ความคิดเห็นที่ 1 ก็เหมือนยิงผ่านกระจก แรงเฉื่อยไง จากคุณ : ซายูบิ - [ วันเถลิงศก (15) 02:12:20 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เคยเห็น ใน myth buster นะ ช่อง discovery รู้สึกว่าจะเป็นไปไม่ได้นะ แค่เล็งให้เข้ากล้อง ก็ยากแล้ว แถมมี lens ไว้ลดพลังงาน กับเบี่ยงวิถีกระสุนอีก จากคุณ : Schwarzschild - [ วันเถลิงศก (15) 02:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นไปได้ แต่ไม่เคยมีหลักฐาน myth busterตอนนั้นก็เคยดู แต่ถึงแม้ความเป็นไปได้จะต่ำติดดินแต่ก็เกิดขึ้นได้นะครับ เพราะทุกอย่างเป็นไปได้ครับอย่างกรณีTexas bullet(จำชื่อไม่ได้แต่เท็กซัสแน่ๆ)ที่มันกระสุนมันโค้งยิ่งกว่าพาราโบร่าซะอีก ปล.ตำนานนี้จริงๆเริ่มตอนสงครามเวียดนาม จากคุณ : Gray Fish - [ วันเถลิงศก (15) 02:35:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คนที่โดนยิงผ่านสโคป เค้าตาคนแรกของโลกคงเป็น นักฆ่าชาวเวียดกง ฉายางูเห่าอ่ะ เจอ สไนเปอร์ ฝังอเมริกา ฉายา ขนนกขาว ยิงเข้าให้ ปล หนังหลายๆเรื่องเลยเอามุขนี้ มาใส่กันตรึม ปล ขออภัยจำชื่อไม่ได้ จากคุณ : 1812Overtureyoot - [ วันเถลิงศก (15) 04:09:21 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ยากแต่เป็นไปได้ครับ  เพราะมุมยิง ของ sniper ทั้งสองฝั่งต้องหันเข้าหากัน จริงๆ ถ้าเงื่อนไขคือสองคนนี่กำลังมองหากันอยู่แล้วส่องเจอพร้อมๆกันก็อาจ เป็นได้ (แต่ยาก) . . . อีกอย่าง sinper จริงๆเขาเล็งคนครับ ไม่ได้เล็งกล้อง (แต่ถ้าฟลุ๊กโดนก็อีกเรื่อง) จากคุณ : Kross_ISC - [ วันเถลิงศก (15) 04:36:24 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เคยได้ยินว่า ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เคยเกิดเรื่องทำนองนี้ กลายเป็นตำนานของสุดยอด sniper sniper ของเยอรมันสู้กับ sniper ของรัสเซีย จากคุณ : 5 - [ วันเถลิงศก (15) 06:12:42 A:58.9.135.11 X: TicketID:117365 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ู^ ^^ ^^^ Call of duty 5 ป่าวคับ - -"" จากคุณ : MiNiKooNG - [ วันเถลิงศก (15) 08:55:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 #6 Enemy At the Gate ? - - จากคุณ : ซายูบิ - [ วันเถลิงศก (15) 09:52:42 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เอามาฝาก คคห. 6 http://en.wikipedia.org/wiki/Vasily_Grigoryevich_Zaitsev จากคุณ : azurite - [ วันเถลิงศก (15) 09:59:03 ]

ความคิดเห็นที่ 10 **เจไดหนุ่มมีเรื่องมาเล่าให้เพื่อนๆฟังกันสนุกๆนะครับ**      มือสังหารสไนเปอร์ที่เป็นต้นกำเนิดของตำนานการยิงคู่ต่อสู้ผ่านกล้องเล็งสโคปนั้นมีชื่อว่า "Carlos Hathcock" ครับ  โดยคาลอสเป็นพลซุ่มยิงแห่งกองทัพนาวิกโยธินของมะริกันซึ่งทำสถิติสังหารคู่ต่อสู้ในสมรภูมิเวียดนามได้ประมาณถึง 90 กว่าคน (จำนวนนี้คือตัวเลขที่บันทึกโดยวัดเอาจากสิ่งของติดตัวข้าศึกที่เขาไปเก็บมาจากศพทุกครั้งหลังการสังหาร  ทว่าในความเป็นจริงเขาอาจจะฆ่าได้มากกว่านั้นแต่ไม่ได้เก็บสิ่งของมายืนยันก็ได้ครับ)      โดยชื่อเสียงของคาลอสนั้นมาเป็นที่รู้จักก็ตอนการรบในสมรภูมิที่เวียดนามซึ่งความสามารถของเขานั้นสามารถช่วยเหลือเหล่าทหารหาญของมะริกันได้เป็นจำนวนมาก  อีกทั้งสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเขาก็คือการติดขนนกสีขาวไว้ที่หมวกตลอดเวลาครับ  ซึ่งเรื่องราวการยิงคู่ต่อสู้ผ่านกล้องเล็งของเขานั้นก็มีมาเอาช่วงนี้ครับ  แต่เนื่องจากไม่มีการถ่ายรูป เก็บหลักฐาน หรือทำบันทึกอย่างเป็นทางการไว้จึงทำให้เรื่องนี้เป็นเพียงการเล่าบอกกันปากต่อปากของหมู่ทหารเท่านั้น  ซึ่งพอเรื่องเริ่มลือหนักเข้าในที่สุดจึงได้มีการไปสอบถามจากเจ้าตัวเองแต่คาลอสก็ไม่ตอบคำถามในเรื่องนี้ตรงๆครับเพราะเขาต้องการให้มันเป็นตำนานของหน่วยนาวิกฯดีกว่า   **รูปของคาลอสครับ** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตยือยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม - [ วันเถลิงศก (15) 11:06:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ****      โดยในช่วงปลายสงครามเวียดนามนั้น "คาลอส" ได้สร้างวีรกรรมขึ้นครั้งหนึ่งซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตัวเขาไปตลอดชีวิตครับ  กล่าวคือหลังจากปฏิบัติหน้าที่ในเวียดนามจนครบกำหนดแล้วเขาก็ได้เดินทางกลัอเมริกาครับ  แต่พอใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่ไปประมาณ1ปีเฮียแกก็ดันอยากกลับมาช่วยพวกน้องๆนาวิกฯจึงขออาสากลับมายังเวียดนามอีกครั้ง        ทว่าในระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนกับกองกำลังทหารราบในวันหนึ่งนั้น  รถสายพานในกองกำลังที่เขาร่วมด้วยดันไปเหยียบกับระเบิดรถถังจนกระจุยแลส่งผลให้ทหารหลายคนติดอยู่ในซากรถซึ่งเปลวเพลิงกำลังลุกท่วม  ซึ่งคาลอสก็ได้สวมวิญญาณนักกรบใจเด็ดด้วยการเข้าไปช่วยเหลือทหารซึ่งติดอยู่ด้านในออกมาได้ถึง7คน  กระทั่งผิวหนังแลร่างกายของเขาถูกเปลวไฟคลอกทำร้ายจนอาการสาหัสครับ (รูปท่วงท่าการเล็งตรวจการณ์ในตำนานของคาลอส  ซึ่งภายหลังจะมีคนนำไปลอกเลียนแบบเป็นจำนวนมากครับ) (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม - [ วันเถลิงศก (15) 11:11:32 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ****      โดยจากความกล้าหาญเสียสละครั้งนี้คาลอสจึงได้รับเหรียญซิลเวอร์สตาร์(ดาวเงิน)ครับ  แต่ผลพวงของอาการบาดเจ็บขั้นรุนแรงนี้ทำให้เขาต้องเข้าพักรักษาตัวเป็นเวลานานแลไม่สามารถออกไปปฏิบัติภารกิจภาคสนามได้อีก  ซ้ำร้ายอาการบาดเจ็บยังส่งผลเรื้อรังตลอดเวลาหลังจากนั้นจนคาลอสมาเสียชีวิตเอาในปี1999ด้วยอาการเส้นโลหิตตีบครับ  แต่ทว่าช่วงเวลาหลังจนสงครามจนถึงก่อนจะเสียชีวิตนั้นคาลอสได้ผันตัวเองไปเป็นอาจารย์อยู่ที่โรงเรียนพลแม่นปืนของกองทหารนาวิกโยธิน  แลเป็นผู้ปรับปรุงหลักสูตรพลแม่นปืนของหน่วยนาวิกโยธินให้ทันสมัยยิ่งขึ้นอย่างที่เราได้เห็นกันในปัจจุบันครับ      ซึ่งจากคุณความดีต่างๆที่คาลอสอุทิศให้กับหน่วยแม่นปืนจึงทำให้มีการตั้งชื่อปืนไรเฟิลซุ่มยิงรุ่น "M-25" ที่พัฒนาขึ้นมาในยุค80สำหรับหน่วยรบพิเศษแลนาวีซีลว่า "White Feather"(ตั้งจากการที่เขาชอบเอาขนนกสีขาวมาติดหมวก)  เพื่อเป็นการเชิดชูความกล้าหาญแลเสียสละของคาลอสที่มีต่อหน่วยพลแม่นปืนนั่นเองครับ (รูปปืนไรเฟิล "M-25 White Feather" ครับ) (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม - [ วันเถลิงศก (15) 11:20:35 ]

ความคิดเห็นที่ 13 **(ตรงนี้แถมให้นิดครับ)**      ถึงแม้คาลอสจะเก่งกาจจนเป็นตำนานของชาวมะริกันชนคนเสรียังไงแต่พลซุ่มยิงที่ได้ชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโลกจริงๆก็คือ "ไซโม ฮายาซ" ซึ่งเป็นชาวฟินแลนด์ครับ  โดยวีรกรรมของเขานั้นอยู่ในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่2ที่ฟินแลนด์รบกับโซเวียต  แลสิ่งที่ทำให้ฮายาซเป็นตำนานก็คือพี่แกนั้นยิงสังหารคู่ต่อสู้จากระยะไกลเทียบเท่านักแม่นปืนโดยไม่มีการใช้กล้องเล็งสโคปเข้าช่วยเลยครับ (เทพมากๆ -_-")        จากสถิติที่บันทึกอย่างไม่เป็นทางการนั้นมีการประมาณว่าฮายาซได้สังการข้าศึกซึ่งเป็นทหารโซเวียตไปประมาณ700กว่าคน  ซึ่งในปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถลบสถิตินี้ลงได้ครับ (ที่สำคัญในการสังหาร700กว่าคนนี้เขาไม่ใช้กล้องเล็งสโคปนะครับ!!)  ซึ่งในช่วงสงครามนั้นทหารชาวโซเวียตได้กลัวเกรงความร้ายกาจของฮายาซมากจนตั้งชื่อเรียกเขาว่า "White Death"  อันมาจากเครื่องแบบชุดพรางหิมะที่บรรดาพลแม่นปืนฟินแลนด์ชอบสวมใส่เพื่อพรางตัวในหิมะครับ  ในที่สุดพวกโซเวียตจึงถึงกับต้องคัดเลือกสไนเปอร์ฝีมือฉกาจของตนมาเก็บฮายาซครับแต่ทว่าก็ไม่มีใครเคยทำสำเร็จซักราย        แม้กระทั่งการใช้ปืนใหญ่จำนวนมากยิงถล่มพื้นที่เพื่อสังหารชายผู้นี้เพียงคนเดียวก็ยังเคยมีการทำมาแล้วครับแต่นั่นก็ไม่อาจทำอันตรายเขาได้เช่นกัน  โดยฮายาซนั้นมาบาดเจ็บสาหัสเอาจริงๆก็ตอนการสู้รบในระยะประชิดกับทหารโซเวียตแล้วโดนยิงเข้าที่หน้า  จนกระดูกขากรรไกรแหว่งไปแต่เขาก็รอดตายมาได้แม้จะต้องเสียโฉมไปส่วนหนึ่ง  ซึ่งหลังสงครามจบแล้วฮายาซได้ผันตัวเองไปเป็นประชาชนคนธรรมดาแลหยุดสถิติการสังหารเหยื่อโดยไม่ใช้สโคปของเขาให้กลายเป็นตำนานที่ไม่อาจมีผู้ใดเทียบได้ครับ (รูปของ "ไซโม ฮายาซ" ครับ) (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 52 11:38:25 จากคุณ : เจไดหนุ่ม - [ วันเถลิงศก (15) 11:35:27 ]

ความคิดเห็นที่ 14 #12 มันต่างจาก M21 ยังไงอะครับ? #13 ในรูปมีสโคปเห็นๆ - - แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 52 11:46:03 จากคุณ : ซายูบิ - [ วันเถลิงศก (15) 11:44:01 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ^ ^ เหมือน ๆ กับข่าวลือของผู้หมวดสเปียร์แห่งกองร้อยE ทีจุดบุหรี่ให้เชลยก่อนจะยิงทิ้ง - - สไนเปอร์ไม่ใช่ว่ามีกล้องเล็งเล็งอย่างเดียวต้องดูระยะยิง หาทิศทางลมเพื่อหาตำบลกระสุนตกแล้วค่อยยิงระยะไกล ๆ เป็นไมล์นี่ไม่ค่อยมีใครเขายิงหรอกถึงแม่นแค่ไหนก็มีโอกาสพลาด ตอนแรกลมสงบพอกระสุนพ้นลำกล้องมีลมพัดมาวูบนึง กระสุนก็พร้อมจะเอียงระยะไม่ถึง 1 ในร้อยของมิลแต่พอถึงเป้าหมาย 1 ในร้อยของมิลที่ปากกระบอกปืนจะกลายเป็น 2-3 เซนติเมตรที่เป้าหมายนั่นก็ทำให้ล้มเหลวแล้วครับ เรื่องราวต่าง ๆ บางครั้งก็ดูเกินจริงไปหน่อย แต่ก็เป็นเรื่องจริงเสมอ ๆ หลายครั้งเป็นเพียงแค่คำบอกเล่า มันก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟัง จากคุณ : PUMPKINbig - [ วันเถลิงศก (15) 11:45:20 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ เจไดหนุ่มนี่เป็น เอนไซโคพีเดียหรือเปล่าเนี่ย รู้ทุกเรื่องจริงๆ อ่านสนุกดีครับ ขอบคุณความรู้ครับ จากคุณ : เล็ก มหึมา (^oio^) - [ วันเถลิงศก (15) 11:49:50 ]

ความคิดเห็นที่ 17 #14 M14/M21/M24/M25 เหมือนกันที่ระบบประฎิบัติการกับโครงปืนเหมือนกัน แต่จะต่างตรง พานท้าย ด้ามจับ กล้อง จะไม่เหมือนกัน M25 ใช้ในหน่วยสงครามพิเศษ(ในสงครามอ่าว) http://www.mcmfamily.com/mcmillan-stocks-tactical-stock-list.php แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 52 11:59:34 จากคุณ : PUMPKINbig - [ วันเถลิงศก (15) 11:58:21 ]

ความคิดเห็นที่ 18 **เจไดหนุ่มขอตอบคุณความคิดเห็นที่14**      ถึงเวลาถ่ายรูปโชว์ "ไซโม ฮายาซ" จะติดกล้องเล็ง(สโคป)ไว้กับปืนแต่เวลาใช้งานจริงเขาจะแกะออกครับ  โดยฮายาซเคยให้สัมภาษณ์ตอนที่เขามีอายุแล้วว่าที่ไม่ชอบใช้สโคปนั้นก็เพราะมันเกะกะทำให้ต้องขยับหัวขึ้นไปเล็งอีกทั้งยังเสี่ยงต่อการที่แสงแดดจะสะท้อนมาที่เลนส์จนเปิดเผยตำแหน่งของตัวเองได้ครับ      โดยเรื่องของคาลอสยิงผ่านกล้องเล็งนี่อาจจะดูคลุมเครือนะครับ  แต่เรื่อง "ซิโม ฮายาส" ยิงหลายร้อยศพโดยไม่ใช้สโคปนี่เป็นเรื่องจริงที่ยืนยันได้ครับ  เพราะมันมีหลักฐานต่างๆทั้งบันทึกคำบอกเล่าของคนในสมัยนั้น ภาพถ่าย ของดูต่างหน้าศพที่พวกสไนเปอร์ชอบเก็บมานับแต้ม  อีกทั้งตำราทางการทหารต่างๆก็ยืนยันไว้แบบเดียวกันว่าพี่แกนั้นเก่งระดับเทพครับ (ปืนกระบอกล่างคือ "M28 Mosin-Nagant" ของทหารโซเวียตในช่วงสงครามโลกครั้งที่2  ซึ่งประเทสฟินแลนด์ได้จัดหามาให้กับกองทหารของตน  โดยฮายาซเองก็สังหารเหยื่อของเขาด้วยปืนไรเฟิลรุ่นนี้แหละครับ)   (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม - [ วันเถลิงศก (15) 13:05:19 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ****      แลเพื่อนๆอย่าแปลกใจครับว่าทำไมฮายาซถึงสังหารเหยื่อได้มากมายขนาดนั้น  เพราะถ้าลองดูยุทธวิธีของกองทหารโซเวียตในช่วงต้นสงครามก็จะรู้ดีครับ  เนื่องจากในยุคนั้นสตาร์ลินได้สั่งประหารนายทหารสายพระเจ้าซาร์ไปนับหมื่นๆนาย  จึงทำให้กองทัพโซเวียตต้องขาดแคลนนายทหารแลเสียนักรบฝีมือดีไปมากมาย  อีกทั้งกองทหารค้อนเคียวในตอนนั้นยังค่อนข้างล้าสมัยเมื่อเทียบกับประเทศมหาอำนาจใกล้ตัวอย่างเยอรมันครับ  คิดดูนะครับขนาดฟินแลนด์ที่เป็นประเทศเล็กกว่าตนเองตั้งไม่รู้กี่สิบเท่าโซเวียตยังไม่สามารถเอาชนะขั้นเด็ดขาดได้เลยตลอดช่วงเวลาแห่งสงคราม  แถมยังต้องมาเสียทรัพยากรแลกำลังทหารไปตั้งมากมายในดินแดนเล็กๆอันเหน็บหนาวสุดขั้วโดยไม่ได้ประโยชน์อันใดเลย (ตอนนั้นโซเวียตหาเรื่องตีเอาดื้อๆฟินแลนด์จึงส่งทหารไปช่วยนาซีไล่ตีโซเวียตด้วยครับประมาณว่าเป็นการล้างแค้น  แต่ตอนหลังฟินแลนด์หันมาช่วยสัมพันธมิตรแลเป็นการตบหน้าเฮียหนวดสตาร์ลินแห่งโซเวียตฉาดใหญ่ทีเดียวครับ  เพราะจะยึดก็ยึดไม่ได้แถมยังต้องให้กองทัพเล็กๆของมันมาช่วยตรูอีก -_-")      อีงทั้งเราจะเห็นได้จากตอนฮิตเลอร์สั่งบุกโซเวียตในยุทธการ "บาบารอสซ่า" นั้นกองทหารดาวแดงต่างก็พ่ายแพ้แลถอยร่นล้มตายกันเป็นล้านๆคน  เพราะสตาร์ลินตอนนั้นมัวแต่วางใจเยอรมันมากเกินไปครับเพราะเห็นว่าทำสนธิสัญญาไม่รุกรานกันแล้วฮิตเลอร์คงเป็นมหามิตรกับตนเอง  แต่ที่ไหนได้พอเยอรมันสั่งบุกปุ๊ปทหารทุกคนงงเป็นไก่ตาแตกทำอะไรกันแทบไม่ถูก  กระทั่งกองพลแพนเซอร์ใช้เวลาไม่กี่เดือนก็รุกคืบเข้ามาถึงยูเครนแล้ว  กว่าที่ชาวค้อนเคียวจะมาเริ่มเกณท์กำลังพลจำนวนมหึมาแลจัดหายุทโธปกรณ์ใหม่ๆที่ทัดเทียบกับเยอรมันได้ทันก็ต้องเป็นช่วงฤดูหนาวที่เยอรมันเริ่มค้างเติ่งแล้ว  แต่กว่าจะถึงตอนนั้นประชาชนแลทหารจำนวนนับล้านๆก็ต้องสังเวยชีวิตให้แก่น้ำมือของกองทัพเยอรมันเพราะความเขลาของท่านหนวดสตาร์ลินไปแล้วนั่นเองครับ (รูปเชลยศึกโซเวียตถูกทหารเยอรมันกวาดต้อนให้เดินไปยังค่ายกักกันในช่วงปฏิบัติการบาบารอสซ่า  ซึ่งเป็นการบุกครั้งใหญ่ของกองทัพเยอรมันนาซีเพื่อแย่งชิงแหล่งทรัพยากรในรัสเซียครับ) (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม - [ วันเถลิงศก (15) 13:17:26 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เกิดมาไม่เคยได้ยินใครสังหารคนได้มากเท่านี้มาก่อน (นับเฉพาะที่ลงมือเอง และไม่ใช้อาวุธทำลายล้างสูงๆด้วย) แต่ผมนับถือ White Feather มากกว่า จากคุณ : สมบัติดี - [ วันเถลิงศก (15) 14:40:25 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ยิงคนตายมาขนาดนี้ ยมบาลจะตัดสินยังไงครับนี่ จากคุณ : q_cosmo - [ วันเถลิงศก (15) 15:00:03 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่น่าเชื่อจริงๆว่าปืนสมัยก่อนจะเที่ยงตรงได้ขนาดนี้ ได้ความรู้ดีจริงๆครับ ไซเซ้ปทำเป็นหนังแล้ว ผมว่าฮายาสน่าจะทำเป็นหนังมากกว่าอีก นี่ถ้าฮายาสเจอไซเซ้ป น่าจะมันสสสสสสส อิ อิิ จากคุณ : DON'T CARE - [ วันเถลิงศก (15) 15:11:00 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คุณไม่รู้หรอก เค้าอยู่ที่ไหน เค้ากระโดดจากตึกนึง ไปยังอีกตึกนึง เย้ย บอกไปแล้ว จากคุณ : แมวไม่กินปลา - [ วันเถลิงศก (15) 16:38:50 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อีงทั้งเราจะเห็นได้จากตอนฮิตเลอร์สั่งบุกโซเวียตใน ยุทธการ "บาบารอ สซ่า" นั้นกองทหารดาวแดงต่างก็พ่ายแพ้แลถอยร่นล้มตายกันเป็นล้านๆคน   เพราะสตาร์ลินตอนนั้นมัวแต่วางใจเยอรมันมากเกินไปครับเพราะเห็นว่าทำ สนธิ สัญญาไม่รุกรานกันแล้วฮิตเลอร์คงเป็นมหามิตรกับตนเอง ^ ^ ^ ขอเพิ่มนิดครับ  สตาลินไม่เคยไว้ใจฮิตเลอร์เลยครับ และวางกำลังป้องกัน หนาแน่นมากถึง 2 กองทัพจำนวน3 แสนคน ตลอดชายแดนและยังมีกองหนุนอีกมากมาย .ถ้าเทียบปริมาณแล้วเหนือกว่าเยอรมันอย่างน้อยๆ 2-3:1 . . แต่กองทัพที่6 ของเยอรมันแน่กว่าครับ..จนกระทั่งไปคาที่ตรงสตาลินกลาด จากคุณ : Kross_ISC - [ วันเถลิงศก (15) 19:42:17 ]

ความคิดเห็นที่ 25 **ตอบคุณความคิดเห็นที่24**      จริงอยู่ที่โซเวียตมีทหารมากมายแต่ก็ไร้ประโยชน์ในช่วงต้นของสงครามครับเนื่องจากสตาร์ลินประมาทฮิตเลอร์เกินไปจริงๆครับ  เพราะความจริงตอนนั้นได้มีเสนาธิการทหารหลายคนเตือนสตาร์ลินเรื่องการที่เยอรมันจะหันมาแว้งกัดโซเวียตในวันใดวันหนึ่งแล้ว  แต่สตาร์ลินก็ยังไม่ยอมเคลื่อนกำลังยานเกราะหลักแลหน่วยสนับสุนนทางอากาศไปเสริมที่แนวหน้าในฝั่งตะวันตก  กระทั่งเยอรมันเปิดฉากบุกอย่างสายฟ้าแลบในปราการด่านหน้าที่โปแลนด์  กองทหารค้อนเคียวจำนวนมากที่ขาดการสนับสนุนทางด้านยานเกราะแลกองทัพอากาสจึงถูกทหารเยอรมันที่เพียบพร้อมแลเจนศึกกว่ากวาดจนเรียบแลต้องถอยร่นอย่างรวดเร็ว        ส่วนเรื่องกองหนุนของโซเวียตในช่วงต้นของสงครามนั้นต้องบอกตามตรงว่าไม่ค่อยมีน้ำยาอะไรเลยครับ  เพราะทหารราบของทางฝั่งกองทัพค้อนเคียวในห้วงเวลาก่อนที่เยอรมันจะบุกนั้นเทียบไม่ได้เลยกับทหารของฝ่ายเยอรมันที่เจนศึกแลมีการฝึกฝนรวมถึงระเยียบวินัยที่ดีกว่า  ซึ่งสิ่งนี้สังเกตุได้จากตอนที่โซเวียตไปหาเรื่องบุกฟินแลนด์ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆแต่ก็ไม่สามารถเอาชนะได้อย่างเด็ดขาดแม้จะทุ่มสุดตัวแค่ไหน  จนต้องหลังเยอรมันบุกแลมีผู้สูญเสียเป็นล้านๆคนนั่นแหละครับโซเวียตจึงเริ่มเดินเครื่องการทำสงครามอย่างเต็มสูบ  แลสั่งสอนเยอรมันให้รู้ว่าการมาแหย่ประเทศมหาอำนาจซึ่งมีทรัพยากรอันไม่จำกัดอย่างตนนั้นต้องมีจุดจบเยี่ยงไร (รูปทหารของฟินแลนด์ที่มาช่วยเยอรมันรบกับโซเวียตครับ  ซึ่งทหารฟินแลนด์ในยุคนี้ทั้งระดับพลทหารแลนายทหาร  ล้วนใส่ชุดแต่งกายแลติดเครื่องหมายแบบเดียวกับของเยอรมันนาซีครับ) (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม - [ วันเถลิงศก (15) 20:19:26 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อันนี้เป็นรูป "นายพล กุสตาฟ คาร์ล แมนเนอร์เฮลม์" ของทางกองทัพฟินแลนด์ที่ช่วยเยอรมันทำศึกกับโซเวียตครับ (สังเกตุดูครับว่าเครื่องแบบแลเหรียญตราที่ติดเสื้อจะเป็นของเยอรมันทั้งสิ้น) (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม - [ วันเถลิงศก (15) 20:26:30 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เทพจริงๆ ตัวเองนี่แค่ปาลูกดอกยังไม่ค่อยตรงเป้าเลย.. อนาถนัก จากคุณ : The Gargoyle - [ วันเถลิงศก (15) 21:41:38 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ดูดีๆหน้าเหมือน ธีโอ วัลค็อต ของ ปืนโต เลยแฮะ จากคุณ : ซายูบิ - [ 16 เม.ย. 52 00:46:16 ]

ความคิดเห็นที่ 29 555+ จากคุณ : ซายูบิ - [ 16 เม.ย. 52 00:47:28 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สงครามบาบารอสซ่า ดูเหมือนเยอรมัน ผิดพลาดเรื่องเป้าหมาย ไม่แน่ใจว่าจะเอาอะไรแน่ ระหว่างน้ำมันในเทือกเขาอูราล หรือ เมืองหลวงมอสโค จนสุดท้่ายไปติดกับที่สตาลินกราด แต่ในทางแผนการของโซเวียตนั้นแน่นอนอยู่แล้วที่จะปล่อยให้เยอรมันบุกเข้ามา เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะป้องกันดินแดนที่มีผู้คนน้อยมากในแถบนั้น สู้มาวางแนวป้องกันเมืองหลวงดีกว่า แต่ที่สำคัญคือสตาลินรอฟังข่าวกรอง ในญี่ปุ่น พอรู้ข่าวแน่นอนว่าญี่ปุ่นไม่มีศักยภาพในการบุกไซบีเรีย ก็เรียกกองกำลังข้ามทรานส์ไซบีเรียมาตีโต้ ให้เยอรมันจนถอยไป ทหารเยอรมันเหนือกว่าทหารโซเวียต แต่สตาลินเหนือชั้นกว่าฮิตเลอร์ ในทางยุทธวิธี จากคุณ : VET53 - [ 18 เม.ย. 52 16:17:50 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 18 เม.ย. 52 21:35:14 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ผมว่าไปหาหนังสือเรื่อง sniper ของ สำนัก พิมพ์ ANIMATE GROUP อ่านดีกว่าครับ ทุกเรื่องที่ท่านสงสัยมีคำตอบหมด.... จากคุณ : เซียนมารเหินเวหา (เซียนมารเหินเวหา) - [ 30 เม.ย. 52 12:26:31 ]