไม่จบ หรือทำงานอะไร ก็ขอผ่านไม่พูดถึงละกัน ท่านอื่นๆต้องการสื่อแบบนี้ครับ ไม่ใช่จะหมั่นไส้อะไร เพราะไม่มีอะไรให้หมั่นไส้ และก็ไม่ได้จะดูถูกอะไร ก็มันยังธรรมดาๆไม่ค่อยน่าแปลกใจอะไรแค่นั้นเอง แต่เราก็อาจจะเก่งกว่าเพื่อนๆแหละ เพื่อนเลยยกย่องเราหน่อย แค่นั้นเอง จากคุณ : meddy hao - [ 11 เม.ย. 52 16:50:13 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อัจฉริยะ ตรงใหน คือไม่ได้กวนนะ ถามเฉย ๆ ชีวิตคุณมีเรื่องอะไร ที่ค้นคว้า พบเจอ แบบเซอร์ไพรส์ คนรอบข้างมั้ย   คือเท่าที่อ่านดู ก็ไม่นะ จากคุณ : Pixzz - [ 11 เม.ย. 52 17:04:45 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ล่อเป้า? อัจฉริยะจริงๆเค้าก็ต้องมีผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอัน เป็นประโยชน์แก่โลกบ้าง เท่าๆที่พูดมา คุณก็แค่อยากให้คนอื่นบอกว่าคุณเป็นอัจฉริยะแค่นั้นเองแหละ หรือเรียกง่ายๆว่า "หลงตัวเอง" ก็แค่นั้นเอง ปล.ผมก็ทำข้อสอบ IQ ได้ 132-136  ประจำ จากคุณ : เบื่อโลกจัง - [ 11 เม.ย. 52 17:12:40 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ตกลงต้องการได้คำตอบหรือเปล่าครับ  พอมีคนเข้ามาให้ข้อมูลแต่ไม่ถูกใจคุณก็ไปว่าเขา ถ้าไม่พร้อมรับข้อมูลหลายๆด้าน หรือหลายแง่มุม ก็ไม่สมควรถามนะครับ เพราะผมเห็นคนตอบเขาก็เจตนาดี ** ไม่ต้องถึงอัจฉริยะหรอกครับ แค่คนธรรมดาเขาก็พร้อมรับฟังความเห็นที่แตกต่าง **** ดูเหมือนว่าคุณอวดไปหน่อยหรือเปล่า   ผมสอบชิงทุนบริติช เคาน์ซิล ได้ที่ 1 ยังไม่คุยเลยครับ( แล้วพูดทำไม) แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 52 17:21:04 จากคุณ : เจ้าชายโดดเดี่ยว - [ 11 เม.ย. 52 17:14:38 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ^ ^ ^ โห... ไม่ค่อยคุยเลยนะเพ่... จากคุณ : อิ่มบุญครับ (กัปตันสมหมาย) - [ 11 เม.ย. 52 17:24:16 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คุณสมบัติของคุณที่อ่านมาทั้งหมด มันธรรมดามากค่ะ อย่างน้อยก็ในความคิดของเรา แต่ถ้าอยากเป็น แล้วผลออกมาว่าใช่ ก็ยินดีด้วยค่ะ จากคุณ : ลัลลา - [ 11 เม.ย. 52 17:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คุณเป็นคนธรรมดาค่ะ อัจฉริยะน่ะ สูงกว่านั้นเยอะ จากคุณ : เส้นด้ายร้อยลูกปัดผัดผงกระหรี่ - [ 11 เม.ย. 52 17:40:09 ]

ความคิดเห็นที่ 37 555 มีเพื่อนผมอยู่สองคนเรียนหนังสือมาตั้งแต่เด็กๆ เก่ง ตอนนั้นคนเรียกว่าฝาแฝดอัจฉริยะ แล้วตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ได้ที่หนึ่งของประเทศ ตอนนี้เป็นอาจารย์หมอที่จุฬา ไม่นานมานี้ได้รักษาคุณพ่อของผมที่เป็นโรคหัวใจจนหาย อันนี้ผมเรียกอัจฉริยะไม่อายปากเลยครับ จากคุณ : 555 - [ 11 เม.ย. 52 17:40:16 A:116.58.231.242 X: TicketID:008482 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ความคิดเห็นที่ 8 ข้อ 11 เวลาดูหนัง จะดูกับคนอื่นที่บ้านไม่ได้  เพราะ ตัวเองดูแต่ซาวแทรก ที่้บ้าน  เค้าไม่ดู ซาวน์แทรกกัน เพราะปวดสมอง แถวบ้านผมเด็กอายุ11ขึ้นไปดูกันบ่อยครับ   ดูคนเดียว  บางคนใช่เสียบหูฟังเอา  บางคนปิดเสียง  ของค่ายม้าแดง เด็กวัยรุ่นชอบกันมาก สงสัยจีเนียสทั้งซอย จากคุณ : Lamelez - [ 11 เม.ย. 52 17:42:06 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อัจฉริยะแล้วทำไม? ไม่อัจฉริยะแล้วทำไม? เห็นด้วยกับ #20 ครับ จากคุณ : GialloBlue - [ 11 เม.ย. 52 17:42:46 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เคยมีคนเรียกผมว่าอัจฉริยะเหมือนกันครับ เพราะสมัยเรียนผมจะไม่อ่านหนังสือเหมือนคนอื่น ที่จะต้องเครียดอ่านติวกันก่อนสอบ ก่อนสอบผมจะเล่นเกม อ่านการ์ตูน พอใกล้ๆจะสอบ อีก 30 นาทีค่อยหยิบหนังสือมาอ่านเฉพาะสารบัญ จิ้มหัวข้อแล้วคิด คิดออกเข้าใจก็ผ่านไปจิ้มข้อถัดไป หากยังคาใจก็เปิดไปอ่านนิดนึง ถึงจะเป็นวิชาภาษาไทยที่มีหนังสืออ่านนอกเวลาก็จะไม่ซื้อ ไม่อ่าน มารออ่านก่อนเข้าสอบ วิธีอ่านหนังสืออ่านนอกเวลาคือ ลากนิ้วผ่านกลางหน้า แล้วกวาดสายตาหน้าละไม่เกิน 3 วินาที มันจะมีความรู้สึกไปเองว่าประโยคนี้ต้องจะ สถานที่นี้ต้องจำ เหตุการณ์นี้ต้องจำ ทำข้อสอบเสร็จคนแรกตลอด ข้อสอบ final 300 ข้อผมใช้เวลา 30 นาที อ่านโจทย์แล้วกาด้วยความรู้สึกไม่ใช้ความคิดเลย เพราะหากคิดแล้วจะเริ่มสับสน บางครั้งเล่นเกมหนักมาก แทบไม่ได้นอน พอมาสอบก็ง่วง เลยตั้งโทรศัทพ์สั่นแล้วนอนไป 10 นาที ตื่นขึ้นมาทำข้อสอบต่อเสร็จคนแรกเช่นเคย เกรดเฉลี่ย 3.98 แต่ก็ไม่ได้โดดเดี่ยวเท่าไร ไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น ขี้เกรงใจอีกตั้งหาก แต่ผมก็ว่าผมไม่ใช่อัจฉริยะนะ แค่คนแปลกๆเท่านั้นเอง จากคุณ : หมีอ้วนนอนม้วนตัวกลม - [ 11 เม.ย. 52 18:07:20 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณ จขกท อย่าไปสนเสียงนกเสียงกา ถ้าคุณอัจฉริยะ จริงคุณก็คืออัจฉริยะ ก็แค่นั้น ถ้าคุณไม่ใช่ก็ไม่ใช่ มันอยู่ที่คุณเอง มีอีกโรคนึงที่คนไทยเป็นกันมาก ผมไม่รู้ว่าภาษาหมอว่าอะไร โรคหมั่นไส้ขี้อิจฉาเห็นใครดีไม่ได้ จากคุณ : ผู้ครอบครองจักรยาน - [ 11 เม.ย. 52 18:19:19 ]

ความคิดเห็นที่ 42 #40 เห็นแล้วนึกถึงตัวเอง  ผมเป็นแบบนั้นเป๊ะเลยครับ สอบไม่เคยตก  หนังสือไม่เคยอ่าน  เรียนไม่ค่อยสนใจ  ทำข้อสอบเร็วมาก จากคุณ : Mr.Whisper (wsteven) - [ 11 เม.ย. 52 18:19:30 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คคห 38 ผมรู้น่ะค่ายม้าแดงคืออะไร เมื่อก่อนผมก็เคยดู 555 ผมว่าจีเนียสยังอีกไกลครับ เพราะ จขกท ก็คล้ายผมน่ะ ฟังเพลงปะกิดตอนอายุ 14 ผมเรียนอนุบาล 1 ตอน 3 ขวบ (เรียนอยู่ 3 ปี ถึงไปอนุบาล 2) เวลามองหน้าคน ถ้าเป็นนักเลงผมหลบ แต่ถ้าเป็น ผู้หญิงสวยๆ ผมจะมองตาม ตอนประถมมัธยม ผมได้ เกรด ถล่มทลาย โรงเรียนระดับจังหวัด(แต่ผมว่าผมไม่ จีเนียสน่ะ ผมออกแนว ต๊องๆ) ผมไม่ชอบเรียน เคมี ฟิสิกส์ แต่ ชีวะ เลข สังคม สุดๆเลย ปล. ผมยังไม่จบ ม.ปลายน่ะ คาดว่าจะ แอดมิชชั่น เข้านิติศาสตร์ สรุป ผมว่า จขกท ยังไม่จีเนียสน่ะครับ และ ผมก็เช่นกัน จากคุณ : Lord BoBo Of Sarkhanland - [ 11 เม.ย. 52 18:30:25 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ข้าน้อยไม่ใช่ "อัจฉริยะ" เพราะข้าน้อย "ยังรู้ไม่หมด" ขอรับ ปล. เอาคำในเครื่องหมายคำพูดมาต่อกันเองนะขอรับ แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 52 19:03:34 จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 11 เม.ย. 52 19:01:42 ]

ความคิดเห็นที่ 45 อัจฉริยะมีหลายแบบครับ  ไม่ได้หมายความแค่การคิดเลขเร็ว ความจำดี  ทำข้อสอบได้มาก จริงๆคำว่าอัจฉริยะเองก็ยังอาจบอกไม่ได้เลยว่าหมายถึงอะไรบ้าง  และต้องมากขนาดไหน สำหรับคุณ จขกท คงต้องคุยกันยาวกว่านี้หรือต้องเป็นคนสนิทกว่านี้จึงจะให้ข้อสรุปได้ เท่าที่ฟังมาคุณเป็นบุคคลกลุ่มที่มีบุคลิกภาพอีกแบบหนึ่งซึ่งแตกต่างจากคนทั่วไป  ซึ่งก็พบได้ บ่อยในกลุ่มที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะ  หรืออาจไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยก็ได้   ความหลากหลายพวกนี้ เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์  มีตั้งแต่แบบธรรมดาไปจนถึงแบบสุดโต่งข้างใดข้างหนึ่ง ถ้าคุณพอใจแล้วกับชีวิตที่เป็น  มีความสุขได้ตามอัตภาพ  ก็ถือว่าน่าพอใจแล้วครับ (อยากเตือนอีกอย่างว่า  การเป็นผู้ให้คำปรึกษากับคนอื่นนั้น   อย่าถือแค่ว่าพูดยังไงก็ได้ตามความจริง หรือพูดยังไงก็ได้ตามที่คิดว่าจริง  แค่นี้ไม่พอครับ  ระวังจะเป็นการทำร้ายคนอื่นโดยไม่รู้ตัว นอกจากความเห็นส่วนตัวแล้วยังต้องใส่เจตนาดี  และความปรารถนาดีเข้าไปด้วย   สิ่งใดที่เป็นความจริง  แต่ไม่เป็นประโยชน์  หรือไม่มีความปรารถนาดี   ก็ไม่ควรพูด   ควรรู้ กาลเทศะบ้าง หลายครั้งที่เราหรือใครหลายคนกำลังมีปัญหาชีวิต  อยากระบาย  อยากขอความเห็นจากคนอื่น   ควรระลึกไว้ด้วยว่าเขาอาจไปฆ่าตัวตายได้  หลังฟังความเห็นจากคุณ) จากคุณ : Exampli gratia - [ 11 เม.ย. 52 19:51:51 ]

ความคิดเห็นที่ 46 คำว่า อัจฉริยะ มันกว้างมากนะครับ แล้วแต่ว่าจะดูในแง่มุมไหน ที่ จขกท. บอกมานั้น พบเห็นได้ตามสี่แยกทั่วๆไปครับ และก็ สำหรับผมแล้ว ผมรู้สึกว่า จขกท. จะออกแนวๆ หลงตัวเอง เก็บกด ไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่เข้าสังคม บลาๆๆๆ จากคุณ : AniRathRiX - [ 11 เม.ย. 52 19:51:55 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เคยคิดว่าตัวเองฉลาด 55 (แต่ยังไม่กล้าคิดว่าตัวเองเป็นจีเนียสเลยนะ) เคยได้อันดับหนึ่ง ใน ร้อยของประเทศตอนสอบวัดผลภาษาอังกฤษทั่วประเทศ (ตอนประถม) ไม่ได้อ่านหนังสือเลย เคยได้รางวัล อันดับสอง ประกวดวาดภาพในโรงเรียน พร้อมๆ กับได้รางวัลอันดับ 2 ประกวดคำขวัญด้วย เทห์มาก หอบของรางวัลกลับบ้านเยอะที่สุด ตอนสอบเอนท์ เป็นคนเดียวในรุ่น ที่ติดคณะนี้ ของมหาวิทยาลัยนี้ ถนัดทั้งคำนวณ (ชอบที่สุดคือฟิสิกส์ ไม่เคยจำสูตร พิสูจน์สูตรเอาเอง) และถนัดวาดรูป เลยเลือกคณะที่คิดว่าเหมาะกับตัวเอง แล้วก็เลือกไม่ผิด แต่... พอไปอยู่ในที่ๆคนเก่งๆรวมกัน ถึงได้รู้ว่า เรานี่จ๊าดง่าว ใช้ได้เลยนะ ปัจจุบันก็ หาเช้า กินค่ำ 555 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 52 20:02:15 จากคุณ : RebmemeR - [ 11 เม.ย. 52 20:00:58 ]

ความคิดเห็นที่ 48 จะว่าหลงตัวเองเลยก็แรงไปมั้ง... ข้อมูลแค่นี้ยังตัดสินชัดเจนไม่ได้หรอก ความรักตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเอง มุมมองที่มีกับตัวเอง อะไรทำนองนี้ เป็นปัจจัยทางจิตวิทยาอย่างนึงที่มีอยู่ในคนทุกคน จะเรียก อัตมโนทัศน์ หรือ self esteem อะไรก็ว่ากันไป มีเท่าที่เหมาะสม ดีที่สุด มีน้อยไปก็กลายเป็นไม่เชื่อมั่นในตัวเอง มองตัวเองในทางลบ มีมากไป ก็หลายเป็นหลงตัวเอง จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 11 เม.ย. 52 20:18:16 ]

ความคิดเห็นที่ 49 จขกท ถามว่าตัวเองอัจฉริยะหรือไม่ ก่อนอื่นคุณตอบได้มั้ยว่า คำว่า อัจฉริยะ มันแปลว่าอะไร หรือจะให้ตอบง่ายกว่านั้นต้องถามว่า คุณนิยามคำว่า อัจฉริยะ เอาไว้ว่ายังไง คนเราจะเก่ง จะดี มันก็เก่งก็ดีอยู่ในตัวเอง ไม่ต้องคอยให้ใครมาพูดมาสรรเสริญเยินยอหรอกครับ คนเรามันต้องมีสักเรื่องในชีวิตที่เรียกได้ว่าอัจฉริยะกว่าคนอื่นๆ หรือมีอะไรบางสิ่งที่ทำได้แต่คนทั่วๆ ไปทำไม่ได้ แต่ผมว่า จขกท อัจฉริยะนะ อย่างน้อยก็ทำให้กระทู้มี คคห มากกว่า ปริมาณ คคห เฉลี่ยของกระทู้ทั่วไปตั้งเยอะแนะ อิอิ จากคุณ : ดอส - [ 11 เม.ย. 52 20:19:59 ]

ความคิดเห็นที่ 50 คห 45 ถ้าเป็นผมนะ   ถ้าคิดสั้นได้แค่ว่าฆ่าตัวตายหนีปัญหา ถ้าเห็นชีวิตตัวเองไม่มีค่า ผมสมน้ำหน้าครับ จะมีปัญหามากแค่ไหน ก็ไม่เห็นมันจะทำให้คนตาย นอกจากเลือกที่จะตายเอง จากคุณ : อัครวรมัน - [ 11 เม.ย. 52 20:25:27 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ให้ลองตั้งกระทู้แบบนี้ แบบเดียวกันที่ประมูลดูนะ คุณจะได้รับคำตอบมากมาย http://bbs.pramool.com ขอให้โชคดี ..GG จากคุณ : StoneHoof - [ 11 เม.ย. 52 20:32:34 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ไม่มีความเห็นครับ เพราะการบอกว่าใครเป็นหรือไม่ได้เป็น มันไม่ใช่แค่ฟังข้อมูลเท่านี้ ถ้ามีแบบทดสอบแล้วทำใหู้ต่อหน้า และมีการพูดคุยประเมิน อาจพอไหว การวัดไม่ใช่ความคิดเห็นว่า ใช่ หรือไม่ใช่ แต่เป็นการประเมินผล ในกระทู้นี้มันเป็นเพียงการฟังข้อมูลแล้วถามความคิดเห็นว่า คุณคิดว่าเป็นหรือไม่เป็น ซึ่งไม่ใช่วิธีการทางวิทยาศาสตร์ จากคุณ : granun - [ 11 เม.ย. 52 20:34:59 ]

ความคิดเห็นที่ 53 จขกท มีคำตอบอยู่ในใจ แล้วมาถามในกระทู้ มันก็เกิดอาการอย่างนี้แหละครับ บางครั้งก็ต้องยอมรับความจริงบ้าง สำหรับผม อัจฉริยะต้องหาอะไรมาวัดมากกว่านี้ครับ และยืนยันอีกเสียงว่า คุณไม่น่าจะใช่ครับ จากคุณ : no ge (bourne_sup) - [ 11 เม.ย. 52 20:45:43 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ว่าแต่ว่า หอมคั่วไก่เนอะ จากคุณ : ดอส - [ 11 เม.ย. 52 20:59:12 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ไม่หรอก แค่ความรู้สึกว่าต่างจากคนอื่นแล้วเท่ ธรรมดาๆ ถ้าเท่าที่เล่ามาเป็นอัจฉริยะ คงมีเพื่อนเราเกินความเป็นอัจฉริยะไปหลายคนเลยแหละ แต่ก้อไม่รู้เหมือนกัน เราเรียนไม่เก่ง เกรดก้อแย่ โรงเรียนก้อไม่มีคนรู้จัก ตอนเอนทก้อไม่อ่านหนังสือ เลยต้องเข้าไปเรียนมหาลัยดาษๆธรรมดาๆ จากคุณ : อุนทามะ - [ 11 เม.ย. 52 21:03:32 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ผมก็ว่าไม่นะ  เหอๆ   อ่านจากข้อมูลข้างบนก็เริ่มคิดว่าจขกท.หลงตัวเองแล้วล่ะ -.- จากคุณ : EvaNe - [ 11 เม.ย. 52 21:11:09 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เคยคิดว่าพอมีความฉลาดอยู่บ้างเหมือนกันแหละตอนเด็กๆ พอโตๆขึ้นมาเรื่อยๆถึงได้รู้ว่าตัวเองโง่ใช้ได้ 555555 จากคุณ : กางเกงเลสีน้ำเงิน - [ 11 เม.ย. 52 21:35:05 ]

ความคิดเห็นที่ 58 1. ผมก็เรียนอนุบาลตอน 3 ขวบและผมก็เลื่อนชั้นจนเรียนป.1 ที่ 5 ขวบ รร.จะให้ซ้ำชั้นแต่แม่ผมไม่ยอมเพราะผมทำคะแนนต่างๆได้สูงเกือบที่สุดของชั้นทั้งที่อายุ 3 ขวบนี่แหละ 2. ไม่เคยวัดจริงๆจังๆ ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ตราบใดที่เรียนได้ดีทำงานได้ดี จะ IQ เท่าไหร่ก็ช่างหัวมันเถอะ 3. แค่มีปัญหาเรื่องการสื่อสารกับคนอื่นและไม่มีความมั่นใจในตัวเองโดยไม่รู้ตัว ไม่มีกฏข้อไหนบอกว่าอัจฉริยะชอบหลบสายตาคน มีพวกอัจฉริยะที่ได้รับการยอมรับในโลกนี้มากมายที่เป็นพวกหัวรุนแรง พูดจาก้าวร้าวจ้องตาคู่สนทนาแบบแทบจะไม่กระพริบเพราะมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิดและพูดเป็นอย่างมาก 4. ของผมตอนประถมเรียนดีชนิดเป็นที่หนึ่งรร.เกือบทุกปี มัธยมต้นกับปลายเรียนกลางๆเป็นบ้าทำงานคอมกับเล่นมากไปหน่อย ป.ตรีเรียนด้านคอมผลการเรียนจึงดีสุดกู่ 5. ก็แค่ถนัดเคมี ถ้าอย่างนั้นผมคุยได้ไหมว่าผมเคยสอบวิชาเลขกับฟิสิกส์ได้เต็มมาแล้วเหมือนกัน 6. ผมอยากเรียนคอมก็สอบคณะด้านนี้ เรียนจบมาอย่างมีความสุข มีผลการเรียนอยู่ในระดับดี 7. ผมเล่นดนตรีมาตั้งแต่อยู่ประถม สามารถร้องเพลงได้ดีขนาดโดนเผาให้ขึ้นไปร้องเพลงในผับตอนไปเที่ยวแต่วงเชิญให้ร้องต่อ แต่ไม่ได้คิดจะเอาดีด้านนี้เพราะมีความสุขกับการทำงานคอม ทรัพย์สินที่เมืองไทยมีรถ 1 คันไม่นับมรดกครอบครัว ทรัพย์สินเมืองนอกก็มีรถอีก 1 คันกับเงินฝากในธนาคารจำนวนหนึ่ง ไม่มากแต่ก็ไม่น้อย เรื่องงานคอม ผมทำ part-time เป็นพวก support มาตั้งแต่ม.4 แล้ว สมัยป.ตรีก็หาเงินพิเศษด้วยการรับจ้างประกอบคอม แต่พอจบแล้วทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน้อตเลยไม่รับงานนอกถ้าไม่จำเป็น จนมาทำงานเมืองนอกนี่แหละถึงได้สบายตัวมานั่งตอบกระทู้เล่นแบบนี้ได้ (มีต่อความเห็นถัดไป) จากคุณ : VeryBadman...Begins - [ 11 เม.ย. 52 21:41:30 A:67.160.211.99 X: TicketID:185387 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ถ้าให้ตอบตรงคำถามก็คือ " ไม่ " ขยายความ คือ " ไม่มีทาง " แถวบ้านเรียก " ดาด ๆ "   ไม่ได้อิจฉา แต่ อ่านแล้ว  รู้สึกว่า คุณยังไม่รู้จักตัวเองเลย อายุเท่าไรครับ ? ไอ้คุณสมบัติที่คุณว่ามา  หาได้ตาม สถานศึกษาทั่วไป ไม่ต้องอวดนะครับว่า ฟังแต่เพลง ฝรั่ง .... คนฟังเพลง กับ นักฟังเพลง มันคนล่ะอย่างกันนะครับ ผมรู้จัก หลายๆ ท่าน ที่เรียกได้ว่า เป็น คัมภีร์ ทางด้านเพลงสากล ในแต่ล่ะด้าน ผมว่า คุณยังแค่หางแถว....  เอาแค่ว่า ถ้าย้อนไปซัก ยุค 70's คุณรู้จักอะไรในยุคนั้นน้าง ยุค 80's เค้ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรในวงการดนตรี แล้วเพลงไทยนะ หัดฟังซะมั่งนะครับ  แล้วคุณจะรู้ว่า ยังมีศิลปินไทย อีกหลายคน ที่ถ้าเป็น นักฟังเพลง ควรจะศึกษา เรื่อง soundtrack อีก  ถ้าคุณมัวแต่ดูหนังอยู่กับบ้าน หัดเข้าโรงหนังบ้างนะครับ แล้วจะรู้ว่า คุณยังมีเพื่อนดูหนัง soundtrack อีกเยอะ... และที่สำคัญ หนังนอกกระแสที่ผมมี ก็มีแต่ soundtrack ซะด้วย !!!! ผมมักจะไม่ค่อยชอบ คนที่บอกกับตัวเองว่า ตัวเองมีโลกสูงตัวสูง.... ทั้งๆ ที่ คุณเองยังไม่รู้จักตัวเองดีพอ  และ คุณ ก็ยังไม่เข้าใจความหมายของ " การมีโลกส่วนตัว " เลยด้วยซ้ำ และที่สำคัญนะครับ คนเก่งจริง เค้า ไม่ขี้คุยกันหรอกครับ ว่า เค้าเก่งอย่างนั้นอย่างนี้.... จากคุณ : โรงละครแห่งความฝัน - [ 11 เม.ย. 52 21:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ตอบเพิ่มตามที่จขกท.มาอธิบายเพิ่ม 1. ไม่ได้ชอบมากแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ปกติอยู่คนเดียวได้ แต่รู้สึกว่าการเข้าสังคมก็เป็นเรื่องดีที่จะได้พัฒนาบุคลิกภาพของตัวเอง 2. ธรรมดาของมนุษย์ มีแต่คนที่มองโลกในแง่ดีเกินไปเท่านั้นที่มองว่าใครๆก็คือเพื่อนสนิท 3. ปกติถ้าไม่สนิทผมก็พูดน้อย แต่ถ้าสนิทกันแล้วจะกลายเป็นคนพูดเก่ง ปกติสนิทยาก แต่ก็สามารถเข้าสังคมได้ดีในระดับหนึ่ง 4. ปกติอ่านหนังสือรอบเดียวก็จำใจความสำคัญได้หมดแล้วเพราะอ่านหนังสือเป็นตั้งๆมาตั้งแต่ป.2 ทักษะด้านนี้เลยดี ถ้าหนังสือที่ชอบก็อาจจะอ่านมากกว่า 1 รอบ แล้วข้อนี้แปลกตรงไหน 5. ของผมแล้วแต่สถานะการณ์ การทำงานกับคนอื่นจะเอาตัวเองเป็นที่ตั้งไม่ได้ ถ้าจะทำให้เลิศสุดๆแต่ทำให้คนอื่นมีปัญหาก็ทำออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนแล้วหาทางทำเพิ่มหรือแก้ภายหลัง ที่คุณเป็นมันก็แค่ Perfectionist แบบดันทุรังเท่านั้นเอง 6. อารมณ์อ่อนไหว??? แล้วอย่างไร เกี่ยวกับอัจฉริยะตรงไหน 7. ทำงานเป็นเวลาเลยต้องนอนเป็นเวลา หลับง่ายตื่นง่ายฝันน้อย อุปนิสัยการนอนดีสุดๆ ส่วนคุณก็แค่ไม่ขัดเกลานิสัยตรงนี้เท่านั้นแหละ นอนกลางวันไปแล้วมันจะไปนอนกลางคืนได้ง่ายได้อย่างไร 8. คุณมีปัญหาการเข้าสังคม จบ ตอนนี้อยู่เมืองนอกไม่สนิทกับใครมากๆ แต่ก็มีเพื่อนที่ออกไปเที่ยวด้วยกันได้ ไม่ได้โดดเดี่ยวตัวเอง 9. แค่รสนิยม แต่ผมฟังหมดเพราะเล่นดนตรี ควรจะฟังให้ครอบคลุม 10. ไม่ค่อยคิดมากเรื่องนี้ แต่ปัจจุบันไปได้ไกลกว่าที่เคยคิดซะงั้น 11. ไม่ค่อยดูหนัง แต่จากการใช้ชีวิตต่างแดน ผมดูหนังไม่ต้องมี sub-title ก็ได้ เปิดทีวีฟังข่าวทำโน่นนี่ไปไม่ต้องตั้งใจก็เข้าใจ ไม่ใช่ว่าเก่ง แต่เป็นเพราะความเคยชิน ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ ไม่ว่านามธรรมหรือรูปธรรม ผมมีเส้นทางชีวิตที่ดีกว่าจขกท.เสียด้วยซ้ำ จะหาว่าผมหลงตัวเองก็ได้ แต่ที่สำคัญคือผมยังคิดว่าผมยังเป็นมนุษย์ธรรมดาๆที่โชคดีและมีความพยายามเท่านั้น ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะแต่อย่างใด จะมีใครบอกว่าผมเป็นหรือไม่อันนี้ผมไม่รู้ แต่ไม่สำคัญเพราะผมรู้ตัวดีว่าผมไม่ใช่ แล้วคุณยังจะบอกว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะอีกหรือ ถ้ายังจะยืนยันแบบนั้นผมก็คิดได้แค่ว่าคุณมันก็แค่ "ไอ้คนหลงตัวเอง" จากคุณ : VeryBadman...Begins - [ 11 เม.ย. 52 21:58:22 A:67.160.211.99 X: TicketID:185387 ]

ความคิดเห็นที่ 61 อัจฉริยะ หรือ gifted จากที่ จขกทว่ามาผมว่ายังไม่ใช่คับ คุณเป็นคนที่เรียนเก่ง มากว่า ที่จะใช้คำว่าอัจฉริยะ เพราะว่าถ้าเป็น gifted ก็จะเก่งตั้งแต่หนึ่งด้านขึ้นไป หรือในด้านอื่นอาจจะด้อยไปเลยก็ได้ ในช่วงที่คุณเรียนอยู่ มีวิชาไหนมั้ยคับที่เรียนร่วมกับเพื่อนในชั้นเรียนปกติไม่ได้ จนต้องไปเรียนวิชานั้น ๆ ในระดับที่สุงกว่า เพราะว่าคุณเก่งกว่าเพื่อนในระดับเดียวกัน ในวิชานั้น ๆ นี่เป็นส่วนหนึ่งที่จะใช้วัดได้ว่าคุณเป็นอัจฉริยะรึป่าว แต่จิง ๆ แล้วมีอีกหลายปัจจัยคับ ... จากคุณ : ~ Treble_cleF ~ - [ 11 เม.ย. 52 22:06:42 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เราว่าเราคล้ายๆ จขกท ยกเว้นที่ว่า เราชอบมากกว่า 1 วิชาและได้คะแนนเต็มหลายวิชาและหลายครั้ง และเราชอบและเรียนดนตรีตอนเด็กๆ อยู่เป็นสิบกว่าปี แต่ตอนนี้ไม่ได้ใช้ ใช้แต่วิชาชีพ สุดท้ายคือเราไม่มีเพื่อนเรียกว่าอัจฉริยะ เพราะมีคนอีกเป็นร้อยที่ดีกว่าเรา เต็มทุกวิชา ทุกชั้น ทุกครั้งที่สอบ หรือ เอนท์ได้ที่ 1 ของประเทศ หรือ ได้ท็อปของคณะ หรือ ชิงทุนได้หลายทุนในเวลาเดียวกัน หรือมีบริษัทมาเทียบรถหน้ามหาลัย มีมหาลัยต่างประเทศดังมากๆจองตัว ฯลฯ และทั้งหมดนั่นมันคืออดีต และเป็นชีวิตการเรียน แต่ชีวิตจริงๆตอนนี้ คือ เรารู้สึกว่าเรารู้น้อย ฉลาดน้อยกว่าคนอื่น จนบ้างครั้งรู้สึกว่าโง่กว่าคนอื่นๆด้วยซ้ำ จากคุณ : an_owl - [ 11 เม.ย. 52 22:13:25 ]

ความคิดเห็นที่ 63 #1 อัจฉริยะที่แท้จริง ไม่ต้องการสังคมหรอกครับ ถ่วงความเจริญตัวเองเปล่าๆ จากคุณ : powerconduit - [ 11 เม.ย. 52 22:16:36 ]

ความคิดเห็นที่ 64 คนเรามีสิทธิ์ฝันคับ   ผมยังฝันว่าตัวเองเล่นหน้าคู่กะรูนี่เลย กินตับเยอะๆนะคับมีธาตุเหล็ก ถั่วมีโปรตีนช่วยซ่อมเเซมสมอง  กินปลาทะเล มีไอโอดีน ไม่เป็นโรคเอ๋อ จากคุณ : เช้าฟาดผัดฟัก เย็นฟาดยาดอง - [ 11 เม.ย. 52 22:23:40 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คุณก็คนธรรมดาปกติดีนิ... จากคุณ : FlyingChicken - [ 11 เม.ย. 52 22:27:15 ]

ความคิดเห็นที่ 66 สิ่งที่คุณทำแล้วประสบความสำเร็จ ที่สุดในชีวิต คืออะไร ครับ ... จากคุณ : มกรา49 - [ 11 เม.ย. 52 22:45:28 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ไม่ !!! 1 ตอนเด็กๆ  อนุบาลไม่ยอมนอนกลางวัน ไปโรงเรียน ก้อไม่นอน ชอบออกไปเดินเล่นดูนั่นนี่ เข้าเรียนอนุบาล ตอน 3 ขวบ เพราะแม่เล่าให้ฟังว่า ร้องไห้ เพราะอยากไปโรงเรียน กับพี่ จนแม่ต้อง ไปขอร้องกับ ผอ. โรงเรียน ปกติ สมัยนั้นเค้ารับ อนุบาล ที่ 5 ขวบ ... เราเป็นรายแรกของที่นั่น แต่ ก้อต้อง ซำ้ชั้น 1 อ.1 1 ปี เพราะ เค้าบังคับ ... อายุไม่ผ่าน ที่จะเลื่อนชั้น :: คิดว่าคุณคงงอแงอยากไปกับเล่นพี่ มากกว่าที่อยากจะัไปเรียน เพราะสมัยนั่นคุณคงไม่รู้หรอกว่าอนุบาลเขาสอนอะไร 2 เคยวัด IQ ประมาณ 100 กว่า ๆ  แต่ไม่น่าจะเกิน 140 :: ปกติ 3 เวลา มองหน้าคน แล้ว มักจะชอบหลบสายตา โดยอัติโนมัติ ทั้งที่ไม่อยากหลบ ทำไม ?? :: นั่นสิ ทำไม ??  4 ตอนประถม มัธยมต้น เรียน กลางๆ ไม่เด่น แต่พอ ขึ้นมัธยมปลาย เรียน ดีมากขึ้น จนผิดหูผิดตา  เกรด สูงสุด ได้ คือ 3.80  สายวิทย์ :: ผมเรียนสายวิทอยู่ รร. สาธิต(แห่งหนึ่ง)  3.8 นั่นหน่ะเกรดต่ำสุดของผม และเกรด 3.8 ก็ยังไม่พอที่จะติด top 5  5 ไม่ชอบเรียน เลข ฟิสิกส์ แต่ชอบ เคมี ชีววิทยา แต่จะ สุดๆ ที่เคมี วิชาเดียว :: ผมชอบ phy กับ math  (<< ผมบอกทำไม ??)  6 ตอนเอนท์ อยากเรียน วิศวะเคมี แต่ดันสอบติด วิศวะคอม  ด้วยความละโมบ  จึงไม่เปลี่ยนวิชาเอก ... ผลคือ เรียนไม่จบ เพราะป่วย เครียด ฯลฯ :: ....  7 แต่ตอนนี้เริ่มสนใจ เรียนดนตรี มากกว่า วิทยาศาสตร์แล้ว ทำงานอิสระ ไปเรื่อยๆ  บ้าๆ บอๆ เงินเดือนชนเดือน ไมรวย ไม่มีเงินฝากในบัญชีเป็นแสนๆ ล้านๆ  ไม่มีรถยนต์ราคาแพง แต่ตอนนี้ มีชีวิตสบายๆ ชิลด์ เรียบๆ ง่าย และที่สำคัญ ไม่มีหนี้สิน ... :: ดีแล้วครับ แต่เงินเดือนชนเดือน ค่อนข้างลำบากหน่อย  ถ้าจะให้ดีน่าจะมีเงินเก็บสำรองไว้ใช้เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน สรุปก็ ................ ก็แค่คนธรรมดา เหมือนผม เหมือนหลายๆท่านในที่นี้ จากคุณ : ฉันมีค่าแค่ไหน - [ 11 เม.ย. 52 23:01:08 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ผมตอบตรง ๆ อย่าเสียใจนะ  คุณไม่ใช่อัจฉริยะครับ ถ้าคุณเป็นอัจฉริยะ  ห้องหว้ากอน่าจะมีอัจฉริยะเล่นอยู่เกินครึ่ง จากคุณ : jedi-jaidee - [ 11 เม.ย. 52 23:15:42 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอแจมด้วยครับ ผมว่าคุณยังห่างไกลจากอัจฉริยะนะครับ ตัวอย่างคือแฟนผม แฟนผมถ้ารู้จักผ่านๆจะดูเรียบร้อย แต่จริงๆแล้วต๊องๆ๋เอ๋อๆ น่ารักดีครับผมชอบ แต่ว่า เรียนได้ที่หนึ่งมาตลอดชีิวิตจนจบมหาลัย ได้แชมป์เปียโนหลายสมัย เล่นเครื่องดนตรีได้หลายสิบชนิด(หัดเอง) ตอนนี้กำลังจะจบเอกที่ยูดังในเมกา(ทอป5)ใช้เวลาเรียนโทเอกรวมกันประมาณห้าปีกว่า หลายปีก่อน ก่อนเค้าเจอมาว่าtextbookที่เด็กป.เอกที่โน่นเรียนกันมันสอนผิด ก้เลยไปเสนอแก้กับโปรเฟสเซอร์คนเขียน ซึ่งเค้าก็ยอมรับ เค้ามีเงินเก็บร่วมแสนจากค่าทำวิจัยและเป็นทีเอ ทุกวันนี้มีคนมาแย่งกันรับเค้าเข้าทำงาน แต่เค้าไม่เอา เค้าจะเป็นอ.มหาลัยในไทย (เค้าอยากเป็นอ.มาตั้งแต่เด็กๆแล้วครับ) ผมเคยบอกว่าเค้าอ่ะอัจฉริยะ แต่แฟนผม ไม่เคยยอมรับเลยครับ เค้าบอกว่า มีคนที่เก่งกว่าเค้าอีกเป็นล้านเท่า เหมือนโม้แฟนตัวเองเลยแฮะ เอาเป็นว่า ที่จขกทว่ามาอ่ะ เด็กๆครับ จากคุณ : Watch My Back - [ 12 เม.ย. 52 00:19:14 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เป็นเพื่อนที่ดีเนอะ อยากมีเพื่อนแบบนี้จัง จากคุณ : ใจขึ้น - [ 12 เม.ย. 52 00:20:06 ]

ความคิดเห็นที่ 71 P_narin สิอัจฉริยะ ของจริง จากคุณ : Multiverse - [ 12 เม.ย. 52 00:29:15 ]

ความคิดเห็นที่ 72 อัจริยะเนี่ย เท่าที่เห็น เค้าไม่สงสัยเรื่องของตัวเองกันอ่ะค่ะ เห็นสนใจแต่เรื่องรอบข้าง พวกที่หมกมุ่นแต่เรื่องของตัวเอง เรียก จิตเภทอ่ะค่ะ อิอิ อย่าคิดมากค่ะ เราว่าไม่ต้องสนดีป่ะค่ะ ว่าตัวเองจะเป็นอะไร เอาเป็นว่าคุณไม่ได้ผิดปกติอะไรอ่ะค่ะ ก็ค่าเฉลี่ยเด็กไทยธรรมดา ไม่เห็นมีอะไรโดดเด่นเลย แหม ตอบงี้เด๋วมีคนหาว่าอิจฉาอีก อ่านแล้วรู้สึกตลกอ่ะค่ะ จากคุณ : ชาตอง - [ 12 เม.ย. 52 00:35:12 ]

ความคิดเห็นที่ 73 "หนูดี" ที่โฆษณาบ่อยๆ ว่าเป็นอัจฉริยะ ของปลอมหรือของจริงครับ จากคุณ : thelegendary - [ 12 เม.ย. 52 01:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เอ สำหรับที่เราคิดนะคะอัจฉริยะไม่เห็นเกี่ยวกับบุคลิคภาพเลย แบบว่าต้องชอบเก็บตัว อยู่คนเดียว ทำอะไรแปลกๆ แบบนี้อ่ะค่ะ แต่ว่าต้องเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่นด้านในด้านหนึ่งหรือหลายด้านก็ได้ แบบว่าโดดเด่นเป็นพรสวรรค์จริงๆนะคะ ไม่ใช่เก่งแบบมาตรฐาน ถึงจะนิสัยธรรมดามากๆแต่ถ้าเป็นอย่างนี้เราก็ว่าเค้าเป็นอัจฉริยะอ่ะค่ะ สำหรับ จขกท บอกลักษณะนิสัยมาเราบอกไม่ได้อ่ะค่ะว่าอัจฉริยะหรือปล่าวเพราะเราดูที่ความสามารถ จขกท มีอะไรที่เห็นชัดๆว่าโดดเด่นกว่าชาวบ้านหรือปล่าวล่ะคะ จากคุณ : Nameless Monster - [ 12 เม.ย. 52 01:31:37 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ข้อ 11 เวลาดูหนัง จะดูกับคนอื่นที่บ้านไม่ได้  เพราะ ตัวเองดูแต่ซาวแทรก ที่้บ้าน  เค้าไม่ดู ซาวน์แทรกกัน เพราะปวดสมอง - โครตปกติเลยอะ  ยิ่งบ้านเราหรือบ้านอื่นที่มีคนอายุมาก ๆ เค้าไม่ค่อยดูซาวแทรกกันหรอก  เพราะอายุมากตาไม่ค่อยดี + ชินกับสมัยก่อนที่พากษ์ไทยตลอดไง  ไม่ใช่แปลว่าเค้าดูพากษ์ไทยแล้วฉลาดน้อยหรือไม่เก่ง เราว่าเจ้าของกระทู้ปกติเหมือนคนทั่วๆ ๆ ไปมาก  แถมยังมีนิสัยดูถูกคนอื่นอีกต่างหาก  ดูถูกแม้แต่คนในบ้านตัวเองอะ  ไม่ดีนะเจ้า -_-' 1. ปกติ 2. ฉลาด 3. อัจฉริยะ เราว่าเจ้าของกระทู้และคนอื่นทั่วไปอยู่ระดับปกติ  หลายคนในหว้ากอนี่อยู่ระดับฉลาด  และคิดว่าคงมีเล็กน้อยไม่เกิน10คนอยู่ระดับอัจฉริยะค่ะ สำหรับหนูดี  เราว่าอยู่ระดับฉลาด  แต่ไม่ถึงขั้นอัจฉริยะนะ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 12 เม.ย. 52 02:33:56 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ธรรมดามากเลยครับ 1-2. คนแบบนี้เกลื่อนเลยครับ ผมก็ด้วยคนนึง 4. หนังที่ผมชอบดู ผมดูซ้ำไปแล้วเรื่องละไม่ต่ำกว่า 10 รอบครับ 7. สามัญชนมากครับ ขณะที่ผมตอบนี้ก็เกือบตี 3 แต่ไม่ง่วงสักนิดเดียว และผมมั่นใจว่ายังมีคนอีกหลายหมื่นที่ยังคงไม่หลับเหมือนผมด้วยครับ 9. ผมว่าอันนี้นอกเรื่องนะ ฟังเพลงไทยไม่ได้แปลว่าฉลาดน้อยเลยครับ เพลงส่วนใหญ่ที่ผมฟังก็เพลงญี่ปุ่นกับฝรั่ง แต่ก็อย่างว่า มันเกี่ยวกับอัจฉริยะด้วยเรอะ ? 10. หลายๆคนที่หัวดีหน่อยก็เป็นแบบนี้ครับ 11. ผมและเพื่อนก็ดูเฉพาะซาวนด์แทรคครับ ผมว่าอันนี้มันล่องลอยพอๆกับเรื่องฟังเพลงเลยนะ คือไม่ได้เกี่ยวอะไรกับอัจฉริยะเลยครับ ปล. ผมว่า คห.8 นี่ตอบเพราะเอาแนวความคิดของ คห.2 มาโยงให้ตัวเองใช่มั้ยครับ ปล.2 หลายๆข้อผมก็เหมือนคุณ แต่ไม่เคยคิดแม้แต่แว่บเดียวว่าตัวเองคืออัจฉริยะ จากคุณ : Limelight - [ 12 เม.ย. 52 02:51:07 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ผมชอบนะ และคิดว่า ทุกคนควรจะคิดว่าตัวเองมีความพิเศษ และความสำคัญอยู่บ้าง ไม่ใช่รู้สึกด้อยกว่าเขาไปซะทุกอย่าง ชีวิตจะไม่มีความสุขเอาน่ะ เหตุผลมีแค่นี้ ปล.แต่อย่าคิดว่าคนอื่นด้อยค่ากว่าคุณ เท่านั้นพอ จากคุณ : สมบัติดี - [ 12 เม.ย. 52 02:52:55 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เพิ่มเติมจาก #76 ครับ คนอย่างคุณ หาได้ไม่ยากเลยครับ ไม่ต้องไปหาดูตามสังคมประเทศไทย เอาแค่ในหว้ากอนี้เอง ผมว่าก็มีหลายคนเหมือนคุณแล้วครับ อย่าไปหลงระเริงอะไรกับคำชมลมปากให้มากเลยครับ คนที่ไม่ค่อยตั้งใจเรียน หรือไม่ค่อยขวนขวายอะไร เวลาเจอคนเรียนดีหน่อย หรือเจอคนที่ดูท่าทางที่เหมือนกับภาพในจินตนาการว่า อัจฉริยะ เข้าหน่อย ก็ชมกันไปแล้ว อย่างผม แค่เล่นรูบิคได้ ที่บ้านก็ชื่นชมผมราวกับว่าผมจะต้องชนะเหรียญทองวิชาการโอลิมปิคแน่ๆ ทั้งที่มันก็แค่เรื่องธรรมดา หาข้อมูล วิธีบิดนิดหน่อย ใครๆก็ทำได้เหมือนกันทั้งนั้นแหละครับ ผมว่าหลายๆคนในห้องนี้ต่างก็หัวดี เกรดดีกันทั้งนั้นแหละครับ และช่วงชีวิตที่ผ่านมาของทุกคน ต่างก็ต้องผ่านคำชมจากผู้คนรอบตัวมามากมาย ต่างล้วนเคยเป็นความหวังของครอบครัว ก็มีทั้งที่สำเร็จ ไม่สำเร็จ หรือกำลังจะสำเร็จบ้าง ก็พยายามกันไปครับ อย่ามัวไปสนใจกับคำชื่นชมให้มากนักเลย จะหลงตัวเองเปล่าๆ อัจฉริยะแล้วยังไง มันทำอะไรได้ ก็ต้องหาเช้ากินค่ำเหมือนเดิม แถมการจะป่าวประกาศว่าตัวเองคืออัจฉริยะๆๆ ก็รังแต่จะโดนหมั่นไส้+สายตาดูถูกเปล่าๆ ผมว่า จขกท. ลองอ่านสิ่งที่ TicketID:202689 พิมพ์ไว้ให้ครบก็คงจะดีครับ จากคุณ : Limelight - [ 12 เม.ย. 52 03:00:51 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ขอตอบอีกครั้ง เอาเป็นว่าถ้าอยากจะดูง่ายๆ คุณลองอ่านทู้ในหว้ากอนี่แค่สัก 1 อาทิตย์ก็พอ แล้วคุณจะรู้เองครับ ว่าคนที่เหนือกว่าคุณยังมีอีกเยอะแยะมหาศาล และเค้าเหล่านั้นก็ไม่เห็นจะเคยมาตั้งทู้ถามว่า ตัวเค้าอัจฉริยะหรือเปล่า กับการที่เป็นคนเรียนเก่ง บวกกับ เป็นคนเพี้ยนๆ ไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่มีสังคม แล้วจะฝันหวานปลอบใจตัวเองว่า มันคือสิ่งที่อัจฉริยะควรจะมี นี่มันก็น่าจะชัดแล้วนะว่า จริงๆแล้วคุณก็แค่อยากให้คนยอมรับคุณเท่านั้นเอง [การมีเพื่อนมากมาย สังคมที่คุณไม่เคยมี] ถ้าฟังจากการแค่มีคนหนึ่งคนมาชมคุณ แล้วทำให้คุณเพ้อได้ถึงขนาดนี้ ผมคิดว่าจริงๆแล้ว ไอ้ที่ผมวงเล็บไว้ นั่นมันคือสิ่งที่ลึกๆแล้วคุณต้องการนะครับ จากคุณ : Limelight - [ 12 เม.ย. 52 03:18:22 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ที่ดูๆมา  จขกท ก็คนปกติธรรมดา ที่มี LifeStyle หลายแบบครับ  คำพูดจากเพื่อนอย่ามาคิดให้หนักหัวเลยครับ เพื่อนมันชมกันเล่นๆ ไมไ่ด้คิดลึกอะไรมากหรอกครับ โดนเพื่อนชมว่าเก่ง เทพ อัจฉริยะ มันก็ครือครือคำพูดว่า เก่งนี่หว่า  ที่ทำให้ดูดี แค่นั้นละครับ  ส่วนบอกขึ้นม.ปลายแล้วเกรดสูง ก็ธรรมดา คุณอาจจะตั้งใจเรียนตอน ม.ปลายก็ได้เหมือนผม   ของผมม.ต้นเกรดเฉลี่ย3-3.5  ม.ปลาย 3.7-3.8X สายวิทย์  มันก็คนปกติปุถุชนธรรมดาแหละครับ  เกรดสูงดูไมไ่ด้หรอกว่าคนเก่งอัจฉริยะ    ส่วนเรื่องคะแนนสอบนั้น ผมก็เคยเจอ ฟิสิกส์เพื่อนตกเกินครึ่งห้อง ผมได้เต็ม  มันก็แค่ผมเข้าใจเรื่องที่เรียนพอดี ไมไ่ด้แปลว่าผมเก่ง อัจฉริยะ เลย ซักนิด  ~3~  มันก็แค่คนปกติที่มีอยู่ทั่วไปในสังคมครับ   มีคนรู้จักที่ผมพูดได้ว่าเก่งจริง ม.1-2 เขียนเกมลงthaiware มีคนโหลดหลายหมื่น ม.3 แข่งเกมNsc ได้ เข้ารอบชิง  ม.1-ม.3(สวนกุหลาบ)  ได้วิชาคณิตเต็ม100ตลอด ม.4-ปี4 นี่แข่งนอก ตัวแทนประเทศ เหรียญทองสอวน.   ได้ที่2Nsc Ictที่1 ได้ทุนอีก   ตอนนี้ทำเกมรายได้หลักแสน  เขาก็บอกเขาไมไ่ด้เก่ง ไม่ได้อัจฉริยะ แค่เขาทำในสิ่งที่เขารัก เขาเลยประสบความสำเร็จได้   คนที่เก่งจริง มักจะถ่อมตัวครับ ไม่อวดตัวว่าตัวเองเก่งหรืออัจฉริยะ      จขกท  ก็ แค่คนปกติธรรมดา คนส่วนมากในหว้ากอ ครับ จากคุณ : Buddychans - [ 12 เม.ย. 52 04:38:10 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ระดับอัจฉริยะที่เราเคยเจอตัวจริงมา  มีอยู่คนเดียวอะ  แบบที่คิดว่าอัจฉริยะเลยนะคะ  เป็นอัจฉริยะทางภาษากับดนตรีแบบว่าเรียนยังไม่จบป.ตรีด้วยซ้ำ  พูดได้ไม่ต่ำกว่า10ภาษา  เท่าที่รู้หลายภาษาไม่ได้เรียนแต่อ่านหนังสือ+ฟังเอาก็พูดได้  ภาษาไทยก็เก่งมากด้วย  เรียนรัฐศาสตร์แต่เจือกไปติวให้เด็กอักษรจุฬาได้ -*-  ดนตรีก็เก่งมากเล่นกู่ฉินกู่เจิงได้ทั้งที่ไม่เคยเรียน  เล่นได้เพราะมากเลยค่ะ  วาดภาพก็เก่งขนาดเราเรียนสายศิลป์มายังสู้ไม่ได้เลยอะ  เก่งขนาดนี้ยังไม่เก่งทุกอย่างเลย  เพราะเรื่องคำนวณห่วยแบบสุดยอด  ขนาดบวกลบธรรมดาพอหลายหลักยังผิดเลยอะ -_-' จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 12 เม.ย. 52 07:03:33 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ว่าแต่หมู่นี้เป็นไรหว่า  พวกเกรียนอวดเก่งมากันเยอะจัง  โต๊ะสีลมก็มีอะ http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B7733281/B7733281.html บอกผมที !!! ว่ามีอาชีพไหนที่เหนือกว่า หมอ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 12 เม.ย. 52 07:04:54 ]

ความคิดเห็นที่ 83 #78 ผมว่าหลายๆคนในห้องนี้ต่างก็หัวดี เกรดดีกันทั้งนั้นแหละครับ จึ๊ก กระเทือนใจ เกรดไม่เอาอ่าวขอรับ ความรู้ก็น้อยนิดเท่าใบเมล็ดพุทรา - -* จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 12 เม.ย. 52 08:13:48 ]

ความคิดเห็นที่ 84 1 ตอนเด็กๆ  อนุบาลไม่ยอมนอนกลางวัน ไปโรงเรียน ก้อไม่นอน ชอบออกไปเดินเล่นดูนั่นนี่ เข้าเรียนอนุบาล ตอน 3 ขวบ เพราะแม่เล่าให้ฟังว่า ร้องไห้ เพราะอยากไปโรงเรียนกับพี่ - เด็กๆ อยากเล่นสนุก เป็นเรื่องปกติ อยากไปโรงเรียนไปเล่นกับพวกพี่ๆ เนี่ยล่ะขอรับ อันนี้ตัดสินไม่ได้ว่าอัจฉริยะ และดูท่าทางแม่จะตามใจตั้งแต่เด็ก โตขึ้นมีแววเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองสูง 2 เคยวัด IQ ประมาณ 100 กว่า ๆ  แต่ไม่น่าจะเกิน 140 - ก็พอๆ กับข้าน้อยนั่นล่ะขอรับ เมื่อก่อนได้ 135 แต่ตอนนี้เหลือ 125 มันก็เท่าเดิม แค่ normal เฉยๆ 3 เวลา มองหน้าคน แล้ว มักจะชอบหลบสายตา โดยอัติโนมัติ ทั้งที่ไม่อยากหลบ ทำไม ?? - แสดงว่าเป็นคนขี้อาย และคนขี้อาย ไม่จำเป็นต้องเป็นอัจฉริยะทุกคน 4 ตอนประถม มัธยมต้น เรียน กลางๆ ไม่เด่น แต่พอ ขึ้นมัธยมปลาย เรียนดีมากขึ้น จนผิดหูผิดตา  เกรด สูงสุด ได้ คือ 3.80  สายวิทย์ - โอ้ว ขยันเรียนนี่ขอรับ ...ส่วนข้าน้อยโดดประจำ ไม่เคยเข้าเรียน ไปสอบอย่างเดียว เกรด 1 ตลอดชาติ 55 5 ไม่ชอบเรียน เลข ฟิสิกส์ แต่ชอบ เคมี ชีววิทยา แต่จะ สุดๆ ที่เคมี วิชาเดียว - ข้าน้อยชอบเคมีกับชีวะขอรับ....ตูจะบอกทำไมหว่า แล้วมันเกี่ยวกับอัจฉริยะตรงไหนขอรับ (- -*) 6 ตอนเอนท์ อยากเรียน วิศวะเคมี แต่ดันสอบติด วิศวะคอม  ด้วยความละโมบ  จึงไม่เปลี่ยนวิชาเอก ... ผลคือ เรียนไม่จบ เพราะป่วย เครียด ฯลฯ - เหมือนกันๆ ขอรับ ชอบประวัติศาสตร์ โบราณคดี (ที่ชอบเคมีกับซีวะเพราะอยากจะเรียนด้านโบราณคดีเนี่ยแลฯ) แต่ดั๊นมาเลือกนิติฯ (- -*) 7 แต่ตอนนี้เริ่มสนใจ เรียนดนตรี มากกว่า วิทยาศาสตร์แล้ว ทำงานอิสระ ไปเรื่อยๆ  บ้าๆ บอๆ เงินเดือนชนเดือน ไมรวย ไม่มีเงินฝากในบัญชีเป็นแสนๆ ล้านๆ  ไม่มีรถยนต์ราคาแพง แต่ตอนนี้ มีชีวิตสบายๆ ชิลด์ เรียบๆ ง่าย และที่สำคัญ ไม่มีหนี้สิน ... - พบทางสว่างแล้ว ขอรับ ขอให้สบายใจ ปล. ข้อมูลไม่เพียงพอ ไม่อาจวิเคราะห์ได้ว่าท่านเป็น อัจฉริยะ ขอรับ ขอบคุณที่ใช้บริกร ชะอุ้ย ผิดๆ ไปแล้วขอรับ แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 52 08:27:20 จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 12 เม.ย. 52 08:25:08 ]

ความคิดเห็นที่ 85 เอามั่ง (ขอระบายหน่อยเถอะ ไม่เกี่ยวกับเจ้าของกระทู้หรอกขอรับ เรื่องของข้าน้อยน่ะ) 1 ก้อไม่ค่อยชอบเข้าสังคม จริงๆ โลกส่วนตัวสูงมากถึงมากที่สุด เพราะพี่บอกอย่างไปงานแต่ง งานเลี้ยง แบบนี้ รู้สึกไม่มีความสุขเลย มาทำอะไรอยู่บ้าน แหกปากร้องเพลง ดีกว่า - อันนี้ข้าน้อยก็เป็น ตอนเด็กแม่เรียกไปกินข้าวไม่เคยสนใจนั่งแกะรถซะงั้น เอาให้มันพังกันไปข้างหนึ่งเลย ตอนนี้ก็เลยซ่อมดะตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ (55) ครั้งหลังนี่ก็แฟนเก่าเรียกให้ไปซื้อของ นั่งอ่านนิยายกำลังภายในเลยไม่สนใจเสียงเค้า แบบเสียงไม่ได้เข้าหูเลยแม้แต่น้อย (- -*) เค้าต้องเรียกถึงห้าครั้งถึงจะหันไปหา แล้วก็ถามว่า "พูดอะไรนะ" (คาดว่าสูงกว่า จขกท. นะขอรับ 55) 2 สมัยเรียน เพื่อนสนิทๆ จริงๆ มีไม่กี่คน เพื่อนคนอื่น ในห้องมักมองเราว่า เป็นเด็กเรียนเก่ง ตอนม.ปลาย  แต่ เราก้อกลายเป็นตัวเรียกเสียงฮาให่เพื่อนเสมอๆ ไม่รู้ทำไม แบบปล่อยมุขอะไรไป ในห้องเื่พื่อนฮามาก - เป็นคนตลก เพื่อนๆ ชอบก็ดีแล้วขอรับ ข้าน้อยสิพูดทีไร เพื่อนหนีทุกที (- -*) ไม่มีใครเข้าใจจอร์จเล้ย (แต่ก็ยังมีคนหนึ่งที่พร้อมจะโต้เถียง) 3 ไม่ค่อยชอบพูด พูดน้อย สนิทกับคนยากมากๆๆๆๆ แต่สนิทแล้ว สนิทเลยบางครั้งตอนเรียน มีคนอยากเป็นเพื่อนกับข้าพเจ้า แต่คุยๆ กันไปๆ มันเหมือนจูนคลิ่นไม่แมชกัน เลยไม่สนิท เป็นแบบเพื่อน ห่างๆ ไม่ชอบการนินทาคนอื่น - มีเพื่อนก็ดีแล้วขอรับ ส่วนข้าน้อยแทบไม่มีเพื่อนสนิทเลยขอรับ เศร้า...ไม่มีใครเข้าใจจอร์จเลย TT^TT 4 ชอบอ่านหนังสือ ซ้ำๆ หลายๆ รอบ ดูหนัง ที่ชอบ ซ้ำๆ หลายๆ รอบ ทั้งๆที่พี่ๆ ดูรอบเดียว ก้อพอ แถม จิกข้าพเจ้าอีกต่างหากว่า ทำไมต้องดูซ้ำ - งั้นข้าน้อยก็คงเข้าเค้าอัฉจริยะ เพราะฟังเพลงโคตะระหลายรอบเลย ฟังได้ทั้งวันอยู่เพลงเดียว (เพลงเดียวจริงๆ เพื่อนมานั่งในห้องมันยังถามเลยว่า เมิงไม่เปลี่ยนเพลงอื่นหรือไง กุส์เบื่ออออออ!! O_O) กินข้าวก็สั่งอยู่อย่างเดียว(ก็มันคิดอะไรไม่ออก กินๆ ไปเหอะ ให้ไม่ตายก็พอแล้ว เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า) อ่านหนังสือก็อ่านตั้งหลายรอบ สามก๊กก็อ่านไปตั้งเป็นยี่สิบจบ (แต่จำตัวละครไม่ได้สักตัว ฮาฮา) ส่วนหนังชอบเปลี่ยนแผ่นไปเรื่อยๆ มันเบื่อๆ น่ะขอรับ 5 เวลาทำงาน งานต้องออกมา เนี้ยบทีสุด แม้ว่าจะต้องรอ นานแค่ไหน ทั้งๆ ที่ รู้ก้อรู้อยู่ว่า จะทำแบบธรมดา ผ่าน หรือ แบบ เนี้ยบ ค่าตอบแทยก้อ เหมือนกัน แต่ก้อชอบดันทุรัง ทำแบบดีๆ เคยบอกกับตัวเอง ซึ่งการทำงานแบบ ปราณีต อย่างนี้ เราว่า ไม่ดี เลย งั้นๆ แหละ  บางคนที่ได้ดีกว่า งานขเ้าทำออกมา กลางๆ ไม่ต้อง ซีเรียสมาก เอาแค่ผ่านๆ เกลียดตัวเองตรงจุดนี้มากๆๆ - ไม่ดีหรือยังไงขอรับ ข้าน้อยก็ทำงานก็เน้นมันซะให้หมด จนกว่าจะหมดไฟกันไปข้างหนึ่งเทียวล่ะ 6 เวลาเดินออกไปดูดาว ตอนกลางคืน แล้ว ชอบร้องไห้ ทุกที ทำไมน๊า ?? - ส่วนข้าน้อยเวลาเห็นดวงดาว ข้าน้อยจะมองหา UFO ร่ำไป (มีแต่คนบอกว่า บ้า 55) 7 เป็นคนนอนหลัยตอนกลางคืนยากมาก แต่ถ้าตอนกลางวัน หัวถึง หมอนก้อ สลบเลย - เป็นข้าน้อยนอนยากมาก ไม่ว่าจะกลางคืนหรือกลางวัน 8 เป็นคนไม่สนิทกับใครเลย ตอนนี้ แต่สมัยเรียน มีเพื่อนสนิท 3-4 คน แต่ตอนนี้ ไม่รู้เค้าไปไหนแล้ว ไม่ได้ติดต่อ มา หลายปี - ข้าน้อยยิ่งไม่มีเพื่อนสนิทจริงๆ เลยสักผู้เดียว ทั้งชีวิตมีอยู่เพื่อตัวเองทั้งนั้น 9 ไม่ฟังเพลงไทย ฟังแต่เพลงฝรั่ง มาตั้งแต่อายุ 14 ปี - ข้าน้อยฟังตั้งแต่อายุ 12 ฟังได้หมดทั้งไทยทั้งเทศ (แต่ขี้เกียจแปลนะ) บ่แปลกขอรับ (- -*) 10 สมัยเด็กๆ คิดว่าตัวเองน่าจะไปได้ไกลๆ แต่ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ความผิดหวัง ทำให้เรียนรู้ว่า .. คิดว่าตัวเอง ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย ซักกะติส ไม่เชิงว่า คิดว่าตัวเองฉลาดที่สุด คิดแต่ว่า จะต้องได้ดีกว่านี้  ไม่เคยเปรียบ เทียบกับใครว่าต้องดีกว่าคนอื่น อะไรนองนี้ - เอ้า ไม่คิดบ้างหรือขอรับว่าถึงแม้เราจะธรรมดา แต่เราก็คงต้องมีอะไรพิเศษมากกว่าผู้อื่นบ้างล่ะ ส่วนข้าน้อยเนี่ย เพื่อนๆ เรียก "อับดุล" บ้างล่ะ "Around The World" บ้างล่ะ (จะเรียกทำไมฟร้าตูไม่ได้รู้ทุกเรื่องนะเฟ้ยย ถามตูอยู่นั่นล่ะ shiftหาย) 11 เวลาดูหนัง จะดูกับคนอื่นที่บ้านไม่ได้  เพราะ ตัวเองดูแต่ซาวแทรก ที่้บ้านเค้าไม่ดู ซาวน์แทรกกัน เพราะปวดสมอง - ดูไม่ได้เหมือนกันขอรับ เพราะที่บ้านเค้าจะนอน (55) แต่ที่บ้านข้าน้อยนั้นเค้าชอบหนังกำลังภายในกันนะขอรับ ซึ่งข้าน้อยเองก็ชอบเช่นกัน (ฮ่าฮ่า) ps. เอามั่งขอรับ อิอิ แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 52 08:59:19 แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 52 08:56:58 จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 12 เม.ย. 52 08:55:42 ]

ความคิดเห็นที่ 86 การที่คุณคิดว่าตัวเองไม่เหมือนคนอื่นทั่วไป ไม่ได้แปลว่าคุณมีอะไรแตกต่างกับคนอื่น คนทุกคนมีidentity คุณเป็นแบบนึง คนอื่นอีกแบบ ก็เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องอัจฉริยะ ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นแล้วรู้สึกดี ก็บอกตัวเองไปว่ากรูนิละอัจฉริยะมาเกิด ถือว่าให้กำลังใจตัวเอง ^^V จากคุณ : หนูคิสอัจฉริยะ (KissAhoLicGal) - [ 12 เม.ย. 52 09:04:22 ]

ความคิดเห็นที่ 87 มา่ต่อนิดนึงครับ 1. อัจฉริยะที่คนรอบข้างมอง จะไม่ได้ยินคำว่า เรียนเก่ง ครับ จะได้ยินคนรอบข้างบอก อืม..เรียนดี (เรียนดีแต่ไม่เด่น เลยไม่เรียกว่าเก่ง) 2. เวลาคิดปัญหายาก ๆ เช่น กฎฟิสิกส์ ธรรมชาติ หรือคอมพิวเตอร์ จะรู้ตัวเลยว่า คิดปัญหานั้นออกเมื่อมีสมาธิ และไม่ตั้งใจคิดค้นหาคำตอบ แต่ปล่อยให้เกิดความสงบ สมาธิในใจ แล้วคำตอบจะปรากฎเองในใจ (เช่น ดร.ที่คิดค้นระบบลงจอดบนดาวอังคารให้นาซ่า) 3. ไม่ชอบเด่น ไม่อยากดัง ชอบอยู่กับเวลาส่วนตัว ชอบทดลอง 4. เกลียดที่ที่คนเยอะ หรือใคร ๆ ที่รบกวนความเป็นส่วนตัว (คิดว่าเสียเวลาเรียนรู้เรื่องที่ตนสนใจ) ... ทุกอย่างที่เป็นความจริงแท้มีแรงผลักมาจากจิตใต้สำนึก,จิตไร้สำนึก เราป้อนข้อมูลใส่จิตสำนึก อาจมีผลบ้าง แต่ยังไงจิตใต้สำนึก,จิตไร้สำนึก ก็เป็นของคนนั้น โดยเฉพาะจิตไร้สำนึก จะเป็นฐานความคิดของคนเรา เวลาเรามีปัญหา จิตไร้สำนึกจะเป็นฐานคำตอบให้เราเลือกทางเดิน อัจฉริยะ ไม่อัจฉริยะ เป็นตั้งแต่เกิดครับ ฝืนก็ไม่ได้ ไม่ฝืนก็ไม่ได้ หากเราไม่เป็นอัจฉริยะ ธรรมชาติจะใส่ความสามารถอื่น ๆ มาให้แทน เช่น ปัญญา, ความกล้าบ้าบิ่น, ความรักคนอื่น, คนที่ปรับตัวเก่ง, ฯลฯ แต่ละคนก็มีสิ่งดีที่ต่างกัน ไม่มีใครในโลกที่เหมือนกันหมดทุกอย่าง ทุกคนมีค่าในตัวเองในแบบของตัวเอง น่าอัศจรรย์ธรรมชาติ มันเป็นเช่นนั้นเอง. จากคุณ : AVSystem - [ 12 เม.ย. 52 09:08:10 ]

ความคิดเห็นที่ 88 1. อัจฉริยะที่คนรอบข้างมอง จะไม่ได้ยินคำว่า เรียนเก่ง ครับ จะได้ยินคนรอบข้างบอก อืม..เรียนดี (เรียนดีแต่ไม่เด่น เลยไม่เรียกว่าเก่ง) - ข้าน้อยเจอแต่คำว่า "ไอ้โง่" กับคำว่า "ไอ้บ้า" ส่วน "คนผีทะเล" เป็นของแถม อิอิ ไม่ค่อยมีใครชมหรอกขอรับ ถึงชมข้าน้อยก็ไม่สนใจอยู่ "คำโกหกนั้นมักฟังระรื่นหู คำพูดจริงใจนั้นมักเสียดแทงใจเสมอ" อ้างอิงมาจาก : หงสาจอมราชันย์ ตอนที่โจโฉยกทัพออกไปรับองค์ฮ่องเต้ 2. เวลาคิดปัญหายาก ๆ เช่น กฎฟิสิกส์ ธรรมชาติ หรือคอมพิวเตอร์ จะรู้ตัวเลยว่า คิดปัญหานั้นออกเมื่อมีสมาธิ และไม่ตั้งใจคิดค้นหาคำตอบ แต่ปล่อยให้เกิดความสงบ สมาธิในใจ แล้วคำตอบจะปรากฎเองในใจ (เช่น ดร.ที่คิดค้นระบบลงจอดบนดาวอังคารให้นาซ่า) - เค้าเรียกว่า การตกผลึกของความรู้หรือเปล่าขอรับ ? 3. ไม่ชอบเด่น ไม่อยากดัง ชอบอยู่กับเวลาส่วนตัว ชอบทดลอง - สนใจแต่เรื่องของตัวเองว่า งั้นเถอะ ขอรับ (- -*) 4. เกลียดที่ที่คนเยอะ หรือใคร ๆ ที่รบกวนความเป็นส่วนตัว (คิดว่าเสียเวลาเรียนรู้เรื่องที่ตนสนใจ) - ข้าน้อยว่า รู้สึกเบื่อ แล้วมันก็วุ่นวายด้วยมากกว่านะขอรับ มีคอสฝึกมั่งไหมขอรับ เข้าทุกข้อเลยอ้ะ แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 52 09:20:33 จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 12 เม.ย. 52 09:17:12 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เหอ ๆ ผมเกรดเฉลี่ยประถมนี่ ปี๊ด ๆ อันดับต้น ๆ ตลอด พอมามัธยมอันดับต้น ๆ เหมือนกัน แต่ผิดฝั่ง - - วัดไอคิวสำนักไหน ๆ เกิน 69-80 นี่แจ๋วแหวว มีครั้งนึงได้ 110 ดีใจชิหาย ^^ จากคุณ : PUMPKINbig - [ 12 เม.ย. 52 09:18:04 ]

ความคิดเห็นที่ 90 เราคล้ายคุณเลย แต่เราไม่เคยตั้งคำถามว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะมั้ย แม้แต่ครั้งเดียวในชีวิตนี้ จบ จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 12 เม.ย. 52 11:38:04 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ใคร IQ สูงยังไงในกระทู้นี้คงบอกไม่ได้ แต่ เรามองว่า คหที 45 คุณ Exampli gratia EQ สูงดีค่ะ จากคุณ : jaaaaa (jaaaaa) - [ 12 เม.ย. 52 12:51:05 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ได้เคมีเต็ม ได้ 3.8 แค่นี้ไม่ถือว่าอัจฉริยะหรอกครับ ผมเชื่อว่าในห้องนี้มีหลายๆ ท่านที่ทำได้ดีกว่าคุณ สำหรับคุณผมถือว่าธรรมดามากครับ คนเก่งเขาไม่มาตั้งคำถามกับคนอื่นหรอกครับว่าตัวเขาเองเก่งหรือเปล่า --a ถ้าอยากเห็นว่าอัจฉริยะของจริงเป็นอย่างไร ลองออกมาสู่โลกภายนอกดูครับ แล้วจะพบว่าคนเก่งจริงๆ นั้นมีเยอะมาก (ในหว้ากอเองนี้ ก็มีอยู่หลายท่านเช่นกัน) แต่ตัวเขาเองไม่จำเป็นต้องบอกว่า "ฉันเป็นคนเก่ง ฉันเป็นอัจฉริยะ" จากคุณ : ขนนกโบยบิน - [ 12 เม.ย. 52 12:57:31 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ป่านนี้ จขกท คงพรุนไปทั่วตัวแล้วล่ะครับ ฮ่าๆๆ ผมก็ฟัง soundtrack มาตั้งแต่ เด็กๆ ประถมด้วยซ้ำ  เรียนสายวิทย์ด้วย เหมือนคุณเลย ความสามารถด้านภาษา ดนตรีเด่น วิทย์พอโอเค ผมไม่คิดว่าผมเป็น อัจฺฉริยะนะครับ ยังอีกไกล แต่ถ้าเราพยายามอะไรสักอย่างทำได้อยู่แล้ว จากคุณ : pittboy2603 - [ 12 เม.ย. 52 13:29:38 ]

ความคิดเห็นที่ 94 จขกท หายไปเลยแฮะ เสริมอีกคน เผอิญผมกำลังเรียนอยู่มหาลัยชั้นนำของไทยเหมือนกันนะ คณะที่ผมเรียน (วิศวะ) ถ้าเทียบกับที่ จขกท เขียนแล้ว เพื่อน ๆ ผมนี้เป็นตัวประหลาดไปเลยครับ สกิลเยอะมากแต่ละคน รอบตัวเลย บางคนเสือกรวยอีก ผมเป็นแค่ประชากรธรรมดาในคณะแหละครับ  เดี๋ยวเรียนจบไปก็คงต้องแย่งหางานทำอีก เห้อ !! จากคุณ : JackGuRae (synsmaster) - [ 12 เม.ย. 52 14:44:31 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ตอนแรกแอบหมั่นไส้ ตอนนี้รู้สึกสงสาร -.- จากคุณ : EvaNe - [ 12 เม.ย. 52 14:51:24 ]

ความคิดเห็นที่ 96 จขกท.หายไปแล้ว - -" เพื่อนๆ หลายคนอาจโพสต์ตรงๆ เกินไป ก็ถือว่าทุกคนมีน้ำใจก็แล้วกันนะครับ กลับมาคุยกันหน่อยนะครับ รออยู่ ผมว่าคุณต้องการเพื่อน มากกว่าคำว่าอัจฉริยะนะครับ จากคุณ : ศาลายา - [ 12 เม.ย. 52 15:06:25 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ผมว่าคุณยังไม่อัจฉริยะหรอกครับ แค่เรียนเร็วกว่าเด็กในวัยเดียวกันไม่กี่ปี ของจริงเค้าจบด็อกเตอร์ด้วยอายุไม่ถึงยี่สิบ แค่เกรด 3.8 เพื่อนผมสมัยเรียนก็ได้เกรดแบบนี้ หรือมากกว่านี้ตั้งหลายคน ไอคิวร้อยกว่าๆ วัดแบบไหนหรือครับ เป็นการวัดแบบมีมาตรฐานหรือเปล่า แค่ทำแบบทดสอบตามเวบ ผมก็ทำได้เกือบร้อยสี่สิบ แบบนี้ผมเป็นอัจฉริยะหรือเปล่าครับ ผมว่าคุณเป็นปกติครับสบายใจได้ จากคุณ : sawatcafe - [ 12 เม.ย. 52 16:11:21 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ผมเองก้อเป็นคล้ายๆ จขกท.นะ 1.เข้าเรียนตอน2ขวบ10เดือน 2.ไอคิววัดกับเวปไอ้ที่ฮิตๆน่ะ ได้137 วัดกับที่มหาลัย ได้36จาก37 3.หลบตาเหมือนกัน (แต่ไม่น่าเกี่ยวซะหน่อย) ผมว่าใครจ้องคนที่ไม่รู้จักกันก้อเสียมารยาทนะ 4.ตอนเด็กๆเรียนได้เกือบ 4.00 ตลอด จนโตมาก็โง่ลงเรื่อยๆ จนจบมหาลัยด้วย 2.00 (เท่สาด) 5.ไม่ชอบสังคม ฟิสิก เคมี ชีวะ --- แต่เลขนี่ตั้งแต่ อ.1ครูใหญ่เรียกไปชม แล้วเรียนจนจบม.ปลายก็ไม่อ่านหนังสือ ไม่เคยเรียนพิเศษแต่เอ็นท์เลขได้ 89 6.เอ็นท์ได้บัญชีจุฬา แต่บอกไว้ก่อนแล้วว่าอยากพักแค่เอ็นท์เล่นๆ แต่โดนบังคับไปเรียน สุดท้ายก็ไปแต่ไม่เรียนอยู่ดี ต้องเอ็นทใหม่ 7.อยากมีตังค์เหมือนกัน แต่ถ้าไม่ติดว่าต้องช่วยทางบ้าน คงไม่ทำงานมากหรอก อยู่ไปเรื่อยๆ --- ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองจีเนียสนะ แค่อาจจะเก่งกว่าคนอื่นนิดหน่อย ซึ่งคนเก่งกว่าผมก็เยอะแยะเต็มไปหมดเลย เรื่องความจำแม่น ผมมักจะจำเรื่องต่างๆได้ดีเกินไปแม้จะนานแล้ว เพื่อนๆก็ทักบ่อยว่าจะจำอะไรนักหนา ผมตอบว่า ก็มันจำได้เองไม่ได้ตั้งใจนี่หว่า "แล้วการที่จำแม่น มันก็จำทั้งเรื่องดีและไม่ดี ซึ่งบางเรื่อง สู้เราจำไม่ได้ซะจะดีกว่า " (ก็ไม่ได้มีเรื่องไรร้ายแรงหรอกนะ แต่เรื่องไม่ดีของเพื่อนผมไม่อยากจำอ่ะกลัวเผลองัดมาด่าเวลาทะเลาะกัน) --- เรื่องเก่าสุดที่จำได้ก็คือเรื่องตอนสามขวบที่เริ่มจำได้เป็นสิบๆเรื่อง ไปจนถึงชื่อ-นามสกุล และเรื่องเฉพาะตัวของเพื่อนสมันอนุบาล ประถม เมื่อ20กว่าปีที่แล้ว จากคุณ : ...... (nohaha) - [ 12 เม.ย. 52 18:54:13 ]

ความคิดเห็นที่ 99 เราคิดว่า อย่าง จขกท พบได้ทั่วไปค่ะ ก็ปกติๆนี่ไม่เห็นแปลกอะไร ไม่ได้ตอบแบบนี้เพราะอิจฉาอะไรนะ เพียงแค่เราเห็นหลายคนเหนือกว่านี้เยอะ และคนที่จะใช้คำว่า อัจฉริยะได้เนี่ย ต้องมีมากกว่านี้ค่ะ อย่างน้อยก็ต้องมีความคิดริเริ่ม และความรอบคอบไม่มองข้ามจุดเล็กๆ เดี๋ยว จขกท จะหาว่า เราบอกงี้เพราะอิจฉา งั้นประวัติเราก็คล้ายๆคุณแหล่ะ - เข้าเรียนไว อันนี้เหมือนกันเนอะ - สอบเข้ามัธยมลำดับที่ 1 ส่วนเกรดถ้าไม่มีพละมาฉุดก็ 4.00 ไปล่ะ (ก็เล่นตะกร้อ วอลเล่ย์บอลไม่เป็นนี่หว่า) - ได้รางวัลเด็กดีเด่นแห่งชาติประจำปีอะไรจำไม่ได้ล่ะ - เข้าแข่งวิชาการ วรรณกรรมงานเขียน การวาดรูป งานฝีมือ และอื่นๆ ตั้งแต่ระดับโรงเรียน กลุ่มโรงเรียน จังหวัด ถึง ระดับประเทศ ได้รางวัลไม่รู้เท่าไร เกียรติบัตรมีเกือบครึ่งร้อย แข่งมาเกือบทุกสาขาวิชาแล้วตั้งแต่วิชาการยันเย็บปักถักร้อยมาลัย เว้นอย่างเดียว กีฬา - เป็นตัวแทนนักเรียนไม่รู้กี่ครั้งไปแสดงตามงานต่างๆทั้งระดับในกลุ่มโรงเรียน ยันงานของทางราชการ ตั้งแต่ ป.4 ยันมัธยม โดยมากมักจะเป็นตัวแทนทางด้านงานฝีมือ การสาน การร้อยมาลัย ส่วนวิชาการก็มีเหมือนกัน - แต่เราชอบสังคมนะ ทำกิจกรรมตลอด สมัยก่อนอยู่กองร้อยพิเศษ พอวันพ่อวันแม่วันเด็กและวันอื่นๆที่สำคัญ ก็จะไปบำเพ็ญประโยชน์อยู่แถว สนามหลวงมั่ง สนามศุภบ้าง (แต่งชุดเนตรนารี) ได้รับประกาศชมเชยจากหน่วยงานต่างๆก็หลายใบ แต่ยิ่งสูงยิ่งเหนื่อยค่ะ  เพราะพร้อมเกือบทุกด้าน (เว้นพละ ไม่มี skill ซักเลเวล) พอรู้ตัวอีกทีก็ล้มลงแทบไม่ได้ ทุกคนฝากความหวังเอาไว้สูง แถมเพื่อนก็มองเป็นคู่แข่งมากกว่า ช่วงหนึ่งเลยรู้สึกคว้างเหมือนอยู่คนเดียว สุดท้ายเลยตัดสินใจ ทิ้งทุกอย่าง เหลือไว้แค่สิ่งที่ตัวเองชอบ เลิกที่จะแข่งขัน เลิกที่จะดันตัวเองให้เป็น 1 เหมือนเมื่อก่อน อยู่ไล่เลี่ยติดดินเป็นคนธรรมดาๆดีกว่า ถึงจะล้มจะพลาดไปบ้าง ก็ไม่เจ็บ ที่เราชอบเกี่ยวกับตัวเองที่สุดคงเป็นเรื่อง  อ่านหนังสือเพียงครั้งเดียวก็เข้าใจเนื้อหาและจดจำได้เกือบหมด  ซึ่งช่วยเราได้เยอะมากเลย เพราะเราเป็นพวกขี้เกียจ(บอกตรงๆเลย) แต่ก็เพราะงี้น่ะ เพื่อนถึงได้เหน็บเรื่อย ไม่ได้ทำบ้าอะไร ทำไมถึงสอบได้คะแนนเกิน 80% ประจำ แต่เราก็มีน้ำใจไปช่วยติวแล้วทำชีทสรุปให้นะ เราคิดว่า อัจฉริยะก็คน มีหัวใจเหมือนกันแหล่ะ ถึงจะบอกไม่สนใจสังคม แต่ก็ยังอยากมีคนเข้าใจ IQ ไม่ได้สำคัญไปมากกว่า EQ หรอก ปล. อยากตำหนิอย่าง ก็ พิมพ์ยังงี้นะ ไม่ใช่ ก้อ แบบนี้เอาไว้เรียกชาวเขาจ้า แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 52 19:43:04 จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ - [ 12 เม.ย. 52 19:35:22 ]

ความคิดเห็นที่ 100 100 แล้วววววววววววววว จากคุณ : meddy hao - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 02:50:24 ]

ความคิดเห็นที่ 101 บ้า จากคุณ : กล้ามหนู - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 09:52:37 ]

ความคิดเห็นที่ 102 คิดว่าบุคคลิกอาจคล้าย แต่ อัจฉริยะ น่าจะต้องมีอะไรที่ชัดเจนแบบเด่นๆ กว่านี้ เช่น หากชอบเล่นดนตรี คุณอาจจะฟังเพลง ของ mozart แล้วฝึกเล่นโดยใช้เวลา แค่ 5 วัน แต่คนปกติใช้เวลา 3 เดือน ถึงจะเล่นได้ ประมาณเนี่ย หรือ เรื่องอื่นๆ ที่คุณชอบเป็นพิเศษแล้วทำได้เหนือกว่าคนอื่นๆ แบบโดดเด่น จากคุณ : d-hack - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 11:47:26 A:202.75.39.98 X: TicketID:190919 ]

ความคิดเห็นที่ 103 6. เวลาเดินออกไปดูดาว ตอนกลางคืน แล้ว ชอบร้องไห้ ทุกที ทำไมน๊า ?? ข้อนี้เด่นและชัดเจนค่ะ แต่ไม่รู้ว่าใช่อัจฉริยะหรือเปล่า  ??? อิอิ  อย่าคิดมากนะคะ  คุณจขกท.  >< จากคุณ : อิอิ (==>++น้องหนูไข่เจียว++<==) - [ วันเถลิงศก (15) 14:35:51 ]

ความคิดเห็นที่ 104 อ่านแล้วไม่ใกล้เคียงอัจฉริยะ คุณสมบัติงั้นๆ ใกล้ Narcisistic มากกว่าครับ จากคุณ : หมอเถื่อน - [ 17 เม.ย. 52 09:10:01 ]

ความคิดเห็นที่ 105 มาดูกันค่ะว่าอัจฉริยะจริง ๆ เป็นแบบไหน จากคุณ : ลูกไก่พองลม - [ 17 เม.ย. 52 09:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 17 เม.ย. 52 12:33:35 ]

ความคิดเห็นที่ 107 เราว่าไม่่ค่ะ คนอย่างคุณน่าจะหาได้เยอะนะ คุณเป็นคนฉลาด หัวไว เรียนเก่ง แต่เราก็ว่ามันคือเท่านั้นไม่ได้แปลว่าคุณคืออัจฉริยะ ตามความคิดเรา ไม่ได้ิอิงจากทฤษฎีใดนะคะ อัจฉริยะ ต้องค้นพบอะไรได้ด้วยตัวเอง สร้างทฤษฎีที่มีคนยอมรับ (ย้ำว่าต้องมีคนยอมรับ) ด้วยตนเอง ส่วนคุณ เก่ง ในสิ่งที่มีคนสร้าง กรุยทางมาก่อน คุณมาเรียนคุณเข้าใจ คุณทำได้ดี คือคุณเก่ง แต่ยังไม่ถึงอัจฉริยะ ตอบตามที่เห็นค่ะ ไม่้ได้มีเจตนายั่วยุนะ ขอถามอีกนิด IQ ที่วัดได้ 100 กว่านี่วัีดตอนอนุบาลหรือ? จากคุณ : NoKKo@InLovE - [ 17 เม.ย. 52 15:57:16 ]

ความคิดเห็นที่ 108 คำถามนี้ สงสัยได้ แต่ ห้ามถาม เพราะจะโดนแบบที่เห็นนี่แหละ คนหมั่นไส้มันเย้อออออ จากคุณ : แมวบอส - [ 17 เม.ย. 52 17:22:48 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ...ผมหล่อเท่าโดมตอนอายุ 4 ขวบ........... ...โตขึ้นมาดูไม่ได้เลย ........ ....อัจฉริยะบ่? อิอิ......... ....เวงกรรม..... จากคุณ : ไร้สาระคุง - [ 17 เม.ย. 52 20:42:53 ]

ความคิดเห็นที่ 110 อัจฉริยะตรงไหนหรอคะ ไม่เข้าใจ ?? จากคุณ : โกโก้วิปครีม - [ 17 เม.ย. 52 21:16:33 ]

ความคิดเห็นที่ 111 .....ต้องเปลี่ยนวิธีคิดครับ จากคุณ : Roy E Nem - [ 17 เม.ย. 52 21:47:39 ]

ความคิดเห็นที่ 112 กลับไปอ่านอีก  ที่ใกล้เคียงน่าจะหลงตัวเองครับ   ส่วนอัจริยะนี่  คงยังไม่ใกล้ครับ แต่น่าจะเป็นฉลาด  และมีความจำดี มีโลกส่วนตัวสูง เหมาะกับงานด้านบันเทิง และ สร้างงานศิลป์  หรือ ดนตรีครับ จากคุณ : Roy E Nem - [ 17 เม.ย. 52 21:56:59 ]

ความคิดเห็นที่ 113 เราเข้าอนุบาลตอน 2 ขอบครึ่ง เพราะร้องงอแงอยากตามพี่ไปโรงเรียน ตอนยังไม่ 2 ขวบดี คุณตาต้องซื้อชุดนักเรียนให้ใส่ ตอนเช้าก็ใส่ชุดนักเรียนแล้วให้แม่พาเดินไปถึงหน้าโรงเรียน แล้วก็กลับบ้าน - -" สมัยนั้นมีอนุบาลแค่ 2 ปี เพราะฉะนั้นตอนขึ้นป.1 จึงอายุแค่ 4 ขวบครึ่ง ทางโรงเรียนจะไม่ให้เข้าเรียน จะให้ไปเรียนอนุบาลใหม่อีกซักปี พ่อกะแม่ก็ไปขอครูใหญ่ ครูใหญ่เลยบอกว่า ให้ลองทำข้อสอบดู ถ้าทำได้ก็จะให้เรียนป.1 ปรากฏว่าตอนทำข้อสอบ (ในห้องครูใหญ่ โดยที่ครูใหญ่ + พ่อ + แม่ อยู่ในห้องด้วยกัน) เราเห็นข้อสอบแล้วก็นั่งหัวเราะ (อารมณ์ว่าขำที่มันง่าย) ทำไปได้ไม่กี่ข้อ ครูใหญ่ก็บอกว่า ไม่ต้องทำต่อแล้ว เข้าป.1 ได้เลย ตอนป.2 เทอมแรกสอบได้ที่ 1 เทอมที่ 2 ได้ที่ 23 ตอนป.3 เทอมแรกสอบได้ที่ 1 เทอมที่ 2 ได้ที่ 26 พอโตขึ้น ควมฉลาดก็สวนทางกับอายุ T_T แล้วก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะแต่อย่างใด แค่เป็นช่วงอายุหนึ่ง แล้วก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจหรือความสนใจในเรื่องต่างๆของตัวเองน่ะค่ะ ปล.ถ้าอัจฉริยะ ป่านนี้คงไปทำอะไรที่มันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากกว่าการมานั่งอยู่หน้าคอม - -" จากคุณ : T.A. ตัวน้อยๆ - [ 17 เม.ย. 52 21:58:15 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ของเราหรอ ไม่อยากจะคุยยยว่าร้องไห้ไม่ไป ร.ร. จนถึง อ.3 อัจฉริยะ(ข้างคันนา -- --*) ชัดๆ 5555+ ปล. มีแกล้งป่วยด้วยนะ ปวดหัว ปวดท้อง จนพ่อกับแม่บอกว่า ถ้าไม่ไป ร.ร. นะ จะเอาไปปล่อยสวนสัตว์ !!!!! โคตรกลัวเลย ตอนนั้น อ้อ ตอนเด็กๆเราแอบอิจฉาเจ้าด่าง ((หมาที่บ้าน)) ด้วย ที่มันไม่ต้องไป ร.ร. เคยคิดว่าพ่อกับแม่ไม่ยุติธรรม เคยอยากเป็นหมาด้วย ((เอาเข้าไป ชีวิตช้านนน )) จากคุณ : ผักผลไม้รวม - [ 18 เม.ย. 52 00:55:40 ]

ความคิดเห็นที่ 115 อืม มีบุคลิกภาพตรงกับไอน์สไตน์ตามที่ คห. 2 บอกไว้ทุกข้อเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่อัจฉริยะ เคยวัด IQ ค่าอยู่ที่ ~ 114-128 เคยอ่านบทความนึงเค้าบอกว่า เวลาที่คนเราอยู่เงียบ ๆ คนเดียว ผ่อนคลายสุด ๆ จะทำให้สมองเข้าสู่คลื่น Theta ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์สูง อาจเพราะคนที่ชอบอยู่คนเดียว ชอบคิดอะไรเยอะ (นอนหลับยาก) สมองได้คิด ได้ทำงานมากกว่าคนอื่นรึเปล่า เลยทำให้คนที่มีบุคลิกภาพแบบนี้มีโอกาสเป็นอัจฉริยะได้มากกว่า คิดว่าหลาย ๆ คนในที่นี้ เท่าที่อ่านดู ก็เข้าข่ายอาจเป็นอัจฉริยะได้ รวมทั้ง จขกท. ด้วย แต่น่าเสียดายที่เมืองไทยไม่ค่อยมีการส่งเสริมเรื่องนี้ คนเก่ง คนฉลาด มักจะได้รับการสนับสนุนน้อยกว่า คนรวย หรือ คนหน้าตาดี ฯลฯ เห็นได้จาก เด็กไทยไปแข่งโอลิมปิคทีไรได้เหรียญกลับมาทุกที แต่ทุกวันนี้ ไม่รู้เด็ก ๆ พวกนั้นไปทำอะไรอยู่ที่ไหนของสังคม? มีใครคิดส่งเสริมเค้าต่อหรือเปล่า? คนไทยที่เป็นอัจฉริยะจึงแทบจะไม่มีเลย เป็นเรื่องน่าเศร้าใจมาก จากคุณ : iLAndNOW - [ 18 เม.ย. 52 02:58:14 A:125.24.105.65 X: TicketID:211067 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ยังห่าง .. จากคุณ : Penny Lover - [ 18 เม.ย. 52 03:10:29 ]

ความคิดเห็นที่ 117 เจ้าของกระทู้หายไปไหนแล้ว.. ไม่ต้องเสียใจกับบางความคิดเห็นนะ บางที...เราก็ต้องทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วบ้าง จะได้รู้อะไรๆ มากขึ้น ต้องขอบคุณหลายๆ ความคิดเห็นมากกว่าที่หาข้อมูลดีๆ มาเล่าให้ฟัง ไม่ต้องคิดมากนะ... เวลามองไปบนท้องฟ้า...เราก็แค่.. คนตัวเล็กกระจ้อยร่อยบนโลกใบโต แล้วเราก็ตัวเล็กลงไปอีกเมื่ออยู่ในจักรวาล ขอให้เราเป็นคนดีก็พอ จากคุณ : AiArmTu - [ 18 เม.ย. 52 17:49:35 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ถ้าอัจฉริยะ ต้องจำชื่อเพื่อนได้ด้วยสิครับ จากคุณ : nisas - [ 19 เม.ย. 52 13:36:36 ]

ความคิดเห็นที่ 119 จขกท เป็นคนปกติน่ะแหละ แต่อาจจะไม่ได้เจอคนที่เก่งกว่าตัวเองเท่าไหร่ เลยเข้าใจแบบนั้นมั้ง..... เรายังเคยเจอเพื่อนที่บอกว่าม.ปลายเรียนดี โรงเรียนดัง(เค้าว่างั้นนะ) แต่ตอนเรียนมหาลัยก็ได้คะแนนเท่าเรา..ที่เรียน โรงเรียนธรรมดาๆ ผลการเรียนกลางค่อนไปทางต่ำ เลยอ่ะ แถมเรายังอ่านหนังสือน้อยกว่าเพื่อนคนนั้นอีกแน่ะ(เป็นวิชาที่เค้าบอกว่าถนัดด้วยนะ แต่เป็นวิชาที่เราโง่มากๆ).. เลยคิดว่า จขกท คงคล้ายๆเพื่อนเราคนนี้ที่เจอคนน้อยไปหน่อยอ่ะ เลยเข้าใจแบบนั้น ปล.เราก็ไม่ได้เก่งนะ ธรรมดามากๆ แล้วก็คิดว่าตูนี่หนอต้องเรียนรู้อีกแยะ! จากคุณ : อูสะจัง - [ 19 เม.ย. 52 18:12:03 ]

ความคิดเห็นที่ 120 .. จากคุณ : pisity - [ 19 เม.ย. 52 21:20:49 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ตั้งแต่มีรายการอัจฉริยะข้ามคืน กับคุณหนูดีอะไรนั่นดังขึ้นมาเนี่ย รู้สึกว่าคำว่า "อัจฉริยะ" มันใช้กันพร่ำเพรื่อซะเหลือเกิน จากคุณ : ชาเขียว - [ 20 เม.ย. 52 00:10:01 ]

ความคิดเห็นที่ 122 เคยเจอเพื่อนคนนึง ที่คิดว่าน่าจะเป็นอัจฉริยะนะ ก่อนสอบ เค้าไม่อ่านหนังสือเลยนะ อยู่ร้านเกมตลอดเลย แต่สอบแล้วได้คะแนนดีมากๆ สอบชิงทุนไปเมืองนอกได้ตั้งแต่อยู่ปี 1 ...ตอนนี้เรียนเอกอยู่เมืองนอกละ ใกล้จบแล้วมั้ง ^_^ จากคุณ : Halimeda Lover - [ 20 เม.ย. 52 05:08:05 ]

ความคิดเห็นที่ 123 อยู่กับปัจจุบนดีกว่าครับ จากคุณ : yatiko - [ 20 เม.ย. 52 09:21:21 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ผมว่า ผมก็เหมือนเจ้าของกระทู้หลายข้อนะ แต่ต่างกันคือ ผมไม่คิดว่า ผมจีเนียส เพียงเพราะเพื่อน(ไม่กี่คน?)บอกครับ อีกอย่างคือ ผมเคยเจอคนเก่งกว่านี้มาก หลายคนด้วยครับ จากคุณ : zvonimir - [ 21 เม.ย. 52 21:18:07 ]

ความคิดเห็นที่ 125 มีคนๆ นึง กลับมาจากเมืองนอก แล้วบอกว่า ตัวเองเป็นอัจฉริยะ แล้วยังบอกอีก ว่า คนที่เป็นอัจฉริยะแบบเขา ดีกว่าอัจฉริยะบางประเภท ที่อัจฉริยะ แต่ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรเลย แล้วก็ยังชักชวนให้ทุกคนมาเป็นคนอัจฉริยะด้วยกัน นิยามที่ผิดเพี้ยนไป อาจทำให้จขกท สับสน ดีใจ ที่วันนี้มีคนช่วยทำให้ภาพคำว่าอัจฉริยะมันชัดเจนขึ้นมา มิฉะนั้นเพื่อนเราก็จะยังคิดว่าเราอิจฉา "แมวไม่ดี" อยู่เรื่อย ว่าแต่ว่า เรื่องคลื่นสมองแบบ Theta นี่น่าสนใจน๊า เคยเจอคนที่จู่ๆ เสี้ยววินาทีหนึ่งในชีวิตก็เดินเข้าสู่ภวังค์แบบนี้มาเหมือนกัน แล้วเขาก็อัจฉริยะมากๆ เลยในสายตาเรา จากคุณ : เบบี้โรส - [ 21 เม.ย. 52 22:43:30 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ตอบว่า " ไม่ " ถือเป็นปรกติชนคนธรรมดาทั่วๆไปที่หาได้ตามท้องถนนเลยล่ะค่ะ ^^ - เราเรียนอนุบาลปีเดียว ตอน 5 ขวบ ไม่ใช่เพราะเก่ง แต่เพราะงอแงติดแม่ - -* - เราก็ดู soundtrack เพราะว่า บางครั้งพากย์ไทยชอบเสริมมุกเกินบทหนัง - เราก็ฟัง เพลงสากลบ้าง เพราะว่า บางทำนองก็เหมาะกับภาษาอังกฤษมากกว่า - เกมวัด IQ (ในเว็บใช่มั้ย ? - -*) เราก็เคยเล่นแข่งกับเพื่อน ได้ประมาณ ~ 110 130 120 135 100 125 105 บลาๆๆ ในเวลาใกล้เคียงกัน หาอะไรแน่นอนไม่ได้เลยจริงๆ - เราก็หลบสายตาคนที่เดินสวนกันบนถนน เพราะกลัวเดี๋ยวจะโดนตบเอา และเราก็เป็นคนธรรมดาๆ ที่หาได้ตามสยามและพุ่มไม้ 555 จากคุณ : ChOCO - [ 22 เม.ย. 52 07:18:07 A:124.121.108.102 X: ]