ความคิดเห็นที่ 1 อ่าวรูปคนล่ะรูปกับที่ตั้งใจไว้ ไม่เป็นไร เอาไปอีกรูปล่ะกัน รูปนี้สวยกว่า อิอิ จากคุณ : elvish346 - [ 23 เม.ย. 52 20:18:51 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เอาล่ะ ที่นี้ก็มาถึงคำถามว่าแสงเหนือ แสงใต้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง? หลายๆคนคงรู้จักปรากฏการนี้อยู่แล้ว ส่วนคนที่ไม่เคยเห็นก็ไม่ต้องน้อยใจผ ม เอารูปมาให้ชมที่นี้แล้ว จากคุณ : elvish346 - [ 23 เม.ย. 52 20:19:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มีหลายสีด้วยนะ จากคุณ : elvish346 - [ 23 เม.ย. 52 20:20:08 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อย่างที่แสดงให้เห็นในรูป ออโรร่ามีลักษณะคล้ายผ้าม่านสีเขียวแขวนอยู่บนท้องฟ้า และมันกระเพื่อมได้ด้วย! สีที่เห็นส่วนมากก็จะมีสีเขียว และบางทีก็มีสีแดงมาปนด้วย บางที่ก็กล่าวกันว่ามีออโรร่าสีดำด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จอย่างไร ปรากฏการนี้เกิดขึ้นเพราะ สนามแม่เหล็กของโลกมีรูรั่วครับ!! คือเส้นสีส้มที่เว้าลงไปชนโลก ที่ทิศเหนือและทิศใต้นั้นแหละครับ ทำให้อนุภาคบางส่วนมาชนกับแก็สที่อยู่ในชั้นบรรยากาศของเรา ทำให้เกิดสีขึ้นมา ซึ่งสีเขียวก็เกิดจากแก็สไนโตรเจนที่มีอยู่ถึง80%ในอากาศ และสีแดงก็เกิดจาก ออกซิเจนที่เป็น20%ที่เหลือในอากาศนั้นเอง ซึ่งออโรร่าสีแดงจะเกิดขึ้นได้ยากกว่าสีเขียว เพราะว่าออกซิเจนเกิดจากไอออไนซ์ได้ยากกว่านั้นเอง เพราะว่ารูรั่วที่มีแค่ที่บริเวณขั้วโลกเหนือและใต้นี้เองจึงเป็นที่มาของชื่อ แสงเหนือ แสงใต้อีกด้วย ถ้ามองจากอวกาศ เหนือ ออโรร่าพอดีก็จะเห็นแบบนี้ จากคุณ : elvish346 - [ 23 เม.ย. 52 20:21:15 ]

ความคิดเห็นที่ 5 กลับมาที่เรื่องพายุสุริยะกันต่อ ถ้าพระอาทิตย์เกิดอารมณ์ดี อยากขยันทำงานขึ้นมา มันก็จะมีปรากฏการณ์ขึ้นมาสองอย่าง ที่จะทำให้ดวงอาทิตย์ปล่อยอนุภาคพลังงานสูงออกมามากและรุนแรงกว่าปกติ ซึ่งสนามแม่เหล็กโลกของเราอาจไม่สามารถทนทานได้ ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าบนโลกลัดวงจร หรือเสื่อมสภาพ จนอาจเป็นผลทำให้เกิดโศกนาถกรรมแบบที่เราเห็นในหนังขึ้นมาได้เลยทีเดียว ปรากฏการณ์แรกที่จะกล่าวถึงก็คือ coronal mass ejection ครับ (ขอไม่แปลเป็นภาษาไทยล่ะกันนะ) เมื่อพระอาทิตย์อยู่ในช่วงที่มันกำลังทำงานหนัก และเกิดจุดบนดวงอาทิตย์ขึ้น บริเวณนั้นจะเกิดความร้อนตับแตกเกิดขึ้น เรียกว่า super heated region ซึ่งมีอุณหภูมิถึง 1,000,000 องศาเลยทีเดียว ด้วยความร้อนขนาดนี้ ทำให้แก็สหลักๆของดวงอาทิตย์ เช่น ไฮโดรเจนและฮีเลียม โดยขโมยอิเล็กตรอนไปจนหมด ทำให้เกิดเป็นอนุภาคที่มีประจุอย่างมาก แก็สเหล่านี้ก็จะพุ่งขึ้นมาเพื่อที่จะไปหาประจุและพยายามที่จะกลับมาเป็นกลางอีกครั้ง (ต้องเคลื่อนที่ไปที่อื่นเพื่อที่จะหาประจุมาให้ตัวเอง ว่างั้น) บางส่วนอาจพุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์ด้วย ตอนที่มันพุ่งขึ้นนี้เอง ทำให้สนามแม่เหล็กเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง จนอาจจะส่งผลให้สนามแม่เหล็กโลกโดนรบกวน ข้างล่างเป็นรูปของ corona mass ejection แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 52 21:57:45 จากคุณ : elvish346 - [ 23 เม.ย. 52 20:22:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อีกปรากฏการณ์นึงที่มีความรุนแรงมากกว่า coronal mass ejection ก็คือ solar flare ครับ Solar flare เกิดขึ้นจากการปลดปล่อยพลังงานแม่เหล็กที่สะสมขึ้นในชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ขึ้นมาอย่างกระทันหัน เป็นการระเบิดที่รุนแรงมาก และปล่อยพลังงานแม่เหล็กออกมาครบทุกความยาวคลื่นเลยทีเดียว ถ้าเทียบความรุนแรงกับระเบิดที่เรารู้จักกัน ก็จะได้ว่า มันเท่ากับ ระเบิดไฮโดรเจน 100เมกกะตัน หนึ่งล้านลูกเลยทีเดียว  ข้างล่างเป็นรูปเทียบขนาด ของ solar flare กับโลก จากคุณ : elvish346 - [ 23 เม.ย. 52 20:23:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อเหตุการณ์ทั้งสองอย่างนี้เกิดขึ้น อนุภาคพลังงานสูงเหล่านี้ก็จะถาโถมเข้ามายังโลก เรียกได้ว่าเกิดพายุสุริยะ ขึ้น อันตรายก็ย่อมตามมา ถ้ามันเกิดขึ้นแบบเบาๆหน่อย สิ่งของที่อยู่นอกการคุ้มครองจากสนามแม่เหล็กโลก อย่างเช่นดาวเทียม และนักบินอวกาศ เพราะว่า ส่วนหนึ่งของอนุภาคพลังงานสูงก็คือ อนุภาคโปรตอนซึ่งสามารถทำลายเนื้อเยื่อของมนุษย์ได้ และการที่ชั้นบรรยากาศโลกเกิดการไอออไนส์มากขึ้น สามารถส่งผลให้ดาวเทียมที่โคจรอยู่ โดนหน่วงจนหลุดออกจากวงโคจรได้ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อสัญญาณวิทยุคลื่นสั้น ที่ต้องอาศัยการสะท้อนกับชั้นบรรยากาศของโลกด้วย ถ้าหนักขึ้นมาก็คือทำให้เกิดไฟดับขึ้น เพราะว่าไฟฟ้าลัดวงจรที่โรงไฟฟ้า หรือ GPS บอกสัญญาณคลาดเคลื่อนเพราะว่า ดาวเทียมจำนวนนึงพังไป และยังมีเหตุการณ์ที่ดาวเทียมซึ่งทำหน้าที่ส่งสัญญาณ pac link ในอเมริกา เสียหาย ทำให้ 80% ของpac link ในอเมริกาใช้การไม่ได้ สำหรับการที่โลกโดนเผาเหมือนในหนังนั้น เป็นได้จากสองอย่างก็คือ เกิด soloar flareที่แรงมากซะจนสนามแม่เหล็กโลกโดนหักล้าง ทำให้โลกโดนอนุภาคพลังงานสูงเหล่านั้นเข้าโจมตีแบบเต็มๆ หรือ อีกกรณีนึงก็คือ การที่สนามแม่เหล็กโลกอ่อนตัวลงไป (ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม) ทำให้เกราะป้องกันของโลกหายไปโดยปริยาย  ซึ่งยังไม่เคยมีหลักฐาน หรือการคาดการณ์ในอนาคตว่าเรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้จริง แต่อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ในหลายๆเรื่องของดาวยักษ์สีเหลืองของเรา แม้เราจะเห็นมันมาตั้งแต่ยุดแรกเริ่มของประวัติศาสตร์มนุษย์ชาติก็ตาม!! อะไรก็เกิดขึ้นได้เนาะ :P จากคุณ : elvish346 - [ 23 เม.ย. 52 20:24:59 ]

ความคิดเห็นที่ 8 วันนี้จบเท่านี้แหละครับ ผมพยายามทำให้มันดูง่ายเหมาะกับคนทั่วไป บวกทั้งมันออกแนววิทยาศาสตร์มากไปหน่อยนึง ซึ่งผมไม่ถนัด ข้อมูลอาจคาดเคลื่อนได้ ท่านใดมีข้อติติงอย่างไร เชิญครับ มีเว็บไซต์แนะนำสำหรับคนที่อยากหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยครับ เป็นภาษาไทย น่าดีใจจริงๆ ที่เรามีสถานีวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย http://www.thaispaceweather.com/ จากคุณ : elvish346 - [ 23 เม.ย. 52 20:28:59 ]

ความคิดเห็นที่ 9 รูปความคิดเห็นที่ 1 ดูเหมือนโลกมีพลังจิตเลย จากคุณ : โดยมนุษย์เพื่อมนุษย์ - [ 23 เม.ย. 52 20:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10 โหวตตตต จากคุณ : GT4Max - [ 23 เม.ย. 52 20:42:55 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โหวตให้อย่างเต็มใจครับ การหาข้อมูลมาโพส  ไม่ยาก แต่อย่างที่เจ้าของกระทู้ทำ คือการนำเสนอ  ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ทำยาขมให้เป็นขนมหวาน  นับถือฝีมือครับ จากคุณ : specimen - [ 23 เม.ย. 52 20:43:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12 #5 ประจุอยากมาก ! จากคุณ : Mr.Whisper (wsteven) - [ 23 เม.ย. 52 20:48:10 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เอ มันคือ แบบเดียวกับตอนจบหนังเรื่อง knowing เปล่าหว่า พอดีเพิ่งดูมาค่ะ เฮ้อ น่ากลัว ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ จากคุณ : Pretty_Cute_Girl - [ 23 เม.ย. 52 21:20:26 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ใช่ครับ เป็นตอนจบหนังเรื่อง knowing เพราะคุณ เด็กหลังวังเสนอไอเดียมาครับ เลยเกิดกระทู้นี้ขึ้น ปกติผมจะทำแนวเทคโนโลยีมากกว่า คห.9 เล่นเกมเยอะไปป่ะครับ หรือว่ามาจากวงเหล้า กระทูุ้ยุคน้ำแข็งเนี้ย :D จากคุณ : elvish346 - [ 23 เม.ย. 52 21:48:50 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คห#2 มีไฟไหม้ป่าด้วยอะ จากคุณ : OhoToN14 - [ 23 เม.ย. 52 21:55:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เออ ผมว่ามันเป็นแสงจากดวงอาทิตย์นะ - -a จากคุณ : elvish346 - [ 23 เม.ย. 52 22:02:10 ]

ความคิดเห็นที่ 17 วันก่อนมาพระอาทิตย์ดับ วันนี้มาแบบพระอาทิตย์ระเบิด คราวหน้าของเรื่องดาวอังคารได้ไหมครับ พี่น้องครับ จากคุณ : LivingMachine - [ 23 เม.ย. 52 22:23:57 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ก่อนอื่นขอขอบคุณ คุณ elvish มากๆเลยครับ อุตส่าห์หาความรู้และแจ้งข่าวด้วย เรื่องนี้น่าสนใจมากๆครับ ภาพที่ทำมาก็ทำให้ผมเห็นชัดขึ้นอีก กราบล่ะทุกท่าน อย่ากลายพันธุ์เหมือนกระทู้โหวตตอนนี้เรื่อง ยุคน้ำแข็งเลยครับ  ป่านนี้กระทู้นั้นคงเมากันเละ เพราะเอาน้ำแข็งไปใส่โซดา เติมเหล้ากันแล้ว ฮ่าๆๆๆ coronal mass ejection กับ Solar flares กับเหตุการณ์ที่NASAพูดไว้ว่าในปี 2010 นั่นคือเหตุการณืที่จะเกิดขึ้นจริงมั้ยครับ หากเกิดขึ้นจริงทำไมดูว่าเราทุกคนบนโลกนี้ต่างนิ่งเฉยกันอยู่เลยครับ แล้วการที่สนามแม่เหล็กของโลกจะเสื่อมลงมันมีโอกาสเกิดขึ้นได้มั้ยครับ ภาพใน คห ๖ เห็นขนาดของโลกแล้วปลงเลยครับ solar flare มาทีนี่บ๊ายบายโลกากันไปเลย จากคุณ : เด็กท้ายวัง - [ 23 เม.ย. 52 22:48:32 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ชอบจังเลยคะ  กระทู้แบบนี้ มีสาระ  เข้าใจง่าย ขอบคุณนะคะ จากคุณ : ฟินจัง - [ 23 เม.ย. 52 22:49:38 ]

ความคิดเห็นที่ 20 รูป 6 น่ากลัววว จากคุณ : aorp - [ 23 เม.ย. 52 22:51:12 ]

ความคิดเห็นที่ 21 หนัง Knowing ก็เอาบางส่นของไบเบิลมาทำครับ เช่น พระธรรมวิวรณ์ 8 ทูตสวรรค์องค์ที่สี่เทขันของตนลงบนดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ก็ได้รับอำนาจที่จะแผดแสงเผามนุษย์ 9พวกเขาถูกความร้อนแรงกล้าแผดเผา.......... แต่ส่วนใหญ่เห็นในหนังเน้นไปที่พระธรรมเอเสเคียวซะมากกว่า จากคุณ : Declan - [ 23 เม.ย. 52 22:52:58 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 23 เม.ย. 52 22:58:34 ]

ความคิดเห็นที่ 23  ตามเข้ามาดู จากคุณ : sb*star - [ 23 เม.ย. 52 23:12:20 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตามเข้ามาดู คนเข้ามาดู และคนตามเข้ามาดู -_-" ไร้าสาระเนอะฮ่าๆๆ อยากเห็น North light ของจริงจังเลยครับ จากคุณ : pittboy2603 - [ 23 เม.ย. 52 23:45:01 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แบบเดียวกันกับในเรื่อง Fantastic 4 หรือเปล่าครับเนี่ย จากคุณ : normalfx - [ 23 เม.ย. 52 23:47:32 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นท่านทำแล้วผมก็มันมือ ขอเอาข้อมูลมาลงต่อให้อีกนิดนะครับ ขี้เกียจตั้งใหม่ จะขอเจาะลึกลงไปเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ชื่อว่า การปะทุบนดวงอาทิตย์ (Solar Flare) แล้วกันครับ การปะทุบนดวงอาทิตย์คือการระเบิดอย่างรุนแรงที่ชั้นโครโมสเฟียร์ ในบริเวณที่สนามแม่เหล็กมีความเข้มสูงมาก เช่น บริเวณกึ่งกลางของจุดดำแบบคู่ หรือท่ามกลางของจุดดำที่มีสนามแม่เหล็กปั่นป่วนซับซ้อน เกิดขึ้นเนื่องจากการตัดขาดของเส้นสนามแม่เหล็ก ทำให้อนุภาคใต้เส้นสนามแม่เหล็กนั้นดันตัวออกมาอย่างรุนแรงจนกลายเป็นการระเบิดปรากฏเป็นแสงสว่างจ้า มีอุณหภูมิสูงหลายล้านเคลวิน และปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในย่านรังสีเอ็กซ์ อัลตราไวโอเลต คลื่นวิทยุ และอนุภาคพลังงานสูงที่มีประจุไฟฟ้าอย่างรุนแรง และรวดเร็ว อนุภาคเหล่านี้จะเป็นตัวเสริมให้ ลมสุริยะ (Solar wind) มีความเร็วและรุนแรงยิ่งขึ้น จนอาจกลายเป็น พายุสุริยะ (Solar Storm) ได้ จากคุณ : หมั่นไส้ - [ 24 เม.ย. 52 00:40:31 ]

ความคิดเห็นที่ 27 กรี๊ด หนร้ากลัวจัง *-* จากคุณ : อิอิคุง - [ 24 เม.ย. 52 00:46:03 ]

ความคิดเห็นที่ 28 การปะทุบนดวงอาทิตย์แบบออกได้เป็น 2 ประเภท  ดังนี้      1. การปะทุแบบทันทีทันใด (Impulsive Solar Flare)       มีการปลดปล่อยอนุภาคอิเล็กตรอนออกมาในปริมาณสูง การปลดปล่อยอนุภาคใช้เวลาสั้น คือ น้อยกว่า 1 ชั่วโมง ไม่มีการปลดปล่อยก้อนมวลสารจากดวงอาทิตย์ (Corona Mass Ejection, CME) ภายหลังการปะทุ เป็นผลให้สมสุริยะมีความเร็วในระดับปกติ คือ 400 กิโลเมตรต่อวินาที ไม่มีการเกิดปรากฏการณ์คลื่นกระแทก (Shock Wave) โดยใน 1 ปีจะเกิดการปะทุแบบทันทีทันใด ประมาณ 1,000 ครั้ง      2. การปะทุแบบค่อยเป็นค่อยไป (Gradual Solar Flare) มีการปลดปล่อยอนุภาคโปรตอนออกมาในปริมาณสูง การปลดปล่อยอนุภาคใช้เวลานาน คือ มากกว่า 1 ชั่วโมง อาจมีการปลดปล่อยก้อนมวลสารจากดวงอาทิตย์ (Corona Mass Ejection, CME) ภายหลังการปะทุ เป็นผลให้สมสุริยะมีความเร็วในเพิ่มมากขึ้นและเกิดปรากฏการณ์คลื่นกระแทก (Shock Wave) โดยใน 1 ปีจะเกิดการปะทุแบบทันทีทันใด ประมาณ 100 ครั้ง      การดูว่าเป็นการปะทุแบบใด แบบคร่าวๆ คือ ดูโดยอ้อมจากปริมาณรังสี X ที่วัดได้จากดวงอาทิตย์ครับ ในภาพเป็นตัวอย่างที่ได้จากการวัดการปะทุแบบค่อยเป็นค่อยไป สังเกตพีคสูงสุดจะมีฐานกว้าง จากคุณ : หมั่นไส้ - [ 24 เม.ย. 52 00:48:07 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ส่วนภาพนี้เป็นการปะทุแบบทันทีทันใด สังเกตพีคจะมีฐานแคบ แต่ก็เป็นการบอกได้แบบคร่าวๆเท่านั้น ถ้าจะเอาจริงๆ ต้องมีรายละเอียดอื่นอีกหลายอย่าง จากคุณ : หมั่นไส้ - [ 24 เม.ย. 52 00:50:14 ]

ความคิดเห็นที่ 30 แล้ว Solar storm มันมีผลกับโลกมั้ยครับหรือว่าจะเป็นเฉพาะตัวของดวงอาทิตย์เอง  ว่าไปแล้วก็ถามเลย จุดดำของดวงอาทิตย์มันคือจุดดับหรือเกิดอะไรขึ้นครับ เพราะถ้าเทียบขนาดดวงอาทิตย์กับโลก  จุดดำนั้นๆคงใหญ่หลายไมล์เลยทีเดียว มันเกิดอะไรขึ้นครับ จากคุณ : เด็กท้ายวัง - [ 24 เม.ย. 52 00:54:28 ]

ความคิดเห็นที่ 31 นอกจากนี้ยังสามารถจำแนกการปะทุบนดวงอาทิตย์โดยใช้รังสีเอ็กซ์ที่มีความยาวคลื่นอยู่ระหว่าง 1 – 8 อังสตรอมเป็นเกณฑ์ ได้อีกเป็น 5 ระดับ คือ     X Class Flare มีระดับความรุนแรงสูงมาก ส่วนใหญ่ก่อให้เกิดคลื่นวิทยุตลอดทั่วดาวเคราะห์และมีระยะเวลาการปลดปล่อยที่ยาวนาน โดยมีความรุนแรงตั้งแต่ 10-4 W/m2 ขึ้นไป     M Class Flare เป็นระดับความรุนแรงปานกลาง โดยทั่วไปจะปลดปล่อยคลื่นวิทยุขนาดสั้นด้วย โดยมีความรุนแรงอยู่ในช่วง 10-5 – 10-4 W/m2     C Class Flare เป็นระดับความรุนแรงน้อย ไม่ค่อยส่งผลกระทบถึงโลกมากนัก โดยมีความรุนแรงอยู่ในช่วง 10-6 – 10-5 W/m2     B Class Flare เป็นระดับความรุนแรงน้อยมาก ไม่ค่อยส่งผลกระทบถึงโลก โดยมีความรุนแรงอยู่ในช่วง 10-7 – 10-6 W/m2     A Class Flare เป็นระดับความรุนแรงปกติ ไม่ส่งผลกระทบถึงโลก โดยมีความรุนแรงอยู่ในช่วง 10-8 – 10-7 W/m2 อาจนับรวมระดับความรุนแรง A B และ C เข้าด้วยกันเป็น C Class Flare เนื่องจากเป็นความรุนแรงที่ต่ำไม่ส่งผลกระทบต่อโลกมากนัก สังเกตทางด้านขวาของกราฟ เป็นแกนบอกระดับความรุนแรง ด้านซ้ายเป็นกำลังของการระเบิด จากคุณ : หมั่นไส้ - [ 24 เม.ย. 52 00:54:41 ]

ความคิดเห็นที่ 32 กลไลในการเกิดการปะทุ ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใดบ้าง นักวิทยาศาสตร์หลายคนจึงสนใจที่จะศึกษาเกี่ยวกับปรากฏการณ์เหล่านี้ซึ่งส่งผลกระทบต่อโลกออกไป ในลักษณะต่างๆ ได้แก่ การรบกวนระบบการสื่อสารผ่านดาวเทียม ทำให้เกิดแสงเหนือ แสงใต้ และอาจเป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ต่างๆที่อยู่บนดาวเทียมและสถานีอวกาศ ซึ่งจะทำให้เราสามารถเข้าใจปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนดวงอาทิตย์มากยิ่งขึ้น สามารถนำไปสู่การทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น และสามารถป้องกันภัยที่อาจจะเกิดจากปรากฏการณ์เหล่านี้ได้ หน่วยวิจัยในประเทศไทยก็มีครับ ใหญ่ที่สุดก็น่าจะเป็นที่ ม.มหิดล หรือ ม. เชียงใหม่ก็ไม่แน่ใจ รูปด้านล่าง เป็นการเปรียบเทียบการปะทุทั้งสองแบบ จากคุณ : หมั่นไส้ - [ 24 เม.ย. 52 01:08:03 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สุดท้าย การคำนวณเกี่ยวกับการปะทุ ปัจจุบัน (เมื่อ2-3 ปีที่แล้ว ตอนผมปี 4) เราสามารถวิเคราะห์รูปแบบการปะทุย้อนกลับ นำมาสร้างเป็นสมการได้ชุดหนึ่ง เรียกว่า สมการขนส่งอนุภาค ซึ่ง มันยังไม่สมบูรณ์ครับ เมื่อนำสมการนี้มาจำลองการเกิดการปะทุในคอมพิวเตอร์ เทียบกับ การปะทุจริงๆ ยังมีส่วนผิดพลาดอีกมาก รอการวิจัยต่อไป ใครสนใจอยากดูที่มาของสมการ กดอมยิ้มติดต่อมาได้ครับ เดี๋ยวจะส่งไฟล์ให้ ภาพข้างล่าง เมื่อ F คือฟังก์ชั่นการแพร่กระจายของอนุภาค จากคุณ : หมั่นไส้ - [ 24 เม.ย. 52 01:14:57 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มีระดับที่เหนือกว่า X ไหมอะ หรือว่าเหนือกว่า X โลกอยู่ไม่ได้แล้ว จากคุณ : Duk_Dik_Kung - [ 24 เม.ย. 52 01:15:54 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เข้ามาให้กิฟ+โหวตให้ครับ   ถึงรู้อยู่แล้ว แต่ชมว่าเขียนอ่านง่ายดีมากเลยครับ น้องผมซึ่งเรียนสาวศิลป์ยัง อ่านเข้าใจสบายๆ จากคุณ : Kross_ISC - [ 24 เม.ย. 52 01:27:52 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เขียนได้อ่านเข้าใจง่ายดีครับ จากคุณ : granun - [ 24 เม.ย. 52 01:49:37 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มีข้อมูลเพิ่มเติมว่า หากอนุภาค กระทบกับชั้นบรรยากาศ ก็จะทำให้เกิด สนามแม่เหล็กได้เช่นกัน นั่นคือ หากสนามแม่เหล็กโลกต้านไม่อยู่ สนามแม่เหล็กที่เกิดจากชั้นบรรยากาศ จะกลายเป็นเกราะคุ้มกันที่ 2 ซึ่งทำให้ นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ ไม่ค่อยกังวลนัก แต่ที่น่ากังวลคือ อุกกาบาตร ที่เรายังหาวิธีรับมือไม่ได้มากกว่า เพราะงั้นอย่าตื่นตูมเรื่อง ปี 2010 หรือ 2012 จะดีกว่า เพราะถ้าหากมันเกิดขึ้นจริง เราก็ยังไม่มีวิธีที่จะรับมือ และไม่มีสัญญาณ เตือนล่วงหน้า เพราะ มันเดินทางด้วยความเร็วแสง เราทุกคนจะหายไปพร้อมกัน จากคุณ : ZGMF-X10A - [ 24 เม.ย. 52 02:33:11 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ดวงอาทิตย์จะปะทุขึ้นมาเมื่อไหร่  ไม่มีใครคาดเดาล่วงหน้าได้ มันก็คงเหมือนกับภูเขาไฟที่บอกไม่ได้ว่าจะระเบิดขึ้นมาวันไหน เคยอ่านเจอว่าดวงอาทิตย์มีอายุขัยของมัน ทุกครั้งที่มันมีจุดดับเพิ่มขึ้น  มันจะกลับยิ่งร้อนขึ้น ตามที่ #21บอก วันสิ้นโลกในหนังเรื่อง Knowing  เอาบางส่วนมาจากคัมภีร์ไบเบิล โดยในไบเบิลระบุว่า  พระเจ้าจะกลับมาล้างโลกครั้งที่สองด้วยไฟ (ครั้งแรกเป็นน้ำท่วมโลก)   สมัยก่อนฝรั่งเค้าตีความกันว่า  'ไฟ' ในที่นี้หมายถึง จะเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม  ที่ชาวโลกต่อสู้กันด้วยระเบิดนิวเคลียร์ จึงมีความพยายามป้องกัน  โดยจำกัดไม่ให้ประเทศต่าง ๆ มีนิวเคลียร์ใน ครอบครองเพื่อคานอำนาจกัน   เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด แต่ช่วงหลังเค้าเริ่มตีความกันแล้วว่า มันคือ  การปะทุของดวงอาทิตย์ ซึ่งมนุษย์ไม่มีทางป้องกันได้เลย พระธรรมลูกา  บท 21 ข้อ 34-35 'แล้วเวลานั้นจะมาถึงท่านดุจบ่วงแร้วอย่างกะทันหัน...... เพราะว่าวันนั้นจะมาถึงคนทั้งปวงที่อยู่ทั่วพื้นแผ่นดินโลก' แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 52 04:29:20 จากคุณ : อยากให้ทุกคนรักกันให้มาก ๆ (คนตรงกลาง) - [ 24 เม.ย. 52 04:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านง่ายดีครับ ขอบคุณมาก จากคุณ : หลายแสนไมล์ - [ 24 เม.ย. 52 08:04:27 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ชอบจังเลยค่ะ  เราเองก็สนใจเรื่องนี้เหมือนกัน จากคุณ : นู๋ขี้สงสัย - [ 24 เม.ย. 52 08:10:30 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ดูSolar flareแล้วนึกถึงฉาก ในเกมสการดิอุส เลย แหะ มีไฟ พุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์อ่ะ จากคุณ : vn, man - [ 24 เม.ย. 52 08:47:57 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณนะค่ะ... อ่านแล้วได้ความรู้มากๆๆเลยค่ะ.. ให้ GIVE สุดท้ายหมดตัว.. จากคุณ : nuanapa - [ 24 เม.ย. 52 08:57:24 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ สุดยอดมากเลย จากคุณ : khonkuy - [ 24 เม.ย. 52 09:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ^ ^ ^ เกมส์ เก่า มากๆๆ บอกอายุคนเล่น เอิ้กๆ  แล้วทำไมตรูรู้ด้วยนี่ 55+ จากคุณ : tesoek b.b - [ 24 เม.ย. 52 09:02:08 ]

ความคิดเห็นที่ 45 #37 "เราทุกคนจะหายไปพร้อมกัน" รู้สึกอุ่นใจค่ะ ที่ไม่ต้องตายคนเดียว - -" จากคุณ : griselda - [ 24 เม.ย. 52 09:21:31 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขออนุญาตเอาภาพอัตราส่วน (ระยะทางที่แท้จริง,อย่างคร่าว ๆ??? ) ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์มาให้ชมนะครับ ตามนี้ครับ   http://www.spudart.org/earthsun/ d~_~b จากคุณ : Sakuder - [ 24 เม.ย. 52 09:22:57 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ^ ^ เวรกรรม ถ้าดวงอาทิตย์เป็นใบหน้าคน โลกก็เหมือนขี้แมงวันอันเล็กๆ จากคุณ : Culture - [ 24 เม.ย. 52 09:52:52 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เก่งอีกแล้ว ลูกใครเนี่ยะ แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 52 10:03:38 จากคุณ : ป้าลินดา - [ 24 เม.ย. 52 09:56:10 ]

ความคิดเห็นที่ 49 อ่าน คห.38 แล้วก็ประหลาดชาวโลกดี จริงหรือครับ ที่หลาย ๆ ประเทศส่วนใหญ่เต้นตามกระแสเรื่องนิวเคลียร์ขนาดนั้นด้วยเหตุผลจากการตีความพระคัมภีร์ (ส่วนตัวผมเชื่อว่าทุกคนเข้าใจความรุนแรงจาก WW2 ดีจึงคิดอย่างนั้นมากกว่า) ไป ๆ มา ๆ คราวนี้ก็เลยมาเข้ากับพายุสุริยะเสียอีก สรุปคือยังไงพวกเขาก็จะเชื่อให้ได้ใช่ไหมครับว่ายังไงก็มีบัญชาล้างโลก ไม่ได้มีอคติอะไรนะครับ แต่ผมแค่สงสัย ว่าจริง ๆ แล้วมนุษย์เราจริงจังกับอะไรกันแน่ ระหว่างความเป็นจริง กับ คำทำนาย ผมเชื่อว่า มีความเป็นไปได้ ที่สิ่งมีชีวิตบนโลกอาจจะถูกทำลายด้วยพายุสุริยะ ตามข้อมูลนี้จริง แต่ผมไม่เชื่อว่า ที่โลกจะุถูกพระอาทิตย์เผา เป็นสิ่งที่คัมภีร์บอกว่าพระเจ้ากำหนดไว้ ครับ จากคุณ : นักกวีจากเงามืด - [ 24 เม.ย. 52 13:43:56 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อ่านๆๆๆ ความรู้ทั้งน้านนนน จากคุณ : phuthi - [ 24 เม.ย. 52 17:20:21 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อุ่นใจไปพร้อมๆกับ #45 - -' จากคุณ : น.ส.ค้างคาว - [ 24 เม.ย. 52 19:48:23 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ถ้าสมมุติว่า ดวงอาทิตย์เกิดปะทุขึ้นมาแต่ตอนนั้นบ้านเราเป็นเวลาเที่ยงคืน เราจะโดนเผาไปด้วยไหมคะ จากคุณ : Rinsei - [ 24 เม.ย. 52 20:30:02 ]

ความคิดเห็นที่ 53 สงสัยนิดนึงครับ... ถ้าเกิดดวงอาทิตย์ประทุรุนแรงขึ้นจริง... โลกในด้านที่อยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ในเวลานั้น... จะได้รับผลด้วยมั้ยครับ... จากคุณ : Little Pig in Big World - [ 24 เม.ย. 52 22:23:34 ]

ความคิดเห็นที่ 54 #52 ผมว่ามันน่าจะไปทั้งโลกเลยนะครับ หุหุ จากคุณ : ทาสเทคโนโลยี - [ 25 เม.ย. 52 04:20:53 ]

ความคิดเห็นที่ 55 #52 #53 ไม่ครับ แต่ก็จะตายพร้อมๆกับที่จะได้เห็นดวงอาทิตย์แหละครับ กล่าวคือ 24ชั่วโมงครับ ทางรอดก็พอมี แ ต่เอามาจากนิยายวิทยาศาสตร์นะ 1. ไปหลบตามบังเกอร์ที่ออกแบบมาเพื่อหลบระเบิดนิวเคลียร์ 2.  ไปหลบอยู่ใต้ทะเล 3. อันนี้เหนือชั้นนิดนึง ไปหลบตรงที่จุด L2 ซึ่งเป็นจุดที่ดาวเทียมหรือยานอวกาศใดๆ จะอยู่ใน เงามืดของโลกตลอดเวลา จากคุณ : elvish346 - [ 25 เม.ย. 52 10:02:32 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ข้อมูลไม่รอบด้าน โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ 360 องศา ขณะที่จุดเกิดโซล่าแฟร์ไม่ได้เกิด 360 องศารอบดวงอาทิตย์ ถ้าเกิดด้านที่ตรงข้ามกับโลก จะมีผลอย่างไรกับโลก หรือมันจะวิ่งอ้อมดวงอาทิตย์เข้าหาโลก โอกาสมีเท่ากับดางหางพุ่งชนโลกไหม จากคุณ : ดาวหาง - [ 25 เม.ย. 52 11:19:38 A:58.9.92.95 X: ]

ความคิดเห็นที่ 57 คห.52 ไม่โดนเผา แต่เราจะร้อนตายไปด้วยแบบไม่รู้ตัว พอ ๆ กับฝั่งที่โดนเผาน่ะแหละครับ เพราะว่าโลกโดนเผาด้วยอุณหภูมิสูงขนาดนั้นแบบเฉียบพลัน ผมว่าพลังของดวงอาทิตย์มันน่าจะแรงพอที่ทำให้โลกร้อนได้ทั้งใบครับ เมื่ออีกฟากโดนเผาเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว ฟากเราก็อาจจะกลายเป็นไก่อบชานอ้อย แต่เดี๋ยวพอโลกหมุนไปเป็นกลางวัน ก็โดนณาปนกิจตามไปทีหลังเองครับ จากคุณ : นักกวีจากเงามืด - [ 25 เม.ย. 52 11:19:41 ]

ความคิดเห็นที่ 58 อย่าลืมนะครับ ว่าโลกเราเป็นตาม คคห ที่ ๖ เทียบเท่ากับคนยืนอยู่ โลกเราก็เหมือนมด  ฉะนั้นถ้าsolar flares มันพ่นมาจริงๆ แล้วสนามแม่เหล็กของโลกเราอ่อนกำลังลง มันก็คงไม่เหลืออยู่ดีครับ อย่าไปหาบังเกอร์อะไรเลย ผมว่าดีออก ตายพร้อมกันทั้งโลก แต่เสียดายนะ โลกนี้ก็สร้างกันมาตั้งนาน พัฒนากันจนถึงจุดที่สุดๆแห่งเทคโนโลยี สุดท้ายพระอาทิตย์มาล้างไพ่ทีเดียว Game over กันหมด จากคุณ : เด็กท้ายวัง - [ 25 เม.ย. 52 21:39:19 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ถ้าเกิดเราหายไปพร้อมกันทั้งโลก ก็ดีนะคะ มันคงจะแวบไปเลย เพราะเราไม่ชอบแบบ Knowing น่ะ มันหายทั้งโลกก็จริง แต่มันมาแบบเห็นจะๆ เอาแบบ ตูมเดียว ไปเลยทั้งโลกได้มั้ย เราว่ากลางวันกลางคืนนี่ไม่น่าจะมีผลอะไรมากเลยนะคะ เพราะกลางวันกลางคืนอุณหภูมิมันไม่ได้ต่างกันขนาดนั้น ถ้าอีกฝั่งนึงร้อนขนาดตายกันหมดแล้ว เราก็คงตายไปพร้อมๆกันนั่นแหละ แต่อาจตายแบบสว่างน้อยกว่าจิ้ดเดียว จากคุณ : marina_rain - [ 25 เม.ย. 52 23:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 60 #49 คุณมีสิทธิเลือกที่จะไม่เชื่อ   และในขณะเดียวกันคนอื่นก็มีสิทธิเลือกที่จะเชื่อ มันไม่แปลกที่คนซึ่งมีความคิดแบบนักวิทยาศาสตร์ มักจะไม่เชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น  ไม่มีตัวตน  พิสูจน์ไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกัน  สิ่งที่เราไม่เชื่อ  เราก็ยังไม่สามารถหาหลักฐาน มายืนยันความไม่จริงของมันได้เหมือนกัน จากคุณ : คนตรงกลาง - [ 26 เม.ย. 52 02:30:32 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ดูรูปแรกแล้วนึกถึง หงอคง กับ เบจิต้า ปล่อยพลังคลื่นเต่าใส่กันเลย จากคุณ : นกฮูกผจญภัย - [ 26 เม.ย. 52 11:28:09 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ไม่ขนาดนั้นมั้ง จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 26 เม.ย. 52 15:19:03 ]

ความคิดเห็นที่ 63 มีสาระดีครับ จากคุณ : Bierhoff - [ 26 เม.ย. 52 17:22:46 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เยี่ยม จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- - [ 26 เม.ย. 52 18:07:11 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คิดว่า มันเป็นหนังการเมืองกันมั๊ย ? ฝั่งนึงในขณะที่ฉลอง 200 ปี ดาร์วินอยู่ อีกฝั่งทำหนังเรื่องพระเจ้าล้างโลก ตอนแรกพระเอกเรื่อง Knowing บอกว่าไม่เชื่อในพระเจ้าด้วย อีกเรื่อง When the Earth stood still นี่ก็หนังพระเจ้าล้างโลกอีก มีเรือ โนอาร์มารับสิ่งมีชีวิตสร้างโลกใหม่ทั้งสองเรื่อง จากคุณ : เอ็ม - [ 26 เม.ย. 52 20:37:24 A:58.186.166.49 X: TicketID:213367 ]

ความคิดเห็นที่ 66 จาก Website ที่จขกท. แนะนำ เข้าไปอ่านแล้ว น่าทึ่งมาก... ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ดวงหนึ่งในบรรดาดาวฤกษ์หลายพันล้านดวงของกาแลกซีทางช้างเผือก (Milky Way) และกาแลกซีทางช้างเผือกเป็นหนึ่งในแสนล้านกาแลกซี (galaxies) ของเอกภพ (universe) โลกอยู่ห่างดวงอาทิตย์อย่างพอเหมาะ ถ้าโลกอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่านี้ โลกก็จะมีความร้อนมากขึ้น สิ่งมีชีวิตก็จะตายหมด และถ้าโลกอยู่ไกลดวงอาทิตย์มากกว่านี้ โลกก็จะหนาวเกินกว่าที่สิ่งมีชีวิตจะทนอยู่ได้ จากคุณ : Amazing - [ 27 เม.ย. 52 02:21:19 A:125.24.109.180 X: TicketID:211067 ]

ความคิดเห็นที่ 67 อ่านเข้าใจง่ายดีค่ะ ชอบมากๆ จากคุณ : nuch_tiew - [ 27 เม.ย. 52 05:11:53 ]