ความคิดเห็นที่ 1 เกรงว่า ยาชาจะไม่แรงขนาดนั้นน่ะสิ หรือจะบล็อคหลังเอา จากคุณ : Plamany - [ 21 เม.ย. 52 20:08:02 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผ่าตัดนานๆ ขยับขเยื้อนไม่ได้ มองมีแต่ภาพเดิมๆไม่ก็มืดๆ เครียดตายเลยละ คุณนอนนิ่งๆ โดยไม่หลับนี่ รู้สึกอึดอัดมั้ยละ เป็นผม ได้บ้าก่อนละ ผมขอนอนหลับไม่รู้เรื่องราว ไปตื่นเอาตอนเสร็จแล้วดีกว่า... การวางยาสลบ จะมีหมอชำนาญการด้านนี้โดยเฉพาะ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ฝื้นหรอกครับ นอกจากผ่าตัดไม่สำเร็จ แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 52 20:18:36 แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 52 20:17:24 จากคุณ : นายขนมหวาน - [ 21 เม.ย. 52 20:16:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมว่าไม่ไหวนะ แต่ถ้าบวกมอร์ฟีนอีกซัก 2 เข็มก็ไม่แน่  ... จากคุณ : fak - [ 21 เม.ย. 52 20:18:00 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าสมมติต้องผ่าตัด แล้วบอกหมอว่าไม่ขอวางยาสลบ แต่บล็อคหลัง หรือ อะไรก็ได้ที่ไม่เจ็บไม่ปวด แล้วขอดูการผ่าตัด พร้อมถ่ายรูปไปด้วย หมอจะยอมมั้ยฮะ . จากคุณ : nextstepzone - [ 21 เม.ย. 52 20:30:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อยากเห็นไส้ตัวเองสินะ - - จากคุณ : ซายูบิ - [ 21 เม.ย. 52 20:38:12 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมว่า คนส่วนใหญ่จะกลัวหรือตกใจ ช็อคกับการนอนแล้วเห็น หมอทำอะไรกับตับไตไส้พุงของตนเองมากกว่านะครับ... จึงต้องวางยาสลบแทนการฉีดยาชาหรือยาระงับประสาท... จากคุณ : Little Pig in Big World - [ 21 เม.ย. 52 20:44:12 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถึงเอาผ้าปิดตาไว้ แค่ได้ยินเสียงหมอสั่งพยาบาลขอมีดขอกรรไกรขอผ้าก็อชซับเลือด แค่นี้คนไข้ก็ตัวสั่นแง่กๆแล้ว จากคุณ : ค้างคาวอมยิ้ม - [ 21 เม.ย. 52 21:18:49 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เคยแต่ผ่าตัดหลัง ไม่ดมยา มีมอร์ฟีน 1 เข็ม บล็อคหลังอย่างเดียว แล้วปล่อยให้หมอเฉือนเนื้อหลังตัวเองนานกว่า 3 ชม. รู้สึกมีความสุขดี เหมือนคนมาเกาหลังให้เลย แต่ถ้าให้เห็นสภาพหลังตัวเองไปด้วยคงช็อคตายแหงม ๆ จากคุณ : xxGamerboyxx - [ 21 เม.ย. 52 21:20:53 A:118.172.54.81 X: TicketID:198178 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เคยเห็นในข่าวนานแล้ว ผ่าตัดสมองเปิดกะโหลกออกมาโดยไม่วางยาสลบยังได้เลย ตับไตไส้พุงคงได้แหละ ใครมีข้อมูลเพื่ม รบกวนขอด้วยครับ จากคุณ : a3xx - [ 21 เม.ย. 52 21:48:12 A:125.24.73.58 X: TicketID:211532 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คนญี่ปุ่นที่รู้จักกัน ผ่าเอาซีสต์ในรังไข่สองข้างออกโดยไม่วางยาสลบ บล็อคหลัง และผ่าแบบเปิดหน้าท้อง ( ฟังเค้าเล่าก็กลัวไปด้วย เห็นภาพมากๆ ) เค้าบอกว่านอนรู้สึกตัวตลอด แต่ไม่เจ็บเท่านั้นเอง แต่มันน่ากลัวเกินอ่ะ ขอสลบแล้วฟื้นขึ้นมาเสร็จแล้วดีกว่าค่ะ จากคุณ : มอนจะ - [ 21 เม.ย. 52 21:56:13 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ได้มา2ข่าว http://healthy.in.th/categories/innovation/news/99 กับ http://www.medicthai.com/news/news_detail.php?id=2661 จากคุณ : a3xx - [ 21 เม.ย. 52 22:04:03 A:125.24.73.58 X: TicketID:211532 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อาจาน ผม คลอดลูก เอิ่ม ไม่รุ้ว่าโกหกมั้ยนะ แต่ผมเชื่อว่าไม่ ไม่บล๊อค ไม่ชา ไม่มอฟีน ไม่สลบ แกบอกว่า ไม่รุ้สิว่าเจ็บมั้ย ตอนนั้นมันลุ้น ลืมเจ็บ - - จากคุณ : Brizion - [ 21 เม.ย. 52 22:05:30 A:58.9.248.142 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตอนฝึกงานที่รพ. มีเคสนึง วางยาแล้ว มีจังหวะนึงหัวคนไข้อยู่ต่ำกว่าตัว ยาไหลตามกระดูกสันหลังขึ้นไปถึงสมอง กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ที่รพ. มาตลอด ไม่รู้ป่านนี้ยังอยู่รึเปล่า... จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 21 เม.ย. 52 22:11:27 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ตอบว่าถ้าฉีดยาชาเฉพาะที่ธรรมดา (local anesthesia) ไม่ไหวหรอกค่ะ แต่ถ้าบล็อคหลัง (spinal block ) ล่ะก็พอได้ แต่ต้องดูก่อนว่าผ่าตำแหน่งไหน ถ้าเป็นช่องท้องส่วนล่างอย่าง ตัดไส้ติ่ง ผ่าตัดมดลูก ผ่าคลอด แบบนี้ก็บล็อคได้ค่ะ แต่ถ้าผ่าตัดช่องท้องส่วนบนหรือการผ่าตัดที่ invasive มาก อย่างตัดต่อลำไส้ ผ่ากระเพาะ ผ่าตัดถุงน้ำดีละก็ไม่สามารถบล็อคได้หรอกค่ะ เหตุผลก็เนื่องจากเวลาหมอผ่าตัดจะผ่าตัดนั้น นอกจากไม่ปวดแล้ว ยังต้องการการหย่อนกล้ามเนื้อ (muscle relaxation)ด้วย (ไม่งั้นล้วงมือไปหาตับไตไส้พุงไม่ได้แน่) ซึ่งการบล็อคหลังนั้นถ้าจะให้มีการหย่อนกล้ามเนื้อไปจนช่องท้องส่วนบนจนผ่าตัดได้นั้น ต้องบล็อคให้ระดับการชาขึ้นสูงมาก ซึ่งจะมีผลรบกวนทำให้ความดันเลือดตกมาก หัวใจเต้นช้าจนถึงขั้นหยุดเต้นได้ และคนไข้ก็คงหายใจไม่ไหว เพราะยาชาบล็อคกล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจไปด้วย  ดังนั้นการให้ยาสลบทั้งตัวจะสามารถควบคุมเรื่องของการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ดีกว่าค่ะ ขนาดไส้ติ่ง เดี๋ยวนี้ยังแทบไม่บล็อคแล้วค่ะ เพราะว่าไส้ติ่งบางที่ก็ง้าย ง่าย เปิดเยื่อบุช่องท้องแล้วไส้ติ่งโผล่มาชี้หน้าเลย บางทีก็ยากแสนยาก ไปมุดหลบอยู่หลังลำไส้ต้องควานหากัน ควานมากๆคนไข้ยังเจ็บ จุก เกร็งขึ้นมาโดยอัตโนมัติเลย (โดนหมอผ่าตัดค้อน) แถมผ่านานก็เริ่มเจ็บอีกค่ะ โดยมากแล้วก็นิยมบล็อคพวกเคสกระดูกมากกว่า หรือผ่าตัดคลอดซึ่งบล็อคหลังมีข้อดีมากกว่าดมยาสลบค่ะ ส่วนลิงค์ที่ให้เรื่องการผ่าตัดสมองนั้น สามารถทำได้ เนื่องจากเนื้อสมองนั้นไม่มีความรู้สึกเจ็บค่ะ ช่วงที่ผ่าตัดผิวหนัง กระโหลกนั้น สามารถให้ยาชาร่วมกับยานอนหลับ (แบบปลุกตื่นได้) พอถึงเนื้อสมองคนไข้จะไม่เจ็บแล้ว อาจจะให้เขาตื่นหรือให้ยานอนหลับแบบที่คนไข้ยังร่วมมือสื่อสารได้ค่ะ ซึ่งมักจะทำในกรณีที่มีพยาธิสภาพในตำแหน่งที่สำคัญ เช่น การควบคุมการเคลื่อนไหว ซึ่งหมอผ่าตัดอยากจะสื่อสารกับคนไข้ตลอด การดมยาสลบในทุกวันนี้มีความปลอดภัยสูงมากค่ะ เป็นการให้ยาหลายๆตัวมา balance กัน ระหว่างให้มีความไม่รู้สึกตัว (unconciousness) ไม่เจ็บปวด ( analgesia) การหย่อนกล้ามเนื้อ ( relaxation) ไม่ได้ใช้ยาตัวใดตัวหนึ่งมากเกินไป ถ้าไม่ได้มีโรคประจำตัวร้ายแรง หรือมีเหตุไม่คาดฝัน เช่น โรคกรรมพันธุ์แพ้ยาสลบ (malignant hyperthermia ) ละก็ รับรองตื่นแน่นอนค่ะ ส่วนกรณีไหนจะต้องเลือกดมยาสลบหรือบล็อคหลัง วิสัญญีแพทย์จะเป็นผู้อธิบายข้อดีข้อเสียและให้เลือก (ถ้าเลือกได้)ค่ะ ไม่ต้องกังวล แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 52 22:42:50 จากคุณ : หมูเหมียว (หมูเหมียว) - [ 21 เม.ย. 52 22:40:37 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สำหรับคนไข้บางรายที่ แพทย์เห็นว่าไม่ควรใช้ยาสลบ ก็อาจใช้วิธี spinal block หรือที่เรียกกันว่าบลอกหลังได้ครับ เพื่อนผมก็เพิ่งผ่าตัดมดลูกโดยใช้วิธีนี้ หลังผ่าเอามาเล่าก็ตื่นเต้นดี เพราะรู้สึกตัวอยู่ตลอด แต่ช่วงล่างที่ผ่าตัดไม่รู้สึกเลย จากคุณ : granun - [ 21 เม.ย. 52 22:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เคยผ่าตัดเล็ก ไม่วางยา แค่ใช้ยาชาเฉพาะที่ รู้ตัวตลอด ถึงจะโดนเอาอะไรมาบังตาอยู่ แต่ก็ได้ยินเสียงฉึกๆ ของมีดตลอด ได้กลิ่นเลือดด้วย ไม่เจ็บนะ แค่หวาดเสียว จากคุณ : Dequardo - [ 21 เม.ย. 52 23:42:03 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อื้ม อืม คห 2 พูดถูกนะ  เราต้องทำ MRI นอนเฉยๆ 45 นาที โคตรเซ็งเลยอ่ะ  เลยนอนไปซะเลย   คุณหมูเหมียวคะ  ไส้ติ่งมันอยู่ได้หลายที่เหรอคะ  ไม่ได้อยู่ที่เดียวกันเหรอ จากคุณ : nuch_tiew - [ 21 เม.ย. 52 23:47:11 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตอบคุณ nuch_tiew ไส้ติ่งมันก็อยู่ตรงปลายลำไส้ใหญ่ ( cecum) นั่นแหละค่ะ แต่บางคนก็เล็กใหญ่ สั้นยาวไม่เท่ากัน แถมบางที มีanatomical variations โดยแบบที่ไส้ติ่งไปอยู่ด้านหลังของ cecum จะเรียกว่า "retrocecal type"ได้ แบบนี้บางทีอาการหรือการตรวจร่างกายอาจจะไม่เหมือนทั่วไป รวมทั้งการผ่าตัดก็จะยากกว่าปกติค่ะ สมัยเรียน ชอบเรียกไส้ติ่งที่ทำง่ายๆว่า " Extern type" คือนักศึกษาแพทย์ก็ทำได้ แบบ retrocecal นี้เป็น " Staff  type " สำหรับอาจารย์ทำ ... ^ ^ จากคุณ : หมูเหมียว - [ 22 เม.ย. 52 00:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 19 การให้ยาสลบร่วมกับยาคลายกล้ามเนื้อเนี่ยะ เคยได้อ่านเรื่องหนึ่งว่า คนไข้ได้ยาสลบ แต่ไม่สลบ ได้ยาคลายกล้ามเนื้อไปด้วย ทำให้กระดุกกระดิกไม่ได้ พูดไม่ได้ เวลาลงมือผ่า ก็เจ็บมากๆ เพราะไม่ได้สลบ แต่จะขยับตัวหนีก็ไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ กรีดลงบนเนื้อสดๆตลอดการผ่าตัด ในเรื่องนั้นบอกว่า like a hell คือ ต้องทนเจ็บสุดๆๆๆๆไปตลอด หรืออีกกรณีหนึ่งคือ ยาสลบหมดฤทธิ์ก่อนยาคลายกล้ามเนื้อ ก่อนการผ่าตัดเสร็จ ก็ฟื้นแล้วเจ็บ แต่กระดุกกระดิกไม่ได้ บอกหมอไม่ได้ เรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นได้จริงหรือเปล่าคะ จากคุณ : *Cookies* - [ 22 เม.ย. 52 09:08:15 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ดมยาสลบแล้วยังรู้สึกตัวอยู่ เกิดขึ้นได้ค่ะ เรียกว่า " anesthesia awareness " บางคนรู้สึกตัวแล้วจำได้ มีทั้งเจ็บและไม่เจ็บ บางคนรู้สึกตัวแต่จำหรือ recall ไม่ได้ แต่ออกมาในรูปของพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงหรือฝันร้ายก็มีค่ะ anesthesia awareness นี้ แม้ในประเทศที่เจริญแล้วอย่างอเมริกาก็ยังเจอได้ ราวๆ 1-2 ราย ต่อผู้ป่วยที่มาดมยาสลบ 1000 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิด awareness ก้มีได้หลายอย่างค่ะ ที่บอกไปแล้วว่าเวลาเราดมยาจะให้ balance กันระหว่าง - unconciousness คือผู้ป่วยหลับไม่รู้สึกตัว ซึ่งมักจะให้ยาทางเส้นเลือด ร่วมกับการให้ gas ที่ทำให้สลบผ่านทางเครื่องดมยาสลบค่ะ - analgesia คือการระงับปวด โดยการให้ยาแก้ปวดกลุ่มมอร์ฟีน - muscle relaxation โดยให้ยาหย่อนกล้ามเนื้อ การจะดูว่าคนไข้หลับลึกหรือไม่ จะดูจากสัญญาณชีพ คือ ชีพจรไม่เต้นเร็ว ความดันโลหิตไม่ขึ้น ร่วมกับสัญญาณกายอื่นๆ เช่น ม่านตาหดเล็ก ไม่มีเหงื่อออก ไม่ขยับ แต่จริงๆแล้วอาจมีการบดบังสัญญาณเหล่านี้ เช่น การให้ยาหย่อนกล้ามเนื้อ (ซึ่งไม่ได้ทีฤทธิ์ทำให้ไม่รู้สึกตัวและแก้ปวด) อาจทำให้คนไข้ขยับไม่ได้ จริงๆแล้ว ถ้าจะดูหลับจริงหรือไม่ ต้องดุจากคลื่นสมอง ( EEG ) ซึ่งไม่ได้ทำทุกรายค่ะ การเกิด awareness มักเกิดจาก ภาวะใดๆ ที่ทำให้การดมยาสลบไม่เป็นไปตามขั้นตอน เช่น คนไข้ในภาวะฉุกเฉิน ความดันตก ไม่สามารถให้ยาสลบได้มาก คนไข้ผ่าตัดคลอดที่ให้ยาบางอย่างก่อนลูกออกไม่ได้ (มีผลกดการหายใจเด็ก) คนไข้ผ่าตัดหัวใจในช่วงที่หัวใจ arrested heart ต้องใช้เครื่องปอดหัวใจเที่ยม ทำให้ไม่ได้ gas จากเครื่องเป็นต้น หรืออาจเกิดจากความผิดพลาดของเครื่องมือ เช่น เครื่องให้ยาสลบให้ gas ออกมาน้อยกว่าปกติ ภาวะที่คนไข้มีการทำลายยามากกว่าปกติ เช่น คนไข้ที่ใช้ยาเสพติดเป็นประจำ เป็นต้นค่ะ คนไข้ที่เกิด awareness นั้นน่าสงสารมาก ถือเป็นฝันร้ายของทั้งหมอดมยาและคนไข้เลยทีเดียว คงไม่มีใครอยากให้เกิด ... แต่ก็คงไม่ต้องกังวลไป ถ้าต้องไปดมยาสลบตามมาตรฐานแล้ว โอกาสเกิดก็น้อยมากๆเลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 52 11:52:31 จากคุณ : หมูเหมียว (หมูเหมียว) - [ 22 เม.ย. 52 11:51:28 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ทำกันอยู่แล้วนี่ครับ... บางกรณีการวางยาสลบมีผลลบนะครับ เรื่องความดันโลหิต กับอัตราการเต้นของหัวใจ แล้วรู้สึกหลังๆนี่ ถ้าเป็นการผ่าเคสเล็กๆ ไม่นานมากไม่จำเป็นจริงๆ แพทย์จะไม่วางยาสลบด้วยนะครับ ใช้ยาชา หรือบล็อกหลังเอา... จากคุณ : mermanoid - [ 22 เม.ย. 52 12:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คิดถึงหนังเรื่อง pathology เลยค่ะ จากคุณ : i Lost my way - [ 22 เม.ย. 52 12:44:07 ]

ความคิดเห็นที่ 23 บอดี้ ศพ 19 ตอนจบ โหดดดดดดดดดดด มากๆ จากคุณ : My life in Japan. - [ 22 เม.ย. 52 13:36:24 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณ.. คุณหมูเหมียว ที่อธิบายเรื่องยากๆ ให้ชาวบ้านอย่างผมเข้าใจได้นะครับ จากคุณ : Piggie MM - [ 22 เม.ย. 52 14:22:12 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านดูแล้วเหมือนว่า หมอจะไม่มีทางรู้เลยว่า คนไข้ไม่ได้สลบจริงๆๆ เพราะจะรู้ได้ก็จาก EEG และไม่ได้ทำเสมอไป สยองอ่ะ ถึงแม้ว่าเกิดได้ 1-2/1000 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่เกิดขึ้นกะเรา... จากคุณ : *Cookies* - [ 22 เม.ย. 52 15:09:05 ]